ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 261 สำนักพุทธโกลาหล มือมืดลึกลับ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 261 สำนักพุทธโกลาหล มือมืดลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 261 สำนักพุทธโกลาหล มือมืดลึกลับ

สิบวันต่อมา

มหาจักรพรรดิอมตะที่เดิมทีมีสภาพอ่อนแออยู่แล้วก็ถูกหานเจวี๋ยสาปแช่งจนตาย

[มหาจักรพรรดิอมตะศัตรูคู่อาฆาตของท่าน เศษเสี้ยววิญญาณสลายเพราะการสาปแช่งของท่าน กายและวิญญาณดับสูญ]

รูปประจำตัวในค่าความสัมพันธ์ก็ไม่มีแล้ว

หานเจวี๋ยถอนหายใจยาวๆ หนึ่งเฮือก

เฮ้อ

สาปแช่งศัตรูตายแค่สี่คน เขาก็เสียอายุขัยไปแสนปีแล้ว

นี่ใครจะแบกรับได้

หานเจวี๋ยเจ็บปวดใจมาก แต่ยังคงสาปแช่งต่อ

ต่อไปคือเสียงหลงฝัว

ตบะเซียนทองไท่อี่ เกลียดชังระดับสี่ดาว จำเป็นต้องตาย

ครึ่งเดือนต่อมา

[เสียงหลงฝัวศัตรูคู่อาฆาตของท่านจิตพุทธะแตกสลาย ธาตุไฟเข้าแทรกเพราะการสาปแช่งของท่าน โชคดีได้บรรพชนพุทธปกป้องวิญญาณไว้]

‘แม่ม! มีพี่ใหญ่มากวนอีกแล้ว!’

หานเจวี๋ยกัดฟันยืนหยัด

ดีที่บรรพชนพุทธท่านนี้ไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือนกันจักรพรรดิปีศาจ

ผ่านไปอีกราวๆ สิบวัน

[เสียงหลงฝัวศัตรูคู่อาฆาตของท่าน กลายเป็นมารชั่วร้ายเพราะการสาปแช่งของท่าน พุทธะกับมารปะทะกันจนแตกดับด้วยตนเอง ร่างและวิญญาณสลาย]

ไม่มีรูปประจำตัวของศัตรูอีกคนแล้ว!

หานเจวี๋ยรู้สึกชื่นมื่น

เขามองดูศัตรูที่เหลือ หากสาปแช่งจนตายหมด วังสวรรค์จะไม่ประสบความสูญเสียอย่างหนักหรือ

ช่างเถอะ

ความเกลียดชังระดับหนึ่งถึงสองดาวไม่สาปแช่งแล้ว ฝ่ายตรงข้ามแค่ไม่พอใจเขา ใช่ว่าจะอยากสังหารเขา

แต่ความเกลียดชังระดับสามดาวต้องสาปแช่งให้ตาย นี่คือลางบอกเหตุของศัตรูคู่อาฆาต

หานเจวี๋ยคัดเลือกอยู่ครู่หนึ่งก็สาปแช่งต่อ

ถึงอย่างไรเสียเทพเซียนเหล่านี้ก็ไม่แข็งแกร่ง ตายไม่กี่คนไม่เป็นไร

ล้วนเป็นความเกลียดชังที่สะสมจากการต่อต้านแม่ทัพและทหารสวรรค์เมื่อพันกว่าปีก่อน ผ่านไปนานขนาดนี้ระดับความเกลียดชังส่วนมากก็ลดลงแล้ว แต่ยังมีคนไม่กลัวตายไม่กี่คนที่ยังคงดื้อรั้นอยู่ ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ

…….

แดนเซียน สำนักพุทธ

บรรพชนมรรคาสวรรค์นั่งตัวตรงอยู่บนบงกชทอง ตรงหน้ามีพระพุทธองค์ พระโพธิสัตว์ และพระอรหันต์ล้อมรอบอยู่นับไม่ถ้วน

แม้ว่าแสงพุทธะจะเจิดจรัส แต่บรรยากาศอึดอัดอย่างหาที่เปรียบมิได้

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ค่อยๆ เอ่ยปากกล่าว “ตั้งแต่พุทธะพิชิตชัยแตกดับ พุทธะฟ้าพิโรธกับเสียงหลงฝัวในสำนักพุทธก็แตกดับติดต่อกัน ข้าคำนวณดูแล้วมีคนใช้ยอดสมบัติสาปแช่ง พวกเรามีความเห็นว่าอย่างไร”

จักรพรรดิเซียนสององค์ เซียนทองไท่อี่หนึ่งองค์!

อยู่ๆ ก็แตกดับไป!

สำหรับสำนักพุทธแล้ว นับว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่!

พระพุทธองค์รูปร่างอวบอ้วนองค์หนึ่งเอ่ยปากกล่าว “นี่มีคนกำลังยั่วยุสำนักพุทธอยู่ แม้กระทั่งจะเปิดศึก ไม่อาจอดกลั้นได้!”

พอคำพูดนี้ออกมาพุทธะทั้งหมดก็เกิดโทสะ

“อมิตาพุทธ พุทธะเรามีเมตตาธรรม เราไม่ไปยุแหย่คนอื่น คนอื่นก็มายุแหย่เรา!”

“น่าสะอิดสะเอียนเกินไปแล้ว นี่คือการตบหน้าทั่วทั้งสำนักพุทธ!”

“หรือจะเป็นการกระทำของวังสวรรค์”

“เป็นไปไม่ได้ จักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช้วิธีการแบบนั้น หากจะมุ่งเป้ามาที่พวกเราจริงๆ เกรงว่าแม่ทัพทหารสวรรค์ใกล้จะสังหารเข้ามาแล้ว”

“ข้าคิดว่าเป็นวังเทพ วังเทพลึกลับไม่อาจคาดเดาได้ ซ่อนผู้ทรงพลังไว้เท่าใดพวกเราก็ไม่รู้แน่ชัด อย่างน้อยวังสวรรค์ก็ไม่มีผู้ที่มีพลังการสาปแช่งแข็งแกร่งเช่นนี้”

บรรดาพุทธะวิพากษ์วิจารณ์กัน พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ และบรรดาฑูตต่างก็มองหน้ากระซิบกระซาบกัน

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ค่อยๆ ลืมตากล่าว “ข้าคำนวณพบว่าของวิเศษชิ้นนั้นคือหนังสือเล่มหนึ่ง”

หนึ่งสือเล่มหนึ่ง?

บรรดาพุทธะยิ่งงงงวยกว่าเดิม

“ขอบเขตนี้มันกว้างเกินไป มีของล้ำค่ามากเกินไปในโลกที่ใช้ของที่มีลักษณะเป็นหนังสือมาเป็นของวิเศษ ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือสมุดความเป็นความตายของยมโลก หนังสือเซียนพิภพของแดนเซียน” มีพุทธะองค์หนึ่งส่ายหน้ากล่าว

และก็มีพุทธะกำลังซักถามข้อสงสัยอยู่ “ในเมื่อเป็นการสาปแช่ง ฝ่ายตรงข้ามจะทิ้งช่องโหว่ไว้ได้อย่างไร หนังสือเล่มนี้จะชักนำในทางที่ไม่ถูกต้องหรือไม่”

คำพูดของเขาชักนำให้พระพุทธองค์พยักหน้าเห็นด้วยจำนวนไม่น้อย

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็จมดิ่งอยู่ในความครุ่นคิด

ฝ่ายตรงข้ามเป็นใครนั้น เขาคำนวณไม่ได้เลย

ความสามารถในการซ่อนยอดสมบัติเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

หรือว่าจะจงใจทำ คิดจะชักนำภัยพิบัติสู่ฝั่งบูรพาหรือ

บรรพชนพุทธขมวดคิ้ว ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ ถึงอย่างไรมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตก็กำลังจะมาถึง เขาไม่อยากให้สำนักพุทธกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลแรกที่เข้าในไปมหาเคราะห์

บรรดาพุทธะยังคงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ไม่ว่าจะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร ก็นึกไม่ออกว่ามือสังหารคือใคร

เป้าหมายของหานเจวี๋ยนั้นเล็กเกินไปจริงๆ แม้แต่บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็ไม่ได้สนใจหานเจวี๋ย แม้กระทั่งยังไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของหานเจวี๋ย

ในความเห็นของเขา ที่บรรพชนพุทธภควัตกับโสมวิญญาณบรรพกาลอยู่ในโลกเขย่าพิภพ จะต้องเป็นแผนการร้ายของจักรพรรดิสวรรค์ ก่อนหน้านั้นโลกเขย่าพิภพยังมีจอมเทพอู่เต๋อและมหาจักรพรรดิเหยียนจวินอยู่ด้วย ซึ่งเพียงพอที่จะแอบซ่อนหานเจวี๋ย

เสียงหลงฝัวกับพุทธาเทพฟ้าพิโรธก็ไม่ได้เปิดเผยการดำรงอยู่ของหานเจวี๋ย เพราะหานเจวี๋ยอ่อนแอเกินไป แม้พวกเขาอยากจะสังหารหานเจวี๋ย แต่ก็ไม่เห็นหานเจวี๋ยอยู่ในสายตา

ที่หานเจวี๋ยไม่ตาย นั่นเป็นเพราะจักรพรรดิสวรรค์สนับสนุนอยู่!

……

เวลาผ่านไปอีกครึ่งปี

นอกจากจักรพรรดิปีศาจแล้ว ศัตรูที่มีความเกลียดชังระดับสามดาวขึ้นไปล้วนถูกหานเจวี๋ยสาปแช่งตายไปจนหมด

เขาสูญเสียอายุขัยไปทั้งหมดหนึ่งล้านปี ยังห่างจากร้อยล้านมาก

หานเจวี๋ยสบายใจแล้ว

ท้องฟ้าไม่เคยเป็นสีฟ้าเช่นนี้มาก่อน อากาศก็ไม่เคยเย็นสบายสดชื่นเช่นนี้มาก่อน

“นายท่าน ดูท่านจะดีใจมาก ก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่” อู้เต้าเจี้ยนถามอย่างอดไม่ได้

ก่อนหน้านั้นเห็นหานเจวี๋ยมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด เกือบทำให้นางตกใจตาย

หานเจวี๋ยกล่าวสีหน้าเฉียบขาด “เรื่องนี้ก็ทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด รวมถึงบรรดาศิษย์และศิษย์หลานของข้าด้วย หากเจ้ากล้าพูดออกไปล่ะก็ เจ้ากับข้าล้วนต้องตาย”

ได้ยินเช่นนี้อู้เต้าเจี้ยนก็หน้าซีดเผือด

‘หนักหนาเช่นนี้เชียวหรือ’

นางรีบกล่าวรับรอง “ข้าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!”

หานเจวี๋ยพยักหน้าและกล่าวด้วยคำที่แฝงความหมายลึกซึ้ง “ใกล้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว พอถึงเวลานั้นพวกเราอยากหลบฝึกบำเพ็ญก็ไม่มีที่ให้หลบ รีบคว้าเวลาฝึกบำเพ็ญเถอะ อย่าได้เอาแต่จับตามองข้า”

อู้เต้าเจี้ยนหน้าแดง นางเคอะเขินมาก

อีกด้านหนึ่ง

ภายในอารามเต๋า

พุทธะอาภรณ์ขาวมองดูท้องนภานอกประตูและกล่าวพึมพำ “เหตุใดถึงยังไม่มา”

องค์ชายสิบสามเคยทิ้งคำพูดโหดเหี้ยมเอาไว้ จะต้องให้เขาจ่ายค่าตอบแทน

สุดท้ายรอมาหลายปี องค์ชายสิบสามก็ไม่มา

‘หรือว่าวังสวรรค์จะลงมือแล้ว’

พุทธะอาภรณ์ขาวถอนหายใจทีหนึ่ง ขณะที่กำลังจะฝึกฝน เงาแสงลำหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า

คือบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์นั่นเอง!

พุทธะอาภรณ์ขาวตกใจเกือบฉี่เล็ด

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์กล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “วางใจเถอะ ข้าแตะต้องเจ้าไม่ได้ เพียงแค่อยากถามเจ้าสักเรื่อง”

พุทธะอาภรณ์ขาวแสร้งทำเป็นไม่หวั่นไหว “เรื่องใด”

“พุทธะพิชิตชัยตายในมือผู้ใด” บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ถาม

พุทธะอาภรณ์ขาวได้ยินก็รู้ว่าบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์มาหาหานเจวี๋ย

เขาเอ่ยปากกล่าว “ตายในเงื้อมมือของจักรพรรดิเซียนนิกายเจวี๋ย”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ขมวดคิ้วถาม “เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดนิกายเจี๋ยต้องลงมือ”

“จักรพรรดิเซียนนิกายเจี๋ยหยิ่งผยอง ต้องการกายเนื้อของพุทธะพิชิตชัยเพื่อคืนชีพผู้ทรงพลังบรรพกาลอีกครั้ง” พุทธะอาภรณ์ขาวกล่าวโดยไม่ได้เตรียม

แต่ก่อนเขาคือศิษย์นิกายฉ่าน ไม่ถูกคอกับนิกายเจี๋ยเป็นอย่างมาก

ท่ามกลางมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตในตอนนั้น สามนิกายสำนักเต๋าต่อสู้กันภายใน ทั้งสามนิกายประสบความพินาศไปด้วยกัน จนกระทั่งวันนี้ยังคงเป็นศัตรูคู่อาฆาตอยู่

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์นิ่งเงียบ

จากนั้นไม่นาน เงาแสงของเขาก็หายไปเลย

พุทธะอาภรณ์ขาวโล่งใจไปเปราะหนึ่ง และแอบชื่นชมหานเจวี๋ยอยู่ในใจ

‘ร้ายกาจจริงๆ นี่!

สังหารพุทธะพิชิตชัยแล้วบรรพชนพุทธมรรคายังคำนวณไม่พบเขา’

พุทธะอาภรณ์ขาวตัดสินใจแน่วแน่ จะต้องเกาะขาหานเจวี๋ยให้แน่นๆ

ใต้หล้ากว้างใหญ่ แต่ในขณะนี้เขาทำได้เพียงอยู่ที่นี่เท่านั้น อีกอย่างเขายังต้องอาศัยโลกเขย่าพิภพพิสูจน์จักรพรรดิ

วังสวรรค์

อุทธยานหลวง

จักรพรรดิสวรรค์กำลังทอดพระเนตรม้วนหนังสืออยู่ในศาลา และเงาร่างของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นมา

“พุทธะพิชิตชัยไม่ได้ตายในเงื้อมมือของวังสวรรค์หรือ” บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ถาม

จักรพรรดิสวรรค์ชำเลืองพระเนตรดูทีหนึ่ง และตรัสออกมา “ข้ากลับอยากให้เป็นเช่นนั้น เขาสังหารเทพเซียนวังสวรรค์ของข้าไปมากมาย”

หานเจวี๋ยเป็นไพ่ตายของจักรพรรดิสวรรค์ ไม่อาจเปิดเผยได้เด็ดขาด

แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ถึงถามเช่นนี้ จักรพรรดิสวรรค์ยังคงอยากช่วยให้หานเจวี๋ยหลุดพ้น ดังนั้นจึงตรัสขึ้นมา “ขณะที่พุทธะพิชิตชัยเข้าใกล้โลกเขย่าพิภพนั้น ถูกผู้ทรงพลังลึกลับสังหาร ที่มาของคนผู้นี้แม้แต่ข้ายังคำนวณไม่ได้”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ขมวดคิ้ว

‘หรือจะเป็นนิกายเจี๋ย

นับดูแล้วสำนักพุทธกับนิกายเจี๋ยมีความแค้นต่อกันจริงๆ ศิษย์สำนักพุทธจำนวนไม่น้อยล้วนมาจากนิกายเจี๋ย

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 261 สำนักพุทธโกลาหล มือมืดลึกลับ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 261 สำนักพุทธโกลาหล มือมืดลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 261 สำนักพุทธโกลาหล มือมืดลึกลับ

สิบวันต่อมา

มหาจักรพรรดิอมตะที่เดิมทีมีสภาพอ่อนแออยู่แล้วก็ถูกหานเจวี๋ยสาปแช่งจนตาย

[มหาจักรพรรดิอมตะศัตรูคู่อาฆาตของท่าน เศษเสี้ยววิญญาณสลายเพราะการสาปแช่งของท่าน กายและวิญญาณดับสูญ]

รูปประจำตัวในค่าความสัมพันธ์ก็ไม่มีแล้ว

หานเจวี๋ยถอนหายใจยาวๆ หนึ่งเฮือก

เฮ้อ

สาปแช่งศัตรูตายแค่สี่คน เขาก็เสียอายุขัยไปแสนปีแล้ว

นี่ใครจะแบกรับได้

หานเจวี๋ยเจ็บปวดใจมาก แต่ยังคงสาปแช่งต่อ

ต่อไปคือเสียงหลงฝัว

ตบะเซียนทองไท่อี่ เกลียดชังระดับสี่ดาว จำเป็นต้องตาย

ครึ่งเดือนต่อมา

[เสียงหลงฝัวศัตรูคู่อาฆาตของท่านจิตพุทธะแตกสลาย ธาตุไฟเข้าแทรกเพราะการสาปแช่งของท่าน โชคดีได้บรรพชนพุทธปกป้องวิญญาณไว้]

‘แม่ม! มีพี่ใหญ่มากวนอีกแล้ว!’

หานเจวี๋ยกัดฟันยืนหยัด

ดีที่บรรพชนพุทธท่านนี้ไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือนกันจักรพรรดิปีศาจ

ผ่านไปอีกราวๆ สิบวัน

[เสียงหลงฝัวศัตรูคู่อาฆาตของท่าน กลายเป็นมารชั่วร้ายเพราะการสาปแช่งของท่าน พุทธะกับมารปะทะกันจนแตกดับด้วยตนเอง ร่างและวิญญาณสลาย]

ไม่มีรูปประจำตัวของศัตรูอีกคนแล้ว!

หานเจวี๋ยรู้สึกชื่นมื่น

เขามองดูศัตรูที่เหลือ หากสาปแช่งจนตายหมด วังสวรรค์จะไม่ประสบความสูญเสียอย่างหนักหรือ

ช่างเถอะ

ความเกลียดชังระดับหนึ่งถึงสองดาวไม่สาปแช่งแล้ว ฝ่ายตรงข้ามแค่ไม่พอใจเขา ใช่ว่าจะอยากสังหารเขา

แต่ความเกลียดชังระดับสามดาวต้องสาปแช่งให้ตาย นี่คือลางบอกเหตุของศัตรูคู่อาฆาต

หานเจวี๋ยคัดเลือกอยู่ครู่หนึ่งก็สาปแช่งต่อ

ถึงอย่างไรเสียเทพเซียนเหล่านี้ก็ไม่แข็งแกร่ง ตายไม่กี่คนไม่เป็นไร

ล้วนเป็นความเกลียดชังที่สะสมจากการต่อต้านแม่ทัพและทหารสวรรค์เมื่อพันกว่าปีก่อน ผ่านไปนานขนาดนี้ระดับความเกลียดชังส่วนมากก็ลดลงแล้ว แต่ยังมีคนไม่กลัวตายไม่กี่คนที่ยังคงดื้อรั้นอยู่ ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ

…….

แดนเซียน สำนักพุทธ

บรรพชนมรรคาสวรรค์นั่งตัวตรงอยู่บนบงกชทอง ตรงหน้ามีพระพุทธองค์ พระโพธิสัตว์ และพระอรหันต์ล้อมรอบอยู่นับไม่ถ้วน

แม้ว่าแสงพุทธะจะเจิดจรัส แต่บรรยากาศอึดอัดอย่างหาที่เปรียบมิได้

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ค่อยๆ เอ่ยปากกล่าว “ตั้งแต่พุทธะพิชิตชัยแตกดับ พุทธะฟ้าพิโรธกับเสียงหลงฝัวในสำนักพุทธก็แตกดับติดต่อกัน ข้าคำนวณดูแล้วมีคนใช้ยอดสมบัติสาปแช่ง พวกเรามีความเห็นว่าอย่างไร”

จักรพรรดิเซียนสององค์ เซียนทองไท่อี่หนึ่งองค์!

อยู่ๆ ก็แตกดับไป!

สำหรับสำนักพุทธแล้ว นับว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่!

พระพุทธองค์รูปร่างอวบอ้วนองค์หนึ่งเอ่ยปากกล่าว “นี่มีคนกำลังยั่วยุสำนักพุทธอยู่ แม้กระทั่งจะเปิดศึก ไม่อาจอดกลั้นได้!”

พอคำพูดนี้ออกมาพุทธะทั้งหมดก็เกิดโทสะ

“อมิตาพุทธ พุทธะเรามีเมตตาธรรม เราไม่ไปยุแหย่คนอื่น คนอื่นก็มายุแหย่เรา!”

“น่าสะอิดสะเอียนเกินไปแล้ว นี่คือการตบหน้าทั่วทั้งสำนักพุทธ!”

“หรือจะเป็นการกระทำของวังสวรรค์”

“เป็นไปไม่ได้ จักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช้วิธีการแบบนั้น หากจะมุ่งเป้ามาที่พวกเราจริงๆ เกรงว่าแม่ทัพทหารสวรรค์ใกล้จะสังหารเข้ามาแล้ว”

“ข้าคิดว่าเป็นวังเทพ วังเทพลึกลับไม่อาจคาดเดาได้ ซ่อนผู้ทรงพลังไว้เท่าใดพวกเราก็ไม่รู้แน่ชัด อย่างน้อยวังสวรรค์ก็ไม่มีผู้ที่มีพลังการสาปแช่งแข็งแกร่งเช่นนี้”

บรรดาพุทธะวิพากษ์วิจารณ์กัน พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ และบรรดาฑูตต่างก็มองหน้ากระซิบกระซาบกัน

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ค่อยๆ ลืมตากล่าว “ข้าคำนวณพบว่าของวิเศษชิ้นนั้นคือหนังสือเล่มหนึ่ง”

หนึ่งสือเล่มหนึ่ง?

บรรดาพุทธะยิ่งงงงวยกว่าเดิม

“ขอบเขตนี้มันกว้างเกินไป มีของล้ำค่ามากเกินไปในโลกที่ใช้ของที่มีลักษณะเป็นหนังสือมาเป็นของวิเศษ ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือสมุดความเป็นความตายของยมโลก หนังสือเซียนพิภพของแดนเซียน” มีพุทธะองค์หนึ่งส่ายหน้ากล่าว

และก็มีพุทธะกำลังซักถามข้อสงสัยอยู่ “ในเมื่อเป็นการสาปแช่ง ฝ่ายตรงข้ามจะทิ้งช่องโหว่ไว้ได้อย่างไร หนังสือเล่มนี้จะชักนำในทางที่ไม่ถูกต้องหรือไม่”

คำพูดของเขาชักนำให้พระพุทธองค์พยักหน้าเห็นด้วยจำนวนไม่น้อย

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็จมดิ่งอยู่ในความครุ่นคิด

ฝ่ายตรงข้ามเป็นใครนั้น เขาคำนวณไม่ได้เลย

ความสามารถในการซ่อนยอดสมบัติเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

หรือว่าจะจงใจทำ คิดจะชักนำภัยพิบัติสู่ฝั่งบูรพาหรือ

บรรพชนพุทธขมวดคิ้ว ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ ถึงอย่างไรมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตก็กำลังจะมาถึง เขาไม่อยากให้สำนักพุทธกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลแรกที่เข้าในไปมหาเคราะห์

บรรดาพุทธะยังคงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ไม่ว่าจะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร ก็นึกไม่ออกว่ามือสังหารคือใคร

เป้าหมายของหานเจวี๋ยนั้นเล็กเกินไปจริงๆ แม้แต่บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็ไม่ได้สนใจหานเจวี๋ย แม้กระทั่งยังไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของหานเจวี๋ย

ในความเห็นของเขา ที่บรรพชนพุทธภควัตกับโสมวิญญาณบรรพกาลอยู่ในโลกเขย่าพิภพ จะต้องเป็นแผนการร้ายของจักรพรรดิสวรรค์ ก่อนหน้านั้นโลกเขย่าพิภพยังมีจอมเทพอู่เต๋อและมหาจักรพรรดิเหยียนจวินอยู่ด้วย ซึ่งเพียงพอที่จะแอบซ่อนหานเจวี๋ย

เสียงหลงฝัวกับพุทธาเทพฟ้าพิโรธก็ไม่ได้เปิดเผยการดำรงอยู่ของหานเจวี๋ย เพราะหานเจวี๋ยอ่อนแอเกินไป แม้พวกเขาอยากจะสังหารหานเจวี๋ย แต่ก็ไม่เห็นหานเจวี๋ยอยู่ในสายตา

ที่หานเจวี๋ยไม่ตาย นั่นเป็นเพราะจักรพรรดิสวรรค์สนับสนุนอยู่!

……

เวลาผ่านไปอีกครึ่งปี

นอกจากจักรพรรดิปีศาจแล้ว ศัตรูที่มีความเกลียดชังระดับสามดาวขึ้นไปล้วนถูกหานเจวี๋ยสาปแช่งตายไปจนหมด

เขาสูญเสียอายุขัยไปทั้งหมดหนึ่งล้านปี ยังห่างจากร้อยล้านมาก

หานเจวี๋ยสบายใจแล้ว

ท้องฟ้าไม่เคยเป็นสีฟ้าเช่นนี้มาก่อน อากาศก็ไม่เคยเย็นสบายสดชื่นเช่นนี้มาก่อน

“นายท่าน ดูท่านจะดีใจมาก ก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่” อู้เต้าเจี้ยนถามอย่างอดไม่ได้

ก่อนหน้านั้นเห็นหานเจวี๋ยมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด เกือบทำให้นางตกใจตาย

หานเจวี๋ยกล่าวสีหน้าเฉียบขาด “เรื่องนี้ก็ทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด รวมถึงบรรดาศิษย์และศิษย์หลานของข้าด้วย หากเจ้ากล้าพูดออกไปล่ะก็ เจ้ากับข้าล้วนต้องตาย”

ได้ยินเช่นนี้อู้เต้าเจี้ยนก็หน้าซีดเผือด

‘หนักหนาเช่นนี้เชียวหรือ’

นางรีบกล่าวรับรอง “ข้าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!”

หานเจวี๋ยพยักหน้าและกล่าวด้วยคำที่แฝงความหมายลึกซึ้ง “ใกล้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว พอถึงเวลานั้นพวกเราอยากหลบฝึกบำเพ็ญก็ไม่มีที่ให้หลบ รีบคว้าเวลาฝึกบำเพ็ญเถอะ อย่าได้เอาแต่จับตามองข้า”

อู้เต้าเจี้ยนหน้าแดง นางเคอะเขินมาก

อีกด้านหนึ่ง

ภายในอารามเต๋า

พุทธะอาภรณ์ขาวมองดูท้องนภานอกประตูและกล่าวพึมพำ “เหตุใดถึงยังไม่มา”

องค์ชายสิบสามเคยทิ้งคำพูดโหดเหี้ยมเอาไว้ จะต้องให้เขาจ่ายค่าตอบแทน

สุดท้ายรอมาหลายปี องค์ชายสิบสามก็ไม่มา

‘หรือว่าวังสวรรค์จะลงมือแล้ว’

พุทธะอาภรณ์ขาวถอนหายใจทีหนึ่ง ขณะที่กำลังจะฝึกฝน เงาแสงลำหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า

คือบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์นั่นเอง!

พุทธะอาภรณ์ขาวตกใจเกือบฉี่เล็ด

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์กล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “วางใจเถอะ ข้าแตะต้องเจ้าไม่ได้ เพียงแค่อยากถามเจ้าสักเรื่อง”

พุทธะอาภรณ์ขาวแสร้งทำเป็นไม่หวั่นไหว “เรื่องใด”

“พุทธะพิชิตชัยตายในมือผู้ใด” บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ถาม

พุทธะอาภรณ์ขาวได้ยินก็รู้ว่าบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์มาหาหานเจวี๋ย

เขาเอ่ยปากกล่าว “ตายในเงื้อมมือของจักรพรรดิเซียนนิกายเจวี๋ย”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ขมวดคิ้วถาม “เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดนิกายเจี๋ยต้องลงมือ”

“จักรพรรดิเซียนนิกายเจี๋ยหยิ่งผยอง ต้องการกายเนื้อของพุทธะพิชิตชัยเพื่อคืนชีพผู้ทรงพลังบรรพกาลอีกครั้ง” พุทธะอาภรณ์ขาวกล่าวโดยไม่ได้เตรียม

แต่ก่อนเขาคือศิษย์นิกายฉ่าน ไม่ถูกคอกับนิกายเจี๋ยเป็นอย่างมาก

ท่ามกลางมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตในตอนนั้น สามนิกายสำนักเต๋าต่อสู้กันภายใน ทั้งสามนิกายประสบความพินาศไปด้วยกัน จนกระทั่งวันนี้ยังคงเป็นศัตรูคู่อาฆาตอยู่

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์นิ่งเงียบ

จากนั้นไม่นาน เงาแสงของเขาก็หายไปเลย

พุทธะอาภรณ์ขาวโล่งใจไปเปราะหนึ่ง และแอบชื่นชมหานเจวี๋ยอยู่ในใจ

‘ร้ายกาจจริงๆ นี่!

สังหารพุทธะพิชิตชัยแล้วบรรพชนพุทธมรรคายังคำนวณไม่พบเขา’

พุทธะอาภรณ์ขาวตัดสินใจแน่วแน่ จะต้องเกาะขาหานเจวี๋ยให้แน่นๆ

ใต้หล้ากว้างใหญ่ แต่ในขณะนี้เขาทำได้เพียงอยู่ที่นี่เท่านั้น อีกอย่างเขายังต้องอาศัยโลกเขย่าพิภพพิสูจน์จักรพรรดิ

วังสวรรค์

อุทธยานหลวง

จักรพรรดิสวรรค์กำลังทอดพระเนตรม้วนหนังสืออยู่ในศาลา และเงาร่างของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นมา

“พุทธะพิชิตชัยไม่ได้ตายในเงื้อมมือของวังสวรรค์หรือ” บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ถาม

จักรพรรดิสวรรค์ชำเลืองพระเนตรดูทีหนึ่ง และตรัสออกมา “ข้ากลับอยากให้เป็นเช่นนั้น เขาสังหารเทพเซียนวังสวรรค์ของข้าไปมากมาย”

หานเจวี๋ยเป็นไพ่ตายของจักรพรรดิสวรรค์ ไม่อาจเปิดเผยได้เด็ดขาด

แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ถึงถามเช่นนี้ จักรพรรดิสวรรค์ยังคงอยากช่วยให้หานเจวี๋ยหลุดพ้น ดังนั้นจึงตรัสขึ้นมา “ขณะที่พุทธะพิชิตชัยเข้าใกล้โลกเขย่าพิภพนั้น ถูกผู้ทรงพลังลึกลับสังหาร ที่มาของคนผู้นี้แม้แต่ข้ายังคำนวณไม่ได้”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ขมวดคิ้ว

‘หรือจะเป็นนิกายเจี๋ย

นับดูแล้วสำนักพุทธกับนิกายเจี๋ยมีความแค้นต่อกันจริงๆ ศิษย์สำนักพุทธจำนวนไม่น้อยล้วนมาจากนิกายเจี๋ย

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+