ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี
เมื่อได้ยินคำพูดของกวนโยวกัง หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมอง

เห็นแต่กวนโยวกังกำลังเหลือบมองเขาจากบนยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปหลายลี้ อาภรณ์สีขาวโบกสะบัด ใบหน้ามั่นอกมั่นใจ

หานเจวี๋ยเปิดเขตอาคมไว้ในระหว่างฝ่าด่านเคราะห์ ดังนั้นอานุภาพกดดันของเคราะห์สวรรค์จึงไม่ได้น่ากลัวปานนั้น เป็นเหตุให้กวนโยวกังคิดว่าหานเจวี๋ยทะลวงระดับอย่างเงียบเหงา

“เฮ้อ ร้อยวันพันปีไม่มา กลับมาเอาตอนนี้”

หานเจวี๋ยส่ายหัวหลุดหัวเราะ ทำตบะให้เสถียรต่อ

สี่วันต่อมา

ตบะของหานเจวี๋ยมั่นคงสมบูรณ์ พลังวิญญาณหกสายเหนือชั้นกว่าเมื่อก่อนไปไกล

เขาลุกขึ้นมา ก้าวเท้าเหยียบย่างไปบนเวหา มุ่งหน้าไปหากวนโยวกัง

กวนโยวกังอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว

เขาคร้านจะแสดงไมตรีจิต หยิบดาบออกมาแล้วทะยานเข้าหาหานเจวี๋ยทันที

ขณะที่โบยบินไป มือทั้งสองข้างของเขาสำแดงวิชาอย่างรวดเร็ว

พลังวิญญาณทั้งร่างเคลื่อนไหว ทำให้เสื้อคลุมของเขาสั่นไหวไม่หยุด

‘ขอเพียงข้าเอาชนะเขาได้ ข้าย่อมได้เป็นเจ้าสำนักของสำนักหยกพิสุทธิ์! ถึงเวลานั้นศิษย์น้องซีเสวียนต้องยินดีแต่งงานกับข้าแน่นอน!’

ดวงตาของกวนโยวกังลุกโชน เมื่อจินตนาการถึงอนาคตที่สวยงามนั้น ทั่วทั้งร่างเขาเหมือนติดไฟก็ไม่ปาน

เขาเตรียมแสดงพลังวิเศษชั้นยอดที่เพิ่งบรรลุเมื่อไม่นานมานี้ออกมา หวังปลิดชีพอีกฝ่ายทันที!

ฟิ้ว!

เสียงแหวกอากาศดังขึ้นมา!

ปราณกระบี่!

กวนโยวกังเบิกตากว้าง คิดจะต้านไว้ตามจิตใต้สำนึก

ทว่า ปราณกระบี่นี้รวดเร็วยิ่งนัก!

เร็วจนผู้แข็งแกร่งระดับเปลี่ยนวิญญาณอย่างเขาไม่อาจตอบโต้ได้ทัน!

ฉึก!

ปราณกระบี่จากวิชาดรรชนีกระบี่เทพแทงทะลุท้องของกวนโยวกัง โจมตีพลังวิญญาณในร่างเขาจนแตกซ่าน

กวนโยวกังกระอักโลหิตตัวปลิวออกไปราวกับว่าวไร้สายป่าน ก่อนจะตกลงบนเนินเขา

เมื่อตกสู่พื้น เขารีบใช้มือกุมท้อง กระอักโลหิตออกมาอีกอย่างทนไม่ไหว

กลิ่นอายพลังทั้งร่างเขาเหือดแห้งไปในชั่วพริบตา

แห้งไปแล้ว!

“เป็นไปได้อย่างไร…”

กวนโยวกังราวถูกฟ้าผ่า ปากอ้าตาค้างจ้องไปยังหานเจวี๋ยที่กำลังเหยียบอากาศมาหาตน

หานเจวี๋ยที่สวมอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองมีบุคลิกน่าตะลึง บนศีรษะสวมมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์ รอบเอวคาดเข็มขัดเก็บสมบัติขนาดเล็ก เท้าสองข้างสวมรองเท้าวิเศษเก้าดารา ก่อนหน้านี้ระหว่างที่หานเจวี๋ยเข้าฌานอยู่ กวนโยวกังสัมผัสไม่ได้สักเท่าไร

ยามนี้เมื่อได้เห็นหานเจวี๋ยอีกครา เขารู้สึกราวกับเห็นเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์

โดยเฉพาะใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้น

หากโลกนี้มีเทพเซียนอยู่จริง

น่าจะเป็นเช่นนี้เอง

‘ช้าก่อน!

นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่’

กวนโยวกังตกใจตื่นทันควัน จากนั้นความรู้สึกพ่ายแพ้ไม่รู้จบสิ้นก็พรั่งพรูขึ้นมาในใจ

ไม่นึกว่าเพียงกระบี่เดียวของฝ่ายตรงข้ามเขาก็ยังรับมือไม่ได้…

ช่างน่าขัน…

ก่อนหน้านี้เขายังหัวเราะลั่นหมายจะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีกระบวนท่าเดียว ผลลัพธ์กลับเป็นตัวเขาเองที่ถูกโจมตีพ่ายแพ้ในหนึ่งครั้ง…

เวลานี้ กวนโยวกังอยากแทรกแผ่นดินหนีแทบทนไม่ไหว

หานเจวี๋ยลอยลงมาตรงหน้าเขา

กวนโยวกังก้มศีรษะต่ำ รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุด ไม่กล้าสบตาหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบาว่า “อย่าได้เสียใจไปเลย เจ้าน่ะแข็งแกร่งแล้ว แต่เจ้าเลือกคู่ต่อสู้พลาดไปเท่านั้น ทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์ ก็มีเพียงเจ้าที่คู่ควรให้ข้าลงมือ”

สิ้นเสียงเอ่ย หานเจวี๋ยก็หายตัวไป

กวนโยวกังอึ้งงัน

เขามิได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังคุยโว กลับพูดปลอบใจอยู่น้อยๆ เสียด้วยซ้ำ

“ผู้อาวุโสสังหารเทพ…แท้จริงแล้วท่านแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่…”

……

หานเจวี๋ยออกจากแดนหมื่นปีศาจอย่างรวดเร็ว และไม่ได้หยุดพักที่เมืองสำนักฝ่ายใน

หากแต่กลับไปยังภูเขาที่ตนฝึกบำเพ็ญอยู่

จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

ร่างของเขากะพริบหายมาปรากฏตัวที่ตีนเขา

มือขวาเริ่มร่ายวิชา จากนั้นดินพลันผุดขึ้นสูง รวมตัวกันเป็นแผ่นศิลาอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยใช้นิ้วแทนพู่กัน สลักตัวอักษรลงบนแผ่นศิลา

ตัวอักษรสี่ตัว

เพียรบำเพ็ญเซียน!

จากนี้ไปนี่คือชื่อของภูเขาลูกนี้

เขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพอใจ และกลับขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง

ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังคงฝึกฝนอยู่

สิงหงเสวียนไม่รู้ว่าไปที่ใด ไม่ได้อยู่ที่ถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยคุยกับไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นราวครึ่งชั่วยาม ก่อนจะกลับเข้าไปในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา

ตัวกระบี่เล่มนี้มีสีแดงเข้ม มีลายเส้นสีดำบางๆ ทำให้กระบี่ดูพิเศษยิ่งขึ้น

เมื่อถือกระบี่เล่มนี้ไว้ หานเจวี๋ยเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

เขาส่งพลังวิญญาณเข้าไปในกระบี่

ครืน…

ภูเขาทั้งลูกเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หานเจวี๋ยตกใจจนรีบตัดพลังวิญญาณหกสาย

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

หานเจวี๋ยตื่นเต้นยินดี

เนื่องจากเป็นของวิเศษคู่ชีวิต เขาจึงไม่จำเป็นต้องหยดเลือดตีตราเป็นเจ้าของ

ต่อจากนั้น หานเจวี๋ยจึงทดสอบแบบจำลองสถานการณ์ โดยเข้าต่อสู้กับนักพรตเต๋าจิ่วติ่ง

ครึ่งนาทีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาถอนหายใจยาวก่อนพึมพำ “ในที่สุดก็ปราบเจ้าได้ ขี้ขลาดตาขาวจริงๆ ไม่นึกว่าจะแสดงท่าร่างออกมามากมายเช่นนี้!”

ในระหว่างการต่อสู้ เขาทำให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งได้รับบาดเจ็บหนักในหนึ่งกระบี่

จากนั้นนักพรตเต๋าจิ่วติ่งก็เอาแต่หลบหลีกตลอด ยืดเวลาการต่อสู้ออกไปเรื่อยๆ

ระดับสุญตาขั้นแปด ก็มีดีแค่นี้เอง!

ความมั่นใจของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ไม่หวาดกลัวสำนักมารปีศาจกับเซียวเอ้อร์อีก

จากค่าความสัมพันธ์จะเห็นได้ว่าเซียวเอ้อร์ยังคงอยู่ระดับสุญตาขั้นสองเท่านั้น

เขาจะสังหารเซียวเอ้อร์ด้วยวิธีไหน

สังหารอย่างไร!

เมื่อนึกถึงเซียวเอ้อร์ หานเจวี๋ยก็หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งฝ่ายนั้นทันที

ต่อจากนี้หากมีเวลาก็สาปแช่งเขาแล้วกัน แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไม่กลัวเขา แต่ก็ไม่อยากให้มาเป็นอุปสรรคในการฝึกฝนของตน

สิบวันต่อมา

หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงอย่างพึงพอใจ

จากนั้นเริ่มฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถีระดับที่หก

……

หนึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุวิชาวัฏจักรหกวิถีระดับหก สามารถฝึกในระดับสุญตาได้แล้ว

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาตระหนักรู้พลังวิเศษพลังใหม่

ตราประทับหกวิถี!

ตราประทับนี้เมื่อประทับลงบนร่างศัตรู จะสามารถทำลายดวงจิตของศัตรูได้โดยตรง!

ร่างกายยังไม่ทันสูญสลาย แต่ดวงจิตถูกทำลายก่อนแล้ว

นี่คือพลังวิเศษที่ใช้เป็นท่าไม้ตายได้!

หานเจวี๋ยบิดขี้เกียจ ทอดถอนใจเอ่ยว่า “เป็นอีกวันที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น”

เขายังไม่รีบเร่งฝึกฝนต่อ จึงกดเปิดค่าความสัมพันธ์ตรวจดูจดหมายสักหน่อย

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเหล่าสหายของเขาบ้างหรือไม่

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกภูตบำเพ็ญลอบโจมตี] x12

[ซูฉีศิษย์ของท่านสังหารสิ่งมีชีวิตยอดรวมนับหมื่นพัน แรงกรรมเพิ่มพูน]

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x58

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญฝ่ายธรรมะ] x44

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญของท่านไปจากแดนมนุษย์]

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านสังหารศัตรูฝ่ายหนึ่ง แรงกรรมมหันต์]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านหลงเข้าไปในแดนลึกลับบรรพกาล เป็นตายร้ายดีไม่แน่ชัด]

……

หือ?

เวลาเพียงหนึ่งปีก็เกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้เลย?

หานเจวี๋ยกะพริบตาปริบๆ

ได้!

ใครหน้าไหนมาโจมตีเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์อีก

ฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรมคิดจะก่อกบฏหรือ?

โม่ฟู่โฉวเลือกเดินทางที่ไม่อาจหวนกลับแล้ว?

และสิงหงเสวียน…

เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาแท้ๆ เหตุใดจึงมักได้ครอบครองของวิเศษหรือพบเจอโชควาสนา?

หรือเป็นเพราะได้รับพลังจากดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียนของข้า?

หานเจวี๋ยจินตนาการไปต่างๆ นานา

ผ่านไปสักพัก

หานเจวี๋ยจึงหันมาเริ่มฝึกฝนต่อ

แม้แดนบำเพ็ญพรตจะมหัศจรรย์เพียงใด เขาก็ยังไม่อยากย่างเท้าเข้าไปที่นั่นในตอนนี้

สำนักหยกพิสุทธิ์มีนักพรตเต๋าจิ่วติ่งคอยหนุนหลัง สำนักอื่นก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน

แค่ระดับสุญตาอย่างเดียวคงยังไม่พอ

โจวฝานผู้บำเพ็ญระดับมหายานที่กลับชาติมาเกิดยังไม่พ้นทุกข์เลย

หานเจวี๋ยฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น ปรารถนาที่จะบรรลุระดับรวมกายาภายในหนึ่งร้อยปี!

……

สองปีต่อมา

หลี่ชิงจื่อเดินทางมาเยี่ยมเยียน

หานเจวี๋ยพาเขาเข้าไปในถ้ำเทวา สีหน้าของหลี่จื่อชิงเต็มไปด้วยความอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจซึ่งมักฉายชัดเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน

ดูเหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

หานเจวี๋ยถอนหายใจก่อนกล่าว “เจ้าสำนัก ท่านไม่ก่อเรื่องสักวันไม่ได้หรือ บำเพ็ญเพียรเงียบๆ สักร้อยปีได้ไม่ได้หรืออย่างไร”

หลี่ชิงจื่อทำท่าทางลังเล ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างจนใจ “ข้าเป็นเจ้าสำนัก หลายสิ่งหลายอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของข้า หลายปีมานี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีศิษย์สายหลักเข้าร่วมฝ่ายมาร สร้างความเคียดแค้นเกลียดชังให้ผู้อื่นไม่น้อย ข้าจำเป็นต้องจัดการกับผลกรรมเหล่านี้ แต่ยิ่งรู้ลึกเท่าไรก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นเท่านั้น เวลานี้พบเรื่องใหญ่ไม่น้อยทีเดียว เพราะข้าสืบรู้มาว่าสายหลักกับสายมารของแดนบำเพ็ญต้าเยี่ยนหันมาร่วมมือกัน และพร้อมจู่โจมสำนักหยกพิสุทธิ์ของข้า!

ยามนี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้อาวุโสระดับเปลี่ยนวิญญาณสองคน ทว่าผู้อาวุโสกวนได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเหตุใดก็ยังมิล่วงรู้ ทั้งยังปิดด่านเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เฮ้อ ผู้อาวุโสหาน บางทีครานี้อาจต้องหาทางหลบหนีอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้ว!”

วันละ2ตอนเช้า-เย็น
……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี
เมื่อได้ยินคำพูดของกวนโยวกัง หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมอง

เห็นแต่กวนโยวกังกำลังเหลือบมองเขาจากบนยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปหลายลี้ อาภรณ์สีขาวโบกสะบัด ใบหน้ามั่นอกมั่นใจ

หานเจวี๋ยเปิดเขตอาคมไว้ในระหว่างฝ่าด่านเคราะห์ ดังนั้นอานุภาพกดดันของเคราะห์สวรรค์จึงไม่ได้น่ากลัวปานนั้น เป็นเหตุให้กวนโยวกังคิดว่าหานเจวี๋ยทะลวงระดับอย่างเงียบเหงา

“เฮ้อ ร้อยวันพันปีไม่มา กลับมาเอาตอนนี้”

หานเจวี๋ยส่ายหัวหลุดหัวเราะ ทำตบะให้เสถียรต่อ

สี่วันต่อมา

ตบะของหานเจวี๋ยมั่นคงสมบูรณ์ พลังวิญญาณหกสายเหนือชั้นกว่าเมื่อก่อนไปไกล

เขาลุกขึ้นมา ก้าวเท้าเหยียบย่างไปบนเวหา มุ่งหน้าไปหากวนโยวกัง

กวนโยวกังอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว

เขาคร้านจะแสดงไมตรีจิต หยิบดาบออกมาแล้วทะยานเข้าหาหานเจวี๋ยทันที

ขณะที่โบยบินไป มือทั้งสองข้างของเขาสำแดงวิชาอย่างรวดเร็ว

พลังวิญญาณทั้งร่างเคลื่อนไหว ทำให้เสื้อคลุมของเขาสั่นไหวไม่หยุด

‘ขอเพียงข้าเอาชนะเขาได้ ข้าย่อมได้เป็นเจ้าสำนักของสำนักหยกพิสุทธิ์! ถึงเวลานั้นศิษย์น้องซีเสวียนต้องยินดีแต่งงานกับข้าแน่นอน!’

ดวงตาของกวนโยวกังลุกโชน เมื่อจินตนาการถึงอนาคตที่สวยงามนั้น ทั่วทั้งร่างเขาเหมือนติดไฟก็ไม่ปาน

เขาเตรียมแสดงพลังวิเศษชั้นยอดที่เพิ่งบรรลุเมื่อไม่นานมานี้ออกมา หวังปลิดชีพอีกฝ่ายทันที!

ฟิ้ว!

เสียงแหวกอากาศดังขึ้นมา!

ปราณกระบี่!

กวนโยวกังเบิกตากว้าง คิดจะต้านไว้ตามจิตใต้สำนึก

ทว่า ปราณกระบี่นี้รวดเร็วยิ่งนัก!

เร็วจนผู้แข็งแกร่งระดับเปลี่ยนวิญญาณอย่างเขาไม่อาจตอบโต้ได้ทัน!

ฉึก!

ปราณกระบี่จากวิชาดรรชนีกระบี่เทพแทงทะลุท้องของกวนโยวกัง โจมตีพลังวิญญาณในร่างเขาจนแตกซ่าน

กวนโยวกังกระอักโลหิตตัวปลิวออกไปราวกับว่าวไร้สายป่าน ก่อนจะตกลงบนเนินเขา

เมื่อตกสู่พื้น เขารีบใช้มือกุมท้อง กระอักโลหิตออกมาอีกอย่างทนไม่ไหว

กลิ่นอายพลังทั้งร่างเขาเหือดแห้งไปในชั่วพริบตา

แห้งไปแล้ว!

“เป็นไปได้อย่างไร…”

กวนโยวกังราวถูกฟ้าผ่า ปากอ้าตาค้างจ้องไปยังหานเจวี๋ยที่กำลังเหยียบอากาศมาหาตน

หานเจวี๋ยที่สวมอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองมีบุคลิกน่าตะลึง บนศีรษะสวมมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์ รอบเอวคาดเข็มขัดเก็บสมบัติขนาดเล็ก เท้าสองข้างสวมรองเท้าวิเศษเก้าดารา ก่อนหน้านี้ระหว่างที่หานเจวี๋ยเข้าฌานอยู่ กวนโยวกังสัมผัสไม่ได้สักเท่าไร

ยามนี้เมื่อได้เห็นหานเจวี๋ยอีกครา เขารู้สึกราวกับเห็นเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์

โดยเฉพาะใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้น

หากโลกนี้มีเทพเซียนอยู่จริง

น่าจะเป็นเช่นนี้เอง

‘ช้าก่อน!

นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่’

กวนโยวกังตกใจตื่นทันควัน จากนั้นความรู้สึกพ่ายแพ้ไม่รู้จบสิ้นก็พรั่งพรูขึ้นมาในใจ

ไม่นึกว่าเพียงกระบี่เดียวของฝ่ายตรงข้ามเขาก็ยังรับมือไม่ได้…

ช่างน่าขัน…

ก่อนหน้านี้เขายังหัวเราะลั่นหมายจะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีกระบวนท่าเดียว ผลลัพธ์กลับเป็นตัวเขาเองที่ถูกโจมตีพ่ายแพ้ในหนึ่งครั้ง…

เวลานี้ กวนโยวกังอยากแทรกแผ่นดินหนีแทบทนไม่ไหว

หานเจวี๋ยลอยลงมาตรงหน้าเขา

กวนโยวกังก้มศีรษะต่ำ รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุด ไม่กล้าสบตาหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบาว่า “อย่าได้เสียใจไปเลย เจ้าน่ะแข็งแกร่งแล้ว แต่เจ้าเลือกคู่ต่อสู้พลาดไปเท่านั้น ทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์ ก็มีเพียงเจ้าที่คู่ควรให้ข้าลงมือ”

สิ้นเสียงเอ่ย หานเจวี๋ยก็หายตัวไป

กวนโยวกังอึ้งงัน

เขามิได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังคุยโว กลับพูดปลอบใจอยู่น้อยๆ เสียด้วยซ้ำ

“ผู้อาวุโสสังหารเทพ…แท้จริงแล้วท่านแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่…”

……

หานเจวี๋ยออกจากแดนหมื่นปีศาจอย่างรวดเร็ว และไม่ได้หยุดพักที่เมืองสำนักฝ่ายใน

หากแต่กลับไปยังภูเขาที่ตนฝึกบำเพ็ญอยู่

จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

ร่างของเขากะพริบหายมาปรากฏตัวที่ตีนเขา

มือขวาเริ่มร่ายวิชา จากนั้นดินพลันผุดขึ้นสูง รวมตัวกันเป็นแผ่นศิลาอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยใช้นิ้วแทนพู่กัน สลักตัวอักษรลงบนแผ่นศิลา

ตัวอักษรสี่ตัว

เพียรบำเพ็ญเซียน!

จากนี้ไปนี่คือชื่อของภูเขาลูกนี้

เขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพอใจ และกลับขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง

ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังคงฝึกฝนอยู่

สิงหงเสวียนไม่รู้ว่าไปที่ใด ไม่ได้อยู่ที่ถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยคุยกับไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นราวครึ่งชั่วยาม ก่อนจะกลับเข้าไปในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา

ตัวกระบี่เล่มนี้มีสีแดงเข้ม มีลายเส้นสีดำบางๆ ทำให้กระบี่ดูพิเศษยิ่งขึ้น

เมื่อถือกระบี่เล่มนี้ไว้ หานเจวี๋ยเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

เขาส่งพลังวิญญาณเข้าไปในกระบี่

ครืน…

ภูเขาทั้งลูกเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หานเจวี๋ยตกใจจนรีบตัดพลังวิญญาณหกสาย

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

หานเจวี๋ยตื่นเต้นยินดี

เนื่องจากเป็นของวิเศษคู่ชีวิต เขาจึงไม่จำเป็นต้องหยดเลือดตีตราเป็นเจ้าของ

ต่อจากนั้น หานเจวี๋ยจึงทดสอบแบบจำลองสถานการณ์ โดยเข้าต่อสู้กับนักพรตเต๋าจิ่วติ่ง

ครึ่งนาทีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาถอนหายใจยาวก่อนพึมพำ “ในที่สุดก็ปราบเจ้าได้ ขี้ขลาดตาขาวจริงๆ ไม่นึกว่าจะแสดงท่าร่างออกมามากมายเช่นนี้!”

ในระหว่างการต่อสู้ เขาทำให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งได้รับบาดเจ็บหนักในหนึ่งกระบี่

จากนั้นนักพรตเต๋าจิ่วติ่งก็เอาแต่หลบหลีกตลอด ยืดเวลาการต่อสู้ออกไปเรื่อยๆ

ระดับสุญตาขั้นแปด ก็มีดีแค่นี้เอง!

ความมั่นใจของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ไม่หวาดกลัวสำนักมารปีศาจกับเซียวเอ้อร์อีก

จากค่าความสัมพันธ์จะเห็นได้ว่าเซียวเอ้อร์ยังคงอยู่ระดับสุญตาขั้นสองเท่านั้น

เขาจะสังหารเซียวเอ้อร์ด้วยวิธีไหน

สังหารอย่างไร!

เมื่อนึกถึงเซียวเอ้อร์ หานเจวี๋ยก็หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งฝ่ายนั้นทันที

ต่อจากนี้หากมีเวลาก็สาปแช่งเขาแล้วกัน แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไม่กลัวเขา แต่ก็ไม่อยากให้มาเป็นอุปสรรคในการฝึกฝนของตน

สิบวันต่อมา

หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงอย่างพึงพอใจ

จากนั้นเริ่มฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถีระดับที่หก

……

หนึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุวิชาวัฏจักรหกวิถีระดับหก สามารถฝึกในระดับสุญตาได้แล้ว

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาตระหนักรู้พลังวิเศษพลังใหม่

ตราประทับหกวิถี!

ตราประทับนี้เมื่อประทับลงบนร่างศัตรู จะสามารถทำลายดวงจิตของศัตรูได้โดยตรง!

ร่างกายยังไม่ทันสูญสลาย แต่ดวงจิตถูกทำลายก่อนแล้ว

นี่คือพลังวิเศษที่ใช้เป็นท่าไม้ตายได้!

หานเจวี๋ยบิดขี้เกียจ ทอดถอนใจเอ่ยว่า “เป็นอีกวันที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น”

เขายังไม่รีบเร่งฝึกฝนต่อ จึงกดเปิดค่าความสัมพันธ์ตรวจดูจดหมายสักหน่อย

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเหล่าสหายของเขาบ้างหรือไม่

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกภูตบำเพ็ญลอบโจมตี] x12

[ซูฉีศิษย์ของท่านสังหารสิ่งมีชีวิตยอดรวมนับหมื่นพัน แรงกรรมเพิ่มพูน]

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x58

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญฝ่ายธรรมะ] x44

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญของท่านไปจากแดนมนุษย์]

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านสังหารศัตรูฝ่ายหนึ่ง แรงกรรมมหันต์]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านหลงเข้าไปในแดนลึกลับบรรพกาล เป็นตายร้ายดีไม่แน่ชัด]

……

หือ?

เวลาเพียงหนึ่งปีก็เกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้เลย?

หานเจวี๋ยกะพริบตาปริบๆ

ได้!

ใครหน้าไหนมาโจมตีเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์อีก

ฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรมคิดจะก่อกบฏหรือ?

โม่ฟู่โฉวเลือกเดินทางที่ไม่อาจหวนกลับแล้ว?

และสิงหงเสวียน…

เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาแท้ๆ เหตุใดจึงมักได้ครอบครองของวิเศษหรือพบเจอโชควาสนา?

หรือเป็นเพราะได้รับพลังจากดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียนของข้า?

หานเจวี๋ยจินตนาการไปต่างๆ นานา

ผ่านไปสักพัก

หานเจวี๋ยจึงหันมาเริ่มฝึกฝนต่อ

แม้แดนบำเพ็ญพรตจะมหัศจรรย์เพียงใด เขาก็ยังไม่อยากย่างเท้าเข้าไปที่นั่นในตอนนี้

สำนักหยกพิสุทธิ์มีนักพรตเต๋าจิ่วติ่งคอยหนุนหลัง สำนักอื่นก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน

แค่ระดับสุญตาอย่างเดียวคงยังไม่พอ

โจวฝานผู้บำเพ็ญระดับมหายานที่กลับชาติมาเกิดยังไม่พ้นทุกข์เลย

หานเจวี๋ยฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น ปรารถนาที่จะบรรลุระดับรวมกายาภายในหนึ่งร้อยปี!

……

สองปีต่อมา

หลี่ชิงจื่อเดินทางมาเยี่ยมเยียน

หานเจวี๋ยพาเขาเข้าไปในถ้ำเทวา สีหน้าของหลี่จื่อชิงเต็มไปด้วยความอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจซึ่งมักฉายชัดเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน

ดูเหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

หานเจวี๋ยถอนหายใจก่อนกล่าว “เจ้าสำนัก ท่านไม่ก่อเรื่องสักวันไม่ได้หรือ บำเพ็ญเพียรเงียบๆ สักร้อยปีได้ไม่ได้หรืออย่างไร”

หลี่ชิงจื่อทำท่าทางลังเล ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างจนใจ “ข้าเป็นเจ้าสำนัก หลายสิ่งหลายอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของข้า หลายปีมานี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีศิษย์สายหลักเข้าร่วมฝ่ายมาร สร้างความเคียดแค้นเกลียดชังให้ผู้อื่นไม่น้อย ข้าจำเป็นต้องจัดการกับผลกรรมเหล่านี้ แต่ยิ่งรู้ลึกเท่าไรก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นเท่านั้น เวลานี้พบเรื่องใหญ่ไม่น้อยทีเดียว เพราะข้าสืบรู้มาว่าสายหลักกับสายมารของแดนบำเพ็ญต้าเยี่ยนหันมาร่วมมือกัน และพร้อมจู่โจมสำนักหยกพิสุทธิ์ของข้า!

ยามนี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้อาวุโสระดับเปลี่ยนวิญญาณสองคน ทว่าผู้อาวุโสกวนได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเหตุใดก็ยังมิล่วงรู้ ทั้งยังปิดด่านเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เฮ้อ ผู้อาวุโสหาน บางทีครานี้อาจต้องหาทางหลบหนีอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้ว!”

วันละ2ตอนเช้า-เย็น
……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี
เมื่อได้ยินคำพูดของกวนโยวกัง หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมอง

เห็นแต่กวนโยวกังกำลังเหลือบมองเขาจากบนยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปหลายลี้ อาภรณ์สีขาวโบกสะบัด ใบหน้ามั่นอกมั่นใจ

หานเจวี๋ยเปิดเขตอาคมไว้ในระหว่างฝ่าด่านเคราะห์ ดังนั้นอานุภาพกดดันของเคราะห์สวรรค์จึงไม่ได้น่ากลัวปานนั้น เป็นเหตุให้กวนโยวกังคิดว่าหานเจวี๋ยทะลวงระดับอย่างเงียบเหงา

“เฮ้อ ร้อยวันพันปีไม่มา กลับมาเอาตอนนี้”

หานเจวี๋ยส่ายหัวหลุดหัวเราะ ทำตบะให้เสถียรต่อ

สี่วันต่อมา

ตบะของหานเจวี๋ยมั่นคงสมบูรณ์ พลังวิญญาณหกสายเหนือชั้นกว่าเมื่อก่อนไปไกล

เขาลุกขึ้นมา ก้าวเท้าเหยียบย่างไปบนเวหา มุ่งหน้าไปหากวนโยวกัง

กวนโยวกังอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว

เขาคร้านจะแสดงไมตรีจิต หยิบดาบออกมาแล้วทะยานเข้าหาหานเจวี๋ยทันที

ขณะที่โบยบินไป มือทั้งสองข้างของเขาสำแดงวิชาอย่างรวดเร็ว

พลังวิญญาณทั้งร่างเคลื่อนไหว ทำให้เสื้อคลุมของเขาสั่นไหวไม่หยุด

‘ขอเพียงข้าเอาชนะเขาได้ ข้าย่อมได้เป็นเจ้าสำนักของสำนักหยกพิสุทธิ์! ถึงเวลานั้นศิษย์น้องซีเสวียนต้องยินดีแต่งงานกับข้าแน่นอน!’

ดวงตาของกวนโยวกังลุกโชน เมื่อจินตนาการถึงอนาคตที่สวยงามนั้น ทั่วทั้งร่างเขาเหมือนติดไฟก็ไม่ปาน

เขาเตรียมแสดงพลังวิเศษชั้นยอดที่เพิ่งบรรลุเมื่อไม่นานมานี้ออกมา หวังปลิดชีพอีกฝ่ายทันที!

ฟิ้ว!

เสียงแหวกอากาศดังขึ้นมา!

ปราณกระบี่!

กวนโยวกังเบิกตากว้าง คิดจะต้านไว้ตามจิตใต้สำนึก

ทว่า ปราณกระบี่นี้รวดเร็วยิ่งนัก!

เร็วจนผู้แข็งแกร่งระดับเปลี่ยนวิญญาณอย่างเขาไม่อาจตอบโต้ได้ทัน!

ฉึก!

ปราณกระบี่จากวิชาดรรชนีกระบี่เทพแทงทะลุท้องของกวนโยวกัง โจมตีพลังวิญญาณในร่างเขาจนแตกซ่าน

กวนโยวกังกระอักโลหิตตัวปลิวออกไปราวกับว่าวไร้สายป่าน ก่อนจะตกลงบนเนินเขา

เมื่อตกสู่พื้น เขารีบใช้มือกุมท้อง กระอักโลหิตออกมาอีกอย่างทนไม่ไหว

กลิ่นอายพลังทั้งร่างเขาเหือดแห้งไปในชั่วพริบตา

แห้งไปแล้ว!

“เป็นไปได้อย่างไร…”

กวนโยวกังราวถูกฟ้าผ่า ปากอ้าตาค้างจ้องไปยังหานเจวี๋ยที่กำลังเหยียบอากาศมาหาตน

หานเจวี๋ยที่สวมอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองมีบุคลิกน่าตะลึง บนศีรษะสวมมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์ รอบเอวคาดเข็มขัดเก็บสมบัติขนาดเล็ก เท้าสองข้างสวมรองเท้าวิเศษเก้าดารา ก่อนหน้านี้ระหว่างที่หานเจวี๋ยเข้าฌานอยู่ กวนโยวกังสัมผัสไม่ได้สักเท่าไร

ยามนี้เมื่อได้เห็นหานเจวี๋ยอีกครา เขารู้สึกราวกับเห็นเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์

โดยเฉพาะใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้น

หากโลกนี้มีเทพเซียนอยู่จริง

น่าจะเป็นเช่นนี้เอง

‘ช้าก่อน!

นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่’

กวนโยวกังตกใจตื่นทันควัน จากนั้นความรู้สึกพ่ายแพ้ไม่รู้จบสิ้นก็พรั่งพรูขึ้นมาในใจ

ไม่นึกว่าเพียงกระบี่เดียวของฝ่ายตรงข้ามเขาก็ยังรับมือไม่ได้…

ช่างน่าขัน…

ก่อนหน้านี้เขายังหัวเราะลั่นหมายจะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีกระบวนท่าเดียว ผลลัพธ์กลับเป็นตัวเขาเองที่ถูกโจมตีพ่ายแพ้ในหนึ่งครั้ง…

เวลานี้ กวนโยวกังอยากแทรกแผ่นดินหนีแทบทนไม่ไหว

หานเจวี๋ยลอยลงมาตรงหน้าเขา

กวนโยวกังก้มศีรษะต่ำ รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุด ไม่กล้าสบตาหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบาว่า “อย่าได้เสียใจไปเลย เจ้าน่ะแข็งแกร่งแล้ว แต่เจ้าเลือกคู่ต่อสู้พลาดไปเท่านั้น ทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์ ก็มีเพียงเจ้าที่คู่ควรให้ข้าลงมือ”

สิ้นเสียงเอ่ย หานเจวี๋ยก็หายตัวไป

กวนโยวกังอึ้งงัน

เขามิได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังคุยโว กลับพูดปลอบใจอยู่น้อยๆ เสียด้วยซ้ำ

“ผู้อาวุโสสังหารเทพ…แท้จริงแล้วท่านแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่…”

……

หานเจวี๋ยออกจากแดนหมื่นปีศาจอย่างรวดเร็ว และไม่ได้หยุดพักที่เมืองสำนักฝ่ายใน

หากแต่กลับไปยังภูเขาที่ตนฝึกบำเพ็ญอยู่

จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

ร่างของเขากะพริบหายมาปรากฏตัวที่ตีนเขา

มือขวาเริ่มร่ายวิชา จากนั้นดินพลันผุดขึ้นสูง รวมตัวกันเป็นแผ่นศิลาอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยใช้นิ้วแทนพู่กัน สลักตัวอักษรลงบนแผ่นศิลา

ตัวอักษรสี่ตัว

เพียรบำเพ็ญเซียน!

จากนี้ไปนี่คือชื่อของภูเขาลูกนี้

เขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพอใจ และกลับขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง

ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังคงฝึกฝนอยู่

สิงหงเสวียนไม่รู้ว่าไปที่ใด ไม่ได้อยู่ที่ถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยคุยกับไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นราวครึ่งชั่วยาม ก่อนจะกลับเข้าไปในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา

ตัวกระบี่เล่มนี้มีสีแดงเข้ม มีลายเส้นสีดำบางๆ ทำให้กระบี่ดูพิเศษยิ่งขึ้น

เมื่อถือกระบี่เล่มนี้ไว้ หานเจวี๋ยเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

เขาส่งพลังวิญญาณเข้าไปในกระบี่

ครืน…

ภูเขาทั้งลูกเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หานเจวี๋ยตกใจจนรีบตัดพลังวิญญาณหกสาย

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

หานเจวี๋ยตื่นเต้นยินดี

เนื่องจากเป็นของวิเศษคู่ชีวิต เขาจึงไม่จำเป็นต้องหยดเลือดตีตราเป็นเจ้าของ

ต่อจากนั้น หานเจวี๋ยจึงทดสอบแบบจำลองสถานการณ์ โดยเข้าต่อสู้กับนักพรตเต๋าจิ่วติ่ง

ครึ่งนาทีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาถอนหายใจยาวก่อนพึมพำ “ในที่สุดก็ปราบเจ้าได้ ขี้ขลาดตาขาวจริงๆ ไม่นึกว่าจะแสดงท่าร่างออกมามากมายเช่นนี้!”

ในระหว่างการต่อสู้ เขาทำให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งได้รับบาดเจ็บหนักในหนึ่งกระบี่

จากนั้นนักพรตเต๋าจิ่วติ่งก็เอาแต่หลบหลีกตลอด ยืดเวลาการต่อสู้ออกไปเรื่อยๆ

ระดับสุญตาขั้นแปด ก็มีดีแค่นี้เอง!

ความมั่นใจของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ไม่หวาดกลัวสำนักมารปีศาจกับเซียวเอ้อร์อีก

จากค่าความสัมพันธ์จะเห็นได้ว่าเซียวเอ้อร์ยังคงอยู่ระดับสุญตาขั้นสองเท่านั้น

เขาจะสังหารเซียวเอ้อร์ด้วยวิธีไหน

สังหารอย่างไร!

เมื่อนึกถึงเซียวเอ้อร์ หานเจวี๋ยก็หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งฝ่ายนั้นทันที

ต่อจากนี้หากมีเวลาก็สาปแช่งเขาแล้วกัน แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไม่กลัวเขา แต่ก็ไม่อยากให้มาเป็นอุปสรรคในการฝึกฝนของตน

สิบวันต่อมา

หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงอย่างพึงพอใจ

จากนั้นเริ่มฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถีระดับที่หก

……

หนึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุวิชาวัฏจักรหกวิถีระดับหก สามารถฝึกในระดับสุญตาได้แล้ว

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาตระหนักรู้พลังวิเศษพลังใหม่

ตราประทับหกวิถี!

ตราประทับนี้เมื่อประทับลงบนร่างศัตรู จะสามารถทำลายดวงจิตของศัตรูได้โดยตรง!

ร่างกายยังไม่ทันสูญสลาย แต่ดวงจิตถูกทำลายก่อนแล้ว

นี่คือพลังวิเศษที่ใช้เป็นท่าไม้ตายได้!

หานเจวี๋ยบิดขี้เกียจ ทอดถอนใจเอ่ยว่า “เป็นอีกวันที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น”

เขายังไม่รีบเร่งฝึกฝนต่อ จึงกดเปิดค่าความสัมพันธ์ตรวจดูจดหมายสักหน่อย

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเหล่าสหายของเขาบ้างหรือไม่

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกภูตบำเพ็ญลอบโจมตี] x12

[ซูฉีศิษย์ของท่านสังหารสิ่งมีชีวิตยอดรวมนับหมื่นพัน แรงกรรมเพิ่มพูน]

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x58

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญฝ่ายธรรมะ] x44

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญของท่านไปจากแดนมนุษย์]

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านสังหารศัตรูฝ่ายหนึ่ง แรงกรรมมหันต์]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านหลงเข้าไปในแดนลึกลับบรรพกาล เป็นตายร้ายดีไม่แน่ชัด]

……

หือ?

เวลาเพียงหนึ่งปีก็เกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้เลย?

หานเจวี๋ยกะพริบตาปริบๆ

ได้!

ใครหน้าไหนมาโจมตีเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์อีก

ฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรมคิดจะก่อกบฏหรือ?

โม่ฟู่โฉวเลือกเดินทางที่ไม่อาจหวนกลับแล้ว?

และสิงหงเสวียน…

เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาแท้ๆ เหตุใดจึงมักได้ครอบครองของวิเศษหรือพบเจอโชควาสนา?

หรือเป็นเพราะได้รับพลังจากดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียนของข้า?

หานเจวี๋ยจินตนาการไปต่างๆ นานา

ผ่านไปสักพัก

หานเจวี๋ยจึงหันมาเริ่มฝึกฝนต่อ

แม้แดนบำเพ็ญพรตจะมหัศจรรย์เพียงใด เขาก็ยังไม่อยากย่างเท้าเข้าไปที่นั่นในตอนนี้

สำนักหยกพิสุทธิ์มีนักพรตเต๋าจิ่วติ่งคอยหนุนหลัง สำนักอื่นก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน

แค่ระดับสุญตาอย่างเดียวคงยังไม่พอ

โจวฝานผู้บำเพ็ญระดับมหายานที่กลับชาติมาเกิดยังไม่พ้นทุกข์เลย

หานเจวี๋ยฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น ปรารถนาที่จะบรรลุระดับรวมกายาภายในหนึ่งร้อยปี!

……

สองปีต่อมา

หลี่ชิงจื่อเดินทางมาเยี่ยมเยียน

หานเจวี๋ยพาเขาเข้าไปในถ้ำเทวา สีหน้าของหลี่จื่อชิงเต็มไปด้วยความอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจซึ่งมักฉายชัดเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน

ดูเหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

หานเจวี๋ยถอนหายใจก่อนกล่าว “เจ้าสำนัก ท่านไม่ก่อเรื่องสักวันไม่ได้หรือ บำเพ็ญเพียรเงียบๆ สักร้อยปีได้ไม่ได้หรืออย่างไร”

หลี่ชิงจื่อทำท่าทางลังเล ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างจนใจ “ข้าเป็นเจ้าสำนัก หลายสิ่งหลายอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของข้า หลายปีมานี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีศิษย์สายหลักเข้าร่วมฝ่ายมาร สร้างความเคียดแค้นเกลียดชังให้ผู้อื่นไม่น้อย ข้าจำเป็นต้องจัดการกับผลกรรมเหล่านี้ แต่ยิ่งรู้ลึกเท่าไรก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นเท่านั้น เวลานี้พบเรื่องใหญ่ไม่น้อยทีเดียว เพราะข้าสืบรู้มาว่าสายหลักกับสายมารของแดนบำเพ็ญต้าเยี่ยนหันมาร่วมมือกัน และพร้อมจู่โจมสำนักหยกพิสุทธิ์ของข้า!

ยามนี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้อาวุโสระดับเปลี่ยนวิญญาณสองคน ทว่าผู้อาวุโสกวนได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเหตุใดก็ยังมิล่วงรู้ ทั้งยังปิดด่านเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เฮ้อ ผู้อาวุโสหาน บางทีครานี้อาจต้องหาทางหลบหนีอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้ว!”

วันละ2ตอนเช้า-เย็น
……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 61 แดนบำเพ็ญพรตที่น่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักคิดหาทางหลบหนี
เมื่อได้ยินคำพูดของกวนโยวกัง หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมอง

เห็นแต่กวนโยวกังกำลังเหลือบมองเขาจากบนยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปหลายลี้ อาภรณ์สีขาวโบกสะบัด ใบหน้ามั่นอกมั่นใจ

หานเจวี๋ยเปิดเขตอาคมไว้ในระหว่างฝ่าด่านเคราะห์ ดังนั้นอานุภาพกดดันของเคราะห์สวรรค์จึงไม่ได้น่ากลัวปานนั้น เป็นเหตุให้กวนโยวกังคิดว่าหานเจวี๋ยทะลวงระดับอย่างเงียบเหงา

“เฮ้อ ร้อยวันพันปีไม่มา กลับมาเอาตอนนี้”

หานเจวี๋ยส่ายหัวหลุดหัวเราะ ทำตบะให้เสถียรต่อ

สี่วันต่อมา

ตบะของหานเจวี๋ยมั่นคงสมบูรณ์ พลังวิญญาณหกสายเหนือชั้นกว่าเมื่อก่อนไปไกล

เขาลุกขึ้นมา ก้าวเท้าเหยียบย่างไปบนเวหา มุ่งหน้าไปหากวนโยวกัง

กวนโยวกังอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว

เขาคร้านจะแสดงไมตรีจิต หยิบดาบออกมาแล้วทะยานเข้าหาหานเจวี๋ยทันที

ขณะที่โบยบินไป มือทั้งสองข้างของเขาสำแดงวิชาอย่างรวดเร็ว

พลังวิญญาณทั้งร่างเคลื่อนไหว ทำให้เสื้อคลุมของเขาสั่นไหวไม่หยุด

‘ขอเพียงข้าเอาชนะเขาได้ ข้าย่อมได้เป็นเจ้าสำนักของสำนักหยกพิสุทธิ์! ถึงเวลานั้นศิษย์น้องซีเสวียนต้องยินดีแต่งงานกับข้าแน่นอน!’

ดวงตาของกวนโยวกังลุกโชน เมื่อจินตนาการถึงอนาคตที่สวยงามนั้น ทั่วทั้งร่างเขาเหมือนติดไฟก็ไม่ปาน

เขาเตรียมแสดงพลังวิเศษชั้นยอดที่เพิ่งบรรลุเมื่อไม่นานมานี้ออกมา หวังปลิดชีพอีกฝ่ายทันที!

ฟิ้ว!

เสียงแหวกอากาศดังขึ้นมา!

ปราณกระบี่!

กวนโยวกังเบิกตากว้าง คิดจะต้านไว้ตามจิตใต้สำนึก

ทว่า ปราณกระบี่นี้รวดเร็วยิ่งนัก!

เร็วจนผู้แข็งแกร่งระดับเปลี่ยนวิญญาณอย่างเขาไม่อาจตอบโต้ได้ทัน!

ฉึก!

ปราณกระบี่จากวิชาดรรชนีกระบี่เทพแทงทะลุท้องของกวนโยวกัง โจมตีพลังวิญญาณในร่างเขาจนแตกซ่าน

กวนโยวกังกระอักโลหิตตัวปลิวออกไปราวกับว่าวไร้สายป่าน ก่อนจะตกลงบนเนินเขา

เมื่อตกสู่พื้น เขารีบใช้มือกุมท้อง กระอักโลหิตออกมาอีกอย่างทนไม่ไหว

กลิ่นอายพลังทั้งร่างเขาเหือดแห้งไปในชั่วพริบตา

แห้งไปแล้ว!

“เป็นไปได้อย่างไร…”

กวนโยวกังราวถูกฟ้าผ่า ปากอ้าตาค้างจ้องไปยังหานเจวี๋ยที่กำลังเหยียบอากาศมาหาตน

หานเจวี๋ยที่สวมอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองมีบุคลิกน่าตะลึง บนศีรษะสวมมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์ รอบเอวคาดเข็มขัดเก็บสมบัติขนาดเล็ก เท้าสองข้างสวมรองเท้าวิเศษเก้าดารา ก่อนหน้านี้ระหว่างที่หานเจวี๋ยเข้าฌานอยู่ กวนโยวกังสัมผัสไม่ได้สักเท่าไร

ยามนี้เมื่อได้เห็นหานเจวี๋ยอีกครา เขารู้สึกราวกับเห็นเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์

โดยเฉพาะใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้น

หากโลกนี้มีเทพเซียนอยู่จริง

น่าจะเป็นเช่นนี้เอง

‘ช้าก่อน!

นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่’

กวนโยวกังตกใจตื่นทันควัน จากนั้นความรู้สึกพ่ายแพ้ไม่รู้จบสิ้นก็พรั่งพรูขึ้นมาในใจ

ไม่นึกว่าเพียงกระบี่เดียวของฝ่ายตรงข้ามเขาก็ยังรับมือไม่ได้…

ช่างน่าขัน…

ก่อนหน้านี้เขายังหัวเราะลั่นหมายจะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีกระบวนท่าเดียว ผลลัพธ์กลับเป็นตัวเขาเองที่ถูกโจมตีพ่ายแพ้ในหนึ่งครั้ง…

เวลานี้ กวนโยวกังอยากแทรกแผ่นดินหนีแทบทนไม่ไหว

หานเจวี๋ยลอยลงมาตรงหน้าเขา

กวนโยวกังก้มศีรษะต่ำ รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุด ไม่กล้าสบตาหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบาว่า “อย่าได้เสียใจไปเลย เจ้าน่ะแข็งแกร่งแล้ว แต่เจ้าเลือกคู่ต่อสู้พลาดไปเท่านั้น ทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์ ก็มีเพียงเจ้าที่คู่ควรให้ข้าลงมือ”

สิ้นเสียงเอ่ย หานเจวี๋ยก็หายตัวไป

กวนโยวกังอึ้งงัน

เขามิได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังคุยโว กลับพูดปลอบใจอยู่น้อยๆ เสียด้วยซ้ำ

“ผู้อาวุโสสังหารเทพ…แท้จริงแล้วท่านแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่…”

……

หานเจวี๋ยออกจากแดนหมื่นปีศาจอย่างรวดเร็ว และไม่ได้หยุดพักที่เมืองสำนักฝ่ายใน

หากแต่กลับไปยังภูเขาที่ตนฝึกบำเพ็ญอยู่

จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

ร่างของเขากะพริบหายมาปรากฏตัวที่ตีนเขา

มือขวาเริ่มร่ายวิชา จากนั้นดินพลันผุดขึ้นสูง รวมตัวกันเป็นแผ่นศิลาอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยใช้นิ้วแทนพู่กัน สลักตัวอักษรลงบนแผ่นศิลา

ตัวอักษรสี่ตัว

เพียรบำเพ็ญเซียน!

จากนี้ไปนี่คือชื่อของภูเขาลูกนี้

เขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพอใจ และกลับขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง

ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังคงฝึกฝนอยู่

สิงหงเสวียนไม่รู้ว่าไปที่ใด ไม่ได้อยู่ที่ถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยคุยกับไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นราวครึ่งชั่วยาม ก่อนจะกลับเข้าไปในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา

ตัวกระบี่เล่มนี้มีสีแดงเข้ม มีลายเส้นสีดำบางๆ ทำให้กระบี่ดูพิเศษยิ่งขึ้น

เมื่อถือกระบี่เล่มนี้ไว้ หานเจวี๋ยเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

เขาส่งพลังวิญญาณเข้าไปในกระบี่

ครืน…

ภูเขาทั้งลูกเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หานเจวี๋ยตกใจจนรีบตัดพลังวิญญาณหกสาย

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

หานเจวี๋ยตื่นเต้นยินดี

เนื่องจากเป็นของวิเศษคู่ชีวิต เขาจึงไม่จำเป็นต้องหยดเลือดตีตราเป็นเจ้าของ

ต่อจากนั้น หานเจวี๋ยจึงทดสอบแบบจำลองสถานการณ์ โดยเข้าต่อสู้กับนักพรตเต๋าจิ่วติ่ง

ครึ่งนาทีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาถอนหายใจยาวก่อนพึมพำ “ในที่สุดก็ปราบเจ้าได้ ขี้ขลาดตาขาวจริงๆ ไม่นึกว่าจะแสดงท่าร่างออกมามากมายเช่นนี้!”

ในระหว่างการต่อสู้ เขาทำให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งได้รับบาดเจ็บหนักในหนึ่งกระบี่

จากนั้นนักพรตเต๋าจิ่วติ่งก็เอาแต่หลบหลีกตลอด ยืดเวลาการต่อสู้ออกไปเรื่อยๆ

ระดับสุญตาขั้นแปด ก็มีดีแค่นี้เอง!

ความมั่นใจของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ไม่หวาดกลัวสำนักมารปีศาจกับเซียวเอ้อร์อีก

จากค่าความสัมพันธ์จะเห็นได้ว่าเซียวเอ้อร์ยังคงอยู่ระดับสุญตาขั้นสองเท่านั้น

เขาจะสังหารเซียวเอ้อร์ด้วยวิธีไหน

สังหารอย่างไร!

เมื่อนึกถึงเซียวเอ้อร์ หานเจวี๋ยก็หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งฝ่ายนั้นทันที

ต่อจากนี้หากมีเวลาก็สาปแช่งเขาแล้วกัน แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไม่กลัวเขา แต่ก็ไม่อยากให้มาเป็นอุปสรรคในการฝึกฝนของตน

สิบวันต่อมา

หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงอย่างพึงพอใจ

จากนั้นเริ่มฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถีระดับที่หก

……

หนึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุวิชาวัฏจักรหกวิถีระดับหก สามารถฝึกในระดับสุญตาได้แล้ว

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาตระหนักรู้พลังวิเศษพลังใหม่

ตราประทับหกวิถี!

ตราประทับนี้เมื่อประทับลงบนร่างศัตรู จะสามารถทำลายดวงจิตของศัตรูได้โดยตรง!

ร่างกายยังไม่ทันสูญสลาย แต่ดวงจิตถูกทำลายก่อนแล้ว

นี่คือพลังวิเศษที่ใช้เป็นท่าไม้ตายได้!

หานเจวี๋ยบิดขี้เกียจ ทอดถอนใจเอ่ยว่า “เป็นอีกวันที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น”

เขายังไม่รีบเร่งฝึกฝนต่อ จึงกดเปิดค่าความสัมพันธ์ตรวจดูจดหมายสักหน่อย

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเหล่าสหายของเขาบ้างหรือไม่

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกภูตบำเพ็ญลอบโจมตี] x12

[ซูฉีศิษย์ของท่านสังหารสิ่งมีชีวิตยอดรวมนับหมื่นพัน แรงกรรมเพิ่มพูน]

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x58

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญฝ่ายธรรมะ] x44

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญของท่านไปจากแดนมนุษย์]

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านสังหารศัตรูฝ่ายหนึ่ง แรงกรรมมหันต์]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านหลงเข้าไปในแดนลึกลับบรรพกาล เป็นตายร้ายดีไม่แน่ชัด]

……

หือ?

เวลาเพียงหนึ่งปีก็เกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้เลย?

หานเจวี๋ยกะพริบตาปริบๆ

ได้!

ใครหน้าไหนมาโจมตีเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์อีก

ฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรมคิดจะก่อกบฏหรือ?

โม่ฟู่โฉวเลือกเดินทางที่ไม่อาจหวนกลับแล้ว?

และสิงหงเสวียน…

เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาแท้ๆ เหตุใดจึงมักได้ครอบครองของวิเศษหรือพบเจอโชควาสนา?

หรือเป็นเพราะได้รับพลังจากดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียนของข้า?

หานเจวี๋ยจินตนาการไปต่างๆ นานา

ผ่านไปสักพัก

หานเจวี๋ยจึงหันมาเริ่มฝึกฝนต่อ

แม้แดนบำเพ็ญพรตจะมหัศจรรย์เพียงใด เขาก็ยังไม่อยากย่างเท้าเข้าไปที่นั่นในตอนนี้

สำนักหยกพิสุทธิ์มีนักพรตเต๋าจิ่วติ่งคอยหนุนหลัง สำนักอื่นก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน

แค่ระดับสุญตาอย่างเดียวคงยังไม่พอ

โจวฝานผู้บำเพ็ญระดับมหายานที่กลับชาติมาเกิดยังไม่พ้นทุกข์เลย

หานเจวี๋ยฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น ปรารถนาที่จะบรรลุระดับรวมกายาภายในหนึ่งร้อยปี!

……

สองปีต่อมา

หลี่ชิงจื่อเดินทางมาเยี่ยมเยียน

หานเจวี๋ยพาเขาเข้าไปในถ้ำเทวา สีหน้าของหลี่จื่อชิงเต็มไปด้วยความอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจซึ่งมักฉายชัดเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน

ดูเหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

หานเจวี๋ยถอนหายใจก่อนกล่าว “เจ้าสำนัก ท่านไม่ก่อเรื่องสักวันไม่ได้หรือ บำเพ็ญเพียรเงียบๆ สักร้อยปีได้ไม่ได้หรืออย่างไร”

หลี่ชิงจื่อทำท่าทางลังเล ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างจนใจ “ข้าเป็นเจ้าสำนัก หลายสิ่งหลายอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของข้า หลายปีมานี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีศิษย์สายหลักเข้าร่วมฝ่ายมาร สร้างความเคียดแค้นเกลียดชังให้ผู้อื่นไม่น้อย ข้าจำเป็นต้องจัดการกับผลกรรมเหล่านี้ แต่ยิ่งรู้ลึกเท่าไรก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นเท่านั้น เวลานี้พบเรื่องใหญ่ไม่น้อยทีเดียว เพราะข้าสืบรู้มาว่าสายหลักกับสายมารของแดนบำเพ็ญต้าเยี่ยนหันมาร่วมมือกัน และพร้อมจู่โจมสำนักหยกพิสุทธิ์ของข้า!

ยามนี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้อาวุโสระดับเปลี่ยนวิญญาณสองคน ทว่าผู้อาวุโสกวนได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเหตุใดก็ยังมิล่วงรู้ ทั้งยังปิดด่านเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เฮ้อ ผู้อาวุโสหาน บางทีครานี้อาจต้องหาทางหลบหนีอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้ว!”

วันละ2ตอนเช้า-เย็น
……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+