ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 171 บรรพชนพุทธภควัต ไม่อาจฝึกฝนได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 171 บรรพชนพุทธภควัต ไม่อาจฝึกฝนได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 171 บรรพชนพุทธภควัต ไม่อาจฝึกฝนได้

จี้เซียนเสินโมโหอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะเริ่มพูดเรื่องจริงจัง

“ข้ามาหาท่านเพื่อถามว่าต้องการไปท่องแดนปีศาจด้วยกันหรือไม่ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำผงาดขึ้นมาได้เพราะได้รับการช่วยเหลือจากแดนปีศาจ แดนปีศาจก็เป็นโลกมนุษย์เหมือนกัน แต่ว่ามีเผ่าปีศาจหลัก หากพวกเราทั้งสองร่วมมือกันจะต้องใช้เลือดล้างแดนปีศาจได้แน่นอน ถึงเวลานั้นทรัพยากรทั่วทั้งแดนปีศาจจะเป็นของข้ากับท่าน นี่เป็นความหวังของเทพเซียนที่มาเข้าฝันข้าเช่นกัน วังสวรรค์กับเผ่าปีศาจไม่อาจอยู่ร่วมกันได้” จี้เซียนเสินกล่าวเสียงขรึม

หลังจากรู้เรื่องหยางซ่านและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน จี้เซียนเสินรู้สึกสงสัยวังสวรรค์ขึ้นมา

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ท่านไปเถอะ ข้าแข็งแกร่งเกินไป หากข้าลงมือก็ไม่มีเรื่องที่ท่านต้องทำแล้ว”

จี้เซียนเสิน “…”

เขารู้สึกว่ากำลังถูกเหยียดหยาม

แต่พอนึกถึงศึกใหญ่เมื่อครู่นี้ เขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับได้

พลังของทั้งสองคนแตกต่างกันมากจริงๆ

หานเจวี๋ยกล่าวเตือน “ระวังตัวเสียหน่อย โลกเบื้องบนก็มีกลุ่มอำนาจเผ่าปีศาจเช่นกัน ท่านได้รับการชี้แนะจากเทพเซียนได้ ใช่ว่าแดนปีศาจจะไม่มีการเตรียมการของเผ่าปีศาจในโลกเบื้องบนเหมือนกัน ท่านเป็นหมาก ไม่อาจประมาทได้”

คำว่า ‘หมาก’ บาดลึกหัวใจของจี้เซียนเสิน

ทว่าหลังจากสงบใจได้แล้ว จี้เซียนเสินก็เริ่มสงสัยเช่นกัน

เขาเคยขอความช่วยเหลือจากเทพเซียนในความฝันท่านนั้น ช่วยไม่ให้วังสวรรค์ชำระล้างโลกมนุษย์ของพวกเขา แต่เทพเซียนบอกว่าจักรพรรดิสวรรค์ตัดสินใจแล้ว เขาไม่อาจก้าวก่ายได้

ดูจากในตอนนี้ หรือว่าเขาจะถูกหยอกเล่นเข้าแล้ว?

จี้เซียนเสินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่” หานเจวี๋ยถาม

จี้เซียนเสินเอ่ย “ประมุขจวนของเราเชิญท่านให้ไปรับตำแหน่งรองประมุขจวน ท่านยินดีหรือไม่”

หานเจวี๋ยส่ายหน้า

จี้เซียนเสินหมดหวัง

เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป

จี้เซียนเสินกลับไปแล้ว หานเจวี๋ยเองก็กลับมาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ยังคงฮือฮากันอยู่ ศึกใหญ่เมื่อครู่กระตุ้นอารมณ์ยิ่งนัก ยากที่คนจะทำใจให้สงบได้

หานเจวี๋ยกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทานโดยไม่สนใจหยางเทียนตงและคนอื่นๆ

เขาเริ่มครุ่นคิด

ระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะกลางอย่างเขากลับไม่อาจสังหารเซียนพิภพไท่อี่ระยะปลายอย่างหยางซ่านได้ในพริบตา!

ปัญหาใหญ่มาก!

นอกจากมรรคกระบี่แล้ว เขารู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องยกระดับความแข็งแกร่งของพลังเวทด้วย

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญไปด้วย ไตร่ตรองไปด้วย

……

เวลาเจ็ดปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญ ก็มีตัวอักษรเด้งขึ้นมาตรงหน้าหนึ่งแถว

[เทพยุทธ์จวี้หลิงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

หานเจวี๋ยอึ้งไปทันที

‘ก่อนหน้านั้นประทับใจกันมิใช่หรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นแล้ว’

หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบของข้อมูลของเทพยุทธ์จวี้หลิง

[เทพยุทธ์จวี้หลิง: ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ แม่ทัพสวรรค์ขั้นสี่ เพราะท่านสังหารหยางซ่านผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา จึงเกิดความอาฆาตแค้นต่อท่าน คิดว่าท่านกำเริบเสิบสานเกินไป รอยามที่วังสวรรค์ชำระล้างโลกมนุษย์ จะสั่งสอนท่านให้หลาบจำให้ได้ ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ รู้สึกกดดันนิดหน่อยแล้ว!’

หานเจวี๋ยรู้สึกถึงความกดดัน

ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งเทพยุทธ์จวี้หลิง

เวลาดำเนินต่อไป

ชั่วแวบเดียว ก็ผ่านไปอีกยี่สิบปี

หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะปลายแล้ว

ในวันนี้ มีตัวอักษรแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้า

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

“หืม?”

ผ่านไปนานหลายปีเช่นนี้ ในที่สุดก็พบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดอีกคน!

หานเจวี๋ยเลือกตรวจสอบด้วยความสงสัยใคร่รู้

[ฉู่ซื่อเหริน: ระดับหลอมปราณขั้นแปด บรรพชนพุทธภควัตแห่งแดนเซียนกลับชาติมาเกิด บรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิดเพื่อสัมผัสกับความทุกข์ยากในโลกมนุษย์ เนื่องจากดวงชะตาของบรรพชนพุทธแข็งแกร่ง คุณสมบัติของฉู่ซื่อเหรินจึงไม่เป็นรองใคร ดวงชะตาไม่ด้อยไปกว่าบุตรแห่งฟ้าดิน เพราะเติบโตในอารามเต๋ามาตั้งแต่เด็ก ทำให้จิตใจเต็มไปด้วยเมตตาธรรม เกลียดชังความชั่วร้าย ไม่แสวงหาพลังมรรค แต่หวังใช้กายเนื้อของมนุษย์ธรรมดาโปรดมนุษย์โลก ได้รับการชี้นำจากพระพุทธองค์ในความฝัน จนมาถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เจตนาเดิมของเขาคือหวังจะส่งเสริมหลักธรรมมหากุศลให้เจริญรุ่งเรืองในสำนักบำเพ็ญพรต]

‘บรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิด!’

หานเจวี๋ยตกใจมาก

เขาสังเกตเห็นจุดหนึ่ง ฉู่ซื่อเหรินมาสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เพราะได้รับการชี้นำจากพระพุทธองค์ในความฝัน!

นี่หมายความว่าความอย่างไร

สำนักพุทธในแดนเซียนให้ความสนใจหานเจวี๋ย?

ตั้งใจส่งมาเป็นไส้ศึก?

หรือจะบอกว่าสำนักพุทธมาเยือนเพราะสวินฉางอันที่เป็นโสมบรรพกาลกลับชาติมาเกิด?

หานเจวี๋ยระแวดระวังเป็นอย่างมาก

‘เด็กนี่รับไว้ไม่ได้! ก็ทำเป็นมองไม่เห็นแล้วกัน!’

หานเจวี๋ยหลับตาฝึกบำเพ็ญต่อไป

……

ยอดเขาอัสนีสวรรค์ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

ภายในตำหนักขนาดใหญ่หลังหนึ่ง

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาของยอดเขาอัสนีสวรรค์กำลังขมวดคิ้วจ้องมองบุรุษคนหนึ่งที่อยู่ในห้องโถง

บุรุษผู้นี้ก็คือฉู่ซื่อเหรินที่เป็นบรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิดนั่นเอง

ฉู่ซื่อเหรินสวมชุดนักพรตเต๋า ใบหน้าอ่อนวัยหล่อเหลา รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสและมองโลกในแง่ดี

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชากล่าวอย่างจนใจ “เจ้าเข้าสำนักมาห้าปีแล้วยังไม่สร้างฐานอีก ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าไม่ควรจะเป็นเช่นนี้เลย ปกติเจ้าทำอะไร”

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ในขณะนี้ ต้องบรรลุระดับรวมแก่นปราณถึงจะมีสิทธิ์เข้าสำนักได้ เขาแหกกฎรับฉู่ซื่อเหรินเข้ามา ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของศิษย์บนยอดเขาอัสนีสวรรค์แล้ว

ตอนแรกผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชานำฉู่ซื่อเหรินเข้าสู่เส้นทางการบำเพ็ญเพียร แค่เจ็ดวันก็พุ่งจากศูนย์ไปสู่ระดับหลอมปราณขั้นสี่!

พรสวรรค์ระดับนี้ไม่เคยพบมาก่อนจริงๆ!

และก็ด้วยเหตุนี้ ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาถึงแหกกฎรับฉู่ซื่อเหรินเป็นศิษย์สืบทอด!

เดิมทีเขาหมายจะทำให้สำนักตกตะลึง แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นฝันร้ายของตนเอง!

ศิษย์ผู้นี้กลับไม่ชอบฝึกบำเพ็ญเสียได้!

‘ถูกต้อง! ไม่ชอบ!

มารดามันเถอะ!

ไม่ชอบแล้วเหตุใดถึงกราบข้าเป็นอาจารย์ตั้งแต่แรก’

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาปวดหัวมาก ลืมไปแล้วว่าในอดีตเขายืนกรานจะรับฉู่ซื่อเหรินเป็นศิษย์เอง

ฉู่ซื่อเหรินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ท่านรู้ปณิธานของข้าดี ข้าคิดว่าพลังวิญญาณเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ขัดขวางเส้นทางสู่ความสงบสุขของคนบนโลก ดังนั้นข้าจึงไม่อาจฝึกฝนได้”

ไม่อาจฝึกฝนได้!

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาโมโหแทบตายแล้ว

“อยากจะส่งเจ้าไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนให้ผู้อาวุโสสังหารเทพเปลี่ยนนิสัยของเจ้าเสียจริงๆ!” ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาแค่นเสียงขึ้นจมูก

ฉู่ซื่อเหรินมาสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ได้ระยะหนึ่งแล้ว ย่อมเคยได้ยินเรื่องเล่าของเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาจึงถามด้วยความสงสัย “อาจารย์ ผู้อาวุโสสังหารเทพเป็นคนแบบไหนหรือ”

เขาสนใจเรื่องผู้อาวุโสสังหารเทพมาก

ในฐานะผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนัก ผู้อาวุโสสังหารเทพปรากฏตัวให้เห็นน้อยมาก ไม่ยึดอำนาจ ไม่สร้างปัญหา ไม่ต้องการสตรี มีแค่ตอนที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เผชิญกับหายนะสูงสุดถึงจะลงมือ

ในความคิดของเขา นี่คืออริยบุคคล!

เขารู้สึกว่าการเข้าใจผู้อาวุโสสังหารเทพ จะช่วยสร้างความเสถียรให้มหามรรคที่เขาต้องการได้

เวไนยสัตว์สงบสุข!

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าเข้าสำนักมานานเช่นนี้ ยังไม่เคยพบท่านเลย” ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาแค่นเสียงฮึพร้อมเอ่ย

นี่คือเรื่องจริง เขาเพิ่งเข้าสำนักมาไม่กี่ร้อยปี

ฉู่ซื่อเหรินถาม “เหตุใดคนบนโลกถึงต้องแสวงหาการมีอายุยืนยาว อายุยืนยาวดีจริงหรือ ด้วยกมลสันดานที่ชั่วร้ายของมนุษย์โลก หากคนมีอายุยืนยาว เช่นนั้นฟ้าดินจะแบกรับได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินคำถามของเขา ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาก็ปวดหัว ตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใช่ว่าทุกคนจะมีอายุยืนยาวได้ อายุยืนยาวเป็นแค่ตำนาน มนุษย์ฝึกบำเพ็ญเพียรก็เพื่อต่อกรกับสวรรค์”

“สวรรค์ปฏิบัติต่อคนบนโลกอย่างไม่ยุติธรรมหรือ”

“ไสหัวไป!”

“อาจารย์ ศิษย์ขอแนะนำท่านสักประโยค อย่าฝึกบำเพ็ญเลยจะดีกว่า พวกเราศิษย์อาจารย์ช่วยกันส่งเสริม…”

“หากยังไม่ไสหัวไป ข้าจะขับไล่เจ้าออกจากสำนัก!”

“เอาเถอะ!”

ฉู่ซื่อเหรินถอนหายใจ เดินจากไปอย่างเหงาหงอย

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาชื่นชมพรสวรรค์ของเขาจริงๆ มิเช่นนั้นคงไม่เอาใจเขาเช่นนี้

จนปัญญาที่ความคิดของฉู่ซื่อเหรินมีปัญหา

“หรือไม่ก็ส่งตัวเขาไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนสักระยะ?” ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาเกิดความคิดนี้ขึ้นมา

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 171 บรรพชนพุทธภควัต ไม่อาจฝึกฝนได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 171 บรรพชนพุทธภควัต ไม่อาจฝึกฝนได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 171 บรรพชนพุทธภควัต ไม่อาจฝึกฝนได้

จี้เซียนเสินโมโหอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะเริ่มพูดเรื่องจริงจัง

“ข้ามาหาท่านเพื่อถามว่าต้องการไปท่องแดนปีศาจด้วยกันหรือไม่ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำผงาดขึ้นมาได้เพราะได้รับการช่วยเหลือจากแดนปีศาจ แดนปีศาจก็เป็นโลกมนุษย์เหมือนกัน แต่ว่ามีเผ่าปีศาจหลัก หากพวกเราทั้งสองร่วมมือกันจะต้องใช้เลือดล้างแดนปีศาจได้แน่นอน ถึงเวลานั้นทรัพยากรทั่วทั้งแดนปีศาจจะเป็นของข้ากับท่าน นี่เป็นความหวังของเทพเซียนที่มาเข้าฝันข้าเช่นกัน วังสวรรค์กับเผ่าปีศาจไม่อาจอยู่ร่วมกันได้” จี้เซียนเสินกล่าวเสียงขรึม

หลังจากรู้เรื่องหยางซ่านและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน จี้เซียนเสินรู้สึกสงสัยวังสวรรค์ขึ้นมา

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ท่านไปเถอะ ข้าแข็งแกร่งเกินไป หากข้าลงมือก็ไม่มีเรื่องที่ท่านต้องทำแล้ว”

จี้เซียนเสิน “…”

เขารู้สึกว่ากำลังถูกเหยียดหยาม

แต่พอนึกถึงศึกใหญ่เมื่อครู่นี้ เขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับได้

พลังของทั้งสองคนแตกต่างกันมากจริงๆ

หานเจวี๋ยกล่าวเตือน “ระวังตัวเสียหน่อย โลกเบื้องบนก็มีกลุ่มอำนาจเผ่าปีศาจเช่นกัน ท่านได้รับการชี้แนะจากเทพเซียนได้ ใช่ว่าแดนปีศาจจะไม่มีการเตรียมการของเผ่าปีศาจในโลกเบื้องบนเหมือนกัน ท่านเป็นหมาก ไม่อาจประมาทได้”

คำว่า ‘หมาก’ บาดลึกหัวใจของจี้เซียนเสิน

ทว่าหลังจากสงบใจได้แล้ว จี้เซียนเสินก็เริ่มสงสัยเช่นกัน

เขาเคยขอความช่วยเหลือจากเทพเซียนในความฝันท่านนั้น ช่วยไม่ให้วังสวรรค์ชำระล้างโลกมนุษย์ของพวกเขา แต่เทพเซียนบอกว่าจักรพรรดิสวรรค์ตัดสินใจแล้ว เขาไม่อาจก้าวก่ายได้

ดูจากในตอนนี้ หรือว่าเขาจะถูกหยอกเล่นเข้าแล้ว?

จี้เซียนเสินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่” หานเจวี๋ยถาม

จี้เซียนเสินเอ่ย “ประมุขจวนของเราเชิญท่านให้ไปรับตำแหน่งรองประมุขจวน ท่านยินดีหรือไม่”

หานเจวี๋ยส่ายหน้า

จี้เซียนเสินหมดหวัง

เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป

จี้เซียนเสินกลับไปแล้ว หานเจวี๋ยเองก็กลับมาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ยังคงฮือฮากันอยู่ ศึกใหญ่เมื่อครู่กระตุ้นอารมณ์ยิ่งนัก ยากที่คนจะทำใจให้สงบได้

หานเจวี๋ยกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทานโดยไม่สนใจหยางเทียนตงและคนอื่นๆ

เขาเริ่มครุ่นคิด

ระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะกลางอย่างเขากลับไม่อาจสังหารเซียนพิภพไท่อี่ระยะปลายอย่างหยางซ่านได้ในพริบตา!

ปัญหาใหญ่มาก!

นอกจากมรรคกระบี่แล้ว เขารู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องยกระดับความแข็งแกร่งของพลังเวทด้วย

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญไปด้วย ไตร่ตรองไปด้วย

……

เวลาเจ็ดปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญ ก็มีตัวอักษรเด้งขึ้นมาตรงหน้าหนึ่งแถว

[เทพยุทธ์จวี้หลิงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

หานเจวี๋ยอึ้งไปทันที

‘ก่อนหน้านั้นประทับใจกันมิใช่หรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นแล้ว’

หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบของข้อมูลของเทพยุทธ์จวี้หลิง

[เทพยุทธ์จวี้หลิง: ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ แม่ทัพสวรรค์ขั้นสี่ เพราะท่านสังหารหยางซ่านผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา จึงเกิดความอาฆาตแค้นต่อท่าน คิดว่าท่านกำเริบเสิบสานเกินไป รอยามที่วังสวรรค์ชำระล้างโลกมนุษย์ จะสั่งสอนท่านให้หลาบจำให้ได้ ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ รู้สึกกดดันนิดหน่อยแล้ว!’

หานเจวี๋ยรู้สึกถึงความกดดัน

ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งเทพยุทธ์จวี้หลิง

เวลาดำเนินต่อไป

ชั่วแวบเดียว ก็ผ่านไปอีกยี่สิบปี

หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะปลายแล้ว

ในวันนี้ มีตัวอักษรแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้า

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

“หืม?”

ผ่านไปนานหลายปีเช่นนี้ ในที่สุดก็พบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดอีกคน!

หานเจวี๋ยเลือกตรวจสอบด้วยความสงสัยใคร่รู้

[ฉู่ซื่อเหริน: ระดับหลอมปราณขั้นแปด บรรพชนพุทธภควัตแห่งแดนเซียนกลับชาติมาเกิด บรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิดเพื่อสัมผัสกับความทุกข์ยากในโลกมนุษย์ เนื่องจากดวงชะตาของบรรพชนพุทธแข็งแกร่ง คุณสมบัติของฉู่ซื่อเหรินจึงไม่เป็นรองใคร ดวงชะตาไม่ด้อยไปกว่าบุตรแห่งฟ้าดิน เพราะเติบโตในอารามเต๋ามาตั้งแต่เด็ก ทำให้จิตใจเต็มไปด้วยเมตตาธรรม เกลียดชังความชั่วร้าย ไม่แสวงหาพลังมรรค แต่หวังใช้กายเนื้อของมนุษย์ธรรมดาโปรดมนุษย์โลก ได้รับการชี้นำจากพระพุทธองค์ในความฝัน จนมาถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เจตนาเดิมของเขาคือหวังจะส่งเสริมหลักธรรมมหากุศลให้เจริญรุ่งเรืองในสำนักบำเพ็ญพรต]

‘บรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิด!’

หานเจวี๋ยตกใจมาก

เขาสังเกตเห็นจุดหนึ่ง ฉู่ซื่อเหรินมาสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เพราะได้รับการชี้นำจากพระพุทธองค์ในความฝัน!

นี่หมายความว่าความอย่างไร

สำนักพุทธในแดนเซียนให้ความสนใจหานเจวี๋ย?

ตั้งใจส่งมาเป็นไส้ศึก?

หรือจะบอกว่าสำนักพุทธมาเยือนเพราะสวินฉางอันที่เป็นโสมบรรพกาลกลับชาติมาเกิด?

หานเจวี๋ยระแวดระวังเป็นอย่างมาก

‘เด็กนี่รับไว้ไม่ได้! ก็ทำเป็นมองไม่เห็นแล้วกัน!’

หานเจวี๋ยหลับตาฝึกบำเพ็ญต่อไป

……

ยอดเขาอัสนีสวรรค์ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

ภายในตำหนักขนาดใหญ่หลังหนึ่ง

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาของยอดเขาอัสนีสวรรค์กำลังขมวดคิ้วจ้องมองบุรุษคนหนึ่งที่อยู่ในห้องโถง

บุรุษผู้นี้ก็คือฉู่ซื่อเหรินที่เป็นบรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิดนั่นเอง

ฉู่ซื่อเหรินสวมชุดนักพรตเต๋า ใบหน้าอ่อนวัยหล่อเหลา รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสและมองโลกในแง่ดี

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชากล่าวอย่างจนใจ “เจ้าเข้าสำนักมาห้าปีแล้วยังไม่สร้างฐานอีก ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าไม่ควรจะเป็นเช่นนี้เลย ปกติเจ้าทำอะไร”

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ในขณะนี้ ต้องบรรลุระดับรวมแก่นปราณถึงจะมีสิทธิ์เข้าสำนักได้ เขาแหกกฎรับฉู่ซื่อเหรินเข้ามา ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของศิษย์บนยอดเขาอัสนีสวรรค์แล้ว

ตอนแรกผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชานำฉู่ซื่อเหรินเข้าสู่เส้นทางการบำเพ็ญเพียร แค่เจ็ดวันก็พุ่งจากศูนย์ไปสู่ระดับหลอมปราณขั้นสี่!

พรสวรรค์ระดับนี้ไม่เคยพบมาก่อนจริงๆ!

และก็ด้วยเหตุนี้ ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาถึงแหกกฎรับฉู่ซื่อเหรินเป็นศิษย์สืบทอด!

เดิมทีเขาหมายจะทำให้สำนักตกตะลึง แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นฝันร้ายของตนเอง!

ศิษย์ผู้นี้กลับไม่ชอบฝึกบำเพ็ญเสียได้!

‘ถูกต้อง! ไม่ชอบ!

มารดามันเถอะ!

ไม่ชอบแล้วเหตุใดถึงกราบข้าเป็นอาจารย์ตั้งแต่แรก’

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาปวดหัวมาก ลืมไปแล้วว่าในอดีตเขายืนกรานจะรับฉู่ซื่อเหรินเป็นศิษย์เอง

ฉู่ซื่อเหรินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ท่านรู้ปณิธานของข้าดี ข้าคิดว่าพลังวิญญาณเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ขัดขวางเส้นทางสู่ความสงบสุขของคนบนโลก ดังนั้นข้าจึงไม่อาจฝึกฝนได้”

ไม่อาจฝึกฝนได้!

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาโมโหแทบตายแล้ว

“อยากจะส่งเจ้าไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนให้ผู้อาวุโสสังหารเทพเปลี่ยนนิสัยของเจ้าเสียจริงๆ!” ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาแค่นเสียงขึ้นจมูก

ฉู่ซื่อเหรินมาสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ได้ระยะหนึ่งแล้ว ย่อมเคยได้ยินเรื่องเล่าของเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาจึงถามด้วยความสงสัย “อาจารย์ ผู้อาวุโสสังหารเทพเป็นคนแบบไหนหรือ”

เขาสนใจเรื่องผู้อาวุโสสังหารเทพมาก

ในฐานะผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนัก ผู้อาวุโสสังหารเทพปรากฏตัวให้เห็นน้อยมาก ไม่ยึดอำนาจ ไม่สร้างปัญหา ไม่ต้องการสตรี มีแค่ตอนที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เผชิญกับหายนะสูงสุดถึงจะลงมือ

ในความคิดของเขา นี่คืออริยบุคคล!

เขารู้สึกว่าการเข้าใจผู้อาวุโสสังหารเทพ จะช่วยสร้างความเสถียรให้มหามรรคที่เขาต้องการได้

เวไนยสัตว์สงบสุข!

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าเข้าสำนักมานานเช่นนี้ ยังไม่เคยพบท่านเลย” ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาแค่นเสียงฮึพร้อมเอ่ย

นี่คือเรื่องจริง เขาเพิ่งเข้าสำนักมาไม่กี่ร้อยปี

ฉู่ซื่อเหรินถาม “เหตุใดคนบนโลกถึงต้องแสวงหาการมีอายุยืนยาว อายุยืนยาวดีจริงหรือ ด้วยกมลสันดานที่ชั่วร้ายของมนุษย์โลก หากคนมีอายุยืนยาว เช่นนั้นฟ้าดินจะแบกรับได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินคำถามของเขา ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาก็ปวดหัว ตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใช่ว่าทุกคนจะมีอายุยืนยาวได้ อายุยืนยาวเป็นแค่ตำนาน มนุษย์ฝึกบำเพ็ญเพียรก็เพื่อต่อกรกับสวรรค์”

“สวรรค์ปฏิบัติต่อคนบนโลกอย่างไม่ยุติธรรมหรือ”

“ไสหัวไป!”

“อาจารย์ ศิษย์ขอแนะนำท่านสักประโยค อย่าฝึกบำเพ็ญเลยจะดีกว่า พวกเราศิษย์อาจารย์ช่วยกันส่งเสริม…”

“หากยังไม่ไสหัวไป ข้าจะขับไล่เจ้าออกจากสำนัก!”

“เอาเถอะ!”

ฉู่ซื่อเหรินถอนหายใจ เดินจากไปอย่างเหงาหงอย

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาชื่นชมพรสวรรค์ของเขาจริงๆ มิเช่นนั้นคงไม่เอาใจเขาเช่นนี้

จนปัญญาที่ความคิดของฉู่ซื่อเหรินมีปัญหา

“หรือไม่ก็ส่งตัวเขาไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนสักระยะ?” ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาเกิดความคิดนี้ขึ้นมา

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 171 บรรพชนพุทธภควัต ไม่อาจฝึกฝนได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 171 บรรพชนพุทธภควัต ไม่อาจฝึกฝนได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 171 บรรพชนพุทธภควัต ไม่อาจฝึกฝนได้

จี้เซียนเสินโมโหอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะเริ่มพูดเรื่องจริงจัง

“ข้ามาหาท่านเพื่อถามว่าต้องการไปท่องแดนปีศาจด้วยกันหรือไม่ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำผงาดขึ้นมาได้เพราะได้รับการช่วยเหลือจากแดนปีศาจ แดนปีศาจก็เป็นโลกมนุษย์เหมือนกัน แต่ว่ามีเผ่าปีศาจหลัก หากพวกเราทั้งสองร่วมมือกันจะต้องใช้เลือดล้างแดนปีศาจได้แน่นอน ถึงเวลานั้นทรัพยากรทั่วทั้งแดนปีศาจจะเป็นของข้ากับท่าน นี่เป็นความหวังของเทพเซียนที่มาเข้าฝันข้าเช่นกัน วังสวรรค์กับเผ่าปีศาจไม่อาจอยู่ร่วมกันได้” จี้เซียนเสินกล่าวเสียงขรึม

หลังจากรู้เรื่องหยางซ่านและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน จี้เซียนเสินรู้สึกสงสัยวังสวรรค์ขึ้นมา

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ท่านไปเถอะ ข้าแข็งแกร่งเกินไป หากข้าลงมือก็ไม่มีเรื่องที่ท่านต้องทำแล้ว”

จี้เซียนเสิน “…”

เขารู้สึกว่ากำลังถูกเหยียดหยาม

แต่พอนึกถึงศึกใหญ่เมื่อครู่นี้ เขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับได้

พลังของทั้งสองคนแตกต่างกันมากจริงๆ

หานเจวี๋ยกล่าวเตือน “ระวังตัวเสียหน่อย โลกเบื้องบนก็มีกลุ่มอำนาจเผ่าปีศาจเช่นกัน ท่านได้รับการชี้แนะจากเทพเซียนได้ ใช่ว่าแดนปีศาจจะไม่มีการเตรียมการของเผ่าปีศาจในโลกเบื้องบนเหมือนกัน ท่านเป็นหมาก ไม่อาจประมาทได้”

คำว่า ‘หมาก’ บาดลึกหัวใจของจี้เซียนเสิน

ทว่าหลังจากสงบใจได้แล้ว จี้เซียนเสินก็เริ่มสงสัยเช่นกัน

เขาเคยขอความช่วยเหลือจากเทพเซียนในความฝันท่านนั้น ช่วยไม่ให้วังสวรรค์ชำระล้างโลกมนุษย์ของพวกเขา แต่เทพเซียนบอกว่าจักรพรรดิสวรรค์ตัดสินใจแล้ว เขาไม่อาจก้าวก่ายได้

ดูจากในตอนนี้ หรือว่าเขาจะถูกหยอกเล่นเข้าแล้ว?

จี้เซียนเสินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่” หานเจวี๋ยถาม

จี้เซียนเสินเอ่ย “ประมุขจวนของเราเชิญท่านให้ไปรับตำแหน่งรองประมุขจวน ท่านยินดีหรือไม่”

หานเจวี๋ยส่ายหน้า

จี้เซียนเสินหมดหวัง

เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป

จี้เซียนเสินกลับไปแล้ว หานเจวี๋ยเองก็กลับมาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ยังคงฮือฮากันอยู่ ศึกใหญ่เมื่อครู่กระตุ้นอารมณ์ยิ่งนัก ยากที่คนจะทำใจให้สงบได้

หานเจวี๋ยกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทานโดยไม่สนใจหยางเทียนตงและคนอื่นๆ

เขาเริ่มครุ่นคิด

ระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะกลางอย่างเขากลับไม่อาจสังหารเซียนพิภพไท่อี่ระยะปลายอย่างหยางซ่านได้ในพริบตา!

ปัญหาใหญ่มาก!

นอกจากมรรคกระบี่แล้ว เขารู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องยกระดับความแข็งแกร่งของพลังเวทด้วย

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญไปด้วย ไตร่ตรองไปด้วย

……

เวลาเจ็ดปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญ ก็มีตัวอักษรเด้งขึ้นมาตรงหน้าหนึ่งแถว

[เทพยุทธ์จวี้หลิงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

หานเจวี๋ยอึ้งไปทันที

‘ก่อนหน้านั้นประทับใจกันมิใช่หรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นแล้ว’

หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบของข้อมูลของเทพยุทธ์จวี้หลิง

[เทพยุทธ์จวี้หลิง: ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ แม่ทัพสวรรค์ขั้นสี่ เพราะท่านสังหารหยางซ่านผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา จึงเกิดความอาฆาตแค้นต่อท่าน คิดว่าท่านกำเริบเสิบสานเกินไป รอยามที่วังสวรรค์ชำระล้างโลกมนุษย์ จะสั่งสอนท่านให้หลาบจำให้ได้ ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ รู้สึกกดดันนิดหน่อยแล้ว!’

หานเจวี๋ยรู้สึกถึงความกดดัน

ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งเทพยุทธ์จวี้หลิง

เวลาดำเนินต่อไป

ชั่วแวบเดียว ก็ผ่านไปอีกยี่สิบปี

หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะปลายแล้ว

ในวันนี้ มีตัวอักษรแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้า

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

“หืม?”

ผ่านไปนานหลายปีเช่นนี้ ในที่สุดก็พบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดอีกคน!

หานเจวี๋ยเลือกตรวจสอบด้วยความสงสัยใคร่รู้

[ฉู่ซื่อเหริน: ระดับหลอมปราณขั้นแปด บรรพชนพุทธภควัตแห่งแดนเซียนกลับชาติมาเกิด บรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิดเพื่อสัมผัสกับความทุกข์ยากในโลกมนุษย์ เนื่องจากดวงชะตาของบรรพชนพุทธแข็งแกร่ง คุณสมบัติของฉู่ซื่อเหรินจึงไม่เป็นรองใคร ดวงชะตาไม่ด้อยไปกว่าบุตรแห่งฟ้าดิน เพราะเติบโตในอารามเต๋ามาตั้งแต่เด็ก ทำให้จิตใจเต็มไปด้วยเมตตาธรรม เกลียดชังความชั่วร้าย ไม่แสวงหาพลังมรรค แต่หวังใช้กายเนื้อของมนุษย์ธรรมดาโปรดมนุษย์โลก ได้รับการชี้นำจากพระพุทธองค์ในความฝัน จนมาถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เจตนาเดิมของเขาคือหวังจะส่งเสริมหลักธรรมมหากุศลให้เจริญรุ่งเรืองในสำนักบำเพ็ญพรต]

‘บรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิด!’

หานเจวี๋ยตกใจมาก

เขาสังเกตเห็นจุดหนึ่ง ฉู่ซื่อเหรินมาสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เพราะได้รับการชี้นำจากพระพุทธองค์ในความฝัน!

นี่หมายความว่าความอย่างไร

สำนักพุทธในแดนเซียนให้ความสนใจหานเจวี๋ย?

ตั้งใจส่งมาเป็นไส้ศึก?

หรือจะบอกว่าสำนักพุทธมาเยือนเพราะสวินฉางอันที่เป็นโสมบรรพกาลกลับชาติมาเกิด?

หานเจวี๋ยระแวดระวังเป็นอย่างมาก

‘เด็กนี่รับไว้ไม่ได้! ก็ทำเป็นมองไม่เห็นแล้วกัน!’

หานเจวี๋ยหลับตาฝึกบำเพ็ญต่อไป

……

ยอดเขาอัสนีสวรรค์ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

ภายในตำหนักขนาดใหญ่หลังหนึ่ง

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาของยอดเขาอัสนีสวรรค์กำลังขมวดคิ้วจ้องมองบุรุษคนหนึ่งที่อยู่ในห้องโถง

บุรุษผู้นี้ก็คือฉู่ซื่อเหรินที่เป็นบรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิดนั่นเอง

ฉู่ซื่อเหรินสวมชุดนักพรตเต๋า ใบหน้าอ่อนวัยหล่อเหลา รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสและมองโลกในแง่ดี

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชากล่าวอย่างจนใจ “เจ้าเข้าสำนักมาห้าปีแล้วยังไม่สร้างฐานอีก ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าไม่ควรจะเป็นเช่นนี้เลย ปกติเจ้าทำอะไร”

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ในขณะนี้ ต้องบรรลุระดับรวมแก่นปราณถึงจะมีสิทธิ์เข้าสำนักได้ เขาแหกกฎรับฉู่ซื่อเหรินเข้ามา ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของศิษย์บนยอดเขาอัสนีสวรรค์แล้ว

ตอนแรกผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชานำฉู่ซื่อเหรินเข้าสู่เส้นทางการบำเพ็ญเพียร แค่เจ็ดวันก็พุ่งจากศูนย์ไปสู่ระดับหลอมปราณขั้นสี่!

พรสวรรค์ระดับนี้ไม่เคยพบมาก่อนจริงๆ!

และก็ด้วยเหตุนี้ ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาถึงแหกกฎรับฉู่ซื่อเหรินเป็นศิษย์สืบทอด!

เดิมทีเขาหมายจะทำให้สำนักตกตะลึง แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นฝันร้ายของตนเอง!

ศิษย์ผู้นี้กลับไม่ชอบฝึกบำเพ็ญเสียได้!

‘ถูกต้อง! ไม่ชอบ!

มารดามันเถอะ!

ไม่ชอบแล้วเหตุใดถึงกราบข้าเป็นอาจารย์ตั้งแต่แรก’

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาปวดหัวมาก ลืมไปแล้วว่าในอดีตเขายืนกรานจะรับฉู่ซื่อเหรินเป็นศิษย์เอง

ฉู่ซื่อเหรินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ท่านรู้ปณิธานของข้าดี ข้าคิดว่าพลังวิญญาณเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ขัดขวางเส้นทางสู่ความสงบสุขของคนบนโลก ดังนั้นข้าจึงไม่อาจฝึกฝนได้”

ไม่อาจฝึกฝนได้!

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาโมโหแทบตายแล้ว

“อยากจะส่งเจ้าไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนให้ผู้อาวุโสสังหารเทพเปลี่ยนนิสัยของเจ้าเสียจริงๆ!” ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาแค่นเสียงขึ้นจมูก

ฉู่ซื่อเหรินมาสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ได้ระยะหนึ่งแล้ว ย่อมเคยได้ยินเรื่องเล่าของเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาจึงถามด้วยความสงสัย “อาจารย์ ผู้อาวุโสสังหารเทพเป็นคนแบบไหนหรือ”

เขาสนใจเรื่องผู้อาวุโสสังหารเทพมาก

ในฐานะผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนัก ผู้อาวุโสสังหารเทพปรากฏตัวให้เห็นน้อยมาก ไม่ยึดอำนาจ ไม่สร้างปัญหา ไม่ต้องการสตรี มีแค่ตอนที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เผชิญกับหายนะสูงสุดถึงจะลงมือ

ในความคิดของเขา นี่คืออริยบุคคล!

เขารู้สึกว่าการเข้าใจผู้อาวุโสสังหารเทพ จะช่วยสร้างความเสถียรให้มหามรรคที่เขาต้องการได้

เวไนยสัตว์สงบสุข!

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าเข้าสำนักมานานเช่นนี้ ยังไม่เคยพบท่านเลย” ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาแค่นเสียงฮึพร้อมเอ่ย

นี่คือเรื่องจริง เขาเพิ่งเข้าสำนักมาไม่กี่ร้อยปี

ฉู่ซื่อเหรินถาม “เหตุใดคนบนโลกถึงต้องแสวงหาการมีอายุยืนยาว อายุยืนยาวดีจริงหรือ ด้วยกมลสันดานที่ชั่วร้ายของมนุษย์โลก หากคนมีอายุยืนยาว เช่นนั้นฟ้าดินจะแบกรับได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินคำถามของเขา ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาก็ปวดหัว ตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใช่ว่าทุกคนจะมีอายุยืนยาวได้ อายุยืนยาวเป็นแค่ตำนาน มนุษย์ฝึกบำเพ็ญเพียรก็เพื่อต่อกรกับสวรรค์”

“สวรรค์ปฏิบัติต่อคนบนโลกอย่างไม่ยุติธรรมหรือ”

“ไสหัวไป!”

“อาจารย์ ศิษย์ขอแนะนำท่านสักประโยค อย่าฝึกบำเพ็ญเลยจะดีกว่า พวกเราศิษย์อาจารย์ช่วยกันส่งเสริม…”

“หากยังไม่ไสหัวไป ข้าจะขับไล่เจ้าออกจากสำนัก!”

“เอาเถอะ!”

ฉู่ซื่อเหรินถอนหายใจ เดินจากไปอย่างเหงาหงอย

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาชื่นชมพรสวรรค์ของเขาจริงๆ มิเช่นนั้นคงไม่เอาใจเขาเช่นนี้

จนปัญญาที่ความคิดของฉู่ซื่อเหรินมีปัญหา

“หรือไม่ก็ส่งตัวเขาไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนสักระยะ?” ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาเกิดความคิดนี้ขึ้นมา

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+