ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 235 พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ หานเจวี๋ยที่ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 235 พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ หานเจวี๋ยที่ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 235 พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ หานเจวี๋ยที่ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา

“ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเจ้าก็ฝึกบำเพ็ญอยู่บนเขา หากไม่มีการยินยอมจากข้าห้ามลงเขาไป เข้าใจหรือไม่”

หานเจวี๋ยมองพี่น้องทั้งแปดที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ

สีหน้าของเขาอ่อนโยน แต่น้ำเสียงน่าเกรงขามมาก

พี่น้องทั้งแปดคนรีบรับรองว่าจะไม่ลงจากเขาเด็ดขาด

พวกเขายังไม่ตระหนักว่ากฎข้อนี้เป็นเวลานานเพียงไหน ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หลังจากเปลี่ยนร่างแล้วทุกสิ่งล้วนน่าสนใจไปหมด

หานเจวี๋ยเดินมานั่งขัดสมาธิใต้ต้นฝูซัง โบกมือเป็นสัญญาณบอกให้แปดพี่น้องเข้ามา

พี่น้องทั้งแปดเข้ามาหาอย่างว่านอนสอนง่าย อยากรู้มากว่าหานเจวี๋ยจะพูดอะไร

คนอื่นๆ กลับเข้าใจดีว่าหานเจวี๋ยจะถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้กับพวกเขา

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจถ่ายทอดวิชาวัฏจักรหกวิถีให้พวกเขา

เขาฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถีใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ที่พึ่งที่สำคัญที่สุดของเขาไม่ใช่วิชาวัฏจักรหกวิถี และก็ไม่กลัวพี่น้องทั้งแปดจะเหนือกว่าด้วย

อีกอย่าง เขาค่อยๆ สอนทีละขั้นได้

วิชายุทธ์อื่นของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็ไม่เหมาะกับพี่น้องทั้งแปดคน

พี่น้องทั้งแปดไม่เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ละคนมีวิชาสืบทอดระดับเซียนของตัวเอง

หานเจวี๋ยไม่กังวลว่าแปดพี่น้องน้ำเต้าจะทรยศตัวเอง เขาลงตราประทับหกวิถีไว้ก่อนที่พวกเขาจะถือกำเนิดออกมาแล้ว

ใช้เวลาไปหนึ่งวัน หลังจากถ่ายทอดเคล็ดพลังภายในของวิชาวัฏจักรหกวิถีให้พี่น้องน้ำเต้าทั้งแปดคนแล้ว หานเจวี๋ยก็กลับไปฝึกบำเพ็ญในถ้ำต่อ

หานเจวี๋ยคาดหวังในตัวพี่น้องทั้งแปดมาก

ด้วยคุณสมบัติของพวกเขา น่าจะผงาดขึ้นมาได้ในอีกไม่ช้า

วันหน้าหากโลกเขย่าพิภพมีภัย พวกเขาก็ช่วยลงมือได้

พรสวรรค์ของพี่น้องน้ำเต้าทั้งแปดทำให้คนที่เหลือรู้สึกได้ถึงวิกฤต รวมถึงหลงเฮ่าด้วย

……

สี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับเซียนทองวัฏจักรขั้นสมบูรณ์แล้ว

ในวันนี้ เขาลืมตาขึ้นแล้วนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบจดหมายไปด้วย

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญนิกายเจี๋ย ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ลี่เหยาสหายของท่านเข้าร่วมวังสวรรค์]

[ฟางเหลียงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x140,234

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านสำเร็จดวงชะตาเทพสงคราม พลังมรรคเพิ่มพูน]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียน] x17

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเผชิญกับการโจมตีจากทหารสวรรค์] x3,281

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกดูดซับความโชคร้าย คุณสมบัติเทพอ่อนแอลง]

……

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

‘เกิดอะไรขึ้นกับซูฉี ความโชคร้ายถูกดูดซับหรือ’

หานเจวี๋ยกังวลมาก แต่เขาไม่รู้ว่าซูฉีอยู่ที่ไหน อยากจะช่วยก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร

‘เหตุใดเจ้าเด็กนี่ถึงไม่ใช้วิชาอัญเชิญเทพ

หรือว่าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์นั่นจะมีจักรพรรดิเซียน’

หานเจวี๋ยยังเห็นด้วยว่านิกายเจี๋ยเปิดศึกกับวังสวรรค์แล้ว

หานเจวี๋ยนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาติดต่อกับตี้ไท่ไป๋

ไม่นานนัก พลังจิตของตี้ไท่ไป๋ก็ส่งเสียงมา “รอข้าติดต่อกลับไป กำลังยุ่งกับการรบสุดชีวิต!”

เมื่อสิ้นเสียง ตี้ไท่ไป๋ก็ตัดการเชื่อมต่อพลังจิตทันที

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

‘สถานการณ์อันตรายเพียงนี้เชียวหรือ หรือว่านิกายเจี๋ยจะทรงพลังกว่าวังสวรรค์?’

หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบผู้แข็งแกร่งที่สุดรอบๆ โลกเขย่าพิภพ แต่ไม่พบศัตรูแต่อย่างใด

ต่อมาหานเจวี๋ยใช้ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์สังเกตสภาพการณ์ฟ้าดิน พุทธะอาภรณ์ขาวกลับไปอยู่อย่างสันโดษแล้ว รากของนิกายฉ่านหยั่งลึกลงในฟ้าดิน

นิกายฉ่าน นิกายเจี๋ย และนิกายเหรินล้วนเป็นสำนักเต๋าดั้งเดิม เพียงแค่ชื่อไม่เหมือนกันเท่านั้น

มรรควิถีของนิกายฉ่านมีประวัติศาสตร์ยาวนานในโลกมนุษย์ ผู้บำเพ็ญจำนวนมากยึดมรรควิถีของนิกายฉ่านเป็นพื้นฐานในการสร้างวิธีการฝึกบำเพ็ญ วิชาเวท รวมถึงพลังวิเศษแบบต่างๆ

ช่วงหลายปีมานี้ โลกมนุษย์เข้าสู่ยุคร้อยสำนักประชันขันแข่ง กระแสการบำเพ็ญตบะก็พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

ต้องยอมรับเลยว่าพุทธะอาภรณ์ขาวมีของจริงๆ อาศัยพลังของตัวเองคนเดียวเสริมความแข็งแกร่งให้โลกเขย่าพิภพ

‘จะต้องคิดหาวิธีทำให้พุทธะอาภรณ์ขาวยอมศิโรราบ’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ

จากนั้นเขาไม่คิดมากอีก เก็บป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์แล้วก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

……

วังสวรรค์ พระราชวังเทียมเมฆา

จักรพรรดิสวรรค์นั่งอยู่บนบัลลังก์จักรพรรดิ ใบหน้าไร้ความรู้สึก เมื่อมองตามสายตาของเขาไป ท้องฟ้านอกพระราชวังเต็มไปด้วยร่างที่กำลังต่อสู้ ชุลมุนอย่างหาที่เปรียบมิได้

เงาร่างหนึ่งกลายเป็นเสี้ยวเงาหลายสายพุ่งเข้ามาในพระราชวังเทียมเมฆา

อีกฝ่ายคือบุรุษในชุดนักพรตเต๋าสีทองผู้หนึ่ง ด้านหลังมีกระบี่วิเศษลอยอยู่สามเล่ม ฝักกระบี่เปล่งแสงเจิดจ้า แขนเสื้อทั้งสองข้างสะบัดตามลม ทั้งสง่างามและทรงพลัง

สายตาของเขาจับจ้องไปที่จักรพรรดิสวรรค์พลางเอ่ยปาก “จักรพรรดิสวรรค์ ศึกครั้งนี้ยังจะดำเนินต่อหรือไม่ ปล่อยวิญญาณศิษย์นิกายเจี๋ยของข้าออกมา แล้วข้าจะนำศิษย์นิกายเจี๋ยถอยทัพออกไป”

จักรพรรดิสวรรค์หัวเราะเบาๆ และตอบว่า “เซียนเฉินจื่อ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพวกเจ้านิกายเจี๋ยแค่ไม่กี่คนก็สั่นสะเทือนวังสวรรค์ได้”

เซียนเฉินจื่อลูบเครากล่าว “นิกายเจี๋ยไม่อยากรบกวนมรรคาสวรรค์ แค่อยากช่วยศิษย์และกลับไปฝึกบำเพ็ญนอกโลกียวิสัยอย่างสบายใจเท่านั้น”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าว “ศิษย์นิกายเจี๋ยเหล่านั้นจะปล่อยออกมาไม่ได้ นั่นคือเวรกรรมที่พวกเจ้าสร้างไว้ในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต นี่คือทัณฑ์ของมรรคาสวรรค์ เราขอแนะนำเจ้าสักนิด จงอย่าได้ขัดขืนคำสั่งสวรรค์!”

เซียนเฉินจื่อแววตาเคร่งขรึม พอยกมือขวาขึ้น กระบี่สามเล่มที่อยู่ด้านหลังก็แยกออกเป็นเงากระบี่หลายสิบเล่มอย่างรวดเร็วราวกับบุปผากระบี่ผลิบาน

ขณะนั้นเอง!

ลำแสงสี่สายร่วงลงมาจากเพดานพระราชวังเทียมเมฆา เข้าโอบล้อมเซียนเฉินจื่อไว้

พลานุภาพน่าหวาดกลัวปกคลุมทั่วทั้งตำหนักใหญ่

เซียนเฉินจื่อเปลี่ยนสีหน้า กล่าวเสียงขรึมว่า “สี่ยอดมหาจักรพรรดิ! จักรพรรดิสวรรค์ นี่เจ้าจงใจรอให้ข้ามาหรือ”

จักรพรรดิสวรรค์พูดอย่างสงบ “นิกายเจี๋ยวางไส้ศึกไว้ในวังสวรรค์ เหตุใดเราจะวางกำลังคนไว้ในนิกายเจี๋ยบ้างไม่ได้

สี่ยอดมหาจักรพรรดิ เราขอให้พวกท่านสังหารคนผู้นี้ แล้วผนึกวิญญาณของเขาไว้ในเสาพระราชวังเทียมเมฆา ไม่ให้มีอิสระชั่วนิจนิรันดร์!”

น้ำเสียงของจักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนเป็นเผด็จการอย่างยิ่ง ไม่อนุญาตให้สงสัยใดๆ

สี่ยอดมหาจักรพรรดิตะโกนออกมาจากลำแสงอย่างพร้อมเพรียงกัน “สังหาร!”

ตู้ม…

……

สี่ปีต่อมา

หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ ก็พลันสัมผัสกลิ่นอายสายหนึ่งได้

เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

กลิ่นอายนี้คือเซวียนฉิงจวิน!

‘เหตุใดนางถึงลงมาที่โลกมนุษย์

เดี๋ยวก่อน! ทำไมนางถึงหลบจอมเทพอู่เต๋อมาถึงโลกมนุษย์ได้’

เวลานี้เซวียนฉิงจวินนั่งสมาธิอยู่ในป่าละแวกสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ นางกำลังดูดซับไอเซียนจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

หานเจวี๋ยพลันปรากฏตัวตรงหน้านาง

เซวียนฉิงจวินลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า “เซียนแท้ไท่อี่หรือ”

‘เจ้าเด็กนี่…’

นางทุ่มเทฝึกฝนด้วยกำลังทั้งหมดในแดนเซียน ได้รับโชควาสนาแบบต่างๆ เพิ่งฝืนทะลวงสู่ระดับเซียนแท้ไท่อี่เมื่อไม่นานมานี้ แต่หานเจวี๋ยอยู่ที่โลกมนุษย์ก็…

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นบาดแผลของนาง ก็อดไม่ได้เอามือกดลงบนศีรษะนาง และใช้พลังเวทของตนรักษาอาการบาดเจ็บให้

ดวงตางดงามของเซวียนฉิงจวินเบิกกว้าง

พลังเวทนี้…

พลังเวทของหานเจวี๋ยลึกล้ำยากเกินหยั่ง ทำให้นางรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับอาจารย์ที่นิกายเจี๋ยของตัวเอง

เซวียนฉิงจวินตระหนกตกใจ ยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

หานเจวี๋ยรักษาอาการบาดเจ็บให้นางพลางถามว่า “ทำไมเจ้าถึงลงมา”

เซวียนฉิงจวินถอนหายใจกล่าว “ข้าหนีมาด้วยวิธีการพิเศษ คิดดูแล้วมีแค่โลกมนุษย์ที่ปลอดภัย ข้าเข้าร่วมนิกายหนึ่ง ทว่านิกายนี้กลับกล้าโจมตีวังสวรรค์ ข้าถูกบังคับให้เข้าร่วมด้วย สุดท้าย…พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ…”

พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ?

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

วังสวรรค์ยอดเยี่ยมขนาดนี้หรือ ก่อนหน้านี้โจมตีวังปีศาจทำไมถึงไม่ได้เรื่องนัก

หรือว่านิกายเจี๋ยไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนยุคสถาปนาเทพแล้ว?

“ศึกใหญ่ก่อนหน้านี้ทำให้ข้าได้เห็นความแข็งแกร่งของเทพเซียน มิน่าล่ะวังสวรรค์ถึงควบคุมกฎสวรรค์ได้” เซวียนฉิงจวินกลัดกลุ้มมาก

ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าร่วมนิกายที่แข็งแกร่งนิกายหนึ่ง สุดท้ายอยู่ได้ไม่นานก็เผชิญกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่เช่นนี้ แม้นิกายเจี๋ยจะไม่ได้พินาศย่อยยับ แต่คนที่ถูกส่งไปล้วนถูกปราบปราม รวมถึงศิษย์ร่วมอาจารย์ของนางด้วย

ตอนนี้เท่ากับว่านางไม่มีที่ไป และยังต้องระวังการตามล่าของวังสวรรค์อีก

หานเจวี๋ยเอ่ย “ไม่เป็นไร ข้าปกป้องเจ้าได้ ว่าแต่เจ้าหลบเทพเซียนด้านนอกหนีเข้ามาได้อย่างไร”

เขาต้องถามให้ชัดเจน ป้องกันไม่ให้มีศัตรูแอบเข้ามาในภายหลัง

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 235 พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ หานเจวี๋ยที่ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 235 พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ หานเจวี๋ยที่ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 235 พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ หานเจวี๋ยที่ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา

“ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเจ้าก็ฝึกบำเพ็ญอยู่บนเขา หากไม่มีการยินยอมจากข้าห้ามลงเขาไป เข้าใจหรือไม่”

หานเจวี๋ยมองพี่น้องทั้งแปดที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ

สีหน้าของเขาอ่อนโยน แต่น้ำเสียงน่าเกรงขามมาก

พี่น้องทั้งแปดคนรีบรับรองว่าจะไม่ลงจากเขาเด็ดขาด

พวกเขายังไม่ตระหนักว่ากฎข้อนี้เป็นเวลานานเพียงไหน ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หลังจากเปลี่ยนร่างแล้วทุกสิ่งล้วนน่าสนใจไปหมด

หานเจวี๋ยเดินมานั่งขัดสมาธิใต้ต้นฝูซัง โบกมือเป็นสัญญาณบอกให้แปดพี่น้องเข้ามา

พี่น้องทั้งแปดเข้ามาหาอย่างว่านอนสอนง่าย อยากรู้มากว่าหานเจวี๋ยจะพูดอะไร

คนอื่นๆ กลับเข้าใจดีว่าหานเจวี๋ยจะถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้กับพวกเขา

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจถ่ายทอดวิชาวัฏจักรหกวิถีให้พวกเขา

เขาฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถีใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ที่พึ่งที่สำคัญที่สุดของเขาไม่ใช่วิชาวัฏจักรหกวิถี และก็ไม่กลัวพี่น้องทั้งแปดจะเหนือกว่าด้วย

อีกอย่าง เขาค่อยๆ สอนทีละขั้นได้

วิชายุทธ์อื่นของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็ไม่เหมาะกับพี่น้องทั้งแปดคน

พี่น้องทั้งแปดไม่เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ละคนมีวิชาสืบทอดระดับเซียนของตัวเอง

หานเจวี๋ยไม่กังวลว่าแปดพี่น้องน้ำเต้าจะทรยศตัวเอง เขาลงตราประทับหกวิถีไว้ก่อนที่พวกเขาจะถือกำเนิดออกมาแล้ว

ใช้เวลาไปหนึ่งวัน หลังจากถ่ายทอดเคล็ดพลังภายในของวิชาวัฏจักรหกวิถีให้พี่น้องน้ำเต้าทั้งแปดคนแล้ว หานเจวี๋ยก็กลับไปฝึกบำเพ็ญในถ้ำต่อ

หานเจวี๋ยคาดหวังในตัวพี่น้องทั้งแปดมาก

ด้วยคุณสมบัติของพวกเขา น่าจะผงาดขึ้นมาได้ในอีกไม่ช้า

วันหน้าหากโลกเขย่าพิภพมีภัย พวกเขาก็ช่วยลงมือได้

พรสวรรค์ของพี่น้องน้ำเต้าทั้งแปดทำให้คนที่เหลือรู้สึกได้ถึงวิกฤต รวมถึงหลงเฮ่าด้วย

……

สี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับเซียนทองวัฏจักรขั้นสมบูรณ์แล้ว

ในวันนี้ เขาลืมตาขึ้นแล้วนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบจดหมายไปด้วย

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญนิกายเจี๋ย ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ลี่เหยาสหายของท่านเข้าร่วมวังสวรรค์]

[ฟางเหลียงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x140,234

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านสำเร็จดวงชะตาเทพสงคราม พลังมรรคเพิ่มพูน]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียน] x17

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเผชิญกับการโจมตีจากทหารสวรรค์] x3,281

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกดูดซับความโชคร้าย คุณสมบัติเทพอ่อนแอลง]

……

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

‘เกิดอะไรขึ้นกับซูฉี ความโชคร้ายถูกดูดซับหรือ’

หานเจวี๋ยกังวลมาก แต่เขาไม่รู้ว่าซูฉีอยู่ที่ไหน อยากจะช่วยก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร

‘เหตุใดเจ้าเด็กนี่ถึงไม่ใช้วิชาอัญเชิญเทพ

หรือว่าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์นั่นจะมีจักรพรรดิเซียน’

หานเจวี๋ยยังเห็นด้วยว่านิกายเจี๋ยเปิดศึกกับวังสวรรค์แล้ว

หานเจวี๋ยนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาติดต่อกับตี้ไท่ไป๋

ไม่นานนัก พลังจิตของตี้ไท่ไป๋ก็ส่งเสียงมา “รอข้าติดต่อกลับไป กำลังยุ่งกับการรบสุดชีวิต!”

เมื่อสิ้นเสียง ตี้ไท่ไป๋ก็ตัดการเชื่อมต่อพลังจิตทันที

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

‘สถานการณ์อันตรายเพียงนี้เชียวหรือ หรือว่านิกายเจี๋ยจะทรงพลังกว่าวังสวรรค์?’

หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบผู้แข็งแกร่งที่สุดรอบๆ โลกเขย่าพิภพ แต่ไม่พบศัตรูแต่อย่างใด

ต่อมาหานเจวี๋ยใช้ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์สังเกตสภาพการณ์ฟ้าดิน พุทธะอาภรณ์ขาวกลับไปอยู่อย่างสันโดษแล้ว รากของนิกายฉ่านหยั่งลึกลงในฟ้าดิน

นิกายฉ่าน นิกายเจี๋ย และนิกายเหรินล้วนเป็นสำนักเต๋าดั้งเดิม เพียงแค่ชื่อไม่เหมือนกันเท่านั้น

มรรควิถีของนิกายฉ่านมีประวัติศาสตร์ยาวนานในโลกมนุษย์ ผู้บำเพ็ญจำนวนมากยึดมรรควิถีของนิกายฉ่านเป็นพื้นฐานในการสร้างวิธีการฝึกบำเพ็ญ วิชาเวท รวมถึงพลังวิเศษแบบต่างๆ

ช่วงหลายปีมานี้ โลกมนุษย์เข้าสู่ยุคร้อยสำนักประชันขันแข่ง กระแสการบำเพ็ญตบะก็พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

ต้องยอมรับเลยว่าพุทธะอาภรณ์ขาวมีของจริงๆ อาศัยพลังของตัวเองคนเดียวเสริมความแข็งแกร่งให้โลกเขย่าพิภพ

‘จะต้องคิดหาวิธีทำให้พุทธะอาภรณ์ขาวยอมศิโรราบ’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ

จากนั้นเขาไม่คิดมากอีก เก็บป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์แล้วก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

……

วังสวรรค์ พระราชวังเทียมเมฆา

จักรพรรดิสวรรค์นั่งอยู่บนบัลลังก์จักรพรรดิ ใบหน้าไร้ความรู้สึก เมื่อมองตามสายตาของเขาไป ท้องฟ้านอกพระราชวังเต็มไปด้วยร่างที่กำลังต่อสู้ ชุลมุนอย่างหาที่เปรียบมิได้

เงาร่างหนึ่งกลายเป็นเสี้ยวเงาหลายสายพุ่งเข้ามาในพระราชวังเทียมเมฆา

อีกฝ่ายคือบุรุษในชุดนักพรตเต๋าสีทองผู้หนึ่ง ด้านหลังมีกระบี่วิเศษลอยอยู่สามเล่ม ฝักกระบี่เปล่งแสงเจิดจ้า แขนเสื้อทั้งสองข้างสะบัดตามลม ทั้งสง่างามและทรงพลัง

สายตาของเขาจับจ้องไปที่จักรพรรดิสวรรค์พลางเอ่ยปาก “จักรพรรดิสวรรค์ ศึกครั้งนี้ยังจะดำเนินต่อหรือไม่ ปล่อยวิญญาณศิษย์นิกายเจี๋ยของข้าออกมา แล้วข้าจะนำศิษย์นิกายเจี๋ยถอยทัพออกไป”

จักรพรรดิสวรรค์หัวเราะเบาๆ และตอบว่า “เซียนเฉินจื่อ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพวกเจ้านิกายเจี๋ยแค่ไม่กี่คนก็สั่นสะเทือนวังสวรรค์ได้”

เซียนเฉินจื่อลูบเครากล่าว “นิกายเจี๋ยไม่อยากรบกวนมรรคาสวรรค์ แค่อยากช่วยศิษย์และกลับไปฝึกบำเพ็ญนอกโลกียวิสัยอย่างสบายใจเท่านั้น”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าว “ศิษย์นิกายเจี๋ยเหล่านั้นจะปล่อยออกมาไม่ได้ นั่นคือเวรกรรมที่พวกเจ้าสร้างไว้ในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต นี่คือทัณฑ์ของมรรคาสวรรค์ เราขอแนะนำเจ้าสักนิด จงอย่าได้ขัดขืนคำสั่งสวรรค์!”

เซียนเฉินจื่อแววตาเคร่งขรึม พอยกมือขวาขึ้น กระบี่สามเล่มที่อยู่ด้านหลังก็แยกออกเป็นเงากระบี่หลายสิบเล่มอย่างรวดเร็วราวกับบุปผากระบี่ผลิบาน

ขณะนั้นเอง!

ลำแสงสี่สายร่วงลงมาจากเพดานพระราชวังเทียมเมฆา เข้าโอบล้อมเซียนเฉินจื่อไว้

พลานุภาพน่าหวาดกลัวปกคลุมทั่วทั้งตำหนักใหญ่

เซียนเฉินจื่อเปลี่ยนสีหน้า กล่าวเสียงขรึมว่า “สี่ยอดมหาจักรพรรดิ! จักรพรรดิสวรรค์ นี่เจ้าจงใจรอให้ข้ามาหรือ”

จักรพรรดิสวรรค์พูดอย่างสงบ “นิกายเจี๋ยวางไส้ศึกไว้ในวังสวรรค์ เหตุใดเราจะวางกำลังคนไว้ในนิกายเจี๋ยบ้างไม่ได้

สี่ยอดมหาจักรพรรดิ เราขอให้พวกท่านสังหารคนผู้นี้ แล้วผนึกวิญญาณของเขาไว้ในเสาพระราชวังเทียมเมฆา ไม่ให้มีอิสระชั่วนิจนิรันดร์!”

น้ำเสียงของจักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนเป็นเผด็จการอย่างยิ่ง ไม่อนุญาตให้สงสัยใดๆ

สี่ยอดมหาจักรพรรดิตะโกนออกมาจากลำแสงอย่างพร้อมเพรียงกัน “สังหาร!”

ตู้ม…

……

สี่ปีต่อมา

หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ ก็พลันสัมผัสกลิ่นอายสายหนึ่งได้

เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

กลิ่นอายนี้คือเซวียนฉิงจวิน!

‘เหตุใดนางถึงลงมาที่โลกมนุษย์

เดี๋ยวก่อน! ทำไมนางถึงหลบจอมเทพอู่เต๋อมาถึงโลกมนุษย์ได้’

เวลานี้เซวียนฉิงจวินนั่งสมาธิอยู่ในป่าละแวกสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ นางกำลังดูดซับไอเซียนจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

หานเจวี๋ยพลันปรากฏตัวตรงหน้านาง

เซวียนฉิงจวินลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า “เซียนแท้ไท่อี่หรือ”

‘เจ้าเด็กนี่…’

นางทุ่มเทฝึกฝนด้วยกำลังทั้งหมดในแดนเซียน ได้รับโชควาสนาแบบต่างๆ เพิ่งฝืนทะลวงสู่ระดับเซียนแท้ไท่อี่เมื่อไม่นานมานี้ แต่หานเจวี๋ยอยู่ที่โลกมนุษย์ก็…

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นบาดแผลของนาง ก็อดไม่ได้เอามือกดลงบนศีรษะนาง และใช้พลังเวทของตนรักษาอาการบาดเจ็บให้

ดวงตางดงามของเซวียนฉิงจวินเบิกกว้าง

พลังเวทนี้…

พลังเวทของหานเจวี๋ยลึกล้ำยากเกินหยั่ง ทำให้นางรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับอาจารย์ที่นิกายเจี๋ยของตัวเอง

เซวียนฉิงจวินตระหนกตกใจ ยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

หานเจวี๋ยรักษาอาการบาดเจ็บให้นางพลางถามว่า “ทำไมเจ้าถึงลงมา”

เซวียนฉิงจวินถอนหายใจกล่าว “ข้าหนีมาด้วยวิธีการพิเศษ คิดดูแล้วมีแค่โลกมนุษย์ที่ปลอดภัย ข้าเข้าร่วมนิกายหนึ่ง ทว่านิกายนี้กลับกล้าโจมตีวังสวรรค์ ข้าถูกบังคับให้เข้าร่วมด้วย สุดท้าย…พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ…”

พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ?

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

วังสวรรค์ยอดเยี่ยมขนาดนี้หรือ ก่อนหน้านี้โจมตีวังปีศาจทำไมถึงไม่ได้เรื่องนัก

หรือว่านิกายเจี๋ยไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนยุคสถาปนาเทพแล้ว?

“ศึกใหญ่ก่อนหน้านี้ทำให้ข้าได้เห็นความแข็งแกร่งของเทพเซียน มิน่าล่ะวังสวรรค์ถึงควบคุมกฎสวรรค์ได้” เซวียนฉิงจวินกลัดกลุ้มมาก

ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าร่วมนิกายที่แข็งแกร่งนิกายหนึ่ง สุดท้ายอยู่ได้ไม่นานก็เผชิญกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่เช่นนี้ แม้นิกายเจี๋ยจะไม่ได้พินาศย่อยยับ แต่คนที่ถูกส่งไปล้วนถูกปราบปราม รวมถึงศิษย์ร่วมอาจารย์ของนางด้วย

ตอนนี้เท่ากับว่านางไม่มีที่ไป และยังต้องระวังการตามล่าของวังสวรรค์อีก

หานเจวี๋ยเอ่ย “ไม่เป็นไร ข้าปกป้องเจ้าได้ ว่าแต่เจ้าหลบเทพเซียนด้านนอกหนีเข้ามาได้อย่างไร”

เขาต้องถามให้ชัดเจน ป้องกันไม่ให้มีศัตรูแอบเข้ามาในภายหลัง

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+