ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 299 อนาคตอันมืดมน เทียบเคียงจักรพรรดิสวรรค์

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 299 อนาคตอันมืดมน เทียบเคียงจักรพรรดิสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 299 อนาคตอันมืดมน เทียบเคียงจักรพรรดิสวรรค์

อายุขัยหนึ่งพันล้านปี?

นี่มันกับดักยักษ์!

จิตใต้สำนึกของหานเจวี๋ยอยากจะปฏิเสธ แต่เขายังคงลังเลใจ

แม้ว่าเขาจะมีอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี ผลาญไปแค่หนึ่งพันล้านปีไม่นับว่าเสียหายอะไรนัก แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี

เขากลัวว่าตนเองจะเสพติด

คำสาปแช่งเริ่มผลาญอายุขัยแล้ว ยิ่งเพิ่มความสามารถวิวัฒนาการเข้าไปอีก ต่อไปจะไม่สูบอายุขัยจนตนเองถึงแก่ความตายเลยหรือ

แต่การเสียอายุขัยเพียงหนึ่งในแสนเพื่อได้เข้าใจแนวโน้มของมรรคาสวรรค์ ก็ไม่เลวเหมือนกัน!

หากเป็นจักรพรรดิสวรรค์ เขาก็สามารถที่จะสบายใจได้

หากว่าเป็นศัตรู เขายังจะได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ

‘แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ครั้งต่อไปหากต้องผลาญอายุขัยถึงหนึ่งพันล้านปีอีก จะเลิกใช้เด็ดขาด!’

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบงัน จากนั้นจึงเลือกดำเนินการด้วยสีหน้ากล้ำกลืน

ทันใดนั้นเอง จิตรับรู้ของเขาก็เริ่มเกิดความปั่นป่วน ทรมานเป็นอย่างมาก

ความสามารถวิวัฒนาการไม่เพียงแต่บอกผลลัพธ์ง่ายๆ เพียงเท่านั้น แต่ยังแสดงภาพเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้เห็นอีกด้วย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดหานเจวี๋ยก็พลันได้สติขึ้นมา

เขาพบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง โลกาสวรรค์มืดครึ้ม ดวงอาทิตย์และจันทราไร้แสงสาดส่อง รอบด้านมีเพียงซากศพกลาดเกลื่อนนับไม่ถ้วน เลือดสีดำหลั่งไหลมารวมกันเป็นทะเลสาบโลหิต เจิ่งนองไปทั่วแผ่นดิน

เงียบสงัด!

ว่างเปล่า!

หานเจวี๋ยหันไปมองรอบๆ กาย ดวงตาเห็นเพียงภาพแห่งความสิ้นหวัง

นี่ก็คือโลกาสวรรค์ภายหลังจากมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตอย่างนั้นหรือ

ยามนี้หานเจวี๋ยถึงได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

หือ?

หานเจวี๋ยพลันขมวดคิ้ว สุดปลายสายตาที่ทอดมองออกไป เห็นเงาร่างสูงใหญ่กำลังยืนตระหง่านดุจดั่งขุนเขาอยู่บนผืนดินกว้างใหญ่ไพศาล แขนของร่างนี้ถูกตัดขาดทั้งสองข้าง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดวงหน้าฉายแววสยดสยอง ดวงตาของเขาไร้แวว หลงเหลือเพียงเปลือกนอก จิตวิญญาณถูกทำลายจนสิ้นซาก

จักรพรรดิสวรรค์!

หานเจวี๋ยราวกับถูกสายฟ้าฟาด จักรพรรดิสวรรค์แพ้พ่ายอย่างนั้นหรือ

แย่แล้ว หากจักรพรรดิสวรรค์เป็นผู้ปราชัย!

เช่นนั้นใครกันเป็นผู้ชนะ

ในตอนนี้เอง ลำแสงสีทองก็ส่องทะลุลงมาผ่านม่านเมฆ สาดกระทบสู่ผืนดินใหญ่ ปัดเป่าความมืดมิดในโลกาสวรรค์จนมลายสาบสูญ

“อมิตาภพุทธ!”

สุรเสียงอันกึกก้องดังขึ้น พระพุทธรูปทองคำขนาดมหึมาเทียบเท่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งลอยลงมาจากฟากฟ้า

“ข้าคือบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ นำสำนักพุทธมาชำระล้างมหาเคราะห์ ปัดเป่าแรงกรรมในโลกาสวรรค์ นำแสงสว่างและความหวังมาสู่สรรพสัตว์ทั้งปวง”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

สำนักพุทธชนะหรือ?

อีกทั้งยังเป็นบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์อีกด้วย!

หานเจวี๋ยลืมไม่ลงว่าบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์นั้นมีความเกลียดชังในตัวเขาระดับสี่ดาว

แย่แล้ว!

ศัตรูกลับเป็นฝ่ายชนะจริงๆ ด้วย!

หานเจวี๋ยสังหารพุทธะพิชิตชัย และชิงตัวพุทธะอาภรณ์ขาวไป ความเกลียดชังนี้เห็นทีคงไม่อาจหาหนทางแก้ไขได้ นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังทอดถอนใจนั้น เขาพลันสังเกตเห็นแสงสีทองของร่างบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นพระพุทธรูปสีดำองค์หนึ่ง พร้อมกับแสงแวววาวของโลหะที่สะท้อนบนผิวกายของเขา

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ที่สง่างามและศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ กลายเป็นสิ่งชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัว ใบหน้าไร้ความรู้สึกของเขาฉายแววเหี้ยมโหด เผยรอยยิ้มอันน่าสยดสยองออกมา

ปีกสีดำทะมึนกลางแผ่นหลังของเขาสยายกว้างบดบังท้องนภาและดวงตะวัน

โลกาสวรรค์ตกอยู่ในความมืดมิดอีกครา!

“อนิจจา แสงสว่างและความหวังช่างแสนสั้น ความมืดมิดที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้นแล้ว!”

น้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความบ้าคลั่งของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ดังขึ้นอีกครั้ง

ตู้ม!

ภาพเบื้องหน้าของหานเจวี๋ยแหลกสลายราวกับกระจกที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาตื่นขึ้น จิตรับรู้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

เขาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผาก

“นายท่าน เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล

หานเจวี๋ยเรียกคืนสติกลับมา ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าออกไปก่อนเถิด”

อู้เต้าเจี้ยนนิ่งตะลึง นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจากไป

กระทั่งในถ้ำเทวาฟ้าประทานเหลือเพียงหานเจวี๋ยคนเดียว เขาจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา ใส่พลังเวทเข้าไปในหนังสือ ทันใดนั้นเอง หน้าปกหนังสือก็ส่องแสงสีดำทะมึนสาดกระทบใบหน้าของเขา

‘มารดามันเถอะ! สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นศัตรูที่หัวเราะทีหลังตามคาด!’

ความคิดของหานเจวี๋ยแทบจะปะทุออกมา

ไม่มีทาง!

เขาต้องเปลี่ยนแปลงกลไกสวรรค์!

‘บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ เพื่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ดวงชะตาของเจ้าข้าจะเปลี่ยนแปลงมันเอง!’

หานเจวี๋ยกัดฟันกรอดขณะครุ่นคิด เมื่อนึกถึงภาพที่เพิ่งเห็นมาเมื่อครู่นี้ ในใจของเขาก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ

เขาล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์แล้ว ที่แท้เจ้าหมอนี่ก็คือปรมาจารย์มารแปลงกาย!

เผ่ามารส่งไส้ศึกเข้าไปในสำนักพุทธ!

หานเจวี๋ยเริ่มสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ จากนี้เป็นต้นไป เขาจะสาปแช่งศัตรูคนอื่นห้าวัน แต่สำหรับบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ เขาจะสาปแช่งสิบวัน!

เขาไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่เขาทำเพื่อสรรพสัตว์ในปวงสวรรค์ทั้งปวง!

ในวินาทีนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ตกมาสู่ตัวเขา

เขาไม่อาจปล่อยให้บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์สมปรารถนาได้!

……

ปัจฉิมสวรรค์ วัดเสียงอัสนี

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ที่กำลังฝึกบำเพ็ญลืมตาขึ้น คิ้วขมวดแน่น

“เอาอีกแล้ว เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เจ้าคิดจะทำการใดกันแน่”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ครุ่นคิดด้วยความรำคาญใจ การปรากฏตัวของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุข

แผนการเดิมของเขาคือพุ่งเป้าไปยังวังปีศาจ วังเทพ วังสวรรค์ ปล่อยให้พวกเขาฆ่าสังหารกันเอง ทว่าตอนนี้มีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเพิ่มขึ้นมา ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ผู้ทรงพลังมากมายต่างคิดว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่ามาร แต่เขารู้ดีว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่นิดเดียว!

คาดไม่ถึงว่าในปวงสวรรค์ยังมีกลุ่มอิทธิพลอันลึกลับและทะเยอทะยานซ่อนตัวอยู่!

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ทอดถอนใจ รู้สึกว่าความเข้าใจที่ตนเองมีต่อปวงสวรรค์หมื่นโลกายังคงตื้นเขิน

ก็จริง

หลังจากกลุ่มต้าหลัวบรรพกาลเหล่านั้นถอนตัวออกไป การปรากฏกายของแดนต้องห้ามอนธการ และเขตห้วงห้ามฮุ่นตุ้นก็ทำให้มรรคาสวรรค์ทวีความสับสนวุ่นวายมากขึ้นไปอีก

“ไม่ได้ มัวแต่นั่งรอความตายอย่างนี้ไม่ได้”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์พรวดพราดออกไปในทันที

บนเกาะสำนักซ่อนเร้น เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างมารวมตัวกันที่ใต้ต้นฝูซัง รวมถึงเผ่าหงส์คุกรัตติกาล เซียนซีเสวียน และฉางเยวี่ยเอ๋อร์

พวกเขากำลังรอคอยการมาถึงของหานเจวี๋ย

พวกเขาต่างส่งเสียงกระซิบกระซาบด้วยความสงสัยว่าเหตุใดหานเจวี๋ยถึงเรียกพวกเขามารวมตัวกัน

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ออกมาจากถ้ำเทวา

เมื่อเห็นเขาออกมา ทุกคนล้วนอยู่ในอาการสงบเสงี่ยม

หานเจวี๋ยก้าวมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของทุกคนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า “สำนักซ่อนเร้นมีแนวคิดในการฝึกบำเพ็ญอย่างถ่อมตนมาโดยตลอด ทว่าตอนนี้มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตกำลังจะมาถึง การฝึกบำเพ็ญเพียงอย่างเดียวไม่อาจเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้

หานเจวี๋ยจะไล่พวกเขาออกไปฝึกความแข็งแกร่งหรือ

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นตัวสั่นงันงกด้วยความตกใจ นับตั้งแต่ถูกหลี่เสวียนอ๋าวควักดวงตาไปสองข้าง มันก็หวาดกลัวโลกภายนอกจับใจ

ไก่คุกรัตติกาลเองก็หวาดกลัวไม่ต่างกัน เดิมทีมันก็ไม่เคยออกไปข้างนอกเลยสักครั้ง

ลี่เหยาขมวดคิ้ว ฝึกบำเพ็ญต่อไปไม่ได้แล้วหรือ

“ข้าจะสร้างมิติพิเศษขึ้นมา พวกเจ้าสามารถนำจิตรับรู้เข้าไปในนั้น และทำการจำลองการต่อสู้ได้ ในระหว่างการจำลองการต่อสู้ ไม่ว่าจะตายสักกี่ครั้งก็ไม่เกิดผลกระทบใดๆ พวกเจ้าจะต่อสู้กันเองก็ได้ หรือจะเลือกต่อสู้กับศัตรูที่ข้าเคยประมือด้วยก็ย่อมได้”

หานเจวี๋ยกล่าวแนะนำต่อไป แบบจำลองการทดสอบมีเขาเป็นเจ้าของ คนอื่นๆ เพียงสามารถเข้าไปใช้งานร่วมด้วยเท่านั้น ไม่อาจเลือกคู่ต่อสู้ที่เคยประสบพบเจอมาในชีวิตของตนได้

พูดจบ ทุกคนก็เกิดอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

หานเจวี๋ยนำพวกเขาเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบทันที

“ขอเพียงอยู่ในเกาะแห่งนี้ พวกเจ้าก็สามารถเข้าไปได้ตลอดเวลา”

หานเจวี๋ยกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะจากไป

มู่หรงฉี่เอ่ยพึมพำขึ้นว่า “แบบจำลองการทดสอบ? จะเข้าไปอย่างไร”

ทันทีที่เอ่ยจบ ทั้งร่างของเขาก็ตกอยู่ในภวังค์

เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เมื่อพวกเขาต้องการทำแบบจำลองการทดสอบ จิตรับรู้ก็จะเข้าไปในมิติทันที

หลังจากเวลาผ่านไปชั่วก้านธูป คนส่วนใหญ่ต่างก็ทำแบบจำลองการทดสอบกันแล้ว

โจวหมิงเยวี่ยเอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “อาจารย์ปู่ช่างเก่งกาจจริงๆ! พลังวิเศษนี่ยอดเยี่ยมสุดๆ เพิ่มทักษะการต่อสู้ของพวกเราได้อย่างมาก และยังสามารถฝึกใช้พลังวิเศษในระหว่างการต่อสู้ได้ด้วย!”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวด้วยความหดหู่ “เหตุใดจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตถึงแข็งแกร่งเพียงนี้…”

เขาถูกอัดยับเยิน…

“ไม่คิดว่าอาจารย์ปู่จะเคยประมือกับจักรพรรดิสวรรค์มาก่อน อีกทั้งยังสามารถจำลองพลังของจักรพรรดิสวรรค์ออกมาได้ด้วย ตกลงแล้วท่านแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่” มู่หรงฉี่กล่าวด้วยความตะลึงงัน

หลังจากผ่านการทำแบบจำลองการทดสอบ ทุกคนก็ยิ่งหวาดกลัวหานเจวี๋ยมากขึ้นกว่าเดิม

พวกเขาคิดว่าคู่ต่อสู้ในแบบจำลองการทดสอบทั้งหมดนั้น คือคู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ให้กับหานเจวี๋ยทั้งหมด รวมถึงจักรพรรดิสวรรค์ด้วย

………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 299 อนาคตอันมืดมน เทียบเคียงจักรพรรดิสวรรค์

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 299 อนาคตอันมืดมน เทียบเคียงจักรพรรดิสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 299 อนาคตอันมืดมน เทียบเคียงจักรพรรดิสวรรค์

อายุขัยหนึ่งพันล้านปี?

นี่มันกับดักยักษ์!

จิตใต้สำนึกของหานเจวี๋ยอยากจะปฏิเสธ แต่เขายังคงลังเลใจ

แม้ว่าเขาจะมีอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี ผลาญไปแค่หนึ่งพันล้านปีไม่นับว่าเสียหายอะไรนัก แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี

เขากลัวว่าตนเองจะเสพติด

คำสาปแช่งเริ่มผลาญอายุขัยแล้ว ยิ่งเพิ่มความสามารถวิวัฒนาการเข้าไปอีก ต่อไปจะไม่สูบอายุขัยจนตนเองถึงแก่ความตายเลยหรือ

แต่การเสียอายุขัยเพียงหนึ่งในแสนเพื่อได้เข้าใจแนวโน้มของมรรคาสวรรค์ ก็ไม่เลวเหมือนกัน!

หากเป็นจักรพรรดิสวรรค์ เขาก็สามารถที่จะสบายใจได้

หากว่าเป็นศัตรู เขายังจะได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ

‘แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ครั้งต่อไปหากต้องผลาญอายุขัยถึงหนึ่งพันล้านปีอีก จะเลิกใช้เด็ดขาด!’

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบงัน จากนั้นจึงเลือกดำเนินการด้วยสีหน้ากล้ำกลืน

ทันใดนั้นเอง จิตรับรู้ของเขาก็เริ่มเกิดความปั่นป่วน ทรมานเป็นอย่างมาก

ความสามารถวิวัฒนาการไม่เพียงแต่บอกผลลัพธ์ง่ายๆ เพียงเท่านั้น แต่ยังแสดงภาพเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้เห็นอีกด้วย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดหานเจวี๋ยก็พลันได้สติขึ้นมา

เขาพบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง โลกาสวรรค์มืดครึ้ม ดวงอาทิตย์และจันทราไร้แสงสาดส่อง รอบด้านมีเพียงซากศพกลาดเกลื่อนนับไม่ถ้วน เลือดสีดำหลั่งไหลมารวมกันเป็นทะเลสาบโลหิต เจิ่งนองไปทั่วแผ่นดิน

เงียบสงัด!

ว่างเปล่า!

หานเจวี๋ยหันไปมองรอบๆ กาย ดวงตาเห็นเพียงภาพแห่งความสิ้นหวัง

นี่ก็คือโลกาสวรรค์ภายหลังจากมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตอย่างนั้นหรือ

ยามนี้หานเจวี๋ยถึงได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

หือ?

หานเจวี๋ยพลันขมวดคิ้ว สุดปลายสายตาที่ทอดมองออกไป เห็นเงาร่างสูงใหญ่กำลังยืนตระหง่านดุจดั่งขุนเขาอยู่บนผืนดินกว้างใหญ่ไพศาล แขนของร่างนี้ถูกตัดขาดทั้งสองข้าง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดวงหน้าฉายแววสยดสยอง ดวงตาของเขาไร้แวว หลงเหลือเพียงเปลือกนอก จิตวิญญาณถูกทำลายจนสิ้นซาก

จักรพรรดิสวรรค์!

หานเจวี๋ยราวกับถูกสายฟ้าฟาด จักรพรรดิสวรรค์แพ้พ่ายอย่างนั้นหรือ

แย่แล้ว หากจักรพรรดิสวรรค์เป็นผู้ปราชัย!

เช่นนั้นใครกันเป็นผู้ชนะ

ในตอนนี้เอง ลำแสงสีทองก็ส่องทะลุลงมาผ่านม่านเมฆ สาดกระทบสู่ผืนดินใหญ่ ปัดเป่าความมืดมิดในโลกาสวรรค์จนมลายสาบสูญ

“อมิตาภพุทธ!”

สุรเสียงอันกึกก้องดังขึ้น พระพุทธรูปทองคำขนาดมหึมาเทียบเท่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งลอยลงมาจากฟากฟ้า

“ข้าคือบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ นำสำนักพุทธมาชำระล้างมหาเคราะห์ ปัดเป่าแรงกรรมในโลกาสวรรค์ นำแสงสว่างและความหวังมาสู่สรรพสัตว์ทั้งปวง”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

สำนักพุทธชนะหรือ?

อีกทั้งยังเป็นบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์อีกด้วย!

หานเจวี๋ยลืมไม่ลงว่าบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์นั้นมีความเกลียดชังในตัวเขาระดับสี่ดาว

แย่แล้ว!

ศัตรูกลับเป็นฝ่ายชนะจริงๆ ด้วย!

หานเจวี๋ยสังหารพุทธะพิชิตชัย และชิงตัวพุทธะอาภรณ์ขาวไป ความเกลียดชังนี้เห็นทีคงไม่อาจหาหนทางแก้ไขได้ นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังทอดถอนใจนั้น เขาพลันสังเกตเห็นแสงสีทองของร่างบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นพระพุทธรูปสีดำองค์หนึ่ง พร้อมกับแสงแวววาวของโลหะที่สะท้อนบนผิวกายของเขา

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ที่สง่างามและศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ กลายเป็นสิ่งชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัว ใบหน้าไร้ความรู้สึกของเขาฉายแววเหี้ยมโหด เผยรอยยิ้มอันน่าสยดสยองออกมา

ปีกสีดำทะมึนกลางแผ่นหลังของเขาสยายกว้างบดบังท้องนภาและดวงตะวัน

โลกาสวรรค์ตกอยู่ในความมืดมิดอีกครา!

“อนิจจา แสงสว่างและความหวังช่างแสนสั้น ความมืดมิดที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้นแล้ว!”

น้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความบ้าคลั่งของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ดังขึ้นอีกครั้ง

ตู้ม!

ภาพเบื้องหน้าของหานเจวี๋ยแหลกสลายราวกับกระจกที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาตื่นขึ้น จิตรับรู้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

เขาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผาก

“นายท่าน เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล

หานเจวี๋ยเรียกคืนสติกลับมา ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าออกไปก่อนเถิด”

อู้เต้าเจี้ยนนิ่งตะลึง นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจากไป

กระทั่งในถ้ำเทวาฟ้าประทานเหลือเพียงหานเจวี๋ยคนเดียว เขาจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา ใส่พลังเวทเข้าไปในหนังสือ ทันใดนั้นเอง หน้าปกหนังสือก็ส่องแสงสีดำทะมึนสาดกระทบใบหน้าของเขา

‘มารดามันเถอะ! สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นศัตรูที่หัวเราะทีหลังตามคาด!’

ความคิดของหานเจวี๋ยแทบจะปะทุออกมา

ไม่มีทาง!

เขาต้องเปลี่ยนแปลงกลไกสวรรค์!

‘บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ เพื่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ดวงชะตาของเจ้าข้าจะเปลี่ยนแปลงมันเอง!’

หานเจวี๋ยกัดฟันกรอดขณะครุ่นคิด เมื่อนึกถึงภาพที่เพิ่งเห็นมาเมื่อครู่นี้ ในใจของเขาก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ

เขาล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์แล้ว ที่แท้เจ้าหมอนี่ก็คือปรมาจารย์มารแปลงกาย!

เผ่ามารส่งไส้ศึกเข้าไปในสำนักพุทธ!

หานเจวี๋ยเริ่มสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ จากนี้เป็นต้นไป เขาจะสาปแช่งศัตรูคนอื่นห้าวัน แต่สำหรับบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ เขาจะสาปแช่งสิบวัน!

เขาไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่เขาทำเพื่อสรรพสัตว์ในปวงสวรรค์ทั้งปวง!

ในวินาทีนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ตกมาสู่ตัวเขา

เขาไม่อาจปล่อยให้บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์สมปรารถนาได้!

……

ปัจฉิมสวรรค์ วัดเสียงอัสนี

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ที่กำลังฝึกบำเพ็ญลืมตาขึ้น คิ้วขมวดแน่น

“เอาอีกแล้ว เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เจ้าคิดจะทำการใดกันแน่”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ครุ่นคิดด้วยความรำคาญใจ การปรากฏตัวของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุข

แผนการเดิมของเขาคือพุ่งเป้าไปยังวังปีศาจ วังเทพ วังสวรรค์ ปล่อยให้พวกเขาฆ่าสังหารกันเอง ทว่าตอนนี้มีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเพิ่มขึ้นมา ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ผู้ทรงพลังมากมายต่างคิดว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่ามาร แต่เขารู้ดีว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่นิดเดียว!

คาดไม่ถึงว่าในปวงสวรรค์ยังมีกลุ่มอิทธิพลอันลึกลับและทะเยอทะยานซ่อนตัวอยู่!

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ทอดถอนใจ รู้สึกว่าความเข้าใจที่ตนเองมีต่อปวงสวรรค์หมื่นโลกายังคงตื้นเขิน

ก็จริง

หลังจากกลุ่มต้าหลัวบรรพกาลเหล่านั้นถอนตัวออกไป การปรากฏกายของแดนต้องห้ามอนธการ และเขตห้วงห้ามฮุ่นตุ้นก็ทำให้มรรคาสวรรค์ทวีความสับสนวุ่นวายมากขึ้นไปอีก

“ไม่ได้ มัวแต่นั่งรอความตายอย่างนี้ไม่ได้”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์พรวดพราดออกไปในทันที

บนเกาะสำนักซ่อนเร้น เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างมารวมตัวกันที่ใต้ต้นฝูซัง รวมถึงเผ่าหงส์คุกรัตติกาล เซียนซีเสวียน และฉางเยวี่ยเอ๋อร์

พวกเขากำลังรอคอยการมาถึงของหานเจวี๋ย

พวกเขาต่างส่งเสียงกระซิบกระซาบด้วยความสงสัยว่าเหตุใดหานเจวี๋ยถึงเรียกพวกเขามารวมตัวกัน

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ออกมาจากถ้ำเทวา

เมื่อเห็นเขาออกมา ทุกคนล้วนอยู่ในอาการสงบเสงี่ยม

หานเจวี๋ยก้าวมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของทุกคนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า “สำนักซ่อนเร้นมีแนวคิดในการฝึกบำเพ็ญอย่างถ่อมตนมาโดยตลอด ทว่าตอนนี้มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตกำลังจะมาถึง การฝึกบำเพ็ญเพียงอย่างเดียวไม่อาจเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้

หานเจวี๋ยจะไล่พวกเขาออกไปฝึกความแข็งแกร่งหรือ

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นตัวสั่นงันงกด้วยความตกใจ นับตั้งแต่ถูกหลี่เสวียนอ๋าวควักดวงตาไปสองข้าง มันก็หวาดกลัวโลกภายนอกจับใจ

ไก่คุกรัตติกาลเองก็หวาดกลัวไม่ต่างกัน เดิมทีมันก็ไม่เคยออกไปข้างนอกเลยสักครั้ง

ลี่เหยาขมวดคิ้ว ฝึกบำเพ็ญต่อไปไม่ได้แล้วหรือ

“ข้าจะสร้างมิติพิเศษขึ้นมา พวกเจ้าสามารถนำจิตรับรู้เข้าไปในนั้น และทำการจำลองการต่อสู้ได้ ในระหว่างการจำลองการต่อสู้ ไม่ว่าจะตายสักกี่ครั้งก็ไม่เกิดผลกระทบใดๆ พวกเจ้าจะต่อสู้กันเองก็ได้ หรือจะเลือกต่อสู้กับศัตรูที่ข้าเคยประมือด้วยก็ย่อมได้”

หานเจวี๋ยกล่าวแนะนำต่อไป แบบจำลองการทดสอบมีเขาเป็นเจ้าของ คนอื่นๆ เพียงสามารถเข้าไปใช้งานร่วมด้วยเท่านั้น ไม่อาจเลือกคู่ต่อสู้ที่เคยประสบพบเจอมาในชีวิตของตนได้

พูดจบ ทุกคนก็เกิดอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

หานเจวี๋ยนำพวกเขาเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบทันที

“ขอเพียงอยู่ในเกาะแห่งนี้ พวกเจ้าก็สามารถเข้าไปได้ตลอดเวลา”

หานเจวี๋ยกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะจากไป

มู่หรงฉี่เอ่ยพึมพำขึ้นว่า “แบบจำลองการทดสอบ? จะเข้าไปอย่างไร”

ทันทีที่เอ่ยจบ ทั้งร่างของเขาก็ตกอยู่ในภวังค์

เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เมื่อพวกเขาต้องการทำแบบจำลองการทดสอบ จิตรับรู้ก็จะเข้าไปในมิติทันที

หลังจากเวลาผ่านไปชั่วก้านธูป คนส่วนใหญ่ต่างก็ทำแบบจำลองการทดสอบกันแล้ว

โจวหมิงเยวี่ยเอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “อาจารย์ปู่ช่างเก่งกาจจริงๆ! พลังวิเศษนี่ยอดเยี่ยมสุดๆ เพิ่มทักษะการต่อสู้ของพวกเราได้อย่างมาก และยังสามารถฝึกใช้พลังวิเศษในระหว่างการต่อสู้ได้ด้วย!”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวด้วยความหดหู่ “เหตุใดจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตถึงแข็งแกร่งเพียงนี้…”

เขาถูกอัดยับเยิน…

“ไม่คิดว่าอาจารย์ปู่จะเคยประมือกับจักรพรรดิสวรรค์มาก่อน อีกทั้งยังสามารถจำลองพลังของจักรพรรดิสวรรค์ออกมาได้ด้วย ตกลงแล้วท่านแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่” มู่หรงฉี่กล่าวด้วยความตะลึงงัน

หลังจากผ่านการทำแบบจำลองการทดสอบ ทุกคนก็ยิ่งหวาดกลัวหานเจวี๋ยมากขึ้นกว่าเดิม

พวกเขาคิดว่าคู่ต่อสู้ในแบบจำลองการทดสอบทั้งหมดนั้น คือคู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ให้กับหานเจวี๋ยทั้งหมด รวมถึงจักรพรรดิสวรรค์ด้วย

………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+