ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล
“ย่อมไม่ใช่วันพรุ่งนี้ เส้นทางยาวไกล ประกอบกับการต่อต้านของสำนักต่างๆ ระหว่างทาง กว่าจะมาถึงสำนักหยกพิสุทธิ์คงใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี หรืออาจจะนานกว่านั้น ข้าเพียงแค่มาแจ้งท่านให้ทราบล่วงหน้า”

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ายิ้มกล่าว เขาฟังความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของหานเจวี๋ยออก

เขารู้สึกทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้

พรสวรรค์ของผู้อาวุโสหานเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากในใต้หล้าจริงๆ

หลายสิบปีผ่านไป ตบะของเขาจะต้องก้าวกระโดดมากอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องหนีแล้ว”

ทั้งสองมองหน้าสอบตากันแล้วหัวเราะ

โดยไม่รู้ตัวหานเจวี๋ยก็กลายเป็นคนที่หลี่ชิงจื่อพึ่งพาได้มากที่สุด

แม้ว่าทั้งสองจะพูดคุยกันไม่มาก แต่ทุกครั้งยามที่สำนักหยกพิสุทธิ์เผชิญกับวิกฤต คนแรกที่หลี่ชิงจื่อนึกถึงก็คือหานเจวี๋ย

“จริงสิ ศิษย์ของข้าเล่า หลังจากหายตัวไปพวกท่านไม่ได้ไปหาเขาหรือ” หานเจวี๋ยเอ่ยปากถาม

จะว่าไปแล้วเหตุผลที่หยางเทียนตงหายตัวไปนั้นก็เพราะเขาติดตามสำนักหยกพิสุทธิ์ไปงานประชุมใหญ่การบำเพ็ญเซียน

หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ไป และก็หาเจอแล้ว ทว่าเขาไม่ยอมกลับมา ตอนนี้เขาได้กลายเป็นราชาปีศาจ มีชื่อเสียงในเผ่าปีศาจของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเป็นอย่างมาก คาดว่าอีกร้อยปีเขาอาจจะกลายเป็นราชาปีศาจอันดับหนึ่งในต้าเยี่ยนก็ได้”

หานเจวี๋ยหมดคำพูด

คิดไว้แล้วต้องเป็นเช่นนี้

หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้สำนักหยกพิสุทธิ์ต้อนรับระดับปราณก่อกำเนิดมาเข้าร่วมหลายท่าน ทั้งข้ายังเกลี้ยกล่อมระดับเปลี่ยนวิญญาณอีกสองท่าน อย่างมากสุดพวกเขาจะเข้าร่วมกับสำนักหยกพิสุทธิ์ในไม่กี่ปีข้างหน้า”

มนุษย์มุ่งเดินสู่ที่สูง

สำนักหยกพิสุทธิ์ในขณะนี้ เป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบำพรตต้าเยี่ยน พลังวิญญาณในสำนักเหนือกว่าสำนักอื่นจนมองไม่เห็นฝุ่น

หานเจวี๋ยพยักหน้า

ยิ่งสำนักหยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งขึ้นเท่าใด ก็เป็นผลดีกับเขาเท่านั้น

กล่าวตามตรงแล้วเขาเป็นผู้อาวุโสที่สบายที่สุดในสำนัก ในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีก็ลงมือเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งก็ไม่ได้เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย

เหล่าพืชวิญญาณและบุปผาวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนล้วนมีลูกศิษย์ที่มาดูแลโดยเฉพาะ เรื่องเดียวที่หานเจวี๋ยต้องทำก็คือ

การบำเพ็ญเพียร

“ผ่านไปนานขนาดนี้ เรื่องราวเกี่ยวกับผู้อาวุโสสังหารเทพของท่านเกือบจะถูกลืมเลือนแล้ว มีแค่คนรุ่นเก่าอย่างพวกเราเท่านั้นที่ยังพร่ำพรรณนาถึงลักษณะอันน่าเกรงขามของท่าน ยามนี้ล้วนเป็นโลกของบุตรผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์อย่างพวกโจวฝาน โม่ฟู่โฉวและหยางเทียนตง ทั้งสามคนนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นบุรุษแห่งยุค น่าเสียดาย พวกเขาล้วนไม่อุทิศตนรับใช้สำนัก จริงสิ เมื่อหลายสิบปีก่อนมีสุนัขปีศาจตัวหนึ่งก่อความเดือดร้อนในแดนบำเพ็ญพรต ข้าคาดเดาจากการบรรยายรูปพรรณสัณฐานของศิษย์แล้ว ดูเหมือนว่าสุนัขปีศาจตัวนั้นจะเป็นตัวเดียวกับที่ท่านเลี้ยงไว้?”

หลี่ชิงจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้นมา

มาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาก็ยังไม่เห็นสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ไม่ต้องสนใจมันหรอก มันจะออกไประเหเร่ร่อนในโลกกว้างให้ได้ รอมันเกิดความหวาดกลัวแล้ว ย่อมจะกลับมาเอง”

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้าอดยิ้มไม่ได้

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ชิงจื่อก็ไม่รบกวนเขาอีก

หานเจวี๋ยดูดซับปราณไปพลางเปิดอ่านจดหมายในค่าความสัมพันธ์ไปด้วย

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x578

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับโอกาสวาสนาครั้งใหญ่ ได้รับสมบัติวิญญาณบรรพกาล]

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x33

[กวนโยวกังสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x421

[ซูฉีศิษย์ของท่านได้ซาบซึ้งมรรคาสวรรค์ เข้าใจพลังวิเศษ]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x798

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านถูกลัทธิสัจจะยุทธ์จับเป็นเชลย]

……

หานเจวี๋ยไม่เห็นสถานการณ์ของหยางเทียนตง แต่รูปของเจ้าเด็กนี่ยังคงอยู่ ดูท่าแล้วคงจะปิดด่านอยู่กระมัง

เช่นนี้ก็ดี

หานเจวี๋ยยังรู้สึกกลัวจริงๆ ว่าเขาจะระหกระเหินจนไปตายที่ไหน

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าซูฉีเข้าใจพลังวิเศษแล้ว

น่าสนใจดี

ไม่ใช่แค่ซูฉีเท่านั้น ก่อนหน้านั้นก็มีคนเข้าใจพลังวิเศษในขณะบำเพ็ญเพียรด้วย

ตั้งแต่ที่หานเจวี๋ยฝึกฝนมาจนถึงตอนนี้ เขาล้วนอาศัยรางวัลจากระบบมาโดยตลอด กำลังวังชาของเขาล้วนใช้ไปกับการดูดซับปราณบำเพ็ญเพียร ยังไม่เคยเข้าใจพลังวิเศษด้วยตัวเองมาก่อน

หรือว่าจะลองดูสักหน่อย?

หานเจวี๋ยเข้าใจมรรคกระบี่ขั้นสูงสุด การที่จะเข้าใจพลังวิเศษมรรคกระบี่คงไม่ใช่เรื่องยาก

เอาแต่ฝึกฝนก็ออกจะน่าเบื่ออยู่บ้าง ลองทำความเข้าใจพลังวิเศษเล่นๆ ก็ดี

การสร้างพลังวิเศษโดยไม่มีมูล จำเป็นต้องใช้จินตนาการ

ไม่สู้ยกระดับพลังวิเศษจะดีกว่า!

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจทำความเข้าใจพลังเทพหมื่นกระบี่

พลังวิเศษมรรคกระบี่เป็นพลังวิเศษที่เท่ห์ที่สุดสำหรับเขา คุ้มค่าต่อการเข้าใจให้ลึกซึ้ง

หานเจวี๋ยหลับตาลงทันที

พลังเทพหมื่นกระบี่สามารถเรียกเงากระบี่ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานได้มากที่สุดหมื่นเล่ม

แม้ว่าจะมีฉากการสังหารขนาดใหญ่ แต่ความแม่นยำในการสังหารยังคงอ่อนอยู่

หานเจวี๋ยพลันตั้งข้อสังเกตขึ้นมาได้

หากนำสามกระบี่แยกเงาและพลังเทพหมื่นกระบี่เข้าด้วยกัน…

จิ๊ๆ…

มันจะน่ากลัวขนาดไหน!

สุดยอดเงากระบี่นับหมื่นสามารถสังหารศัตรูได้อย่างอิสระ!

ทำความเข้าใจเช่นนี้แหละ!

หานเจวี๋ยปลุกเร้าจิตใจให้ฮึกเหิม และรวบรวมจิตอย่างมุ่งมั่น

……

เขตแก่นประจิมเป็นเขตหนึ่งที่ไม่มีราชวงศ์ ที่นี่มีสัตว์ปีศาจเป็นจำนวนมาก เป็นการยากสำหรับราชวงศ์มนุษย์ธรรมดาที่จะย่างกรายเข้ามาในนี้ ทว่าที่แห่งนี้มีสำนักบำเพ็ญเพียรเยอะมาก หรืออาจจะมีจำนวนมากกว่าแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนก็เป็นได้

ลัทธิสัจจะยุทธ์เป็นลัทธิสายหลักที่ไม่เป็นสองรองใครในเขตแก่นประจิม

ภายในหอแห่งหนึ่ง

หวงจี๋เฮ่ากำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่บนเตียง

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้านใน

บุรุษผู้นี้มีใบหน้างามสง่า คิ้วปลายงอนดั่งคมดาบ ดวงตาเป็นประกาย ราวกับเดินออกมาจากภาพวาด

บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินเดินมานั่งลงหน้าโต๊ะ นำกระบี่ของตนวางไว้บนโต๊ะ รินชาให้ตนเองถ้วยหนึ่งก่อนกล่าววาจาด้วยรอยยิ้ม “หวงจี๋เฮ่า เจ้ายังคิดไม่ได้อีกหรือ”

หวงจี๋เฮ่าเบิกตาขึ้นกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ที่ข้าพ่ายแพ้ให้กับเจ้า ไม่ใช่เพราะมรรคกระบี่ของข้าไม่ดี หากให้เวลาข้าอีกร้อยปี ข้าจะต้องชนะเจ้าแน่ สำนักกระบี่วิหคชาดมีบุญคุณต่อข้า ข้าไม่อาจทรยศสำนักได้!”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลัทธิสัจจะยุทธ์แข็งแกร่งกว่าสำนักกระบี่วิหคชาดมาก หรืออาจจะแข็งแกร่งว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเสียด้วยซ้ำ หากเข้าร่วมลัทธิสัจจะยุทธ์ ข้าจะบ่มเพาะให้เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกสายกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจจะมีโอกาสได้เป็นถึงเซียนกระบี่ นี่ก็คือโอกาสของเจ้า โอกาสที่ผู้ฝึกสายกระบี่จำนวนมากใฝ่ฝัน”

หวงจี๋เฮ่านิ่งเงียบ

“หากว่าเจ้าเกิดในลัทธิสัจจะยุทธ์ ตบะของเจ้าในขณะนี้อย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นแปดแล้ว เจ้ามีจิตกระบี่ฟ้าประทาน ไม่ควรทำให้คุณสมบัติของเจ้าเสียเปล่า”

“รอกระทั่งเจ้าสำเร็จเป็นเซียนกระบี่ ยามนั้นก็นับว่าได้สร้างเกียรติยศให้สำนักกระบี่วิหคชาดแล้ว”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างจริงจัง แม้กระทั่งยังเผยแววตาวาดหวังออกมาด้วย

หวงจี๋เฮ่ากล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “คุณสมบัติมรรคกระบี่ของข้าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครจริงๆ หรือ? แต่ข้าเคยพบเห็นผู้มีพรสวรรค์มรรคกระบี่ที่เก่งกาจกว่ามากนัก ปราณกระบี่ของคนผู้นั้นยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าด้วย”

เมื่อหวงจี๋เฮ่านึกถึงปราณกระบี่ในขณะที่เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยในครานั้น ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินหัวเราะ อีกทั้งเสียงหัวเราะนั้นยังดังก้อง

เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คนผู้นั้นมาจากต้าเยี่ยนเหมือนพวกเจ้าหรือ”

หวงจี๋เฮ่าพยักหน้า

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไม่อาจมีผู้ฝึกสายกระบี่ใดที่แข็งแกร่งกว่าข้า!” บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างทระนง

หวงจี๋เฮ่ากล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “เจ้าเคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์หรือไม่? พลังของเขาพอที่จะเทียบได้กับผู้บำเพ็ญระดับสุญตา เว่ยหยวนจากสำนักเก้ามังกรที่กลับมาอย่างอดอาลัยตายอยาก ไม่พูดถึงศึกในครั้งนั้นแม้สักคำ แสดงให้เห็นว่าผู้อาวุโสสังหารเทพนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างเหยียดหยาม “เดิมทีคุณสมบัติของเว่ยหยวนก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว ก็แค่บังเอิญโชคดีสำเร็จระดับสุญตาเท่านั้น เพื่อที่จะขึ้นให้สูงอีกขั้น เขายังต้องไปรับจ้างตามที่ต่างๆ ทำลายชื่อเสียงของระดับสุญตาอย่างพวกเรา การโจมตีเขาให้พ่ายแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

ขณะนั้นเอง

กระบี่บนโต๊ะพลันสั่นกึกกักขึ้นมา

ไม่ใช่แค่กระบี่ของเขาเท่านั้น กระบี่ของหวงจี๋เฮ่าที่วางไว้ข้างขาก็สั่นตามไปด้วย

ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมาก

หวงจี๋เฮ่าคว้ากระบี่ของตัวเองไว้ แต่ไม่อาจควบคุมมันได้ เขามองไปทางบุรุษอาภรณ์น้ำเงินและถามอย่างอดไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินคว้าจับกระบี่ของตนเอง หมุนกายเดินออกไปจากห้อง

หวงจี๋เฮ่าก็ตามหลังเขาไปติดๆ

ทั้งสองมาถึงภายในลานด้านหน้า ลานแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถก้มมองทัศนียภาพส่วนใหญ่ของลัทธิสัจจะยุทธ์ได้

เห็นเพียงว่ากระบี่ของศิษย์ลัทธิสัจจะยุทธ์จำนวนมากหลุดออกจากฝักตามๆ กัน ก่อนพุ่งขึ้นสู่ที่สูงโดยไม่สามารถควบคุมได้ กระบี่ภายในหอเก็บกระบี่เองก็ทะลุผ่านประตูและพุ่งขึ้นฟ้าเป็นสาย

กระบี่นับหมื่นลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อทอดสายตามองออกไปจะเห็นว่าปลายกระบี่ล้วนหันไปในทางทิศเดียวกัน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก

กระบี่ทั้งหมดสั่นสะเทือนจนเป็นเสียงกึกก้อง เสียงนั้นสอดประสาน สนั่นหวั่นไหวไปทั้งใต้หล้า

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินเผยสีหน้าตระหนกตกใจ เอ่ยพึมพำขึ้นเบาๆ “หมื่นกระบี่น้อมคำนับ วิญญาณกระบี่ร้องประสาน…มีผู้บรรลุมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล!”

“เป็นไปได้อย่างไร!”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล
“ย่อมไม่ใช่วันพรุ่งนี้ เส้นทางยาวไกล ประกอบกับการต่อต้านของสำนักต่างๆ ระหว่างทาง กว่าจะมาถึงสำนักหยกพิสุทธิ์คงใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี หรืออาจจะนานกว่านั้น ข้าเพียงแค่มาแจ้งท่านให้ทราบล่วงหน้า”

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ายิ้มกล่าว เขาฟังความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของหานเจวี๋ยออก

เขารู้สึกทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้

พรสวรรค์ของผู้อาวุโสหานเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากในใต้หล้าจริงๆ

หลายสิบปีผ่านไป ตบะของเขาจะต้องก้าวกระโดดมากอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องหนีแล้ว”

ทั้งสองมองหน้าสอบตากันแล้วหัวเราะ

โดยไม่รู้ตัวหานเจวี๋ยก็กลายเป็นคนที่หลี่ชิงจื่อพึ่งพาได้มากที่สุด

แม้ว่าทั้งสองจะพูดคุยกันไม่มาก แต่ทุกครั้งยามที่สำนักหยกพิสุทธิ์เผชิญกับวิกฤต คนแรกที่หลี่ชิงจื่อนึกถึงก็คือหานเจวี๋ย

“จริงสิ ศิษย์ของข้าเล่า หลังจากหายตัวไปพวกท่านไม่ได้ไปหาเขาหรือ” หานเจวี๋ยเอ่ยปากถาม

จะว่าไปแล้วเหตุผลที่หยางเทียนตงหายตัวไปนั้นก็เพราะเขาติดตามสำนักหยกพิสุทธิ์ไปงานประชุมใหญ่การบำเพ็ญเซียน

หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ไป และก็หาเจอแล้ว ทว่าเขาไม่ยอมกลับมา ตอนนี้เขาได้กลายเป็นราชาปีศาจ มีชื่อเสียงในเผ่าปีศาจของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเป็นอย่างมาก คาดว่าอีกร้อยปีเขาอาจจะกลายเป็นราชาปีศาจอันดับหนึ่งในต้าเยี่ยนก็ได้”

หานเจวี๋ยหมดคำพูด

คิดไว้แล้วต้องเป็นเช่นนี้

หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้สำนักหยกพิสุทธิ์ต้อนรับระดับปราณก่อกำเนิดมาเข้าร่วมหลายท่าน ทั้งข้ายังเกลี้ยกล่อมระดับเปลี่ยนวิญญาณอีกสองท่าน อย่างมากสุดพวกเขาจะเข้าร่วมกับสำนักหยกพิสุทธิ์ในไม่กี่ปีข้างหน้า”

มนุษย์มุ่งเดินสู่ที่สูง

สำนักหยกพิสุทธิ์ในขณะนี้ เป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบำพรตต้าเยี่ยน พลังวิญญาณในสำนักเหนือกว่าสำนักอื่นจนมองไม่เห็นฝุ่น

หานเจวี๋ยพยักหน้า

ยิ่งสำนักหยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งขึ้นเท่าใด ก็เป็นผลดีกับเขาเท่านั้น

กล่าวตามตรงแล้วเขาเป็นผู้อาวุโสที่สบายที่สุดในสำนัก ในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีก็ลงมือเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งก็ไม่ได้เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย

เหล่าพืชวิญญาณและบุปผาวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนล้วนมีลูกศิษย์ที่มาดูแลโดยเฉพาะ เรื่องเดียวที่หานเจวี๋ยต้องทำก็คือ

การบำเพ็ญเพียร

“ผ่านไปนานขนาดนี้ เรื่องราวเกี่ยวกับผู้อาวุโสสังหารเทพของท่านเกือบจะถูกลืมเลือนแล้ว มีแค่คนรุ่นเก่าอย่างพวกเราเท่านั้นที่ยังพร่ำพรรณนาถึงลักษณะอันน่าเกรงขามของท่าน ยามนี้ล้วนเป็นโลกของบุตรผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์อย่างพวกโจวฝาน โม่ฟู่โฉวและหยางเทียนตง ทั้งสามคนนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นบุรุษแห่งยุค น่าเสียดาย พวกเขาล้วนไม่อุทิศตนรับใช้สำนัก จริงสิ เมื่อหลายสิบปีก่อนมีสุนัขปีศาจตัวหนึ่งก่อความเดือดร้อนในแดนบำเพ็ญพรต ข้าคาดเดาจากการบรรยายรูปพรรณสัณฐานของศิษย์แล้ว ดูเหมือนว่าสุนัขปีศาจตัวนั้นจะเป็นตัวเดียวกับที่ท่านเลี้ยงไว้?”

หลี่ชิงจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้นมา

มาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาก็ยังไม่เห็นสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ไม่ต้องสนใจมันหรอก มันจะออกไประเหเร่ร่อนในโลกกว้างให้ได้ รอมันเกิดความหวาดกลัวแล้ว ย่อมจะกลับมาเอง”

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้าอดยิ้มไม่ได้

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ชิงจื่อก็ไม่รบกวนเขาอีก

หานเจวี๋ยดูดซับปราณไปพลางเปิดอ่านจดหมายในค่าความสัมพันธ์ไปด้วย

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x578

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับโอกาสวาสนาครั้งใหญ่ ได้รับสมบัติวิญญาณบรรพกาล]

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x33

[กวนโยวกังสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x421

[ซูฉีศิษย์ของท่านได้ซาบซึ้งมรรคาสวรรค์ เข้าใจพลังวิเศษ]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x798

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านถูกลัทธิสัจจะยุทธ์จับเป็นเชลย]

……

หานเจวี๋ยไม่เห็นสถานการณ์ของหยางเทียนตง แต่รูปของเจ้าเด็กนี่ยังคงอยู่ ดูท่าแล้วคงจะปิดด่านอยู่กระมัง

เช่นนี้ก็ดี

หานเจวี๋ยยังรู้สึกกลัวจริงๆ ว่าเขาจะระหกระเหินจนไปตายที่ไหน

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าซูฉีเข้าใจพลังวิเศษแล้ว

น่าสนใจดี

ไม่ใช่แค่ซูฉีเท่านั้น ก่อนหน้านั้นก็มีคนเข้าใจพลังวิเศษในขณะบำเพ็ญเพียรด้วย

ตั้งแต่ที่หานเจวี๋ยฝึกฝนมาจนถึงตอนนี้ เขาล้วนอาศัยรางวัลจากระบบมาโดยตลอด กำลังวังชาของเขาล้วนใช้ไปกับการดูดซับปราณบำเพ็ญเพียร ยังไม่เคยเข้าใจพลังวิเศษด้วยตัวเองมาก่อน

หรือว่าจะลองดูสักหน่อย?

หานเจวี๋ยเข้าใจมรรคกระบี่ขั้นสูงสุด การที่จะเข้าใจพลังวิเศษมรรคกระบี่คงไม่ใช่เรื่องยาก

เอาแต่ฝึกฝนก็ออกจะน่าเบื่ออยู่บ้าง ลองทำความเข้าใจพลังวิเศษเล่นๆ ก็ดี

การสร้างพลังวิเศษโดยไม่มีมูล จำเป็นต้องใช้จินตนาการ

ไม่สู้ยกระดับพลังวิเศษจะดีกว่า!

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจทำความเข้าใจพลังเทพหมื่นกระบี่

พลังวิเศษมรรคกระบี่เป็นพลังวิเศษที่เท่ห์ที่สุดสำหรับเขา คุ้มค่าต่อการเข้าใจให้ลึกซึ้ง

หานเจวี๋ยหลับตาลงทันที

พลังเทพหมื่นกระบี่สามารถเรียกเงากระบี่ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานได้มากที่สุดหมื่นเล่ม

แม้ว่าจะมีฉากการสังหารขนาดใหญ่ แต่ความแม่นยำในการสังหารยังคงอ่อนอยู่

หานเจวี๋ยพลันตั้งข้อสังเกตขึ้นมาได้

หากนำสามกระบี่แยกเงาและพลังเทพหมื่นกระบี่เข้าด้วยกัน…

จิ๊ๆ…

มันจะน่ากลัวขนาดไหน!

สุดยอดเงากระบี่นับหมื่นสามารถสังหารศัตรูได้อย่างอิสระ!

ทำความเข้าใจเช่นนี้แหละ!

หานเจวี๋ยปลุกเร้าจิตใจให้ฮึกเหิม และรวบรวมจิตอย่างมุ่งมั่น

……

เขตแก่นประจิมเป็นเขตหนึ่งที่ไม่มีราชวงศ์ ที่นี่มีสัตว์ปีศาจเป็นจำนวนมาก เป็นการยากสำหรับราชวงศ์มนุษย์ธรรมดาที่จะย่างกรายเข้ามาในนี้ ทว่าที่แห่งนี้มีสำนักบำเพ็ญเพียรเยอะมาก หรืออาจจะมีจำนวนมากกว่าแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนก็เป็นได้

ลัทธิสัจจะยุทธ์เป็นลัทธิสายหลักที่ไม่เป็นสองรองใครในเขตแก่นประจิม

ภายในหอแห่งหนึ่ง

หวงจี๋เฮ่ากำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่บนเตียง

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้านใน

บุรุษผู้นี้มีใบหน้างามสง่า คิ้วปลายงอนดั่งคมดาบ ดวงตาเป็นประกาย ราวกับเดินออกมาจากภาพวาด

บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินเดินมานั่งลงหน้าโต๊ะ นำกระบี่ของตนวางไว้บนโต๊ะ รินชาให้ตนเองถ้วยหนึ่งก่อนกล่าววาจาด้วยรอยยิ้ม “หวงจี๋เฮ่า เจ้ายังคิดไม่ได้อีกหรือ”

หวงจี๋เฮ่าเบิกตาขึ้นกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ที่ข้าพ่ายแพ้ให้กับเจ้า ไม่ใช่เพราะมรรคกระบี่ของข้าไม่ดี หากให้เวลาข้าอีกร้อยปี ข้าจะต้องชนะเจ้าแน่ สำนักกระบี่วิหคชาดมีบุญคุณต่อข้า ข้าไม่อาจทรยศสำนักได้!”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลัทธิสัจจะยุทธ์แข็งแกร่งกว่าสำนักกระบี่วิหคชาดมาก หรืออาจจะแข็งแกร่งว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเสียด้วยซ้ำ หากเข้าร่วมลัทธิสัจจะยุทธ์ ข้าจะบ่มเพาะให้เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกสายกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจจะมีโอกาสได้เป็นถึงเซียนกระบี่ นี่ก็คือโอกาสของเจ้า โอกาสที่ผู้ฝึกสายกระบี่จำนวนมากใฝ่ฝัน”

หวงจี๋เฮ่านิ่งเงียบ

“หากว่าเจ้าเกิดในลัทธิสัจจะยุทธ์ ตบะของเจ้าในขณะนี้อย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นแปดแล้ว เจ้ามีจิตกระบี่ฟ้าประทาน ไม่ควรทำให้คุณสมบัติของเจ้าเสียเปล่า”

“รอกระทั่งเจ้าสำเร็จเป็นเซียนกระบี่ ยามนั้นก็นับว่าได้สร้างเกียรติยศให้สำนักกระบี่วิหคชาดแล้ว”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างจริงจัง แม้กระทั่งยังเผยแววตาวาดหวังออกมาด้วย

หวงจี๋เฮ่ากล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “คุณสมบัติมรรคกระบี่ของข้าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครจริงๆ หรือ? แต่ข้าเคยพบเห็นผู้มีพรสวรรค์มรรคกระบี่ที่เก่งกาจกว่ามากนัก ปราณกระบี่ของคนผู้นั้นยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าด้วย”

เมื่อหวงจี๋เฮ่านึกถึงปราณกระบี่ในขณะที่เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยในครานั้น ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินหัวเราะ อีกทั้งเสียงหัวเราะนั้นยังดังก้อง

เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คนผู้นั้นมาจากต้าเยี่ยนเหมือนพวกเจ้าหรือ”

หวงจี๋เฮ่าพยักหน้า

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไม่อาจมีผู้ฝึกสายกระบี่ใดที่แข็งแกร่งกว่าข้า!” บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างทระนง

หวงจี๋เฮ่ากล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “เจ้าเคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์หรือไม่? พลังของเขาพอที่จะเทียบได้กับผู้บำเพ็ญระดับสุญตา เว่ยหยวนจากสำนักเก้ามังกรที่กลับมาอย่างอดอาลัยตายอยาก ไม่พูดถึงศึกในครั้งนั้นแม้สักคำ แสดงให้เห็นว่าผู้อาวุโสสังหารเทพนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างเหยียดหยาม “เดิมทีคุณสมบัติของเว่ยหยวนก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว ก็แค่บังเอิญโชคดีสำเร็จระดับสุญตาเท่านั้น เพื่อที่จะขึ้นให้สูงอีกขั้น เขายังต้องไปรับจ้างตามที่ต่างๆ ทำลายชื่อเสียงของระดับสุญตาอย่างพวกเรา การโจมตีเขาให้พ่ายแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

ขณะนั้นเอง

กระบี่บนโต๊ะพลันสั่นกึกกักขึ้นมา

ไม่ใช่แค่กระบี่ของเขาเท่านั้น กระบี่ของหวงจี๋เฮ่าที่วางไว้ข้างขาก็สั่นตามไปด้วย

ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมาก

หวงจี๋เฮ่าคว้ากระบี่ของตัวเองไว้ แต่ไม่อาจควบคุมมันได้ เขามองไปทางบุรุษอาภรณ์น้ำเงินและถามอย่างอดไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินคว้าจับกระบี่ของตนเอง หมุนกายเดินออกไปจากห้อง

หวงจี๋เฮ่าก็ตามหลังเขาไปติดๆ

ทั้งสองมาถึงภายในลานด้านหน้า ลานแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถก้มมองทัศนียภาพส่วนใหญ่ของลัทธิสัจจะยุทธ์ได้

เห็นเพียงว่ากระบี่ของศิษย์ลัทธิสัจจะยุทธ์จำนวนมากหลุดออกจากฝักตามๆ กัน ก่อนพุ่งขึ้นสู่ที่สูงโดยไม่สามารถควบคุมได้ กระบี่ภายในหอเก็บกระบี่เองก็ทะลุผ่านประตูและพุ่งขึ้นฟ้าเป็นสาย

กระบี่นับหมื่นลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อทอดสายตามองออกไปจะเห็นว่าปลายกระบี่ล้วนหันไปในทางทิศเดียวกัน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก

กระบี่ทั้งหมดสั่นสะเทือนจนเป็นเสียงกึกก้อง เสียงนั้นสอดประสาน สนั่นหวั่นไหวไปทั้งใต้หล้า

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินเผยสีหน้าตระหนกตกใจ เอ่ยพึมพำขึ้นเบาๆ “หมื่นกระบี่น้อมคำนับ วิญญาณกระบี่ร้องประสาน…มีผู้บรรลุมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล!”

“เป็นไปได้อย่างไร!”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล
“ย่อมไม่ใช่วันพรุ่งนี้ เส้นทางยาวไกล ประกอบกับการต่อต้านของสำนักต่างๆ ระหว่างทาง กว่าจะมาถึงสำนักหยกพิสุทธิ์คงใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี หรืออาจจะนานกว่านั้น ข้าเพียงแค่มาแจ้งท่านให้ทราบล่วงหน้า”

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ายิ้มกล่าว เขาฟังความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของหานเจวี๋ยออก

เขารู้สึกทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้

พรสวรรค์ของผู้อาวุโสหานเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากในใต้หล้าจริงๆ

หลายสิบปีผ่านไป ตบะของเขาจะต้องก้าวกระโดดมากอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องหนีแล้ว”

ทั้งสองมองหน้าสอบตากันแล้วหัวเราะ

โดยไม่รู้ตัวหานเจวี๋ยก็กลายเป็นคนที่หลี่ชิงจื่อพึ่งพาได้มากที่สุด

แม้ว่าทั้งสองจะพูดคุยกันไม่มาก แต่ทุกครั้งยามที่สำนักหยกพิสุทธิ์เผชิญกับวิกฤต คนแรกที่หลี่ชิงจื่อนึกถึงก็คือหานเจวี๋ย

“จริงสิ ศิษย์ของข้าเล่า หลังจากหายตัวไปพวกท่านไม่ได้ไปหาเขาหรือ” หานเจวี๋ยเอ่ยปากถาม

จะว่าไปแล้วเหตุผลที่หยางเทียนตงหายตัวไปนั้นก็เพราะเขาติดตามสำนักหยกพิสุทธิ์ไปงานประชุมใหญ่การบำเพ็ญเซียน

หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ไป และก็หาเจอแล้ว ทว่าเขาไม่ยอมกลับมา ตอนนี้เขาได้กลายเป็นราชาปีศาจ มีชื่อเสียงในเผ่าปีศาจของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเป็นอย่างมาก คาดว่าอีกร้อยปีเขาอาจจะกลายเป็นราชาปีศาจอันดับหนึ่งในต้าเยี่ยนก็ได้”

หานเจวี๋ยหมดคำพูด

คิดไว้แล้วต้องเป็นเช่นนี้

หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้สำนักหยกพิสุทธิ์ต้อนรับระดับปราณก่อกำเนิดมาเข้าร่วมหลายท่าน ทั้งข้ายังเกลี้ยกล่อมระดับเปลี่ยนวิญญาณอีกสองท่าน อย่างมากสุดพวกเขาจะเข้าร่วมกับสำนักหยกพิสุทธิ์ในไม่กี่ปีข้างหน้า”

มนุษย์มุ่งเดินสู่ที่สูง

สำนักหยกพิสุทธิ์ในขณะนี้ เป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบำพรตต้าเยี่ยน พลังวิญญาณในสำนักเหนือกว่าสำนักอื่นจนมองไม่เห็นฝุ่น

หานเจวี๋ยพยักหน้า

ยิ่งสำนักหยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งขึ้นเท่าใด ก็เป็นผลดีกับเขาเท่านั้น

กล่าวตามตรงแล้วเขาเป็นผู้อาวุโสที่สบายที่สุดในสำนัก ในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีก็ลงมือเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งก็ไม่ได้เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย

เหล่าพืชวิญญาณและบุปผาวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนล้วนมีลูกศิษย์ที่มาดูแลโดยเฉพาะ เรื่องเดียวที่หานเจวี๋ยต้องทำก็คือ

การบำเพ็ญเพียร

“ผ่านไปนานขนาดนี้ เรื่องราวเกี่ยวกับผู้อาวุโสสังหารเทพของท่านเกือบจะถูกลืมเลือนแล้ว มีแค่คนรุ่นเก่าอย่างพวกเราเท่านั้นที่ยังพร่ำพรรณนาถึงลักษณะอันน่าเกรงขามของท่าน ยามนี้ล้วนเป็นโลกของบุตรผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์อย่างพวกโจวฝาน โม่ฟู่โฉวและหยางเทียนตง ทั้งสามคนนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นบุรุษแห่งยุค น่าเสียดาย พวกเขาล้วนไม่อุทิศตนรับใช้สำนัก จริงสิ เมื่อหลายสิบปีก่อนมีสุนัขปีศาจตัวหนึ่งก่อความเดือดร้อนในแดนบำเพ็ญพรต ข้าคาดเดาจากการบรรยายรูปพรรณสัณฐานของศิษย์แล้ว ดูเหมือนว่าสุนัขปีศาจตัวนั้นจะเป็นตัวเดียวกับที่ท่านเลี้ยงไว้?”

หลี่ชิงจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้นมา

มาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาก็ยังไม่เห็นสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ไม่ต้องสนใจมันหรอก มันจะออกไประเหเร่ร่อนในโลกกว้างให้ได้ รอมันเกิดความหวาดกลัวแล้ว ย่อมจะกลับมาเอง”

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้าอดยิ้มไม่ได้

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ชิงจื่อก็ไม่รบกวนเขาอีก

หานเจวี๋ยดูดซับปราณไปพลางเปิดอ่านจดหมายในค่าความสัมพันธ์ไปด้วย

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x578

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับโอกาสวาสนาครั้งใหญ่ ได้รับสมบัติวิญญาณบรรพกาล]

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x33

[กวนโยวกังสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x421

[ซูฉีศิษย์ของท่านได้ซาบซึ้งมรรคาสวรรค์ เข้าใจพลังวิเศษ]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x798

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านถูกลัทธิสัจจะยุทธ์จับเป็นเชลย]

……

หานเจวี๋ยไม่เห็นสถานการณ์ของหยางเทียนตง แต่รูปของเจ้าเด็กนี่ยังคงอยู่ ดูท่าแล้วคงจะปิดด่านอยู่กระมัง

เช่นนี้ก็ดี

หานเจวี๋ยยังรู้สึกกลัวจริงๆ ว่าเขาจะระหกระเหินจนไปตายที่ไหน

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าซูฉีเข้าใจพลังวิเศษแล้ว

น่าสนใจดี

ไม่ใช่แค่ซูฉีเท่านั้น ก่อนหน้านั้นก็มีคนเข้าใจพลังวิเศษในขณะบำเพ็ญเพียรด้วย

ตั้งแต่ที่หานเจวี๋ยฝึกฝนมาจนถึงตอนนี้ เขาล้วนอาศัยรางวัลจากระบบมาโดยตลอด กำลังวังชาของเขาล้วนใช้ไปกับการดูดซับปราณบำเพ็ญเพียร ยังไม่เคยเข้าใจพลังวิเศษด้วยตัวเองมาก่อน

หรือว่าจะลองดูสักหน่อย?

หานเจวี๋ยเข้าใจมรรคกระบี่ขั้นสูงสุด การที่จะเข้าใจพลังวิเศษมรรคกระบี่คงไม่ใช่เรื่องยาก

เอาแต่ฝึกฝนก็ออกจะน่าเบื่ออยู่บ้าง ลองทำความเข้าใจพลังวิเศษเล่นๆ ก็ดี

การสร้างพลังวิเศษโดยไม่มีมูล จำเป็นต้องใช้จินตนาการ

ไม่สู้ยกระดับพลังวิเศษจะดีกว่า!

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจทำความเข้าใจพลังเทพหมื่นกระบี่

พลังวิเศษมรรคกระบี่เป็นพลังวิเศษที่เท่ห์ที่สุดสำหรับเขา คุ้มค่าต่อการเข้าใจให้ลึกซึ้ง

หานเจวี๋ยหลับตาลงทันที

พลังเทพหมื่นกระบี่สามารถเรียกเงากระบี่ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานได้มากที่สุดหมื่นเล่ม

แม้ว่าจะมีฉากการสังหารขนาดใหญ่ แต่ความแม่นยำในการสังหารยังคงอ่อนอยู่

หานเจวี๋ยพลันตั้งข้อสังเกตขึ้นมาได้

หากนำสามกระบี่แยกเงาและพลังเทพหมื่นกระบี่เข้าด้วยกัน…

จิ๊ๆ…

มันจะน่ากลัวขนาดไหน!

สุดยอดเงากระบี่นับหมื่นสามารถสังหารศัตรูได้อย่างอิสระ!

ทำความเข้าใจเช่นนี้แหละ!

หานเจวี๋ยปลุกเร้าจิตใจให้ฮึกเหิม และรวบรวมจิตอย่างมุ่งมั่น

……

เขตแก่นประจิมเป็นเขตหนึ่งที่ไม่มีราชวงศ์ ที่นี่มีสัตว์ปีศาจเป็นจำนวนมาก เป็นการยากสำหรับราชวงศ์มนุษย์ธรรมดาที่จะย่างกรายเข้ามาในนี้ ทว่าที่แห่งนี้มีสำนักบำเพ็ญเพียรเยอะมาก หรืออาจจะมีจำนวนมากกว่าแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนก็เป็นได้

ลัทธิสัจจะยุทธ์เป็นลัทธิสายหลักที่ไม่เป็นสองรองใครในเขตแก่นประจิม

ภายในหอแห่งหนึ่ง

หวงจี๋เฮ่ากำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่บนเตียง

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้านใน

บุรุษผู้นี้มีใบหน้างามสง่า คิ้วปลายงอนดั่งคมดาบ ดวงตาเป็นประกาย ราวกับเดินออกมาจากภาพวาด

บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินเดินมานั่งลงหน้าโต๊ะ นำกระบี่ของตนวางไว้บนโต๊ะ รินชาให้ตนเองถ้วยหนึ่งก่อนกล่าววาจาด้วยรอยยิ้ม “หวงจี๋เฮ่า เจ้ายังคิดไม่ได้อีกหรือ”

หวงจี๋เฮ่าเบิกตาขึ้นกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ที่ข้าพ่ายแพ้ให้กับเจ้า ไม่ใช่เพราะมรรคกระบี่ของข้าไม่ดี หากให้เวลาข้าอีกร้อยปี ข้าจะต้องชนะเจ้าแน่ สำนักกระบี่วิหคชาดมีบุญคุณต่อข้า ข้าไม่อาจทรยศสำนักได้!”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลัทธิสัจจะยุทธ์แข็งแกร่งกว่าสำนักกระบี่วิหคชาดมาก หรืออาจจะแข็งแกร่งว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเสียด้วยซ้ำ หากเข้าร่วมลัทธิสัจจะยุทธ์ ข้าจะบ่มเพาะให้เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกสายกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจจะมีโอกาสได้เป็นถึงเซียนกระบี่ นี่ก็คือโอกาสของเจ้า โอกาสที่ผู้ฝึกสายกระบี่จำนวนมากใฝ่ฝัน”

หวงจี๋เฮ่านิ่งเงียบ

“หากว่าเจ้าเกิดในลัทธิสัจจะยุทธ์ ตบะของเจ้าในขณะนี้อย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นแปดแล้ว เจ้ามีจิตกระบี่ฟ้าประทาน ไม่ควรทำให้คุณสมบัติของเจ้าเสียเปล่า”

“รอกระทั่งเจ้าสำเร็จเป็นเซียนกระบี่ ยามนั้นก็นับว่าได้สร้างเกียรติยศให้สำนักกระบี่วิหคชาดแล้ว”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างจริงจัง แม้กระทั่งยังเผยแววตาวาดหวังออกมาด้วย

หวงจี๋เฮ่ากล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “คุณสมบัติมรรคกระบี่ของข้าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครจริงๆ หรือ? แต่ข้าเคยพบเห็นผู้มีพรสวรรค์มรรคกระบี่ที่เก่งกาจกว่ามากนัก ปราณกระบี่ของคนผู้นั้นยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าด้วย”

เมื่อหวงจี๋เฮ่านึกถึงปราณกระบี่ในขณะที่เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยในครานั้น ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินหัวเราะ อีกทั้งเสียงหัวเราะนั้นยังดังก้อง

เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คนผู้นั้นมาจากต้าเยี่ยนเหมือนพวกเจ้าหรือ”

หวงจี๋เฮ่าพยักหน้า

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไม่อาจมีผู้ฝึกสายกระบี่ใดที่แข็งแกร่งกว่าข้า!” บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างทระนง

หวงจี๋เฮ่ากล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “เจ้าเคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์หรือไม่? พลังของเขาพอที่จะเทียบได้กับผู้บำเพ็ญระดับสุญตา เว่ยหยวนจากสำนักเก้ามังกรที่กลับมาอย่างอดอาลัยตายอยาก ไม่พูดถึงศึกในครั้งนั้นแม้สักคำ แสดงให้เห็นว่าผู้อาวุโสสังหารเทพนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างเหยียดหยาม “เดิมทีคุณสมบัติของเว่ยหยวนก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว ก็แค่บังเอิญโชคดีสำเร็จระดับสุญตาเท่านั้น เพื่อที่จะขึ้นให้สูงอีกขั้น เขายังต้องไปรับจ้างตามที่ต่างๆ ทำลายชื่อเสียงของระดับสุญตาอย่างพวกเรา การโจมตีเขาให้พ่ายแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

ขณะนั้นเอง

กระบี่บนโต๊ะพลันสั่นกึกกักขึ้นมา

ไม่ใช่แค่กระบี่ของเขาเท่านั้น กระบี่ของหวงจี๋เฮ่าที่วางไว้ข้างขาก็สั่นตามไปด้วย

ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมาก

หวงจี๋เฮ่าคว้ากระบี่ของตัวเองไว้ แต่ไม่อาจควบคุมมันได้ เขามองไปทางบุรุษอาภรณ์น้ำเงินและถามอย่างอดไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินคว้าจับกระบี่ของตนเอง หมุนกายเดินออกไปจากห้อง

หวงจี๋เฮ่าก็ตามหลังเขาไปติดๆ

ทั้งสองมาถึงภายในลานด้านหน้า ลานแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถก้มมองทัศนียภาพส่วนใหญ่ของลัทธิสัจจะยุทธ์ได้

เห็นเพียงว่ากระบี่ของศิษย์ลัทธิสัจจะยุทธ์จำนวนมากหลุดออกจากฝักตามๆ กัน ก่อนพุ่งขึ้นสู่ที่สูงโดยไม่สามารถควบคุมได้ กระบี่ภายในหอเก็บกระบี่เองก็ทะลุผ่านประตูและพุ่งขึ้นฟ้าเป็นสาย

กระบี่นับหมื่นลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อทอดสายตามองออกไปจะเห็นว่าปลายกระบี่ล้วนหันไปในทางทิศเดียวกัน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก

กระบี่ทั้งหมดสั่นสะเทือนจนเป็นเสียงกึกก้อง เสียงนั้นสอดประสาน สนั่นหวั่นไหวไปทั้งใต้หล้า

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินเผยสีหน้าตระหนกตกใจ เอ่ยพึมพำขึ้นเบาๆ “หมื่นกระบี่น้อมคำนับ วิญญาณกระบี่ร้องประสาน…มีผู้บรรลุมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล!”

“เป็นไปได้อย่างไร!”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 70 ลัทธิสัจจะยุทธ์ มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล
“ย่อมไม่ใช่วันพรุ่งนี้ เส้นทางยาวไกล ประกอบกับการต่อต้านของสำนักต่างๆ ระหว่างทาง กว่าจะมาถึงสำนักหยกพิสุทธิ์คงใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี หรืออาจจะนานกว่านั้น ข้าเพียงแค่มาแจ้งท่านให้ทราบล่วงหน้า”

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ายิ้มกล่าว เขาฟังความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของหานเจวี๋ยออก

เขารู้สึกทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้

พรสวรรค์ของผู้อาวุโสหานเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากในใต้หล้าจริงๆ

หลายสิบปีผ่านไป ตบะของเขาจะต้องก้าวกระโดดมากอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องหนีแล้ว”

ทั้งสองมองหน้าสอบตากันแล้วหัวเราะ

โดยไม่รู้ตัวหานเจวี๋ยก็กลายเป็นคนที่หลี่ชิงจื่อพึ่งพาได้มากที่สุด

แม้ว่าทั้งสองจะพูดคุยกันไม่มาก แต่ทุกครั้งยามที่สำนักหยกพิสุทธิ์เผชิญกับวิกฤต คนแรกที่หลี่ชิงจื่อนึกถึงก็คือหานเจวี๋ย

“จริงสิ ศิษย์ของข้าเล่า หลังจากหายตัวไปพวกท่านไม่ได้ไปหาเขาหรือ” หานเจวี๋ยเอ่ยปากถาม

จะว่าไปแล้วเหตุผลที่หยางเทียนตงหายตัวไปนั้นก็เพราะเขาติดตามสำนักหยกพิสุทธิ์ไปงานประชุมใหญ่การบำเพ็ญเซียน

หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ไป และก็หาเจอแล้ว ทว่าเขาไม่ยอมกลับมา ตอนนี้เขาได้กลายเป็นราชาปีศาจ มีชื่อเสียงในเผ่าปีศาจของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเป็นอย่างมาก คาดว่าอีกร้อยปีเขาอาจจะกลายเป็นราชาปีศาจอันดับหนึ่งในต้าเยี่ยนก็ได้”

หานเจวี๋ยหมดคำพูด

คิดไว้แล้วต้องเป็นเช่นนี้

หลี่ชิงจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้สำนักหยกพิสุทธิ์ต้อนรับระดับปราณก่อกำเนิดมาเข้าร่วมหลายท่าน ทั้งข้ายังเกลี้ยกล่อมระดับเปลี่ยนวิญญาณอีกสองท่าน อย่างมากสุดพวกเขาจะเข้าร่วมกับสำนักหยกพิสุทธิ์ในไม่กี่ปีข้างหน้า”

มนุษย์มุ่งเดินสู่ที่สูง

สำนักหยกพิสุทธิ์ในขณะนี้ เป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบำพรตต้าเยี่ยน พลังวิญญาณในสำนักเหนือกว่าสำนักอื่นจนมองไม่เห็นฝุ่น

หานเจวี๋ยพยักหน้า

ยิ่งสำนักหยกพิสุทธิ์แข็งแกร่งขึ้นเท่าใด ก็เป็นผลดีกับเขาเท่านั้น

กล่าวตามตรงแล้วเขาเป็นผู้อาวุโสที่สบายที่สุดในสำนัก ในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีก็ลงมือเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งก็ไม่ได้เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย

เหล่าพืชวิญญาณและบุปผาวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนล้วนมีลูกศิษย์ที่มาดูแลโดยเฉพาะ เรื่องเดียวที่หานเจวี๋ยต้องทำก็คือ

การบำเพ็ญเพียร

“ผ่านไปนานขนาดนี้ เรื่องราวเกี่ยวกับผู้อาวุโสสังหารเทพของท่านเกือบจะถูกลืมเลือนแล้ว มีแค่คนรุ่นเก่าอย่างพวกเราเท่านั้นที่ยังพร่ำพรรณนาถึงลักษณะอันน่าเกรงขามของท่าน ยามนี้ล้วนเป็นโลกของบุตรผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์อย่างพวกโจวฝาน โม่ฟู่โฉวและหยางเทียนตง ทั้งสามคนนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นบุรุษแห่งยุค น่าเสียดาย พวกเขาล้วนไม่อุทิศตนรับใช้สำนัก จริงสิ เมื่อหลายสิบปีก่อนมีสุนัขปีศาจตัวหนึ่งก่อความเดือดร้อนในแดนบำเพ็ญพรต ข้าคาดเดาจากการบรรยายรูปพรรณสัณฐานของศิษย์แล้ว ดูเหมือนว่าสุนัขปีศาจตัวนั้นจะเป็นตัวเดียวกับที่ท่านเลี้ยงไว้?”

หลี่ชิงจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้นมา

มาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาก็ยังไม่เห็นสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ไม่ต้องสนใจมันหรอก มันจะออกไประเหเร่ร่อนในโลกกว้างให้ได้ รอมันเกิดความหวาดกลัวแล้ว ย่อมจะกลับมาเอง”

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้าอดยิ้มไม่ได้

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ชิงจื่อก็ไม่รบกวนเขาอีก

หานเจวี๋ยดูดซับปราณไปพลางเปิดอ่านจดหมายในค่าความสัมพันธ์ไปด้วย

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x578

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับโอกาสวาสนาครั้งใหญ่ ได้รับสมบัติวิญญาณบรรพกาล]

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x33

[กวนโยวกังสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x421

[ซูฉีศิษย์ของท่านได้ซาบซึ้งมรรคาสวรรค์ เข้าใจพลังวิเศษ]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x798

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านถูกลัทธิสัจจะยุทธ์จับเป็นเชลย]

……

หานเจวี๋ยไม่เห็นสถานการณ์ของหยางเทียนตง แต่รูปของเจ้าเด็กนี่ยังคงอยู่ ดูท่าแล้วคงจะปิดด่านอยู่กระมัง

เช่นนี้ก็ดี

หานเจวี๋ยยังรู้สึกกลัวจริงๆ ว่าเขาจะระหกระเหินจนไปตายที่ไหน

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าซูฉีเข้าใจพลังวิเศษแล้ว

น่าสนใจดี

ไม่ใช่แค่ซูฉีเท่านั้น ก่อนหน้านั้นก็มีคนเข้าใจพลังวิเศษในขณะบำเพ็ญเพียรด้วย

ตั้งแต่ที่หานเจวี๋ยฝึกฝนมาจนถึงตอนนี้ เขาล้วนอาศัยรางวัลจากระบบมาโดยตลอด กำลังวังชาของเขาล้วนใช้ไปกับการดูดซับปราณบำเพ็ญเพียร ยังไม่เคยเข้าใจพลังวิเศษด้วยตัวเองมาก่อน

หรือว่าจะลองดูสักหน่อย?

หานเจวี๋ยเข้าใจมรรคกระบี่ขั้นสูงสุด การที่จะเข้าใจพลังวิเศษมรรคกระบี่คงไม่ใช่เรื่องยาก

เอาแต่ฝึกฝนก็ออกจะน่าเบื่ออยู่บ้าง ลองทำความเข้าใจพลังวิเศษเล่นๆ ก็ดี

การสร้างพลังวิเศษโดยไม่มีมูล จำเป็นต้องใช้จินตนาการ

ไม่สู้ยกระดับพลังวิเศษจะดีกว่า!

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจทำความเข้าใจพลังเทพหมื่นกระบี่

พลังวิเศษมรรคกระบี่เป็นพลังวิเศษที่เท่ห์ที่สุดสำหรับเขา คุ้มค่าต่อการเข้าใจให้ลึกซึ้ง

หานเจวี๋ยหลับตาลงทันที

พลังเทพหมื่นกระบี่สามารถเรียกเงากระบี่ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานได้มากที่สุดหมื่นเล่ม

แม้ว่าจะมีฉากการสังหารขนาดใหญ่ แต่ความแม่นยำในการสังหารยังคงอ่อนอยู่

หานเจวี๋ยพลันตั้งข้อสังเกตขึ้นมาได้

หากนำสามกระบี่แยกเงาและพลังเทพหมื่นกระบี่เข้าด้วยกัน…

จิ๊ๆ…

มันจะน่ากลัวขนาดไหน!

สุดยอดเงากระบี่นับหมื่นสามารถสังหารศัตรูได้อย่างอิสระ!

ทำความเข้าใจเช่นนี้แหละ!

หานเจวี๋ยปลุกเร้าจิตใจให้ฮึกเหิม และรวบรวมจิตอย่างมุ่งมั่น

……

เขตแก่นประจิมเป็นเขตหนึ่งที่ไม่มีราชวงศ์ ที่นี่มีสัตว์ปีศาจเป็นจำนวนมาก เป็นการยากสำหรับราชวงศ์มนุษย์ธรรมดาที่จะย่างกรายเข้ามาในนี้ ทว่าที่แห่งนี้มีสำนักบำเพ็ญเพียรเยอะมาก หรืออาจจะมีจำนวนมากกว่าแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนก็เป็นได้

ลัทธิสัจจะยุทธ์เป็นลัทธิสายหลักที่ไม่เป็นสองรองใครในเขตแก่นประจิม

ภายในหอแห่งหนึ่ง

หวงจี๋เฮ่ากำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่บนเตียง

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้านใน

บุรุษผู้นี้มีใบหน้างามสง่า คิ้วปลายงอนดั่งคมดาบ ดวงตาเป็นประกาย ราวกับเดินออกมาจากภาพวาด

บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินเดินมานั่งลงหน้าโต๊ะ นำกระบี่ของตนวางไว้บนโต๊ะ รินชาให้ตนเองถ้วยหนึ่งก่อนกล่าววาจาด้วยรอยยิ้ม “หวงจี๋เฮ่า เจ้ายังคิดไม่ได้อีกหรือ”

หวงจี๋เฮ่าเบิกตาขึ้นกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ที่ข้าพ่ายแพ้ให้กับเจ้า ไม่ใช่เพราะมรรคกระบี่ของข้าไม่ดี หากให้เวลาข้าอีกร้อยปี ข้าจะต้องชนะเจ้าแน่ สำนักกระบี่วิหคชาดมีบุญคุณต่อข้า ข้าไม่อาจทรยศสำนักได้!”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลัทธิสัจจะยุทธ์แข็งแกร่งกว่าสำนักกระบี่วิหคชาดมาก หรืออาจจะแข็งแกร่งว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนเสียด้วยซ้ำ หากเข้าร่วมลัทธิสัจจะยุทธ์ ข้าจะบ่มเพาะให้เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกสายกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจจะมีโอกาสได้เป็นถึงเซียนกระบี่ นี่ก็คือโอกาสของเจ้า โอกาสที่ผู้ฝึกสายกระบี่จำนวนมากใฝ่ฝัน”

หวงจี๋เฮ่านิ่งเงียบ

“หากว่าเจ้าเกิดในลัทธิสัจจะยุทธ์ ตบะของเจ้าในขณะนี้อย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นแปดแล้ว เจ้ามีจิตกระบี่ฟ้าประทาน ไม่ควรทำให้คุณสมบัติของเจ้าเสียเปล่า”

“รอกระทั่งเจ้าสำเร็จเป็นเซียนกระบี่ ยามนั้นก็นับว่าได้สร้างเกียรติยศให้สำนักกระบี่วิหคชาดแล้ว”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างจริงจัง แม้กระทั่งยังเผยแววตาวาดหวังออกมาด้วย

หวงจี๋เฮ่ากล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “คุณสมบัติมรรคกระบี่ของข้าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครจริงๆ หรือ? แต่ข้าเคยพบเห็นผู้มีพรสวรรค์มรรคกระบี่ที่เก่งกาจกว่ามากนัก ปราณกระบี่ของคนผู้นั้นยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าด้วย”

เมื่อหวงจี๋เฮ่านึกถึงปราณกระบี่ในขณะที่เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยในครานั้น ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินหัวเราะ อีกทั้งเสียงหัวเราะนั้นยังดังก้อง

เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คนผู้นั้นมาจากต้าเยี่ยนเหมือนพวกเจ้าหรือ”

หวงจี๋เฮ่าพยักหน้า

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไม่อาจมีผู้ฝึกสายกระบี่ใดที่แข็งแกร่งกว่าข้า!” บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างทระนง

หวงจี๋เฮ่ากล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “เจ้าเคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์หรือไม่? พลังของเขาพอที่จะเทียบได้กับผู้บำเพ็ญระดับสุญตา เว่ยหยวนจากสำนักเก้ามังกรที่กลับมาอย่างอดอาลัยตายอยาก ไม่พูดถึงศึกในครั้งนั้นแม้สักคำ แสดงให้เห็นว่าผู้อาวุโสสังหารเทพนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินกล่าวอย่างเหยียดหยาม “เดิมทีคุณสมบัติของเว่ยหยวนก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว ก็แค่บังเอิญโชคดีสำเร็จระดับสุญตาเท่านั้น เพื่อที่จะขึ้นให้สูงอีกขั้น เขายังต้องไปรับจ้างตามที่ต่างๆ ทำลายชื่อเสียงของระดับสุญตาอย่างพวกเรา การโจมตีเขาให้พ่ายแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

ขณะนั้นเอง

กระบี่บนโต๊ะพลันสั่นกึกกักขึ้นมา

ไม่ใช่แค่กระบี่ของเขาเท่านั้น กระบี่ของหวงจี๋เฮ่าที่วางไว้ข้างขาก็สั่นตามไปด้วย

ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมาก

หวงจี๋เฮ่าคว้ากระบี่ของตัวเองไว้ แต่ไม่อาจควบคุมมันได้ เขามองไปทางบุรุษอาภรณ์น้ำเงินและถามอย่างอดไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินคว้าจับกระบี่ของตนเอง หมุนกายเดินออกไปจากห้อง

หวงจี๋เฮ่าก็ตามหลังเขาไปติดๆ

ทั้งสองมาถึงภายในลานด้านหน้า ลานแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถก้มมองทัศนียภาพส่วนใหญ่ของลัทธิสัจจะยุทธ์ได้

เห็นเพียงว่ากระบี่ของศิษย์ลัทธิสัจจะยุทธ์จำนวนมากหลุดออกจากฝักตามๆ กัน ก่อนพุ่งขึ้นสู่ที่สูงโดยไม่สามารถควบคุมได้ กระบี่ภายในหอเก็บกระบี่เองก็ทะลุผ่านประตูและพุ่งขึ้นฟ้าเป็นสาย

กระบี่นับหมื่นลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อทอดสายตามองออกไปจะเห็นว่าปลายกระบี่ล้วนหันไปในทางทิศเดียวกัน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก

กระบี่ทั้งหมดสั่นสะเทือนจนเป็นเสียงกึกก้อง เสียงนั้นสอดประสาน สนั่นหวั่นไหวไปทั้งใต้หล้า

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินเผยสีหน้าตระหนกตกใจ เอ่ยพึมพำขึ้นเบาๆ “หมื่นกระบี่น้อมคำนับ วิญญาณกระบี่ร้องประสาน…มีผู้บรรลุมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล!”

“เป็นไปได้อย่างไร!”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+