ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด!

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด!
เหตุผลที่นักพรตเต๋าชิงเสียนมาเยือนต้าเยี่ยนเพียงลำพังนั้น ก็ไม่ใช่เพราะทางสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตที่ส่งเขามา เขามักจะตามหาเซียนเพื่อถามทางอยู่ด้านนอกตลอด เมื่อได้รับจดหมายลับและรู้แผนการของสำนักแล้ว ระหว่างทางกลับก็ได้ผ่านสำนักหยกพิสุทธิ์พอดี

ในใจเขาคิดว่าหากใช้โอกาสนี้กุมสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไว้ในกำมือ เช่นนั้นยามที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตบุกโจมตีแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนคงง่ายดายดั่งล้วงของออกจากกระเป๋า

ก่อนที่จะแอบเข้ามาในสำนักหยกพิสุทธิ์นั้น นักพรตเต๋าชิงเสียนก็ไม่ได้ใส่ใจสำนักหยกพิสุทธิ์นัก แต่เพื่อกระทำการอย่างไม่ประมาท เช่นนั้นเขาจึงซ่อนตัวอยู่ระยะหนึ่ง

ในแดนบำเพ็ญพรต ความประมาทมักเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรงที่สุดของนักบำเพ็ญ

หลังจากสืบสาวข้อมูลภายในของสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างแน่ชัดแล้ว นักพรตเต๋าชิงเสียนก็วางใจ

เขารู้สึกว่าสำนักเช่นนี้ไม่มีทางที่จะมีผู้ปกครองที่สูงส่งเช่นเขาอาศัยอยู่

แล้วเหตุใดนักพรตเต๋าจิ่วติ่งถึงได้ไม่ยอมอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์

ก็อาจจะเป็นเพราะว่าหากยังรั้งอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์ การฝึกบำเพ็ญของเขาคงไม่มีทางก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้!

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดไปพลางห้อทะยานไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

ขณะที่มองเห็นยอดเขาที่มีพลังวิญญาณสูงเสียดฟ้าจากที่ไกลๆ นั้น เขาพลันเริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นบ้าง

นักพรตเต๋าชิงเสียนหยุดนิ่งกลางอากาศในทันที คิ้วขมวดแน่นเป็นปม

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”

นักพรตเต๋าชิงเสียนแอบคิดอย่างตื่นตระหนก

เดินทางในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนมานานหลายปีเพียงนี้ เขาก็เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเองมากกว่าสิ่งไหน

นี่ก็คือกลิ่นอายของพลังวิญญาณที่ต้องผ่านความยากลำบากในการฝึกฝนมานับไม่ถ้วนจึงจะหล่อหลอมออกมาได้

คิดไม่ถึงว่าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจะทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอันตราย

หรือว่าผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์จะไม่ธรรมดาจริงๆ?

แต่พิจารณาตามหลักเหตุผลทั่วไป ต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้เพียงใดก็ไม่มีทางที่แข็งแกร่งไปได้ถึงไหน

หรือนี่จะไม่ใช่เหตุผลทั่วไป?

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดอยู่สักพัก นิ้วมือขวาดีดสะบัด พุ่งจิตสายหนึ่งออกไป

เช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะตาย ก็สามารถเกิดใหม่ได้อีกครั้ง!

นักพรตเต๋าชิงเสียนปรับสภาพจิตใจแล้ว ก็รีบเร่งเดินทางไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนต่อ

ยิ่งเข้าใกล้เขาเพียรบำเพ็ญเซียนเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ

ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์แท้จริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกันแน่

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

ณ เขาเพียรบำเพ็ญเซียน หานเจวี๋ยยืนรอคอยอย่างสงบนิ่งอยู่บนขอบหน้าผา

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของนักพรตเต๋าชิงเสียนที่ใกล้เข้ามา อดนึกสนุกขึ้นมาไม่ได้

เขากำลังกังวลอยู่ว่าจะจัดการกับคนผู้นี้อย่างไร กลับคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะมาหาถึงที่

สายลมเย็นพัดพาอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองของหานเจวี๋ยให้ปลิวไสว ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณที่ผูกอยู่กับมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์โบกสะบัดตามแรงลม ทั่วทั้งร่างของเขาแฝงไว้ด้วยความสูงศักดิ์ดุจเทพเซียน

นักพรตเต๋าชิงเสียนก็มองเห็นเขาจากที่ไกลๆ แล้ว

ชายหนุ่มผู้นี้ช่างสง่างามยิ่งนัก!

แต่เขาเพิ่งจะมีตบะระดับสร้างฐานขั้นเก้า หรือว่าจะเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสสังหารเทพ?

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

ตบะของหานเจวี๋ยถูกระบบเก็บซ่อนไว้ แม้แต่นักพรตเต๋าชิงเสียนที่อยู่ระดับสุญตาก็ไม่สามารถมองทะลุได้

นักพรตเต๋าชิงเสียนเหาะทะยานไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน มือขวาของเขาร่ายวิชาพุ่งออกไปข้างหน้า ค่ายกลใหญ่ที่ป้องกันภูเขาก็พลันเกิดรอยแยกแหวกอย่างเงียบ ๆ เขาเดินผ่านรอยแยกนั้นเข้ามา

นักพรตเต๋าชิงเสียนทะยานลงข้างกายหานเจวี๋ย เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสสังหารเทพอยู่ที่นี่หรือไม่”

กายหยาบดีๆ เช่นนี้ เก็บไว้ดีหรือไม่ เผื่อภายภาคหน้าจำเป็นต้องใช้ประโยชน์

นักพรตเต๋าชิงเสียนคิดอย่างเงียบๆ

[นักพรตชิงเสียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

เมื่อมองข้อความแจ้งเตือนที่ปรากฏอยู่ด้านหน้า หานเจวี๋ยถึงกับพูดไม่ออก

พวกเห็นความงามละทิ้งปณิธานอีกแล้วหรือ

หานเจวี๋ยพลิกมือขวาเพียงครั้ง หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา

เมื่อเห็นกระบี่พิพากษาอนธการแล้ว นักพรตเต๋าชิงเสียนดวงตาเบิกโพลง

กระบี่เล่มนี้…

ช้าก่อน!

ร่างนี้ของเขา… ดูเหมือนจะเป็นสมบัติวิญญาณทั้งร่าง?

หรือเขาก็คือผู้อาวุโสสังหารเทพ?

นักพรตเต๋าชิงเสียนตกตะลึง

ชั่วพริบตาที่หานเจวี๋ยกระชับจับกระบี่ก็พลันพุ่งไปทางเขาทันที

ปราณกระบี่สีดำย้อมผืนนภากว้าง ประหนึ่งว่าพลันเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์เสี้ยวถูกบดทับด้วยรัศมีสีดำ ตื่นตะลึงจนถึงขีดสุด

เสียงตูมดังขึ้น!

นักพรตเต๋าชิงเสียนถูกปราณกระบี่ของกระบี่ฟ้าสังหารเทพปีศาจประหัตประหารฟาดฟัน โลหิตสาดกระเซ็นท่วมกาย สำรอกโลหิตกระจายฟุ้ง

“ปราณกระบี่รุนแรงเกินไปแล้ว!”

นักพรตเต๋าชิงเสียนจิตใจสะท้านสั่นไหว

คิดไว้แล้วเชียว!

สัญชาตญาณของเขาไม่ผิดเลย!

นักพรตเต๋าชิงเสียนยังไม่ทันที่จะได้ปรับสมดุลร่างกาย เขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นเงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งใส่เขาจากรอบทิศรอบทาง

ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ!

เงากระบี่นับพันปกคลุมท้องฟ้า!

ราวกับว่านักพรตเต๋าชิงเสียนถูกหานเจวี๋ยนับพันคนถือดาบล้อมสังหารพร้อมกัน ไม่มีทางหลบหนีได้เลย

ชั่วขณะนั้น นักพรตเต๋าชิงเสียนหยิบสมบัติวิญญาณออกมาหนึ่งชิ้น เป็นเจดีย์สีครามขนาดเล็กหลังหนึ่งที่พลันขยายขนาดใหญ่โตขึ้นด้วยความรวดเร็ว ปกคลุมร่างกายของเขา

เงากระบี่นับพันพุ่งปะทะเขา กายเนื้อของเขาที่เชื่อมผสานรวมเข้ากับเจดีย์สีครามหลังเล็กถูกบดขยี้กลายเป็นผุยผงในทันที พลังวิญญาณระเบิดออก เกิดเป็นสีสันมากมายสะท้านสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า

หานเจวี๋ยยืนอยู่บนริมหน้าผา มองดูดอกไม้ไฟที่สว่างไสวที่ขอบฟ้า ช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่งนัก

สมกับที่เป็นผู้บำเพ็ญใหญ่ระดับสุญตาขั้นเก้า คิดไม่ถึงว่าจะบีบบังคับให้เขาได้ใช้ถึงสองกระบวนท่า!

หานเจวี๋ยมั่นใจว่ากายเนื้อและจิตดั้งเดิมของนักพรตเต๋าชิงเสียนนั้นถูกทำลายหมดแล้ว

น่าเสียดายนัก

แหวนเก็บสมบัติของนักพรตเต๋าชิงเสียนเองก็ถูกทำลายเช่นกัน

แข็งแกร่งเกินไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีสินะ

หานเจวี๋ยลอบทอดถอนหายใจ

ที่ปากทางเข้าถ้ำ สวินฉางอันที่นั่งเข้าฌานอยู่หน้าตันฝูซังตรงประตูทางเข้าตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก

นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหานเจวี๋ยลงมือ พลานุภาพของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมินั้นยิ่งใหญ่สะท้านสะเทือน ทำเอาเขาตะลึงงัน

ช่างพลังพิเศษที่รุนแรงจริงๆ!

ต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปยังถูกคลื่นพายุซัดโหมอย่างรุนแรง เห็นได้ถึงความน่ากลัวของพลังวิเศษนี้ได้เป็นอย่างดี

บนไหล่เขา ไก่คุกรัตติกาลเองก็เห็นฉากการต่อสู้นี้ด้วยเช่นกัน มันอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้

เสียงกัมปนาทที่นี่ดังกึกก้องเป็นอย่างมาก จนดึงดูดเหล่าผู้อาวุโสฝ่ายในของสำนักหยกพิสุทธิ์ให้มาที่นี่

หลี่ชิงจื่อหยุดยืนเบื้องหน้าหานเจวี๋ยเป็นอันดับแรก เอ่ยถามอย่างกังวลว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หานเจวี๋ยกล่าวตอบอย่างเรียบเฉย “นักพรตเต๋าชิงเสียนของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตมาที่นี่”

“อะไรนะ! นักพรตเต๋าชิงเสียน! เขาอยู่ที่ไหน”

หลี่ชิงจื่อตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ตายแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ชิงจื่อก็นิ่งอึ้ง ใบหน้าเผยควมตกตะลึงขึ้นมาทันที พลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ผู้อาวุโสสังหารเทพ ท่าน…ระดับรวมกายาแล้วหรือ”

หานเจวี๋ยส่ายหน้าเอ่ย “จะเป็นไปได้อย่างไร ยังเร็วเกินไปนัก เรื่องในวันนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น พอดีกับที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตคงเสียหายจนเอ่ยอะไรไม่ได้”

หลี่ชิงจื่อพยักหน้า รีบไปแจ้งข่าวกับเหล่าผู้อาวุโส

หลังจากที่หลี่ชิงจื่อออกจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาอดที่จะสั่นสะท้านเมื่อหวนนึกถึงคำพูดและท่าทางของหานเจวี๋ยไม่ได้

“นักพรตเต๋าชิงเสียนนั่น… เขาเป็นถึงผู้มีอำนาจอันดับต้นๆ ของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเชียวนะ…”

หลี่ชิงจื่อพึมพำกับตoเองราวกับว่ากำลังอยู่ในภวังค์

……

หานเจวี๋ยเมินเฉยต่อสายตาเลื่อมใสศรัทธาของสวินฉางอัน เดินกลับเข้าไปในถ้ำเทวา

เขาพบว่าภาพในค่าความสัมพันธ์ของนักพรตเต๋าชิงเสียนไม่ได้หายไป

เกิดอะไรขึ้น

เจ้าหมอนี่ไม่ได้ตายไปแล้วหรือ

เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าแม้แต่วิญญาณก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดสิ

หรือชายผู้นี้มีไพ่ตายอย่างการแยกร่าง?

หานเจวี๋ยคิดไม่ตก ดังนั้นเขาจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่งนักพรตเต๋าชิงเสียนทันที

……

สามปีต่อมา

เสี้ยววิญญาณของนักพรตเต๋าชิงเสียนก็หลบหนีกลับไปที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้ในที่สุด

ผู้ที่พบเขาคือหลิ่วปู๋เมี่ย เจ้าสำนักของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต

หลิ่วปู๋เมี่ยสวมชุดคลุมสีดำ ใบหน้าเยียบเย็น ทั้งร่างแผ่กระจายไปด้วยรัศมีความสง่างามน่าเกรงขาม ดวงตาของเขามีความเครียดขึงเป็นอย่างมาก

ภายในห้องโถง

หลิ่วปู๋เมี่ยนั่งบนที่นั่งหลัก ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ เหตุใดท่านจึงมีสภาพจนตรอกเช่นนี้ได้”

เสี้ยววิญญาณของนักพรตเต๋าชิงเสียนสั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย หลังถูกหานเจวี๋ยโจมตี ระหว่างทางที่หลบหนีเขาก็ประสบพบเจอกับเคราะห์สวรรค์มากมาย โชคร้ายจนถึงที่สุด โชคดีที่เขาเป็นคนดวงแข็ง ผ่านมาได้ในที่สุด

“ศิษย์น้อง เจ้าจะต้องลงมือกับสำนักหยกพิสุทธิ์ให้ได้หรือ” นักพรตเต๋าชิงเสียนกัดฟันเอ่ยถามออกไป เมื่อหวนนึกถึงใบหน้าที่งดงามกว่าผู้ใดของหานเจวี๋ย กายจิตของเขาก็อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้

หลิ่วปู๋เมี่ยตอบ “ไม่ผิด อย่างมากที่สุดห้าปีจะลงมือ ข้าก็เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นแขกที่พวกเราเชิญมาก็จะลงมือเช่นกัน”

“อย่า! ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด! ไม่อาจแตะต้องต้าเยี่ยน สำนักหยกพิสุทธิ์เก็บซ่อนพลังที่น่าสะพรึงกลัวไว้ เจ้าน่าจะรู้ระดับความสามารถของศิษย์พี่คนนี้ของเจ้าดี ข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้า แต่กลับต้านกระบี่กระบวนท่าเดียวจากคนผู้นั้นไม่ได้ อีกทั้งข้ายังไม่ได้แม้แต่จะลงมือแต่กลับถูกสังหารในทันที!”

นักพรตเต๋าชิงเสียนตื่นตระหนกเป็นที่สุด หวาดกลัวจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

“หากไปต้าเยี่ยนอีก จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ต่อให้แขกระดับรวมกายาของพวกเราผู้นั้นลงมือ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี!

…………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด!

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด!
เหตุผลที่นักพรตเต๋าชิงเสียนมาเยือนต้าเยี่ยนเพียงลำพังนั้น ก็ไม่ใช่เพราะทางสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตที่ส่งเขามา เขามักจะตามหาเซียนเพื่อถามทางอยู่ด้านนอกตลอด เมื่อได้รับจดหมายลับและรู้แผนการของสำนักแล้ว ระหว่างทางกลับก็ได้ผ่านสำนักหยกพิสุทธิ์พอดี

ในใจเขาคิดว่าหากใช้โอกาสนี้กุมสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไว้ในกำมือ เช่นนั้นยามที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตบุกโจมตีแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนคงง่ายดายดั่งล้วงของออกจากกระเป๋า

ก่อนที่จะแอบเข้ามาในสำนักหยกพิสุทธิ์นั้น นักพรตเต๋าชิงเสียนก็ไม่ได้ใส่ใจสำนักหยกพิสุทธิ์นัก แต่เพื่อกระทำการอย่างไม่ประมาท เช่นนั้นเขาจึงซ่อนตัวอยู่ระยะหนึ่ง

ในแดนบำเพ็ญพรต ความประมาทมักเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรงที่สุดของนักบำเพ็ญ

หลังจากสืบสาวข้อมูลภายในของสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างแน่ชัดแล้ว นักพรตเต๋าชิงเสียนก็วางใจ

เขารู้สึกว่าสำนักเช่นนี้ไม่มีทางที่จะมีผู้ปกครองที่สูงส่งเช่นเขาอาศัยอยู่

แล้วเหตุใดนักพรตเต๋าจิ่วติ่งถึงได้ไม่ยอมอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์

ก็อาจจะเป็นเพราะว่าหากยังรั้งอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์ การฝึกบำเพ็ญของเขาคงไม่มีทางก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้!

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดไปพลางห้อทะยานไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

ขณะที่มองเห็นยอดเขาที่มีพลังวิญญาณสูงเสียดฟ้าจากที่ไกลๆ นั้น เขาพลันเริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นบ้าง

นักพรตเต๋าชิงเสียนหยุดนิ่งกลางอากาศในทันที คิ้วขมวดแน่นเป็นปม

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”

นักพรตเต๋าชิงเสียนแอบคิดอย่างตื่นตระหนก

เดินทางในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนมานานหลายปีเพียงนี้ เขาก็เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเองมากกว่าสิ่งไหน

นี่ก็คือกลิ่นอายของพลังวิญญาณที่ต้องผ่านความยากลำบากในการฝึกฝนมานับไม่ถ้วนจึงจะหล่อหลอมออกมาได้

คิดไม่ถึงว่าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจะทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอันตราย

หรือว่าผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์จะไม่ธรรมดาจริงๆ?

แต่พิจารณาตามหลักเหตุผลทั่วไป ต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้เพียงใดก็ไม่มีทางที่แข็งแกร่งไปได้ถึงไหน

หรือนี่จะไม่ใช่เหตุผลทั่วไป?

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดอยู่สักพัก นิ้วมือขวาดีดสะบัด พุ่งจิตสายหนึ่งออกไป

เช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะตาย ก็สามารถเกิดใหม่ได้อีกครั้ง!

นักพรตเต๋าชิงเสียนปรับสภาพจิตใจแล้ว ก็รีบเร่งเดินทางไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนต่อ

ยิ่งเข้าใกล้เขาเพียรบำเพ็ญเซียนเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ

ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์แท้จริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกันแน่

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

ณ เขาเพียรบำเพ็ญเซียน หานเจวี๋ยยืนรอคอยอย่างสงบนิ่งอยู่บนขอบหน้าผา

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของนักพรตเต๋าชิงเสียนที่ใกล้เข้ามา อดนึกสนุกขึ้นมาไม่ได้

เขากำลังกังวลอยู่ว่าจะจัดการกับคนผู้นี้อย่างไร กลับคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะมาหาถึงที่

สายลมเย็นพัดพาอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองของหานเจวี๋ยให้ปลิวไสว ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณที่ผูกอยู่กับมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์โบกสะบัดตามแรงลม ทั่วทั้งร่างของเขาแฝงไว้ด้วยความสูงศักดิ์ดุจเทพเซียน

นักพรตเต๋าชิงเสียนก็มองเห็นเขาจากที่ไกลๆ แล้ว

ชายหนุ่มผู้นี้ช่างสง่างามยิ่งนัก!

แต่เขาเพิ่งจะมีตบะระดับสร้างฐานขั้นเก้า หรือว่าจะเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสสังหารเทพ?

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

ตบะของหานเจวี๋ยถูกระบบเก็บซ่อนไว้ แม้แต่นักพรตเต๋าชิงเสียนที่อยู่ระดับสุญตาก็ไม่สามารถมองทะลุได้

นักพรตเต๋าชิงเสียนเหาะทะยานไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน มือขวาของเขาร่ายวิชาพุ่งออกไปข้างหน้า ค่ายกลใหญ่ที่ป้องกันภูเขาก็พลันเกิดรอยแยกแหวกอย่างเงียบ ๆ เขาเดินผ่านรอยแยกนั้นเข้ามา

นักพรตเต๋าชิงเสียนทะยานลงข้างกายหานเจวี๋ย เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสสังหารเทพอยู่ที่นี่หรือไม่”

กายหยาบดีๆ เช่นนี้ เก็บไว้ดีหรือไม่ เผื่อภายภาคหน้าจำเป็นต้องใช้ประโยชน์

นักพรตเต๋าชิงเสียนคิดอย่างเงียบๆ

[นักพรตชิงเสียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

เมื่อมองข้อความแจ้งเตือนที่ปรากฏอยู่ด้านหน้า หานเจวี๋ยถึงกับพูดไม่ออก

พวกเห็นความงามละทิ้งปณิธานอีกแล้วหรือ

หานเจวี๋ยพลิกมือขวาเพียงครั้ง หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา

เมื่อเห็นกระบี่พิพากษาอนธการแล้ว นักพรตเต๋าชิงเสียนดวงตาเบิกโพลง

กระบี่เล่มนี้…

ช้าก่อน!

ร่างนี้ของเขา… ดูเหมือนจะเป็นสมบัติวิญญาณทั้งร่าง?

หรือเขาก็คือผู้อาวุโสสังหารเทพ?

นักพรตเต๋าชิงเสียนตกตะลึง

ชั่วพริบตาที่หานเจวี๋ยกระชับจับกระบี่ก็พลันพุ่งไปทางเขาทันที

ปราณกระบี่สีดำย้อมผืนนภากว้าง ประหนึ่งว่าพลันเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์เสี้ยวถูกบดทับด้วยรัศมีสีดำ ตื่นตะลึงจนถึงขีดสุด

เสียงตูมดังขึ้น!

นักพรตเต๋าชิงเสียนถูกปราณกระบี่ของกระบี่ฟ้าสังหารเทพปีศาจประหัตประหารฟาดฟัน โลหิตสาดกระเซ็นท่วมกาย สำรอกโลหิตกระจายฟุ้ง

“ปราณกระบี่รุนแรงเกินไปแล้ว!”

นักพรตเต๋าชิงเสียนจิตใจสะท้านสั่นไหว

คิดไว้แล้วเชียว!

สัญชาตญาณของเขาไม่ผิดเลย!

นักพรตเต๋าชิงเสียนยังไม่ทันที่จะได้ปรับสมดุลร่างกาย เขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นเงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งใส่เขาจากรอบทิศรอบทาง

ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ!

เงากระบี่นับพันปกคลุมท้องฟ้า!

ราวกับว่านักพรตเต๋าชิงเสียนถูกหานเจวี๋ยนับพันคนถือดาบล้อมสังหารพร้อมกัน ไม่มีทางหลบหนีได้เลย

ชั่วขณะนั้น นักพรตเต๋าชิงเสียนหยิบสมบัติวิญญาณออกมาหนึ่งชิ้น เป็นเจดีย์สีครามขนาดเล็กหลังหนึ่งที่พลันขยายขนาดใหญ่โตขึ้นด้วยความรวดเร็ว ปกคลุมร่างกายของเขา

เงากระบี่นับพันพุ่งปะทะเขา กายเนื้อของเขาที่เชื่อมผสานรวมเข้ากับเจดีย์สีครามหลังเล็กถูกบดขยี้กลายเป็นผุยผงในทันที พลังวิญญาณระเบิดออก เกิดเป็นสีสันมากมายสะท้านสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า

หานเจวี๋ยยืนอยู่บนริมหน้าผา มองดูดอกไม้ไฟที่สว่างไสวที่ขอบฟ้า ช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่งนัก

สมกับที่เป็นผู้บำเพ็ญใหญ่ระดับสุญตาขั้นเก้า คิดไม่ถึงว่าจะบีบบังคับให้เขาได้ใช้ถึงสองกระบวนท่า!

หานเจวี๋ยมั่นใจว่ากายเนื้อและจิตดั้งเดิมของนักพรตเต๋าชิงเสียนนั้นถูกทำลายหมดแล้ว

น่าเสียดายนัก

แหวนเก็บสมบัติของนักพรตเต๋าชิงเสียนเองก็ถูกทำลายเช่นกัน

แข็งแกร่งเกินไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีสินะ

หานเจวี๋ยลอบทอดถอนหายใจ

ที่ปากทางเข้าถ้ำ สวินฉางอันที่นั่งเข้าฌานอยู่หน้าตันฝูซังตรงประตูทางเข้าตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก

นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหานเจวี๋ยลงมือ พลานุภาพของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมินั้นยิ่งใหญ่สะท้านสะเทือน ทำเอาเขาตะลึงงัน

ช่างพลังพิเศษที่รุนแรงจริงๆ!

ต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปยังถูกคลื่นพายุซัดโหมอย่างรุนแรง เห็นได้ถึงความน่ากลัวของพลังวิเศษนี้ได้เป็นอย่างดี

บนไหล่เขา ไก่คุกรัตติกาลเองก็เห็นฉากการต่อสู้นี้ด้วยเช่นกัน มันอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้

เสียงกัมปนาทที่นี่ดังกึกก้องเป็นอย่างมาก จนดึงดูดเหล่าผู้อาวุโสฝ่ายในของสำนักหยกพิสุทธิ์ให้มาที่นี่

หลี่ชิงจื่อหยุดยืนเบื้องหน้าหานเจวี๋ยเป็นอันดับแรก เอ่ยถามอย่างกังวลว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หานเจวี๋ยกล่าวตอบอย่างเรียบเฉย “นักพรตเต๋าชิงเสียนของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตมาที่นี่”

“อะไรนะ! นักพรตเต๋าชิงเสียน! เขาอยู่ที่ไหน”

หลี่ชิงจื่อตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ตายแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ชิงจื่อก็นิ่งอึ้ง ใบหน้าเผยควมตกตะลึงขึ้นมาทันที พลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ผู้อาวุโสสังหารเทพ ท่าน…ระดับรวมกายาแล้วหรือ”

หานเจวี๋ยส่ายหน้าเอ่ย “จะเป็นไปได้อย่างไร ยังเร็วเกินไปนัก เรื่องในวันนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น พอดีกับที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตคงเสียหายจนเอ่ยอะไรไม่ได้”

หลี่ชิงจื่อพยักหน้า รีบไปแจ้งข่าวกับเหล่าผู้อาวุโส

หลังจากที่หลี่ชิงจื่อออกจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาอดที่จะสั่นสะท้านเมื่อหวนนึกถึงคำพูดและท่าทางของหานเจวี๋ยไม่ได้

“นักพรตเต๋าชิงเสียนนั่น… เขาเป็นถึงผู้มีอำนาจอันดับต้นๆ ของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเชียวนะ…”

หลี่ชิงจื่อพึมพำกับตoเองราวกับว่ากำลังอยู่ในภวังค์

……

หานเจวี๋ยเมินเฉยต่อสายตาเลื่อมใสศรัทธาของสวินฉางอัน เดินกลับเข้าไปในถ้ำเทวา

เขาพบว่าภาพในค่าความสัมพันธ์ของนักพรตเต๋าชิงเสียนไม่ได้หายไป

เกิดอะไรขึ้น

เจ้าหมอนี่ไม่ได้ตายไปแล้วหรือ

เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าแม้แต่วิญญาณก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดสิ

หรือชายผู้นี้มีไพ่ตายอย่างการแยกร่าง?

หานเจวี๋ยคิดไม่ตก ดังนั้นเขาจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่งนักพรตเต๋าชิงเสียนทันที

……

สามปีต่อมา

เสี้ยววิญญาณของนักพรตเต๋าชิงเสียนก็หลบหนีกลับไปที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้ในที่สุด

ผู้ที่พบเขาคือหลิ่วปู๋เมี่ย เจ้าสำนักของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต

หลิ่วปู๋เมี่ยสวมชุดคลุมสีดำ ใบหน้าเยียบเย็น ทั้งร่างแผ่กระจายไปด้วยรัศมีความสง่างามน่าเกรงขาม ดวงตาของเขามีความเครียดขึงเป็นอย่างมาก

ภายในห้องโถง

หลิ่วปู๋เมี่ยนั่งบนที่นั่งหลัก ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ เหตุใดท่านจึงมีสภาพจนตรอกเช่นนี้ได้”

เสี้ยววิญญาณของนักพรตเต๋าชิงเสียนสั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย หลังถูกหานเจวี๋ยโจมตี ระหว่างทางที่หลบหนีเขาก็ประสบพบเจอกับเคราะห์สวรรค์มากมาย โชคร้ายจนถึงที่สุด โชคดีที่เขาเป็นคนดวงแข็ง ผ่านมาได้ในที่สุด

“ศิษย์น้อง เจ้าจะต้องลงมือกับสำนักหยกพิสุทธิ์ให้ได้หรือ” นักพรตเต๋าชิงเสียนกัดฟันเอ่ยถามออกไป เมื่อหวนนึกถึงใบหน้าที่งดงามกว่าผู้ใดของหานเจวี๋ย กายจิตของเขาก็อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้

หลิ่วปู๋เมี่ยตอบ “ไม่ผิด อย่างมากที่สุดห้าปีจะลงมือ ข้าก็เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นแขกที่พวกเราเชิญมาก็จะลงมือเช่นกัน”

“อย่า! ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด! ไม่อาจแตะต้องต้าเยี่ยน สำนักหยกพิสุทธิ์เก็บซ่อนพลังที่น่าสะพรึงกลัวไว้ เจ้าน่าจะรู้ระดับความสามารถของศิษย์พี่คนนี้ของเจ้าดี ข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้า แต่กลับต้านกระบี่กระบวนท่าเดียวจากคนผู้นั้นไม่ได้ อีกทั้งข้ายังไม่ได้แม้แต่จะลงมือแต่กลับถูกสังหารในทันที!”

นักพรตเต๋าชิงเสียนตื่นตระหนกเป็นที่สุด หวาดกลัวจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

“หากไปต้าเยี่ยนอีก จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ต่อให้แขกระดับรวมกายาของพวกเราผู้นั้นลงมือ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี!

…………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด!

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด!
เหตุผลที่นักพรตเต๋าชิงเสียนมาเยือนต้าเยี่ยนเพียงลำพังนั้น ก็ไม่ใช่เพราะทางสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตที่ส่งเขามา เขามักจะตามหาเซียนเพื่อถามทางอยู่ด้านนอกตลอด เมื่อได้รับจดหมายลับและรู้แผนการของสำนักแล้ว ระหว่างทางกลับก็ได้ผ่านสำนักหยกพิสุทธิ์พอดี

ในใจเขาคิดว่าหากใช้โอกาสนี้กุมสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไว้ในกำมือ เช่นนั้นยามที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตบุกโจมตีแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนคงง่ายดายดั่งล้วงของออกจากกระเป๋า

ก่อนที่จะแอบเข้ามาในสำนักหยกพิสุทธิ์นั้น นักพรตเต๋าชิงเสียนก็ไม่ได้ใส่ใจสำนักหยกพิสุทธิ์นัก แต่เพื่อกระทำการอย่างไม่ประมาท เช่นนั้นเขาจึงซ่อนตัวอยู่ระยะหนึ่ง

ในแดนบำเพ็ญพรต ความประมาทมักเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรงที่สุดของนักบำเพ็ญ

หลังจากสืบสาวข้อมูลภายในของสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างแน่ชัดแล้ว นักพรตเต๋าชิงเสียนก็วางใจ

เขารู้สึกว่าสำนักเช่นนี้ไม่มีทางที่จะมีผู้ปกครองที่สูงส่งเช่นเขาอาศัยอยู่

แล้วเหตุใดนักพรตเต๋าจิ่วติ่งถึงได้ไม่ยอมอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์

ก็อาจจะเป็นเพราะว่าหากยังรั้งอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์ การฝึกบำเพ็ญของเขาคงไม่มีทางก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้!

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดไปพลางห้อทะยานไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

ขณะที่มองเห็นยอดเขาที่มีพลังวิญญาณสูงเสียดฟ้าจากที่ไกลๆ นั้น เขาพลันเริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นบ้าง

นักพรตเต๋าชิงเสียนหยุดนิ่งกลางอากาศในทันที คิ้วขมวดแน่นเป็นปม

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”

นักพรตเต๋าชิงเสียนแอบคิดอย่างตื่นตระหนก

เดินทางในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนมานานหลายปีเพียงนี้ เขาก็เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเองมากกว่าสิ่งไหน

นี่ก็คือกลิ่นอายของพลังวิญญาณที่ต้องผ่านความยากลำบากในการฝึกฝนมานับไม่ถ้วนจึงจะหล่อหลอมออกมาได้

คิดไม่ถึงว่าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจะทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอันตราย

หรือว่าผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์จะไม่ธรรมดาจริงๆ?

แต่พิจารณาตามหลักเหตุผลทั่วไป ต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้เพียงใดก็ไม่มีทางที่แข็งแกร่งไปได้ถึงไหน

หรือนี่จะไม่ใช่เหตุผลทั่วไป?

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดอยู่สักพัก นิ้วมือขวาดีดสะบัด พุ่งจิตสายหนึ่งออกไป

เช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะตาย ก็สามารถเกิดใหม่ได้อีกครั้ง!

นักพรตเต๋าชิงเสียนปรับสภาพจิตใจแล้ว ก็รีบเร่งเดินทางไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนต่อ

ยิ่งเข้าใกล้เขาเพียรบำเพ็ญเซียนเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ

ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์แท้จริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกันแน่

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

ณ เขาเพียรบำเพ็ญเซียน หานเจวี๋ยยืนรอคอยอย่างสงบนิ่งอยู่บนขอบหน้าผา

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของนักพรตเต๋าชิงเสียนที่ใกล้เข้ามา อดนึกสนุกขึ้นมาไม่ได้

เขากำลังกังวลอยู่ว่าจะจัดการกับคนผู้นี้อย่างไร กลับคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะมาหาถึงที่

สายลมเย็นพัดพาอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองของหานเจวี๋ยให้ปลิวไสว ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณที่ผูกอยู่กับมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์โบกสะบัดตามแรงลม ทั่วทั้งร่างของเขาแฝงไว้ด้วยความสูงศักดิ์ดุจเทพเซียน

นักพรตเต๋าชิงเสียนก็มองเห็นเขาจากที่ไกลๆ แล้ว

ชายหนุ่มผู้นี้ช่างสง่างามยิ่งนัก!

แต่เขาเพิ่งจะมีตบะระดับสร้างฐานขั้นเก้า หรือว่าจะเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสสังหารเทพ?

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

ตบะของหานเจวี๋ยถูกระบบเก็บซ่อนไว้ แม้แต่นักพรตเต๋าชิงเสียนที่อยู่ระดับสุญตาก็ไม่สามารถมองทะลุได้

นักพรตเต๋าชิงเสียนเหาะทะยานไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน มือขวาของเขาร่ายวิชาพุ่งออกไปข้างหน้า ค่ายกลใหญ่ที่ป้องกันภูเขาก็พลันเกิดรอยแยกแหวกอย่างเงียบ ๆ เขาเดินผ่านรอยแยกนั้นเข้ามา

นักพรตเต๋าชิงเสียนทะยานลงข้างกายหานเจวี๋ย เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสสังหารเทพอยู่ที่นี่หรือไม่”

กายหยาบดีๆ เช่นนี้ เก็บไว้ดีหรือไม่ เผื่อภายภาคหน้าจำเป็นต้องใช้ประโยชน์

นักพรตเต๋าชิงเสียนคิดอย่างเงียบๆ

[นักพรตชิงเสียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

เมื่อมองข้อความแจ้งเตือนที่ปรากฏอยู่ด้านหน้า หานเจวี๋ยถึงกับพูดไม่ออก

พวกเห็นความงามละทิ้งปณิธานอีกแล้วหรือ

หานเจวี๋ยพลิกมือขวาเพียงครั้ง หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา

เมื่อเห็นกระบี่พิพากษาอนธการแล้ว นักพรตเต๋าชิงเสียนดวงตาเบิกโพลง

กระบี่เล่มนี้…

ช้าก่อน!

ร่างนี้ของเขา… ดูเหมือนจะเป็นสมบัติวิญญาณทั้งร่าง?

หรือเขาก็คือผู้อาวุโสสังหารเทพ?

นักพรตเต๋าชิงเสียนตกตะลึง

ชั่วพริบตาที่หานเจวี๋ยกระชับจับกระบี่ก็พลันพุ่งไปทางเขาทันที

ปราณกระบี่สีดำย้อมผืนนภากว้าง ประหนึ่งว่าพลันเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์เสี้ยวถูกบดทับด้วยรัศมีสีดำ ตื่นตะลึงจนถึงขีดสุด

เสียงตูมดังขึ้น!

นักพรตเต๋าชิงเสียนถูกปราณกระบี่ของกระบี่ฟ้าสังหารเทพปีศาจประหัตประหารฟาดฟัน โลหิตสาดกระเซ็นท่วมกาย สำรอกโลหิตกระจายฟุ้ง

“ปราณกระบี่รุนแรงเกินไปแล้ว!”

นักพรตเต๋าชิงเสียนจิตใจสะท้านสั่นไหว

คิดไว้แล้วเชียว!

สัญชาตญาณของเขาไม่ผิดเลย!

นักพรตเต๋าชิงเสียนยังไม่ทันที่จะได้ปรับสมดุลร่างกาย เขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นเงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งใส่เขาจากรอบทิศรอบทาง

ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ!

เงากระบี่นับพันปกคลุมท้องฟ้า!

ราวกับว่านักพรตเต๋าชิงเสียนถูกหานเจวี๋ยนับพันคนถือดาบล้อมสังหารพร้อมกัน ไม่มีทางหลบหนีได้เลย

ชั่วขณะนั้น นักพรตเต๋าชิงเสียนหยิบสมบัติวิญญาณออกมาหนึ่งชิ้น เป็นเจดีย์สีครามขนาดเล็กหลังหนึ่งที่พลันขยายขนาดใหญ่โตขึ้นด้วยความรวดเร็ว ปกคลุมร่างกายของเขา

เงากระบี่นับพันพุ่งปะทะเขา กายเนื้อของเขาที่เชื่อมผสานรวมเข้ากับเจดีย์สีครามหลังเล็กถูกบดขยี้กลายเป็นผุยผงในทันที พลังวิญญาณระเบิดออก เกิดเป็นสีสันมากมายสะท้านสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า

หานเจวี๋ยยืนอยู่บนริมหน้าผา มองดูดอกไม้ไฟที่สว่างไสวที่ขอบฟ้า ช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่งนัก

สมกับที่เป็นผู้บำเพ็ญใหญ่ระดับสุญตาขั้นเก้า คิดไม่ถึงว่าจะบีบบังคับให้เขาได้ใช้ถึงสองกระบวนท่า!

หานเจวี๋ยมั่นใจว่ากายเนื้อและจิตดั้งเดิมของนักพรตเต๋าชิงเสียนนั้นถูกทำลายหมดแล้ว

น่าเสียดายนัก

แหวนเก็บสมบัติของนักพรตเต๋าชิงเสียนเองก็ถูกทำลายเช่นกัน

แข็งแกร่งเกินไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีสินะ

หานเจวี๋ยลอบทอดถอนหายใจ

ที่ปากทางเข้าถ้ำ สวินฉางอันที่นั่งเข้าฌานอยู่หน้าตันฝูซังตรงประตูทางเข้าตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก

นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหานเจวี๋ยลงมือ พลานุภาพของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมินั้นยิ่งใหญ่สะท้านสะเทือน ทำเอาเขาตะลึงงัน

ช่างพลังพิเศษที่รุนแรงจริงๆ!

ต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปยังถูกคลื่นพายุซัดโหมอย่างรุนแรง เห็นได้ถึงความน่ากลัวของพลังวิเศษนี้ได้เป็นอย่างดี

บนไหล่เขา ไก่คุกรัตติกาลเองก็เห็นฉากการต่อสู้นี้ด้วยเช่นกัน มันอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้

เสียงกัมปนาทที่นี่ดังกึกก้องเป็นอย่างมาก จนดึงดูดเหล่าผู้อาวุโสฝ่ายในของสำนักหยกพิสุทธิ์ให้มาที่นี่

หลี่ชิงจื่อหยุดยืนเบื้องหน้าหานเจวี๋ยเป็นอันดับแรก เอ่ยถามอย่างกังวลว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หานเจวี๋ยกล่าวตอบอย่างเรียบเฉย “นักพรตเต๋าชิงเสียนของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตมาที่นี่”

“อะไรนะ! นักพรตเต๋าชิงเสียน! เขาอยู่ที่ไหน”

หลี่ชิงจื่อตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ตายแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ชิงจื่อก็นิ่งอึ้ง ใบหน้าเผยควมตกตะลึงขึ้นมาทันที พลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ผู้อาวุโสสังหารเทพ ท่าน…ระดับรวมกายาแล้วหรือ”

หานเจวี๋ยส่ายหน้าเอ่ย “จะเป็นไปได้อย่างไร ยังเร็วเกินไปนัก เรื่องในวันนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น พอดีกับที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตคงเสียหายจนเอ่ยอะไรไม่ได้”

หลี่ชิงจื่อพยักหน้า รีบไปแจ้งข่าวกับเหล่าผู้อาวุโส

หลังจากที่หลี่ชิงจื่อออกจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาอดที่จะสั่นสะท้านเมื่อหวนนึกถึงคำพูดและท่าทางของหานเจวี๋ยไม่ได้

“นักพรตเต๋าชิงเสียนนั่น… เขาเป็นถึงผู้มีอำนาจอันดับต้นๆ ของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเชียวนะ…”

หลี่ชิงจื่อพึมพำกับตoเองราวกับว่ากำลังอยู่ในภวังค์

……

หานเจวี๋ยเมินเฉยต่อสายตาเลื่อมใสศรัทธาของสวินฉางอัน เดินกลับเข้าไปในถ้ำเทวา

เขาพบว่าภาพในค่าความสัมพันธ์ของนักพรตเต๋าชิงเสียนไม่ได้หายไป

เกิดอะไรขึ้น

เจ้าหมอนี่ไม่ได้ตายไปแล้วหรือ

เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าแม้แต่วิญญาณก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดสิ

หรือชายผู้นี้มีไพ่ตายอย่างการแยกร่าง?

หานเจวี๋ยคิดไม่ตก ดังนั้นเขาจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่งนักพรตเต๋าชิงเสียนทันที

……

สามปีต่อมา

เสี้ยววิญญาณของนักพรตเต๋าชิงเสียนก็หลบหนีกลับไปที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้ในที่สุด

ผู้ที่พบเขาคือหลิ่วปู๋เมี่ย เจ้าสำนักของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต

หลิ่วปู๋เมี่ยสวมชุดคลุมสีดำ ใบหน้าเยียบเย็น ทั้งร่างแผ่กระจายไปด้วยรัศมีความสง่างามน่าเกรงขาม ดวงตาของเขามีความเครียดขึงเป็นอย่างมาก

ภายในห้องโถง

หลิ่วปู๋เมี่ยนั่งบนที่นั่งหลัก ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ เหตุใดท่านจึงมีสภาพจนตรอกเช่นนี้ได้”

เสี้ยววิญญาณของนักพรตเต๋าชิงเสียนสั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย หลังถูกหานเจวี๋ยโจมตี ระหว่างทางที่หลบหนีเขาก็ประสบพบเจอกับเคราะห์สวรรค์มากมาย โชคร้ายจนถึงที่สุด โชคดีที่เขาเป็นคนดวงแข็ง ผ่านมาได้ในที่สุด

“ศิษย์น้อง เจ้าจะต้องลงมือกับสำนักหยกพิสุทธิ์ให้ได้หรือ” นักพรตเต๋าชิงเสียนกัดฟันเอ่ยถามออกไป เมื่อหวนนึกถึงใบหน้าที่งดงามกว่าผู้ใดของหานเจวี๋ย กายจิตของเขาก็อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้

หลิ่วปู๋เมี่ยตอบ “ไม่ผิด อย่างมากที่สุดห้าปีจะลงมือ ข้าก็เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นแขกที่พวกเราเชิญมาก็จะลงมือเช่นกัน”

“อย่า! ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด! ไม่อาจแตะต้องต้าเยี่ยน สำนักหยกพิสุทธิ์เก็บซ่อนพลังที่น่าสะพรึงกลัวไว้ เจ้าน่าจะรู้ระดับความสามารถของศิษย์พี่คนนี้ของเจ้าดี ข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้า แต่กลับต้านกระบี่กระบวนท่าเดียวจากคนผู้นั้นไม่ได้ อีกทั้งข้ายังไม่ได้แม้แต่จะลงมือแต่กลับถูกสังหารในทันที!”

นักพรตเต๋าชิงเสียนตื่นตระหนกเป็นที่สุด หวาดกลัวจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

“หากไปต้าเยี่ยนอีก จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ต่อให้แขกระดับรวมกายาของพวกเราผู้นั้นลงมือ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี!

…………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด!

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 74 ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด!
เหตุผลที่นักพรตเต๋าชิงเสียนมาเยือนต้าเยี่ยนเพียงลำพังนั้น ก็ไม่ใช่เพราะทางสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตที่ส่งเขามา เขามักจะตามหาเซียนเพื่อถามทางอยู่ด้านนอกตลอด เมื่อได้รับจดหมายลับและรู้แผนการของสำนักแล้ว ระหว่างทางกลับก็ได้ผ่านสำนักหยกพิสุทธิ์พอดี

ในใจเขาคิดว่าหากใช้โอกาสนี้กุมสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไว้ในกำมือ เช่นนั้นยามที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตบุกโจมตีแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนคงง่ายดายดั่งล้วงของออกจากกระเป๋า

ก่อนที่จะแอบเข้ามาในสำนักหยกพิสุทธิ์นั้น นักพรตเต๋าชิงเสียนก็ไม่ได้ใส่ใจสำนักหยกพิสุทธิ์นัก แต่เพื่อกระทำการอย่างไม่ประมาท เช่นนั้นเขาจึงซ่อนตัวอยู่ระยะหนึ่ง

ในแดนบำเพ็ญพรต ความประมาทมักเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรงที่สุดของนักบำเพ็ญ

หลังจากสืบสาวข้อมูลภายในของสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างแน่ชัดแล้ว นักพรตเต๋าชิงเสียนก็วางใจ

เขารู้สึกว่าสำนักเช่นนี้ไม่มีทางที่จะมีผู้ปกครองที่สูงส่งเช่นเขาอาศัยอยู่

แล้วเหตุใดนักพรตเต๋าจิ่วติ่งถึงได้ไม่ยอมอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์

ก็อาจจะเป็นเพราะว่าหากยังรั้งอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์ การฝึกบำเพ็ญของเขาคงไม่มีทางก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้!

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดไปพลางห้อทะยานไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

ขณะที่มองเห็นยอดเขาที่มีพลังวิญญาณสูงเสียดฟ้าจากที่ไกลๆ นั้น เขาพลันเริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นบ้าง

นักพรตเต๋าชิงเสียนหยุดนิ่งกลางอากาศในทันที คิ้วขมวดแน่นเป็นปม

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”

นักพรตเต๋าชิงเสียนแอบคิดอย่างตื่นตระหนก

เดินทางในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนมานานหลายปีเพียงนี้ เขาก็เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเองมากกว่าสิ่งไหน

นี่ก็คือกลิ่นอายของพลังวิญญาณที่ต้องผ่านความยากลำบากในการฝึกฝนมานับไม่ถ้วนจึงจะหล่อหลอมออกมาได้

คิดไม่ถึงว่าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจะทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอันตราย

หรือว่าผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์จะไม่ธรรมดาจริงๆ?

แต่พิจารณาตามหลักเหตุผลทั่วไป ต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้เพียงใดก็ไม่มีทางที่แข็งแกร่งไปได้ถึงไหน

หรือนี่จะไม่ใช่เหตุผลทั่วไป?

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดอยู่สักพัก นิ้วมือขวาดีดสะบัด พุ่งจิตสายหนึ่งออกไป

เช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะตาย ก็สามารถเกิดใหม่ได้อีกครั้ง!

นักพรตเต๋าชิงเสียนปรับสภาพจิตใจแล้ว ก็รีบเร่งเดินทางไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนต่อ

ยิ่งเข้าใกล้เขาเพียรบำเพ็ญเซียนเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ

ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์แท้จริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกันแน่

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

ณ เขาเพียรบำเพ็ญเซียน หานเจวี๋ยยืนรอคอยอย่างสงบนิ่งอยู่บนขอบหน้าผา

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของนักพรตเต๋าชิงเสียนที่ใกล้เข้ามา อดนึกสนุกขึ้นมาไม่ได้

เขากำลังกังวลอยู่ว่าจะจัดการกับคนผู้นี้อย่างไร กลับคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะมาหาถึงที่

สายลมเย็นพัดพาอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองของหานเจวี๋ยให้ปลิวไสว ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณที่ผูกอยู่กับมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์โบกสะบัดตามแรงลม ทั่วทั้งร่างของเขาแฝงไว้ด้วยความสูงศักดิ์ดุจเทพเซียน

นักพรตเต๋าชิงเสียนก็มองเห็นเขาจากที่ไกลๆ แล้ว

ชายหนุ่มผู้นี้ช่างสง่างามยิ่งนัก!

แต่เขาเพิ่งจะมีตบะระดับสร้างฐานขั้นเก้า หรือว่าจะเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสสังหารเทพ?

นักพรตเต๋าชิงเสียนครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

ตบะของหานเจวี๋ยถูกระบบเก็บซ่อนไว้ แม้แต่นักพรตเต๋าชิงเสียนที่อยู่ระดับสุญตาก็ไม่สามารถมองทะลุได้

นักพรตเต๋าชิงเสียนเหาะทะยานไปยังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน มือขวาของเขาร่ายวิชาพุ่งออกไปข้างหน้า ค่ายกลใหญ่ที่ป้องกันภูเขาก็พลันเกิดรอยแยกแหวกอย่างเงียบ ๆ เขาเดินผ่านรอยแยกนั้นเข้ามา

นักพรตเต๋าชิงเสียนทะยานลงข้างกายหานเจวี๋ย เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสสังหารเทพอยู่ที่นี่หรือไม่”

กายหยาบดีๆ เช่นนี้ เก็บไว้ดีหรือไม่ เผื่อภายภาคหน้าจำเป็นต้องใช้ประโยชน์

นักพรตเต๋าชิงเสียนคิดอย่างเงียบๆ

[นักพรตชิงเสียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

เมื่อมองข้อความแจ้งเตือนที่ปรากฏอยู่ด้านหน้า หานเจวี๋ยถึงกับพูดไม่ออก

พวกเห็นความงามละทิ้งปณิธานอีกแล้วหรือ

หานเจวี๋ยพลิกมือขวาเพียงครั้ง หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา

เมื่อเห็นกระบี่พิพากษาอนธการแล้ว นักพรตเต๋าชิงเสียนดวงตาเบิกโพลง

กระบี่เล่มนี้…

ช้าก่อน!

ร่างนี้ของเขา… ดูเหมือนจะเป็นสมบัติวิญญาณทั้งร่าง?

หรือเขาก็คือผู้อาวุโสสังหารเทพ?

นักพรตเต๋าชิงเสียนตกตะลึง

ชั่วพริบตาที่หานเจวี๋ยกระชับจับกระบี่ก็พลันพุ่งไปทางเขาทันที

ปราณกระบี่สีดำย้อมผืนนภากว้าง ประหนึ่งว่าพลันเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์เสี้ยวถูกบดทับด้วยรัศมีสีดำ ตื่นตะลึงจนถึงขีดสุด

เสียงตูมดังขึ้น!

นักพรตเต๋าชิงเสียนถูกปราณกระบี่ของกระบี่ฟ้าสังหารเทพปีศาจประหัตประหารฟาดฟัน โลหิตสาดกระเซ็นท่วมกาย สำรอกโลหิตกระจายฟุ้ง

“ปราณกระบี่รุนแรงเกินไปแล้ว!”

นักพรตเต๋าชิงเสียนจิตใจสะท้านสั่นไหว

คิดไว้แล้วเชียว!

สัญชาตญาณของเขาไม่ผิดเลย!

นักพรตเต๋าชิงเสียนยังไม่ทันที่จะได้ปรับสมดุลร่างกาย เขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นเงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งใส่เขาจากรอบทิศรอบทาง

ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ!

เงากระบี่นับพันปกคลุมท้องฟ้า!

ราวกับว่านักพรตเต๋าชิงเสียนถูกหานเจวี๋ยนับพันคนถือดาบล้อมสังหารพร้อมกัน ไม่มีทางหลบหนีได้เลย

ชั่วขณะนั้น นักพรตเต๋าชิงเสียนหยิบสมบัติวิญญาณออกมาหนึ่งชิ้น เป็นเจดีย์สีครามขนาดเล็กหลังหนึ่งที่พลันขยายขนาดใหญ่โตขึ้นด้วยความรวดเร็ว ปกคลุมร่างกายของเขา

เงากระบี่นับพันพุ่งปะทะเขา กายเนื้อของเขาที่เชื่อมผสานรวมเข้ากับเจดีย์สีครามหลังเล็กถูกบดขยี้กลายเป็นผุยผงในทันที พลังวิญญาณระเบิดออก เกิดเป็นสีสันมากมายสะท้านสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า

หานเจวี๋ยยืนอยู่บนริมหน้าผา มองดูดอกไม้ไฟที่สว่างไสวที่ขอบฟ้า ช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่งนัก

สมกับที่เป็นผู้บำเพ็ญใหญ่ระดับสุญตาขั้นเก้า คิดไม่ถึงว่าจะบีบบังคับให้เขาได้ใช้ถึงสองกระบวนท่า!

หานเจวี๋ยมั่นใจว่ากายเนื้อและจิตดั้งเดิมของนักพรตเต๋าชิงเสียนนั้นถูกทำลายหมดแล้ว

น่าเสียดายนัก

แหวนเก็บสมบัติของนักพรตเต๋าชิงเสียนเองก็ถูกทำลายเช่นกัน

แข็งแกร่งเกินไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีสินะ

หานเจวี๋ยลอบทอดถอนหายใจ

ที่ปากทางเข้าถ้ำ สวินฉางอันที่นั่งเข้าฌานอยู่หน้าตันฝูซังตรงประตูทางเข้าตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก

นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหานเจวี๋ยลงมือ พลานุภาพของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมินั้นยิ่งใหญ่สะท้านสะเทือน ทำเอาเขาตะลึงงัน

ช่างพลังพิเศษที่รุนแรงจริงๆ!

ต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปยังถูกคลื่นพายุซัดโหมอย่างรุนแรง เห็นได้ถึงความน่ากลัวของพลังวิเศษนี้ได้เป็นอย่างดี

บนไหล่เขา ไก่คุกรัตติกาลเองก็เห็นฉากการต่อสู้นี้ด้วยเช่นกัน มันอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้

เสียงกัมปนาทที่นี่ดังกึกก้องเป็นอย่างมาก จนดึงดูดเหล่าผู้อาวุโสฝ่ายในของสำนักหยกพิสุทธิ์ให้มาที่นี่

หลี่ชิงจื่อหยุดยืนเบื้องหน้าหานเจวี๋ยเป็นอันดับแรก เอ่ยถามอย่างกังวลว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หานเจวี๋ยกล่าวตอบอย่างเรียบเฉย “นักพรตเต๋าชิงเสียนของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตมาที่นี่”

“อะไรนะ! นักพรตเต๋าชิงเสียน! เขาอยู่ที่ไหน”

หลี่ชิงจื่อตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ตายแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ชิงจื่อก็นิ่งอึ้ง ใบหน้าเผยควมตกตะลึงขึ้นมาทันที พลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ผู้อาวุโสสังหารเทพ ท่าน…ระดับรวมกายาแล้วหรือ”

หานเจวี๋ยส่ายหน้าเอ่ย “จะเป็นไปได้อย่างไร ยังเร็วเกินไปนัก เรื่องในวันนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น พอดีกับที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตคงเสียหายจนเอ่ยอะไรไม่ได้”

หลี่ชิงจื่อพยักหน้า รีบไปแจ้งข่าวกับเหล่าผู้อาวุโส

หลังจากที่หลี่ชิงจื่อออกจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาอดที่จะสั่นสะท้านเมื่อหวนนึกถึงคำพูดและท่าทางของหานเจวี๋ยไม่ได้

“นักพรตเต๋าชิงเสียนนั่น… เขาเป็นถึงผู้มีอำนาจอันดับต้นๆ ของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเชียวนะ…”

หลี่ชิงจื่อพึมพำกับตoเองราวกับว่ากำลังอยู่ในภวังค์

……

หานเจวี๋ยเมินเฉยต่อสายตาเลื่อมใสศรัทธาของสวินฉางอัน เดินกลับเข้าไปในถ้ำเทวา

เขาพบว่าภาพในค่าความสัมพันธ์ของนักพรตเต๋าชิงเสียนไม่ได้หายไป

เกิดอะไรขึ้น

เจ้าหมอนี่ไม่ได้ตายไปแล้วหรือ

เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าแม้แต่วิญญาณก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดสิ

หรือชายผู้นี้มีไพ่ตายอย่างการแยกร่าง?

หานเจวี๋ยคิดไม่ตก ดังนั้นเขาจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่งนักพรตเต๋าชิงเสียนทันที

……

สามปีต่อมา

เสี้ยววิญญาณของนักพรตเต๋าชิงเสียนก็หลบหนีกลับไปที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้ในที่สุด

ผู้ที่พบเขาคือหลิ่วปู๋เมี่ย เจ้าสำนักของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต

หลิ่วปู๋เมี่ยสวมชุดคลุมสีดำ ใบหน้าเยียบเย็น ทั้งร่างแผ่กระจายไปด้วยรัศมีความสง่างามน่าเกรงขาม ดวงตาของเขามีความเครียดขึงเป็นอย่างมาก

ภายในห้องโถง

หลิ่วปู๋เมี่ยนั่งบนที่นั่งหลัก ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ เหตุใดท่านจึงมีสภาพจนตรอกเช่นนี้ได้”

เสี้ยววิญญาณของนักพรตเต๋าชิงเสียนสั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย หลังถูกหานเจวี๋ยโจมตี ระหว่างทางที่หลบหนีเขาก็ประสบพบเจอกับเคราะห์สวรรค์มากมาย โชคร้ายจนถึงที่สุด โชคดีที่เขาเป็นคนดวงแข็ง ผ่านมาได้ในที่สุด

“ศิษย์น้อง เจ้าจะต้องลงมือกับสำนักหยกพิสุทธิ์ให้ได้หรือ” นักพรตเต๋าชิงเสียนกัดฟันเอ่ยถามออกไป เมื่อหวนนึกถึงใบหน้าที่งดงามกว่าผู้ใดของหานเจวี๋ย กายจิตของเขาก็อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้

หลิ่วปู๋เมี่ยตอบ “ไม่ผิด อย่างมากที่สุดห้าปีจะลงมือ ข้าก็เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นแขกที่พวกเราเชิญมาก็จะลงมือเช่นกัน”

“อย่า! ห้ามไปต้าเยี่ยนเด็ดขาด! ไม่อาจแตะต้องต้าเยี่ยน สำนักหยกพิสุทธิ์เก็บซ่อนพลังที่น่าสะพรึงกลัวไว้ เจ้าน่าจะรู้ระดับความสามารถของศิษย์พี่คนนี้ของเจ้าดี ข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้า แต่กลับต้านกระบี่กระบวนท่าเดียวจากคนผู้นั้นไม่ได้ อีกทั้งข้ายังไม่ได้แม้แต่จะลงมือแต่กลับถูกสังหารในทันที!”

นักพรตเต๋าชิงเสียนตื่นตระหนกเป็นที่สุด หวาดกลัวจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

“หากไปต้าเยี่ยนอีก จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ต่อให้แขกระดับรวมกายาของพวกเราผู้นั้นลงมือ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี!

…………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+