ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 198 ระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะปลาย บุตรแห่งสวรรค์ต่อสู้กันยุ่งเหยิง

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 198 ระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะปลาย บุตรแห่งสวรรค์ต่อสู้กันยุ่งเหยิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 198 ระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะปลาย บุตรแห่งสวรรค์ต่อสู้กันยุ่งเหยิง

“คุณูปการของเขาก็ยิ่งใหญ่จริงๆ แต่ก็เพราะว่าคุณูปการของเขายิ่งใหญ่เกินไปถึงได้ลำพองตน ก่อนหน้านี้เราให้เขาไปสังหารมหาจักรพรรดิอมตะ แต่ว่าสิ้นเปลืองกำลังไปเป็นอย่างมาก”

จักรพรรดิสวรรค์ส่ายพระพักตร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม สีหน้าดูขมขื่นอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อดีหรือไม่

ยอดแม่ทัพเทพก็ประทับในตัวเขาเหมือนกันนี่!

อีกทั้งยังเป็นความประทับใจระดับสามดาว ซึ่งเป็นความประทับใจระดับเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์ก่อนหน้านี้

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่ฝ่าบาทบ่มเพาะ ฝ่าบาทสบายพระทัยได้ หากวันหน้าข้าเติบโตขึ้น จะไม่ลืมพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาท”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เราเชื่อเจ้า เจ้าตั้งใจฝึกฝนเถิด มีเราอยู่จะไม่มีผู้ใดรบกวนการฝึกฝนของเจ้าแน่”

กล่าวจบจักรพรรดิสวรรค์ก็หายลับไปจากที่เดิม

หานเจวี๋ยกลับถึงถ้ำเทวาฟ้าประทานด้วยความรวดเร็ว

เขาเริ่มพินิจพิเคราะห์ถึงเจตนาของจักรพรรดิสวรรค์ หรือว่าจักรพรรดิสวรรค์ต้องการแตกหักกับยอดแม่ทัพเทพ

ก่อนหน้านั้นเขายังคิดว่ายอดแม่ทัพเทพคือคนสนิทของจักรพรรดิสวรรค์ ยามนี้ดูเหมือนมันจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว

ตอนนี้คนสนิทของจักรพรรดิสวรรค์มีเพียงตี้ไท่ไป๋เท่านั้น ยามนี้หานเจวี๋ยยังไม่รู้จักคนอื่นๆ

‘หากมีคนทรยศจริง ข้าเองก็สามารถตรวจสอบจากระบบได้’

หานเจวี๋ยลอบคิดอย่างเงียบๆ พลันไม่คิดอะไรให้มากอีก ก่อนจะเริ่มตั้งใจฝึกฝน

รอกระทั่งเขาแข็งแกร่งขึ้นมา ไม่ว่าภายในวังสวรรค์จะวุ่นวายเพียงใดเขาก็ไม่กลัว

แต่ไหนแต่ไรหานเจวี๋ยเองก็ไม่เคยคิดจะถวายชีวิตให้วังสวรรค์อยู่แล้ว

เขาสามารถตอบแทนบุญคุณได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำอย่างสุดชีวิต

การมีชีวิตอยู่ถึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

……

ห้าปีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่ง

นี่คือกฎเกณฑ์ที่เขาตั้งขึ้นมา ทุกๆ สิบปีจะต้องสาปแช่งศัตรูหนึ่งหน เพื่อหลีกเลี่ยงคนหัวร้อนมาคิดบัญชีกับเขา

ขณะที่เขาสาปแช่งอยู่นั้นก็ตรวจสอบจดหมายไปด้วย

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหวงจี๋เฮ่าสหายของท่าน พ่ายแพ้และบาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่าย]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากโม่ฟู่โฉวและโจวฝานสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในช่วงเวลาวิกฤติหยั่งรู้พลังวิเศษ หนีรอดไปได้]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจ] x160105

[เซวียนซือซือสหายของท่านสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์]

[จอมพลเสินเผิงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพเซียนวังสวรรค์]

[ฉู่ซื่อเหรินศิษย์หลานของท่านซาบซึ้งสัจธรรมฟ้าดิน พลังมรรคเพิ่มพูน]

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x310229

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านหยั่งรู้คุณสมบัติเทพโลกา กลายเป็นเซียนในทันที]

……

หานเจวี๋ยมองดูแล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ‘ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง’

ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดก็เริ่มทำศึกใหญ่

พวกเขาต่างบีบกันและกันให้แข็งแกร่ง หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ดวงชะตาของโลกเมฆาแดงเพิ่มมากขึ้น

สำหรับการสู้รบพัลวันของโม่ฟู่โฉว โจวฝาน มู่หรงฉี่และฟางเหลียงนั้น หานเจวี๋ยไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่ง ต่อให้มีคนตาย แต่ด้วยดวงชะตาของพวกเขา การกลับชาติมาเกิดอีกครั้งอาจจะทำให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม

หลายเดือนผ่านไป

หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง และนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาตรวจสอบดูอันดับบนป้ายศิลามรรคาสวรรค์

เมื่อมองดูก็พบว่าอันดับของโลกเมฆาแดงก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งแล้ว!

เลื่อนขึ้นมาอันดับที่ 3,012 แล้ว!

ไร้เหตุผลสิ้นดี!

หานเจวี๋ยรีบสังเกตดูโลกเมฆาแดงทันที

หากไม่ดูก็ไม่รู้ แต่พอดูก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก

ใต้หล้านี้กลับมีผู้แข็งแกร่งปรากฏขึ้นจำนวนมาก แม้มู่หรงฉี่ ฟางเหลียง โม่ฟู่โฉว โจวฝานและหวงจี๋เฮ่าจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังห่างจากอันดับหนึ่งในใต้หล้าอยู่มาก ทั้งห้าคนนี้มีเพียงมู่หรงฉี่ โม่ฟู่โฉวและหวงจี๋เฮ่าที่เข้าอยู่ในร้อยอันดับยอดผู้บำเพ็ญในใต้หล้า และอันดับของแต่ละคนล้วนอยู่ที่เก้าสิบกว่าๆ

ผู้บำเพ็ญที่อยู่อันดับสูงๆ ล้วนมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จวนเซียนสวรรค์ก็มีคนอยู่ในอันดับเกือบยี่สิบคน

หลังจากจี้เซียนเสินไปแล้ว จวนเซียนสวรรค์กลับไม่ได้เสื่อมถอย แต่กลับเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น

หานเจวี๋ยสังเกตดูอยู่หลายวัน หลังจากมั่นใจว่าไม่ได้มีเผ่ามารและเผ่าปีศาจคอยทำการอะไรอยู่ เขาถึงวางใจลง

“ช่างเถอะ”

หานเจวี๋ยแอบทอดถอนใจ เขาไม่อาจไปขัดขวางการบำเพ็ญของบุตรแห่งสวรรค์เหล่านั้น หากทำเช่นนั้นมันเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่เกินไป

เขาทำได้เพียงอธิษฐานให้ดวงชะตาของโลกเมฆาแดงเพิ่มขึ้นช้าลงอีกหน่อย

……

ยี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะปลายในที่สุด

ใกล้ระดับเซียนลึกล้ำเข้ามาแล้ว!

หานเจวี๋ยตรวจดูหลงซั่นอยู่ครู่หนึ่ง เพิ่งระดับเซียนแท้ไท่อี่ระยะกลางเท่านั้น ‘กาก!

คิดจะเข้าสู่ระดับเซียนทองก่อนข้า เจ้ากล้าคิดได้อย่างไรกัน’

หานเจวี๋ยค่อนแคะในใจ และเริ่มทำตบะให้มั่นคงต่อไป

สองเดือนต่อมา เขาเดินออกจากถ้ำเทวา เรียกผู้คนมาชุมนุมกันใต้ต้นฝูซัง ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ เซียนซีเสวียน และสิงหงเสวียนก็ถูกเรียกมาด้วย

เขาเตรียมจะแสดงโอวาทให้กับผู้คน เพื่อยกระดับพลังมรรคของพวกเขา

สำหรับมนุษย์ธรรมดาแล้ว การที่มนุษย์เซียนแสดงโอวาทนั้นถือเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก

หานเจวี๋ยใช้เสียงธรรมของตัวเองทำให้ทุกคนเข้าสู่สภาวะมีสติในบัดดล ในระหว่างช่วงเวลานี้ ปัญหาการบำเพ็ญที่ยากจะเข้าใจของกลุ่มคนก่อนหน้าก็ถูกคลี่คลายอย่างน่าประหลาดใจ

ผ่านไปหนึ่งปีเต็มๆ หานเจวี๋ยสิ้นสุดการแสดงโอวาท เริ่มให้พวกเขาถามข้อสงสัยทีละคน

ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่หนึ่งปี ตบะของคนทั้งหลายก็ถูกยกระดับขึ้น

แม้แต่อีกาทองสองตัวก็เข้าสู่ระดับเซียนอิสระแล้ว

ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือโจวหมิงเยวี่ย จุดสำคัญคือขอบเขตพลังของเขาต่ำ ทว่าหลังจากหานเจวี๋ยแสดงโอวาทแล้ว พรสวรรค์ของเขาก็ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์

ผ่านไปอีกครึ่งปี หานเจวี๋ยถึงหยัดกายลุกขึ้น

“ท่านพี่ ข้าอยากพูดคุยกับท่านสักหน่อย พวกเราเข้าไปข้างในกันเถิด” สิงหงเสวียนพลันเดินตามมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่น

ส่วนเซียนซีเสวียนเดินจากไป

อู้เต้าเจี้ยนนั้นออกจะไม่ชอบใจอยู่บ้าง แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

ถูหลิงเอ๋อร์มองสิงหงเสวียนด้วยความอิจฉา คนอื่นๆ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ต่างคนต่างแยกย้ายฝึกฝน

หานเจวี๋ยขัดสิงหงเสวียนไม่ได้เลยพานางเข้าไปในถ้ำเทวา และให้อู้เต้าเจี้ยนรออยู่ด้านนอก

‘ข้าควรจะรุกให้มากกว่านี้หรือไม่’

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ลอบคิดอย่างเงียบๆ

สายตาของนางแน่วแน่ ตัดสินใจว่ารอให้ผ่านไปสักชั่วระยะเวลาหนึ่งจะไปหาหานเจวี๋ยและใช้เรี่ยวแรงทำอะไรบางอย่างกับเขา

เพิ่งเข้าไปในถ้ำเทวา สิงหงเสวียนก็มาแนบชิดหานเจวี๋ยราวกับอสรพิษ

“ท่านพี่ เหตุใดช่วงนี้ท่านถึงรูปงามขึ้นอีกแล้ว ข้าล่ะชอบท่านจริงๆ!”

สิงหงเสวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเป็นพิเศษ หานเจวี๋ยที่ได้ฟังก็พลันขนลุกขึ้นมา

‘แม่นางนี่ยั่วยวนขึ้นทุกวัน!’

หานเจวี๋ยกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ แต่ก็ยอมถอดเสื้อแต่โดยดี

ได้ปลดปล่อยเป็นครั้งคราวก็ดีเหมือนกัน

จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาทางอารมณ์

……

ประตูสวรรค์อุดรของวังสวรรค์

จี้เซียนเสินที่สวมชุดเกราะเงินของแม่ทัพสวรรค์กำลังยืนตระหง่าน มีทหารสวรรค์สิบกว่านายอยู่รอบๆ

ในฐานะแม่ทัพสวรรค์ชั้นผู้น้อย จี้เซียนเสินจึงถูกจัดให้ไปเฝ้าประตูสวรรค์ใหญ่ทั้งสี่ทิศเป็นระยะๆ

จี้เซียนเสินใบหน้าไร้ความรู้สึก จิตใจโบยบินออกไปนอกวังสวรรค์เสียนานแล้ว

‘การสู้รบในครั้งก่อนทำให้ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ยังคงต้องสู้รบ ไม่อาจปิดด่านฝึกฝนตลอดไปได้’

จี้เซียนเสินลอบคิดอย่างเงียบๆ เขาตัดสินใจแล้วว่าครั้งหน้าจะไปหาแม่ทัพสวรรค์สองสามท่านแล้วค่อยไปกวาดล้างแดนปีศาจ

ขณะนั้นเอง เทพเซียนสองสามท่านเหาะมาด้านหน้า จี้เซียนเสินและทหารสวรรค์พากันโค้งคารวะ

“ได้ยินหรือไม่ งานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนในครั้งนี้ฝ่าบาทเชิญวังเทพแล้ว”

“สำนักพุทธร่วมมือกับวังปีศาจ แน่นอนว่าวังสวรรค์ย่อมต้องดึงวังเทพมาเป็นพวก”

“ว่ากันว่าบุตรแห่งสวรรค์ของวังเทพท่านนั้นจะมาด้วย”

“ท่านใดกัน จักรพรรดิเซียนกลับชาติมาเกิดผู้นั้นหรือ”

“จะเป็นไปได้อย่างไร! เป็นบุตรแห่งสวรรค์อีกท่าน จักรพรรดิเทพกระบี่”

“ดูท่างานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนจะไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้นแล้ว”

ขณะที่ฟังบรรดาเทพเซียนวิพากษ์วิจารณ์กัน จี้เซียนเสินก็หรี่ตาลง

มาถึงวังสวรรค์ระยะหนึ่งแล้ว สำหรับวังเทพเขาก็รู้จักมาก่อน

ผู้บำเพ็ญในวังเทพไม่ได้มีมากกว่าวังสวรรค์ แต่บุตรแห่งสวรรค์ จักรพรรดิเซียนและมหาจักรพรรดิของวังเทพกลับมีมากสุด

“สองกลุ่มอิทธิพลใหญ่มารวมตัวกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะแค่พูดคุย จะต้องมีการแลกมือศึกษา ต่อสู้กันทั้งในที่เปิดเผยและที่ลับ หากข้าสามารถโจมตีจักรพรรดิเทพกระบี่ให้พ่ายแพ้ได้ ไม่เท่ากับว่าได้กางปีกโผบินสู่ท้องนภาหรอกหรือ”

จี้เซียนเสินคิดอย่างเงียบๆ ดวงตาเป็นประกายมากกว่าเดิม

เขาเป็นเพียงแม่ทัพสวรรค์ชั้นผู้น้อย ไม่ค่อยเข้าใจระดับการบำเพ็ญของแดนเซียน ยังไม่รู้ว่าจักรพรรดิเทพกระบี่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด

แต่ในเมื่อเป็นบุตรแห่งสวรรค์ เช่นนั้นก็แสดงว่ายังไม่โต!

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 198 ระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะปลาย บุตรแห่งสวรรค์ต่อสู้กันยุ่งเหยิง

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 198 ระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะปลาย บุตรแห่งสวรรค์ต่อสู้กันยุ่งเหยิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 198 ระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะปลาย บุตรแห่งสวรรค์ต่อสู้กันยุ่งเหยิง

“คุณูปการของเขาก็ยิ่งใหญ่จริงๆ แต่ก็เพราะว่าคุณูปการของเขายิ่งใหญ่เกินไปถึงได้ลำพองตน ก่อนหน้านี้เราให้เขาไปสังหารมหาจักรพรรดิอมตะ แต่ว่าสิ้นเปลืองกำลังไปเป็นอย่างมาก”

จักรพรรดิสวรรค์ส่ายพระพักตร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม สีหน้าดูขมขื่นอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อดีหรือไม่

ยอดแม่ทัพเทพก็ประทับในตัวเขาเหมือนกันนี่!

อีกทั้งยังเป็นความประทับใจระดับสามดาว ซึ่งเป็นความประทับใจระดับเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์ก่อนหน้านี้

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่ฝ่าบาทบ่มเพาะ ฝ่าบาทสบายพระทัยได้ หากวันหน้าข้าเติบโตขึ้น จะไม่ลืมพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาท”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เราเชื่อเจ้า เจ้าตั้งใจฝึกฝนเถิด มีเราอยู่จะไม่มีผู้ใดรบกวนการฝึกฝนของเจ้าแน่”

กล่าวจบจักรพรรดิสวรรค์ก็หายลับไปจากที่เดิม

หานเจวี๋ยกลับถึงถ้ำเทวาฟ้าประทานด้วยความรวดเร็ว

เขาเริ่มพินิจพิเคราะห์ถึงเจตนาของจักรพรรดิสวรรค์ หรือว่าจักรพรรดิสวรรค์ต้องการแตกหักกับยอดแม่ทัพเทพ

ก่อนหน้านั้นเขายังคิดว่ายอดแม่ทัพเทพคือคนสนิทของจักรพรรดิสวรรค์ ยามนี้ดูเหมือนมันจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว

ตอนนี้คนสนิทของจักรพรรดิสวรรค์มีเพียงตี้ไท่ไป๋เท่านั้น ยามนี้หานเจวี๋ยยังไม่รู้จักคนอื่นๆ

‘หากมีคนทรยศจริง ข้าเองก็สามารถตรวจสอบจากระบบได้’

หานเจวี๋ยลอบคิดอย่างเงียบๆ พลันไม่คิดอะไรให้มากอีก ก่อนจะเริ่มตั้งใจฝึกฝน

รอกระทั่งเขาแข็งแกร่งขึ้นมา ไม่ว่าภายในวังสวรรค์จะวุ่นวายเพียงใดเขาก็ไม่กลัว

แต่ไหนแต่ไรหานเจวี๋ยเองก็ไม่เคยคิดจะถวายชีวิตให้วังสวรรค์อยู่แล้ว

เขาสามารถตอบแทนบุญคุณได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำอย่างสุดชีวิต

การมีชีวิตอยู่ถึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

……

ห้าปีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่ง

นี่คือกฎเกณฑ์ที่เขาตั้งขึ้นมา ทุกๆ สิบปีจะต้องสาปแช่งศัตรูหนึ่งหน เพื่อหลีกเลี่ยงคนหัวร้อนมาคิดบัญชีกับเขา

ขณะที่เขาสาปแช่งอยู่นั้นก็ตรวจสอบจดหมายไปด้วย

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหวงจี๋เฮ่าสหายของท่าน พ่ายแพ้และบาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่าย]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากโม่ฟู่โฉวและโจวฝานสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในช่วงเวลาวิกฤติหยั่งรู้พลังวิเศษ หนีรอดไปได้]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจ] x160105

[เซวียนซือซือสหายของท่านสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์]

[จอมพลเสินเผิงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพเซียนวังสวรรค์]

[ฉู่ซื่อเหรินศิษย์หลานของท่านซาบซึ้งสัจธรรมฟ้าดิน พลังมรรคเพิ่มพูน]

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x310229

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านหยั่งรู้คุณสมบัติเทพโลกา กลายเป็นเซียนในทันที]

……

หานเจวี๋ยมองดูแล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ‘ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง’

ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดก็เริ่มทำศึกใหญ่

พวกเขาต่างบีบกันและกันให้แข็งแกร่ง หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ดวงชะตาของโลกเมฆาแดงเพิ่มมากขึ้น

สำหรับการสู้รบพัลวันของโม่ฟู่โฉว โจวฝาน มู่หรงฉี่และฟางเหลียงนั้น หานเจวี๋ยไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่ง ต่อให้มีคนตาย แต่ด้วยดวงชะตาของพวกเขา การกลับชาติมาเกิดอีกครั้งอาจจะทำให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม

หลายเดือนผ่านไป

หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง และนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาตรวจสอบดูอันดับบนป้ายศิลามรรคาสวรรค์

เมื่อมองดูก็พบว่าอันดับของโลกเมฆาแดงก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งแล้ว!

เลื่อนขึ้นมาอันดับที่ 3,012 แล้ว!

ไร้เหตุผลสิ้นดี!

หานเจวี๋ยรีบสังเกตดูโลกเมฆาแดงทันที

หากไม่ดูก็ไม่รู้ แต่พอดูก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก

ใต้หล้านี้กลับมีผู้แข็งแกร่งปรากฏขึ้นจำนวนมาก แม้มู่หรงฉี่ ฟางเหลียง โม่ฟู่โฉว โจวฝานและหวงจี๋เฮ่าจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังห่างจากอันดับหนึ่งในใต้หล้าอยู่มาก ทั้งห้าคนนี้มีเพียงมู่หรงฉี่ โม่ฟู่โฉวและหวงจี๋เฮ่าที่เข้าอยู่ในร้อยอันดับยอดผู้บำเพ็ญในใต้หล้า และอันดับของแต่ละคนล้วนอยู่ที่เก้าสิบกว่าๆ

ผู้บำเพ็ญที่อยู่อันดับสูงๆ ล้วนมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จวนเซียนสวรรค์ก็มีคนอยู่ในอันดับเกือบยี่สิบคน

หลังจากจี้เซียนเสินไปแล้ว จวนเซียนสวรรค์กลับไม่ได้เสื่อมถอย แต่กลับเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น

หานเจวี๋ยสังเกตดูอยู่หลายวัน หลังจากมั่นใจว่าไม่ได้มีเผ่ามารและเผ่าปีศาจคอยทำการอะไรอยู่ เขาถึงวางใจลง

“ช่างเถอะ”

หานเจวี๋ยแอบทอดถอนใจ เขาไม่อาจไปขัดขวางการบำเพ็ญของบุตรแห่งสวรรค์เหล่านั้น หากทำเช่นนั้นมันเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่เกินไป

เขาทำได้เพียงอธิษฐานให้ดวงชะตาของโลกเมฆาแดงเพิ่มขึ้นช้าลงอีกหน่อย

……

ยี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะปลายในที่สุด

ใกล้ระดับเซียนลึกล้ำเข้ามาแล้ว!

หานเจวี๋ยตรวจดูหลงซั่นอยู่ครู่หนึ่ง เพิ่งระดับเซียนแท้ไท่อี่ระยะกลางเท่านั้น ‘กาก!

คิดจะเข้าสู่ระดับเซียนทองก่อนข้า เจ้ากล้าคิดได้อย่างไรกัน’

หานเจวี๋ยค่อนแคะในใจ และเริ่มทำตบะให้มั่นคงต่อไป

สองเดือนต่อมา เขาเดินออกจากถ้ำเทวา เรียกผู้คนมาชุมนุมกันใต้ต้นฝูซัง ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ เซียนซีเสวียน และสิงหงเสวียนก็ถูกเรียกมาด้วย

เขาเตรียมจะแสดงโอวาทให้กับผู้คน เพื่อยกระดับพลังมรรคของพวกเขา

สำหรับมนุษย์ธรรมดาแล้ว การที่มนุษย์เซียนแสดงโอวาทนั้นถือเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก

หานเจวี๋ยใช้เสียงธรรมของตัวเองทำให้ทุกคนเข้าสู่สภาวะมีสติในบัดดล ในระหว่างช่วงเวลานี้ ปัญหาการบำเพ็ญที่ยากจะเข้าใจของกลุ่มคนก่อนหน้าก็ถูกคลี่คลายอย่างน่าประหลาดใจ

ผ่านไปหนึ่งปีเต็มๆ หานเจวี๋ยสิ้นสุดการแสดงโอวาท เริ่มให้พวกเขาถามข้อสงสัยทีละคน

ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่หนึ่งปี ตบะของคนทั้งหลายก็ถูกยกระดับขึ้น

แม้แต่อีกาทองสองตัวก็เข้าสู่ระดับเซียนอิสระแล้ว

ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือโจวหมิงเยวี่ย จุดสำคัญคือขอบเขตพลังของเขาต่ำ ทว่าหลังจากหานเจวี๋ยแสดงโอวาทแล้ว พรสวรรค์ของเขาก็ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์

ผ่านไปอีกครึ่งปี หานเจวี๋ยถึงหยัดกายลุกขึ้น

“ท่านพี่ ข้าอยากพูดคุยกับท่านสักหน่อย พวกเราเข้าไปข้างในกันเถิด” สิงหงเสวียนพลันเดินตามมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่น

ส่วนเซียนซีเสวียนเดินจากไป

อู้เต้าเจี้ยนนั้นออกจะไม่ชอบใจอยู่บ้าง แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

ถูหลิงเอ๋อร์มองสิงหงเสวียนด้วยความอิจฉา คนอื่นๆ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ต่างคนต่างแยกย้ายฝึกฝน

หานเจวี๋ยขัดสิงหงเสวียนไม่ได้เลยพานางเข้าไปในถ้ำเทวา และให้อู้เต้าเจี้ยนรออยู่ด้านนอก

‘ข้าควรจะรุกให้มากกว่านี้หรือไม่’

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ลอบคิดอย่างเงียบๆ

สายตาของนางแน่วแน่ ตัดสินใจว่ารอให้ผ่านไปสักชั่วระยะเวลาหนึ่งจะไปหาหานเจวี๋ยและใช้เรี่ยวแรงทำอะไรบางอย่างกับเขา

เพิ่งเข้าไปในถ้ำเทวา สิงหงเสวียนก็มาแนบชิดหานเจวี๋ยราวกับอสรพิษ

“ท่านพี่ เหตุใดช่วงนี้ท่านถึงรูปงามขึ้นอีกแล้ว ข้าล่ะชอบท่านจริงๆ!”

สิงหงเสวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเป็นพิเศษ หานเจวี๋ยที่ได้ฟังก็พลันขนลุกขึ้นมา

‘แม่นางนี่ยั่วยวนขึ้นทุกวัน!’

หานเจวี๋ยกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ แต่ก็ยอมถอดเสื้อแต่โดยดี

ได้ปลดปล่อยเป็นครั้งคราวก็ดีเหมือนกัน

จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาทางอารมณ์

……

ประตูสวรรค์อุดรของวังสวรรค์

จี้เซียนเสินที่สวมชุดเกราะเงินของแม่ทัพสวรรค์กำลังยืนตระหง่าน มีทหารสวรรค์สิบกว่านายอยู่รอบๆ

ในฐานะแม่ทัพสวรรค์ชั้นผู้น้อย จี้เซียนเสินจึงถูกจัดให้ไปเฝ้าประตูสวรรค์ใหญ่ทั้งสี่ทิศเป็นระยะๆ

จี้เซียนเสินใบหน้าไร้ความรู้สึก จิตใจโบยบินออกไปนอกวังสวรรค์เสียนานแล้ว

‘การสู้รบในครั้งก่อนทำให้ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ยังคงต้องสู้รบ ไม่อาจปิดด่านฝึกฝนตลอดไปได้’

จี้เซียนเสินลอบคิดอย่างเงียบๆ เขาตัดสินใจแล้วว่าครั้งหน้าจะไปหาแม่ทัพสวรรค์สองสามท่านแล้วค่อยไปกวาดล้างแดนปีศาจ

ขณะนั้นเอง เทพเซียนสองสามท่านเหาะมาด้านหน้า จี้เซียนเสินและทหารสวรรค์พากันโค้งคารวะ

“ได้ยินหรือไม่ งานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนในครั้งนี้ฝ่าบาทเชิญวังเทพแล้ว”

“สำนักพุทธร่วมมือกับวังปีศาจ แน่นอนว่าวังสวรรค์ย่อมต้องดึงวังเทพมาเป็นพวก”

“ว่ากันว่าบุตรแห่งสวรรค์ของวังเทพท่านนั้นจะมาด้วย”

“ท่านใดกัน จักรพรรดิเซียนกลับชาติมาเกิดผู้นั้นหรือ”

“จะเป็นไปได้อย่างไร! เป็นบุตรแห่งสวรรค์อีกท่าน จักรพรรดิเทพกระบี่”

“ดูท่างานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนจะไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้นแล้ว”

ขณะที่ฟังบรรดาเทพเซียนวิพากษ์วิจารณ์กัน จี้เซียนเสินก็หรี่ตาลง

มาถึงวังสวรรค์ระยะหนึ่งแล้ว สำหรับวังเทพเขาก็รู้จักมาก่อน

ผู้บำเพ็ญในวังเทพไม่ได้มีมากกว่าวังสวรรค์ แต่บุตรแห่งสวรรค์ จักรพรรดิเซียนและมหาจักรพรรดิของวังเทพกลับมีมากสุด

“สองกลุ่มอิทธิพลใหญ่มารวมตัวกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะแค่พูดคุย จะต้องมีการแลกมือศึกษา ต่อสู้กันทั้งในที่เปิดเผยและที่ลับ หากข้าสามารถโจมตีจักรพรรดิเทพกระบี่ให้พ่ายแพ้ได้ ไม่เท่ากับว่าได้กางปีกโผบินสู่ท้องนภาหรอกหรือ”

จี้เซียนเสินคิดอย่างเงียบๆ ดวงตาเป็นประกายมากกว่าเดิม

เขาเป็นเพียงแม่ทัพสวรรค์ชั้นผู้น้อย ไม่ค่อยเข้าใจระดับการบำเพ็ญของแดนเซียน ยังไม่รู้ว่าจักรพรรดิเทพกระบี่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด

แต่ในเมื่อเป็นบุตรแห่งสวรรค์ เช่นนั้นก็แสดงว่ายังไม่โต!

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+