ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก

หลังจากหานเจวี๋ยรู้ว่าบรรพชนพุทธภควัตที่กลับชาติมาเกิดมายังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เวลาก็ผ่านไปอีกสิบปี

ตบะของเขาทะลวงถึงระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะปลายเมื่อหลายปีก่อนแล้ว

เขาฝึกบำเพ็ญอย่างใจจดใจจ่อ เป้าหมายคือทะลวงระดับเซียนพิภพวัฏจักรขั้นสมบูรณ์

วันนี้ นักพรตเต๋าจิ่วติ่งมาหา

หานเจวี๋ยให้เขาเข้ามาในถ้ำเทวา

คนทั้งสองทักทายตามมารยาทรอบหนึ่ง นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรู้สึกเกรงใจขึ้นมา

“มีเรื่องใด พูดมาตามตรงเถอะ” หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งแสร้งไอก่อนเอ่ย “เรื่องเป็นเช่นนี้ บรรดาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเขาลูกนี้ใหญ่มาก และกว้างขวางด้วย สามารถให้สิบแปดยอดเขาเลือกศิษย์ที่โดดเด่นสักคนของแต่ละยอดเขามาฝึกฝนที่เขาลูกนี้ได้หรือไม่ จะไม่รบกวนการฝึกของท่านอย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าเรื่องนี้…”

“ไม่ได้”

หานเจวี๋ยตอบอย่างสงบ

ไม่รอให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งกล่าวต่อ หานเจวี๋ยพูดด้วยคำที่แฝงความหมายลึกซึ้ง “แม้สำนักจะมอบทรัพยากรให้เขาเพียรบำเพ็ญเซียนอยู่บ่อยครั้ง แต่ว่าพลังวิญญาณบนเขาลูกนี้มาจากต้นไม้นอกถ้ำเป็นหลัก ที่มาของต้นไม้ต้นนี้ข้าไม่อาจเปิดเผยได้ หากวันนี้เรื่องแพร่งพรายออกไป วันหน้าก็จะมีคนมามากยิ่งขึ้น สำหรับข้าแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องดี”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งขมวดคิ้ว

หานเจวี๋ยช่วยสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มาหลายครั้ง สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มีวันนี้ได้ ไม่มีผลงานของผู้ใดที่จะยิ่งใหญ่เทียบกับเขาได้ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ติดค้างเขามากกว่า

หากหานเจวี๋ยอยากก่อกบฏ สำนักเก้ามังกรที่มีหวงจุนเทียนเป็นคนนำกับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตที่นำโดยหลิ่วปู๋เมี่ย คงจะไปเข้าร่วมกับหานเจวี๋ยในทันที

ทุกคนรู้ดีว่าเสาหลักของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์คือใคร

ในใจของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งก็รู้ชัดดี จึงถอนหายใจเอ่ย “ความจริงข้ารู้ชัดแจ้งดี เพียงแต่ผู้อาวุโสเหล่านั้นมักจะพูดอยู่บ่อยๆ ข้าฟังจนเบื่อแล้ว หากครั้งหน้าพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้อีก ข้าจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาดตรงๆ”

หานเจวี๋ยพยักหน้า กล่าวว่า “เจ้าสำนัก อย่าได้จดจ่อจิตใจทั้งหมดอยู่กับสำนัก ท่านต้องใช้เวลาฝึกบำเพ็ญด้วย สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จะเดินหน้าไปได้เท่าใด ยังต้องดูตบะของท่านด้วย”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หานเจวี๋ยนึกอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นโบกมือขวา ม้วนวิชายุทธ์และวิชาเวทแต่ละเล่มก็มาปรากฏอยู่บนโต๊ะ

นี่เป็นทรัพยากรวิชาเต๋าที่เขาได้มาจากแหวนเก็บสมบัติของศัตรูก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นวิชาเต๋าที่ค่อนข้างด้อยจำนวนหนึ่ง

“นำไปให้ในสำนักเถอะ” หานเจวี๋ยกล่าว

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งอึ้งไปนิด จากนั้นก็รีบเปิดอ่านดู

ไม่นาน เขาก็ต้องตระหนกตกใจ

วิชายุทธ์เหล่านี้…

เขาหันไปพูดกับหานเจวี๋ยอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณผู้อาวุโสหาน ต่อไปข้าจะไม่ให้คนมารบกวนท่านเด็ดขาด!”

หานเจวี๋ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หลังจากนักพรตเต๋าจิ่วติ่งออกไปแล้ว หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

หลายวันต่อมา เหล่าศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็พบว่าหอวิชายุทธ์มีวิชายุทธ์ที่ติดราคาอันน่าตกใจจำนวนไม่น้อย มีแม้กระทั่งวิชาสำเร็จเซียนด้วย!

ทั้งสำนักฮือฮายกใหญ่

หลังจากนั้น หากผู้อาวุโสคนใดมีความคิดเกี่ยวกับเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอีก ก็จะถูกนักพรตเต๋าจิ่วติ่งด่ากลับทันที

……

สามปีต่อมา

หานเจวี๋ยหยุดการฝึกแล้วนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา

เขาสาปแช่งไปด้วย ตรวจสอบกล่องจดหมายไปด้วย

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านถูกจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำศัตรูคู่แค้นของท่านส่งไปยังแดนปีศาจ]

[สหายของท่าน จี้เซียนเสินเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ปีศาจ] x189,221

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x107,234

[โจวฝานสหายของท่านพบกับโอกาสวาสนา ได้รับถ่ายทอดสุดยอดพลังบรรพกาล]

[สิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x8,653

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x147,880

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านปลุกพลังวิเศษประจำตัว พลังมรรคเพิ่มพูน สายเลือดเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง]

……

ขณะอ่านไป สีหน้าของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความหวาดเสียว

แดนบำเพ็ญพรตอันตรายจริงๆ!

เขาไม่เป็นห่วงบรรดาศิษย์ของเขา ส่วนสิงหงเสวียน เซียนซีเสวียน และฉางเยวี่ยเอ๋อร์ เขายิ่งไม่ต้องเป็นห่วงไปใหญ่ หญิงสาวทั้งสามคนต่างก็พกหุ่นเชิดสวรรค์ติดตัว

หานเจวี๋ยแปลกใจมาก ด้วยพลังของจี้เซียนเสิน หากหาตัวจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำพบ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำก็ยากจะหนีความตายไปได้แน่

‘เหตุใดจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำถึงยังมีชีวิตอยู่’

หานเจวี๋ยคิดไม่ออก และก็ขี้เกียจจะคิดอีก

นี่คือความทุกข์ทรมานของโลกมนุษย์ ไม่เกี่ยวข้องกับเขา หรือว่าจะต้องให้เขาสังหารเผ่าปีศาจและผู้บำเพ็ญสายมารทั้งหมดด้วยตนเอง?

ครึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยกำลังจะฝึกบำเพ็ญต่อ เขาก็พลันนึกถึงฉู่ซื่อเหรินขึ้นมา

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เจ้าเด็กนี่เป็นอย่างไรบ้าง

ถึงอย่างไรก็เป็นบรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิด สถานะเกินจริงกว่ามู่หรงฉี่มาก หานเจวี๋ยไม่อาจลืมเลือนได้

เขาตรวจสอบข้อมูลของฉู่ซื่อเหริน และพบว่าตบะของฉู่ซื่อเหรินยังหยุดอยู่ที่ระดับหลอมปราณขั้นแปด

ผ่านมานานขนาดนี้ ตบะไม่เพิ่มเลยแม้แต่น้อย นี่คือผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศหรือ

หานเจวี๋ยแอบสงสัยกับตัวเอง

ทว่าเขาขี้เกียจจะคิดต่อ

ผ่านไปราวห้าปี

ด้านหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ฉู่ซื่อเหรินมาตรงหน้าป้ายศิลา และไปเข้าร่วมกับกลุ่มคนที่คุกเข่าอยู่

ผ่านมานานหลายปี ตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนยังคงมีศิษย์มาคุกเข่าคำนับอยู่ตลอด ใหม่เก่าสลับหมุนเวียนกันไป มักมีคนเพ้อฝันว่าจะใช้ความจริงใจทำให้หานเจวี๋ยหวั่นไหวเสมอ

ฉู่ซื่อเหรินคุกเข่ากับคนอื่นอย่างเงียบๆ เริ่มโขกศีรษะคำนับ

“หวังว่าผู้อาวุโสสังหารเทพจะเห็นด้วยกับหลักธรรมมหากุศลของข้า ร่วมกันละทิ้งการฝึกบำเพ็ญ กล่อมเกลาจิตใจศิษย์ทั้งสำนัก”

ฉู่ซื่อเหรินจินตนาการอยู่ในใจอย่างเต็มที่

……

ภายในตำหนักศิลาขนาดใหญ่หลังหนึ่ง จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สร้างจากกระดูกขาว เขาแปลงร่างเป็นมนุษย์ ใบหน้าแปลกประหลาดเคร่งขรึมเย็นชา ผมขาวทั้งศีรษะ หางจิ้งจอกสีดำขนาดใหญ่หกหางที่อยู่ด้านหลังแกว่งไปมาตามใจ พัดให้เกิดคลื่นลมเป็นระลอกๆ

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำพินิจมองชายผู้หนึ่งในตำหนักอย่างหยอกล้อ

เขาคือซูฉีนั่นเอง

ซูฉีก้มหัวคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น

“เหตุใดเจ้าถึงบากหน้ามาพึ่งข้า” จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำถาม

ตอนนี้ซูฉีมีตบะระดับรวมกายา การบากหน้ามาพึ่งพาของผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำย่อมต้องการพบด้วยตัวเอง

ซูฉีทอดสายตามองไปพลางกล่าวขึ้นมา “ข้าเกลียดเผ่ามนุษย์ พ่อแม่ข้าตายตั้งแต่ข้ายังเล็ก เที่ยวระเหเร่ร่อนอยู่ในเผ่ามนุษย์หลายปี มักจะถูกโจมตีเสมอ ข้าไม่หาเรื่องมนุษย์ แต่มนุษย์มักจะมาหาเรื่องข้า ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ละโมบเกินไป เพื่อแย่งชิงสมบัติ พวกเขาถึงขั้นละทิ้งสัจธรรมที่พวกเขากล่าวถึงได้”

ได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำมีสีหน้าเห็นอกเห็นใจ

เขาเอ่ยด้วยความเกลียดชัง “เผ่ามนุษย์มักจะปล่อยข่าวว่าปีศาจกินมนุษย์ โทษของปีศาจไม่อาจให้อภัยได้ ปีศาจล้วนชั่วร้าย แต่ความจริงเล่า จำนวนปีศาจที่ถูกมนุษย์สังหารมากกว่ามนุษย์ที่ถูกปีศาจจับกินเสียอีก!”

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำยิ่งมองซูฉีก็ยิ่งชอบ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งการป้องกันโดยสิ้นเชิง

“เจ้าบากหน้ามาพึ่งข้า อยากได้สิ่งใด และสามารถช่วยข้าทำอะไรได้บ้าง” จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำหรี่ตาถาม

ซูฉีตอบ “ข้าไม่ต้องการสิ่งใด ข้าต้องการแค่สถานที่ที่สามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างสบายใจ ให้ข้าฝึกอยู่ใกล้ๆ จักรพรรดิปีศาจ ไม่ถูกรบกวนก็พอแล้ว หากจักรพรรดิปีศาจพบเจออันตราย ข้าจะช่วยอย่างสุดความสามารถแน่”

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำส่ายหน้าขณะหลุดยิ้ม

หากเขาพบศัตรูที่ไม่อาจต่อกรได้จริงๆ กับแค่ผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาจะช่วยอะไรเขาได้

‘ดีเลวอย่างไรก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมกายา เก็บไว้ก็สะดวกต่อการรวบรวมเผ่ามนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียว’

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำคิดเงียบๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย

ความทะเยอทะยานของเขายิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงต้องการรวมเผ่าปีศาจให้เป็นหนึ่ง เขายังต้องการรวบรวมเผ่ามนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียว และกลายเป็นเจ้าแห่งโลกมนุษย์!

……

หลายปีต่อมา

จู่ๆ ก็มีตัวอักษรสี่แถวปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญ

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบพันปีแล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น เนื่องจากท่านรักษาเจตนาเดิมของตน ฝึกบำเพ็ญอย่างเงียบเชียบตลอด ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สุ่มรับคุณสมบัติกาย]

[สอง สุ่มเปิดระบบการทำงานใหม่]

[สาม รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

‘ฝึกบำเพ็ญแบบไม่ทำตัวโดดเด่นอยู่ตลอด มีผลดีจริงๆ ด้วย!

แต่จะเลือกอย่างไรดีล่ะ’

คุณสมบัติรากวิญญาณของหานเจวี๋ยคือร่างวิญญาณหกสาย มีส่วนช่วยด้านความเร็วของการบำเพ็ญเพียรเป็นอย่างมาก แต่เขามักจะรู้สึกว่ายังไม่พอ ดูอย่างจี้เซียนเสินและโจวฝาน คุณสมบัติกายของพวกเขาแค่ฟังก็รู้สึกแล้วว่าร้ายกาจ

ระบบการทำงานใหม่ก็คุ้มค่าที่จะคาดหวัง

ดูจากก่อนหน้านี้ ระบบการทำงานไม่สามารถทำให้หานเจวี๋ยแข็งแกร่งได้โดยตรง และก็ไม่อาจปกป้องชีวิตด้วย ล้วนเป็นความสามารถที่ช่วยสนับสนุน

ส่วนตัวเลือกที่สาม หานเจวี๋ยไม่สนใจเลย

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก

หลังจากหานเจวี๋ยรู้ว่าบรรพชนพุทธภควัตที่กลับชาติมาเกิดมายังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เวลาก็ผ่านไปอีกสิบปี

ตบะของเขาทะลวงถึงระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะปลายเมื่อหลายปีก่อนแล้ว

เขาฝึกบำเพ็ญอย่างใจจดใจจ่อ เป้าหมายคือทะลวงระดับเซียนพิภพวัฏจักรขั้นสมบูรณ์

วันนี้ นักพรตเต๋าจิ่วติ่งมาหา

หานเจวี๋ยให้เขาเข้ามาในถ้ำเทวา

คนทั้งสองทักทายตามมารยาทรอบหนึ่ง นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรู้สึกเกรงใจขึ้นมา

“มีเรื่องใด พูดมาตามตรงเถอะ” หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งแสร้งไอก่อนเอ่ย “เรื่องเป็นเช่นนี้ บรรดาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเขาลูกนี้ใหญ่มาก และกว้างขวางด้วย สามารถให้สิบแปดยอดเขาเลือกศิษย์ที่โดดเด่นสักคนของแต่ละยอดเขามาฝึกฝนที่เขาลูกนี้ได้หรือไม่ จะไม่รบกวนการฝึกของท่านอย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าเรื่องนี้…”

“ไม่ได้”

หานเจวี๋ยตอบอย่างสงบ

ไม่รอให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งกล่าวต่อ หานเจวี๋ยพูดด้วยคำที่แฝงความหมายลึกซึ้ง “แม้สำนักจะมอบทรัพยากรให้เขาเพียรบำเพ็ญเซียนอยู่บ่อยครั้ง แต่ว่าพลังวิญญาณบนเขาลูกนี้มาจากต้นไม้นอกถ้ำเป็นหลัก ที่มาของต้นไม้ต้นนี้ข้าไม่อาจเปิดเผยได้ หากวันนี้เรื่องแพร่งพรายออกไป วันหน้าก็จะมีคนมามากยิ่งขึ้น สำหรับข้าแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องดี”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งขมวดคิ้ว

หานเจวี๋ยช่วยสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มาหลายครั้ง สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มีวันนี้ได้ ไม่มีผลงานของผู้ใดที่จะยิ่งใหญ่เทียบกับเขาได้ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ติดค้างเขามากกว่า

หากหานเจวี๋ยอยากก่อกบฏ สำนักเก้ามังกรที่มีหวงจุนเทียนเป็นคนนำกับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตที่นำโดยหลิ่วปู๋เมี่ย คงจะไปเข้าร่วมกับหานเจวี๋ยในทันที

ทุกคนรู้ดีว่าเสาหลักของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์คือใคร

ในใจของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งก็รู้ชัดดี จึงถอนหายใจเอ่ย “ความจริงข้ารู้ชัดแจ้งดี เพียงแต่ผู้อาวุโสเหล่านั้นมักจะพูดอยู่บ่อยๆ ข้าฟังจนเบื่อแล้ว หากครั้งหน้าพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้อีก ข้าจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาดตรงๆ”

หานเจวี๋ยพยักหน้า กล่าวว่า “เจ้าสำนัก อย่าได้จดจ่อจิตใจทั้งหมดอยู่กับสำนัก ท่านต้องใช้เวลาฝึกบำเพ็ญด้วย สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จะเดินหน้าไปได้เท่าใด ยังต้องดูตบะของท่านด้วย”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หานเจวี๋ยนึกอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นโบกมือขวา ม้วนวิชายุทธ์และวิชาเวทแต่ละเล่มก็มาปรากฏอยู่บนโต๊ะ

นี่เป็นทรัพยากรวิชาเต๋าที่เขาได้มาจากแหวนเก็บสมบัติของศัตรูก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นวิชาเต๋าที่ค่อนข้างด้อยจำนวนหนึ่ง

“นำไปให้ในสำนักเถอะ” หานเจวี๋ยกล่าว

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งอึ้งไปนิด จากนั้นก็รีบเปิดอ่านดู

ไม่นาน เขาก็ต้องตระหนกตกใจ

วิชายุทธ์เหล่านี้…

เขาหันไปพูดกับหานเจวี๋ยอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณผู้อาวุโสหาน ต่อไปข้าจะไม่ให้คนมารบกวนท่านเด็ดขาด!”

หานเจวี๋ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หลังจากนักพรตเต๋าจิ่วติ่งออกไปแล้ว หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

หลายวันต่อมา เหล่าศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็พบว่าหอวิชายุทธ์มีวิชายุทธ์ที่ติดราคาอันน่าตกใจจำนวนไม่น้อย มีแม้กระทั่งวิชาสำเร็จเซียนด้วย!

ทั้งสำนักฮือฮายกใหญ่

หลังจากนั้น หากผู้อาวุโสคนใดมีความคิดเกี่ยวกับเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอีก ก็จะถูกนักพรตเต๋าจิ่วติ่งด่ากลับทันที

……

สามปีต่อมา

หานเจวี๋ยหยุดการฝึกแล้วนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา

เขาสาปแช่งไปด้วย ตรวจสอบกล่องจดหมายไปด้วย

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านถูกจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำศัตรูคู่แค้นของท่านส่งไปยังแดนปีศาจ]

[สหายของท่าน จี้เซียนเสินเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ปีศาจ] x189,221

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x107,234

[โจวฝานสหายของท่านพบกับโอกาสวาสนา ได้รับถ่ายทอดสุดยอดพลังบรรพกาล]

[สิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x8,653

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x147,880

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านปลุกพลังวิเศษประจำตัว พลังมรรคเพิ่มพูน สายเลือดเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง]

……

ขณะอ่านไป สีหน้าของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความหวาดเสียว

แดนบำเพ็ญพรตอันตรายจริงๆ!

เขาไม่เป็นห่วงบรรดาศิษย์ของเขา ส่วนสิงหงเสวียน เซียนซีเสวียน และฉางเยวี่ยเอ๋อร์ เขายิ่งไม่ต้องเป็นห่วงไปใหญ่ หญิงสาวทั้งสามคนต่างก็พกหุ่นเชิดสวรรค์ติดตัว

หานเจวี๋ยแปลกใจมาก ด้วยพลังของจี้เซียนเสิน หากหาตัวจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำพบ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำก็ยากจะหนีความตายไปได้แน่

‘เหตุใดจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำถึงยังมีชีวิตอยู่’

หานเจวี๋ยคิดไม่ออก และก็ขี้เกียจจะคิดอีก

นี่คือความทุกข์ทรมานของโลกมนุษย์ ไม่เกี่ยวข้องกับเขา หรือว่าจะต้องให้เขาสังหารเผ่าปีศาจและผู้บำเพ็ญสายมารทั้งหมดด้วยตนเอง?

ครึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยกำลังจะฝึกบำเพ็ญต่อ เขาก็พลันนึกถึงฉู่ซื่อเหรินขึ้นมา

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เจ้าเด็กนี่เป็นอย่างไรบ้าง

ถึงอย่างไรก็เป็นบรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิด สถานะเกินจริงกว่ามู่หรงฉี่มาก หานเจวี๋ยไม่อาจลืมเลือนได้

เขาตรวจสอบข้อมูลของฉู่ซื่อเหริน และพบว่าตบะของฉู่ซื่อเหรินยังหยุดอยู่ที่ระดับหลอมปราณขั้นแปด

ผ่านมานานขนาดนี้ ตบะไม่เพิ่มเลยแม้แต่น้อย นี่คือผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศหรือ

หานเจวี๋ยแอบสงสัยกับตัวเอง

ทว่าเขาขี้เกียจจะคิดต่อ

ผ่านไปราวห้าปี

ด้านหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ฉู่ซื่อเหรินมาตรงหน้าป้ายศิลา และไปเข้าร่วมกับกลุ่มคนที่คุกเข่าอยู่

ผ่านมานานหลายปี ตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนยังคงมีศิษย์มาคุกเข่าคำนับอยู่ตลอด ใหม่เก่าสลับหมุนเวียนกันไป มักมีคนเพ้อฝันว่าจะใช้ความจริงใจทำให้หานเจวี๋ยหวั่นไหวเสมอ

ฉู่ซื่อเหรินคุกเข่ากับคนอื่นอย่างเงียบๆ เริ่มโขกศีรษะคำนับ

“หวังว่าผู้อาวุโสสังหารเทพจะเห็นด้วยกับหลักธรรมมหากุศลของข้า ร่วมกันละทิ้งการฝึกบำเพ็ญ กล่อมเกลาจิตใจศิษย์ทั้งสำนัก”

ฉู่ซื่อเหรินจินตนาการอยู่ในใจอย่างเต็มที่

……

ภายในตำหนักศิลาขนาดใหญ่หลังหนึ่ง จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สร้างจากกระดูกขาว เขาแปลงร่างเป็นมนุษย์ ใบหน้าแปลกประหลาดเคร่งขรึมเย็นชา ผมขาวทั้งศีรษะ หางจิ้งจอกสีดำขนาดใหญ่หกหางที่อยู่ด้านหลังแกว่งไปมาตามใจ พัดให้เกิดคลื่นลมเป็นระลอกๆ

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำพินิจมองชายผู้หนึ่งในตำหนักอย่างหยอกล้อ

เขาคือซูฉีนั่นเอง

ซูฉีก้มหัวคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น

“เหตุใดเจ้าถึงบากหน้ามาพึ่งข้า” จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำถาม

ตอนนี้ซูฉีมีตบะระดับรวมกายา การบากหน้ามาพึ่งพาของผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำย่อมต้องการพบด้วยตัวเอง

ซูฉีทอดสายตามองไปพลางกล่าวขึ้นมา “ข้าเกลียดเผ่ามนุษย์ พ่อแม่ข้าตายตั้งแต่ข้ายังเล็ก เที่ยวระเหเร่ร่อนอยู่ในเผ่ามนุษย์หลายปี มักจะถูกโจมตีเสมอ ข้าไม่หาเรื่องมนุษย์ แต่มนุษย์มักจะมาหาเรื่องข้า ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ละโมบเกินไป เพื่อแย่งชิงสมบัติ พวกเขาถึงขั้นละทิ้งสัจธรรมที่พวกเขากล่าวถึงได้”

ได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำมีสีหน้าเห็นอกเห็นใจ

เขาเอ่ยด้วยความเกลียดชัง “เผ่ามนุษย์มักจะปล่อยข่าวว่าปีศาจกินมนุษย์ โทษของปีศาจไม่อาจให้อภัยได้ ปีศาจล้วนชั่วร้าย แต่ความจริงเล่า จำนวนปีศาจที่ถูกมนุษย์สังหารมากกว่ามนุษย์ที่ถูกปีศาจจับกินเสียอีก!”

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำยิ่งมองซูฉีก็ยิ่งชอบ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งการป้องกันโดยสิ้นเชิง

“เจ้าบากหน้ามาพึ่งข้า อยากได้สิ่งใด และสามารถช่วยข้าทำอะไรได้บ้าง” จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำหรี่ตาถาม

ซูฉีตอบ “ข้าไม่ต้องการสิ่งใด ข้าต้องการแค่สถานที่ที่สามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างสบายใจ ให้ข้าฝึกอยู่ใกล้ๆ จักรพรรดิปีศาจ ไม่ถูกรบกวนก็พอแล้ว หากจักรพรรดิปีศาจพบเจออันตราย ข้าจะช่วยอย่างสุดความสามารถแน่”

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำส่ายหน้าขณะหลุดยิ้ม

หากเขาพบศัตรูที่ไม่อาจต่อกรได้จริงๆ กับแค่ผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาจะช่วยอะไรเขาได้

‘ดีเลวอย่างไรก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมกายา เก็บไว้ก็สะดวกต่อการรวบรวมเผ่ามนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียว’

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำคิดเงียบๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย

ความทะเยอทะยานของเขายิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงต้องการรวมเผ่าปีศาจให้เป็นหนึ่ง เขายังต้องการรวบรวมเผ่ามนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียว และกลายเป็นเจ้าแห่งโลกมนุษย์!

……

หลายปีต่อมา

จู่ๆ ก็มีตัวอักษรสี่แถวปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญ

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบพันปีแล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น เนื่องจากท่านรักษาเจตนาเดิมของตน ฝึกบำเพ็ญอย่างเงียบเชียบตลอด ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สุ่มรับคุณสมบัติกาย]

[สอง สุ่มเปิดระบบการทำงานใหม่]

[สาม รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

‘ฝึกบำเพ็ญแบบไม่ทำตัวโดดเด่นอยู่ตลอด มีผลดีจริงๆ ด้วย!

แต่จะเลือกอย่างไรดีล่ะ’

คุณสมบัติรากวิญญาณของหานเจวี๋ยคือร่างวิญญาณหกสาย มีส่วนช่วยด้านความเร็วของการบำเพ็ญเพียรเป็นอย่างมาก แต่เขามักจะรู้สึกว่ายังไม่พอ ดูอย่างจี้เซียนเสินและโจวฝาน คุณสมบัติกายของพวกเขาแค่ฟังก็รู้สึกแล้วว่าร้ายกาจ

ระบบการทำงานใหม่ก็คุ้มค่าที่จะคาดหวัง

ดูจากก่อนหน้านี้ ระบบการทำงานไม่สามารถทำให้หานเจวี๋ยแข็งแกร่งได้โดยตรง และก็ไม่อาจปกป้องชีวิตด้วย ล้วนเป็นความสามารถที่ช่วยสนับสนุน

ส่วนตัวเลือกที่สาม หานเจวี๋ยไม่สนใจเลย

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก

หลังจากหานเจวี๋ยรู้ว่าบรรพชนพุทธภควัตที่กลับชาติมาเกิดมายังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เวลาก็ผ่านไปอีกสิบปี

ตบะของเขาทะลวงถึงระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะปลายเมื่อหลายปีก่อนแล้ว

เขาฝึกบำเพ็ญอย่างใจจดใจจ่อ เป้าหมายคือทะลวงระดับเซียนพิภพวัฏจักรขั้นสมบูรณ์

วันนี้ นักพรตเต๋าจิ่วติ่งมาหา

หานเจวี๋ยให้เขาเข้ามาในถ้ำเทวา

คนทั้งสองทักทายตามมารยาทรอบหนึ่ง นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรู้สึกเกรงใจขึ้นมา

“มีเรื่องใด พูดมาตามตรงเถอะ” หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งแสร้งไอก่อนเอ่ย “เรื่องเป็นเช่นนี้ บรรดาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเขาลูกนี้ใหญ่มาก และกว้างขวางด้วย สามารถให้สิบแปดยอดเขาเลือกศิษย์ที่โดดเด่นสักคนของแต่ละยอดเขามาฝึกฝนที่เขาลูกนี้ได้หรือไม่ จะไม่รบกวนการฝึกของท่านอย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าเรื่องนี้…”

“ไม่ได้”

หานเจวี๋ยตอบอย่างสงบ

ไม่รอให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งกล่าวต่อ หานเจวี๋ยพูดด้วยคำที่แฝงความหมายลึกซึ้ง “แม้สำนักจะมอบทรัพยากรให้เขาเพียรบำเพ็ญเซียนอยู่บ่อยครั้ง แต่ว่าพลังวิญญาณบนเขาลูกนี้มาจากต้นไม้นอกถ้ำเป็นหลัก ที่มาของต้นไม้ต้นนี้ข้าไม่อาจเปิดเผยได้ หากวันนี้เรื่องแพร่งพรายออกไป วันหน้าก็จะมีคนมามากยิ่งขึ้น สำหรับข้าแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องดี”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งขมวดคิ้ว

หานเจวี๋ยช่วยสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มาหลายครั้ง สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มีวันนี้ได้ ไม่มีผลงานของผู้ใดที่จะยิ่งใหญ่เทียบกับเขาได้ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ติดค้างเขามากกว่า

หากหานเจวี๋ยอยากก่อกบฏ สำนักเก้ามังกรที่มีหวงจุนเทียนเป็นคนนำกับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตที่นำโดยหลิ่วปู๋เมี่ย คงจะไปเข้าร่วมกับหานเจวี๋ยในทันที

ทุกคนรู้ดีว่าเสาหลักของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์คือใคร

ในใจของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งก็รู้ชัดดี จึงถอนหายใจเอ่ย “ความจริงข้ารู้ชัดแจ้งดี เพียงแต่ผู้อาวุโสเหล่านั้นมักจะพูดอยู่บ่อยๆ ข้าฟังจนเบื่อแล้ว หากครั้งหน้าพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้อีก ข้าจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาดตรงๆ”

หานเจวี๋ยพยักหน้า กล่าวว่า “เจ้าสำนัก อย่าได้จดจ่อจิตใจทั้งหมดอยู่กับสำนัก ท่านต้องใช้เวลาฝึกบำเพ็ญด้วย สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จะเดินหน้าไปได้เท่าใด ยังต้องดูตบะของท่านด้วย”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หานเจวี๋ยนึกอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นโบกมือขวา ม้วนวิชายุทธ์และวิชาเวทแต่ละเล่มก็มาปรากฏอยู่บนโต๊ะ

นี่เป็นทรัพยากรวิชาเต๋าที่เขาได้มาจากแหวนเก็บสมบัติของศัตรูก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นวิชาเต๋าที่ค่อนข้างด้อยจำนวนหนึ่ง

“นำไปให้ในสำนักเถอะ” หานเจวี๋ยกล่าว

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งอึ้งไปนิด จากนั้นก็รีบเปิดอ่านดู

ไม่นาน เขาก็ต้องตระหนกตกใจ

วิชายุทธ์เหล่านี้…

เขาหันไปพูดกับหานเจวี๋ยอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณผู้อาวุโสหาน ต่อไปข้าจะไม่ให้คนมารบกวนท่านเด็ดขาด!”

หานเจวี๋ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หลังจากนักพรตเต๋าจิ่วติ่งออกไปแล้ว หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

หลายวันต่อมา เหล่าศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็พบว่าหอวิชายุทธ์มีวิชายุทธ์ที่ติดราคาอันน่าตกใจจำนวนไม่น้อย มีแม้กระทั่งวิชาสำเร็จเซียนด้วย!

ทั้งสำนักฮือฮายกใหญ่

หลังจากนั้น หากผู้อาวุโสคนใดมีความคิดเกี่ยวกับเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอีก ก็จะถูกนักพรตเต๋าจิ่วติ่งด่ากลับทันที

……

สามปีต่อมา

หานเจวี๋ยหยุดการฝึกแล้วนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา

เขาสาปแช่งไปด้วย ตรวจสอบกล่องจดหมายไปด้วย

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านถูกจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำศัตรูคู่แค้นของท่านส่งไปยังแดนปีศาจ]

[สหายของท่าน จี้เซียนเสินเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ปีศาจ] x189,221

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x107,234

[โจวฝานสหายของท่านพบกับโอกาสวาสนา ได้รับถ่ายทอดสุดยอดพลังบรรพกาล]

[สิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x8,653

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x147,880

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านปลุกพลังวิเศษประจำตัว พลังมรรคเพิ่มพูน สายเลือดเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง]

……

ขณะอ่านไป สีหน้าของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความหวาดเสียว

แดนบำเพ็ญพรตอันตรายจริงๆ!

เขาไม่เป็นห่วงบรรดาศิษย์ของเขา ส่วนสิงหงเสวียน เซียนซีเสวียน และฉางเยวี่ยเอ๋อร์ เขายิ่งไม่ต้องเป็นห่วงไปใหญ่ หญิงสาวทั้งสามคนต่างก็พกหุ่นเชิดสวรรค์ติดตัว

หานเจวี๋ยแปลกใจมาก ด้วยพลังของจี้เซียนเสิน หากหาตัวจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำพบ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำก็ยากจะหนีความตายไปได้แน่

‘เหตุใดจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำถึงยังมีชีวิตอยู่’

หานเจวี๋ยคิดไม่ออก และก็ขี้เกียจจะคิดอีก

นี่คือความทุกข์ทรมานของโลกมนุษย์ ไม่เกี่ยวข้องกับเขา หรือว่าจะต้องให้เขาสังหารเผ่าปีศาจและผู้บำเพ็ญสายมารทั้งหมดด้วยตนเอง?

ครึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยกำลังจะฝึกบำเพ็ญต่อ เขาก็พลันนึกถึงฉู่ซื่อเหรินขึ้นมา

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เจ้าเด็กนี่เป็นอย่างไรบ้าง

ถึงอย่างไรก็เป็นบรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิด สถานะเกินจริงกว่ามู่หรงฉี่มาก หานเจวี๋ยไม่อาจลืมเลือนได้

เขาตรวจสอบข้อมูลของฉู่ซื่อเหริน และพบว่าตบะของฉู่ซื่อเหรินยังหยุดอยู่ที่ระดับหลอมปราณขั้นแปด

ผ่านมานานขนาดนี้ ตบะไม่เพิ่มเลยแม้แต่น้อย นี่คือผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศหรือ

หานเจวี๋ยแอบสงสัยกับตัวเอง

ทว่าเขาขี้เกียจจะคิดต่อ

ผ่านไปราวห้าปี

ด้านหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ฉู่ซื่อเหรินมาตรงหน้าป้ายศิลา และไปเข้าร่วมกับกลุ่มคนที่คุกเข่าอยู่

ผ่านมานานหลายปี ตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนยังคงมีศิษย์มาคุกเข่าคำนับอยู่ตลอด ใหม่เก่าสลับหมุนเวียนกันไป มักมีคนเพ้อฝันว่าจะใช้ความจริงใจทำให้หานเจวี๋ยหวั่นไหวเสมอ

ฉู่ซื่อเหรินคุกเข่ากับคนอื่นอย่างเงียบๆ เริ่มโขกศีรษะคำนับ

“หวังว่าผู้อาวุโสสังหารเทพจะเห็นด้วยกับหลักธรรมมหากุศลของข้า ร่วมกันละทิ้งการฝึกบำเพ็ญ กล่อมเกลาจิตใจศิษย์ทั้งสำนัก”

ฉู่ซื่อเหรินจินตนาการอยู่ในใจอย่างเต็มที่

……

ภายในตำหนักศิลาขนาดใหญ่หลังหนึ่ง จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สร้างจากกระดูกขาว เขาแปลงร่างเป็นมนุษย์ ใบหน้าแปลกประหลาดเคร่งขรึมเย็นชา ผมขาวทั้งศีรษะ หางจิ้งจอกสีดำขนาดใหญ่หกหางที่อยู่ด้านหลังแกว่งไปมาตามใจ พัดให้เกิดคลื่นลมเป็นระลอกๆ

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำพินิจมองชายผู้หนึ่งในตำหนักอย่างหยอกล้อ

เขาคือซูฉีนั่นเอง

ซูฉีก้มหัวคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น

“เหตุใดเจ้าถึงบากหน้ามาพึ่งข้า” จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำถาม

ตอนนี้ซูฉีมีตบะระดับรวมกายา การบากหน้ามาพึ่งพาของผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำย่อมต้องการพบด้วยตัวเอง

ซูฉีทอดสายตามองไปพลางกล่าวขึ้นมา “ข้าเกลียดเผ่ามนุษย์ พ่อแม่ข้าตายตั้งแต่ข้ายังเล็ก เที่ยวระเหเร่ร่อนอยู่ในเผ่ามนุษย์หลายปี มักจะถูกโจมตีเสมอ ข้าไม่หาเรื่องมนุษย์ แต่มนุษย์มักจะมาหาเรื่องข้า ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ละโมบเกินไป เพื่อแย่งชิงสมบัติ พวกเขาถึงขั้นละทิ้งสัจธรรมที่พวกเขากล่าวถึงได้”

ได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำมีสีหน้าเห็นอกเห็นใจ

เขาเอ่ยด้วยความเกลียดชัง “เผ่ามนุษย์มักจะปล่อยข่าวว่าปีศาจกินมนุษย์ โทษของปีศาจไม่อาจให้อภัยได้ ปีศาจล้วนชั่วร้าย แต่ความจริงเล่า จำนวนปีศาจที่ถูกมนุษย์สังหารมากกว่ามนุษย์ที่ถูกปีศาจจับกินเสียอีก!”

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำยิ่งมองซูฉีก็ยิ่งชอบ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งการป้องกันโดยสิ้นเชิง

“เจ้าบากหน้ามาพึ่งข้า อยากได้สิ่งใด และสามารถช่วยข้าทำอะไรได้บ้าง” จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำหรี่ตาถาม

ซูฉีตอบ “ข้าไม่ต้องการสิ่งใด ข้าต้องการแค่สถานที่ที่สามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างสบายใจ ให้ข้าฝึกอยู่ใกล้ๆ จักรพรรดิปีศาจ ไม่ถูกรบกวนก็พอแล้ว หากจักรพรรดิปีศาจพบเจออันตราย ข้าจะช่วยอย่างสุดความสามารถแน่”

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำส่ายหน้าขณะหลุดยิ้ม

หากเขาพบศัตรูที่ไม่อาจต่อกรได้จริงๆ กับแค่ผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาจะช่วยอะไรเขาได้

‘ดีเลวอย่างไรก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมกายา เก็บไว้ก็สะดวกต่อการรวบรวมเผ่ามนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียว’

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำคิดเงียบๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย

ความทะเยอทะยานของเขายิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงต้องการรวมเผ่าปีศาจให้เป็นหนึ่ง เขายังต้องการรวบรวมเผ่ามนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียว และกลายเป็นเจ้าแห่งโลกมนุษย์!

……

หลายปีต่อมา

จู่ๆ ก็มีตัวอักษรสี่แถวปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญ

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบพันปีแล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น เนื่องจากท่านรักษาเจตนาเดิมของตน ฝึกบำเพ็ญอย่างเงียบเชียบตลอด ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สุ่มรับคุณสมบัติกาย]

[สอง สุ่มเปิดระบบการทำงานใหม่]

[สาม รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

‘ฝึกบำเพ็ญแบบไม่ทำตัวโดดเด่นอยู่ตลอด มีผลดีจริงๆ ด้วย!

แต่จะเลือกอย่างไรดีล่ะ’

คุณสมบัติรากวิญญาณของหานเจวี๋ยคือร่างวิญญาณหกสาย มีส่วนช่วยด้านความเร็วของการบำเพ็ญเพียรเป็นอย่างมาก แต่เขามักจะรู้สึกว่ายังไม่พอ ดูอย่างจี้เซียนเสินและโจวฝาน คุณสมบัติกายของพวกเขาแค่ฟังก็รู้สึกแล้วว่าร้ายกาจ

ระบบการทำงานใหม่ก็คุ้มค่าที่จะคาดหวัง

ดูจากก่อนหน้านี้ ระบบการทำงานไม่สามารถทำให้หานเจวี๋ยแข็งแกร่งได้โดยตรง และก็ไม่อาจปกป้องชีวิตด้วย ล้วนเป็นความสามารถที่ช่วยสนับสนุน

ส่วนตัวเลือกที่สาม หานเจวี๋ยไม่สนใจเลย

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+