ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 140 เจวี๋ยเหยี่ยนจะลงโลกมนุษย์ เทพเซียนพสุธา

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 140 เจวี๋ยเหยี่ยนจะลงโลกมนุษย์ เทพเซียนพสุธา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 140 เจวี๋ยเหยี่ยนจะลงโลกมนุษย์ เทพเซียนพสุธา

‘มารดามันสิ!

กลับชาติบำเพ็ญเพียรใหม่?’

หานเจวี๋ยไม่อาจสงบอารมณ์ได้จริงๆ

เขาก็ไม่ใช่สตรีอย่างเช่นสิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ ที่หลังจากเข้าสู่วัฏจักรแล้วจะมีคนช่วยพวกนางฟื้นคืนความทรงจำในชาติก่อน เขาได้แต่อาศัยตนเองเท่านั้น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็จำเป็นต้องเหนือกว่าจูเชวี่ยแล้วค่อยคิดเรื่องขึ้นสวรรค์อีกที!

อย่างไรเสียต้นฝูซังก็เติบโตอยู่ตลอด นี่ก็คือต้นไม้เทพ สามารถดึงดูดสัตว์เทพบนสวรรค์ให้ลงมายังโลกมนุษย์ได้ หานเจวี๋ยเชื่อว่าเขาสามารถอาศัยต้นฝูซังฝึกฝนต่อไปได้

“ผู้อาวุโส มีวิธีที่จะไม่ขึ้นสวรรค์ ฝึกฝนอยู่ในโลกมนุษย์ตลอดหรือไม่” หานเจวี๋ยหรี่ตาลง เอ่ยถาม

จั้งกูซิงเอ่ยตอบ “หากจะบอกว่าไม่มี ย่อมเป็นเรื่องโกหก ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ มีหลายสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้มากมาย เท่าที่ข้าทราบ มีหินวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับมรรคาสวรรค์อยู่ชนิดหนึ่งที่สามารถหลบหลีกข้อจำกัดของมรรคาสวรรค์ได้ ไม่ต้องฝ่าด่านเคราะห์ แม้ตบะจะอยู่เหนือกว่าโลกมนุษย์ก็สามารถอยู่ในโลกมนุษย์ได้ หินวิญญาณเช่นนี้ก็ไม่นับว่าหายากในสวรรค์ มักจะมีเทพเซียนอาศัยหินวิญญาณชนิดนี้ลงมายังโลกมนุษย์ แต่วังสวรรค์มีคำสั่งเข้มงวดว่าสรรพชีวิตบนแดนเซียนไม่อาจลงมายังโลกมนุษย์ได้ หากพบเจอจะถูกจัดการตามกฎสวรรค์”

เมื่อหานเจวี๋ยได้ยินก็มั่นใจว่าศิลาแคล้วสวรรค์ก็คือหินชนิดนั้น

เขารู้สึกวางใจลงแล้ว

หลังจากนี้ก็สามารถเอาตัวรอดอย่างสงบใจได้

‘ถุย!

มุมานะบำเพ็ญเพียรอย่างวางใจต่างหาก!’

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ ครั้งหน้าจะมาหาท่านใหม่”

หานเจวี๋ยคารวะ หลังจากนั้นก็เดินผ่านจั้งกูซิง เพื่อตรงต่อไปด้านหน้า

จั้งกูซิงส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมากอีก

……

หลังจากยกระดับไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิแล้ว หานเจวี๋ยก็ซาบซึ้งถึงสัจธรรมฟ้าดิน หลังจากทำให้มั่นคงอยู่หลายเดือนแล้ว ถึงจะหยุดทำการฝึกฝน

เขาให้ซูฉีเปิดถ้ำเทวาอยู่ข้างๆ หากไม่มีคำสั่งจากเขา ห้ามออกจากถ้ำ

เพื่อไม่ให้ซูฉีเกิดความสงสัย หานเจวี๋ยจึงออกคำสั่งเข้มงวดไม่ให้ศิษย์คนอื่นๆ รบกวนซูฉี

ซูฉีรู้สึกภาคภูมิใจในทันที ‘อาจารย์คงอยากบ่มเพาะข้าเป็นพิเศษสินะ หวังให้ข้าตั้งใจฝึกฝน’

และตอนนี้ อู้เต้าเจี้ยนที่รู้สึกไม่พอใจมาโดยตลอดก็ได้กลับเข้าถ้ำเทวาของหานเจวี๋ยในที่สุด

ที่หานเจวี๋ยให้นางเข้าถ้ำเทวาไม่ใช่เพราะคำนึงถึงความรู้สึกของนาง แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือนางสามารถยกระดับพลังวิญญาณในถ้ำเทวาได้

หญ้าโลกาสวรรค์แม้แปลงร่างแล้วก็ยังเป็นของล้ำค่าฟ้าดินอยู่!

หานเจวี๋ยเข้าสู่การบำเพ็ญอันยาวนานอีกครั้ง

ช่วงนี้บนสวรรค์วุ่นวาย ไม่แน่นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและจูเชวี่ยอาจลงมาเมื่อไรก็ได้ หานเจวี๋ยจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งให้มากที่สุด

……

ภายในถ้ำภูเขาอันมืดสลัวแห่งหนึ่ง ปรมาจารย์มารโลหิต มารชีผมขาวและอรหันต์มารละโมบกำลังนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหากัน

สีหน้าของทั้งสามมืดครึ้มอย่างถึงขีดสุด

ตรงกลางระหว่างพวกเขามีลูกแก้วลูกหนึ่งลอยอยู่ ภายในลูกแก้วมีไอมารก่อตัวเป็นระลอกคลื่น

“มารหลัวฉิวตายแล้ว?”

น้ำเสียงเย็นเยือกดังออกมา

ปรมาจารย์มารโลหิตสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนกล่าวว่า “ถูกบุตรแห่งสวรรค์ของจวนเซียนสวรรค์สังหาร ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น พวกเราที่อุทิศตนรับใช้เผ่ามารในครั้งนี้ล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส จักรพรรดิมารก็แตกสลายไปแล้ว”

น้ำเสียงเย็นเยือกดังขึ้นตามมา “เหตุใดต้องอุทิศตนรับใช้เผ่ามาร พวกเจ้าจะทรยศต่อโลกนี้หรือ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มารอาวุโสทั้งสามก็นิ่งเงียบไป

พวกเขาไหนเลยจะอยากอุทิศตนรับใช้เผ่ามาร หากไม่ใช่เพราะว่าเผ่ามารได้เสนอเงื่อนไขที่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้

อรหันต์มารละโมบทอดถอนใจกล่าวว่า “อมิตาพุทธ อย่างไรเสียข้าก็ไม่เล่นด้วยแล้ว ข้าวางแผนที่จะขึ้นสวรรค์เหมือนกับจอมมาร”

มารชีผมขาวพยักหน้า นางเองก็เหนื่อยแล้ว

ปรมาจารย์มารโลหิตถอนหายใจ

แม้พวกเขาจะอยู่บนจุดสูงสุดของโลกมนุษย์ แต่การขึ้นสวรรค์ด้วยตบะของพวกเขาในตอนนี้ หลังจากฝ่าด่านเคราะห์ของการขึ้นสู่สวรรค์แล้ว ก็ไม่ถึงกับต้องเกิดใหม่

มีคำกล่าวที่เล่าลือสืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่า หลังจากขึ้นสวรรค์สำเร็จแล้วตบะจะเพิ่มพูน ตบะก่อนขึ้นสวรรค์ยิ่งสูง ตบะหลังขึ้นสวรรค์จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น!

นี่ก็เป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ยอมขึ้นสวรรค์มาโดยตลอด

ในโลกมนุษย์ พวกเขาเป็นผู้ทรงพลังที่สามารถควบคุมอาณาประชาราษฎร์ในใต้หล้า หลังจากขึ้นสวรรค์แล้ว พวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงหนึ่งในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งปวงเท่านั้น

ยังไม่ถึงขีดจำกัดขั้นสูงสุด ใครเล่าจะขึ้นไป

“ฮึ อย่าเพิ่งขึ้นสวรรค์เลย อย่างมากห้าร้อยปีข้าก็จะลงไปโลกมนุษย์ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะทำลายจวนเซียนสวรรค์แล้วค่อยขึ้นสวรรค์ ข้าจะแนะนำสำนักสวรรค์ให้กับพวกเจ้า ให้พวกเจ้าได้พึ่งพิง ส่วนเผ่ามารไม่ต้องไปใส่ใจ อีกไม่นานวังสวรรค์ก็จะลงมือกับเผ่ามารแล้ว!”

น้ำเสียงเย็นเยือกดังขึ้นอีกครั้ง พวกปรมาจารย์มารโลหิตทั้งสามได้ยินดวงตาก็เป็นประกาย

หากสามารถทำลายจวนเซียนสวรรค์ได้จริงๆ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง!

กล่าวตามตรง ภายในใจของพวกเขาก็มีเรื่องอัดอั้นอยู่ ไม่สามารถหาที่ระบายได้!

ปรมาจารย์มารโลหิตรีบกุมมือคารวะ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเจวี๋ยเหยี่ยน พวกเราจะรอท่านลงมาโลกมนุษย์!”

“อืม!”

……

เวลายี่สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับมหายานขั้นสี่ หลังจากทะลวงสำเร็จแล้ว เขาก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายมาเพื่อสาปแช่งนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและจูเชวี่ยตามความเคยชิน

ความเร็วในการทะลวงระดับนี้ หานเจวี๋ยค่อนข้างพอใจมาก อย่างมากที่สุดร้อยปี เขาก็สามารถทะลวงระดับที่เหนือกว่าระดับมหายานแล้ว

เขาสาปแช่งไปด้วย ตรวจสอบจดหมายไปด้วย

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x4897

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านหลงเข้าไปในแดนต้องห้ามบรรพกาล ได้รับการยอมรับจากกระบี่เทพไร้เทียมทาน]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านรับประทานผลเทพโลกาสวรรค์ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x78834

[นักพรตเต๋าจี้คงสหายของท่านสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[สิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญเพียรของท่านหลงเข้าไปในอารามเต๋าของเทพเซียนพสุธา]

[ฉางเยวี่ยเอ๋อร์สหายของท่านหลงเข้าไปในอารามเต๋าของเทพเซียนพสุธา]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเข้าไปในจวนเซียนสวรรค์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

……

หานเจวี๋ยคำนวณดูอย่างละเอียด

ภายในยี่สิบปีมานี้ ฟางเหลียงได้รับโอกาสวาสนาถึงเก้าอย่าง

ไร้เหตุผลสิ้นดี!

บุตรแห่งฟ้าดินสวรรค์ช่างไร้เหตุผลจริงๆ!

ที่สำคัญคือคาดไม่ถึงว่าเจ้านี่จะยังได้เข้าจวนเซียนสวรรค์ด้วย

รู้สึกว่าพอเจ้าเด็กนี่กลับมา เขาอาจจะมีตบะระดับมหายานแล้วจริงๆ

บุตรแห่งฟ้าดินก็เหมาะกับการเลี้ยงดูแบบปล่อยจริงๆ

หานเจวี๋ยยังสังเกตเห็นโอกาสวาสนาของสิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ เขาเกิดความสนใจในเทพเซียนพสุธาขึ้นมาทันที

‘สิ่งใดคือเทพเซียนพสุธา’

หนึ่งเดือนต่อมา

หานเจวี๋ยสาปแช่งเสร็จ หลังจากเก็บหนังสือแห่งความโชคร้ายแล้ว ก็ให้ความสนใจกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ของสิงหงเสวียนอีกครั้ง

เรื่องราวต้องจัดการทีละเรื่องๆ ภารกิจประจำวันไม่อาจละทิ้งไปได้

หานเจวี๋ยมองเห็นอารามเต๋าอันโอ่อ่ายิ่งใหญ่แห่งหนึ่งผ่านหุ่นเชิดแห่งสวรรค์

อารามเต๋าแห่งนี้เหลืองอร่ามงามตา พื้นที่ภายในอารามสูงถึงหลายร้อยจั้ง เสาหินที่ค้ำยันอารามเต๋าเหล่าแห่งนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายจั้ง ราวกับว่านี่เป็นอารามเต๋าของมนุษย์ยักษ์

สิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าภาพวาดบนฝาผนัง ดูเหมือนว่ากำลังทำความเข้าใจอะไรบางอย่าง บางคราก็คิ้วขมวด บางคราก็หัวเราะ

หานเจวี๋ยส่งพลังจิตไปสังเกตดูอารามเต๋าแห่งนี้อย่างละเอียด

เพียงไม่นาน

หานเจวี๋ยก็ค้นพบเศษเสี้ยววิญญาณหนึ่งที่อาศัยอยู่ในรูปปั้นหิน

เศษเสี้ยววิญญาณนี้เป็นแม่ชีเฒ่าผู้หนึ่ง สวมชุดนักพรตเต๋า ขดตัวอยู่ภายในรูปปั้นหิน ดูเหมือนกำลังหลับสนิท

หานเจวี๋ยไม่รู้ตบะของนางจึงไม่กล้ารบกวน

‘หรือจะเป็นเทพเซียนพสุธา’

“สหายเต๋ากวน ข้าทะลวงระดับมหายานแล้ว ออกมาแลกมือศึกษากันหน่อยเถิด!”

น้ำเสียงหนึ่งลอยเข้าสู่โสตประสาทในร่างจริงของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยจำเป็นต้องดึงจิตกลับเข้าร่างอย่างอดไม่ได้

‘จี้เซียนเสิน! เจ้าหมอนี่ทะลวงถึงระดับมหายานแล้ว?’

ก่อนหน้านั้นก็เหมือนเคยสังเกตดูอยู่ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบต่อสู้กับเขาสักรอบก่อนอย่างระมัดระวัง

ใกล้เคียงมาก

ยังคงสามารถสังหารได้ภายในชั่วพริบตา!

หานเจวี๋ยหายไปจากถ้ำเทวาในทันที

จี้เซียนเสินรอหานเจวี๋ยอยู่ในป่าที่ห่างออกไปหลายสิบลี้

เขาเองก็ระมัดระวังมากเช่นกัน แม้จะทะลวงถึงระดับมหายานแล้ว แต่หากสู้ไม่ชนะเล่า หากระดมกำลังกันเล่า ข่าวการพ่ายแพ้ของเขาจะไม่ถูกเล่าลือออกไปหรือ

หานเจวี๋ยมาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของจี้เซียนเสิน

จี้เซียนเสินหันกลับมากล่าวด้วยจิตใจฮึกเหิม “กวนอวี่ ข้าบรรลุระดับมหายานแล้ว เข้าใจพลังวิเศษใหม่ ผู้อาวุโสจวนเซียนสวรรค์ถูกข้าตีจนพ่ายแพ้ราบคาบ เพียงแค่เอาชนะเจ้าได้ ข้าก็จะเป็นผู้มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งในใต้หล้าที่แท้จริง!”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 140 เจวี๋ยเหยี่ยนจะลงโลกมนุษย์ เทพเซียนพสุธา

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 140 เจวี๋ยเหยี่ยนจะลงโลกมนุษย์ เทพเซียนพสุธา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 140 เจวี๋ยเหยี่ยนจะลงโลกมนุษย์ เทพเซียนพสุธา

‘มารดามันสิ!

กลับชาติบำเพ็ญเพียรใหม่?’

หานเจวี๋ยไม่อาจสงบอารมณ์ได้จริงๆ

เขาก็ไม่ใช่สตรีอย่างเช่นสิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ ที่หลังจากเข้าสู่วัฏจักรแล้วจะมีคนช่วยพวกนางฟื้นคืนความทรงจำในชาติก่อน เขาได้แต่อาศัยตนเองเท่านั้น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็จำเป็นต้องเหนือกว่าจูเชวี่ยแล้วค่อยคิดเรื่องขึ้นสวรรค์อีกที!

อย่างไรเสียต้นฝูซังก็เติบโตอยู่ตลอด นี่ก็คือต้นไม้เทพ สามารถดึงดูดสัตว์เทพบนสวรรค์ให้ลงมายังโลกมนุษย์ได้ หานเจวี๋ยเชื่อว่าเขาสามารถอาศัยต้นฝูซังฝึกฝนต่อไปได้

“ผู้อาวุโส มีวิธีที่จะไม่ขึ้นสวรรค์ ฝึกฝนอยู่ในโลกมนุษย์ตลอดหรือไม่” หานเจวี๋ยหรี่ตาลง เอ่ยถาม

จั้งกูซิงเอ่ยตอบ “หากจะบอกว่าไม่มี ย่อมเป็นเรื่องโกหก ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ มีหลายสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้มากมาย เท่าที่ข้าทราบ มีหินวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับมรรคาสวรรค์อยู่ชนิดหนึ่งที่สามารถหลบหลีกข้อจำกัดของมรรคาสวรรค์ได้ ไม่ต้องฝ่าด่านเคราะห์ แม้ตบะจะอยู่เหนือกว่าโลกมนุษย์ก็สามารถอยู่ในโลกมนุษย์ได้ หินวิญญาณเช่นนี้ก็ไม่นับว่าหายากในสวรรค์ มักจะมีเทพเซียนอาศัยหินวิญญาณชนิดนี้ลงมายังโลกมนุษย์ แต่วังสวรรค์มีคำสั่งเข้มงวดว่าสรรพชีวิตบนแดนเซียนไม่อาจลงมายังโลกมนุษย์ได้ หากพบเจอจะถูกจัดการตามกฎสวรรค์”

เมื่อหานเจวี๋ยได้ยินก็มั่นใจว่าศิลาแคล้วสวรรค์ก็คือหินชนิดนั้น

เขารู้สึกวางใจลงแล้ว

หลังจากนี้ก็สามารถเอาตัวรอดอย่างสงบใจได้

‘ถุย!

มุมานะบำเพ็ญเพียรอย่างวางใจต่างหาก!’

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ ครั้งหน้าจะมาหาท่านใหม่”

หานเจวี๋ยคารวะ หลังจากนั้นก็เดินผ่านจั้งกูซิง เพื่อตรงต่อไปด้านหน้า

จั้งกูซิงส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมากอีก

……

หลังจากยกระดับไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิแล้ว หานเจวี๋ยก็ซาบซึ้งถึงสัจธรรมฟ้าดิน หลังจากทำให้มั่นคงอยู่หลายเดือนแล้ว ถึงจะหยุดทำการฝึกฝน

เขาให้ซูฉีเปิดถ้ำเทวาอยู่ข้างๆ หากไม่มีคำสั่งจากเขา ห้ามออกจากถ้ำ

เพื่อไม่ให้ซูฉีเกิดความสงสัย หานเจวี๋ยจึงออกคำสั่งเข้มงวดไม่ให้ศิษย์คนอื่นๆ รบกวนซูฉี

ซูฉีรู้สึกภาคภูมิใจในทันที ‘อาจารย์คงอยากบ่มเพาะข้าเป็นพิเศษสินะ หวังให้ข้าตั้งใจฝึกฝน’

และตอนนี้ อู้เต้าเจี้ยนที่รู้สึกไม่พอใจมาโดยตลอดก็ได้กลับเข้าถ้ำเทวาของหานเจวี๋ยในที่สุด

ที่หานเจวี๋ยให้นางเข้าถ้ำเทวาไม่ใช่เพราะคำนึงถึงความรู้สึกของนาง แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือนางสามารถยกระดับพลังวิญญาณในถ้ำเทวาได้

หญ้าโลกาสวรรค์แม้แปลงร่างแล้วก็ยังเป็นของล้ำค่าฟ้าดินอยู่!

หานเจวี๋ยเข้าสู่การบำเพ็ญอันยาวนานอีกครั้ง

ช่วงนี้บนสวรรค์วุ่นวาย ไม่แน่นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและจูเชวี่ยอาจลงมาเมื่อไรก็ได้ หานเจวี๋ยจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งให้มากที่สุด

……

ภายในถ้ำภูเขาอันมืดสลัวแห่งหนึ่ง ปรมาจารย์มารโลหิต มารชีผมขาวและอรหันต์มารละโมบกำลังนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหากัน

สีหน้าของทั้งสามมืดครึ้มอย่างถึงขีดสุด

ตรงกลางระหว่างพวกเขามีลูกแก้วลูกหนึ่งลอยอยู่ ภายในลูกแก้วมีไอมารก่อตัวเป็นระลอกคลื่น

“มารหลัวฉิวตายแล้ว?”

น้ำเสียงเย็นเยือกดังออกมา

ปรมาจารย์มารโลหิตสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนกล่าวว่า “ถูกบุตรแห่งสวรรค์ของจวนเซียนสวรรค์สังหาร ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น พวกเราที่อุทิศตนรับใช้เผ่ามารในครั้งนี้ล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส จักรพรรดิมารก็แตกสลายไปแล้ว”

น้ำเสียงเย็นเยือกดังขึ้นตามมา “เหตุใดต้องอุทิศตนรับใช้เผ่ามาร พวกเจ้าจะทรยศต่อโลกนี้หรือ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มารอาวุโสทั้งสามก็นิ่งเงียบไป

พวกเขาไหนเลยจะอยากอุทิศตนรับใช้เผ่ามาร หากไม่ใช่เพราะว่าเผ่ามารได้เสนอเงื่อนไขที่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้

อรหันต์มารละโมบทอดถอนใจกล่าวว่า “อมิตาพุทธ อย่างไรเสียข้าก็ไม่เล่นด้วยแล้ว ข้าวางแผนที่จะขึ้นสวรรค์เหมือนกับจอมมาร”

มารชีผมขาวพยักหน้า นางเองก็เหนื่อยแล้ว

ปรมาจารย์มารโลหิตถอนหายใจ

แม้พวกเขาจะอยู่บนจุดสูงสุดของโลกมนุษย์ แต่การขึ้นสวรรค์ด้วยตบะของพวกเขาในตอนนี้ หลังจากฝ่าด่านเคราะห์ของการขึ้นสู่สวรรค์แล้ว ก็ไม่ถึงกับต้องเกิดใหม่

มีคำกล่าวที่เล่าลือสืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่า หลังจากขึ้นสวรรค์สำเร็จแล้วตบะจะเพิ่มพูน ตบะก่อนขึ้นสวรรค์ยิ่งสูง ตบะหลังขึ้นสวรรค์จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น!

นี่ก็เป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ยอมขึ้นสวรรค์มาโดยตลอด

ในโลกมนุษย์ พวกเขาเป็นผู้ทรงพลังที่สามารถควบคุมอาณาประชาราษฎร์ในใต้หล้า หลังจากขึ้นสวรรค์แล้ว พวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงหนึ่งในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งปวงเท่านั้น

ยังไม่ถึงขีดจำกัดขั้นสูงสุด ใครเล่าจะขึ้นไป

“ฮึ อย่าเพิ่งขึ้นสวรรค์เลย อย่างมากห้าร้อยปีข้าก็จะลงไปโลกมนุษย์ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะทำลายจวนเซียนสวรรค์แล้วค่อยขึ้นสวรรค์ ข้าจะแนะนำสำนักสวรรค์ให้กับพวกเจ้า ให้พวกเจ้าได้พึ่งพิง ส่วนเผ่ามารไม่ต้องไปใส่ใจ อีกไม่นานวังสวรรค์ก็จะลงมือกับเผ่ามารแล้ว!”

น้ำเสียงเย็นเยือกดังขึ้นอีกครั้ง พวกปรมาจารย์มารโลหิตทั้งสามได้ยินดวงตาก็เป็นประกาย

หากสามารถทำลายจวนเซียนสวรรค์ได้จริงๆ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง!

กล่าวตามตรง ภายในใจของพวกเขาก็มีเรื่องอัดอั้นอยู่ ไม่สามารถหาที่ระบายได้!

ปรมาจารย์มารโลหิตรีบกุมมือคารวะ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเจวี๋ยเหยี่ยน พวกเราจะรอท่านลงมาโลกมนุษย์!”

“อืม!”

……

เวลายี่สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับมหายานขั้นสี่ หลังจากทะลวงสำเร็จแล้ว เขาก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายมาเพื่อสาปแช่งนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและจูเชวี่ยตามความเคยชิน

ความเร็วในการทะลวงระดับนี้ หานเจวี๋ยค่อนข้างพอใจมาก อย่างมากที่สุดร้อยปี เขาก็สามารถทะลวงระดับที่เหนือกว่าระดับมหายานแล้ว

เขาสาปแช่งไปด้วย ตรวจสอบจดหมายไปด้วย

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x4897

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านหลงเข้าไปในแดนต้องห้ามบรรพกาล ได้รับการยอมรับจากกระบี่เทพไร้เทียมทาน]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านรับประทานผลเทพโลกาสวรรค์ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x78834

[นักพรตเต๋าจี้คงสหายของท่านสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[สิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญเพียรของท่านหลงเข้าไปในอารามเต๋าของเทพเซียนพสุธา]

[ฉางเยวี่ยเอ๋อร์สหายของท่านหลงเข้าไปในอารามเต๋าของเทพเซียนพสุธา]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเข้าไปในจวนเซียนสวรรค์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

……

หานเจวี๋ยคำนวณดูอย่างละเอียด

ภายในยี่สิบปีมานี้ ฟางเหลียงได้รับโอกาสวาสนาถึงเก้าอย่าง

ไร้เหตุผลสิ้นดี!

บุตรแห่งฟ้าดินสวรรค์ช่างไร้เหตุผลจริงๆ!

ที่สำคัญคือคาดไม่ถึงว่าเจ้านี่จะยังได้เข้าจวนเซียนสวรรค์ด้วย

รู้สึกว่าพอเจ้าเด็กนี่กลับมา เขาอาจจะมีตบะระดับมหายานแล้วจริงๆ

บุตรแห่งฟ้าดินก็เหมาะกับการเลี้ยงดูแบบปล่อยจริงๆ

หานเจวี๋ยยังสังเกตเห็นโอกาสวาสนาของสิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ เขาเกิดความสนใจในเทพเซียนพสุธาขึ้นมาทันที

‘สิ่งใดคือเทพเซียนพสุธา’

หนึ่งเดือนต่อมา

หานเจวี๋ยสาปแช่งเสร็จ หลังจากเก็บหนังสือแห่งความโชคร้ายแล้ว ก็ให้ความสนใจกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ของสิงหงเสวียนอีกครั้ง

เรื่องราวต้องจัดการทีละเรื่องๆ ภารกิจประจำวันไม่อาจละทิ้งไปได้

หานเจวี๋ยมองเห็นอารามเต๋าอันโอ่อ่ายิ่งใหญ่แห่งหนึ่งผ่านหุ่นเชิดแห่งสวรรค์

อารามเต๋าแห่งนี้เหลืองอร่ามงามตา พื้นที่ภายในอารามสูงถึงหลายร้อยจั้ง เสาหินที่ค้ำยันอารามเต๋าเหล่าแห่งนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายจั้ง ราวกับว่านี่เป็นอารามเต๋าของมนุษย์ยักษ์

สิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าภาพวาดบนฝาผนัง ดูเหมือนว่ากำลังทำความเข้าใจอะไรบางอย่าง บางคราก็คิ้วขมวด บางคราก็หัวเราะ

หานเจวี๋ยส่งพลังจิตไปสังเกตดูอารามเต๋าแห่งนี้อย่างละเอียด

เพียงไม่นาน

หานเจวี๋ยก็ค้นพบเศษเสี้ยววิญญาณหนึ่งที่อาศัยอยู่ในรูปปั้นหิน

เศษเสี้ยววิญญาณนี้เป็นแม่ชีเฒ่าผู้หนึ่ง สวมชุดนักพรตเต๋า ขดตัวอยู่ภายในรูปปั้นหิน ดูเหมือนกำลังหลับสนิท

หานเจวี๋ยไม่รู้ตบะของนางจึงไม่กล้ารบกวน

‘หรือจะเป็นเทพเซียนพสุธา’

“สหายเต๋ากวน ข้าทะลวงระดับมหายานแล้ว ออกมาแลกมือศึกษากันหน่อยเถิด!”

น้ำเสียงหนึ่งลอยเข้าสู่โสตประสาทในร่างจริงของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยจำเป็นต้องดึงจิตกลับเข้าร่างอย่างอดไม่ได้

‘จี้เซียนเสิน! เจ้าหมอนี่ทะลวงถึงระดับมหายานแล้ว?’

ก่อนหน้านั้นก็เหมือนเคยสังเกตดูอยู่ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบต่อสู้กับเขาสักรอบก่อนอย่างระมัดระวัง

ใกล้เคียงมาก

ยังคงสามารถสังหารได้ภายในชั่วพริบตา!

หานเจวี๋ยหายไปจากถ้ำเทวาในทันที

จี้เซียนเสินรอหานเจวี๋ยอยู่ในป่าที่ห่างออกไปหลายสิบลี้

เขาเองก็ระมัดระวังมากเช่นกัน แม้จะทะลวงถึงระดับมหายานแล้ว แต่หากสู้ไม่ชนะเล่า หากระดมกำลังกันเล่า ข่าวการพ่ายแพ้ของเขาจะไม่ถูกเล่าลือออกไปหรือ

หานเจวี๋ยมาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของจี้เซียนเสิน

จี้เซียนเสินหันกลับมากล่าวด้วยจิตใจฮึกเหิม “กวนอวี่ ข้าบรรลุระดับมหายานแล้ว เข้าใจพลังวิเศษใหม่ ผู้อาวุโสจวนเซียนสวรรค์ถูกข้าตีจนพ่ายแพ้ราบคาบ เพียงแค่เอาชนะเจ้าได้ ข้าก็จะเป็นผู้มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งในใต้หล้าที่แท้จริง!”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 140 เจวี๋ยเหยี่ยนจะลงโลกมนุษย์ เทพเซียนพสุธา

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 140 เจวี๋ยเหยี่ยนจะลงโลกมนุษย์ เทพเซียนพสุธา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 140 เจวี๋ยเหยี่ยนจะลงโลกมนุษย์ เทพเซียนพสุธา

‘มารดามันสิ!

กลับชาติบำเพ็ญเพียรใหม่?’

หานเจวี๋ยไม่อาจสงบอารมณ์ได้จริงๆ

เขาก็ไม่ใช่สตรีอย่างเช่นสิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ ที่หลังจากเข้าสู่วัฏจักรแล้วจะมีคนช่วยพวกนางฟื้นคืนความทรงจำในชาติก่อน เขาได้แต่อาศัยตนเองเท่านั้น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็จำเป็นต้องเหนือกว่าจูเชวี่ยแล้วค่อยคิดเรื่องขึ้นสวรรค์อีกที!

อย่างไรเสียต้นฝูซังก็เติบโตอยู่ตลอด นี่ก็คือต้นไม้เทพ สามารถดึงดูดสัตว์เทพบนสวรรค์ให้ลงมายังโลกมนุษย์ได้ หานเจวี๋ยเชื่อว่าเขาสามารถอาศัยต้นฝูซังฝึกฝนต่อไปได้

“ผู้อาวุโส มีวิธีที่จะไม่ขึ้นสวรรค์ ฝึกฝนอยู่ในโลกมนุษย์ตลอดหรือไม่” หานเจวี๋ยหรี่ตาลง เอ่ยถาม

จั้งกูซิงเอ่ยตอบ “หากจะบอกว่าไม่มี ย่อมเป็นเรื่องโกหก ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ มีหลายสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้มากมาย เท่าที่ข้าทราบ มีหินวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับมรรคาสวรรค์อยู่ชนิดหนึ่งที่สามารถหลบหลีกข้อจำกัดของมรรคาสวรรค์ได้ ไม่ต้องฝ่าด่านเคราะห์ แม้ตบะจะอยู่เหนือกว่าโลกมนุษย์ก็สามารถอยู่ในโลกมนุษย์ได้ หินวิญญาณเช่นนี้ก็ไม่นับว่าหายากในสวรรค์ มักจะมีเทพเซียนอาศัยหินวิญญาณชนิดนี้ลงมายังโลกมนุษย์ แต่วังสวรรค์มีคำสั่งเข้มงวดว่าสรรพชีวิตบนแดนเซียนไม่อาจลงมายังโลกมนุษย์ได้ หากพบเจอจะถูกจัดการตามกฎสวรรค์”

เมื่อหานเจวี๋ยได้ยินก็มั่นใจว่าศิลาแคล้วสวรรค์ก็คือหินชนิดนั้น

เขารู้สึกวางใจลงแล้ว

หลังจากนี้ก็สามารถเอาตัวรอดอย่างสงบใจได้

‘ถุย!

มุมานะบำเพ็ญเพียรอย่างวางใจต่างหาก!’

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ ครั้งหน้าจะมาหาท่านใหม่”

หานเจวี๋ยคารวะ หลังจากนั้นก็เดินผ่านจั้งกูซิง เพื่อตรงต่อไปด้านหน้า

จั้งกูซิงส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมากอีก

……

หลังจากยกระดับไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิแล้ว หานเจวี๋ยก็ซาบซึ้งถึงสัจธรรมฟ้าดิน หลังจากทำให้มั่นคงอยู่หลายเดือนแล้ว ถึงจะหยุดทำการฝึกฝน

เขาให้ซูฉีเปิดถ้ำเทวาอยู่ข้างๆ หากไม่มีคำสั่งจากเขา ห้ามออกจากถ้ำ

เพื่อไม่ให้ซูฉีเกิดความสงสัย หานเจวี๋ยจึงออกคำสั่งเข้มงวดไม่ให้ศิษย์คนอื่นๆ รบกวนซูฉี

ซูฉีรู้สึกภาคภูมิใจในทันที ‘อาจารย์คงอยากบ่มเพาะข้าเป็นพิเศษสินะ หวังให้ข้าตั้งใจฝึกฝน’

และตอนนี้ อู้เต้าเจี้ยนที่รู้สึกไม่พอใจมาโดยตลอดก็ได้กลับเข้าถ้ำเทวาของหานเจวี๋ยในที่สุด

ที่หานเจวี๋ยให้นางเข้าถ้ำเทวาไม่ใช่เพราะคำนึงถึงความรู้สึกของนาง แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือนางสามารถยกระดับพลังวิญญาณในถ้ำเทวาได้

หญ้าโลกาสวรรค์แม้แปลงร่างแล้วก็ยังเป็นของล้ำค่าฟ้าดินอยู่!

หานเจวี๋ยเข้าสู่การบำเพ็ญอันยาวนานอีกครั้ง

ช่วงนี้บนสวรรค์วุ่นวาย ไม่แน่นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและจูเชวี่ยอาจลงมาเมื่อไรก็ได้ หานเจวี๋ยจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งให้มากที่สุด

……

ภายในถ้ำภูเขาอันมืดสลัวแห่งหนึ่ง ปรมาจารย์มารโลหิต มารชีผมขาวและอรหันต์มารละโมบกำลังนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหากัน

สีหน้าของทั้งสามมืดครึ้มอย่างถึงขีดสุด

ตรงกลางระหว่างพวกเขามีลูกแก้วลูกหนึ่งลอยอยู่ ภายในลูกแก้วมีไอมารก่อตัวเป็นระลอกคลื่น

“มารหลัวฉิวตายแล้ว?”

น้ำเสียงเย็นเยือกดังออกมา

ปรมาจารย์มารโลหิตสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนกล่าวว่า “ถูกบุตรแห่งสวรรค์ของจวนเซียนสวรรค์สังหาร ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น พวกเราที่อุทิศตนรับใช้เผ่ามารในครั้งนี้ล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส จักรพรรดิมารก็แตกสลายไปแล้ว”

น้ำเสียงเย็นเยือกดังขึ้นตามมา “เหตุใดต้องอุทิศตนรับใช้เผ่ามาร พวกเจ้าจะทรยศต่อโลกนี้หรือ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มารอาวุโสทั้งสามก็นิ่งเงียบไป

พวกเขาไหนเลยจะอยากอุทิศตนรับใช้เผ่ามาร หากไม่ใช่เพราะว่าเผ่ามารได้เสนอเงื่อนไขที่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้

อรหันต์มารละโมบทอดถอนใจกล่าวว่า “อมิตาพุทธ อย่างไรเสียข้าก็ไม่เล่นด้วยแล้ว ข้าวางแผนที่จะขึ้นสวรรค์เหมือนกับจอมมาร”

มารชีผมขาวพยักหน้า นางเองก็เหนื่อยแล้ว

ปรมาจารย์มารโลหิตถอนหายใจ

แม้พวกเขาจะอยู่บนจุดสูงสุดของโลกมนุษย์ แต่การขึ้นสวรรค์ด้วยตบะของพวกเขาในตอนนี้ หลังจากฝ่าด่านเคราะห์ของการขึ้นสู่สวรรค์แล้ว ก็ไม่ถึงกับต้องเกิดใหม่

มีคำกล่าวที่เล่าลือสืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่า หลังจากขึ้นสวรรค์สำเร็จแล้วตบะจะเพิ่มพูน ตบะก่อนขึ้นสวรรค์ยิ่งสูง ตบะหลังขึ้นสวรรค์จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น!

นี่ก็เป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ยอมขึ้นสวรรค์มาโดยตลอด

ในโลกมนุษย์ พวกเขาเป็นผู้ทรงพลังที่สามารถควบคุมอาณาประชาราษฎร์ในใต้หล้า หลังจากขึ้นสวรรค์แล้ว พวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงหนึ่งในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งปวงเท่านั้น

ยังไม่ถึงขีดจำกัดขั้นสูงสุด ใครเล่าจะขึ้นไป

“ฮึ อย่าเพิ่งขึ้นสวรรค์เลย อย่างมากห้าร้อยปีข้าก็จะลงไปโลกมนุษย์ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะทำลายจวนเซียนสวรรค์แล้วค่อยขึ้นสวรรค์ ข้าจะแนะนำสำนักสวรรค์ให้กับพวกเจ้า ให้พวกเจ้าได้พึ่งพิง ส่วนเผ่ามารไม่ต้องไปใส่ใจ อีกไม่นานวังสวรรค์ก็จะลงมือกับเผ่ามารแล้ว!”

น้ำเสียงเย็นเยือกดังขึ้นอีกครั้ง พวกปรมาจารย์มารโลหิตทั้งสามได้ยินดวงตาก็เป็นประกาย

หากสามารถทำลายจวนเซียนสวรรค์ได้จริงๆ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง!

กล่าวตามตรง ภายในใจของพวกเขาก็มีเรื่องอัดอั้นอยู่ ไม่สามารถหาที่ระบายได้!

ปรมาจารย์มารโลหิตรีบกุมมือคารวะ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเจวี๋ยเหยี่ยน พวกเราจะรอท่านลงมาโลกมนุษย์!”

“อืม!”

……

เวลายี่สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับมหายานขั้นสี่ หลังจากทะลวงสำเร็จแล้ว เขาก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายมาเพื่อสาปแช่งนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและจูเชวี่ยตามความเคยชิน

ความเร็วในการทะลวงระดับนี้ หานเจวี๋ยค่อนข้างพอใจมาก อย่างมากที่สุดร้อยปี เขาก็สามารถทะลวงระดับที่เหนือกว่าระดับมหายานแล้ว

เขาสาปแช่งไปด้วย ตรวจสอบจดหมายไปด้วย

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x4897

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านหลงเข้าไปในแดนต้องห้ามบรรพกาล ได้รับการยอมรับจากกระบี่เทพไร้เทียมทาน]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านรับประทานผลเทพโลกาสวรรค์ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x78834

[นักพรตเต๋าจี้คงสหายของท่านสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[สิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญเพียรของท่านหลงเข้าไปในอารามเต๋าของเทพเซียนพสุธา]

[ฉางเยวี่ยเอ๋อร์สหายของท่านหลงเข้าไปในอารามเต๋าของเทพเซียนพสุธา]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเข้าไปในจวนเซียนสวรรค์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

……

หานเจวี๋ยคำนวณดูอย่างละเอียด

ภายในยี่สิบปีมานี้ ฟางเหลียงได้รับโอกาสวาสนาถึงเก้าอย่าง

ไร้เหตุผลสิ้นดี!

บุตรแห่งฟ้าดินสวรรค์ช่างไร้เหตุผลจริงๆ!

ที่สำคัญคือคาดไม่ถึงว่าเจ้านี่จะยังได้เข้าจวนเซียนสวรรค์ด้วย

รู้สึกว่าพอเจ้าเด็กนี่กลับมา เขาอาจจะมีตบะระดับมหายานแล้วจริงๆ

บุตรแห่งฟ้าดินก็เหมาะกับการเลี้ยงดูแบบปล่อยจริงๆ

หานเจวี๋ยยังสังเกตเห็นโอกาสวาสนาของสิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ เขาเกิดความสนใจในเทพเซียนพสุธาขึ้นมาทันที

‘สิ่งใดคือเทพเซียนพสุธา’

หนึ่งเดือนต่อมา

หานเจวี๋ยสาปแช่งเสร็จ หลังจากเก็บหนังสือแห่งความโชคร้ายแล้ว ก็ให้ความสนใจกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ของสิงหงเสวียนอีกครั้ง

เรื่องราวต้องจัดการทีละเรื่องๆ ภารกิจประจำวันไม่อาจละทิ้งไปได้

หานเจวี๋ยมองเห็นอารามเต๋าอันโอ่อ่ายิ่งใหญ่แห่งหนึ่งผ่านหุ่นเชิดแห่งสวรรค์

อารามเต๋าแห่งนี้เหลืองอร่ามงามตา พื้นที่ภายในอารามสูงถึงหลายร้อยจั้ง เสาหินที่ค้ำยันอารามเต๋าเหล่าแห่งนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายจั้ง ราวกับว่านี่เป็นอารามเต๋าของมนุษย์ยักษ์

สิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าภาพวาดบนฝาผนัง ดูเหมือนว่ากำลังทำความเข้าใจอะไรบางอย่าง บางคราก็คิ้วขมวด บางคราก็หัวเราะ

หานเจวี๋ยส่งพลังจิตไปสังเกตดูอารามเต๋าแห่งนี้อย่างละเอียด

เพียงไม่นาน

หานเจวี๋ยก็ค้นพบเศษเสี้ยววิญญาณหนึ่งที่อาศัยอยู่ในรูปปั้นหิน

เศษเสี้ยววิญญาณนี้เป็นแม่ชีเฒ่าผู้หนึ่ง สวมชุดนักพรตเต๋า ขดตัวอยู่ภายในรูปปั้นหิน ดูเหมือนกำลังหลับสนิท

หานเจวี๋ยไม่รู้ตบะของนางจึงไม่กล้ารบกวน

‘หรือจะเป็นเทพเซียนพสุธา’

“สหายเต๋ากวน ข้าทะลวงระดับมหายานแล้ว ออกมาแลกมือศึกษากันหน่อยเถิด!”

น้ำเสียงหนึ่งลอยเข้าสู่โสตประสาทในร่างจริงของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยจำเป็นต้องดึงจิตกลับเข้าร่างอย่างอดไม่ได้

‘จี้เซียนเสิน! เจ้าหมอนี่ทะลวงถึงระดับมหายานแล้ว?’

ก่อนหน้านั้นก็เหมือนเคยสังเกตดูอยู่ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบต่อสู้กับเขาสักรอบก่อนอย่างระมัดระวัง

ใกล้เคียงมาก

ยังคงสามารถสังหารได้ภายในชั่วพริบตา!

หานเจวี๋ยหายไปจากถ้ำเทวาในทันที

จี้เซียนเสินรอหานเจวี๋ยอยู่ในป่าที่ห่างออกไปหลายสิบลี้

เขาเองก็ระมัดระวังมากเช่นกัน แม้จะทะลวงถึงระดับมหายานแล้ว แต่หากสู้ไม่ชนะเล่า หากระดมกำลังกันเล่า ข่าวการพ่ายแพ้ของเขาจะไม่ถูกเล่าลือออกไปหรือ

หานเจวี๋ยมาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของจี้เซียนเสิน

จี้เซียนเสินหันกลับมากล่าวด้วยจิตใจฮึกเหิม “กวนอวี่ ข้าบรรลุระดับมหายานแล้ว เข้าใจพลังวิเศษใหม่ ผู้อาวุโสจวนเซียนสวรรค์ถูกข้าตีจนพ่ายแพ้ราบคาบ เพียงแค่เอาชนะเจ้าได้ ข้าก็จะเป็นผู้มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งในใต้หล้าที่แท้จริง!”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+