ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 179 เซียนสวรรค์วัฏจักรระยะกลาง เคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 179 เซียนสวรรค์วัฏจักรระยะกลาง เคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 179 เซียนสวรรค์วัฏจักรระยะกลาง เคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง

เซียนเมฆาแดงกล่าวขึ้นมาก่อน “กลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังเทพปีศาจใกล้จะประนีประนอมแล้ว เมื่อวังสวรรค์ประหารชีวิตเทพปีศาจ ไม่นานนักก็จะชำระล้างโลกมนุษย์ เทพเซียนจำนวนไม่น้อยต่างให้ความสนใจในตัวเจ้าแล้ว”

ด้วยการช่วยเหลือด้านการแอบซ่อนของระบบ เซียนเมฆาแดงจึงไม่ทราบว่าตบะของหานเจวี๋ยไล่ตามตนเองทันแล้ว

หานเจวี๋ยพยักหน้าลงกล่าวว่า “ขอบคุณที่กล่าวเตือน”

ก่อนหน้านั้นเทพเซียนจำนวนมากเกิดความประทับใจในตัวเขา เกลียดชังเขา แสดงว่าเทพเซียนก็เห็นด้วยกับแผนที่จะพิสูจน์พรสวรรค์ของตนเอง ตามที่จั้งกูซิงบอก แม่ทัพสวรรค์ที่ลงมาโลกมนุษย์ที่แข็งแกร่งสุดก็ไม่เกินระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ หานเจวี๋ยย่อมไม่กดดันมาก

“ดูเหมือนเจ้าจะล่วงเกินเทพยุทธ์จวี้หลิงเข้า แม่ทัพสวรรค์ที่นำทัพมากวาดล้างโลกมนุษย์แห่งนี้ก็คือเขา” เซียนเมฆาแดงกล่าวต่อ

หานเจวี๋ยกลับไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด ตบะบำเพ็ญของเทพยุทธ์จวี้หลิงอยู่ในระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ ใช่ว่าจะไม่สามารถต่อกรได้

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วกล่าว “ข้าไม่รู้จักเทพยุทธ์จวี้หลิง ก่อนหน้านั้นกลับมีแม่ทัพสวรรค์ท่านหนึ่งลงมาหาเรื่องข้าที่โลกมนุษย์ นามว่าหยางซ่าน”

เซียนเมฆาแดงพลันเข้าใจขึ้นมาในทันที “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หยางซ่านเป็นคนของเทพยุทธ์จวี้หลิง ตำแหน่งไม่สูง แต่เป็นที่ชื่นชอบของเทพยุทธ์จวี้หลิงมาก แต่จะว่าไปแล้ว หยางซ่านแอบลงมาที่โลกมนุษย์ ฝ่าฝืนกฎสวรรค์ เรื่องนี้ข้าจะต้องร้องเรียนอย่างแน่นอน!”

หานเจวี๋ยยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

ขณะนี้เซียนเมฆาแดงเพียงแค่ส่งข่าวให้เขาเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้แข็งกร้าวแต่อย่างใด มิเช่นนั้นจะยอมให้โลกมนุษย์ของตนเองถูกกวาดล้างได้อย่างไร

“จริงสิ ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับบรรพชนพุทธภควัตหรือไม่” หานเจวี๋ยถามขึ้นในทันใด

“บรรพชนพุทธภควัต? เคยได้ยิน สำนักพุทธมีพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ บรรพชนพุทธภควัตมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ที่สำคัญคือท่านละทิ้งสำนักพุทธ แต่กลับเกลี้ยกล่อมให้สำนักพุทธละทิ้งการฝึกฝน น่าขันยิ่งนัก”

เซียนเมฆาแดงตอบ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้เขาก็อยากจะหัวเราะออกมา

หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “เพราะเหตุใด”

“ใครจะรู้เล่า ข้ามักจะรู้สึกว่าสำนักพุทธมีแผนร้าย”

หานเจวี๋ยจมสู่ห้วงความคิด

หากที่เซียนเมฆาแดงกล่าวเป็นความจริง เช่นนั้นฉู่ซื่อเหรินอาจจะไม่ใช่เครื่องมือที่สำนักพุทธส่งเข้ามา แนวคิดมันไม่สอดคล้องกันจริงๆ

ในทางกลับกันหากใต้สังกัดเขามีศิษย์เช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องส่งฉู่ซื่อเหรินไปยังกลุ่มอิทธิพลของศัตรู

บางทีนี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ฉู่ซื่อเหรินฝึกเต๋า

“รอจนเรื่องของเทพปีศาจสิ้นสุดลงแล้ว ข้าก็จะถูกถอดออก เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ หากเจ้านึกเสียใจในภายหลัง ตอนนี้ก็ยังทันเวลา ข้าสามารถช่วยแนะนำเจ้าให้เข้าวังสวรรค์ได้” เซียนเมฆาแดงจ้องมองหานเจวี๋ยพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้ายังไม่นึกเสียใจ ขอบคุณในความหวังดีของผู้อาวุโส”

ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันนานนัก

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับเข้าสู่กายเนื้อ

เขานำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งเทพยุทธ์จวี้หลิง

ถึงอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็อยู่ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ หากสามารถป้องกันได้ก็ป้องกันไว้ก่อน

……

ตั้งแต่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนกลายเป็นอาณาเขตเต๋า พลังวิญญาณก็เพิ่มขึ้นห้าเท่า ตบะของผู้คนบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนทั้งหลายต่างก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากราชามังกรสามหัวกินวิญญาณยวนหวงหลงไป สายเลือดก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปทางมังกรแท้ แต่ยังไม่ทันจะได้กลายเป็นมังกรแท้โดยสมบูรณ์ เขากลับมีหัวมังกรงอกออกมาอีกสองหัว กลายเป็นราชามังกรห้าหัว

ไม่เพียงเท่านี้ ตบะของเขาก็ทะลวงถึงระดับมหายานขั้นแปดแล้ว

ตบะของคนอื่นๆ ก็เลื่อนระดับขึ้นอย่างมั่นคง หยางเทียนตงที่อ่อนแอที่สุดก็เริ่มแข่งขันช่วงชิงเข้าสู่ระดับสุญตา

หลังจากสิงหงเสวียนและเซียนซีเสวียนกลับมาและพบว่าพลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก พวกนางก็ไม่ออกไประเหเร่ร่อนอีก กลับปิดด่านฝึกฝนด้วยเช่นกัน

เมื่อพลังวิญญาณพัฒนาจนถึงระดับที่แน่นอนแล้ว ต่อให้คุณสมบัติจะด้อยเพียงใดก็สามารถกลายเป็นเซียนได้

แน่นอนว่าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนยังไม่ได้พัฒนาไปถึงระดับนั้น

ผ่านไปอีกประมาณสิบปี

ฟางเหลียงกลับมาแล้ว

เขามาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ยเป็นอันดับแรก แล้วค่อยกลับไปฝึกฝนใต้ต้นฝูซัง

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเขาเหงาหงอยอยู่บ้าง และก็ไม่ได้เอ่ยถึงธิดาเทพเผ่าปีศาจผู้นั้น

‘ดูท่าเจ้าหมอนี่จะบาดเจ็บกับความรัก’

หายเจวี๋ยเองก็ไม่ได้สนใจ ในเมื่อฟางเหลียงยังไม่อยากพูด แล้วเขาจะไปถามให้มากความเพื่อเหตุใด

เขาเปิดดูค่าความสัมพันธ์เพื่อตรวจดูจดหมาย

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านไปจากโลกมนุษย์]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านก้าวเข้าสู่มรรคผลไท่อี่ สำเร็จเป็นเซียนพิภพไท่อี่]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย ดวงชะตาของจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำที่เป็นศัตรูคู่แค้นของท่านถดถอย อายุขัยลดลงสามพันปี]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x178930

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีได้ผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]

[สวินฉางอันศิษย์ของท่านได้รับโชคจากฟ้าดิน ดวงชะตาเพิ่มพูน]

……

โม่ฟู่โฉวไปจากโลกมนุษย์?

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หรือว่าเผ่ามารกำลังวางแผนร้ายอะไร

อีกประเดี๋ยวลองถามโม่จู๋ดูสักหน่อย!

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าโจวฝานถูกมู่หรงฉี่โจมตี นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก

โจวฝานก็น่าอนาถเกินไปแล้วกระมัง

อยู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกสงสารอยู่บ้าง

แม้โจวฝานจะชอบถือดี อีกทั้งยังอาฆาตแค้นฝังลึก แต่ระดับความประทับใจที่มีต่อเขาไม่เคยลดลงเลย

ตายไปแล้วหลายครั้ง ตอนนี้สู้มู่หรงฉี่ไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองต่อสู้กันเพราะเรื่องใด

หานเจวี๋ยดูอยู่พักหนึ่ง ก็เชื่อมต่อพลังจิตกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ของโม่จู๋

โม่จู๋กำลังนั่งฝึกฝนอยู่ในศาลบรรพชนแห่งหนึ่ง ไม่มีคนอื่นอยู่ข้างกาย

“โม่ฟู่โฉวไปไหนเล่า” เสียงของหานเจวี๋ยดังขึ้น โม่จู๋ลืมตาขึ้นมาในทันที

นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หานเจวี๋ยติดต่อกับนางผ่านหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ ดังนั้นนางจึงไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด เพียงชอบก็เท่านั้น

นางรีบนำหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมา เอ่ยตอบกลับไปว่า “หลายปีก่อน เขาบอกว่าสัมผัสได้ถึงโอกาสวาสนา อยากออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ส่วนไปที่ใดนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบ”

ในหลายร้อยปีที่ผ่านมาพวกโม่ฟู่โฉว โม่โยวหลิงและโม่จู๋ทั้งสามคนพบเจอศิษย์ตระกูลโม่จำนวนไม่น้อย หลังจากชุมนุมกันอีกครั้งก็ออกห่างจากทางโลก ศิษย์ตระกูลโม่มีเกินพันคนแล้ว นับว่าได้ผุดขึ้นใหม่อีกครั้ง

แต่ว่าใต้หล้าต่างก็ตามล่าสังหารผู้บำเพ็ญสายมารอยู่ เพราะอย่างนั้นโม่จู๋เองก็ไม่กล้าไปหาหานเจวี๋ย

“ช่วงนี้บำเพ็ญเพียรเป็นอย่างไร” หานเจวี๋ยถาม

โม่จู๋ตอบ “ข้าใกล้จะทะลวงระดับสุญตาแล้ว”

น้ำเสียงของนางดูภูมิใจอยู่บ้าง

หลังจากสืบทอดวิชามารตระกูลโม่ ระดับความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของนางก็เพิ่มขึ้นบ้างจริงๆ

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง หานเจวี๋ยก็ตัดการเชื่อมต่อกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์

โม่จู๋มีความสุขเป็นอย่างมาก ผ่านมานานหลายปีเพียงนี้ เขาก็ยังใส่ใจนางอยู่

‘ข้าจะต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดี ภายหน้าจะได้ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับเขา ฝึกฝนเป็นเพื่อนกับเขาตลอดเส้นทางการบำเพ็ญเพียร’

โม่จู๋คิดอย่างแน่วแน่

‘ผ่านมานานหลายปีเพียงนี้ เขาคงบรรลุระดับมหายานแล้ว’

ทั้งสองยังห่างชั้นกันมากนัก

……

สิบสองปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุระดับเซียนวัฏจักรระยะกลางในที่สุด สุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าความเร็วในการบำเพ็ญเพียรยังคงช้าไปอยู่บ้าง

อย่างไรเสียก็ใช่ว่าเขาจะมีแค่ดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียน แต่ยังมีร่างวิญญาณหกสาย พรสวรรค์มรรคกระบี่ขั้นสูงสุด และความสามารถในการเข้าใจขั้นสูงสุด

‘ต้นฝูซัง น้ำเต้าพิภพเซียน ดอกพลับพลึงแดง หญ้าโลกาสวรรค์และวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้ายังอยู่ในระหว่างการเติบโต ไอเซียนบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนไม่อาจเทียบได้กับสวรรค์เบื้องบน’

หานเจวี๋ยคิดอย่าเงียบๆ

‘ยังคงต้องขึ้นสวรรค์อยู่ดีสินะ’

รอให้ผ่านด่านเคราะห์ของวังสวรรค์ก่อน เขาก็ควรจะพิจารณาถึงการขึ้นสวรรค์ได้เสียที

เพียงแค่วังสวรรค์ยอมปล่อยโลกมนุษย์แห่งนี้ หานเจวี๋ยก็นับว่าไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวล

เขาไม่อาจเข้าร่วมกับวังสวรรค์หรือวังเทพได้ กลุ่มอิทธิพลใหญ่สองกลุ่มนี้จะต้องมีปัญหามากมายแน่

แน่นอนว่า หากเขาได้รับของล้ำค่าฟ้าดินที่สามารถผลิตไอเซียนผ่านระบบได้ก่อนที่จะขึ้นสวรรค์ ก็ใช่ว่าจะจำเป็นต้องขึ้นไป

หานเจวี๋ยคิดไปพลางทำตบะให้มั่นคง

วันนี้เอง

ต้าเยี่ยนต้อนรับการมาเยือนของหิมะหอบใหญ่ที่พบเจอได้ยากมากในรอบหลายร้อยปี ซึ่งใหญ่กว่าตอนที่ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ตื่นขึ้นมาในครานั้นนัก แม้กระทั่งดวงตะวันบนท้องนภายังถูกหิมะที่โปรยปรายบดบังไว้

ไม่ใช่เพียงต้าเยี่ยน เขตและราชวงศ์อื่นๆ ก็เป็นเช่นนี้

หานเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

เกรงว่าเคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง!

เป็นถึงระดับเซียนสวรรค์วัฏจักร ลางสังหรณ์ของเขาย่อมเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 179 เซียนสวรรค์วัฏจักรระยะกลาง เคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 179 เซียนสวรรค์วัฏจักรระยะกลาง เคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 179 เซียนสวรรค์วัฏจักรระยะกลาง เคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง

เซียนเมฆาแดงกล่าวขึ้นมาก่อน “กลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังเทพปีศาจใกล้จะประนีประนอมแล้ว เมื่อวังสวรรค์ประหารชีวิตเทพปีศาจ ไม่นานนักก็จะชำระล้างโลกมนุษย์ เทพเซียนจำนวนไม่น้อยต่างให้ความสนใจในตัวเจ้าแล้ว”

ด้วยการช่วยเหลือด้านการแอบซ่อนของระบบ เซียนเมฆาแดงจึงไม่ทราบว่าตบะของหานเจวี๋ยไล่ตามตนเองทันแล้ว

หานเจวี๋ยพยักหน้าลงกล่าวว่า “ขอบคุณที่กล่าวเตือน”

ก่อนหน้านั้นเทพเซียนจำนวนมากเกิดความประทับใจในตัวเขา เกลียดชังเขา แสดงว่าเทพเซียนก็เห็นด้วยกับแผนที่จะพิสูจน์พรสวรรค์ของตนเอง ตามที่จั้งกูซิงบอก แม่ทัพสวรรค์ที่ลงมาโลกมนุษย์ที่แข็งแกร่งสุดก็ไม่เกินระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ หานเจวี๋ยย่อมไม่กดดันมาก

“ดูเหมือนเจ้าจะล่วงเกินเทพยุทธ์จวี้หลิงเข้า แม่ทัพสวรรค์ที่นำทัพมากวาดล้างโลกมนุษย์แห่งนี้ก็คือเขา” เซียนเมฆาแดงกล่าวต่อ

หานเจวี๋ยกลับไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด ตบะบำเพ็ญของเทพยุทธ์จวี้หลิงอยู่ในระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ ใช่ว่าจะไม่สามารถต่อกรได้

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วกล่าว “ข้าไม่รู้จักเทพยุทธ์จวี้หลิง ก่อนหน้านั้นกลับมีแม่ทัพสวรรค์ท่านหนึ่งลงมาหาเรื่องข้าที่โลกมนุษย์ นามว่าหยางซ่าน”

เซียนเมฆาแดงพลันเข้าใจขึ้นมาในทันที “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หยางซ่านเป็นคนของเทพยุทธ์จวี้หลิง ตำแหน่งไม่สูง แต่เป็นที่ชื่นชอบของเทพยุทธ์จวี้หลิงมาก แต่จะว่าไปแล้ว หยางซ่านแอบลงมาที่โลกมนุษย์ ฝ่าฝืนกฎสวรรค์ เรื่องนี้ข้าจะต้องร้องเรียนอย่างแน่นอน!”

หานเจวี๋ยยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

ขณะนี้เซียนเมฆาแดงเพียงแค่ส่งข่าวให้เขาเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้แข็งกร้าวแต่อย่างใด มิเช่นนั้นจะยอมให้โลกมนุษย์ของตนเองถูกกวาดล้างได้อย่างไร

“จริงสิ ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับบรรพชนพุทธภควัตหรือไม่” หานเจวี๋ยถามขึ้นในทันใด

“บรรพชนพุทธภควัต? เคยได้ยิน สำนักพุทธมีพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ บรรพชนพุทธภควัตมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ที่สำคัญคือท่านละทิ้งสำนักพุทธ แต่กลับเกลี้ยกล่อมให้สำนักพุทธละทิ้งการฝึกฝน น่าขันยิ่งนัก”

เซียนเมฆาแดงตอบ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้เขาก็อยากจะหัวเราะออกมา

หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “เพราะเหตุใด”

“ใครจะรู้เล่า ข้ามักจะรู้สึกว่าสำนักพุทธมีแผนร้าย”

หานเจวี๋ยจมสู่ห้วงความคิด

หากที่เซียนเมฆาแดงกล่าวเป็นความจริง เช่นนั้นฉู่ซื่อเหรินอาจจะไม่ใช่เครื่องมือที่สำนักพุทธส่งเข้ามา แนวคิดมันไม่สอดคล้องกันจริงๆ

ในทางกลับกันหากใต้สังกัดเขามีศิษย์เช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องส่งฉู่ซื่อเหรินไปยังกลุ่มอิทธิพลของศัตรู

บางทีนี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ฉู่ซื่อเหรินฝึกเต๋า

“รอจนเรื่องของเทพปีศาจสิ้นสุดลงแล้ว ข้าก็จะถูกถอดออก เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ หากเจ้านึกเสียใจในภายหลัง ตอนนี้ก็ยังทันเวลา ข้าสามารถช่วยแนะนำเจ้าให้เข้าวังสวรรค์ได้” เซียนเมฆาแดงจ้องมองหานเจวี๋ยพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้ายังไม่นึกเสียใจ ขอบคุณในความหวังดีของผู้อาวุโส”

ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันนานนัก

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับเข้าสู่กายเนื้อ

เขานำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งเทพยุทธ์จวี้หลิง

ถึงอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็อยู่ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ หากสามารถป้องกันได้ก็ป้องกันไว้ก่อน

……

ตั้งแต่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนกลายเป็นอาณาเขตเต๋า พลังวิญญาณก็เพิ่มขึ้นห้าเท่า ตบะของผู้คนบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนทั้งหลายต่างก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากราชามังกรสามหัวกินวิญญาณยวนหวงหลงไป สายเลือดก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปทางมังกรแท้ แต่ยังไม่ทันจะได้กลายเป็นมังกรแท้โดยสมบูรณ์ เขากลับมีหัวมังกรงอกออกมาอีกสองหัว กลายเป็นราชามังกรห้าหัว

ไม่เพียงเท่านี้ ตบะของเขาก็ทะลวงถึงระดับมหายานขั้นแปดแล้ว

ตบะของคนอื่นๆ ก็เลื่อนระดับขึ้นอย่างมั่นคง หยางเทียนตงที่อ่อนแอที่สุดก็เริ่มแข่งขันช่วงชิงเข้าสู่ระดับสุญตา

หลังจากสิงหงเสวียนและเซียนซีเสวียนกลับมาและพบว่าพลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก พวกนางก็ไม่ออกไประเหเร่ร่อนอีก กลับปิดด่านฝึกฝนด้วยเช่นกัน

เมื่อพลังวิญญาณพัฒนาจนถึงระดับที่แน่นอนแล้ว ต่อให้คุณสมบัติจะด้อยเพียงใดก็สามารถกลายเป็นเซียนได้

แน่นอนว่าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนยังไม่ได้พัฒนาไปถึงระดับนั้น

ผ่านไปอีกประมาณสิบปี

ฟางเหลียงกลับมาแล้ว

เขามาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ยเป็นอันดับแรก แล้วค่อยกลับไปฝึกฝนใต้ต้นฝูซัง

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเขาเหงาหงอยอยู่บ้าง และก็ไม่ได้เอ่ยถึงธิดาเทพเผ่าปีศาจผู้นั้น

‘ดูท่าเจ้าหมอนี่จะบาดเจ็บกับความรัก’

หายเจวี๋ยเองก็ไม่ได้สนใจ ในเมื่อฟางเหลียงยังไม่อยากพูด แล้วเขาจะไปถามให้มากความเพื่อเหตุใด

เขาเปิดดูค่าความสัมพันธ์เพื่อตรวจดูจดหมาย

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านไปจากโลกมนุษย์]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านก้าวเข้าสู่มรรคผลไท่อี่ สำเร็จเป็นเซียนพิภพไท่อี่]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย ดวงชะตาของจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำที่เป็นศัตรูคู่แค้นของท่านถดถอย อายุขัยลดลงสามพันปี]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x178930

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีได้ผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]

[สวินฉางอันศิษย์ของท่านได้รับโชคจากฟ้าดิน ดวงชะตาเพิ่มพูน]

……

โม่ฟู่โฉวไปจากโลกมนุษย์?

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หรือว่าเผ่ามารกำลังวางแผนร้ายอะไร

อีกประเดี๋ยวลองถามโม่จู๋ดูสักหน่อย!

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าโจวฝานถูกมู่หรงฉี่โจมตี นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก

โจวฝานก็น่าอนาถเกินไปแล้วกระมัง

อยู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกสงสารอยู่บ้าง

แม้โจวฝานจะชอบถือดี อีกทั้งยังอาฆาตแค้นฝังลึก แต่ระดับความประทับใจที่มีต่อเขาไม่เคยลดลงเลย

ตายไปแล้วหลายครั้ง ตอนนี้สู้มู่หรงฉี่ไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองต่อสู้กันเพราะเรื่องใด

หานเจวี๋ยดูอยู่พักหนึ่ง ก็เชื่อมต่อพลังจิตกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ของโม่จู๋

โม่จู๋กำลังนั่งฝึกฝนอยู่ในศาลบรรพชนแห่งหนึ่ง ไม่มีคนอื่นอยู่ข้างกาย

“โม่ฟู่โฉวไปไหนเล่า” เสียงของหานเจวี๋ยดังขึ้น โม่จู๋ลืมตาขึ้นมาในทันที

นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หานเจวี๋ยติดต่อกับนางผ่านหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ ดังนั้นนางจึงไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด เพียงชอบก็เท่านั้น

นางรีบนำหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมา เอ่ยตอบกลับไปว่า “หลายปีก่อน เขาบอกว่าสัมผัสได้ถึงโอกาสวาสนา อยากออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ส่วนไปที่ใดนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบ”

ในหลายร้อยปีที่ผ่านมาพวกโม่ฟู่โฉว โม่โยวหลิงและโม่จู๋ทั้งสามคนพบเจอศิษย์ตระกูลโม่จำนวนไม่น้อย หลังจากชุมนุมกันอีกครั้งก็ออกห่างจากทางโลก ศิษย์ตระกูลโม่มีเกินพันคนแล้ว นับว่าได้ผุดขึ้นใหม่อีกครั้ง

แต่ว่าใต้หล้าต่างก็ตามล่าสังหารผู้บำเพ็ญสายมารอยู่ เพราะอย่างนั้นโม่จู๋เองก็ไม่กล้าไปหาหานเจวี๋ย

“ช่วงนี้บำเพ็ญเพียรเป็นอย่างไร” หานเจวี๋ยถาม

โม่จู๋ตอบ “ข้าใกล้จะทะลวงระดับสุญตาแล้ว”

น้ำเสียงของนางดูภูมิใจอยู่บ้าง

หลังจากสืบทอดวิชามารตระกูลโม่ ระดับความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของนางก็เพิ่มขึ้นบ้างจริงๆ

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง หานเจวี๋ยก็ตัดการเชื่อมต่อกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์

โม่จู๋มีความสุขเป็นอย่างมาก ผ่านมานานหลายปีเพียงนี้ เขาก็ยังใส่ใจนางอยู่

‘ข้าจะต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดี ภายหน้าจะได้ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับเขา ฝึกฝนเป็นเพื่อนกับเขาตลอดเส้นทางการบำเพ็ญเพียร’

โม่จู๋คิดอย่างแน่วแน่

‘ผ่านมานานหลายปีเพียงนี้ เขาคงบรรลุระดับมหายานแล้ว’

ทั้งสองยังห่างชั้นกันมากนัก

……

สิบสองปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุระดับเซียนวัฏจักรระยะกลางในที่สุด สุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าความเร็วในการบำเพ็ญเพียรยังคงช้าไปอยู่บ้าง

อย่างไรเสียก็ใช่ว่าเขาจะมีแค่ดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียน แต่ยังมีร่างวิญญาณหกสาย พรสวรรค์มรรคกระบี่ขั้นสูงสุด และความสามารถในการเข้าใจขั้นสูงสุด

‘ต้นฝูซัง น้ำเต้าพิภพเซียน ดอกพลับพลึงแดง หญ้าโลกาสวรรค์และวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้ายังอยู่ในระหว่างการเติบโต ไอเซียนบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนไม่อาจเทียบได้กับสวรรค์เบื้องบน’

หานเจวี๋ยคิดอย่าเงียบๆ

‘ยังคงต้องขึ้นสวรรค์อยู่ดีสินะ’

รอให้ผ่านด่านเคราะห์ของวังสวรรค์ก่อน เขาก็ควรจะพิจารณาถึงการขึ้นสวรรค์ได้เสียที

เพียงแค่วังสวรรค์ยอมปล่อยโลกมนุษย์แห่งนี้ หานเจวี๋ยก็นับว่าไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวล

เขาไม่อาจเข้าร่วมกับวังสวรรค์หรือวังเทพได้ กลุ่มอิทธิพลใหญ่สองกลุ่มนี้จะต้องมีปัญหามากมายแน่

แน่นอนว่า หากเขาได้รับของล้ำค่าฟ้าดินที่สามารถผลิตไอเซียนผ่านระบบได้ก่อนที่จะขึ้นสวรรค์ ก็ใช่ว่าจะจำเป็นต้องขึ้นไป

หานเจวี๋ยคิดไปพลางทำตบะให้มั่นคง

วันนี้เอง

ต้าเยี่ยนต้อนรับการมาเยือนของหิมะหอบใหญ่ที่พบเจอได้ยากมากในรอบหลายร้อยปี ซึ่งใหญ่กว่าตอนที่ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ตื่นขึ้นมาในครานั้นนัก แม้กระทั่งดวงตะวันบนท้องนภายังถูกหิมะที่โปรยปรายบดบังไว้

ไม่ใช่เพียงต้าเยี่ยน เขตและราชวงศ์อื่นๆ ก็เป็นเช่นนี้

หานเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

เกรงว่าเคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง!

เป็นถึงระดับเซียนสวรรค์วัฏจักร ลางสังหรณ์ของเขาย่อมเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 179 เซียนสวรรค์วัฏจักรระยะกลาง เคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 179 เซียนสวรรค์วัฏจักรระยะกลาง เคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 179 เซียนสวรรค์วัฏจักรระยะกลาง เคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง

เซียนเมฆาแดงกล่าวขึ้นมาก่อน “กลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังเทพปีศาจใกล้จะประนีประนอมแล้ว เมื่อวังสวรรค์ประหารชีวิตเทพปีศาจ ไม่นานนักก็จะชำระล้างโลกมนุษย์ เทพเซียนจำนวนไม่น้อยต่างให้ความสนใจในตัวเจ้าแล้ว”

ด้วยการช่วยเหลือด้านการแอบซ่อนของระบบ เซียนเมฆาแดงจึงไม่ทราบว่าตบะของหานเจวี๋ยไล่ตามตนเองทันแล้ว

หานเจวี๋ยพยักหน้าลงกล่าวว่า “ขอบคุณที่กล่าวเตือน”

ก่อนหน้านั้นเทพเซียนจำนวนมากเกิดความประทับใจในตัวเขา เกลียดชังเขา แสดงว่าเทพเซียนก็เห็นด้วยกับแผนที่จะพิสูจน์พรสวรรค์ของตนเอง ตามที่จั้งกูซิงบอก แม่ทัพสวรรค์ที่ลงมาโลกมนุษย์ที่แข็งแกร่งสุดก็ไม่เกินระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ หานเจวี๋ยย่อมไม่กดดันมาก

“ดูเหมือนเจ้าจะล่วงเกินเทพยุทธ์จวี้หลิงเข้า แม่ทัพสวรรค์ที่นำทัพมากวาดล้างโลกมนุษย์แห่งนี้ก็คือเขา” เซียนเมฆาแดงกล่าวต่อ

หานเจวี๋ยกลับไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด ตบะบำเพ็ญของเทพยุทธ์จวี้หลิงอยู่ในระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ ใช่ว่าจะไม่สามารถต่อกรได้

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วกล่าว “ข้าไม่รู้จักเทพยุทธ์จวี้หลิง ก่อนหน้านั้นกลับมีแม่ทัพสวรรค์ท่านหนึ่งลงมาหาเรื่องข้าที่โลกมนุษย์ นามว่าหยางซ่าน”

เซียนเมฆาแดงพลันเข้าใจขึ้นมาในทันที “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หยางซ่านเป็นคนของเทพยุทธ์จวี้หลิง ตำแหน่งไม่สูง แต่เป็นที่ชื่นชอบของเทพยุทธ์จวี้หลิงมาก แต่จะว่าไปแล้ว หยางซ่านแอบลงมาที่โลกมนุษย์ ฝ่าฝืนกฎสวรรค์ เรื่องนี้ข้าจะต้องร้องเรียนอย่างแน่นอน!”

หานเจวี๋ยยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

ขณะนี้เซียนเมฆาแดงเพียงแค่ส่งข่าวให้เขาเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้แข็งกร้าวแต่อย่างใด มิเช่นนั้นจะยอมให้โลกมนุษย์ของตนเองถูกกวาดล้างได้อย่างไร

“จริงสิ ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับบรรพชนพุทธภควัตหรือไม่” หานเจวี๋ยถามขึ้นในทันใด

“บรรพชนพุทธภควัต? เคยได้ยิน สำนักพุทธมีพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ บรรพชนพุทธภควัตมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ที่สำคัญคือท่านละทิ้งสำนักพุทธ แต่กลับเกลี้ยกล่อมให้สำนักพุทธละทิ้งการฝึกฝน น่าขันยิ่งนัก”

เซียนเมฆาแดงตอบ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้เขาก็อยากจะหัวเราะออกมา

หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “เพราะเหตุใด”

“ใครจะรู้เล่า ข้ามักจะรู้สึกว่าสำนักพุทธมีแผนร้าย”

หานเจวี๋ยจมสู่ห้วงความคิด

หากที่เซียนเมฆาแดงกล่าวเป็นความจริง เช่นนั้นฉู่ซื่อเหรินอาจจะไม่ใช่เครื่องมือที่สำนักพุทธส่งเข้ามา แนวคิดมันไม่สอดคล้องกันจริงๆ

ในทางกลับกันหากใต้สังกัดเขามีศิษย์เช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องส่งฉู่ซื่อเหรินไปยังกลุ่มอิทธิพลของศัตรู

บางทีนี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ฉู่ซื่อเหรินฝึกเต๋า

“รอจนเรื่องของเทพปีศาจสิ้นสุดลงแล้ว ข้าก็จะถูกถอดออก เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ หากเจ้านึกเสียใจในภายหลัง ตอนนี้ก็ยังทันเวลา ข้าสามารถช่วยแนะนำเจ้าให้เข้าวังสวรรค์ได้” เซียนเมฆาแดงจ้องมองหานเจวี๋ยพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้ายังไม่นึกเสียใจ ขอบคุณในความหวังดีของผู้อาวุโส”

ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันนานนัก

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับเข้าสู่กายเนื้อ

เขานำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งเทพยุทธ์จวี้หลิง

ถึงอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็อยู่ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ หากสามารถป้องกันได้ก็ป้องกันไว้ก่อน

……

ตั้งแต่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนกลายเป็นอาณาเขตเต๋า พลังวิญญาณก็เพิ่มขึ้นห้าเท่า ตบะของผู้คนบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนทั้งหลายต่างก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากราชามังกรสามหัวกินวิญญาณยวนหวงหลงไป สายเลือดก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปทางมังกรแท้ แต่ยังไม่ทันจะได้กลายเป็นมังกรแท้โดยสมบูรณ์ เขากลับมีหัวมังกรงอกออกมาอีกสองหัว กลายเป็นราชามังกรห้าหัว

ไม่เพียงเท่านี้ ตบะของเขาก็ทะลวงถึงระดับมหายานขั้นแปดแล้ว

ตบะของคนอื่นๆ ก็เลื่อนระดับขึ้นอย่างมั่นคง หยางเทียนตงที่อ่อนแอที่สุดก็เริ่มแข่งขันช่วงชิงเข้าสู่ระดับสุญตา

หลังจากสิงหงเสวียนและเซียนซีเสวียนกลับมาและพบว่าพลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก พวกนางก็ไม่ออกไประเหเร่ร่อนอีก กลับปิดด่านฝึกฝนด้วยเช่นกัน

เมื่อพลังวิญญาณพัฒนาจนถึงระดับที่แน่นอนแล้ว ต่อให้คุณสมบัติจะด้อยเพียงใดก็สามารถกลายเป็นเซียนได้

แน่นอนว่าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนยังไม่ได้พัฒนาไปถึงระดับนั้น

ผ่านไปอีกประมาณสิบปี

ฟางเหลียงกลับมาแล้ว

เขามาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ยเป็นอันดับแรก แล้วค่อยกลับไปฝึกฝนใต้ต้นฝูซัง

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเขาเหงาหงอยอยู่บ้าง และก็ไม่ได้เอ่ยถึงธิดาเทพเผ่าปีศาจผู้นั้น

‘ดูท่าเจ้าหมอนี่จะบาดเจ็บกับความรัก’

หายเจวี๋ยเองก็ไม่ได้สนใจ ในเมื่อฟางเหลียงยังไม่อยากพูด แล้วเขาจะไปถามให้มากความเพื่อเหตุใด

เขาเปิดดูค่าความสัมพันธ์เพื่อตรวจดูจดหมาย

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านไปจากโลกมนุษย์]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านก้าวเข้าสู่มรรคผลไท่อี่ สำเร็จเป็นเซียนพิภพไท่อี่]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย ดวงชะตาของจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำที่เป็นศัตรูคู่แค้นของท่านถดถอย อายุขัยลดลงสามพันปี]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x178930

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีได้ผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]

[สวินฉางอันศิษย์ของท่านได้รับโชคจากฟ้าดิน ดวงชะตาเพิ่มพูน]

……

โม่ฟู่โฉวไปจากโลกมนุษย์?

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หรือว่าเผ่ามารกำลังวางแผนร้ายอะไร

อีกประเดี๋ยวลองถามโม่จู๋ดูสักหน่อย!

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าโจวฝานถูกมู่หรงฉี่โจมตี นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก

โจวฝานก็น่าอนาถเกินไปแล้วกระมัง

อยู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกสงสารอยู่บ้าง

แม้โจวฝานจะชอบถือดี อีกทั้งยังอาฆาตแค้นฝังลึก แต่ระดับความประทับใจที่มีต่อเขาไม่เคยลดลงเลย

ตายไปแล้วหลายครั้ง ตอนนี้สู้มู่หรงฉี่ไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองต่อสู้กันเพราะเรื่องใด

หานเจวี๋ยดูอยู่พักหนึ่ง ก็เชื่อมต่อพลังจิตกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ของโม่จู๋

โม่จู๋กำลังนั่งฝึกฝนอยู่ในศาลบรรพชนแห่งหนึ่ง ไม่มีคนอื่นอยู่ข้างกาย

“โม่ฟู่โฉวไปไหนเล่า” เสียงของหานเจวี๋ยดังขึ้น โม่จู๋ลืมตาขึ้นมาในทันที

นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หานเจวี๋ยติดต่อกับนางผ่านหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ ดังนั้นนางจึงไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด เพียงชอบก็เท่านั้น

นางรีบนำหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมา เอ่ยตอบกลับไปว่า “หลายปีก่อน เขาบอกว่าสัมผัสได้ถึงโอกาสวาสนา อยากออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ส่วนไปที่ใดนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบ”

ในหลายร้อยปีที่ผ่านมาพวกโม่ฟู่โฉว โม่โยวหลิงและโม่จู๋ทั้งสามคนพบเจอศิษย์ตระกูลโม่จำนวนไม่น้อย หลังจากชุมนุมกันอีกครั้งก็ออกห่างจากทางโลก ศิษย์ตระกูลโม่มีเกินพันคนแล้ว นับว่าได้ผุดขึ้นใหม่อีกครั้ง

แต่ว่าใต้หล้าต่างก็ตามล่าสังหารผู้บำเพ็ญสายมารอยู่ เพราะอย่างนั้นโม่จู๋เองก็ไม่กล้าไปหาหานเจวี๋ย

“ช่วงนี้บำเพ็ญเพียรเป็นอย่างไร” หานเจวี๋ยถาม

โม่จู๋ตอบ “ข้าใกล้จะทะลวงระดับสุญตาแล้ว”

น้ำเสียงของนางดูภูมิใจอยู่บ้าง

หลังจากสืบทอดวิชามารตระกูลโม่ ระดับความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของนางก็เพิ่มขึ้นบ้างจริงๆ

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง หานเจวี๋ยก็ตัดการเชื่อมต่อกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์

โม่จู๋มีความสุขเป็นอย่างมาก ผ่านมานานหลายปีเพียงนี้ เขาก็ยังใส่ใจนางอยู่

‘ข้าจะต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดี ภายหน้าจะได้ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับเขา ฝึกฝนเป็นเพื่อนกับเขาตลอดเส้นทางการบำเพ็ญเพียร’

โม่จู๋คิดอย่างแน่วแน่

‘ผ่านมานานหลายปีเพียงนี้ เขาคงบรรลุระดับมหายานแล้ว’

ทั้งสองยังห่างชั้นกันมากนัก

……

สิบสองปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุระดับเซียนวัฏจักรระยะกลางในที่สุด สุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าความเร็วในการบำเพ็ญเพียรยังคงช้าไปอยู่บ้าง

อย่างไรเสียก็ใช่ว่าเขาจะมีแค่ดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียน แต่ยังมีร่างวิญญาณหกสาย พรสวรรค์มรรคกระบี่ขั้นสูงสุด และความสามารถในการเข้าใจขั้นสูงสุด

‘ต้นฝูซัง น้ำเต้าพิภพเซียน ดอกพลับพลึงแดง หญ้าโลกาสวรรค์และวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้ายังอยู่ในระหว่างการเติบโต ไอเซียนบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนไม่อาจเทียบได้กับสวรรค์เบื้องบน’

หานเจวี๋ยคิดอย่าเงียบๆ

‘ยังคงต้องขึ้นสวรรค์อยู่ดีสินะ’

รอให้ผ่านด่านเคราะห์ของวังสวรรค์ก่อน เขาก็ควรจะพิจารณาถึงการขึ้นสวรรค์ได้เสียที

เพียงแค่วังสวรรค์ยอมปล่อยโลกมนุษย์แห่งนี้ หานเจวี๋ยก็นับว่าไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวล

เขาไม่อาจเข้าร่วมกับวังสวรรค์หรือวังเทพได้ กลุ่มอิทธิพลใหญ่สองกลุ่มนี้จะต้องมีปัญหามากมายแน่

แน่นอนว่า หากเขาได้รับของล้ำค่าฟ้าดินที่สามารถผลิตไอเซียนผ่านระบบได้ก่อนที่จะขึ้นสวรรค์ ก็ใช่ว่าจะจำเป็นต้องขึ้นไป

หานเจวี๋ยคิดไปพลางทำตบะให้มั่นคง

วันนี้เอง

ต้าเยี่ยนต้อนรับการมาเยือนของหิมะหอบใหญ่ที่พบเจอได้ยากมากในรอบหลายร้อยปี ซึ่งใหญ่กว่าตอนที่ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ตื่นขึ้นมาในครานั้นนัก แม้กระทั่งดวงตะวันบนท้องนภายังถูกหิมะที่โปรยปรายบดบังไว้

ไม่ใช่เพียงต้าเยี่ยน เขตและราชวงศ์อื่นๆ ก็เป็นเช่นนี้

หานเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

เกรงว่าเคราะห์ใหญ่กำลังจะมาถึง!

เป็นถึงระดับเซียนสวรรค์วัฏจักร ลางสังหรณ์ของเขาย่อมเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+