ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย
“จริงหรือ”

ดวงตาของหลิ่วปู๋เมี่ยเบิกกว้าง สีหน้าตกตะลึง

ต้าเยี่ยนยังมีคนระดับนั้นอยู่ด้วยหรือ

นักพรตเต๋าชิงเสียนกัดฟันเอ่ยตอบ “ข้าพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ยังไม่จริงอีกหรือ”

หลิ่วปู๋เมี่ยนนิ่งเงียบ

ก่อนที่จะเชิญแขกระดับรวมกายามา นักพรตเต๋าชิงเสียนนับว่าเป็นผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ที่หลิ่วปู๋เมี่ยสามารถขึ้นเป็นเจ้าสำนักได้ ก็เพราะได้ความช่วยเหลือจากนักพรตเต๋าชิงเสียน

เดิมทีคิดว่ายุครุ่งเรืองของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตกำลังจะมาถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตเต๋าชิงเสียนจะแพ้ไม่เป็นท่าในสำนักหยกพิสุทธิ์

หลิ่วปู๋เมี่ยกัดฟันเอ่ยถามขึ้น “คนผู้นั้นคือคือใคร”

นักพรตเต๋าชิงเสียนถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์ หากเจ้าส่งคนไปสืบข่าว บางทีอาจจะสามารถรู้ได้ถึงชื่อเสียงอำนาจของเขา คนผู้นี้ถ่อมตนเป็นยิ่งนัก แต่สำนักหยกพิสุทธิ์สามารถกลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งได้ของต้าเยี่ยนได้ เขาย่อมมีส่วนสำคัญ!”

หลิ่วปู๋เมี่ยขมวดคิ้ว

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดต้าเยี่ยถึงมีผู้แข็งแกร่งทรงพลังเช่นนั้นได้

“ช่างเถอะ ไม่ยุ่งเกี่ยวต้าเยี่ยน เช่นนั้นเรามาเริ่มที่เขตแก่นประจิมก่อนก็ได้” หลิ่วปู๋เมี่ยเอ่ยอย่างทอดถอนใจ

นักพรตเต๋าชิงเสียนพยักหน้า

ในสมองของเขาหวนนึกถึงใบหน้าของหานเจวี๋ยอีกครั้ง

คนผู้นี้ก็อย่าไปข้องแวะเป็นอันขาด!

……

ปีที่สี่หลังจากสังหารนักพรตเต๋าชิงสียน ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับสุญตาขั้นเจ็ดได้สำเร็จ

หลังจากทะลวงระดับแล้ว เขาจึงตรวจสอบค่าความสัมพันธ์

นักพรตเต๋าชิงเสียนยังมีชีวิตอยู่

หานเจวี๋ยรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัดกลุ้มแบบนี้

เห็นได้ชัดว่าเขาฆ่าอีกฝ่ายแล้ว แล้วเหตุใดอีกฝ่ายถึงยังมีชีวิตอยู่

[นักพรตเต๋าชิงเสียน: ระดับสุญตาขั้นเก้า ผู้อาวุโสสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ด้วยถูกท่านโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรู้สึกหวาดกลัวท่านเป็นอย่างมาก ไม่กล้ามาเผชิญหน้าท่านเพียงลำพังอีก ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

สิ่งเดียวที่สามารถเป็นการปลอบประโลมหานเจวี๋ยได้ก็คือนักพรตเต๋าชิงเสียนมีความรู้สึกหวาดกลัวต่อเขาแล้ว

บางครั้งระดับความประทับใจก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ!

หานเจวี๋ยคิดว่าระดับความประทับใจนี้คงมาจากความประทับใจในหน้าตาที่นักพรตเต๋าชิงเสียนมีต่อเขา เพราะว่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุด จึงไม่กล้าเกลียดชังเขา เพราะเช่นนั้นจึงรักษาความประทับใจเช่นนี้มาโดยตลอด

นักพรตเต๋าชิงเสียนทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกตัวขึ้นมา

บางทีเขาอาจจะสามารถบดขยี้ศัตรูได้ แต่ไม่แน่ว่าจะทำให้ศัตรูตกตายเสมอไป

ในแดนบำเพ็ญพรตนั้น มีคนที่มีความสามารถมากมาย หลังจากนี้คงได้พบกับวิธีเอาชีวิตรอดที่มีประสิทธิภาพมากมายหลายประเภท

หลังจากนี้จะฆ่าสังหารศัตรูก็ต้องระวังให้มากๆ

ทางที่ดีคือต้องซุ่มโจมตี โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว

หานเจวี๋ยตรวจสอบอย่างละเอียด

เขารู้สึกว่าบางทีปัญหาอาจมาจากการลงมือของเขาเองถึงสองครั้ง

อืม

ต้องเป็นแบบนั้นแน่!

คงต้องฆ่าสังหารพวกในชั่วพริบตา ไม่ให้ศัตรูได้มีเวลาสูดลมหายใจแม้ครึ่งนาที

สะเพร่าเกินไปแล้ว!

หลังจากนี้จะชะล่าใจไม่ได้ ความประมาทจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุด

หลังจากที่พบปัญหาของตนเองแล้ว นัยน์ตาของหานเจวี๋ยก็แปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยว

ลงมือครั้งหน้าจะต้องรีบจัดการทันที อย่าได้ลังเล!

เพียงไม่นาน หานเจวี๋ยก็หลับตาลงและฝึกฝนต่อไป

……

ทางตอนเหนือของต้าเยี่ยน มีหิมะน้ำแข็งทอดยาวต่อเนื่องหลายร้อยลี้

ท่ามกลางหิมะสีขาวสุดลูกหูลูกตา มีเงาร่างน่าสะพรึงกลัวสูงราวหนึ่งร้อยจั้ง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสูดอากาศ หางขนาดใหญ่มหึมาทั้งสี่สบัดไปมาตามอำเภอใจ ทำให้เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ

หยางเทียนตงพร้อมด้วยราชาปีศาจแปลงกายหลายสิบตัว คุกเข่าลงคารวะเงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวร่างนั้น

เงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวนี้ก็คือราชาปีศาจเตี่ยนซู่ มารปีศาจหมื่นปี!

หยางเทียนเหลือบสายตาขึ้นมองราชาปีศาจเตี่ยนซู่ ตัวอยู่ในพื้นที่ที่หนาวเย็นเช่นนี้ ทว่าที่หน้าผากของเขากลับอดที่จะมีเหงื่อซึมออกมาไม่ได้

ไอปีศาจที่น่าหวาดกลัวจนทำลายล้างไปทั่วโลกันตร์ของราชาปีศาจเตี่ยนซู่นี้ ทำให้เหล่าราชาปีศาจที่อยู่ในที่นี่หวาดกลัวจนถึงขีดสุด

นอกจากตบะแล้ว ยังมีสิ่งที่สืบทอดมาจากสายเลือดด้วย

ก่อนที่ราชาปีศาจเตี่ยนซู่จะฟื้นคืนชีพนั้น หยางเทียนตงมีความคลางแคลงใจมาโดยตลอด ในใจไม่ยอมรับ มักจะรู้สึกว่าตนเองต่างหากที่ควรจะเป็นราชาปีศาจอันดับหนึ่งของต้าเยี่ยน

ทว่าเมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับราชาปีศาจเตี่ยนซู่ เขาถึงได้ตระหนักว่าตนเองนั้นช่างน่าขันสิ้นดี

ผู้ที่รอคอยอยู่ข้างๆ หยางเทียนตงยังคงเป็นปีศาจพฤกษาเฒ่าที่อธิบายที่มาของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ให้เขาฟังมาก่อนตนนั้น

ปีศาจพฤกษาเฒ่าเอ่ยถามด้วยความเคารพว่า “ไม่ทราบว่าท่านราชาปีศาจเรียกพวกเรามาด้วยเหตุใดหรือ”

ราชาปีศาจตนอื่นๆ ก็ประหม่าเช่นกัน

พวกเขาต่างกำลังกังวลว่าราชาปีศาจเตี่ยนซู่จะสร้างปัญหาให้กับพวกเขา

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป…”

น้ำเสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจดังขึ้น ราวกับกำลังช่วงชิงลมหายใจ

“ดินแดนแห่งนี้ มีเพียงข้าที่เป็นราชา ราชาปีศาจทั้งหลายล้วนเป็นแม่ทัพปีศาจของข้า!”

เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา เหล่าราชาปีศาจล้วนตกตะลึงจนเนื้อเต้นไปตามๆ กัน

เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด!

ในใจของพวกเขาต่างก็ไม่ยินยอม แม้ไม่พอใจแต่ไม่กล้าพูด ซึ่งก็รวมไปถึงหยางเทียนตง

ปีศาจพฤกษาเฒ่ารีบเอ่ยประจบทันที “นั่นย่อมแน่นอน! ท่านราชาปีศาจ พวกเราจะฆ่าล้างบางเผ่ามนุษย์ต้าเยี่ยนเมื่อใดหรือ”

หยางเทียนตงก่นด่าเงียบๆ ช่างเป็นสุนัขรับใช้ที่เชื่องจริงๆ!

แม้กระทั่งเขายังสงสัยอย่างหนักว่าเรื่องของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ที่เจ้าปีศาจพฤกษาเฒ่าตนนั้นพูดถึงก่อนหน้านี้เป็นความจริงหรือไม่

บางทีปีศาจพฤกษาเฒ่าตนนี้อาจจะจงใจแต่งเรื่องราชาปีศาจเตี่ยนซู่ให้สวยหรู และให้ร้ายเผ่ามนุษย์

คุกเข่าคารวะราชาปีศาจเตี่ยนซู่ในระยะใกล้เช่นนี้ หยางเทียนตงจึงสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่ไม่เคยมีมาก่อน

สรรพสิ่งที่ราชาปีศาจตนนี้เคยฆ่าสังหารคงจะต้องเหนือจินตนาการของหยางเทียนตงอย่างแน่นอน!

“ล้างบางเผ่าพันธุ์มนุษย์? ข้าเคยพูดว่าจะฆ่าล้างบางเผ่าพันธุ์มนุษย์เมื่อใดกัน” ราชาปีศาจเตี่ยนซู่เอ่ยถามกลับ น้ำเสียงเย็นชา ปีศาจพฤกษาเฒ่าจึงตัวสั่นด้วยความกลัว

หยางเทียนตงสัมผัสถึงพลังจิตที่น่ากลัวหอบหนึ่งที่กำลังกวาดมองพวกเขาไปได้อย่างชัดเจน

“หืม? ครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ… น่าสนใจนี่ เจ้าปีศาจน้อย มานี่สิ”

เมื่อเขาได้ยินคำพูดของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ร่างกายของหยางเทียนตงก็แข็งทื่อ

เขาค่อยๆ เหลือบสายตามองไปอย่างระมัดระวัง พบว่าเงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ได้หายไปแล้ว ทว่าท่ามกลางพายุหิมะนั้นมีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนลาง

เหล่าราชาปีศาจทั้งหลายต่างมองไปทางหยางเทียนตง

หยางเทียนตงกัดฟันกรอด ควบคุมความกังวลของตนเป็นอย่างมาก ลุกขึ้นเดินไปทางราชาปีศาจเตี่ยนซู่

ท้องนภาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ถนนเบื้องหน้ากว้างใหญ่

ประหนึ่งหยางเทียนตงกำลังมุ่งหน้าไปยังขุมนรก และราชาปีศาจเตี่ยนซู่ก็เป็นเจ้าแห่งขุมนรกนั้น

……

ตั้งแต่รู้ว่าหานเจวี๋ยสังหารนักพรตเต๋าชิงเสียน ความกดดันของหลี่ชิงจื่อก็มลายหายไป เรื่องต่างๆ เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ และสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็ไม่กล้ากระจายข่าวในต้าเยี่ยนอีก

มารปีศาจหมื่นปีอย่างราชาปีศาจเตี่ยนซู่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนจึงสงบสุขเป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยยังคงกักตนฝึกฝน

เวลาล่วงเลยผ่านไปในชั่วพริบตา ผงธุลีคละคลุ้งแห่งโลกียโลก พลังอันยิ่งใหญ่เอาชนะภัยพิบัติได้ มนุษย์มีเวียนว่ายตายเกิด ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน กาลเวลาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากอดีตมากนัก

เจ็ดปีต่อมา

หลี่ชิงจื่อมาพบหานเจวี๋ย ขัดจังหวะการบำเพ็ญเพยรของเขา

เมื่อเจ้าสำนักเดินทางมา จำต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ

หรือมารปีศาจหมื่นปีบุกโจมตีแล้ว?

หรือว่าจะเป็นสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเข้ามารุกราน?

หลี่ชิงจื่อเข้าไปในถ้ำเทวา เอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ผู้อาวุโสหาน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

หานเจวี๋ยใจกระตุกไปเล็กน้อย รอให้หลี่ชิงจื่อเล่าถึงความกังวล

“คราวที่สิบเก้าสายสำนักบุกโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์ก่อนหน้านี้ ผู้นำในครั้งนั้นก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญที่ชื่อเว่ยหยวนหรอกหรือ เขาถูกท่านฆ่าสังหารแล้ว แต่คนผู้นี้กลับยังไม่ตาย กลับไปยังสำนักเก้ามังกรเขตแก่นประจิม เจ้าเดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น คนผู้นี้กลับได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักเก้ามังกร! ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกบั่นคอที่สำนักของพวกเรา ไม่แน่ว่าเขาอาจจะนำสำนักเก้ามังกรทั้งหมดบุกเข้ามาโจมตีเราก็ได้!”

หลี่ชิงจื่อกล่าวอย่างเป็นกังวล เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของหานเจวี๋ยก็แปลกประหลาด

เรื่องบ้าอะไรกัน

หวงจุนเทียนขึ้นเป็นเจ้าสำนักแล้วหรือ

หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์เพื่อตรวจสอบทันที

[หวงจุนเทียน: ระดับสุญตาขั้นหนึ่ง (ตัวปลอม) เจ้าสำนักของสำนักเก้ามังกร นิสัยระมัดระวังแต่กำเนิด เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อเขาเลือกที่จะไม่ลงมือ ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรดี ก่อนหน้านี้ก่อนที่หวงจุนเทียนจะจากไปก็เคยเอ่ยถามว่าต้องแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักหรือไม่ ตอนนั้นหานเวี๋ยไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแค่จัดการไปแบบส่งๆ ไม่คิดว่าหวงจุนเทียนจะทำสำเร็จแล้วจริงๆ!

เจ้าหมอนี่พอถึงคราวต้องแย่งชิงตำแหน่งแย่งชิงอำนาจก็ไม่ธรรมดาเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “สำนักเก้ามังกรอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียว แม้กระทั่งเว่ยหยวนก็เป็นเจ้าสำนักได้?”

ระดับสุญตาขั้นหนึ่งก็สามารถเป็นเจ้าสำนักได้ สำนักเก้ามังกรต้องอ่อนแอเพียงใดกัน?

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ากล่าว “เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจนัก ได้ยินมาว่าเขตแก่นประจิมวุ่นวายไม่เป็นท่า ต้นตอน่าจะเกี่ยวกับตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักเก้ามังกร”

…………………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย
“จริงหรือ”

ดวงตาของหลิ่วปู๋เมี่ยเบิกกว้าง สีหน้าตกตะลึง

ต้าเยี่ยนยังมีคนระดับนั้นอยู่ด้วยหรือ

นักพรตเต๋าชิงเสียนกัดฟันเอ่ยตอบ “ข้าพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ยังไม่จริงอีกหรือ”

หลิ่วปู๋เมี่ยนนิ่งเงียบ

ก่อนที่จะเชิญแขกระดับรวมกายามา นักพรตเต๋าชิงเสียนนับว่าเป็นผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ที่หลิ่วปู๋เมี่ยสามารถขึ้นเป็นเจ้าสำนักได้ ก็เพราะได้ความช่วยเหลือจากนักพรตเต๋าชิงเสียน

เดิมทีคิดว่ายุครุ่งเรืองของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตกำลังจะมาถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตเต๋าชิงเสียนจะแพ้ไม่เป็นท่าในสำนักหยกพิสุทธิ์

หลิ่วปู๋เมี่ยกัดฟันเอ่ยถามขึ้น “คนผู้นั้นคือคือใคร”

นักพรตเต๋าชิงเสียนถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์ หากเจ้าส่งคนไปสืบข่าว บางทีอาจจะสามารถรู้ได้ถึงชื่อเสียงอำนาจของเขา คนผู้นี้ถ่อมตนเป็นยิ่งนัก แต่สำนักหยกพิสุทธิ์สามารถกลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งได้ของต้าเยี่ยนได้ เขาย่อมมีส่วนสำคัญ!”

หลิ่วปู๋เมี่ยขมวดคิ้ว

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดต้าเยี่ยถึงมีผู้แข็งแกร่งทรงพลังเช่นนั้นได้

“ช่างเถอะ ไม่ยุ่งเกี่ยวต้าเยี่ยน เช่นนั้นเรามาเริ่มที่เขตแก่นประจิมก่อนก็ได้” หลิ่วปู๋เมี่ยเอ่ยอย่างทอดถอนใจ

นักพรตเต๋าชิงเสียนพยักหน้า

ในสมองของเขาหวนนึกถึงใบหน้าของหานเจวี๋ยอีกครั้ง

คนผู้นี้ก็อย่าไปข้องแวะเป็นอันขาด!

……

ปีที่สี่หลังจากสังหารนักพรตเต๋าชิงสียน ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับสุญตาขั้นเจ็ดได้สำเร็จ

หลังจากทะลวงระดับแล้ว เขาจึงตรวจสอบค่าความสัมพันธ์

นักพรตเต๋าชิงเสียนยังมีชีวิตอยู่

หานเจวี๋ยรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัดกลุ้มแบบนี้

เห็นได้ชัดว่าเขาฆ่าอีกฝ่ายแล้ว แล้วเหตุใดอีกฝ่ายถึงยังมีชีวิตอยู่

[นักพรตเต๋าชิงเสียน: ระดับสุญตาขั้นเก้า ผู้อาวุโสสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ด้วยถูกท่านโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรู้สึกหวาดกลัวท่านเป็นอย่างมาก ไม่กล้ามาเผชิญหน้าท่านเพียงลำพังอีก ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

สิ่งเดียวที่สามารถเป็นการปลอบประโลมหานเจวี๋ยได้ก็คือนักพรตเต๋าชิงเสียนมีความรู้สึกหวาดกลัวต่อเขาแล้ว

บางครั้งระดับความประทับใจก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ!

หานเจวี๋ยคิดว่าระดับความประทับใจนี้คงมาจากความประทับใจในหน้าตาที่นักพรตเต๋าชิงเสียนมีต่อเขา เพราะว่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุด จึงไม่กล้าเกลียดชังเขา เพราะเช่นนั้นจึงรักษาความประทับใจเช่นนี้มาโดยตลอด

นักพรตเต๋าชิงเสียนทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกตัวขึ้นมา

บางทีเขาอาจจะสามารถบดขยี้ศัตรูได้ แต่ไม่แน่ว่าจะทำให้ศัตรูตกตายเสมอไป

ในแดนบำเพ็ญพรตนั้น มีคนที่มีความสามารถมากมาย หลังจากนี้คงได้พบกับวิธีเอาชีวิตรอดที่มีประสิทธิภาพมากมายหลายประเภท

หลังจากนี้จะฆ่าสังหารศัตรูก็ต้องระวังให้มากๆ

ทางที่ดีคือต้องซุ่มโจมตี โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว

หานเจวี๋ยตรวจสอบอย่างละเอียด

เขารู้สึกว่าบางทีปัญหาอาจมาจากการลงมือของเขาเองถึงสองครั้ง

อืม

ต้องเป็นแบบนั้นแน่!

คงต้องฆ่าสังหารพวกในชั่วพริบตา ไม่ให้ศัตรูได้มีเวลาสูดลมหายใจแม้ครึ่งนาที

สะเพร่าเกินไปแล้ว!

หลังจากนี้จะชะล่าใจไม่ได้ ความประมาทจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุด

หลังจากที่พบปัญหาของตนเองแล้ว นัยน์ตาของหานเจวี๋ยก็แปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยว

ลงมือครั้งหน้าจะต้องรีบจัดการทันที อย่าได้ลังเล!

เพียงไม่นาน หานเจวี๋ยก็หลับตาลงและฝึกฝนต่อไป

……

ทางตอนเหนือของต้าเยี่ยน มีหิมะน้ำแข็งทอดยาวต่อเนื่องหลายร้อยลี้

ท่ามกลางหิมะสีขาวสุดลูกหูลูกตา มีเงาร่างน่าสะพรึงกลัวสูงราวหนึ่งร้อยจั้ง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสูดอากาศ หางขนาดใหญ่มหึมาทั้งสี่สบัดไปมาตามอำเภอใจ ทำให้เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ

หยางเทียนตงพร้อมด้วยราชาปีศาจแปลงกายหลายสิบตัว คุกเข่าลงคารวะเงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวร่างนั้น

เงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวนี้ก็คือราชาปีศาจเตี่ยนซู่ มารปีศาจหมื่นปี!

หยางเทียนเหลือบสายตาขึ้นมองราชาปีศาจเตี่ยนซู่ ตัวอยู่ในพื้นที่ที่หนาวเย็นเช่นนี้ ทว่าที่หน้าผากของเขากลับอดที่จะมีเหงื่อซึมออกมาไม่ได้

ไอปีศาจที่น่าหวาดกลัวจนทำลายล้างไปทั่วโลกันตร์ของราชาปีศาจเตี่ยนซู่นี้ ทำให้เหล่าราชาปีศาจที่อยู่ในที่นี่หวาดกลัวจนถึงขีดสุด

นอกจากตบะแล้ว ยังมีสิ่งที่สืบทอดมาจากสายเลือดด้วย

ก่อนที่ราชาปีศาจเตี่ยนซู่จะฟื้นคืนชีพนั้น หยางเทียนตงมีความคลางแคลงใจมาโดยตลอด ในใจไม่ยอมรับ มักจะรู้สึกว่าตนเองต่างหากที่ควรจะเป็นราชาปีศาจอันดับหนึ่งของต้าเยี่ยน

ทว่าเมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับราชาปีศาจเตี่ยนซู่ เขาถึงได้ตระหนักว่าตนเองนั้นช่างน่าขันสิ้นดี

ผู้ที่รอคอยอยู่ข้างๆ หยางเทียนตงยังคงเป็นปีศาจพฤกษาเฒ่าที่อธิบายที่มาของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ให้เขาฟังมาก่อนตนนั้น

ปีศาจพฤกษาเฒ่าเอ่ยถามด้วยความเคารพว่า “ไม่ทราบว่าท่านราชาปีศาจเรียกพวกเรามาด้วยเหตุใดหรือ”

ราชาปีศาจตนอื่นๆ ก็ประหม่าเช่นกัน

พวกเขาต่างกำลังกังวลว่าราชาปีศาจเตี่ยนซู่จะสร้างปัญหาให้กับพวกเขา

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป…”

น้ำเสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจดังขึ้น ราวกับกำลังช่วงชิงลมหายใจ

“ดินแดนแห่งนี้ มีเพียงข้าที่เป็นราชา ราชาปีศาจทั้งหลายล้วนเป็นแม่ทัพปีศาจของข้า!”

เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา เหล่าราชาปีศาจล้วนตกตะลึงจนเนื้อเต้นไปตามๆ กัน

เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด!

ในใจของพวกเขาต่างก็ไม่ยินยอม แม้ไม่พอใจแต่ไม่กล้าพูด ซึ่งก็รวมไปถึงหยางเทียนตง

ปีศาจพฤกษาเฒ่ารีบเอ่ยประจบทันที “นั่นย่อมแน่นอน! ท่านราชาปีศาจ พวกเราจะฆ่าล้างบางเผ่ามนุษย์ต้าเยี่ยนเมื่อใดหรือ”

หยางเทียนตงก่นด่าเงียบๆ ช่างเป็นสุนัขรับใช้ที่เชื่องจริงๆ!

แม้กระทั่งเขายังสงสัยอย่างหนักว่าเรื่องของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ที่เจ้าปีศาจพฤกษาเฒ่าตนนั้นพูดถึงก่อนหน้านี้เป็นความจริงหรือไม่

บางทีปีศาจพฤกษาเฒ่าตนนี้อาจจะจงใจแต่งเรื่องราชาปีศาจเตี่ยนซู่ให้สวยหรู และให้ร้ายเผ่ามนุษย์

คุกเข่าคารวะราชาปีศาจเตี่ยนซู่ในระยะใกล้เช่นนี้ หยางเทียนตงจึงสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่ไม่เคยมีมาก่อน

สรรพสิ่งที่ราชาปีศาจตนนี้เคยฆ่าสังหารคงจะต้องเหนือจินตนาการของหยางเทียนตงอย่างแน่นอน!

“ล้างบางเผ่าพันธุ์มนุษย์? ข้าเคยพูดว่าจะฆ่าล้างบางเผ่าพันธุ์มนุษย์เมื่อใดกัน” ราชาปีศาจเตี่ยนซู่เอ่ยถามกลับ น้ำเสียงเย็นชา ปีศาจพฤกษาเฒ่าจึงตัวสั่นด้วยความกลัว

หยางเทียนตงสัมผัสถึงพลังจิตที่น่ากลัวหอบหนึ่งที่กำลังกวาดมองพวกเขาไปได้อย่างชัดเจน

“หืม? ครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ… น่าสนใจนี่ เจ้าปีศาจน้อย มานี่สิ”

เมื่อเขาได้ยินคำพูดของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ร่างกายของหยางเทียนตงก็แข็งทื่อ

เขาค่อยๆ เหลือบสายตามองไปอย่างระมัดระวัง พบว่าเงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ได้หายไปแล้ว ทว่าท่ามกลางพายุหิมะนั้นมีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนลาง

เหล่าราชาปีศาจทั้งหลายต่างมองไปทางหยางเทียนตง

หยางเทียนตงกัดฟันกรอด ควบคุมความกังวลของตนเป็นอย่างมาก ลุกขึ้นเดินไปทางราชาปีศาจเตี่ยนซู่

ท้องนภาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ถนนเบื้องหน้ากว้างใหญ่

ประหนึ่งหยางเทียนตงกำลังมุ่งหน้าไปยังขุมนรก และราชาปีศาจเตี่ยนซู่ก็เป็นเจ้าแห่งขุมนรกนั้น

……

ตั้งแต่รู้ว่าหานเจวี๋ยสังหารนักพรตเต๋าชิงเสียน ความกดดันของหลี่ชิงจื่อก็มลายหายไป เรื่องต่างๆ เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ และสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็ไม่กล้ากระจายข่าวในต้าเยี่ยนอีก

มารปีศาจหมื่นปีอย่างราชาปีศาจเตี่ยนซู่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนจึงสงบสุขเป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยยังคงกักตนฝึกฝน

เวลาล่วงเลยผ่านไปในชั่วพริบตา ผงธุลีคละคลุ้งแห่งโลกียโลก พลังอันยิ่งใหญ่เอาชนะภัยพิบัติได้ มนุษย์มีเวียนว่ายตายเกิด ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน กาลเวลาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากอดีตมากนัก

เจ็ดปีต่อมา

หลี่ชิงจื่อมาพบหานเจวี๋ย ขัดจังหวะการบำเพ็ญเพยรของเขา

เมื่อเจ้าสำนักเดินทางมา จำต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ

หรือมารปีศาจหมื่นปีบุกโจมตีแล้ว?

หรือว่าจะเป็นสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเข้ามารุกราน?

หลี่ชิงจื่อเข้าไปในถ้ำเทวา เอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ผู้อาวุโสหาน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

หานเจวี๋ยใจกระตุกไปเล็กน้อย รอให้หลี่ชิงจื่อเล่าถึงความกังวล

“คราวที่สิบเก้าสายสำนักบุกโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์ก่อนหน้านี้ ผู้นำในครั้งนั้นก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญที่ชื่อเว่ยหยวนหรอกหรือ เขาถูกท่านฆ่าสังหารแล้ว แต่คนผู้นี้กลับยังไม่ตาย กลับไปยังสำนักเก้ามังกรเขตแก่นประจิม เจ้าเดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น คนผู้นี้กลับได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักเก้ามังกร! ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกบั่นคอที่สำนักของพวกเรา ไม่แน่ว่าเขาอาจจะนำสำนักเก้ามังกรทั้งหมดบุกเข้ามาโจมตีเราก็ได้!”

หลี่ชิงจื่อกล่าวอย่างเป็นกังวล เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของหานเจวี๋ยก็แปลกประหลาด

เรื่องบ้าอะไรกัน

หวงจุนเทียนขึ้นเป็นเจ้าสำนักแล้วหรือ

หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์เพื่อตรวจสอบทันที

[หวงจุนเทียน: ระดับสุญตาขั้นหนึ่ง (ตัวปลอม) เจ้าสำนักของสำนักเก้ามังกร นิสัยระมัดระวังแต่กำเนิด เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อเขาเลือกที่จะไม่ลงมือ ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรดี ก่อนหน้านี้ก่อนที่หวงจุนเทียนจะจากไปก็เคยเอ่ยถามว่าต้องแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักหรือไม่ ตอนนั้นหานเวี๋ยไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแค่จัดการไปแบบส่งๆ ไม่คิดว่าหวงจุนเทียนจะทำสำเร็จแล้วจริงๆ!

เจ้าหมอนี่พอถึงคราวต้องแย่งชิงตำแหน่งแย่งชิงอำนาจก็ไม่ธรรมดาเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “สำนักเก้ามังกรอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียว แม้กระทั่งเว่ยหยวนก็เป็นเจ้าสำนักได้?”

ระดับสุญตาขั้นหนึ่งก็สามารถเป็นเจ้าสำนักได้ สำนักเก้ามังกรต้องอ่อนแอเพียงใดกัน?

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ากล่าว “เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจนัก ได้ยินมาว่าเขตแก่นประจิมวุ่นวายไม่เป็นท่า ต้นตอน่าจะเกี่ยวกับตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักเก้ามังกร”

…………………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย
“จริงหรือ”

ดวงตาของหลิ่วปู๋เมี่ยเบิกกว้าง สีหน้าตกตะลึง

ต้าเยี่ยนยังมีคนระดับนั้นอยู่ด้วยหรือ

นักพรตเต๋าชิงเสียนกัดฟันเอ่ยตอบ “ข้าพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ยังไม่จริงอีกหรือ”

หลิ่วปู๋เมี่ยนนิ่งเงียบ

ก่อนที่จะเชิญแขกระดับรวมกายามา นักพรตเต๋าชิงเสียนนับว่าเป็นผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ที่หลิ่วปู๋เมี่ยสามารถขึ้นเป็นเจ้าสำนักได้ ก็เพราะได้ความช่วยเหลือจากนักพรตเต๋าชิงเสียน

เดิมทีคิดว่ายุครุ่งเรืองของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตกำลังจะมาถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตเต๋าชิงเสียนจะแพ้ไม่เป็นท่าในสำนักหยกพิสุทธิ์

หลิ่วปู๋เมี่ยกัดฟันเอ่ยถามขึ้น “คนผู้นั้นคือคือใคร”

นักพรตเต๋าชิงเสียนถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์ หากเจ้าส่งคนไปสืบข่าว บางทีอาจจะสามารถรู้ได้ถึงชื่อเสียงอำนาจของเขา คนผู้นี้ถ่อมตนเป็นยิ่งนัก แต่สำนักหยกพิสุทธิ์สามารถกลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งได้ของต้าเยี่ยนได้ เขาย่อมมีส่วนสำคัญ!”

หลิ่วปู๋เมี่ยขมวดคิ้ว

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดต้าเยี่ยถึงมีผู้แข็งแกร่งทรงพลังเช่นนั้นได้

“ช่างเถอะ ไม่ยุ่งเกี่ยวต้าเยี่ยน เช่นนั้นเรามาเริ่มที่เขตแก่นประจิมก่อนก็ได้” หลิ่วปู๋เมี่ยเอ่ยอย่างทอดถอนใจ

นักพรตเต๋าชิงเสียนพยักหน้า

ในสมองของเขาหวนนึกถึงใบหน้าของหานเจวี๋ยอีกครั้ง

คนผู้นี้ก็อย่าไปข้องแวะเป็นอันขาด!

……

ปีที่สี่หลังจากสังหารนักพรตเต๋าชิงสียน ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับสุญตาขั้นเจ็ดได้สำเร็จ

หลังจากทะลวงระดับแล้ว เขาจึงตรวจสอบค่าความสัมพันธ์

นักพรตเต๋าชิงเสียนยังมีชีวิตอยู่

หานเจวี๋ยรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัดกลุ้มแบบนี้

เห็นได้ชัดว่าเขาฆ่าอีกฝ่ายแล้ว แล้วเหตุใดอีกฝ่ายถึงยังมีชีวิตอยู่

[นักพรตเต๋าชิงเสียน: ระดับสุญตาขั้นเก้า ผู้อาวุโสสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ด้วยถูกท่านโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรู้สึกหวาดกลัวท่านเป็นอย่างมาก ไม่กล้ามาเผชิญหน้าท่านเพียงลำพังอีก ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

สิ่งเดียวที่สามารถเป็นการปลอบประโลมหานเจวี๋ยได้ก็คือนักพรตเต๋าชิงเสียนมีความรู้สึกหวาดกลัวต่อเขาแล้ว

บางครั้งระดับความประทับใจก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ!

หานเจวี๋ยคิดว่าระดับความประทับใจนี้คงมาจากความประทับใจในหน้าตาที่นักพรตเต๋าชิงเสียนมีต่อเขา เพราะว่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุด จึงไม่กล้าเกลียดชังเขา เพราะเช่นนั้นจึงรักษาความประทับใจเช่นนี้มาโดยตลอด

นักพรตเต๋าชิงเสียนทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกตัวขึ้นมา

บางทีเขาอาจจะสามารถบดขยี้ศัตรูได้ แต่ไม่แน่ว่าจะทำให้ศัตรูตกตายเสมอไป

ในแดนบำเพ็ญพรตนั้น มีคนที่มีความสามารถมากมาย หลังจากนี้คงได้พบกับวิธีเอาชีวิตรอดที่มีประสิทธิภาพมากมายหลายประเภท

หลังจากนี้จะฆ่าสังหารศัตรูก็ต้องระวังให้มากๆ

ทางที่ดีคือต้องซุ่มโจมตี โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว

หานเจวี๋ยตรวจสอบอย่างละเอียด

เขารู้สึกว่าบางทีปัญหาอาจมาจากการลงมือของเขาเองถึงสองครั้ง

อืม

ต้องเป็นแบบนั้นแน่!

คงต้องฆ่าสังหารพวกในชั่วพริบตา ไม่ให้ศัตรูได้มีเวลาสูดลมหายใจแม้ครึ่งนาที

สะเพร่าเกินไปแล้ว!

หลังจากนี้จะชะล่าใจไม่ได้ ความประมาทจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุด

หลังจากที่พบปัญหาของตนเองแล้ว นัยน์ตาของหานเจวี๋ยก็แปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยว

ลงมือครั้งหน้าจะต้องรีบจัดการทันที อย่าได้ลังเล!

เพียงไม่นาน หานเจวี๋ยก็หลับตาลงและฝึกฝนต่อไป

……

ทางตอนเหนือของต้าเยี่ยน มีหิมะน้ำแข็งทอดยาวต่อเนื่องหลายร้อยลี้

ท่ามกลางหิมะสีขาวสุดลูกหูลูกตา มีเงาร่างน่าสะพรึงกลัวสูงราวหนึ่งร้อยจั้ง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสูดอากาศ หางขนาดใหญ่มหึมาทั้งสี่สบัดไปมาตามอำเภอใจ ทำให้เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ

หยางเทียนตงพร้อมด้วยราชาปีศาจแปลงกายหลายสิบตัว คุกเข่าลงคารวะเงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวร่างนั้น

เงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวนี้ก็คือราชาปีศาจเตี่ยนซู่ มารปีศาจหมื่นปี!

หยางเทียนเหลือบสายตาขึ้นมองราชาปีศาจเตี่ยนซู่ ตัวอยู่ในพื้นที่ที่หนาวเย็นเช่นนี้ ทว่าที่หน้าผากของเขากลับอดที่จะมีเหงื่อซึมออกมาไม่ได้

ไอปีศาจที่น่าหวาดกลัวจนทำลายล้างไปทั่วโลกันตร์ของราชาปีศาจเตี่ยนซู่นี้ ทำให้เหล่าราชาปีศาจที่อยู่ในที่นี่หวาดกลัวจนถึงขีดสุด

นอกจากตบะแล้ว ยังมีสิ่งที่สืบทอดมาจากสายเลือดด้วย

ก่อนที่ราชาปีศาจเตี่ยนซู่จะฟื้นคืนชีพนั้น หยางเทียนตงมีความคลางแคลงใจมาโดยตลอด ในใจไม่ยอมรับ มักจะรู้สึกว่าตนเองต่างหากที่ควรจะเป็นราชาปีศาจอันดับหนึ่งของต้าเยี่ยน

ทว่าเมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับราชาปีศาจเตี่ยนซู่ เขาถึงได้ตระหนักว่าตนเองนั้นช่างน่าขันสิ้นดี

ผู้ที่รอคอยอยู่ข้างๆ หยางเทียนตงยังคงเป็นปีศาจพฤกษาเฒ่าที่อธิบายที่มาของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ให้เขาฟังมาก่อนตนนั้น

ปีศาจพฤกษาเฒ่าเอ่ยถามด้วยความเคารพว่า “ไม่ทราบว่าท่านราชาปีศาจเรียกพวกเรามาด้วยเหตุใดหรือ”

ราชาปีศาจตนอื่นๆ ก็ประหม่าเช่นกัน

พวกเขาต่างกำลังกังวลว่าราชาปีศาจเตี่ยนซู่จะสร้างปัญหาให้กับพวกเขา

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป…”

น้ำเสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจดังขึ้น ราวกับกำลังช่วงชิงลมหายใจ

“ดินแดนแห่งนี้ มีเพียงข้าที่เป็นราชา ราชาปีศาจทั้งหลายล้วนเป็นแม่ทัพปีศาจของข้า!”

เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา เหล่าราชาปีศาจล้วนตกตะลึงจนเนื้อเต้นไปตามๆ กัน

เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด!

ในใจของพวกเขาต่างก็ไม่ยินยอม แม้ไม่พอใจแต่ไม่กล้าพูด ซึ่งก็รวมไปถึงหยางเทียนตง

ปีศาจพฤกษาเฒ่ารีบเอ่ยประจบทันที “นั่นย่อมแน่นอน! ท่านราชาปีศาจ พวกเราจะฆ่าล้างบางเผ่ามนุษย์ต้าเยี่ยนเมื่อใดหรือ”

หยางเทียนตงก่นด่าเงียบๆ ช่างเป็นสุนัขรับใช้ที่เชื่องจริงๆ!

แม้กระทั่งเขายังสงสัยอย่างหนักว่าเรื่องของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ที่เจ้าปีศาจพฤกษาเฒ่าตนนั้นพูดถึงก่อนหน้านี้เป็นความจริงหรือไม่

บางทีปีศาจพฤกษาเฒ่าตนนี้อาจจะจงใจแต่งเรื่องราชาปีศาจเตี่ยนซู่ให้สวยหรู และให้ร้ายเผ่ามนุษย์

คุกเข่าคารวะราชาปีศาจเตี่ยนซู่ในระยะใกล้เช่นนี้ หยางเทียนตงจึงสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่ไม่เคยมีมาก่อน

สรรพสิ่งที่ราชาปีศาจตนนี้เคยฆ่าสังหารคงจะต้องเหนือจินตนาการของหยางเทียนตงอย่างแน่นอน!

“ล้างบางเผ่าพันธุ์มนุษย์? ข้าเคยพูดว่าจะฆ่าล้างบางเผ่าพันธุ์มนุษย์เมื่อใดกัน” ราชาปีศาจเตี่ยนซู่เอ่ยถามกลับ น้ำเสียงเย็นชา ปีศาจพฤกษาเฒ่าจึงตัวสั่นด้วยความกลัว

หยางเทียนตงสัมผัสถึงพลังจิตที่น่ากลัวหอบหนึ่งที่กำลังกวาดมองพวกเขาไปได้อย่างชัดเจน

“หืม? ครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ… น่าสนใจนี่ เจ้าปีศาจน้อย มานี่สิ”

เมื่อเขาได้ยินคำพูดของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ร่างกายของหยางเทียนตงก็แข็งทื่อ

เขาค่อยๆ เหลือบสายตามองไปอย่างระมัดระวัง พบว่าเงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ได้หายไปแล้ว ทว่าท่ามกลางพายุหิมะนั้นมีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนลาง

เหล่าราชาปีศาจทั้งหลายต่างมองไปทางหยางเทียนตง

หยางเทียนตงกัดฟันกรอด ควบคุมความกังวลของตนเป็นอย่างมาก ลุกขึ้นเดินไปทางราชาปีศาจเตี่ยนซู่

ท้องนภาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ถนนเบื้องหน้ากว้างใหญ่

ประหนึ่งหยางเทียนตงกำลังมุ่งหน้าไปยังขุมนรก และราชาปีศาจเตี่ยนซู่ก็เป็นเจ้าแห่งขุมนรกนั้น

……

ตั้งแต่รู้ว่าหานเจวี๋ยสังหารนักพรตเต๋าชิงเสียน ความกดดันของหลี่ชิงจื่อก็มลายหายไป เรื่องต่างๆ เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ และสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็ไม่กล้ากระจายข่าวในต้าเยี่ยนอีก

มารปีศาจหมื่นปีอย่างราชาปีศาจเตี่ยนซู่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนจึงสงบสุขเป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยยังคงกักตนฝึกฝน

เวลาล่วงเลยผ่านไปในชั่วพริบตา ผงธุลีคละคลุ้งแห่งโลกียโลก พลังอันยิ่งใหญ่เอาชนะภัยพิบัติได้ มนุษย์มีเวียนว่ายตายเกิด ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน กาลเวลาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากอดีตมากนัก

เจ็ดปีต่อมา

หลี่ชิงจื่อมาพบหานเจวี๋ย ขัดจังหวะการบำเพ็ญเพยรของเขา

เมื่อเจ้าสำนักเดินทางมา จำต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ

หรือมารปีศาจหมื่นปีบุกโจมตีแล้ว?

หรือว่าจะเป็นสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเข้ามารุกราน?

หลี่ชิงจื่อเข้าไปในถ้ำเทวา เอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ผู้อาวุโสหาน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

หานเจวี๋ยใจกระตุกไปเล็กน้อย รอให้หลี่ชิงจื่อเล่าถึงความกังวล

“คราวที่สิบเก้าสายสำนักบุกโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์ก่อนหน้านี้ ผู้นำในครั้งนั้นก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญที่ชื่อเว่ยหยวนหรอกหรือ เขาถูกท่านฆ่าสังหารแล้ว แต่คนผู้นี้กลับยังไม่ตาย กลับไปยังสำนักเก้ามังกรเขตแก่นประจิม เจ้าเดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น คนผู้นี้กลับได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักเก้ามังกร! ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกบั่นคอที่สำนักของพวกเรา ไม่แน่ว่าเขาอาจจะนำสำนักเก้ามังกรทั้งหมดบุกเข้ามาโจมตีเราก็ได้!”

หลี่ชิงจื่อกล่าวอย่างเป็นกังวล เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของหานเจวี๋ยก็แปลกประหลาด

เรื่องบ้าอะไรกัน

หวงจุนเทียนขึ้นเป็นเจ้าสำนักแล้วหรือ

หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์เพื่อตรวจสอบทันที

[หวงจุนเทียน: ระดับสุญตาขั้นหนึ่ง (ตัวปลอม) เจ้าสำนักของสำนักเก้ามังกร นิสัยระมัดระวังแต่กำเนิด เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อเขาเลือกที่จะไม่ลงมือ ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรดี ก่อนหน้านี้ก่อนที่หวงจุนเทียนจะจากไปก็เคยเอ่ยถามว่าต้องแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักหรือไม่ ตอนนั้นหานเวี๋ยไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแค่จัดการไปแบบส่งๆ ไม่คิดว่าหวงจุนเทียนจะทำสำเร็จแล้วจริงๆ!

เจ้าหมอนี่พอถึงคราวต้องแย่งชิงตำแหน่งแย่งชิงอำนาจก็ไม่ธรรมดาเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “สำนักเก้ามังกรอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียว แม้กระทั่งเว่ยหยวนก็เป็นเจ้าสำนักได้?”

ระดับสุญตาขั้นหนึ่งก็สามารถเป็นเจ้าสำนักได้ สำนักเก้ามังกรต้องอ่อนแอเพียงใดกัน?

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ากล่าว “เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจนัก ได้ยินมาว่าเขตแก่นประจิมวุ่นวายไม่เป็นท่า ต้นตอน่าจะเกี่ยวกับตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักเก้ามังกร”

…………………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 75 จุดอ่อนที่ร้ายแรงของหานเจวี๋ย
“จริงหรือ”

ดวงตาของหลิ่วปู๋เมี่ยเบิกกว้าง สีหน้าตกตะลึง

ต้าเยี่ยนยังมีคนระดับนั้นอยู่ด้วยหรือ

นักพรตเต๋าชิงเสียนกัดฟันเอ่ยตอบ “ข้าพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ยังไม่จริงอีกหรือ”

หลิ่วปู๋เมี่ยนนิ่งเงียบ

ก่อนที่จะเชิญแขกระดับรวมกายามา นักพรตเต๋าชิงเสียนนับว่าเป็นผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ที่หลิ่วปู๋เมี่ยสามารถขึ้นเป็นเจ้าสำนักได้ ก็เพราะได้ความช่วยเหลือจากนักพรตเต๋าชิงเสียน

เดิมทีคิดว่ายุครุ่งเรืองของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตกำลังจะมาถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตเต๋าชิงเสียนจะแพ้ไม่เป็นท่าในสำนักหยกพิสุทธิ์

หลิ่วปู๋เมี่ยกัดฟันเอ่ยถามขึ้น “คนผู้นั้นคือคือใคร”

นักพรตเต๋าชิงเสียนถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์ หากเจ้าส่งคนไปสืบข่าว บางทีอาจจะสามารถรู้ได้ถึงชื่อเสียงอำนาจของเขา คนผู้นี้ถ่อมตนเป็นยิ่งนัก แต่สำนักหยกพิสุทธิ์สามารถกลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งได้ของต้าเยี่ยนได้ เขาย่อมมีส่วนสำคัญ!”

หลิ่วปู๋เมี่ยขมวดคิ้ว

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดต้าเยี่ยถึงมีผู้แข็งแกร่งทรงพลังเช่นนั้นได้

“ช่างเถอะ ไม่ยุ่งเกี่ยวต้าเยี่ยน เช่นนั้นเรามาเริ่มที่เขตแก่นประจิมก่อนก็ได้” หลิ่วปู๋เมี่ยเอ่ยอย่างทอดถอนใจ

นักพรตเต๋าชิงเสียนพยักหน้า

ในสมองของเขาหวนนึกถึงใบหน้าของหานเจวี๋ยอีกครั้ง

คนผู้นี้ก็อย่าไปข้องแวะเป็นอันขาด!

……

ปีที่สี่หลังจากสังหารนักพรตเต๋าชิงสียน ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับสุญตาขั้นเจ็ดได้สำเร็จ

หลังจากทะลวงระดับแล้ว เขาจึงตรวจสอบค่าความสัมพันธ์

นักพรตเต๋าชิงเสียนยังมีชีวิตอยู่

หานเจวี๋ยรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัดกลุ้มแบบนี้

เห็นได้ชัดว่าเขาฆ่าอีกฝ่ายแล้ว แล้วเหตุใดอีกฝ่ายถึงยังมีชีวิตอยู่

[นักพรตเต๋าชิงเสียน: ระดับสุญตาขั้นเก้า ผู้อาวุโสสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ด้วยถูกท่านโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรู้สึกหวาดกลัวท่านเป็นอย่างมาก ไม่กล้ามาเผชิญหน้าท่านเพียงลำพังอีก ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

สิ่งเดียวที่สามารถเป็นการปลอบประโลมหานเจวี๋ยได้ก็คือนักพรตเต๋าชิงเสียนมีความรู้สึกหวาดกลัวต่อเขาแล้ว

บางครั้งระดับความประทับใจก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ!

หานเจวี๋ยคิดว่าระดับความประทับใจนี้คงมาจากความประทับใจในหน้าตาที่นักพรตเต๋าชิงเสียนมีต่อเขา เพราะว่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุด จึงไม่กล้าเกลียดชังเขา เพราะเช่นนั้นจึงรักษาความประทับใจเช่นนี้มาโดยตลอด

นักพรตเต๋าชิงเสียนทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกตัวขึ้นมา

บางทีเขาอาจจะสามารถบดขยี้ศัตรูได้ แต่ไม่แน่ว่าจะทำให้ศัตรูตกตายเสมอไป

ในแดนบำเพ็ญพรตนั้น มีคนที่มีความสามารถมากมาย หลังจากนี้คงได้พบกับวิธีเอาชีวิตรอดที่มีประสิทธิภาพมากมายหลายประเภท

หลังจากนี้จะฆ่าสังหารศัตรูก็ต้องระวังให้มากๆ

ทางที่ดีคือต้องซุ่มโจมตี โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว

หานเจวี๋ยตรวจสอบอย่างละเอียด

เขารู้สึกว่าบางทีปัญหาอาจมาจากการลงมือของเขาเองถึงสองครั้ง

อืม

ต้องเป็นแบบนั้นแน่!

คงต้องฆ่าสังหารพวกในชั่วพริบตา ไม่ให้ศัตรูได้มีเวลาสูดลมหายใจแม้ครึ่งนาที

สะเพร่าเกินไปแล้ว!

หลังจากนี้จะชะล่าใจไม่ได้ ความประมาทจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุด

หลังจากที่พบปัญหาของตนเองแล้ว นัยน์ตาของหานเจวี๋ยก็แปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยว

ลงมือครั้งหน้าจะต้องรีบจัดการทันที อย่าได้ลังเล!

เพียงไม่นาน หานเจวี๋ยก็หลับตาลงและฝึกฝนต่อไป

……

ทางตอนเหนือของต้าเยี่ยน มีหิมะน้ำแข็งทอดยาวต่อเนื่องหลายร้อยลี้

ท่ามกลางหิมะสีขาวสุดลูกหูลูกตา มีเงาร่างน่าสะพรึงกลัวสูงราวหนึ่งร้อยจั้ง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสูดอากาศ หางขนาดใหญ่มหึมาทั้งสี่สบัดไปมาตามอำเภอใจ ทำให้เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ

หยางเทียนตงพร้อมด้วยราชาปีศาจแปลงกายหลายสิบตัว คุกเข่าลงคารวะเงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวร่างนั้น

เงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวนี้ก็คือราชาปีศาจเตี่ยนซู่ มารปีศาจหมื่นปี!

หยางเทียนเหลือบสายตาขึ้นมองราชาปีศาจเตี่ยนซู่ ตัวอยู่ในพื้นที่ที่หนาวเย็นเช่นนี้ ทว่าที่หน้าผากของเขากลับอดที่จะมีเหงื่อซึมออกมาไม่ได้

ไอปีศาจที่น่าหวาดกลัวจนทำลายล้างไปทั่วโลกันตร์ของราชาปีศาจเตี่ยนซู่นี้ ทำให้เหล่าราชาปีศาจที่อยู่ในที่นี่หวาดกลัวจนถึงขีดสุด

นอกจากตบะแล้ว ยังมีสิ่งที่สืบทอดมาจากสายเลือดด้วย

ก่อนที่ราชาปีศาจเตี่ยนซู่จะฟื้นคืนชีพนั้น หยางเทียนตงมีความคลางแคลงใจมาโดยตลอด ในใจไม่ยอมรับ มักจะรู้สึกว่าตนเองต่างหากที่ควรจะเป็นราชาปีศาจอันดับหนึ่งของต้าเยี่ยน

ทว่าเมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับราชาปีศาจเตี่ยนซู่ เขาถึงได้ตระหนักว่าตนเองนั้นช่างน่าขันสิ้นดี

ผู้ที่รอคอยอยู่ข้างๆ หยางเทียนตงยังคงเป็นปีศาจพฤกษาเฒ่าที่อธิบายที่มาของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ให้เขาฟังมาก่อนตนนั้น

ปีศาจพฤกษาเฒ่าเอ่ยถามด้วยความเคารพว่า “ไม่ทราบว่าท่านราชาปีศาจเรียกพวกเรามาด้วยเหตุใดหรือ”

ราชาปีศาจตนอื่นๆ ก็ประหม่าเช่นกัน

พวกเขาต่างกำลังกังวลว่าราชาปีศาจเตี่ยนซู่จะสร้างปัญหาให้กับพวกเขา

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป…”

น้ำเสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจดังขึ้น ราวกับกำลังช่วงชิงลมหายใจ

“ดินแดนแห่งนี้ มีเพียงข้าที่เป็นราชา ราชาปีศาจทั้งหลายล้วนเป็นแม่ทัพปีศาจของข้า!”

เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา เหล่าราชาปีศาจล้วนตกตะลึงจนเนื้อเต้นไปตามๆ กัน

เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด!

ในใจของพวกเขาต่างก็ไม่ยินยอม แม้ไม่พอใจแต่ไม่กล้าพูด ซึ่งก็รวมไปถึงหยางเทียนตง

ปีศาจพฤกษาเฒ่ารีบเอ่ยประจบทันที “นั่นย่อมแน่นอน! ท่านราชาปีศาจ พวกเราจะฆ่าล้างบางเผ่ามนุษย์ต้าเยี่ยนเมื่อใดหรือ”

หยางเทียนตงก่นด่าเงียบๆ ช่างเป็นสุนัขรับใช้ที่เชื่องจริงๆ!

แม้กระทั่งเขายังสงสัยอย่างหนักว่าเรื่องของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ที่เจ้าปีศาจพฤกษาเฒ่าตนนั้นพูดถึงก่อนหน้านี้เป็นความจริงหรือไม่

บางทีปีศาจพฤกษาเฒ่าตนนี้อาจจะจงใจแต่งเรื่องราชาปีศาจเตี่ยนซู่ให้สวยหรู และให้ร้ายเผ่ามนุษย์

คุกเข่าคารวะราชาปีศาจเตี่ยนซู่ในระยะใกล้เช่นนี้ หยางเทียนตงจึงสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่ไม่เคยมีมาก่อน

สรรพสิ่งที่ราชาปีศาจตนนี้เคยฆ่าสังหารคงจะต้องเหนือจินตนาการของหยางเทียนตงอย่างแน่นอน!

“ล้างบางเผ่าพันธุ์มนุษย์? ข้าเคยพูดว่าจะฆ่าล้างบางเผ่าพันธุ์มนุษย์เมื่อใดกัน” ราชาปีศาจเตี่ยนซู่เอ่ยถามกลับ น้ำเสียงเย็นชา ปีศาจพฤกษาเฒ่าจึงตัวสั่นด้วยความกลัว

หยางเทียนตงสัมผัสถึงพลังจิตที่น่ากลัวหอบหนึ่งที่กำลังกวาดมองพวกเขาไปได้อย่างชัดเจน

“หืม? ครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ… น่าสนใจนี่ เจ้าปีศาจน้อย มานี่สิ”

เมื่อเขาได้ยินคำพูดของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ร่างกายของหยางเทียนตงก็แข็งทื่อ

เขาค่อยๆ เหลือบสายตามองไปอย่างระมัดระวัง พบว่าเงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวของราชาปีศาจเตี่ยนซู่ได้หายไปแล้ว ทว่าท่ามกลางพายุหิมะนั้นมีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนลาง

เหล่าราชาปีศาจทั้งหลายต่างมองไปทางหยางเทียนตง

หยางเทียนตงกัดฟันกรอด ควบคุมความกังวลของตนเป็นอย่างมาก ลุกขึ้นเดินไปทางราชาปีศาจเตี่ยนซู่

ท้องนภาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ถนนเบื้องหน้ากว้างใหญ่

ประหนึ่งหยางเทียนตงกำลังมุ่งหน้าไปยังขุมนรก และราชาปีศาจเตี่ยนซู่ก็เป็นเจ้าแห่งขุมนรกนั้น

……

ตั้งแต่รู้ว่าหานเจวี๋ยสังหารนักพรตเต๋าชิงเสียน ความกดดันของหลี่ชิงจื่อก็มลายหายไป เรื่องต่างๆ เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ และสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็ไม่กล้ากระจายข่าวในต้าเยี่ยนอีก

มารปีศาจหมื่นปีอย่างราชาปีศาจเตี่ยนซู่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนจึงสงบสุขเป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยยังคงกักตนฝึกฝน

เวลาล่วงเลยผ่านไปในชั่วพริบตา ผงธุลีคละคลุ้งแห่งโลกียโลก พลังอันยิ่งใหญ่เอาชนะภัยพิบัติได้ มนุษย์มีเวียนว่ายตายเกิด ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน กาลเวลาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากอดีตมากนัก

เจ็ดปีต่อมา

หลี่ชิงจื่อมาพบหานเจวี๋ย ขัดจังหวะการบำเพ็ญเพยรของเขา

เมื่อเจ้าสำนักเดินทางมา จำต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ

หรือมารปีศาจหมื่นปีบุกโจมตีแล้ว?

หรือว่าจะเป็นสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเข้ามารุกราน?

หลี่ชิงจื่อเข้าไปในถ้ำเทวา เอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ผู้อาวุโสหาน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

หานเจวี๋ยใจกระตุกไปเล็กน้อย รอให้หลี่ชิงจื่อเล่าถึงความกังวล

“คราวที่สิบเก้าสายสำนักบุกโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์ก่อนหน้านี้ ผู้นำในครั้งนั้นก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญที่ชื่อเว่ยหยวนหรอกหรือ เขาถูกท่านฆ่าสังหารแล้ว แต่คนผู้นี้กลับยังไม่ตาย กลับไปยังสำนักเก้ามังกรเขตแก่นประจิม เจ้าเดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น คนผู้นี้กลับได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักเก้ามังกร! ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกบั่นคอที่สำนักของพวกเรา ไม่แน่ว่าเขาอาจจะนำสำนักเก้ามังกรทั้งหมดบุกเข้ามาโจมตีเราก็ได้!”

หลี่ชิงจื่อกล่าวอย่างเป็นกังวล เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของหานเจวี๋ยก็แปลกประหลาด

เรื่องบ้าอะไรกัน

หวงจุนเทียนขึ้นเป็นเจ้าสำนักแล้วหรือ

หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์เพื่อตรวจสอบทันที

[หวงจุนเทียน: ระดับสุญตาขั้นหนึ่ง (ตัวปลอม) เจ้าสำนักของสำนักเก้ามังกร นิสัยระมัดระวังแต่กำเนิด เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อเขาเลือกที่จะไม่ลงมือ ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรดี ก่อนหน้านี้ก่อนที่หวงจุนเทียนจะจากไปก็เคยเอ่ยถามว่าต้องแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักหรือไม่ ตอนนั้นหานเวี๋ยไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแค่จัดการไปแบบส่งๆ ไม่คิดว่าหวงจุนเทียนจะทำสำเร็จแล้วจริงๆ!

เจ้าหมอนี่พอถึงคราวต้องแย่งชิงตำแหน่งแย่งชิงอำนาจก็ไม่ธรรมดาเลย

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “สำนักเก้ามังกรอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียว แม้กระทั่งเว่ยหยวนก็เป็นเจ้าสำนักได้?”

ระดับสุญตาขั้นหนึ่งก็สามารถเป็นเจ้าสำนักได้ สำนักเก้ามังกรต้องอ่อนแอเพียงใดกัน?

หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ากล่าว “เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจนัก ได้ยินมาว่าเขตแก่นประจิมวุ่นวายไม่เป็นท่า ต้นตอน่าจะเกี่ยวกับตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักเก้ามังกร”

…………………………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+