ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 309 พลานุภาพของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 309 พลานุภาพของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 309 พลานุภาพของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

“เอาเถอะ ข้าจะทำให้ดีที่สุด”

หวงจุนเทียนรับปาก แม้ว่าในใจจะไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ก็ไม่กล้าขัดความประสงค์ของกระเรียนขาว

กระเรียนขาวพยักหน้าอย่างพึงพอใจและกล่าวว่า ”พยายามให้เต็มที่เถอะ ข้าตั้งความหวังกับเจ้าไว้มาก”

หวงจุนเทียนรีบโค้งคารวะ

หลังจากกระเรียนขาวจากไป หวงจุนเทียนกำม้วนหนังสือในมือแน่น

‘เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ฝึกบำเพ็ญให้หนักเหมือนอย่างคนรุ่นก่อน ไม่ก่อเรื่อง ไม่อวดดี ทั้งที่พวกเจ้าเคยสูญเสียมามากแล้วแท้ๆ สมองมีปัญหาหรือไร’

หวงจุนเทียนบ่นในใจ เพิ่งรับตำแหน่งเจ้าเกาะเพียงไม่กี่ปีก็มีเรื่องเฮงซวยเกิดขึ้นอีกแล้ว

เฮ้อ!

หวงจุนเทียนจมดิ่งอยู่ในความกังวลอันไม่รู้จบ

……

ยี่สิบปีผ่านไปนับตั้งแต่ถูกมังกรเก้าขุมนรกโจมตี

ตบะของหานเจวี๋ยก้าวหน้าขึ้นอีก เมื่อเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้น ความเร็วที่กายดาราอนธการจะกลืนกินแรงกรรมของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรก็ยิ่งสูงขึ้น นอกจากนี้บุปผาเทพปู้โจวยังให้กำเนิดปราณฟ้าประทาน ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญของเขาเรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตามการคาดเดาของหานเจวี๋ย คิดว่าอีกสองสามร้อยปีก็จะสามารถทะลวงไปถึงจักรพรรดิเซียนห้าวัฏได้ ความเร็วในการทะลวงระดับถือว่าคงที่

เมื่อมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้สิ้นสุดลง การบรรลุระดับเซียนจะต้องมั่นคงแน่ ส่วนระดับที่สูงกว่านั้นยังต้องพยายามให้หนักขึ้นอีก

แน่นอน ทั้งหมดนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของการมีชีวิตอยู่

หานเจวี๋ยให้อู้เต้าเจี้ยนออกไป จากนั้นจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ ขณะเดียวกันก็ตรวจดูกล่องจดหมาย

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจ] x187

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังเผ่าปีศาจ] x6

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x376921

[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากคำสาปแช่งลึกลับ]

[จั้งกูซิงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากคำสาปแช่งลึกลับ]

[ตี้หงเย่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากคำสาปแช่งลึกลับ]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเข้าสู่คุนหลุน]

[โจวฝานสหายของท่านเข้าสู่คุนหลุน]

……

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

สหายหลายคนของเขาถูกโจมตีจากคำสาปแช่งลึกลับ และยังมีสหายหลายคนเข้าสู่คุนหลุน

สถานการณ์นี้ค่อนข้างไม่ชอบมาพากล

มีคนใส่ความว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก่อเรื่องดังคาดไว้

เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นกับคุนหลุนอีก

ในช่วงมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต เหตุใดผู้คนจำนวนมากจึงมุ่งหน้าไปที่คุนหลุน หนำซ้ำทั้งหมดเป็นคนที่ตบะธรรมดาทั่วไป

ดูเหมือนกำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว

หานเจวี๋ยลอบระแวดระวังตัว

หนึ่งเดือนต่อมา เขาวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงแล้วฝึกบำเพ็ญต่อ

กลุ่มอิทธิพลที่นับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏตัวและเข้าแทรกแซงในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต นอกจากหานเจวี๋ยจะเก็บตัวเงียบแล้ว ยังต้องทำเวลาเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย

[หานมิ่งเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

หานเจวี๋ยเพิ่งเริ่มฝึกบำเพ็ญก็เห็นข้อความแจ้งเตือนนี้

เขาอดอึ้งตะลึงไม่ได้

ทำไมจู่ๆ เจ้าเด็กนี่ถึงได้เกิดความประทับใจต่อเขากันล่ะ

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้คิดมาก เขาไม่อยากยอมรับน้องชายคนนี้เลยสักนิด เหตุผลที่ไม่สาปแช่งหานมิ่งก็เพราะกลัวว่าจะถูกจักรพรรดิเซียนวัฏจักรพบตัวเข้า

……

ท้องฟ้าครามปุยเมฆขาว กระเรียนเซียนเรียงแถว มีวิหคเซียน สัตว์พาหนะ และของวิเศษบินได้นานาชนิดบินผ่านเป็นครั้งคราว

ท่ามกลางป่าเขามีศาลาหินหลังหนึ่ง

ภายในศาลามีชายสามคน ซึ่งก็คือฟางเหลียง โจวฝาน และโม่ฟู่โฉว

ทั้งสามคนนั่งดื่มสุรารอบโต๊ะหิน เริ่มเล่าถึงอดีต แต่ละคนมีหลากหลายอารมณ์

“งานชุมนุมคุณสมบัติเซียนครั้งนี้พวกเรามาร่วมมือกันได้ อย่างไรเสียรากฐานของพวกเราก็ตื้นเขินเกินไป” โจวฝานเสนอแนะ

ฟางเหลียงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คราวก่อนพวกเจ้ามาช่วยข้า น้ำใจนี้ข้ายังไม่ได้ตอบแทนเลย ย่อมต้องร่วมมือด้วยอยู่แล้ว”

โม่ฟู่โฉวส่ายหัวแล้วกล่าวยิ้มๆ “เจ้าอย่าคิดอย่างนั้นเลย อันที่จริงพวกเราไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด พูดแล้วก็ละอาย”

ฟางเหลียงเอ่ย “จริงสิ กฎเกณฑ์ของงานชุมนุมคุณสมบัติเซียนครั้งนี้ พวกเจ้ารู้หรือไม่”

โจวฝานและโม่ฟู่โฉวต่างส่ายหน้า

ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกัน เหล่าผู้บำเพ็ญตนยังคงบินอยู่เหนือป่าเขาไม่ขาดสาย เป้าหมายล้วนเป็นคุนหลุน

คุนหลุนอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลนัก แต่พวกเขาไม่ได้รีบร้อนมุ่งหน้าไป

โจวฝานกล่าวด้วยสีหน้าคาดหวังรอคอย “ว่ากันว่างานชุมนุมคุณสมบัติเซียนมีวิธีการพิสูจน์จักรพรรดิ ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่”

โม่ฟู่โฉวกล่าวยิ้มๆ “ข้าอยากเข้าร่วมนิกายฉ่านมากกว่า หลบไปให้พ้นจากมหาเคราะห์ครั้งนี้”

ฟางเหลียงระบายยิ้ม สายตาของเขาเหลือบมองไปยังถนนภูเขาที่อยู่ไม่ไกล มีชายชุดดำคนหนึ่งกำลังก้าวเข้ามาอย่างเนิบนาบ

รูม่านตาของฟางเหลียงขยายออก สีหน้าตกตะลึง

โจวฝานสังเกตเห็นสีหน้าของเขาก็อดมองตามไม่ได้ และอึ้งไปเช่นเดียวกัน

โม่ฟู่โฉวมองตามสายตาพวกเขาไป จากนั้นถามด้วยความประหลาดใจว่า “สหายหาน?”

ชายชุดดำที่เดินมาเหมือนได้ยินคำพูดของโม่ฟู่โฉว หันหน้ามามองพวกเขาทันใด

โจวฝานส่ายหน้าหัวเราะ “จำคนผิดแล้ว หานเจวี๋ยดูดีกว่าเขาเยอะ”

ฟางเหลียงพยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จู่ๆ ชายชุดดำก็หายวับมาที่ศาลา เขาถามเสียงเข้มว่า “คนที่พวกเจ้ากำลังพูดถึงชื่อว่าหานเจวี๋ยใช่หรือไม่”

คนทั้งสามตกใจและมองเขาอย่างระวังตัว

ฟางเหลียงชักดาบออกมาทันควัน ถามเสียงหนักว่า “ท่านเป็นใคร”

ชายชุดดำพูดเสียงเย็นชา “ข้าน้อยนามหานมิ่ง”

หานมิ่ง?

ทั้งสามคนอึ้งงันอีกครั้ง ชื่อนี้คล้ายกับชื่อของหานเจวี๋ยเกินไปแล้ว และทั้งสองคนก็หน้าตาคล้ายกันด้วย

หรือว่า…

“เฮอะ หานเจวี๋ยมาแล้วหรือ” หานมิ่งแค่นเสียงหยันก่อนจะเอ่ยถาม ดวงตาของเขาวาบแววเฝ้ารอเสี้ยวหนึ่ง

ฟางเหลียงกล่าวว่า “อาจารย์ปู่ยังไม่ขึ้นสู่สวรรค์ ต่อให้ขึ้นสวรรค์กก็คงไม่มางานเลี้ยงเอิกเกริกเช่นนี้”

ยังไม่ขึ้นสู่สวรรค์?

หานมิ่งขมวดคิ้วถามด้วยเสียงขรึม “ตอนนี้ตบะเขาระดับไหนแล้ว เหตุใดถึงยังไม่ขึ้นสู่สวรรค์”

โจวฝานไม่พอใจน้ำเสียงของเขา แค่นเสียงหยันแล้วจึงตอบ “เจ้าเป็นใครกันแน่ สืบข่าวตบะของสหายหานของข้าไปทำไม”

หานมิ่งกลับเมินเขา จ้องไปทางฟางเหลียงพลางถามว่า “เจ้าเป็นศิษย์หลานของเขาหรือ พวกเจ้าเป็นคนสำนักไหน”

ฟางเหลียงไม่ได้ตอบคำถาม

หัวคิ้วของหานมิ่งขมวดมุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะกำลังจะพูด ทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังแจ้งเตือนดังกระหึ่มไปทั่วฟ้าดิน

“งานชุมนุมคุณสมบัติเซียนกำลังจะเริ่มขึ้น ผู้มาก่อนได้เลือกตำแหน่งที่นั่งก่อน”

ฟางเหลียง โจวฝาน และโม่ฟู่โฉวรีบไปจากศาลาหินทันทีเมื่อได้ยิน

หานมิ่งหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย จากนั้นก็รีบร้อนไล่ตามไป

ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น บรรดาเซียนจากทั่วทุกสารทิศซึ่งกำลังเดินทางอย่างเอ้อระเหยต่างก็เริ่มห้อวิ่งกันสุดกำลังด้วย

……

กาลเวลาผ่านไปแสนไวว่อง

ผ่านไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง จากนั้นหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาติดต่อกับตี้ไท่ไป๋

“ลูกศิษย์ของข้าหลงเฮ่า ศิษย์หลานของข้าฟางเหลียง พักนี้กำลังทำอะไรอยู่หรือ” หานเจวี๋ยชิงถามก่อน

ก่อนหน้านี้เขาเห็นว่าทั้งสองคนเผชิญกับการโจมตีรูปแบบต่างๆ มีทั้งปีศาจประหลาด ผู้บำเพ็ญ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันและยังเผชิญกับอันตรายอย่างเดียวกัน

ตี้ไท่ไป๋กล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเขาไปงานชุมนุมคุณสมบัติเซียน งานชุมนุมคุณสมบัติเซียนเป็นงานใหญ่ที่นิกายฉ่านจัดขึ้นที่คุนหลุน วางใจเถอะ นั่นเป็นโอกาสวาสนาอย่างหนึ่ง พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอก มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”

งานชุมนุมคุณสมบัติเซียน?

มิน่าเล่าพักนี้สหายหลายคนถึงเข้าไปที่คุนหลุน

หานเจวี๋ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ “นิกายฉ่านคิดจะทำอะไร ตอนนี้ไม่ใช่ว่ามีมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตหรอกหรือ”

ตี้ไท่ไป๋เอ่ยตอบ “นิกายฉ่านต้องการผูกสัมพันธ์อันดีกระมัง ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ล้วนต้องติดหนี้กรรมนิกายฉ่าน ถึงอย่างไรคนรุ่นเยาว์ของแต่ละกลุ่มอิทธิพลก็ต้องเคยได้รับโอกาสวาสนาของนิกายฉ่านมา”

เป็นเช่นนี้นี่เอง

หานเจวี๋ยก็ไม่รู้ว่าควรจะตัดสินวิธีการเช่นนี้อย่างไร

“จริงสิ เจ้าไม่ได้อยู่ที่ยมโลกหรือ พักนี้ระวังตัวไว้หน่อย พญายมประกาศแยกตัวเป็นอิสระและขีดเส้นแบ่งชัดเจนกับวังสวรรค์ หากถูกเขาหมายหัว ห้ามแจ้งสถานะวังสวรรค์ของเจ้าไปเชียว มิฉะนั้นเจ้าจะสร้างความเคียดแค้นมากกว่าเดิม” ตี้ไท่ไป๋กล่าวเตือน

หานเจวี๋ยไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เลย

พญายมแข็งแกร่งมาก มีพลังจะแยกตัวเป็นไทอย่างแท้จริง

ตี้ไท่ไป๋ทอดถอนใจกล่าว “มหาเคราะห์ครั้งนี้วุ่นวายเหลือเกิน เผ่าพันธุ์บรรพกาลที่สำคัญพร้อมใจปรากฏตัว สถานการณ์ไม่ชัดเจน ตอนนี้ยังมองไม่ออกว่าใครจะหัวเราะไปจนถึงตอนสุดท้าย โดยเฉพาะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ พลานุภาพของเขายิ่งใหญ่เกินไป มีเผ่าพันธุ์และกลุ่มอิทธิพลในแดนเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ประกาศตัวว่าอยู่ใต้อำนาจของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”

…………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 309 พลานุภาพของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 309 พลานุภาพของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 309 พลานุภาพของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

“เอาเถอะ ข้าจะทำให้ดีที่สุด”

หวงจุนเทียนรับปาก แม้ว่าในใจจะไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ก็ไม่กล้าขัดความประสงค์ของกระเรียนขาว

กระเรียนขาวพยักหน้าอย่างพึงพอใจและกล่าวว่า ”พยายามให้เต็มที่เถอะ ข้าตั้งความหวังกับเจ้าไว้มาก”

หวงจุนเทียนรีบโค้งคารวะ

หลังจากกระเรียนขาวจากไป หวงจุนเทียนกำม้วนหนังสือในมือแน่น

‘เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ฝึกบำเพ็ญให้หนักเหมือนอย่างคนรุ่นก่อน ไม่ก่อเรื่อง ไม่อวดดี ทั้งที่พวกเจ้าเคยสูญเสียมามากแล้วแท้ๆ สมองมีปัญหาหรือไร’

หวงจุนเทียนบ่นในใจ เพิ่งรับตำแหน่งเจ้าเกาะเพียงไม่กี่ปีก็มีเรื่องเฮงซวยเกิดขึ้นอีกแล้ว

เฮ้อ!

หวงจุนเทียนจมดิ่งอยู่ในความกังวลอันไม่รู้จบ

……

ยี่สิบปีผ่านไปนับตั้งแต่ถูกมังกรเก้าขุมนรกโจมตี

ตบะของหานเจวี๋ยก้าวหน้าขึ้นอีก เมื่อเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้น ความเร็วที่กายดาราอนธการจะกลืนกินแรงกรรมของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรก็ยิ่งสูงขึ้น นอกจากนี้บุปผาเทพปู้โจวยังให้กำเนิดปราณฟ้าประทาน ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญของเขาเรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตามการคาดเดาของหานเจวี๋ย คิดว่าอีกสองสามร้อยปีก็จะสามารถทะลวงไปถึงจักรพรรดิเซียนห้าวัฏได้ ความเร็วในการทะลวงระดับถือว่าคงที่

เมื่อมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้สิ้นสุดลง การบรรลุระดับเซียนจะต้องมั่นคงแน่ ส่วนระดับที่สูงกว่านั้นยังต้องพยายามให้หนักขึ้นอีก

แน่นอน ทั้งหมดนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของการมีชีวิตอยู่

หานเจวี๋ยให้อู้เต้าเจี้ยนออกไป จากนั้นจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ ขณะเดียวกันก็ตรวจดูกล่องจดหมาย

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจ] x187

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังเผ่าปีศาจ] x6

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x376921

[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากคำสาปแช่งลึกลับ]

[จั้งกูซิงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากคำสาปแช่งลึกลับ]

[ตี้หงเย่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากคำสาปแช่งลึกลับ]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเข้าสู่คุนหลุน]

[โจวฝานสหายของท่านเข้าสู่คุนหลุน]

……

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

สหายหลายคนของเขาถูกโจมตีจากคำสาปแช่งลึกลับ และยังมีสหายหลายคนเข้าสู่คุนหลุน

สถานการณ์นี้ค่อนข้างไม่ชอบมาพากล

มีคนใส่ความว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก่อเรื่องดังคาดไว้

เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นกับคุนหลุนอีก

ในช่วงมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต เหตุใดผู้คนจำนวนมากจึงมุ่งหน้าไปที่คุนหลุน หนำซ้ำทั้งหมดเป็นคนที่ตบะธรรมดาทั่วไป

ดูเหมือนกำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว

หานเจวี๋ยลอบระแวดระวังตัว

หนึ่งเดือนต่อมา เขาวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงแล้วฝึกบำเพ็ญต่อ

กลุ่มอิทธิพลที่นับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏตัวและเข้าแทรกแซงในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต นอกจากหานเจวี๋ยจะเก็บตัวเงียบแล้ว ยังต้องทำเวลาเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย

[หานมิ่งเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

หานเจวี๋ยเพิ่งเริ่มฝึกบำเพ็ญก็เห็นข้อความแจ้งเตือนนี้

เขาอดอึ้งตะลึงไม่ได้

ทำไมจู่ๆ เจ้าเด็กนี่ถึงได้เกิดความประทับใจต่อเขากันล่ะ

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้คิดมาก เขาไม่อยากยอมรับน้องชายคนนี้เลยสักนิด เหตุผลที่ไม่สาปแช่งหานมิ่งก็เพราะกลัวว่าจะถูกจักรพรรดิเซียนวัฏจักรพบตัวเข้า

……

ท้องฟ้าครามปุยเมฆขาว กระเรียนเซียนเรียงแถว มีวิหคเซียน สัตว์พาหนะ และของวิเศษบินได้นานาชนิดบินผ่านเป็นครั้งคราว

ท่ามกลางป่าเขามีศาลาหินหลังหนึ่ง

ภายในศาลามีชายสามคน ซึ่งก็คือฟางเหลียง โจวฝาน และโม่ฟู่โฉว

ทั้งสามคนนั่งดื่มสุรารอบโต๊ะหิน เริ่มเล่าถึงอดีต แต่ละคนมีหลากหลายอารมณ์

“งานชุมนุมคุณสมบัติเซียนครั้งนี้พวกเรามาร่วมมือกันได้ อย่างไรเสียรากฐานของพวกเราก็ตื้นเขินเกินไป” โจวฝานเสนอแนะ

ฟางเหลียงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คราวก่อนพวกเจ้ามาช่วยข้า น้ำใจนี้ข้ายังไม่ได้ตอบแทนเลย ย่อมต้องร่วมมือด้วยอยู่แล้ว”

โม่ฟู่โฉวส่ายหัวแล้วกล่าวยิ้มๆ “เจ้าอย่าคิดอย่างนั้นเลย อันที่จริงพวกเราไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด พูดแล้วก็ละอาย”

ฟางเหลียงเอ่ย “จริงสิ กฎเกณฑ์ของงานชุมนุมคุณสมบัติเซียนครั้งนี้ พวกเจ้ารู้หรือไม่”

โจวฝานและโม่ฟู่โฉวต่างส่ายหน้า

ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกัน เหล่าผู้บำเพ็ญตนยังคงบินอยู่เหนือป่าเขาไม่ขาดสาย เป้าหมายล้วนเป็นคุนหลุน

คุนหลุนอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลนัก แต่พวกเขาไม่ได้รีบร้อนมุ่งหน้าไป

โจวฝานกล่าวด้วยสีหน้าคาดหวังรอคอย “ว่ากันว่างานชุมนุมคุณสมบัติเซียนมีวิธีการพิสูจน์จักรพรรดิ ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่”

โม่ฟู่โฉวกล่าวยิ้มๆ “ข้าอยากเข้าร่วมนิกายฉ่านมากกว่า หลบไปให้พ้นจากมหาเคราะห์ครั้งนี้”

ฟางเหลียงระบายยิ้ม สายตาของเขาเหลือบมองไปยังถนนภูเขาที่อยู่ไม่ไกล มีชายชุดดำคนหนึ่งกำลังก้าวเข้ามาอย่างเนิบนาบ

รูม่านตาของฟางเหลียงขยายออก สีหน้าตกตะลึง

โจวฝานสังเกตเห็นสีหน้าของเขาก็อดมองตามไม่ได้ และอึ้งไปเช่นเดียวกัน

โม่ฟู่โฉวมองตามสายตาพวกเขาไป จากนั้นถามด้วยความประหลาดใจว่า “สหายหาน?”

ชายชุดดำที่เดินมาเหมือนได้ยินคำพูดของโม่ฟู่โฉว หันหน้ามามองพวกเขาทันใด

โจวฝานส่ายหน้าหัวเราะ “จำคนผิดแล้ว หานเจวี๋ยดูดีกว่าเขาเยอะ”

ฟางเหลียงพยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จู่ๆ ชายชุดดำก็หายวับมาที่ศาลา เขาถามเสียงเข้มว่า “คนที่พวกเจ้ากำลังพูดถึงชื่อว่าหานเจวี๋ยใช่หรือไม่”

คนทั้งสามตกใจและมองเขาอย่างระวังตัว

ฟางเหลียงชักดาบออกมาทันควัน ถามเสียงหนักว่า “ท่านเป็นใคร”

ชายชุดดำพูดเสียงเย็นชา “ข้าน้อยนามหานมิ่ง”

หานมิ่ง?

ทั้งสามคนอึ้งงันอีกครั้ง ชื่อนี้คล้ายกับชื่อของหานเจวี๋ยเกินไปแล้ว และทั้งสองคนก็หน้าตาคล้ายกันด้วย

หรือว่า…

“เฮอะ หานเจวี๋ยมาแล้วหรือ” หานมิ่งแค่นเสียงหยันก่อนจะเอ่ยถาม ดวงตาของเขาวาบแววเฝ้ารอเสี้ยวหนึ่ง

ฟางเหลียงกล่าวว่า “อาจารย์ปู่ยังไม่ขึ้นสู่สวรรค์ ต่อให้ขึ้นสวรรค์กก็คงไม่มางานเลี้ยงเอิกเกริกเช่นนี้”

ยังไม่ขึ้นสู่สวรรค์?

หานมิ่งขมวดคิ้วถามด้วยเสียงขรึม “ตอนนี้ตบะเขาระดับไหนแล้ว เหตุใดถึงยังไม่ขึ้นสู่สวรรค์”

โจวฝานไม่พอใจน้ำเสียงของเขา แค่นเสียงหยันแล้วจึงตอบ “เจ้าเป็นใครกันแน่ สืบข่าวตบะของสหายหานของข้าไปทำไม”

หานมิ่งกลับเมินเขา จ้องไปทางฟางเหลียงพลางถามว่า “เจ้าเป็นศิษย์หลานของเขาหรือ พวกเจ้าเป็นคนสำนักไหน”

ฟางเหลียงไม่ได้ตอบคำถาม

หัวคิ้วของหานมิ่งขมวดมุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะกำลังจะพูด ทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังแจ้งเตือนดังกระหึ่มไปทั่วฟ้าดิน

“งานชุมนุมคุณสมบัติเซียนกำลังจะเริ่มขึ้น ผู้มาก่อนได้เลือกตำแหน่งที่นั่งก่อน”

ฟางเหลียง โจวฝาน และโม่ฟู่โฉวรีบไปจากศาลาหินทันทีเมื่อได้ยิน

หานมิ่งหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย จากนั้นก็รีบร้อนไล่ตามไป

ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น บรรดาเซียนจากทั่วทุกสารทิศซึ่งกำลังเดินทางอย่างเอ้อระเหยต่างก็เริ่มห้อวิ่งกันสุดกำลังด้วย

……

กาลเวลาผ่านไปแสนไวว่อง

ผ่านไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง จากนั้นหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาติดต่อกับตี้ไท่ไป๋

“ลูกศิษย์ของข้าหลงเฮ่า ศิษย์หลานของข้าฟางเหลียง พักนี้กำลังทำอะไรอยู่หรือ” หานเจวี๋ยชิงถามก่อน

ก่อนหน้านี้เขาเห็นว่าทั้งสองคนเผชิญกับการโจมตีรูปแบบต่างๆ มีทั้งปีศาจประหลาด ผู้บำเพ็ญ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันและยังเผชิญกับอันตรายอย่างเดียวกัน

ตี้ไท่ไป๋กล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเขาไปงานชุมนุมคุณสมบัติเซียน งานชุมนุมคุณสมบัติเซียนเป็นงานใหญ่ที่นิกายฉ่านจัดขึ้นที่คุนหลุน วางใจเถอะ นั่นเป็นโอกาสวาสนาอย่างหนึ่ง พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอก มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”

งานชุมนุมคุณสมบัติเซียน?

มิน่าเล่าพักนี้สหายหลายคนถึงเข้าไปที่คุนหลุน

หานเจวี๋ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ “นิกายฉ่านคิดจะทำอะไร ตอนนี้ไม่ใช่ว่ามีมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตหรอกหรือ”

ตี้ไท่ไป๋เอ่ยตอบ “นิกายฉ่านต้องการผูกสัมพันธ์อันดีกระมัง ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ล้วนต้องติดหนี้กรรมนิกายฉ่าน ถึงอย่างไรคนรุ่นเยาว์ของแต่ละกลุ่มอิทธิพลก็ต้องเคยได้รับโอกาสวาสนาของนิกายฉ่านมา”

เป็นเช่นนี้นี่เอง

หานเจวี๋ยก็ไม่รู้ว่าควรจะตัดสินวิธีการเช่นนี้อย่างไร

“จริงสิ เจ้าไม่ได้อยู่ที่ยมโลกหรือ พักนี้ระวังตัวไว้หน่อย พญายมประกาศแยกตัวเป็นอิสระและขีดเส้นแบ่งชัดเจนกับวังสวรรค์ หากถูกเขาหมายหัว ห้ามแจ้งสถานะวังสวรรค์ของเจ้าไปเชียว มิฉะนั้นเจ้าจะสร้างความเคียดแค้นมากกว่าเดิม” ตี้ไท่ไป๋กล่าวเตือน

หานเจวี๋ยไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เลย

พญายมแข็งแกร่งมาก มีพลังจะแยกตัวเป็นไทอย่างแท้จริง

ตี้ไท่ไป๋ทอดถอนใจกล่าว “มหาเคราะห์ครั้งนี้วุ่นวายเหลือเกิน เผ่าพันธุ์บรรพกาลที่สำคัญพร้อมใจปรากฏตัว สถานการณ์ไม่ชัดเจน ตอนนี้ยังมองไม่ออกว่าใครจะหัวเราะไปจนถึงตอนสุดท้าย โดยเฉพาะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ พลานุภาพของเขายิ่งใหญ่เกินไป มีเผ่าพันธุ์และกลุ่มอิทธิพลในแดนเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ประกาศตัวว่าอยู่ใต้อำนาจของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”

…………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+