ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 262 ประกอบชิ้นส่วนมหามรรค

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 262 ประกอบชิ้นส่วนมหามรรค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 262 ประกอบชิ้นส่วนมหามรรค

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์กำลังตามหามือสังหารที่สังหารพุทธะพิชิตชัยอยู่ เขากำลังฝึกบำเพ็ญอย่างสบายอกสบายใจ

หลังจากเหลือแค่จักรพรรดิปีศาจที่เป็นศัตรู หานเจวี๋ยรู้สึกกดดันน้อยลง

เป้าหมายต่อไปคือพุ่งเข้าสู่จักรพรรดิเซียนสองวัฏจักรอย่างสุดตัว

แม้ว่าระดับจักรพรรดิจะฝึกบำเพ็ญยาก แต่เขาไม่อาจอยู่หยุดอยู่ที่จักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏจักรได้ตลอด

ยิ่งยากลำบากยิ่งต้องคว้าทุกวันเวลาไว้ให้ดี

เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ

เวลาแต่ละปีผ่านพ้นไป

เผ่ามังกรแท้ไม่ได้มาโลกเขย่าพิภพอีก แม้แต่ต้นฝูซังก็ไม่สั่นไหว ราวกับว่าวิกฤตได้คลี่คลายแล้ว

ดูท่าในเผ่ามังกรแท้คงมีแต่องค์ชายสิบสามที่สนใจโลกเขย่าพิภพ

ชั่วแวบเดียว เวลาก็ผ่านไปยี่สิบปี

ตบะของหานเจวี๋ยถูกยกระดับอย่างมั่นคง แต่ยังคงอยู่ห่างจากจักรพรรดิเซียนสองวัฏจักรมาก

วันนี้ ดวงชะตาโลกเขย่าพิภพเลื่อนขึ้นอีกครั้ง เพดานระดับในโลกมนุษย์เลื่อนขึ้นถึงระดับเซียนพิภพ

มีแค่ผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับเซียนพิภพเท่านั้น ถึงจะถูกขับไล่ออกจากมรรคาสวรรค์ของโลกเขย่าพิภพ

พลังวิญญาณฟ้าดินก็เพิ่มขึ้นทวี ผู้คนทั่วทั้งใต้หล้าล้วนรับรู้ได้ ชั่วเวลาหนึ่งคำเล่าลือก็เริ่มแพร่กระจายออกไป

ไม่จำเป็นต้องขึ้นสวรรค์ โลกมนุษย์ก็คือแดนเซียน!

คำเล่าลือนี้แพร่กระจายมากขึ้นเรื่อยๆ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งในโลกมนุษย์ต่างก็เห็นด้วย ในเวลาเพียงไม่กี่ร้อยปี พลังวิญญาณฟ้าดินเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด

ที่ผู้บำเพ็ญขึ้นสวรรค์ ไม่ใช่เพราะว่าโลกมนุษย์ไม่อาจทำให้พวกเขาก้าวสูงได้อีกขั้นหรอกหรือ

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคำเล่าลือเหล่านี้ก็คือพุทธะอาภรณ์ขาว

เพื่อเลื่อนขั้นพลังแท้จริงของโลกเขย่าพิภพ สามารถพูดได้ว่าพุทธะอาภรณ์ขาวใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่พลังฟ้าดินถูกยกระดับขึ้น หานเจวี๋ยเริ่มอนุญาตให้บรรดาศิษย์ที่ยังไม่บรรลุระดับเซียนสวรรค์ออกไปฝึกประสบการณ์ได้

โดยเฉพาะพี่น้องหานทั้งแปด จะได้ออกไปเพิ่มความรอบรู้ไปด้วย

ชั่วเวลาหนึ่ง เขาเพียรบำเพ็ญเซียนเงียบเหงาไปไม่น้อย

หานเจวี๋ยกำลังฝึกฝนวิชาชุบร่างวัฏจักรดาราอยู่ในถ้ำเทวา

แม้จะบรรลุระดับจักรพรรดิเซียน กายดาราอนธการของเขายังคงสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ต่อเนื่อง

[ตรวจสอบพบว่าแดนสวรรค์เปิดศึกกับวังปีศาจ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง รีบขึ้นสวรรค์ เข้าร่วมแดนสวรรค์รุดหน้าไปช่วงชิงมหาดวงชะตา จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[ยังไม่ขึ้นสวรรค์ชั่วคราว อยู่ห่างจากผิดถูก ฝึกฝนอย่างสงบเสงี่ยม จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยอึ้งไปทันที แดนสวรรค์เปิดศึกกับวังปีศาจหรือ

แต่ก่อนล้วนเป็นคนอื่นที่มายุแหย่แดนสวรรค์ ครั้งนี้…

จักรพรรดิสวรรค์ลำพองตัวแล้วนี่!

ดูรางวัลของระบบนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าคิดจะดึงดูดให้หานเจวี๋ยเข้าร่วมศึก

หรือนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

ไม่ได้!

ข้าเข้าร่วมเคราะห์ไม่ได้!

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคอีกชิ้น

จนถึงขณะนี้เขาสะสมชิ้นส่วนมหามรรคได้ทั้งหมดเก้าชิ้น!

รวมชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าเข้าด้วยกัน จะได้รับการสนองตอบของมหามรรค ซาบซึ้งมรรควิถีสูงสุด!

หานเจวี๋ยรอเวลานี้มานานแล้ว!

เดิมทีเขาคิดว่าต้องรอสามพันปีเต็มๆ ถึงจะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคชิ้นที่เก้า คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิสวรรค์จะทำให้เขาตกใจระคนดีใจ

ระดับความประทับใจของหานเจวี๋ยที่มีต่อจักรพรรดิสวรรค์เพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 9 ดาว

หานเจวี๋ยปรับอารมณ์และไล่อู้เต้าเจี้ยนออกไป จากนั้นนำชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าชิ้นออกมา

ชิ้นส่วนมหามรรคดูคล้ายชิ้นส่วนของเข็มทิศ สีสันแตกต่างกัน ดูๆ แล้วไม่กลมกลืนกันมาก ไม่เหมือนกับมาจากสิ่งของเดียวกัน

หานเจวี๋ยใช้พลังเวทประกอบชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าอย่างระมัดระวัง

พริบตานั้น มีแสงสว่างจ้าส่องประกายในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยรับรู้ถึงกลิ่นไอน่ากลัวอย่างถึงขีดสุด!

ไม่เคยรับรู้ถึงกลิ่นไอน่ากลัวระดับนี้มาก่อน!

ตรงหน้ากลิ่นไอนี้ ราวกับจักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏจักรอย่างเขาจะกลายเป็นเถ้าธุลีได้ตลอดเวลา

‘นี่คือกลิ่นไอมหามรรคหรือ’

หานเจวี๋ยตื่นตระหนกตกใจมาก มหามรรคเวียนว่ายตายเกิดของเขาไม่ได้ร้ายกาจเช่นนี้หรือ

แสงเจิดจ้าตรงหน้าพรั่งพรูเข้าไปในร่างเขา ดวงตาทั้งสองปิดลง

ลำแสงสลายไป ชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าหายไปแล้ว

นอกถ้ำเทวา

ลี่เหยา หลงเฮ่า อู้เต้าเจี้ยน ไก่คุกรัตติกาล สวินฉางอัน ฉู่ซื่อเหริน และราชามังกรสามหัวที่ฝึกบำเพ็ญอยู่ใต้ฝูซังอดเหลือบตามองไม่ได้

นอกจากพวกเขาแล้ว คนอื่นล้วนออกไปฝึกประสบการณ์

สวินฉางอันเกิดสีหน้าประทับใจ และกล่าวพึมพำ “กลิ่นไอนี้…”

แต่ก่อนเขาเคยรับรู้ถึงกลิ่นไอนี้!

รับรู้มาจากร่างของบรรพชนพุทธ!

ฉู่ซื่อเหรินใจเต้นเร็วกว่าเดิม ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด พอรับรู้ได้ถึงกลิ่นไอที่ออกมาจากถ้ำเทวาฟ้าประทานก็อดใจลอยไม่ได้

ท่ามกลางความมืดมิด เขามองเห็นภาพแตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งแปลกหน้าและคุ้นเคย

“ไม่ใช่หรอกมั้ง นายท่านจะทะลวงอีกแล้วหรือ” ราชามังกรสามหัวกล่าวอย่างตกตะลึง

‘นี่เพิ่งผ่านไปนานเท่าใดกัน’

ไม่มีคนตอบคำพูดของเขา ทุกคนล้วนเห็นเป็นเรื่องปกติแล้ว

ฉู่ซื่อเหรินค่อยๆ หลับตาลง

ฉวินฉางอานปราดตามองเขาทีหนึ่ง ดวงตาแฝงความหมายลึกซึ้ง

……

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยมาถึงมิติลึกลับที่มีหมอกสีม่วงตลบอบอวล นอกจากหมอกสีม่วงแล้วไม่มีสิ่งใดอีก

เขาสติล่องลอย จนกระทั่งได้สติขึ้นมา

หานเจวี๋ยหยุดลงและคิดด้วยความงุนงง “ที่นี่คือ…ไม่ใช่ว่าข้ากำลังประกอบชิ้นส่วนมหามรรคอยู่หรือ”

‘เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่’

หานเจวี๋ยสังเกตดูรอบๆ อย่างละเอียด

‘เอ๊ะ?’

หมอกสีม่วงเหล่านี้ไม่ใช่ปราณฮุ่นตุ้นในร่างเขาหรอกหรือ

เหตุใดถึงมีมากเช่นนี้

หรือว่าจิตรับรู้ของเขาอยู่ในร่างของตนเอง

แต่เหตุใดถึงไม่มีดวงดารานับล้านๆ ดวง

หานเจวี๋ยงุนงงยิ่งกว่าเดิม และเริ่มเดินเตร่ไปรอบด้าน

แต่ทว่ามิติแห่งนี้ไร้ซึ่งขอบเขต ต่อให้เขาจะระเบิดความเร็วของจักรพรรดิเซียนออกมา ก็หาจุดสิ้นสุดไม่พบ แม้กระทั่งไม่อาจออกไปจากมิติแห่งนี้

หานเจวี๋ยลนลานเล็กน้อยแล้ว หรือเขาถูกผู้ทรงพลังโจมตี และวิญญาณถูกขังอยู่ในนี้

เป็นเวลาเนิ่นนาน

หลังจากหานเจวี๋ยรู้แน่ชัดว่าตนเองไม่อาจหนีออกไปได้แล้ว เขาก็ละทิ้งความพยายาม

เขาเริ่มนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญ

“หืม?”

หานเจวี๋ยรู้สึกตกใจระคนดีใจเมื่อค้นพบว่าความเร็วของตบะเหนือกว่าแต่ก่อนมาก

‘เดี๋ยวก่อน!’

ที่แท้เขาไม่ได้ถูกกักขัง หรือว่านี่คือขั้นตอนของการประกอบชิ้นส่วนมหามรรค

มรรควิถีสูงสุดไม่สามารถสืบทอดได้โดยตรง แต่ต้องให้ตัวเองสร้างขึ้นหรือ

หลังจากหานเจวี๋ยคิดทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็เริ่มทำความเข้าใจวิชาวัฏจักรหกวิถี

ที่เขาสามารถฝึกฝนมาถึงวันนี้ได้ อาศัยวิชาวัฏจักรหกวิถีเป็นหลัก หากเขาอยากสร้างวิชายุทธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ได้แต่ใช้วิชาวัฏจักรหกวิถีเป็นพื้นฐานเท่านั้น

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็เกิดความคิดอาจหาญขึ้นมา

หากผสานวิชาวัฏจักรหกวิถีกับวิชาชุบร่างวัฏจักรดารา…

วิชาวัฏจักรหกวิถีเน้นหนักกฎเกณฑ์ทั่วทุกด้าน วิชาชุบร่างวัฏจักรดาราก็เป็นวิชาที่ใช้พลังพิสูจน์มรรค ยกระดับกายเนื้ออย่างร้ายกาจ

ตู๊ม…

หมอกสีม่วงรอบด้านทะลักเข้าร่างหานเจวี๋ยอย่างบ้าคลั่ง จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยตามเข้าไปอยู่ในสถานะที่ล้ำลึกอย่างหาที่เปรียบมิได้

ชั่วพริบตาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ในก่อนหน้านั้น ราวกับท้องฟ้าที่ถูกดึงเมฆหมอกออกไป ทุกอย่างกระจ่างแล้ว

ความคิดนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นในสมองหานเจวี๋ย ราวกับจักรวาลระเบิดออกมาครั้งใหญ่ เต๋าก่อกำเนิดหนึ่ง หนึ่งก่อกำเนิดสอง สองก่อกำเนิดสาม สามก่อกำเนิดสรรพสิ่ง!

เขาเริ่มสร้างวิชายุทธ์ชนิดหนึ่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด!

……

วังสวรรค์ พระราชวังเทียมเมฆา

บรรดาเทพเซียนกำลังถกกันอยู่ว่าจะโจมตีวังปีศาจอย่างไร จักรพรรดิสวรรค์ทรงสดับอยู่บนบัลลังก์เงียบๆ

ขณะนั้นเอง พระราชวังเทียมเมฆาพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

หมู่เซียนตื่นตะลึง พากันนำของวิเศษออกมาเตรียมพร้อมรับศึก

“เกิดอะไรขึ้น”

“ศัตรูโจมตีหรือ”

“ไม่ได้รับรู้ถึงกลิ่นไอของศัตรูนี่!”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ศัตรูโจมตี คือดวงชะตา! ดวงชะตาของวังสวรรค์กำลังเพิ่มฉับพลัน!”

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”

บรรดาเทพเซียนฮือฮาและวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความตกตะลึง พวกเขาพากันแผ่พลังจิตออกไป

จักรพรรดิสวรรค์ขมวดคิ้ว พองอนิ้วคำนวณดู สีพระพักตร์ก็เปลี่ยนไปมาก

เขาคำนวณพบว่าดวงชะตาของวังสวรรค์กำลังเพิ่มขึ้นฉับพลันด้วยความเร็วอันน่าหวาดกลัว ไม่เพียงเท่านี้ พลังกฎเกณฑ์บางอย่างที่แข็งแกร่งกว่ามรรคาสวรรค์เยื้องกรายเข้ามาปกคลุมวังสวรรค์ไว้

‘มีคนกำลังพิสูจน์ต้าหลัวหรือ

เป็นไปไม่ได้’

จักรพรรดิสวรรค์เข้าใจวังสวรรค์อย่างหาที่เปรียบมิได้ ไม่มีคนเช่นนี้แน่นอน!

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 262 ประกอบชิ้นส่วนมหามรรค

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 262 ประกอบชิ้นส่วนมหามรรค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 262 ประกอบชิ้นส่วนมหามรรค

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์กำลังตามหามือสังหารที่สังหารพุทธะพิชิตชัยอยู่ เขากำลังฝึกบำเพ็ญอย่างสบายอกสบายใจ

หลังจากเหลือแค่จักรพรรดิปีศาจที่เป็นศัตรู หานเจวี๋ยรู้สึกกดดันน้อยลง

เป้าหมายต่อไปคือพุ่งเข้าสู่จักรพรรดิเซียนสองวัฏจักรอย่างสุดตัว

แม้ว่าระดับจักรพรรดิจะฝึกบำเพ็ญยาก แต่เขาไม่อาจอยู่หยุดอยู่ที่จักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏจักรได้ตลอด

ยิ่งยากลำบากยิ่งต้องคว้าทุกวันเวลาไว้ให้ดี

เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ

เวลาแต่ละปีผ่านพ้นไป

เผ่ามังกรแท้ไม่ได้มาโลกเขย่าพิภพอีก แม้แต่ต้นฝูซังก็ไม่สั่นไหว ราวกับว่าวิกฤตได้คลี่คลายแล้ว

ดูท่าในเผ่ามังกรแท้คงมีแต่องค์ชายสิบสามที่สนใจโลกเขย่าพิภพ

ชั่วแวบเดียว เวลาก็ผ่านไปยี่สิบปี

ตบะของหานเจวี๋ยถูกยกระดับอย่างมั่นคง แต่ยังคงอยู่ห่างจากจักรพรรดิเซียนสองวัฏจักรมาก

วันนี้ ดวงชะตาโลกเขย่าพิภพเลื่อนขึ้นอีกครั้ง เพดานระดับในโลกมนุษย์เลื่อนขึ้นถึงระดับเซียนพิภพ

มีแค่ผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับเซียนพิภพเท่านั้น ถึงจะถูกขับไล่ออกจากมรรคาสวรรค์ของโลกเขย่าพิภพ

พลังวิญญาณฟ้าดินก็เพิ่มขึ้นทวี ผู้คนทั่วทั้งใต้หล้าล้วนรับรู้ได้ ชั่วเวลาหนึ่งคำเล่าลือก็เริ่มแพร่กระจายออกไป

ไม่จำเป็นต้องขึ้นสวรรค์ โลกมนุษย์ก็คือแดนเซียน!

คำเล่าลือนี้แพร่กระจายมากขึ้นเรื่อยๆ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งในโลกมนุษย์ต่างก็เห็นด้วย ในเวลาเพียงไม่กี่ร้อยปี พลังวิญญาณฟ้าดินเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด

ที่ผู้บำเพ็ญขึ้นสวรรค์ ไม่ใช่เพราะว่าโลกมนุษย์ไม่อาจทำให้พวกเขาก้าวสูงได้อีกขั้นหรอกหรือ

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคำเล่าลือเหล่านี้ก็คือพุทธะอาภรณ์ขาว

เพื่อเลื่อนขั้นพลังแท้จริงของโลกเขย่าพิภพ สามารถพูดได้ว่าพุทธะอาภรณ์ขาวใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่พลังฟ้าดินถูกยกระดับขึ้น หานเจวี๋ยเริ่มอนุญาตให้บรรดาศิษย์ที่ยังไม่บรรลุระดับเซียนสวรรค์ออกไปฝึกประสบการณ์ได้

โดยเฉพาะพี่น้องหานทั้งแปด จะได้ออกไปเพิ่มความรอบรู้ไปด้วย

ชั่วเวลาหนึ่ง เขาเพียรบำเพ็ญเซียนเงียบเหงาไปไม่น้อย

หานเจวี๋ยกำลังฝึกฝนวิชาชุบร่างวัฏจักรดาราอยู่ในถ้ำเทวา

แม้จะบรรลุระดับจักรพรรดิเซียน กายดาราอนธการของเขายังคงสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ต่อเนื่อง

[ตรวจสอบพบว่าแดนสวรรค์เปิดศึกกับวังปีศาจ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง รีบขึ้นสวรรค์ เข้าร่วมแดนสวรรค์รุดหน้าไปช่วงชิงมหาดวงชะตา จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[ยังไม่ขึ้นสวรรค์ชั่วคราว อยู่ห่างจากผิดถูก ฝึกฝนอย่างสงบเสงี่ยม จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยอึ้งไปทันที แดนสวรรค์เปิดศึกกับวังปีศาจหรือ

แต่ก่อนล้วนเป็นคนอื่นที่มายุแหย่แดนสวรรค์ ครั้งนี้…

จักรพรรดิสวรรค์ลำพองตัวแล้วนี่!

ดูรางวัลของระบบนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าคิดจะดึงดูดให้หานเจวี๋ยเข้าร่วมศึก

หรือนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

ไม่ได้!

ข้าเข้าร่วมเคราะห์ไม่ได้!

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคอีกชิ้น

จนถึงขณะนี้เขาสะสมชิ้นส่วนมหามรรคได้ทั้งหมดเก้าชิ้น!

รวมชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าเข้าด้วยกัน จะได้รับการสนองตอบของมหามรรค ซาบซึ้งมรรควิถีสูงสุด!

หานเจวี๋ยรอเวลานี้มานานแล้ว!

เดิมทีเขาคิดว่าต้องรอสามพันปีเต็มๆ ถึงจะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคชิ้นที่เก้า คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิสวรรค์จะทำให้เขาตกใจระคนดีใจ

ระดับความประทับใจของหานเจวี๋ยที่มีต่อจักรพรรดิสวรรค์เพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 9 ดาว

หานเจวี๋ยปรับอารมณ์และไล่อู้เต้าเจี้ยนออกไป จากนั้นนำชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าชิ้นออกมา

ชิ้นส่วนมหามรรคดูคล้ายชิ้นส่วนของเข็มทิศ สีสันแตกต่างกัน ดูๆ แล้วไม่กลมกลืนกันมาก ไม่เหมือนกับมาจากสิ่งของเดียวกัน

หานเจวี๋ยใช้พลังเวทประกอบชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าอย่างระมัดระวัง

พริบตานั้น มีแสงสว่างจ้าส่องประกายในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยรับรู้ถึงกลิ่นไอน่ากลัวอย่างถึงขีดสุด!

ไม่เคยรับรู้ถึงกลิ่นไอน่ากลัวระดับนี้มาก่อน!

ตรงหน้ากลิ่นไอนี้ ราวกับจักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏจักรอย่างเขาจะกลายเป็นเถ้าธุลีได้ตลอดเวลา

‘นี่คือกลิ่นไอมหามรรคหรือ’

หานเจวี๋ยตื่นตระหนกตกใจมาก มหามรรคเวียนว่ายตายเกิดของเขาไม่ได้ร้ายกาจเช่นนี้หรือ

แสงเจิดจ้าตรงหน้าพรั่งพรูเข้าไปในร่างเขา ดวงตาทั้งสองปิดลง

ลำแสงสลายไป ชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าหายไปแล้ว

นอกถ้ำเทวา

ลี่เหยา หลงเฮ่า อู้เต้าเจี้ยน ไก่คุกรัตติกาล สวินฉางอัน ฉู่ซื่อเหริน และราชามังกรสามหัวที่ฝึกบำเพ็ญอยู่ใต้ฝูซังอดเหลือบตามองไม่ได้

นอกจากพวกเขาแล้ว คนอื่นล้วนออกไปฝึกประสบการณ์

สวินฉางอันเกิดสีหน้าประทับใจ และกล่าวพึมพำ “กลิ่นไอนี้…”

แต่ก่อนเขาเคยรับรู้ถึงกลิ่นไอนี้!

รับรู้มาจากร่างของบรรพชนพุทธ!

ฉู่ซื่อเหรินใจเต้นเร็วกว่าเดิม ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด พอรับรู้ได้ถึงกลิ่นไอที่ออกมาจากถ้ำเทวาฟ้าประทานก็อดใจลอยไม่ได้

ท่ามกลางความมืดมิด เขามองเห็นภาพแตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งแปลกหน้าและคุ้นเคย

“ไม่ใช่หรอกมั้ง นายท่านจะทะลวงอีกแล้วหรือ” ราชามังกรสามหัวกล่าวอย่างตกตะลึง

‘นี่เพิ่งผ่านไปนานเท่าใดกัน’

ไม่มีคนตอบคำพูดของเขา ทุกคนล้วนเห็นเป็นเรื่องปกติแล้ว

ฉู่ซื่อเหรินค่อยๆ หลับตาลง

ฉวินฉางอานปราดตามองเขาทีหนึ่ง ดวงตาแฝงความหมายลึกซึ้ง

……

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยมาถึงมิติลึกลับที่มีหมอกสีม่วงตลบอบอวล นอกจากหมอกสีม่วงแล้วไม่มีสิ่งใดอีก

เขาสติล่องลอย จนกระทั่งได้สติขึ้นมา

หานเจวี๋ยหยุดลงและคิดด้วยความงุนงง “ที่นี่คือ…ไม่ใช่ว่าข้ากำลังประกอบชิ้นส่วนมหามรรคอยู่หรือ”

‘เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่’

หานเจวี๋ยสังเกตดูรอบๆ อย่างละเอียด

‘เอ๊ะ?’

หมอกสีม่วงเหล่านี้ไม่ใช่ปราณฮุ่นตุ้นในร่างเขาหรอกหรือ

เหตุใดถึงมีมากเช่นนี้

หรือว่าจิตรับรู้ของเขาอยู่ในร่างของตนเอง

แต่เหตุใดถึงไม่มีดวงดารานับล้านๆ ดวง

หานเจวี๋ยงุนงงยิ่งกว่าเดิม และเริ่มเดินเตร่ไปรอบด้าน

แต่ทว่ามิติแห่งนี้ไร้ซึ่งขอบเขต ต่อให้เขาจะระเบิดความเร็วของจักรพรรดิเซียนออกมา ก็หาจุดสิ้นสุดไม่พบ แม้กระทั่งไม่อาจออกไปจากมิติแห่งนี้

หานเจวี๋ยลนลานเล็กน้อยแล้ว หรือเขาถูกผู้ทรงพลังโจมตี และวิญญาณถูกขังอยู่ในนี้

เป็นเวลาเนิ่นนาน

หลังจากหานเจวี๋ยรู้แน่ชัดว่าตนเองไม่อาจหนีออกไปได้แล้ว เขาก็ละทิ้งความพยายาม

เขาเริ่มนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญ

“หืม?”

หานเจวี๋ยรู้สึกตกใจระคนดีใจเมื่อค้นพบว่าความเร็วของตบะเหนือกว่าแต่ก่อนมาก

‘เดี๋ยวก่อน!’

ที่แท้เขาไม่ได้ถูกกักขัง หรือว่านี่คือขั้นตอนของการประกอบชิ้นส่วนมหามรรค

มรรควิถีสูงสุดไม่สามารถสืบทอดได้โดยตรง แต่ต้องให้ตัวเองสร้างขึ้นหรือ

หลังจากหานเจวี๋ยคิดทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็เริ่มทำความเข้าใจวิชาวัฏจักรหกวิถี

ที่เขาสามารถฝึกฝนมาถึงวันนี้ได้ อาศัยวิชาวัฏจักรหกวิถีเป็นหลัก หากเขาอยากสร้างวิชายุทธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ได้แต่ใช้วิชาวัฏจักรหกวิถีเป็นพื้นฐานเท่านั้น

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็เกิดความคิดอาจหาญขึ้นมา

หากผสานวิชาวัฏจักรหกวิถีกับวิชาชุบร่างวัฏจักรดารา…

วิชาวัฏจักรหกวิถีเน้นหนักกฎเกณฑ์ทั่วทุกด้าน วิชาชุบร่างวัฏจักรดาราก็เป็นวิชาที่ใช้พลังพิสูจน์มรรค ยกระดับกายเนื้ออย่างร้ายกาจ

ตู๊ม…

หมอกสีม่วงรอบด้านทะลักเข้าร่างหานเจวี๋ยอย่างบ้าคลั่ง จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยตามเข้าไปอยู่ในสถานะที่ล้ำลึกอย่างหาที่เปรียบมิได้

ชั่วพริบตาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ในก่อนหน้านั้น ราวกับท้องฟ้าที่ถูกดึงเมฆหมอกออกไป ทุกอย่างกระจ่างแล้ว

ความคิดนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นในสมองหานเจวี๋ย ราวกับจักรวาลระเบิดออกมาครั้งใหญ่ เต๋าก่อกำเนิดหนึ่ง หนึ่งก่อกำเนิดสอง สองก่อกำเนิดสาม สามก่อกำเนิดสรรพสิ่ง!

เขาเริ่มสร้างวิชายุทธ์ชนิดหนึ่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด!

……

วังสวรรค์ พระราชวังเทียมเมฆา

บรรดาเทพเซียนกำลังถกกันอยู่ว่าจะโจมตีวังปีศาจอย่างไร จักรพรรดิสวรรค์ทรงสดับอยู่บนบัลลังก์เงียบๆ

ขณะนั้นเอง พระราชวังเทียมเมฆาพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

หมู่เซียนตื่นตะลึง พากันนำของวิเศษออกมาเตรียมพร้อมรับศึก

“เกิดอะไรขึ้น”

“ศัตรูโจมตีหรือ”

“ไม่ได้รับรู้ถึงกลิ่นไอของศัตรูนี่!”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ศัตรูโจมตี คือดวงชะตา! ดวงชะตาของวังสวรรค์กำลังเพิ่มฉับพลัน!”

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”

บรรดาเทพเซียนฮือฮาและวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความตกตะลึง พวกเขาพากันแผ่พลังจิตออกไป

จักรพรรดิสวรรค์ขมวดคิ้ว พองอนิ้วคำนวณดู สีพระพักตร์ก็เปลี่ยนไปมาก

เขาคำนวณพบว่าดวงชะตาของวังสวรรค์กำลังเพิ่มขึ้นฉับพลันด้วยความเร็วอันน่าหวาดกลัว ไม่เพียงเท่านี้ พลังกฎเกณฑ์บางอย่างที่แข็งแกร่งกว่ามรรคาสวรรค์เยื้องกรายเข้ามาปกคลุมวังสวรรค์ไว้

‘มีคนกำลังพิสูจน์ต้าหลัวหรือ

เป็นไปไม่ได้’

จักรพรรดิสวรรค์เข้าใจวังสวรรค์อย่างหาที่เปรียบมิได้ ไม่มีคนเช่นนี้แน่นอน!

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+