ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 152 เซียนอิสระวัฏจักร จิตดั้งเดิมออกจากร่าง!

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 152 เซียนอิสระวัฏจักร จิตดั้งเดิมออกจากร่าง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 152 เซียนอิสระวัฏจักร จิตดั้งเดิมออกจากร่าง!

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หลังจากหานเจวี๋ยบูรณาการตำราฝึกบำเพ็ญโลกมนุษย์ของวิชาวัฏจักรหกวิถีแล้ว ในที่สุดก็หยั่งถึงวิชายุทธ์ฝึกบำเพ็ญในระดับที่สูงยิ่งขึ้น

วัฏจักรหกระดับ!

เซียนอิสระ เซียนพิภพ เซียนสวรรค์ เซียนแท้ เซียนลึกล้ำ เซียนทอง!

ความรู้สึกถาโถมในใจของหานเจวี๋ย เริ่มโจมตีในระดับเซียนอิสระ!

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนก็เป็นเซียนอิสระ!

รอให้เขาถึงระดับเซียนอิสระแล้วจะไม่ปลิดชีพนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนในพริบตาได้อย่างไร

อีกทั้งยังมีจูเชวี่ย!

ก็เพิ่งถึงขั้นเซียนพิภพ!

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าศัตรูทั้งสองนี้กลับไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก อย่างน้อยสิ่งที่เหนือกว่าความคาดหมายของพวกเขาก็ได้พบเห็นมาแล้ว

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดให้มากความอีก เพ่งสมาธิกับการทะลวงระดับ

ด้วยคุณสมบัติของเขา การทะลวงระดับย่อมไม่เสียเวลานานเกินไปแน่

ภายในถ้ำเทวาอันมืดสลัว

ปรมาจารย์มารโลหิต มารชีผมขาวและอรหันต์มารละโมบล้วนมารวมตัวกันอีกครั้ง

อรหันต์มารละโมบกำมือทั้งสองข้างแน่น สบถด่าออกมาเสียงขรึมว่า “เมื่อไรนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนถึงจะยอมลงมา มารแท้ของเผ่ามารบุกโจมตีจวนเซียนสวรรค์สิบปียังไม่อาจโค่นล้มลงได้ ได้ยินมาว่าจี้เซียนเสินเรียนวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจวนเซียนสวรรค์แล้ว วิชาศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ไม่มีใครเรียนได้มาหมื่นปี”

“เขาไร้ซึ่งศัตรูในใต้หล้า สิ่งที่รอคอยพวกเราอยู่คือหนทางสู่ความตาย!”

สีหน้าของปรมาจารย์มารโลหิตมืดทะมึน

มารชีผมขาวกัดฟันกล่าวว่า “ข้าไม่สนแล้ว ข้าอยากขึ้นสวรรค์!”

อรหันต์มารละโมบก็พยักหน้าว่าตาม เขาเองก็ไม่อยากรอแล้วเช่นกัน

“แต่หากขึ้นสวรรค์ตอนนี้ จะถูกสายหลักโจมตีหรือไม่” ปรมาจารย์มารโลหิตกล่าวอย่างลังเล

อรหันต์มารละโมบด่าทอว่า “ปรมาจารย์มารโลหิต เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ มารแท้โจมตีจวนเซียนสวรรค์ พวกเขาจะมีเวลาสนใจพวกเราได้อย่างไร หากเจ้าไม่ขึ้นสวรรค์ก็ช่าง ระวังจะนึกเสียใจภายหลัง!”

กล่าวจบ เขาและมารชีผมขาวก็หยัดตัวลุกขึ้นเดินออกไป

สีหน้าของปรมาจารย์มารโลหิตเปลี่ยนเป็นวูบไหวมืดทะมึน

กระทั่งหลังจากกลิ่นอายของอรหันต์มารละโมบและมารชีผมขาวไกลออกไปแล้ว ยามนี้ปรมาจารย์มารโลหิตจึงนำก้อนผลึกใสชิ้นหนึ่งออกมา เอ่ยถามเสียงเบาว่า “ผู้อาวุโส ท่านยังมีเวลาอีกนานเพียงใด”

เขาไม่ได้รับการตอบกลับ ทำเพียงเฝ้ารอต่อไป

เนิ่นนาน

น้ำเสียงอ่อนแรงสายหนึ่งดังลอยออกมาจากก้อนผลึกใสนั้น “ไม่ต้องรีบ…แค่กๆ…ใกล้แล้ว”

ใจของปรมาจารย์มารโลหิตเต้นระรัวเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ”

“หาไม่ การฝึกบำเพ็ญเกิดปัญหาเล็กน้อย ข้ากำลังรอผู้อาวุโสจากวังสวรรค์ท่านหนึ่ง เจ้าวางใจเถิด ขอเพียงเจ้าเชื่อข้า หลังจากขึ้นสวรรค์แล้วมีข้าดูแลเจ้า ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าระหกระเหินเร่ร่อนแน่”

ปรมาจารย์มารโลหิตข่มกลั้นความดีใจเอาไว้ กล่าวว่า “เผ่ามารส่งมารแท้มาโจมตี แต่กลับสู้จวนเซียนสวรรค์ไม่ได้ ข้าเพียงแต่เกรงว่า…”

“จวนเซียนสวรรค์พวกเศษสวะ เจ้าจงชี้นำเผ่ามารให้ส่งมารแท้มุ่งหน้าเข้ามาเรื่อยๆ จำไว้ว่าเจ้าไม่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วม เจ้าเพียงต้องพูดเกลี้ยกล่อมเท่านั้น หากตัวเจ้าเองตกอยู่ในอันตราย ถึงตอนนั้นข้าก็ไม่อาจคุ้มครองเจ้าได้”

“ผู้เยาว์เข้าใจ ผู้เยาว์เข้าใจแล้ว…”

“อืม”

“เช่นนั้นผู้อาวุโสสามารถเผยตัวสักระยะได้หรือไม่ ข้าเกรงว่าข้าจะเอาไม่อยู่…”

“อย่างมากที่สุดร้อยปี พอได้กระมัง”

“ร้อยปี…”

“ข้าจะพยายามให้เร็วกว่านี้ แค่ก!”

“ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนัก…”

สองปีต่อมา

ถ้ำเทวาฟ้าประทานสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ทั่วทั้งเขาเพียรบำเพ็ญเซียนพลอยสั่นสะเทือนตามไปด้วย

ใต้ต้นฝูซัง พวกฟางเหลียงและสวินฉางอันต่างพากันเหลียวหน้าหันไปมองตามๆ กัน

หลี่ชิงจื่อ เซียนซีเสวียน สิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ก็ตกใจจนพากันเดินออกมาจากถ้ำเทวาด้วยเช่นเดียวกัน

พวกเขาเดินตามกันมาจนถึงบนยอดเขา รวมตัวเข้ากับกลุ่มคนที่เหลือ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“เป็นถ้ำเทวาของอาจารย์!”

“อาจารย์กำลังทะลวงระดับหรือ”

“ก่อนหน้านี้ล้วนไม่เป็นเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมัง”

“ยามนี้อาจารย์ปู่อยู่ขอบเขตใด หากทะลวงระดับเช่นนั้นต้องฝ่าด่านเคราะห์สิ! เหตุใดถึงเอาแต่อยู่ภายในถ้ำเทวามาโดยตลอด”

กลุ่มคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์

หลี่ชิงจื่อเอ่ยปากกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหานก็ต้องฝ่าด่านเคราะห์ ก่อนหน้านี้ข้ายังเคยพาเขาไปฝ่าด่านเคราะห์เลย ครั้งนี้ดูท่าคงหยั่งถึงพลังวิเศษบางอย่างกระมัง”

สิงหงเสวียนกล่าวหัวเราะอย่างได้ใจว่า “สามีข้าก็เก่งกาจเช่นนี้แหละ!”

สามี?

ถูหลิงเอ๋อร์อดมองไปทางนางไม่ได้ ท่านผู้นี้ก็คืออาจารย์หญิงหรือ

อู้เต้าเจี้ยนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์เหลือบมองไปทางสิงหงเสวียน สายตามีเลศนัยล้ำลึก

และเวลาเดียวกันนั้น

ภายในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยทะลวงระดับสำเร็จ พลังวิญญาณหกสายภายในร่างเปลี่ยนเป็นพลังเวท เวียนวนไม่ขาดสาย เร่งกำเนิดไม่หยุด

[ยินดีด้วย ท่านบรรลุเซียนอิสระวัฏจักร ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ขึ้นสวรรค์ทันที เพลิดเพลินกับมรรคาสวรรค์ล้างบาป จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[สอง ไม่ขึ้นสวรรค์ก่อนชั่วคราว รั้งอยู่ที่โลกมนุษย์ จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

เบื้องหน้าหานเจวี๋ยปรากฏอักขระขึ้นมาสามแถว เขาเลือกตัวเลือกที่สองในทันที

ในเมื่อไม่มีเคราะห์สวรรค์ และไม่ได้ถูกมรรคาสวรรค์ขับไล่ เช่นนั้นเขาจะขึ้นสวรรค์ไปเพื่อเหตุใดกัน

‘นอกเสียจากวังสวรรค์ต้องการเผาทำลายโลกมนุษย์จริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าก็จะอยู่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนต่อไป!’

หานเจวี๋ยตั้งเป้าหมายให้กับตนเอง

ไม่ขึ้นสวรรค์ หรือไม่ก็ขึ้นสวรรค์แล้วก็ไม่ต้องกลัวจูเชวี่ย!

[ท่านเลือกไม่ขึ้นสวรรค์ก่อนชั่วคราว ได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับยอดสมบัติไท่อี่–มงกุฎปีกหงส์ไท่ซี]

[มงกุฎปีกหงส์ไท่ซี: ยอดสมบัติป้องกันไท่อี่ มงกุฎที่ชุบหลอมขึ้นมาจากปราณไท่ซีและขนปีกหงส์เพลิง พลังป้องกันระดับสูงสุด]

ยอดสมบัติป้องกัน!

ใช้ได้เลย!

สภาพจิตใจหานเจวี๋ยยิ่งเบิกบานมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาทำตบะให้เสถียรต่อ พลังเวทภายในร่างไหลเวียนตามพลังภายในวิชาวัฏจักรหกวิถี ระดับความเร็วเพิ่มพูน

ท่ามกลางท้องนภาสีคราม หานเจวี๋ยรู้สึกว่าพันธนาการมากมายลดน้อยลง

ฟ้าดินนี้เสมือนต้านเขาไม่อยู่อีกต่อไป!

เขาเหยียดกายกระโจน ก็สามารถทะยานออกจากโลกมนุษย์!

ความรู้สึกเช่นนี้ช่างมหัศจรรย์เกินไปแล้ว!

กายเนื้อตบะตั้งมั่น จิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยออกจากร่าง ทะยานออกจากถ้ำเทวาด้วยความรวดเร็ว มาถึงบนยอดเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

เขาก้มหน้าลงมอง เห็นว่าที่เหนือศีรษะของพวกศิษย์และศิษย์หลานล้วนมีเงามายา

เหนือศีรษะของฟางเหลียงเป็นปราณกลุ่มหนึ่ง เหนือศีรษะของสวินฉางอันเป็นโสมคนรากหนึ่ง เหนือศีรษะมู่หรงฉี่ผุดลอยเงาเทพองค์หนึ่ง ร่างกายสวมเกราะ องอาจเผด็จการ

เหนือศีรษะของไก่คุกรัตติกาลผุดลอยหงส์เพลิงทมิฬตัวหนึ่ง แตกต่างจากร่างไก่ของมันอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว

สายตาของหานเจวี๋ยตกไปบนร่างของถูหลิงเอ๋อร์

มหาเวท!

รูปร่างหน้าตาของถูหลิงเอ๋อร์ค่อนข้างงดงาม ถือได้ว่าเป็นสาวงามคนหนึ่ง แต่มหาเวทนั้นเห็นได้ชัดว่าน่าเกลียดน่ากลัวอย่างถึงที่สุด ร่างเป็นคนหัวเป็นสัตว์ ลักษณะดุดันโหดเหี้ยม

น่ากลัวเพียงนี้เชียว?

ยามเมื่อหานเจวี๋ยจ้องมองวิญญาณของมหาเวทที่อยู่เหนือศีรษะของถูหลิงเอ๋อร์ ทันใดนั้นวิญญาณของมหาเวทก็เงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน ดวงตาที่ดุร้ายดั่งอสรพิษคู่นั้นมองมาทางหานเจวี๋ยทันที

สายตาสองคู่มองสบกัน หานเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ได้!

เจ้าหมอนี่ออกจะอันตรายเกินไปหน่อยแล้ว!

ต้องส่งกลับไป!

วิญญาณของมหาเวทอ้าปากมาทางหานเจวี๋ย ไม่มีเสียงใดออกมา แต่หานเจวี๋ยกลับสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางกำลังพูดอะไร

ช่วยข้าด้วย!

ในใจของหานเจวี๋ยเกิดความสงสัย เหตุใดต้องช่วยนางกัน

เขาไม่ได้คิดให้มากความ ช่วงชิงความรู้สึกที่ทะลวงระดับในตอนนี้เอาไว้ก่อน

หานเจวี๋ยทะยานขึ้นฟ้าต่อไป ผืนดินใหญ่ภูเขาลำธารพลันหดเล็กลงอย่างรวดเร็วในสายตาของเขา

ในเวลาชั่วพริบตา เขาก็มาหยุดอยู่เหนือฟากฟ้า เหนือขึ้นไปอีกก็คือทะเลดาราไร้ที่สิ้นสุด

ครั้งนี้ หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าตนเองสามารถกระโจนข้ามธารดาราระยิบระยับได้อย่างง่ายดาย บินเหินสู่สวรรค์เบื้องบน

แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น

เขากลัวว่าจูเชวี่ยจะกำลังรอคอยตนเองอยู่!

ด้วยเหตุนี้ จิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยจึงพุ่งไปยังแผ่นดินใหญ่ สายตาเขาแน่วแน่ ทะยานออกจากโลกมนุษย์ลงมายังยมโลกทันที

ความมืดสนิทอันคุ้นเคย กลิ่นอายแห่งวัฏจักรอันคุ้นเคย

โชคดีที่แถวนี้ไม่มีปรโลก ไม่มีสะพานอนิจจัง

หานเจวี๋ยส่งพลังจิตออกไป ภายในอาณาบริเวณหมื่นลี้ล้วนไม่มีสิ่งมีชีวิตใด จิตดั้งเดิมของเขาเริ่มเพลิดเพลินกับการล้างบาปของปราณแห่งวัฏจักร

ในกระบวนการนี้ จิตดั้งเดิมของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เจ้า มาอีกแล้ว” เสียงแหบพร่าสายหนึ่งดังลอยเข้ามา

หานเจวี๋ยตกใจเป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่เสียงที่หุ่นเชิดแห่งสวรรค์พบเจอก่อนหน้านั้นหรอกหรือ

เขาคิดอยากหนีในทันที

“ช้าก่อน ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า”

หานเจวี๋ยได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะสงบลง

เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเขาจะหุนหันเกินไป จริงๆ แล้วอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาอยากสังหารเขา

“โลกมนุษย์กลับมีอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นเจ้า ไม่ถึงแปดร้อยปีก็อยู่เหนือสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ ไม่ฝ่าด่านเคราะห์ เข้าสู่เซียนอิสระ สามารถไปมาระหว่างหยินหยางสองดินแดนได้อย่างอิสระ บางที เจ้าอาจจะเป็นคนผู้นั้นที่ข้าต้องรอคอย”

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 152 เซียนอิสระวัฏจักร จิตดั้งเดิมออกจากร่าง!

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 152 เซียนอิสระวัฏจักร จิตดั้งเดิมออกจากร่าง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 152 เซียนอิสระวัฏจักร จิตดั้งเดิมออกจากร่าง!

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หลังจากหานเจวี๋ยบูรณาการตำราฝึกบำเพ็ญโลกมนุษย์ของวิชาวัฏจักรหกวิถีแล้ว ในที่สุดก็หยั่งถึงวิชายุทธ์ฝึกบำเพ็ญในระดับที่สูงยิ่งขึ้น

วัฏจักรหกระดับ!

เซียนอิสระ เซียนพิภพ เซียนสวรรค์ เซียนแท้ เซียนลึกล้ำ เซียนทอง!

ความรู้สึกถาโถมในใจของหานเจวี๋ย เริ่มโจมตีในระดับเซียนอิสระ!

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนก็เป็นเซียนอิสระ!

รอให้เขาถึงระดับเซียนอิสระแล้วจะไม่ปลิดชีพนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนในพริบตาได้อย่างไร

อีกทั้งยังมีจูเชวี่ย!

ก็เพิ่งถึงขั้นเซียนพิภพ!

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าศัตรูทั้งสองนี้กลับไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก อย่างน้อยสิ่งที่เหนือกว่าความคาดหมายของพวกเขาก็ได้พบเห็นมาแล้ว

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดให้มากความอีก เพ่งสมาธิกับการทะลวงระดับ

ด้วยคุณสมบัติของเขา การทะลวงระดับย่อมไม่เสียเวลานานเกินไปแน่

ภายในถ้ำเทวาอันมืดสลัว

ปรมาจารย์มารโลหิต มารชีผมขาวและอรหันต์มารละโมบล้วนมารวมตัวกันอีกครั้ง

อรหันต์มารละโมบกำมือทั้งสองข้างแน่น สบถด่าออกมาเสียงขรึมว่า “เมื่อไรนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนถึงจะยอมลงมา มารแท้ของเผ่ามารบุกโจมตีจวนเซียนสวรรค์สิบปียังไม่อาจโค่นล้มลงได้ ได้ยินมาว่าจี้เซียนเสินเรียนวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจวนเซียนสวรรค์แล้ว วิชาศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ไม่มีใครเรียนได้มาหมื่นปี”

“เขาไร้ซึ่งศัตรูในใต้หล้า สิ่งที่รอคอยพวกเราอยู่คือหนทางสู่ความตาย!”

สีหน้าของปรมาจารย์มารโลหิตมืดทะมึน

มารชีผมขาวกัดฟันกล่าวว่า “ข้าไม่สนแล้ว ข้าอยากขึ้นสวรรค์!”

อรหันต์มารละโมบก็พยักหน้าว่าตาม เขาเองก็ไม่อยากรอแล้วเช่นกัน

“แต่หากขึ้นสวรรค์ตอนนี้ จะถูกสายหลักโจมตีหรือไม่” ปรมาจารย์มารโลหิตกล่าวอย่างลังเล

อรหันต์มารละโมบด่าทอว่า “ปรมาจารย์มารโลหิต เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ มารแท้โจมตีจวนเซียนสวรรค์ พวกเขาจะมีเวลาสนใจพวกเราได้อย่างไร หากเจ้าไม่ขึ้นสวรรค์ก็ช่าง ระวังจะนึกเสียใจภายหลัง!”

กล่าวจบ เขาและมารชีผมขาวก็หยัดตัวลุกขึ้นเดินออกไป

สีหน้าของปรมาจารย์มารโลหิตเปลี่ยนเป็นวูบไหวมืดทะมึน

กระทั่งหลังจากกลิ่นอายของอรหันต์มารละโมบและมารชีผมขาวไกลออกไปแล้ว ยามนี้ปรมาจารย์มารโลหิตจึงนำก้อนผลึกใสชิ้นหนึ่งออกมา เอ่ยถามเสียงเบาว่า “ผู้อาวุโส ท่านยังมีเวลาอีกนานเพียงใด”

เขาไม่ได้รับการตอบกลับ ทำเพียงเฝ้ารอต่อไป

เนิ่นนาน

น้ำเสียงอ่อนแรงสายหนึ่งดังลอยออกมาจากก้อนผลึกใสนั้น “ไม่ต้องรีบ…แค่กๆ…ใกล้แล้ว”

ใจของปรมาจารย์มารโลหิตเต้นระรัวเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ”

“หาไม่ การฝึกบำเพ็ญเกิดปัญหาเล็กน้อย ข้ากำลังรอผู้อาวุโสจากวังสวรรค์ท่านหนึ่ง เจ้าวางใจเถิด ขอเพียงเจ้าเชื่อข้า หลังจากขึ้นสวรรค์แล้วมีข้าดูแลเจ้า ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าระหกระเหินเร่ร่อนแน่”

ปรมาจารย์มารโลหิตข่มกลั้นความดีใจเอาไว้ กล่าวว่า “เผ่ามารส่งมารแท้มาโจมตี แต่กลับสู้จวนเซียนสวรรค์ไม่ได้ ข้าเพียงแต่เกรงว่า…”

“จวนเซียนสวรรค์พวกเศษสวะ เจ้าจงชี้นำเผ่ามารให้ส่งมารแท้มุ่งหน้าเข้ามาเรื่อยๆ จำไว้ว่าเจ้าไม่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วม เจ้าเพียงต้องพูดเกลี้ยกล่อมเท่านั้น หากตัวเจ้าเองตกอยู่ในอันตราย ถึงตอนนั้นข้าก็ไม่อาจคุ้มครองเจ้าได้”

“ผู้เยาว์เข้าใจ ผู้เยาว์เข้าใจแล้ว…”

“อืม”

“เช่นนั้นผู้อาวุโสสามารถเผยตัวสักระยะได้หรือไม่ ข้าเกรงว่าข้าจะเอาไม่อยู่…”

“อย่างมากที่สุดร้อยปี พอได้กระมัง”

“ร้อยปี…”

“ข้าจะพยายามให้เร็วกว่านี้ แค่ก!”

“ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนัก…”

สองปีต่อมา

ถ้ำเทวาฟ้าประทานสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ทั่วทั้งเขาเพียรบำเพ็ญเซียนพลอยสั่นสะเทือนตามไปด้วย

ใต้ต้นฝูซัง พวกฟางเหลียงและสวินฉางอันต่างพากันเหลียวหน้าหันไปมองตามๆ กัน

หลี่ชิงจื่อ เซียนซีเสวียน สิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ก็ตกใจจนพากันเดินออกมาจากถ้ำเทวาด้วยเช่นเดียวกัน

พวกเขาเดินตามกันมาจนถึงบนยอดเขา รวมตัวเข้ากับกลุ่มคนที่เหลือ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“เป็นถ้ำเทวาของอาจารย์!”

“อาจารย์กำลังทะลวงระดับหรือ”

“ก่อนหน้านี้ล้วนไม่เป็นเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมัง”

“ยามนี้อาจารย์ปู่อยู่ขอบเขตใด หากทะลวงระดับเช่นนั้นต้องฝ่าด่านเคราะห์สิ! เหตุใดถึงเอาแต่อยู่ภายในถ้ำเทวามาโดยตลอด”

กลุ่มคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์

หลี่ชิงจื่อเอ่ยปากกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหานก็ต้องฝ่าด่านเคราะห์ ก่อนหน้านี้ข้ายังเคยพาเขาไปฝ่าด่านเคราะห์เลย ครั้งนี้ดูท่าคงหยั่งถึงพลังวิเศษบางอย่างกระมัง”

สิงหงเสวียนกล่าวหัวเราะอย่างได้ใจว่า “สามีข้าก็เก่งกาจเช่นนี้แหละ!”

สามี?

ถูหลิงเอ๋อร์อดมองไปทางนางไม่ได้ ท่านผู้นี้ก็คืออาจารย์หญิงหรือ

อู้เต้าเจี้ยนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์เหลือบมองไปทางสิงหงเสวียน สายตามีเลศนัยล้ำลึก

และเวลาเดียวกันนั้น

ภายในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยทะลวงระดับสำเร็จ พลังวิญญาณหกสายภายในร่างเปลี่ยนเป็นพลังเวท เวียนวนไม่ขาดสาย เร่งกำเนิดไม่หยุด

[ยินดีด้วย ท่านบรรลุเซียนอิสระวัฏจักร ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ขึ้นสวรรค์ทันที เพลิดเพลินกับมรรคาสวรรค์ล้างบาป จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[สอง ไม่ขึ้นสวรรค์ก่อนชั่วคราว รั้งอยู่ที่โลกมนุษย์ จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

เบื้องหน้าหานเจวี๋ยปรากฏอักขระขึ้นมาสามแถว เขาเลือกตัวเลือกที่สองในทันที

ในเมื่อไม่มีเคราะห์สวรรค์ และไม่ได้ถูกมรรคาสวรรค์ขับไล่ เช่นนั้นเขาจะขึ้นสวรรค์ไปเพื่อเหตุใดกัน

‘นอกเสียจากวังสวรรค์ต้องการเผาทำลายโลกมนุษย์จริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าก็จะอยู่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนต่อไป!’

หานเจวี๋ยตั้งเป้าหมายให้กับตนเอง

ไม่ขึ้นสวรรค์ หรือไม่ก็ขึ้นสวรรค์แล้วก็ไม่ต้องกลัวจูเชวี่ย!

[ท่านเลือกไม่ขึ้นสวรรค์ก่อนชั่วคราว ได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับยอดสมบัติไท่อี่–มงกุฎปีกหงส์ไท่ซี]

[มงกุฎปีกหงส์ไท่ซี: ยอดสมบัติป้องกันไท่อี่ มงกุฎที่ชุบหลอมขึ้นมาจากปราณไท่ซีและขนปีกหงส์เพลิง พลังป้องกันระดับสูงสุด]

ยอดสมบัติป้องกัน!

ใช้ได้เลย!

สภาพจิตใจหานเจวี๋ยยิ่งเบิกบานมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาทำตบะให้เสถียรต่อ พลังเวทภายในร่างไหลเวียนตามพลังภายในวิชาวัฏจักรหกวิถี ระดับความเร็วเพิ่มพูน

ท่ามกลางท้องนภาสีคราม หานเจวี๋ยรู้สึกว่าพันธนาการมากมายลดน้อยลง

ฟ้าดินนี้เสมือนต้านเขาไม่อยู่อีกต่อไป!

เขาเหยียดกายกระโจน ก็สามารถทะยานออกจากโลกมนุษย์!

ความรู้สึกเช่นนี้ช่างมหัศจรรย์เกินไปแล้ว!

กายเนื้อตบะตั้งมั่น จิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยออกจากร่าง ทะยานออกจากถ้ำเทวาด้วยความรวดเร็ว มาถึงบนยอดเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

เขาก้มหน้าลงมอง เห็นว่าที่เหนือศีรษะของพวกศิษย์และศิษย์หลานล้วนมีเงามายา

เหนือศีรษะของฟางเหลียงเป็นปราณกลุ่มหนึ่ง เหนือศีรษะของสวินฉางอันเป็นโสมคนรากหนึ่ง เหนือศีรษะมู่หรงฉี่ผุดลอยเงาเทพองค์หนึ่ง ร่างกายสวมเกราะ องอาจเผด็จการ

เหนือศีรษะของไก่คุกรัตติกาลผุดลอยหงส์เพลิงทมิฬตัวหนึ่ง แตกต่างจากร่างไก่ของมันอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว

สายตาของหานเจวี๋ยตกไปบนร่างของถูหลิงเอ๋อร์

มหาเวท!

รูปร่างหน้าตาของถูหลิงเอ๋อร์ค่อนข้างงดงาม ถือได้ว่าเป็นสาวงามคนหนึ่ง แต่มหาเวทนั้นเห็นได้ชัดว่าน่าเกลียดน่ากลัวอย่างถึงที่สุด ร่างเป็นคนหัวเป็นสัตว์ ลักษณะดุดันโหดเหี้ยม

น่ากลัวเพียงนี้เชียว?

ยามเมื่อหานเจวี๋ยจ้องมองวิญญาณของมหาเวทที่อยู่เหนือศีรษะของถูหลิงเอ๋อร์ ทันใดนั้นวิญญาณของมหาเวทก็เงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน ดวงตาที่ดุร้ายดั่งอสรพิษคู่นั้นมองมาทางหานเจวี๋ยทันที

สายตาสองคู่มองสบกัน หานเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ได้!

เจ้าหมอนี่ออกจะอันตรายเกินไปหน่อยแล้ว!

ต้องส่งกลับไป!

วิญญาณของมหาเวทอ้าปากมาทางหานเจวี๋ย ไม่มีเสียงใดออกมา แต่หานเจวี๋ยกลับสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางกำลังพูดอะไร

ช่วยข้าด้วย!

ในใจของหานเจวี๋ยเกิดความสงสัย เหตุใดต้องช่วยนางกัน

เขาไม่ได้คิดให้มากความ ช่วงชิงความรู้สึกที่ทะลวงระดับในตอนนี้เอาไว้ก่อน

หานเจวี๋ยทะยานขึ้นฟ้าต่อไป ผืนดินใหญ่ภูเขาลำธารพลันหดเล็กลงอย่างรวดเร็วในสายตาของเขา

ในเวลาชั่วพริบตา เขาก็มาหยุดอยู่เหนือฟากฟ้า เหนือขึ้นไปอีกก็คือทะเลดาราไร้ที่สิ้นสุด

ครั้งนี้ หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าตนเองสามารถกระโจนข้ามธารดาราระยิบระยับได้อย่างง่ายดาย บินเหินสู่สวรรค์เบื้องบน

แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น

เขากลัวว่าจูเชวี่ยจะกำลังรอคอยตนเองอยู่!

ด้วยเหตุนี้ จิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยจึงพุ่งไปยังแผ่นดินใหญ่ สายตาเขาแน่วแน่ ทะยานออกจากโลกมนุษย์ลงมายังยมโลกทันที

ความมืดสนิทอันคุ้นเคย กลิ่นอายแห่งวัฏจักรอันคุ้นเคย

โชคดีที่แถวนี้ไม่มีปรโลก ไม่มีสะพานอนิจจัง

หานเจวี๋ยส่งพลังจิตออกไป ภายในอาณาบริเวณหมื่นลี้ล้วนไม่มีสิ่งมีชีวิตใด จิตดั้งเดิมของเขาเริ่มเพลิดเพลินกับการล้างบาปของปราณแห่งวัฏจักร

ในกระบวนการนี้ จิตดั้งเดิมของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เจ้า มาอีกแล้ว” เสียงแหบพร่าสายหนึ่งดังลอยเข้ามา

หานเจวี๋ยตกใจเป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่เสียงที่หุ่นเชิดแห่งสวรรค์พบเจอก่อนหน้านั้นหรอกหรือ

เขาคิดอยากหนีในทันที

“ช้าก่อน ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า”

หานเจวี๋ยได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะสงบลง

เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเขาจะหุนหันเกินไป จริงๆ แล้วอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาอยากสังหารเขา

“โลกมนุษย์กลับมีอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นเจ้า ไม่ถึงแปดร้อยปีก็อยู่เหนือสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ ไม่ฝ่าด่านเคราะห์ เข้าสู่เซียนอิสระ สามารถไปมาระหว่างหยินหยางสองดินแดนได้อย่างอิสระ บางที เจ้าอาจจะเป็นคนผู้นั้นที่ข้าต้องรอคอย”

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 152 เซียนอิสระวัฏจักร จิตดั้งเดิมออกจากร่าง!

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 152 เซียนอิสระวัฏจักร จิตดั้งเดิมออกจากร่าง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 152 เซียนอิสระวัฏจักร จิตดั้งเดิมออกจากร่าง!

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หลังจากหานเจวี๋ยบูรณาการตำราฝึกบำเพ็ญโลกมนุษย์ของวิชาวัฏจักรหกวิถีแล้ว ในที่สุดก็หยั่งถึงวิชายุทธ์ฝึกบำเพ็ญในระดับที่สูงยิ่งขึ้น

วัฏจักรหกระดับ!

เซียนอิสระ เซียนพิภพ เซียนสวรรค์ เซียนแท้ เซียนลึกล้ำ เซียนทอง!

ความรู้สึกถาโถมในใจของหานเจวี๋ย เริ่มโจมตีในระดับเซียนอิสระ!

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนก็เป็นเซียนอิสระ!

รอให้เขาถึงระดับเซียนอิสระแล้วจะไม่ปลิดชีพนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนในพริบตาได้อย่างไร

อีกทั้งยังมีจูเชวี่ย!

ก็เพิ่งถึงขั้นเซียนพิภพ!

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าศัตรูทั้งสองนี้กลับไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก อย่างน้อยสิ่งที่เหนือกว่าความคาดหมายของพวกเขาก็ได้พบเห็นมาแล้ว

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดให้มากความอีก เพ่งสมาธิกับการทะลวงระดับ

ด้วยคุณสมบัติของเขา การทะลวงระดับย่อมไม่เสียเวลานานเกินไปแน่

ภายในถ้ำเทวาอันมืดสลัว

ปรมาจารย์มารโลหิต มารชีผมขาวและอรหันต์มารละโมบล้วนมารวมตัวกันอีกครั้ง

อรหันต์มารละโมบกำมือทั้งสองข้างแน่น สบถด่าออกมาเสียงขรึมว่า “เมื่อไรนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนถึงจะยอมลงมา มารแท้ของเผ่ามารบุกโจมตีจวนเซียนสวรรค์สิบปียังไม่อาจโค่นล้มลงได้ ได้ยินมาว่าจี้เซียนเสินเรียนวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจวนเซียนสวรรค์แล้ว วิชาศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ไม่มีใครเรียนได้มาหมื่นปี”

“เขาไร้ซึ่งศัตรูในใต้หล้า สิ่งที่รอคอยพวกเราอยู่คือหนทางสู่ความตาย!”

สีหน้าของปรมาจารย์มารโลหิตมืดทะมึน

มารชีผมขาวกัดฟันกล่าวว่า “ข้าไม่สนแล้ว ข้าอยากขึ้นสวรรค์!”

อรหันต์มารละโมบก็พยักหน้าว่าตาม เขาเองก็ไม่อยากรอแล้วเช่นกัน

“แต่หากขึ้นสวรรค์ตอนนี้ จะถูกสายหลักโจมตีหรือไม่” ปรมาจารย์มารโลหิตกล่าวอย่างลังเล

อรหันต์มารละโมบด่าทอว่า “ปรมาจารย์มารโลหิต เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ มารแท้โจมตีจวนเซียนสวรรค์ พวกเขาจะมีเวลาสนใจพวกเราได้อย่างไร หากเจ้าไม่ขึ้นสวรรค์ก็ช่าง ระวังจะนึกเสียใจภายหลัง!”

กล่าวจบ เขาและมารชีผมขาวก็หยัดตัวลุกขึ้นเดินออกไป

สีหน้าของปรมาจารย์มารโลหิตเปลี่ยนเป็นวูบไหวมืดทะมึน

กระทั่งหลังจากกลิ่นอายของอรหันต์มารละโมบและมารชีผมขาวไกลออกไปแล้ว ยามนี้ปรมาจารย์มารโลหิตจึงนำก้อนผลึกใสชิ้นหนึ่งออกมา เอ่ยถามเสียงเบาว่า “ผู้อาวุโส ท่านยังมีเวลาอีกนานเพียงใด”

เขาไม่ได้รับการตอบกลับ ทำเพียงเฝ้ารอต่อไป

เนิ่นนาน

น้ำเสียงอ่อนแรงสายหนึ่งดังลอยออกมาจากก้อนผลึกใสนั้น “ไม่ต้องรีบ…แค่กๆ…ใกล้แล้ว”

ใจของปรมาจารย์มารโลหิตเต้นระรัวเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ”

“หาไม่ การฝึกบำเพ็ญเกิดปัญหาเล็กน้อย ข้ากำลังรอผู้อาวุโสจากวังสวรรค์ท่านหนึ่ง เจ้าวางใจเถิด ขอเพียงเจ้าเชื่อข้า หลังจากขึ้นสวรรค์แล้วมีข้าดูแลเจ้า ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าระหกระเหินเร่ร่อนแน่”

ปรมาจารย์มารโลหิตข่มกลั้นความดีใจเอาไว้ กล่าวว่า “เผ่ามารส่งมารแท้มาโจมตี แต่กลับสู้จวนเซียนสวรรค์ไม่ได้ ข้าเพียงแต่เกรงว่า…”

“จวนเซียนสวรรค์พวกเศษสวะ เจ้าจงชี้นำเผ่ามารให้ส่งมารแท้มุ่งหน้าเข้ามาเรื่อยๆ จำไว้ว่าเจ้าไม่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วม เจ้าเพียงต้องพูดเกลี้ยกล่อมเท่านั้น หากตัวเจ้าเองตกอยู่ในอันตราย ถึงตอนนั้นข้าก็ไม่อาจคุ้มครองเจ้าได้”

“ผู้เยาว์เข้าใจ ผู้เยาว์เข้าใจแล้ว…”

“อืม”

“เช่นนั้นผู้อาวุโสสามารถเผยตัวสักระยะได้หรือไม่ ข้าเกรงว่าข้าจะเอาไม่อยู่…”

“อย่างมากที่สุดร้อยปี พอได้กระมัง”

“ร้อยปี…”

“ข้าจะพยายามให้เร็วกว่านี้ แค่ก!”

“ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนัก…”

สองปีต่อมา

ถ้ำเทวาฟ้าประทานสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ทั่วทั้งเขาเพียรบำเพ็ญเซียนพลอยสั่นสะเทือนตามไปด้วย

ใต้ต้นฝูซัง พวกฟางเหลียงและสวินฉางอันต่างพากันเหลียวหน้าหันไปมองตามๆ กัน

หลี่ชิงจื่อ เซียนซีเสวียน สิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ก็ตกใจจนพากันเดินออกมาจากถ้ำเทวาด้วยเช่นเดียวกัน

พวกเขาเดินตามกันมาจนถึงบนยอดเขา รวมตัวเข้ากับกลุ่มคนที่เหลือ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“เป็นถ้ำเทวาของอาจารย์!”

“อาจารย์กำลังทะลวงระดับหรือ”

“ก่อนหน้านี้ล้วนไม่เป็นเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมัง”

“ยามนี้อาจารย์ปู่อยู่ขอบเขตใด หากทะลวงระดับเช่นนั้นต้องฝ่าด่านเคราะห์สิ! เหตุใดถึงเอาแต่อยู่ภายในถ้ำเทวามาโดยตลอด”

กลุ่มคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์

หลี่ชิงจื่อเอ่ยปากกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหานก็ต้องฝ่าด่านเคราะห์ ก่อนหน้านี้ข้ายังเคยพาเขาไปฝ่าด่านเคราะห์เลย ครั้งนี้ดูท่าคงหยั่งถึงพลังวิเศษบางอย่างกระมัง”

สิงหงเสวียนกล่าวหัวเราะอย่างได้ใจว่า “สามีข้าก็เก่งกาจเช่นนี้แหละ!”

สามี?

ถูหลิงเอ๋อร์อดมองไปทางนางไม่ได้ ท่านผู้นี้ก็คืออาจารย์หญิงหรือ

อู้เต้าเจี้ยนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์เหลือบมองไปทางสิงหงเสวียน สายตามีเลศนัยล้ำลึก

และเวลาเดียวกันนั้น

ภายในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยทะลวงระดับสำเร็จ พลังวิญญาณหกสายภายในร่างเปลี่ยนเป็นพลังเวท เวียนวนไม่ขาดสาย เร่งกำเนิดไม่หยุด

[ยินดีด้วย ท่านบรรลุเซียนอิสระวัฏจักร ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ขึ้นสวรรค์ทันที เพลิดเพลินกับมรรคาสวรรค์ล้างบาป จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[สอง ไม่ขึ้นสวรรค์ก่อนชั่วคราว รั้งอยู่ที่โลกมนุษย์ จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

เบื้องหน้าหานเจวี๋ยปรากฏอักขระขึ้นมาสามแถว เขาเลือกตัวเลือกที่สองในทันที

ในเมื่อไม่มีเคราะห์สวรรค์ และไม่ได้ถูกมรรคาสวรรค์ขับไล่ เช่นนั้นเขาจะขึ้นสวรรค์ไปเพื่อเหตุใดกัน

‘นอกเสียจากวังสวรรค์ต้องการเผาทำลายโลกมนุษย์จริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าก็จะอยู่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนต่อไป!’

หานเจวี๋ยตั้งเป้าหมายให้กับตนเอง

ไม่ขึ้นสวรรค์ หรือไม่ก็ขึ้นสวรรค์แล้วก็ไม่ต้องกลัวจูเชวี่ย!

[ท่านเลือกไม่ขึ้นสวรรค์ก่อนชั่วคราว ได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับยอดสมบัติไท่อี่–มงกุฎปีกหงส์ไท่ซี]

[มงกุฎปีกหงส์ไท่ซี: ยอดสมบัติป้องกันไท่อี่ มงกุฎที่ชุบหลอมขึ้นมาจากปราณไท่ซีและขนปีกหงส์เพลิง พลังป้องกันระดับสูงสุด]

ยอดสมบัติป้องกัน!

ใช้ได้เลย!

สภาพจิตใจหานเจวี๋ยยิ่งเบิกบานมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาทำตบะให้เสถียรต่อ พลังเวทภายในร่างไหลเวียนตามพลังภายในวิชาวัฏจักรหกวิถี ระดับความเร็วเพิ่มพูน

ท่ามกลางท้องนภาสีคราม หานเจวี๋ยรู้สึกว่าพันธนาการมากมายลดน้อยลง

ฟ้าดินนี้เสมือนต้านเขาไม่อยู่อีกต่อไป!

เขาเหยียดกายกระโจน ก็สามารถทะยานออกจากโลกมนุษย์!

ความรู้สึกเช่นนี้ช่างมหัศจรรย์เกินไปแล้ว!

กายเนื้อตบะตั้งมั่น จิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยออกจากร่าง ทะยานออกจากถ้ำเทวาด้วยความรวดเร็ว มาถึงบนยอดเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

เขาก้มหน้าลงมอง เห็นว่าที่เหนือศีรษะของพวกศิษย์และศิษย์หลานล้วนมีเงามายา

เหนือศีรษะของฟางเหลียงเป็นปราณกลุ่มหนึ่ง เหนือศีรษะของสวินฉางอันเป็นโสมคนรากหนึ่ง เหนือศีรษะมู่หรงฉี่ผุดลอยเงาเทพองค์หนึ่ง ร่างกายสวมเกราะ องอาจเผด็จการ

เหนือศีรษะของไก่คุกรัตติกาลผุดลอยหงส์เพลิงทมิฬตัวหนึ่ง แตกต่างจากร่างไก่ของมันอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว

สายตาของหานเจวี๋ยตกไปบนร่างของถูหลิงเอ๋อร์

มหาเวท!

รูปร่างหน้าตาของถูหลิงเอ๋อร์ค่อนข้างงดงาม ถือได้ว่าเป็นสาวงามคนหนึ่ง แต่มหาเวทนั้นเห็นได้ชัดว่าน่าเกลียดน่ากลัวอย่างถึงที่สุด ร่างเป็นคนหัวเป็นสัตว์ ลักษณะดุดันโหดเหี้ยม

น่ากลัวเพียงนี้เชียว?

ยามเมื่อหานเจวี๋ยจ้องมองวิญญาณของมหาเวทที่อยู่เหนือศีรษะของถูหลิงเอ๋อร์ ทันใดนั้นวิญญาณของมหาเวทก็เงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน ดวงตาที่ดุร้ายดั่งอสรพิษคู่นั้นมองมาทางหานเจวี๋ยทันที

สายตาสองคู่มองสบกัน หานเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ได้!

เจ้าหมอนี่ออกจะอันตรายเกินไปหน่อยแล้ว!

ต้องส่งกลับไป!

วิญญาณของมหาเวทอ้าปากมาทางหานเจวี๋ย ไม่มีเสียงใดออกมา แต่หานเจวี๋ยกลับสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางกำลังพูดอะไร

ช่วยข้าด้วย!

ในใจของหานเจวี๋ยเกิดความสงสัย เหตุใดต้องช่วยนางกัน

เขาไม่ได้คิดให้มากความ ช่วงชิงความรู้สึกที่ทะลวงระดับในตอนนี้เอาไว้ก่อน

หานเจวี๋ยทะยานขึ้นฟ้าต่อไป ผืนดินใหญ่ภูเขาลำธารพลันหดเล็กลงอย่างรวดเร็วในสายตาของเขา

ในเวลาชั่วพริบตา เขาก็มาหยุดอยู่เหนือฟากฟ้า เหนือขึ้นไปอีกก็คือทะเลดาราไร้ที่สิ้นสุด

ครั้งนี้ หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าตนเองสามารถกระโจนข้ามธารดาราระยิบระยับได้อย่างง่ายดาย บินเหินสู่สวรรค์เบื้องบน

แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น

เขากลัวว่าจูเชวี่ยจะกำลังรอคอยตนเองอยู่!

ด้วยเหตุนี้ จิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยจึงพุ่งไปยังแผ่นดินใหญ่ สายตาเขาแน่วแน่ ทะยานออกจากโลกมนุษย์ลงมายังยมโลกทันที

ความมืดสนิทอันคุ้นเคย กลิ่นอายแห่งวัฏจักรอันคุ้นเคย

โชคดีที่แถวนี้ไม่มีปรโลก ไม่มีสะพานอนิจจัง

หานเจวี๋ยส่งพลังจิตออกไป ภายในอาณาบริเวณหมื่นลี้ล้วนไม่มีสิ่งมีชีวิตใด จิตดั้งเดิมของเขาเริ่มเพลิดเพลินกับการล้างบาปของปราณแห่งวัฏจักร

ในกระบวนการนี้ จิตดั้งเดิมของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เจ้า มาอีกแล้ว” เสียงแหบพร่าสายหนึ่งดังลอยเข้ามา

หานเจวี๋ยตกใจเป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่เสียงที่หุ่นเชิดแห่งสวรรค์พบเจอก่อนหน้านั้นหรอกหรือ

เขาคิดอยากหนีในทันที

“ช้าก่อน ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า”

หานเจวี๋ยได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะสงบลง

เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเขาจะหุนหันเกินไป จริงๆ แล้วอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาอยากสังหารเขา

“โลกมนุษย์กลับมีอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นเจ้า ไม่ถึงแปดร้อยปีก็อยู่เหนือสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ ไม่ฝ่าด่านเคราะห์ เข้าสู่เซียนอิสระ สามารถไปมาระหว่างหยินหยางสองดินแดนได้อย่างอิสระ บางที เจ้าอาจจะเป็นคนผู้นั้นที่ข้าต้องรอคอย”

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+