ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 176 เทพปีศาจเอ้อไหล

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 176 เทพปีศาจเอ้อไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 176 เทพปีศาจเอ้อไหล

จี้เซียนเสินมองไปทางดวงตาแดงฉานที่อยู่ท่ามกลางเมฆอัสนีข้างนั้น หัวใจเต้นแรงขึ้น

ในใจของเขามีเสียงหนึ่งบอกว่าให้รีบหนี!

ฟางเหลียงก็ตกใจเช่นกัน เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มศีรษะ

บรรดาราชาปีศาจได้ยินแล้วก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสของเผ่าปีศาจนี่เอง

“ผู้อาวุโส มนุษย์สองคนนี้สังหารเผ่าปีศาจเราอย่างกำเริบเสิบสาน ท่านจะต้องสนับสนุนพวกเรานะ!”

“ปีศาจประหลาดที่ตายด้วยน้ำมือของพวกมันมีมากมายนับไม่ถ้วนเลย!”

“ผู้อาวุโส รีบสังหารพวกมันเสีย!”

“ใช่แล้ว!”

ราชาปีศาจหลายตนตะโกนพร้อมกัน

ดวงตายักษ์แดงฉานปราดมองไปทางพวกมันในฉับพลัน จากนั้นพายุคลั่งก็ม้วนตัวขึ้นจากพื้น ราชาปีศาจหลายตนถูกม้วนขึ้นไปบนฟ้าทันที พวกมันดิ้นรนสุดแรงแต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่นานก็ถูกม้วนเข้าไปในดวงตายักษ์สีแดงฉานนั้น

ฟางเหลียงกับจี้เซียนเสินยืนอึ้ง

นี่มันเรื่องอะไรกัน

ดวงตายักษ์แดงฉานหลับตาลง

ฟางเหลียงหมุนตัวหนีในทันที จี้เซียนเสินตามหลังไปติดๆ

ทั้งสองคนเหาะเร็วมาก พริบตาเดียวก็หายลับไปตรงขอบฟ้า

เมฆครึ้มบนท้องนภาปกคลุมพื้นที่กว้างไกล ราวกับว่าแดนปีศาจทั้งหมดถูกเมฆครึ้มปกคลุมไว้

อานุภาพกดดันอันน่าหวาดกลัวนั้นแผ่ขยายไปในฟ้าดิน

“ท่านบอกว่าในแดนปีศาจแข็งแกร่งสุดก็แค่ระดับมหายานมิใช่หรือ เหตุใดท่านถึงหนีล่ะ”

ฟางเหลียงกล่าวด้วยความโมโห ไหนบอกว่าจะปกป้องข้าอย่างไรเล่า

จี้เซียนเสินกัดฟันกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “ฝ่ายตรงข้ามมาจากโลกเบื้องบน ข้าไร้คู่ต่อกรแค่ในโลกมนุษย์ ศัตรูมาจากบนฟ้า ข้าจะสู้ได้อย่างไร”

ฟางเหลียงนิ่งเงียบ ทำได้แค่บินมุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น

“พวกเจ้าคิดจะหนีไปไหน”

เสียงเย็นเยือกก่อนหน้านี้ดังมาจากด้านหลัง

ฟางเหลียงและจี้เซียนเสินต่างหน้าถอดสี พายุรุนแรงพลันโจมตีเข้ามา

ฟางเหลียงหันกลับไปมองตามจิตใต้สำนึก ก่อนถูกพายุแรงกล้าโจมตีจนกระอักเลือดกระเด็นออกไป เขาหล่นลงบนผืนดินรกร้าง ฝุ่นฟุ้งตลบตลอดทาง

จี้เซียนเสินหมุนตัวไป ยกมือทั้งสองระเบิดอัสนีบาตจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่ว

เขารู้ดีว่าตนเองหนีไม่พ้น ถ้าอย่างนั้นก็สู้!

“ฮึ! เฉาเชาสังหารเทพเซียนจากสวรรค์เบื้องบนได้ เหตุใดข้าจะทำไม่ได้”

จี้เซียนเสินกัดฟัน จ้องมองออกไป

เห็นเพียงมารปีศาจรูปร่างสูงใหญ่ที่มีหัวเป็นพยัคฆ์ร่างเป็นมนุษย์ตนหนึ่งกำลังเหยียบเมฆปีศาจบุกเข้ามา กรงเล็บทั้งสองของมารปีศาจตนนี้คล้ายเล็บลิง หางเหมือนหางวัว มีปีกอยู่ตรงหลัง แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

จี้เซียนเสินขมวดคิ้วแอบกล่าว “เป็นการผสานร่างของราชาปีศาจหลายตนก่อนหน้านี้หรือ”

เขารู้สึกคลื่นเหียนอย่างอดไม่ได้

ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจตนนี้โหดเหี้ยมกับสหายร่วมเผ่าของตนเองเช่นนี้ คำพูดเมื่อครู่ยังดูเหมือนจะออกหน้าให้เผ่าปีศาจอยู่เลย

ตอนนี้ดูท่าทางแล้ว ฝ่ายตรงข้ามต้องการพุ่งเป้ามาที่พวกเขาสองคน!

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำก็มีโลกเบื้องบนคอยหนุนหลังจริงๆ ด้วย!

“ท่านจะไม่บอกนามหน่อยหรือ” จี้เซียนเสินตะโกนเสียงสูง

มารปีศาจร่างสูงใหญ่แค่นเสียงหยันตอบกลับ “มนุษย์ธรรมดาคู่ควรรู้ชื่อข้ารึ”

เขาซัดหนึ่งฝ่ามือไปทางจี้เซียนเสิน พลังเวทน่าหวาดกลัวกลายเป็นศรโลหิตพุ่งออกไปจำนวนมาก

สายฟ้าพันรอบตัวจี้เซียนเสิน คิดจะต้านทานไว้ แต่สุดท้ายกลับถูกศรโลหิตนับไม่ถ้วนแทงทะลุจนกลายเป็นมนุษย์โลหิตในพริบตา

ไร้ซึ่งแรงต้านทาน!

ฟางเหลียงที่นอนอยู่ในหลุมขนาดใหญ่บนพื้นเบิกตากว้าง สีหน้าเผยความเหลือเชื่อ

แม้ว่าจี้เซียนเสินจะเสแสร้งโอ่อวด ฟางเหลียงก็นับถือความแข็งแกร่งของเขาจริงๆ

แทบจะไม่มีราชาปีศาจตนใดที่สามารถรอดจากหนึ่งกระบวนท่าของจี้เซียนเสินได้

ครั้นเห็นจี้เซียนเสินถูกสังหารภายในพริบตาเช่นนี้ ฟางเหลียงก็ลนลานแล้ว

‘ทำอย่างไรดี?’

ฟางเหลียงใช้กระบี่ยันตัวลุกขึ้นแล้วแหงนหน้ามองไป

มารปีศาจร่างสูงใหญ่ก้มมองฟางเหลียง ดวงตาเป็นประกาย พูดเบาๆ ว่า “เจ้าเด็กนี่มีดวงชะตามรรคาสวรรค์เสียด้วย หรือจะเป็นบุตรแห่งฟ้าดินในโลกมนุษย์?”

เขาบินไปทางฟางเหลียง ทว่าไม่ได้ลงมือ

ขณะนั้นเอง กระแสอัสนีสวรรค์กลายเป็นสายน้ำหลากม้วนกวาดเข้ามา มารปีศาจร่างสูงใหญ่โบกมือสลายกระแสอัสนีไป

มองเห็นแค่จี้เซียนเสินที่กลายเป็นมนุษย์โลหิตกำลังพุ่งเข้าใส่มารปีศาจ

มารปีศาจร่างสูงใหญ่ทำเสียงขึ้นจมูกเหยียดหยาม และโบกมือขวาทันที

ตู้ม!

กระบี่ยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นจากปราณโลหิตพุ่งลงมาจากฟ้า แทงทะลุเมฆอัสนี จัดการกำราบจี้เซียนเสินทันใด คมกระบี่ตกอยู่บนที่ราบรกร้าง ก่อให้เกิดฝุ่นตลบสูงร้อยจั้ง จี้เซียนเสินไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร

ฟางเหลียงกัดฟัน ดวงตาแดงก่ำ

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงพลังวิเศษลึกลับที่อาจารย์ปู่เคยถ่ายทอดให้

หากไม่วิกฤตถึงชีวิต อย่าได้ใช้เด็ดขาด!

ตอนนี้ก็คือวิกฤตถึงชีวิตแล้ว!

ฟางเหลียงคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น มือทั้งสองเริ่มแสดงวิชา

มารปีศาจร่างสูงใหญ่สังเกตเห็นการกระทำของเขา แต่ก็ไม่ได้สนใจ กลับเอ่ยปากออกมาว่า “หากอยากมีชีวิตอยู่ล่ะก็ โขกศีรษะคำนับข้าเสีย!”

ฟางเหลียงได้ยินเข้า ก็รู้สึกว่าถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก ตัวสั่นเทิ้มไปหมด

กระบี่โลหิตยักษ์ที่อยู่ไกลๆ กลายเป็นปราณโลหิตสลายหายไป

เมื่อฟางเหลียงแสดงวิชาก็มีรอยแยกสีดำเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลัง จากนั้นเริ่มหมุนวนกลางอากาศ ก่อตัวเป็นวงคลื่นวน

มารปีศาจร่างสูงใหญ่หรี่ตาลง นี่คือวิชาอัญเชิญหรือ

เขาแอบรู้สึกว่าน่าขันนัก มนุษย์ผู้นี้จะเรียกอะไรมาได้

เขาเดินเข้าไปหาฟางเหลียงต่อ

พลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของฟางเหลียงแห้งเหือดจนหมดสิ้น เขาไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลัง ยังนึกว่าพลังวิเศษนี้ไม่ได้ผลด้วยซ้ำ

‘เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่ได้รับพลังวิเศษที่แข็งแกร่งมา’

ฟางเหลียงลนลานถึงขีดสุด

หรือว่าอาจารย์ปู่จะหลอกเขา?

เป็นไปไม่ได้!

ต้องเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้ฝึกฝนให้ดีแน่!

ฟางเหลียงนึกถึงตอนแรกที่เรียนพลังวิเศษนี้ เขาฝึกได้เร็วที่สุด ในใจอดรู้สึกเสียใจไม่ได้

ที่แท้เขาไม่ได้ฝึกฝนได้เร็วที่สุด แต่เขาฝึกไม่สำเร็จเลยต่างหาก!

เมื่อเห็นมารปีศาจร่างสูงใหญ่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฟางเหลียงรู้สึกสิ้นหวัง

เขากุมกระบี่ในมือไว้แน่น เตรียมตัวมุ่งไปสู่ความตาย

แต่มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังว่า “เจ้าไม่ต้องกลัวผู้ใดนอกจากข้า”

พอได้ยิน ฟางเหลียงราวกับถูกสายฟ้าฟาด

เขาหันไปมองตามจิตใต้สำนึก ดวงตาเบิกกว้าง

เห็นเพียงว่าหานเจวี๋ยค่อยๆ เดินออกมาจากคลื่นวนสีดำด้วยสีหน้าเฉยเมย อาภรณ์ดวงชะตาจักรพรรดิสูงศักดิ์ปลิวสะบัดตามลม ของวิเศษทั่วร่างเปล่งแสงออกมา ราวกับเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์

หานเจวี๋ยปรายตามองจี้เซียนเสินทีหนึ่ง ยังมีลมหายใจอยู่เล็กน้อย ไม่ได้ตายสนิท

จากนั้นเขามองไปที่มารปีศาจร่างสูงใหญ่

‘เซียนสวรรค์ไท่อี่!

มิน่าล่ะจี้เซียนเสินถึงต้านไม่อยู่!’

มารปีศาจมองมาทางหานเจวี๋ยด้วยความประหลาดใจ

‘ตบะต่ำมาก!

ไม่ถูกต้องสิ! มันซ่อนตบะไว้!’

มารปีศาจเอ่ยปาก “ข้าคือ…”

หานเจวี๋ยยกนิ้วชี้ขวาขึ้นมาทันที ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกไป

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

ตู้ม…

ปราณกระบี่กลายเป็นสายรุ้งยาวแฉลบผ่านเหนือศีรษะของฟางเหลียง

ชั่วขณะนี้ วิญญาณของฟางเหลียงหยุดสั่นสะท้าน สีหน้าเหม่อลอย

เขายังไม่ทันหันหน้าไป มารปีศาจร่างยักษ์ก็ถูกสังหารเสียแล้ว

ตลอดทางที่ปราณกระบี่พุ่งผ่าน พื้นที่รกร้างถูกกรีดกลายเป็นร่องลึกประหนึ่งหุบเขา ยาวต่อเนื่องไปจนสุดขอบฟ้า

“เจ้าเป็นใคร”

เสียงของมารปีศาจร่างสูงใหญ่ดังขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นกลัว

กายเนื้อเมื่อครู่ไม่ใช่ร่างจริงของเขา

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างสงบ “วังสวรรค์ เหวินชวีซิง!”

“เป็นไปไม่ได้! วังสวรรค์จะมายุ่งเรื่องนี้ได้อย่างไร เลิกสวมรอยเหวินชวีซิงเสีย!”

หานเจวี๋ยขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย เขายกมือชี้นิ้วไป

ปราณกระบี่พุ่งทะลุฟ้า!

เมฆครึ้มถูกทะลวง อานุภาพกดดันมหาศาลที่ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้าปฐพีสลายไปอย่างไร้ร่องรอย

[เทพปีศาจเอ้อไหลเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

อักขระแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

“เหวินชวีซิง! เจ้ารอข้าก่อน! คิดจริงหรือว่าวังสวรรค์จะกระทำผิดอย่างกำเริบเสิบสานได้? ฮึ! ข้าจะทำให้วังสวรรค์พินาศย่อยยับ!”

ฝ่ายตรงข้ามคำรามอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

คำพูดวางโตมาก!

หรือว่าจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่?

เขารีบตรวจสอบข้อมูลของเทพปีศาจเอ้อไหลทันที

[เทพปีศาจเอ้อไหล: ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ระยะกลาง เทพปีศาจของแดนเซียนฟากหนึ่ง เพราะท่านขัดขวางการจับตัวบุตรแห่งฟ้าดิน จึงเกิดความอาฆาตแค้นต่อท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

ในหัวของหานเจวี๋ยมีคำพูดสองสามคำผุดขึ้นมา

‘แค่นี้เอง?’

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 176 เทพปีศาจเอ้อไหล

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 176 เทพปีศาจเอ้อไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 176 เทพปีศาจเอ้อไหล

จี้เซียนเสินมองไปทางดวงตาแดงฉานที่อยู่ท่ามกลางเมฆอัสนีข้างนั้น หัวใจเต้นแรงขึ้น

ในใจของเขามีเสียงหนึ่งบอกว่าให้รีบหนี!

ฟางเหลียงก็ตกใจเช่นกัน เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มศีรษะ

บรรดาราชาปีศาจได้ยินแล้วก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสของเผ่าปีศาจนี่เอง

“ผู้อาวุโส มนุษย์สองคนนี้สังหารเผ่าปีศาจเราอย่างกำเริบเสิบสาน ท่านจะต้องสนับสนุนพวกเรานะ!”

“ปีศาจประหลาดที่ตายด้วยน้ำมือของพวกมันมีมากมายนับไม่ถ้วนเลย!”

“ผู้อาวุโส รีบสังหารพวกมันเสีย!”

“ใช่แล้ว!”

ราชาปีศาจหลายตนตะโกนพร้อมกัน

ดวงตายักษ์แดงฉานปราดมองไปทางพวกมันในฉับพลัน จากนั้นพายุคลั่งก็ม้วนตัวขึ้นจากพื้น ราชาปีศาจหลายตนถูกม้วนขึ้นไปบนฟ้าทันที พวกมันดิ้นรนสุดแรงแต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่นานก็ถูกม้วนเข้าไปในดวงตายักษ์สีแดงฉานนั้น

ฟางเหลียงกับจี้เซียนเสินยืนอึ้ง

นี่มันเรื่องอะไรกัน

ดวงตายักษ์แดงฉานหลับตาลง

ฟางเหลียงหมุนตัวหนีในทันที จี้เซียนเสินตามหลังไปติดๆ

ทั้งสองคนเหาะเร็วมาก พริบตาเดียวก็หายลับไปตรงขอบฟ้า

เมฆครึ้มบนท้องนภาปกคลุมพื้นที่กว้างไกล ราวกับว่าแดนปีศาจทั้งหมดถูกเมฆครึ้มปกคลุมไว้

อานุภาพกดดันอันน่าหวาดกลัวนั้นแผ่ขยายไปในฟ้าดิน

“ท่านบอกว่าในแดนปีศาจแข็งแกร่งสุดก็แค่ระดับมหายานมิใช่หรือ เหตุใดท่านถึงหนีล่ะ”

ฟางเหลียงกล่าวด้วยความโมโห ไหนบอกว่าจะปกป้องข้าอย่างไรเล่า

จี้เซียนเสินกัดฟันกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “ฝ่ายตรงข้ามมาจากโลกเบื้องบน ข้าไร้คู่ต่อกรแค่ในโลกมนุษย์ ศัตรูมาจากบนฟ้า ข้าจะสู้ได้อย่างไร”

ฟางเหลียงนิ่งเงียบ ทำได้แค่บินมุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น

“พวกเจ้าคิดจะหนีไปไหน”

เสียงเย็นเยือกก่อนหน้านี้ดังมาจากด้านหลัง

ฟางเหลียงและจี้เซียนเสินต่างหน้าถอดสี พายุรุนแรงพลันโจมตีเข้ามา

ฟางเหลียงหันกลับไปมองตามจิตใต้สำนึก ก่อนถูกพายุแรงกล้าโจมตีจนกระอักเลือดกระเด็นออกไป เขาหล่นลงบนผืนดินรกร้าง ฝุ่นฟุ้งตลบตลอดทาง

จี้เซียนเสินหมุนตัวไป ยกมือทั้งสองระเบิดอัสนีบาตจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่ว

เขารู้ดีว่าตนเองหนีไม่พ้น ถ้าอย่างนั้นก็สู้!

“ฮึ! เฉาเชาสังหารเทพเซียนจากสวรรค์เบื้องบนได้ เหตุใดข้าจะทำไม่ได้”

จี้เซียนเสินกัดฟัน จ้องมองออกไป

เห็นเพียงมารปีศาจรูปร่างสูงใหญ่ที่มีหัวเป็นพยัคฆ์ร่างเป็นมนุษย์ตนหนึ่งกำลังเหยียบเมฆปีศาจบุกเข้ามา กรงเล็บทั้งสองของมารปีศาจตนนี้คล้ายเล็บลิง หางเหมือนหางวัว มีปีกอยู่ตรงหลัง แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

จี้เซียนเสินขมวดคิ้วแอบกล่าว “เป็นการผสานร่างของราชาปีศาจหลายตนก่อนหน้านี้หรือ”

เขารู้สึกคลื่นเหียนอย่างอดไม่ได้

ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจตนนี้โหดเหี้ยมกับสหายร่วมเผ่าของตนเองเช่นนี้ คำพูดเมื่อครู่ยังดูเหมือนจะออกหน้าให้เผ่าปีศาจอยู่เลย

ตอนนี้ดูท่าทางแล้ว ฝ่ายตรงข้ามต้องการพุ่งเป้ามาที่พวกเขาสองคน!

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำก็มีโลกเบื้องบนคอยหนุนหลังจริงๆ ด้วย!

“ท่านจะไม่บอกนามหน่อยหรือ” จี้เซียนเสินตะโกนเสียงสูง

มารปีศาจร่างสูงใหญ่แค่นเสียงหยันตอบกลับ “มนุษย์ธรรมดาคู่ควรรู้ชื่อข้ารึ”

เขาซัดหนึ่งฝ่ามือไปทางจี้เซียนเสิน พลังเวทน่าหวาดกลัวกลายเป็นศรโลหิตพุ่งออกไปจำนวนมาก

สายฟ้าพันรอบตัวจี้เซียนเสิน คิดจะต้านทานไว้ แต่สุดท้ายกลับถูกศรโลหิตนับไม่ถ้วนแทงทะลุจนกลายเป็นมนุษย์โลหิตในพริบตา

ไร้ซึ่งแรงต้านทาน!

ฟางเหลียงที่นอนอยู่ในหลุมขนาดใหญ่บนพื้นเบิกตากว้าง สีหน้าเผยความเหลือเชื่อ

แม้ว่าจี้เซียนเสินจะเสแสร้งโอ่อวด ฟางเหลียงก็นับถือความแข็งแกร่งของเขาจริงๆ

แทบจะไม่มีราชาปีศาจตนใดที่สามารถรอดจากหนึ่งกระบวนท่าของจี้เซียนเสินได้

ครั้นเห็นจี้เซียนเสินถูกสังหารภายในพริบตาเช่นนี้ ฟางเหลียงก็ลนลานแล้ว

‘ทำอย่างไรดี?’

ฟางเหลียงใช้กระบี่ยันตัวลุกขึ้นแล้วแหงนหน้ามองไป

มารปีศาจร่างสูงใหญ่ก้มมองฟางเหลียง ดวงตาเป็นประกาย พูดเบาๆ ว่า “เจ้าเด็กนี่มีดวงชะตามรรคาสวรรค์เสียด้วย หรือจะเป็นบุตรแห่งฟ้าดินในโลกมนุษย์?”

เขาบินไปทางฟางเหลียง ทว่าไม่ได้ลงมือ

ขณะนั้นเอง กระแสอัสนีสวรรค์กลายเป็นสายน้ำหลากม้วนกวาดเข้ามา มารปีศาจร่างสูงใหญ่โบกมือสลายกระแสอัสนีไป

มองเห็นแค่จี้เซียนเสินที่กลายเป็นมนุษย์โลหิตกำลังพุ่งเข้าใส่มารปีศาจ

มารปีศาจร่างสูงใหญ่ทำเสียงขึ้นจมูกเหยียดหยาม และโบกมือขวาทันที

ตู้ม!

กระบี่ยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นจากปราณโลหิตพุ่งลงมาจากฟ้า แทงทะลุเมฆอัสนี จัดการกำราบจี้เซียนเสินทันใด คมกระบี่ตกอยู่บนที่ราบรกร้าง ก่อให้เกิดฝุ่นตลบสูงร้อยจั้ง จี้เซียนเสินไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร

ฟางเหลียงกัดฟัน ดวงตาแดงก่ำ

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงพลังวิเศษลึกลับที่อาจารย์ปู่เคยถ่ายทอดให้

หากไม่วิกฤตถึงชีวิต อย่าได้ใช้เด็ดขาด!

ตอนนี้ก็คือวิกฤตถึงชีวิตแล้ว!

ฟางเหลียงคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น มือทั้งสองเริ่มแสดงวิชา

มารปีศาจร่างสูงใหญ่สังเกตเห็นการกระทำของเขา แต่ก็ไม่ได้สนใจ กลับเอ่ยปากออกมาว่า “หากอยากมีชีวิตอยู่ล่ะก็ โขกศีรษะคำนับข้าเสีย!”

ฟางเหลียงได้ยินเข้า ก็รู้สึกว่าถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก ตัวสั่นเทิ้มไปหมด

กระบี่โลหิตยักษ์ที่อยู่ไกลๆ กลายเป็นปราณโลหิตสลายหายไป

เมื่อฟางเหลียงแสดงวิชาก็มีรอยแยกสีดำเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลัง จากนั้นเริ่มหมุนวนกลางอากาศ ก่อตัวเป็นวงคลื่นวน

มารปีศาจร่างสูงใหญ่หรี่ตาลง นี่คือวิชาอัญเชิญหรือ

เขาแอบรู้สึกว่าน่าขันนัก มนุษย์ผู้นี้จะเรียกอะไรมาได้

เขาเดินเข้าไปหาฟางเหลียงต่อ

พลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของฟางเหลียงแห้งเหือดจนหมดสิ้น เขาไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลัง ยังนึกว่าพลังวิเศษนี้ไม่ได้ผลด้วยซ้ำ

‘เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่ได้รับพลังวิเศษที่แข็งแกร่งมา’

ฟางเหลียงลนลานถึงขีดสุด

หรือว่าอาจารย์ปู่จะหลอกเขา?

เป็นไปไม่ได้!

ต้องเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้ฝึกฝนให้ดีแน่!

ฟางเหลียงนึกถึงตอนแรกที่เรียนพลังวิเศษนี้ เขาฝึกได้เร็วที่สุด ในใจอดรู้สึกเสียใจไม่ได้

ที่แท้เขาไม่ได้ฝึกฝนได้เร็วที่สุด แต่เขาฝึกไม่สำเร็จเลยต่างหาก!

เมื่อเห็นมารปีศาจร่างสูงใหญ่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฟางเหลียงรู้สึกสิ้นหวัง

เขากุมกระบี่ในมือไว้แน่น เตรียมตัวมุ่งไปสู่ความตาย

แต่มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังว่า “เจ้าไม่ต้องกลัวผู้ใดนอกจากข้า”

พอได้ยิน ฟางเหลียงราวกับถูกสายฟ้าฟาด

เขาหันไปมองตามจิตใต้สำนึก ดวงตาเบิกกว้าง

เห็นเพียงว่าหานเจวี๋ยค่อยๆ เดินออกมาจากคลื่นวนสีดำด้วยสีหน้าเฉยเมย อาภรณ์ดวงชะตาจักรพรรดิสูงศักดิ์ปลิวสะบัดตามลม ของวิเศษทั่วร่างเปล่งแสงออกมา ราวกับเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์

หานเจวี๋ยปรายตามองจี้เซียนเสินทีหนึ่ง ยังมีลมหายใจอยู่เล็กน้อย ไม่ได้ตายสนิท

จากนั้นเขามองไปที่มารปีศาจร่างสูงใหญ่

‘เซียนสวรรค์ไท่อี่!

มิน่าล่ะจี้เซียนเสินถึงต้านไม่อยู่!’

มารปีศาจมองมาทางหานเจวี๋ยด้วยความประหลาดใจ

‘ตบะต่ำมาก!

ไม่ถูกต้องสิ! มันซ่อนตบะไว้!’

มารปีศาจเอ่ยปาก “ข้าคือ…”

หานเจวี๋ยยกนิ้วชี้ขวาขึ้นมาทันที ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกไป

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

ตู้ม…

ปราณกระบี่กลายเป็นสายรุ้งยาวแฉลบผ่านเหนือศีรษะของฟางเหลียง

ชั่วขณะนี้ วิญญาณของฟางเหลียงหยุดสั่นสะท้าน สีหน้าเหม่อลอย

เขายังไม่ทันหันหน้าไป มารปีศาจร่างยักษ์ก็ถูกสังหารเสียแล้ว

ตลอดทางที่ปราณกระบี่พุ่งผ่าน พื้นที่รกร้างถูกกรีดกลายเป็นร่องลึกประหนึ่งหุบเขา ยาวต่อเนื่องไปจนสุดขอบฟ้า

“เจ้าเป็นใคร”

เสียงของมารปีศาจร่างสูงใหญ่ดังขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นกลัว

กายเนื้อเมื่อครู่ไม่ใช่ร่างจริงของเขา

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างสงบ “วังสวรรค์ เหวินชวีซิง!”

“เป็นไปไม่ได้! วังสวรรค์จะมายุ่งเรื่องนี้ได้อย่างไร เลิกสวมรอยเหวินชวีซิงเสีย!”

หานเจวี๋ยขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย เขายกมือชี้นิ้วไป

ปราณกระบี่พุ่งทะลุฟ้า!

เมฆครึ้มถูกทะลวง อานุภาพกดดันมหาศาลที่ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้าปฐพีสลายไปอย่างไร้ร่องรอย

[เทพปีศาจเอ้อไหลเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

อักขระแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

“เหวินชวีซิง! เจ้ารอข้าก่อน! คิดจริงหรือว่าวังสวรรค์จะกระทำผิดอย่างกำเริบเสิบสานได้? ฮึ! ข้าจะทำให้วังสวรรค์พินาศย่อยยับ!”

ฝ่ายตรงข้ามคำรามอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

คำพูดวางโตมาก!

หรือว่าจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่?

เขารีบตรวจสอบข้อมูลของเทพปีศาจเอ้อไหลทันที

[เทพปีศาจเอ้อไหล: ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ระยะกลาง เทพปีศาจของแดนเซียนฟากหนึ่ง เพราะท่านขัดขวางการจับตัวบุตรแห่งฟ้าดิน จึงเกิดความอาฆาตแค้นต่อท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

ในหัวของหานเจวี๋ยมีคำพูดสองสามคำผุดขึ้นมา

‘แค่นี้เอง?’

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 176 เทพปีศาจเอ้อไหล

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 176 เทพปีศาจเอ้อไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 176 เทพปีศาจเอ้อไหล

จี้เซียนเสินมองไปทางดวงตาแดงฉานที่อยู่ท่ามกลางเมฆอัสนีข้างนั้น หัวใจเต้นแรงขึ้น

ในใจของเขามีเสียงหนึ่งบอกว่าให้รีบหนี!

ฟางเหลียงก็ตกใจเช่นกัน เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มศีรษะ

บรรดาราชาปีศาจได้ยินแล้วก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสของเผ่าปีศาจนี่เอง

“ผู้อาวุโส มนุษย์สองคนนี้สังหารเผ่าปีศาจเราอย่างกำเริบเสิบสาน ท่านจะต้องสนับสนุนพวกเรานะ!”

“ปีศาจประหลาดที่ตายด้วยน้ำมือของพวกมันมีมากมายนับไม่ถ้วนเลย!”

“ผู้อาวุโส รีบสังหารพวกมันเสีย!”

“ใช่แล้ว!”

ราชาปีศาจหลายตนตะโกนพร้อมกัน

ดวงตายักษ์แดงฉานปราดมองไปทางพวกมันในฉับพลัน จากนั้นพายุคลั่งก็ม้วนตัวขึ้นจากพื้น ราชาปีศาจหลายตนถูกม้วนขึ้นไปบนฟ้าทันที พวกมันดิ้นรนสุดแรงแต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่นานก็ถูกม้วนเข้าไปในดวงตายักษ์สีแดงฉานนั้น

ฟางเหลียงกับจี้เซียนเสินยืนอึ้ง

นี่มันเรื่องอะไรกัน

ดวงตายักษ์แดงฉานหลับตาลง

ฟางเหลียงหมุนตัวหนีในทันที จี้เซียนเสินตามหลังไปติดๆ

ทั้งสองคนเหาะเร็วมาก พริบตาเดียวก็หายลับไปตรงขอบฟ้า

เมฆครึ้มบนท้องนภาปกคลุมพื้นที่กว้างไกล ราวกับว่าแดนปีศาจทั้งหมดถูกเมฆครึ้มปกคลุมไว้

อานุภาพกดดันอันน่าหวาดกลัวนั้นแผ่ขยายไปในฟ้าดิน

“ท่านบอกว่าในแดนปีศาจแข็งแกร่งสุดก็แค่ระดับมหายานมิใช่หรือ เหตุใดท่านถึงหนีล่ะ”

ฟางเหลียงกล่าวด้วยความโมโห ไหนบอกว่าจะปกป้องข้าอย่างไรเล่า

จี้เซียนเสินกัดฟันกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “ฝ่ายตรงข้ามมาจากโลกเบื้องบน ข้าไร้คู่ต่อกรแค่ในโลกมนุษย์ ศัตรูมาจากบนฟ้า ข้าจะสู้ได้อย่างไร”

ฟางเหลียงนิ่งเงียบ ทำได้แค่บินมุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น

“พวกเจ้าคิดจะหนีไปไหน”

เสียงเย็นเยือกก่อนหน้านี้ดังมาจากด้านหลัง

ฟางเหลียงและจี้เซียนเสินต่างหน้าถอดสี พายุรุนแรงพลันโจมตีเข้ามา

ฟางเหลียงหันกลับไปมองตามจิตใต้สำนึก ก่อนถูกพายุแรงกล้าโจมตีจนกระอักเลือดกระเด็นออกไป เขาหล่นลงบนผืนดินรกร้าง ฝุ่นฟุ้งตลบตลอดทาง

จี้เซียนเสินหมุนตัวไป ยกมือทั้งสองระเบิดอัสนีบาตจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่ว

เขารู้ดีว่าตนเองหนีไม่พ้น ถ้าอย่างนั้นก็สู้!

“ฮึ! เฉาเชาสังหารเทพเซียนจากสวรรค์เบื้องบนได้ เหตุใดข้าจะทำไม่ได้”

จี้เซียนเสินกัดฟัน จ้องมองออกไป

เห็นเพียงมารปีศาจรูปร่างสูงใหญ่ที่มีหัวเป็นพยัคฆ์ร่างเป็นมนุษย์ตนหนึ่งกำลังเหยียบเมฆปีศาจบุกเข้ามา กรงเล็บทั้งสองของมารปีศาจตนนี้คล้ายเล็บลิง หางเหมือนหางวัว มีปีกอยู่ตรงหลัง แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

จี้เซียนเสินขมวดคิ้วแอบกล่าว “เป็นการผสานร่างของราชาปีศาจหลายตนก่อนหน้านี้หรือ”

เขารู้สึกคลื่นเหียนอย่างอดไม่ได้

ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจตนนี้โหดเหี้ยมกับสหายร่วมเผ่าของตนเองเช่นนี้ คำพูดเมื่อครู่ยังดูเหมือนจะออกหน้าให้เผ่าปีศาจอยู่เลย

ตอนนี้ดูท่าทางแล้ว ฝ่ายตรงข้ามต้องการพุ่งเป้ามาที่พวกเขาสองคน!

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำก็มีโลกเบื้องบนคอยหนุนหลังจริงๆ ด้วย!

“ท่านจะไม่บอกนามหน่อยหรือ” จี้เซียนเสินตะโกนเสียงสูง

มารปีศาจร่างสูงใหญ่แค่นเสียงหยันตอบกลับ “มนุษย์ธรรมดาคู่ควรรู้ชื่อข้ารึ”

เขาซัดหนึ่งฝ่ามือไปทางจี้เซียนเสิน พลังเวทน่าหวาดกลัวกลายเป็นศรโลหิตพุ่งออกไปจำนวนมาก

สายฟ้าพันรอบตัวจี้เซียนเสิน คิดจะต้านทานไว้ แต่สุดท้ายกลับถูกศรโลหิตนับไม่ถ้วนแทงทะลุจนกลายเป็นมนุษย์โลหิตในพริบตา

ไร้ซึ่งแรงต้านทาน!

ฟางเหลียงที่นอนอยู่ในหลุมขนาดใหญ่บนพื้นเบิกตากว้าง สีหน้าเผยความเหลือเชื่อ

แม้ว่าจี้เซียนเสินจะเสแสร้งโอ่อวด ฟางเหลียงก็นับถือความแข็งแกร่งของเขาจริงๆ

แทบจะไม่มีราชาปีศาจตนใดที่สามารถรอดจากหนึ่งกระบวนท่าของจี้เซียนเสินได้

ครั้นเห็นจี้เซียนเสินถูกสังหารภายในพริบตาเช่นนี้ ฟางเหลียงก็ลนลานแล้ว

‘ทำอย่างไรดี?’

ฟางเหลียงใช้กระบี่ยันตัวลุกขึ้นแล้วแหงนหน้ามองไป

มารปีศาจร่างสูงใหญ่ก้มมองฟางเหลียง ดวงตาเป็นประกาย พูดเบาๆ ว่า “เจ้าเด็กนี่มีดวงชะตามรรคาสวรรค์เสียด้วย หรือจะเป็นบุตรแห่งฟ้าดินในโลกมนุษย์?”

เขาบินไปทางฟางเหลียง ทว่าไม่ได้ลงมือ

ขณะนั้นเอง กระแสอัสนีสวรรค์กลายเป็นสายน้ำหลากม้วนกวาดเข้ามา มารปีศาจร่างสูงใหญ่โบกมือสลายกระแสอัสนีไป

มองเห็นแค่จี้เซียนเสินที่กลายเป็นมนุษย์โลหิตกำลังพุ่งเข้าใส่มารปีศาจ

มารปีศาจร่างสูงใหญ่ทำเสียงขึ้นจมูกเหยียดหยาม และโบกมือขวาทันที

ตู้ม!

กระบี่ยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นจากปราณโลหิตพุ่งลงมาจากฟ้า แทงทะลุเมฆอัสนี จัดการกำราบจี้เซียนเสินทันใด คมกระบี่ตกอยู่บนที่ราบรกร้าง ก่อให้เกิดฝุ่นตลบสูงร้อยจั้ง จี้เซียนเสินไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร

ฟางเหลียงกัดฟัน ดวงตาแดงก่ำ

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงพลังวิเศษลึกลับที่อาจารย์ปู่เคยถ่ายทอดให้

หากไม่วิกฤตถึงชีวิต อย่าได้ใช้เด็ดขาด!

ตอนนี้ก็คือวิกฤตถึงชีวิตแล้ว!

ฟางเหลียงคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น มือทั้งสองเริ่มแสดงวิชา

มารปีศาจร่างสูงใหญ่สังเกตเห็นการกระทำของเขา แต่ก็ไม่ได้สนใจ กลับเอ่ยปากออกมาว่า “หากอยากมีชีวิตอยู่ล่ะก็ โขกศีรษะคำนับข้าเสีย!”

ฟางเหลียงได้ยินเข้า ก็รู้สึกว่าถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก ตัวสั่นเทิ้มไปหมด

กระบี่โลหิตยักษ์ที่อยู่ไกลๆ กลายเป็นปราณโลหิตสลายหายไป

เมื่อฟางเหลียงแสดงวิชาก็มีรอยแยกสีดำเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลัง จากนั้นเริ่มหมุนวนกลางอากาศ ก่อตัวเป็นวงคลื่นวน

มารปีศาจร่างสูงใหญ่หรี่ตาลง นี่คือวิชาอัญเชิญหรือ

เขาแอบรู้สึกว่าน่าขันนัก มนุษย์ผู้นี้จะเรียกอะไรมาได้

เขาเดินเข้าไปหาฟางเหลียงต่อ

พลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของฟางเหลียงแห้งเหือดจนหมดสิ้น เขาไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลัง ยังนึกว่าพลังวิเศษนี้ไม่ได้ผลด้วยซ้ำ

‘เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่ได้รับพลังวิเศษที่แข็งแกร่งมา’

ฟางเหลียงลนลานถึงขีดสุด

หรือว่าอาจารย์ปู่จะหลอกเขา?

เป็นไปไม่ได้!

ต้องเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้ฝึกฝนให้ดีแน่!

ฟางเหลียงนึกถึงตอนแรกที่เรียนพลังวิเศษนี้ เขาฝึกได้เร็วที่สุด ในใจอดรู้สึกเสียใจไม่ได้

ที่แท้เขาไม่ได้ฝึกฝนได้เร็วที่สุด แต่เขาฝึกไม่สำเร็จเลยต่างหาก!

เมื่อเห็นมารปีศาจร่างสูงใหญ่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฟางเหลียงรู้สึกสิ้นหวัง

เขากุมกระบี่ในมือไว้แน่น เตรียมตัวมุ่งไปสู่ความตาย

แต่มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังว่า “เจ้าไม่ต้องกลัวผู้ใดนอกจากข้า”

พอได้ยิน ฟางเหลียงราวกับถูกสายฟ้าฟาด

เขาหันไปมองตามจิตใต้สำนึก ดวงตาเบิกกว้าง

เห็นเพียงว่าหานเจวี๋ยค่อยๆ เดินออกมาจากคลื่นวนสีดำด้วยสีหน้าเฉยเมย อาภรณ์ดวงชะตาจักรพรรดิสูงศักดิ์ปลิวสะบัดตามลม ของวิเศษทั่วร่างเปล่งแสงออกมา ราวกับเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์

หานเจวี๋ยปรายตามองจี้เซียนเสินทีหนึ่ง ยังมีลมหายใจอยู่เล็กน้อย ไม่ได้ตายสนิท

จากนั้นเขามองไปที่มารปีศาจร่างสูงใหญ่

‘เซียนสวรรค์ไท่อี่!

มิน่าล่ะจี้เซียนเสินถึงต้านไม่อยู่!’

มารปีศาจมองมาทางหานเจวี๋ยด้วยความประหลาดใจ

‘ตบะต่ำมาก!

ไม่ถูกต้องสิ! มันซ่อนตบะไว้!’

มารปีศาจเอ่ยปาก “ข้าคือ…”

หานเจวี๋ยยกนิ้วชี้ขวาขึ้นมาทันที ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกไป

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

ตู้ม…

ปราณกระบี่กลายเป็นสายรุ้งยาวแฉลบผ่านเหนือศีรษะของฟางเหลียง

ชั่วขณะนี้ วิญญาณของฟางเหลียงหยุดสั่นสะท้าน สีหน้าเหม่อลอย

เขายังไม่ทันหันหน้าไป มารปีศาจร่างยักษ์ก็ถูกสังหารเสียแล้ว

ตลอดทางที่ปราณกระบี่พุ่งผ่าน พื้นที่รกร้างถูกกรีดกลายเป็นร่องลึกประหนึ่งหุบเขา ยาวต่อเนื่องไปจนสุดขอบฟ้า

“เจ้าเป็นใคร”

เสียงของมารปีศาจร่างสูงใหญ่ดังขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นกลัว

กายเนื้อเมื่อครู่ไม่ใช่ร่างจริงของเขา

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างสงบ “วังสวรรค์ เหวินชวีซิง!”

“เป็นไปไม่ได้! วังสวรรค์จะมายุ่งเรื่องนี้ได้อย่างไร เลิกสวมรอยเหวินชวีซิงเสีย!”

หานเจวี๋ยขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย เขายกมือชี้นิ้วไป

ปราณกระบี่พุ่งทะลุฟ้า!

เมฆครึ้มถูกทะลวง อานุภาพกดดันมหาศาลที่ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้าปฐพีสลายไปอย่างไร้ร่องรอย

[เทพปีศาจเอ้อไหลเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

อักขระแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

“เหวินชวีซิง! เจ้ารอข้าก่อน! คิดจริงหรือว่าวังสวรรค์จะกระทำผิดอย่างกำเริบเสิบสานได้? ฮึ! ข้าจะทำให้วังสวรรค์พินาศย่อยยับ!”

ฝ่ายตรงข้ามคำรามอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

คำพูดวางโตมาก!

หรือว่าจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่?

เขารีบตรวจสอบข้อมูลของเทพปีศาจเอ้อไหลทันที

[เทพปีศาจเอ้อไหล: ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ระยะกลาง เทพปีศาจของแดนเซียนฟากหนึ่ง เพราะท่านขัดขวางการจับตัวบุตรแห่งฟ้าดิน จึงเกิดความอาฆาตแค้นต่อท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

ในหัวของหานเจวี๋ยมีคำพูดสองสามคำผุดขึ้นมา

‘แค่นี้เอง?’

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+