ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้
“เหตุใดถึงเป็นมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาลไปได้” หวงจี๋เฮ่าเอ่ยปากถาม

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกระบี่ทั้งสำนักโบยบินขึ้นสู่ท้องนภา น้อมคำนับไปในทิศทางเดียวกัน

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…

ทิศทางที่กระบี่เหล่านี้ชี้ไป…

เป็นต้าเยี่ยน!

ในสมองของหวงจี๋เฮ่าผุดการคาดเดาขึ้นมาอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลย

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินสูดลมหายใจเข้าลึก กล่าวว่า “มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาลเป็นขอบเขตพลังอย่างหนึ่งของพลังวิเศษมรรคกระบี่ หรือกล่าวง่ายๆ นี่ก็คือพลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่ที่ยากจะพบในหนึ่งหมื่นปี!”

“คิดไม่ถึงเลยว่ายามนี้ยังมีบุตรแห่งสวรรค์มรรคกระบี่ระดับนี้อยู่…”

พลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่ที่ยากจะพบเจอได้ในรอบหนึ่งหมื่นปี!

หวงจี๋เฮ่าตกตะลึงจนร่างสั่นสะท้าน

ในสมองของเขาพลันปรากฏใบหน้างามสง่าเหนือกว่าผู้ใดขึ้นมาใบหน้าหนึ่ง

หรือว่าจะเป็น…

หวงจี๋เฮ่ากัดฟันเอ่ยถามออกไป “หากข้าเข้าร่วมกับลัทธิสัจจะยุทธ์ ข้าจะสามารถบรรลุพลังวิเศษระดับนี้หรือไม่ ”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินนิ่งเงียบ

ท่าทางของเขาทำให้หวงจี๋เฮ่ายิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นไปอีก

……

หานเจวี๋ยใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงได้บรรลุพลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่นี้

และในที่สุดก็สำเร็จ

เหล่าผู้ฝึกสายกระบี่เองก็บ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว

ทว่าหานเจวี๋ยวยังไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในลัทธิสัจจะยุทธ์นี้ก็ได้เกิดขึ้นในสำนักต่างๆ ของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนด้วย ซึ่งรวมถึงสำนักหยุกพิสุทธิ์

ในสำหนักหยกพิสุทธ์มีกระบี่จำนวนมากมายลอยทะยานเหนือท้องนภา กระบี่เหล่านั้นล้วนสั่นสะท้านส่งเสียงกึกก้อง ปลายกระบี่พุ่งชี้ไปที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน

ไก่คุกรัตติกาลมองเห็นฉากเบื้องหน้านี้ ก็ตกใจจนร่างกายพลันสั่นเทิ้มไม่หยุด!

หานเจวี๋ยได้ยินเสียงกระบี่กึกก้องที่ลอยเข้ามาจากนอกถ้ำ ก็พลันลืมตาขึ้นอย่างอดไม่ได้

เขาส่งพลังจิตออกไปสำรวจที่ด้านนอกถ้ำ ก็พลันมองเห็นกระบี่เหล่านั้นที่ลอยขึ้นสูงเหนือท้องฟ้า

เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ปรากฏการณ์นี้เขาก็เป็นคนสร้างขึ้นอย่างนั้นหรือ

เขาก้มหน้าลงมองเงากระบี่ที่อยู่กลางฝ่ามือ มือขวากำเข้าหากันแน่น ชั่วพริบตาเงากระบี่ก็เลือนหานไป

กระบี่ที่ลอยเหนืออากาศทั่วทั้งใต้หล้าต่างร่วงหล่นลงมาตามๆ กัน

สวินฉางอันมองไปยังหานเจวี๋ยอย่างนิ่งอึ้งราวกับท่อนไม้

ในขณะที่หานเจวี๋ยบรรลุพลังวิเศษนี้ ที่หว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏแสงกระบี่พวยพุ่ง ลมพายุพัดหมุนวนรอบกาย หลอมรวมเข้ากับสมบัติวิญญาณบนร่าง ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้สวินฉางอันอึ้งตะลึงจนแทนหยุดหายใจ

สวินฉางอันเองก็ได้ยินเสียงร้องกึกก้องของกระบี่ แต่เมื่อหานเจวี๋ยประกบมือเข้าหากัน เสียงร้องของกระบี่ด้านนอกก็หายวับไป ก่อนกระบี่ที่ลอยอยู่เหนืออากาศจะพากันร่วงหล่นลงมา

นี่หมายความว่าอย่างไรกัน

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดด้านนอกก็เกิดมาจากหานเจวี๋ยอย่างไรเล่า!

[ยินดีด้วย ท่านบรรลุพลังพิเศษมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล กรุณาตั้งชื่อ]

เมื่อหานเจวี๋ยอ่านอักขระที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้น ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย

ระดับหมื่นบรรพกาลหรือ

พลังวิเศษยังมีการแบ่งระดับด้วยหรือนี่

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ในใจพึมพำขึ้นมาเงียบๆ “ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ”

[ตั้งชื่อสำเร็จ เนื่องด้วยท่านบรรลุพลังวิเศษครั้งแรก ดวงชะตายกระดับ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ประกาศตัวทันที ทำให้ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิเกริกก้องทั่วหล้า จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[สอง ถ่อมตนฝึกฝน พัฒนาให้แข็งแกร่งต่อไป กระทั่งทั่วทั้งโลกาไร้พ่าย จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

ล้วนได้รับสมบัติวิญญาณ!

หาได้ยากนัก!

หานเจวี๋ยเลือกข้อที่สองอย่างเงียบๆ

[ท่านเลือกถ่อมตนฝึกฝน ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[ท่านได้รับสมบัติวิญญาณระดับสาม–ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณ]

[ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณ: สมบัติวิญญาณการป้องกันระดับสาม สามารถต้านทานการโจมตีที่จะสร้างความเสียหายแก่เจ้าของอัตโนมัติ]

สมบัติวิญญาณสายป้องกันอีกแล้ว!

ทั้งยังเป็นระดับสามอีกด้วย!

ดีเลย!

ใครจะทำอันตรายข้าได้อีก

ใครจะทำลายการป้องกันข้า

หานเจวี๋ยคิดอย่างปีติยินดี

ทันใดนั้นเขาพลันเกิดความคิดที่อาจหาญขึ้นมาอย่างหนึ่ง

หากจู่ๆ เขาออกไปกระทำการโอ้อวดตอนนี้ ระบบจะยึดสมบัติวิญญาณกลับคืนไปหรือไม่นะ

ช่างเถอะ

เดิมทีเขาก็คิดอยากจะเก็บตัวฝึกเงียบๆ อยู่แล้ว

ระบบเองก็ให้ตัวเลือกตามความชอบของเขาแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปลองดี

หานเจวี๋ยนำภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณอกมา

เป็นผ้ายาวผืนหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับผ้าไหม สีเหลืองทองอร่ามทั่วทั้งผืน ยามโบกสะบัดดูราวกับเมฆสีรุ่งอรุณกำลังเต้นระบำ งดงามเป็นอย่างมาก

ให้ผู้ชายอกสามศอกเช่นข้าใส่ผ้าไหมเช่นนี้จะดีหรือ

หานเจวี๋ยลอบพึมพำกับตัวเอง ขณะเดียวกันก็เริ่มหยดโลหิตแสดงความเป็นเจ้าของ

ดูเหมือนสิ่งของของสตรี หากแต่เขาเองก็ไม่สามารถมอบสมบัติชิ้นนี้ให้ใครได้

ไม่ว่าจะเป็นสิงหงเสวียนหรือเซียนซีเสวียน สมบัติวิญญาณระดับนี้จะสร้างปัญหาให้กับพวกนางในภายหลัง

ก่อนหน้านี้ชัดเจนว่าเว่ยหยวนจำสมบัติวิญญาณบนตัวของเขาได้ เพราะอย่างนั้นถึงได้ตกตะลึงเช่นนั้น

ใช้เวลาครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยก็ทำให้ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณยอมรับเจ้าของสำเร็จ

เขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะถอดมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์จากศีรษะ หลังจากนั้นก็นำภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณมาผูกบนมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์

ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณมีความยาวถึงหนึ่งจั้งกว่า หลังจากมัดไว้กับมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์แล้ว มันก็โบกพลิ้วปลิวไสวขึ้นมาทันที

ช่างเถอะ!

หลังจากที่หานเจวี๋ยสวมมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์กลับเข้าไปอีกครั้ง ก็ดูหล่อเหลาสง่างามดุจดั่งเทพเซียนยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน

สวินฉางอันได้แต่มองจนตาค้าง

หรืออาจารย์จะเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด

ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณโบกสะบัดอยู่ล้อมรอบกายของหานเจวี๋ย เปล่งรัศมีเจิดจรัสถึงที่สุด

หานเจวี๋ยพอใจเป็นอย่างมาก

หล่อเหลาเอาการสุดๆ ไปเลย!

เวลานั้นเอง หลี่ชิงจื่อก็เดินทางมาเยี่ยมเยียนพอดี

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดเมื่อครู่สร้างความเคลื่อนไหวขึ้นไม่น้อย เขาคิดว่ามีศัตรูบุกเข้ามา

หานเจวี๋ยจึงเอ่ยตอบว่าศัตรูหลบหนีไปเรียบร้อยแล้ว

หลี่ชิงจื่อถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รีบร้อนคาราวะหานเจวี๋ยทันที

คิดไม่ถึงว่าต้าเยี่ยนในยามนี้กลับยังมีศัตรูกล้าบุกเข้ามาโจมตีสำนักยกพิสุทธิ์อีก!

ดูท่ายังคงมีผู้แข็งแกร่งหลบซ่อนอยู่อีกไม่น้อย

หลังจากนี้หากจะทำการใดต้องระมัดระวัง ห้ามประมาทเด็ดขาด

หลี่ชิงจื่อครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขาก็ไม่อยากถูกโจมตีอีกแล้ว!

……

เขตแก่นประจิม

สำนักเก้ามังกร

หวงจุนเทียน หรือก็คือเว่ยหยวนกำลังฝึกฝนอยู่ในอารามเต๋า

ภายในอารามไม่นับว่าใหญ่นัก การตกแต่งเรียบง่าย ด้านหลังของหวงจุนเทียนมีกระถางสำริดสามขาขนาดใหญ่กระถางหนึ่ง ปักด้วยธูปหอมขนาดใหญ่สามเล่ม เต็มไปด้วยควันคละคลุ้ง

หวงจุนเทียนลืมตาขึ้น

เห็นเพียงนักพรตชราผู้หนึ่งเดินเข้ามาในอาราม

เขาเดินมานั่งลงที่ด้านหน้าของหวงจุนเทียน เอ่ยพลางแย้มยิ้มเล็กน้อย “ศิษย์น้องเว่ย ข้ามีเรื่องที่อยากจะปรึกษาเจ้า”

หวงจุนเทียนเอ่ยถาม “เรื่องใดหรือ”

ในใจของเขาประหม่า

ใบหน้าพรายยิ้มของจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ หรือเขาจะค้นพบสถานะที่แท้จริงของตนแล้ว

นักพรตชราเอ่ยปากกล่าวว่า “สำนักของเราและลัทธิสัจจะยุทธ์ต่อสู้กันมาเนิ่นนาน ทรัพยากรต่างๆ ในเขตแก่นประจิมก็ถูกยึดไปไม่น้อย ข้าอยากให้ศิษย์ของสำนักเราเข้าไปในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนอ่อนแอและมีกำลังน้อย ดวงชะตาราชวงศ์กำลังถดถอย เหมาะสำหรับให้พวกเราเข้าไปควบคุม หลังจากยึดครองต้าเยี่ยนได้แล้ว พวกเราจะสามารถเคลื่อนกำลังไปยังต้าเว่ยได้ต่อ อย่างไรเสียสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็ประกาศวาจาว่าจะบุกต้าเยี่ยน และทำให้ยอมสยบต่อแก่นประจิมอยู่แล้ว”

“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปยังต้าเยี่ยนมาก่อน ย่อมคุ้นเคยดี คงสามารถนำศิษย์ชั้นยอดกลุ่มนี้เดินทางไปยังต้าเยี่ยนได้”

หวงจุนเทียนได้ฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ยกทัพบุกต้าเยี่ยน

นี่เบื่อชีวิตกันแล้วหรืออย่างไร!

กว่าจะกลับมามีชีวิตใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย หวงจุนเทียนก็ไม่อยากที่จะล่วงเกินหานเจวี๋ยอีก

นักพรตชรายิ้มเอ่ย “หากเรื่องนี้สำเร็จ หลังจากนี้ตำแหน่งเจ้าสำนักย่อมตกเป็นของเจ้าแน่ อาจารย์ปิดด่านมาร่วมร้อยปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับระดับรวมกายาได้หรือไม่ พวกเราไม่อาจมานั่งนิ่งรอความตายได้เช่นนี้ จำต้องคิดหาโอกาสแล้ว”

หวงจุนเทียนกล่าวอย่างลังเล “ไม่ไปต้าเยี่ยนได้หรือไม่ พวกเราสามารถไปยังแดนบำเพ็ญพรตอื่นๆ ได้ ใต้หล้านี้กว้างใหญ่ ผลประโยชน์ที่เราจะได้จากต้าเยี่ยนเองก็ไม่มากพอ”

นักพรตชราส่ายหน้าเอ่ย “เป็นเพราะต้าเยี่ยนอ่อนแอพวกเราถึงลงมือ เรื่องนี้ก็เอาเช่นนี้แล้ว เจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปคัดเลือกลูกศิษย์ก่อน”

กล่าวพลาง นักพรตชราก็หยัดกายขึ้น

เมื่อมองแผ่นหลังของเขาแล้ว หวงจุนเทียนอยากเอ่ยปากแต่จำต้องหยุดลง

ไอ้จิ้งจอกเฒ่า!

นี่เรียกว่าปรึกษาหรืออย่างไร

มารดาเจ้าสิ!

นี่เจ้ากำลังบีบบังคับข้าต่างหาก!

ดูท่าข้าต้องแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักมาจากเจ้าเสียแล้ว!

สายตาของหวงจุนเทียนวาบประกาย ในใจลอบคิดแผนการร้ายขึ้น

ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข มุ่งหวังจะปิดด่านฝึกฝน แต่สุดท้ายเจ้าหมอนี่กลับสร้างเรื่องให้เขาได้

แม้หวงจุนเทียนจะขลาดกลัว แต่ชีวิตของเขาก็อยู่ในกำมือของหานเจวี๋ย จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เขาจึงจำเป็นต้องลงมือ

เพราะอย่างนั้น

หวงจุนเทียนเริ่มครุ่นคิดว่าจะช่วงชิงตำแหน่งอย่างไร

แม้นักพรตชราผู้นั้นจะแข็งแกร่งกว่าเขา อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่ามาก แต่เขากลับไม่กังวล

เมื่อพันปีก่อน หลังจากเจ้าลัทธิคนก่อนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณตกต่ำลง หวงจุนเทียนก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าลัทธิ

ตัวเลือกแรกคือศิษย์พี่ของเขา เป็นคนหัวรุนแรง คิดอยากแก้แค้น ตบะแข็งแกร่งกว่าหวงจุนเทียนเป็นอย่างมาก

เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย หวงจุนเทียนจึงวางแผนที่จะยึดตำแหน่ง

“ปะทะกันตรงๆ คงไม่มีทางแน่ จำต้องใช้อุบายเข้าช่วย”

…………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้
“เหตุใดถึงเป็นมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาลไปได้” หวงจี๋เฮ่าเอ่ยปากถาม

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกระบี่ทั้งสำนักโบยบินขึ้นสู่ท้องนภา น้อมคำนับไปในทิศทางเดียวกัน

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…

ทิศทางที่กระบี่เหล่านี้ชี้ไป…

เป็นต้าเยี่ยน!

ในสมองของหวงจี๋เฮ่าผุดการคาดเดาขึ้นมาอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลย

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินสูดลมหายใจเข้าลึก กล่าวว่า “มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาลเป็นขอบเขตพลังอย่างหนึ่งของพลังวิเศษมรรคกระบี่ หรือกล่าวง่ายๆ นี่ก็คือพลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่ที่ยากจะพบในหนึ่งหมื่นปี!”

“คิดไม่ถึงเลยว่ายามนี้ยังมีบุตรแห่งสวรรค์มรรคกระบี่ระดับนี้อยู่…”

พลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่ที่ยากจะพบเจอได้ในรอบหนึ่งหมื่นปี!

หวงจี๋เฮ่าตกตะลึงจนร่างสั่นสะท้าน

ในสมองของเขาพลันปรากฏใบหน้างามสง่าเหนือกว่าผู้ใดขึ้นมาใบหน้าหนึ่ง

หรือว่าจะเป็น…

หวงจี๋เฮ่ากัดฟันเอ่ยถามออกไป “หากข้าเข้าร่วมกับลัทธิสัจจะยุทธ์ ข้าจะสามารถบรรลุพลังวิเศษระดับนี้หรือไม่ ”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินนิ่งเงียบ

ท่าทางของเขาทำให้หวงจี๋เฮ่ายิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นไปอีก

……

หานเจวี๋ยใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงได้บรรลุพลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่นี้

และในที่สุดก็สำเร็จ

เหล่าผู้ฝึกสายกระบี่เองก็บ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว

ทว่าหานเจวี๋ยวยังไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในลัทธิสัจจะยุทธ์นี้ก็ได้เกิดขึ้นในสำนักต่างๆ ของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนด้วย ซึ่งรวมถึงสำนักหยุกพิสุทธิ์

ในสำหนักหยกพิสุทธ์มีกระบี่จำนวนมากมายลอยทะยานเหนือท้องนภา กระบี่เหล่านั้นล้วนสั่นสะท้านส่งเสียงกึกก้อง ปลายกระบี่พุ่งชี้ไปที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน

ไก่คุกรัตติกาลมองเห็นฉากเบื้องหน้านี้ ก็ตกใจจนร่างกายพลันสั่นเทิ้มไม่หยุด!

หานเจวี๋ยได้ยินเสียงกระบี่กึกก้องที่ลอยเข้ามาจากนอกถ้ำ ก็พลันลืมตาขึ้นอย่างอดไม่ได้

เขาส่งพลังจิตออกไปสำรวจที่ด้านนอกถ้ำ ก็พลันมองเห็นกระบี่เหล่านั้นที่ลอยขึ้นสูงเหนือท้องฟ้า

เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ปรากฏการณ์นี้เขาก็เป็นคนสร้างขึ้นอย่างนั้นหรือ

เขาก้มหน้าลงมองเงากระบี่ที่อยู่กลางฝ่ามือ มือขวากำเข้าหากันแน่น ชั่วพริบตาเงากระบี่ก็เลือนหานไป

กระบี่ที่ลอยเหนืออากาศทั่วทั้งใต้หล้าต่างร่วงหล่นลงมาตามๆ กัน

สวินฉางอันมองไปยังหานเจวี๋ยอย่างนิ่งอึ้งราวกับท่อนไม้

ในขณะที่หานเจวี๋ยบรรลุพลังวิเศษนี้ ที่หว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏแสงกระบี่พวยพุ่ง ลมพายุพัดหมุนวนรอบกาย หลอมรวมเข้ากับสมบัติวิญญาณบนร่าง ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้สวินฉางอันอึ้งตะลึงจนแทนหยุดหายใจ

สวินฉางอันเองก็ได้ยินเสียงร้องกึกก้องของกระบี่ แต่เมื่อหานเจวี๋ยประกบมือเข้าหากัน เสียงร้องของกระบี่ด้านนอกก็หายวับไป ก่อนกระบี่ที่ลอยอยู่เหนืออากาศจะพากันร่วงหล่นลงมา

นี่หมายความว่าอย่างไรกัน

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดด้านนอกก็เกิดมาจากหานเจวี๋ยอย่างไรเล่า!

[ยินดีด้วย ท่านบรรลุพลังพิเศษมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล กรุณาตั้งชื่อ]

เมื่อหานเจวี๋ยอ่านอักขระที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้น ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย

ระดับหมื่นบรรพกาลหรือ

พลังวิเศษยังมีการแบ่งระดับด้วยหรือนี่

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ในใจพึมพำขึ้นมาเงียบๆ “ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ”

[ตั้งชื่อสำเร็จ เนื่องด้วยท่านบรรลุพลังวิเศษครั้งแรก ดวงชะตายกระดับ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ประกาศตัวทันที ทำให้ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิเกริกก้องทั่วหล้า จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[สอง ถ่อมตนฝึกฝน พัฒนาให้แข็งแกร่งต่อไป กระทั่งทั่วทั้งโลกาไร้พ่าย จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

ล้วนได้รับสมบัติวิญญาณ!

หาได้ยากนัก!

หานเจวี๋ยเลือกข้อที่สองอย่างเงียบๆ

[ท่านเลือกถ่อมตนฝึกฝน ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[ท่านได้รับสมบัติวิญญาณระดับสาม–ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณ]

[ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณ: สมบัติวิญญาณการป้องกันระดับสาม สามารถต้านทานการโจมตีที่จะสร้างความเสียหายแก่เจ้าของอัตโนมัติ]

สมบัติวิญญาณสายป้องกันอีกแล้ว!

ทั้งยังเป็นระดับสามอีกด้วย!

ดีเลย!

ใครจะทำอันตรายข้าได้อีก

ใครจะทำลายการป้องกันข้า

หานเจวี๋ยคิดอย่างปีติยินดี

ทันใดนั้นเขาพลันเกิดความคิดที่อาจหาญขึ้นมาอย่างหนึ่ง

หากจู่ๆ เขาออกไปกระทำการโอ้อวดตอนนี้ ระบบจะยึดสมบัติวิญญาณกลับคืนไปหรือไม่นะ

ช่างเถอะ

เดิมทีเขาก็คิดอยากจะเก็บตัวฝึกเงียบๆ อยู่แล้ว

ระบบเองก็ให้ตัวเลือกตามความชอบของเขาแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปลองดี

หานเจวี๋ยนำภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณอกมา

เป็นผ้ายาวผืนหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับผ้าไหม สีเหลืองทองอร่ามทั่วทั้งผืน ยามโบกสะบัดดูราวกับเมฆสีรุ่งอรุณกำลังเต้นระบำ งดงามเป็นอย่างมาก

ให้ผู้ชายอกสามศอกเช่นข้าใส่ผ้าไหมเช่นนี้จะดีหรือ

หานเจวี๋ยลอบพึมพำกับตัวเอง ขณะเดียวกันก็เริ่มหยดโลหิตแสดงความเป็นเจ้าของ

ดูเหมือนสิ่งของของสตรี หากแต่เขาเองก็ไม่สามารถมอบสมบัติชิ้นนี้ให้ใครได้

ไม่ว่าจะเป็นสิงหงเสวียนหรือเซียนซีเสวียน สมบัติวิญญาณระดับนี้จะสร้างปัญหาให้กับพวกนางในภายหลัง

ก่อนหน้านี้ชัดเจนว่าเว่ยหยวนจำสมบัติวิญญาณบนตัวของเขาได้ เพราะอย่างนั้นถึงได้ตกตะลึงเช่นนั้น

ใช้เวลาครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยก็ทำให้ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณยอมรับเจ้าของสำเร็จ

เขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะถอดมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์จากศีรษะ หลังจากนั้นก็นำภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณมาผูกบนมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์

ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณมีความยาวถึงหนึ่งจั้งกว่า หลังจากมัดไว้กับมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์แล้ว มันก็โบกพลิ้วปลิวไสวขึ้นมาทันที

ช่างเถอะ!

หลังจากที่หานเจวี๋ยสวมมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์กลับเข้าไปอีกครั้ง ก็ดูหล่อเหลาสง่างามดุจดั่งเทพเซียนยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน

สวินฉางอันได้แต่มองจนตาค้าง

หรืออาจารย์จะเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด

ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณโบกสะบัดอยู่ล้อมรอบกายของหานเจวี๋ย เปล่งรัศมีเจิดจรัสถึงที่สุด

หานเจวี๋ยพอใจเป็นอย่างมาก

หล่อเหลาเอาการสุดๆ ไปเลย!

เวลานั้นเอง หลี่ชิงจื่อก็เดินทางมาเยี่ยมเยียนพอดี

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดเมื่อครู่สร้างความเคลื่อนไหวขึ้นไม่น้อย เขาคิดว่ามีศัตรูบุกเข้ามา

หานเจวี๋ยจึงเอ่ยตอบว่าศัตรูหลบหนีไปเรียบร้อยแล้ว

หลี่ชิงจื่อถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รีบร้อนคาราวะหานเจวี๋ยทันที

คิดไม่ถึงว่าต้าเยี่ยนในยามนี้กลับยังมีศัตรูกล้าบุกเข้ามาโจมตีสำนักยกพิสุทธิ์อีก!

ดูท่ายังคงมีผู้แข็งแกร่งหลบซ่อนอยู่อีกไม่น้อย

หลังจากนี้หากจะทำการใดต้องระมัดระวัง ห้ามประมาทเด็ดขาด

หลี่ชิงจื่อครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขาก็ไม่อยากถูกโจมตีอีกแล้ว!

……

เขตแก่นประจิม

สำนักเก้ามังกร

หวงจุนเทียน หรือก็คือเว่ยหยวนกำลังฝึกฝนอยู่ในอารามเต๋า

ภายในอารามไม่นับว่าใหญ่นัก การตกแต่งเรียบง่าย ด้านหลังของหวงจุนเทียนมีกระถางสำริดสามขาขนาดใหญ่กระถางหนึ่ง ปักด้วยธูปหอมขนาดใหญ่สามเล่ม เต็มไปด้วยควันคละคลุ้ง

หวงจุนเทียนลืมตาขึ้น

เห็นเพียงนักพรตชราผู้หนึ่งเดินเข้ามาในอาราม

เขาเดินมานั่งลงที่ด้านหน้าของหวงจุนเทียน เอ่ยพลางแย้มยิ้มเล็กน้อย “ศิษย์น้องเว่ย ข้ามีเรื่องที่อยากจะปรึกษาเจ้า”

หวงจุนเทียนเอ่ยถาม “เรื่องใดหรือ”

ในใจของเขาประหม่า

ใบหน้าพรายยิ้มของจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ หรือเขาจะค้นพบสถานะที่แท้จริงของตนแล้ว

นักพรตชราเอ่ยปากกล่าวว่า “สำนักของเราและลัทธิสัจจะยุทธ์ต่อสู้กันมาเนิ่นนาน ทรัพยากรต่างๆ ในเขตแก่นประจิมก็ถูกยึดไปไม่น้อย ข้าอยากให้ศิษย์ของสำนักเราเข้าไปในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนอ่อนแอและมีกำลังน้อย ดวงชะตาราชวงศ์กำลังถดถอย เหมาะสำหรับให้พวกเราเข้าไปควบคุม หลังจากยึดครองต้าเยี่ยนได้แล้ว พวกเราจะสามารถเคลื่อนกำลังไปยังต้าเว่ยได้ต่อ อย่างไรเสียสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็ประกาศวาจาว่าจะบุกต้าเยี่ยน และทำให้ยอมสยบต่อแก่นประจิมอยู่แล้ว”

“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปยังต้าเยี่ยนมาก่อน ย่อมคุ้นเคยดี คงสามารถนำศิษย์ชั้นยอดกลุ่มนี้เดินทางไปยังต้าเยี่ยนได้”

หวงจุนเทียนได้ฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ยกทัพบุกต้าเยี่ยน

นี่เบื่อชีวิตกันแล้วหรืออย่างไร!

กว่าจะกลับมามีชีวิตใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย หวงจุนเทียนก็ไม่อยากที่จะล่วงเกินหานเจวี๋ยอีก

นักพรตชรายิ้มเอ่ย “หากเรื่องนี้สำเร็จ หลังจากนี้ตำแหน่งเจ้าสำนักย่อมตกเป็นของเจ้าแน่ อาจารย์ปิดด่านมาร่วมร้อยปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับระดับรวมกายาได้หรือไม่ พวกเราไม่อาจมานั่งนิ่งรอความตายได้เช่นนี้ จำต้องคิดหาโอกาสแล้ว”

หวงจุนเทียนกล่าวอย่างลังเล “ไม่ไปต้าเยี่ยนได้หรือไม่ พวกเราสามารถไปยังแดนบำเพ็ญพรตอื่นๆ ได้ ใต้หล้านี้กว้างใหญ่ ผลประโยชน์ที่เราจะได้จากต้าเยี่ยนเองก็ไม่มากพอ”

นักพรตชราส่ายหน้าเอ่ย “เป็นเพราะต้าเยี่ยนอ่อนแอพวกเราถึงลงมือ เรื่องนี้ก็เอาเช่นนี้แล้ว เจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปคัดเลือกลูกศิษย์ก่อน”

กล่าวพลาง นักพรตชราก็หยัดกายขึ้น

เมื่อมองแผ่นหลังของเขาแล้ว หวงจุนเทียนอยากเอ่ยปากแต่จำต้องหยุดลง

ไอ้จิ้งจอกเฒ่า!

นี่เรียกว่าปรึกษาหรืออย่างไร

มารดาเจ้าสิ!

นี่เจ้ากำลังบีบบังคับข้าต่างหาก!

ดูท่าข้าต้องแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักมาจากเจ้าเสียแล้ว!

สายตาของหวงจุนเทียนวาบประกาย ในใจลอบคิดแผนการร้ายขึ้น

ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข มุ่งหวังจะปิดด่านฝึกฝน แต่สุดท้ายเจ้าหมอนี่กลับสร้างเรื่องให้เขาได้

แม้หวงจุนเทียนจะขลาดกลัว แต่ชีวิตของเขาก็อยู่ในกำมือของหานเจวี๋ย จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เขาจึงจำเป็นต้องลงมือ

เพราะอย่างนั้น

หวงจุนเทียนเริ่มครุ่นคิดว่าจะช่วงชิงตำแหน่งอย่างไร

แม้นักพรตชราผู้นั้นจะแข็งแกร่งกว่าเขา อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่ามาก แต่เขากลับไม่กังวล

เมื่อพันปีก่อน หลังจากเจ้าลัทธิคนก่อนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณตกต่ำลง หวงจุนเทียนก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าลัทธิ

ตัวเลือกแรกคือศิษย์พี่ของเขา เป็นคนหัวรุนแรง คิดอยากแก้แค้น ตบะแข็งแกร่งกว่าหวงจุนเทียนเป็นอย่างมาก

เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย หวงจุนเทียนจึงวางแผนที่จะยึดตำแหน่ง

“ปะทะกันตรงๆ คงไม่มีทางแน่ จำต้องใช้อุบายเข้าช่วย”

…………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้
“เหตุใดถึงเป็นมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาลไปได้” หวงจี๋เฮ่าเอ่ยปากถาม

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกระบี่ทั้งสำนักโบยบินขึ้นสู่ท้องนภา น้อมคำนับไปในทิศทางเดียวกัน

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…

ทิศทางที่กระบี่เหล่านี้ชี้ไป…

เป็นต้าเยี่ยน!

ในสมองของหวงจี๋เฮ่าผุดการคาดเดาขึ้นมาอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลย

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินสูดลมหายใจเข้าลึก กล่าวว่า “มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาลเป็นขอบเขตพลังอย่างหนึ่งของพลังวิเศษมรรคกระบี่ หรือกล่าวง่ายๆ นี่ก็คือพลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่ที่ยากจะพบในหนึ่งหมื่นปี!”

“คิดไม่ถึงเลยว่ายามนี้ยังมีบุตรแห่งสวรรค์มรรคกระบี่ระดับนี้อยู่…”

พลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่ที่ยากจะพบเจอได้ในรอบหนึ่งหมื่นปี!

หวงจี๋เฮ่าตกตะลึงจนร่างสั่นสะท้าน

ในสมองของเขาพลันปรากฏใบหน้างามสง่าเหนือกว่าผู้ใดขึ้นมาใบหน้าหนึ่ง

หรือว่าจะเป็น…

หวงจี๋เฮ่ากัดฟันเอ่ยถามออกไป “หากข้าเข้าร่วมกับลัทธิสัจจะยุทธ์ ข้าจะสามารถบรรลุพลังวิเศษระดับนี้หรือไม่ ”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินนิ่งเงียบ

ท่าทางของเขาทำให้หวงจี๋เฮ่ายิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นไปอีก

……

หานเจวี๋ยใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงได้บรรลุพลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่นี้

และในที่สุดก็สำเร็จ

เหล่าผู้ฝึกสายกระบี่เองก็บ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว

ทว่าหานเจวี๋ยวยังไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในลัทธิสัจจะยุทธ์นี้ก็ได้เกิดขึ้นในสำนักต่างๆ ของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนด้วย ซึ่งรวมถึงสำนักหยุกพิสุทธิ์

ในสำหนักหยกพิสุทธ์มีกระบี่จำนวนมากมายลอยทะยานเหนือท้องนภา กระบี่เหล่านั้นล้วนสั่นสะท้านส่งเสียงกึกก้อง ปลายกระบี่พุ่งชี้ไปที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน

ไก่คุกรัตติกาลมองเห็นฉากเบื้องหน้านี้ ก็ตกใจจนร่างกายพลันสั่นเทิ้มไม่หยุด!

หานเจวี๋ยได้ยินเสียงกระบี่กึกก้องที่ลอยเข้ามาจากนอกถ้ำ ก็พลันลืมตาขึ้นอย่างอดไม่ได้

เขาส่งพลังจิตออกไปสำรวจที่ด้านนอกถ้ำ ก็พลันมองเห็นกระบี่เหล่านั้นที่ลอยขึ้นสูงเหนือท้องฟ้า

เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ปรากฏการณ์นี้เขาก็เป็นคนสร้างขึ้นอย่างนั้นหรือ

เขาก้มหน้าลงมองเงากระบี่ที่อยู่กลางฝ่ามือ มือขวากำเข้าหากันแน่น ชั่วพริบตาเงากระบี่ก็เลือนหานไป

กระบี่ที่ลอยเหนืออากาศทั่วทั้งใต้หล้าต่างร่วงหล่นลงมาตามๆ กัน

สวินฉางอันมองไปยังหานเจวี๋ยอย่างนิ่งอึ้งราวกับท่อนไม้

ในขณะที่หานเจวี๋ยบรรลุพลังวิเศษนี้ ที่หว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏแสงกระบี่พวยพุ่ง ลมพายุพัดหมุนวนรอบกาย หลอมรวมเข้ากับสมบัติวิญญาณบนร่าง ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้สวินฉางอันอึ้งตะลึงจนแทนหยุดหายใจ

สวินฉางอันเองก็ได้ยินเสียงร้องกึกก้องของกระบี่ แต่เมื่อหานเจวี๋ยประกบมือเข้าหากัน เสียงร้องของกระบี่ด้านนอกก็หายวับไป ก่อนกระบี่ที่ลอยอยู่เหนืออากาศจะพากันร่วงหล่นลงมา

นี่หมายความว่าอย่างไรกัน

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดด้านนอกก็เกิดมาจากหานเจวี๋ยอย่างไรเล่า!

[ยินดีด้วย ท่านบรรลุพลังพิเศษมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล กรุณาตั้งชื่อ]

เมื่อหานเจวี๋ยอ่านอักขระที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้น ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย

ระดับหมื่นบรรพกาลหรือ

พลังวิเศษยังมีการแบ่งระดับด้วยหรือนี่

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ในใจพึมพำขึ้นมาเงียบๆ “ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ”

[ตั้งชื่อสำเร็จ เนื่องด้วยท่านบรรลุพลังวิเศษครั้งแรก ดวงชะตายกระดับ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ประกาศตัวทันที ทำให้ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิเกริกก้องทั่วหล้า จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[สอง ถ่อมตนฝึกฝน พัฒนาให้แข็งแกร่งต่อไป กระทั่งทั่วทั้งโลกาไร้พ่าย จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

ล้วนได้รับสมบัติวิญญาณ!

หาได้ยากนัก!

หานเจวี๋ยเลือกข้อที่สองอย่างเงียบๆ

[ท่านเลือกถ่อมตนฝึกฝน ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[ท่านได้รับสมบัติวิญญาณระดับสาม–ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณ]

[ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณ: สมบัติวิญญาณการป้องกันระดับสาม สามารถต้านทานการโจมตีที่จะสร้างความเสียหายแก่เจ้าของอัตโนมัติ]

สมบัติวิญญาณสายป้องกันอีกแล้ว!

ทั้งยังเป็นระดับสามอีกด้วย!

ดีเลย!

ใครจะทำอันตรายข้าได้อีก

ใครจะทำลายการป้องกันข้า

หานเจวี๋ยคิดอย่างปีติยินดี

ทันใดนั้นเขาพลันเกิดความคิดที่อาจหาญขึ้นมาอย่างหนึ่ง

หากจู่ๆ เขาออกไปกระทำการโอ้อวดตอนนี้ ระบบจะยึดสมบัติวิญญาณกลับคืนไปหรือไม่นะ

ช่างเถอะ

เดิมทีเขาก็คิดอยากจะเก็บตัวฝึกเงียบๆ อยู่แล้ว

ระบบเองก็ให้ตัวเลือกตามความชอบของเขาแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปลองดี

หานเจวี๋ยนำภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณอกมา

เป็นผ้ายาวผืนหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับผ้าไหม สีเหลืองทองอร่ามทั่วทั้งผืน ยามโบกสะบัดดูราวกับเมฆสีรุ่งอรุณกำลังเต้นระบำ งดงามเป็นอย่างมาก

ให้ผู้ชายอกสามศอกเช่นข้าใส่ผ้าไหมเช่นนี้จะดีหรือ

หานเจวี๋ยลอบพึมพำกับตัวเอง ขณะเดียวกันก็เริ่มหยดโลหิตแสดงความเป็นเจ้าของ

ดูเหมือนสิ่งของของสตรี หากแต่เขาเองก็ไม่สามารถมอบสมบัติชิ้นนี้ให้ใครได้

ไม่ว่าจะเป็นสิงหงเสวียนหรือเซียนซีเสวียน สมบัติวิญญาณระดับนี้จะสร้างปัญหาให้กับพวกนางในภายหลัง

ก่อนหน้านี้ชัดเจนว่าเว่ยหยวนจำสมบัติวิญญาณบนตัวของเขาได้ เพราะอย่างนั้นถึงได้ตกตะลึงเช่นนั้น

ใช้เวลาครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยก็ทำให้ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณยอมรับเจ้าของสำเร็จ

เขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะถอดมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์จากศีรษะ หลังจากนั้นก็นำภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณมาผูกบนมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์

ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณมีความยาวถึงหนึ่งจั้งกว่า หลังจากมัดไว้กับมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์แล้ว มันก็โบกพลิ้วปลิวไสวขึ้นมาทันที

ช่างเถอะ!

หลังจากที่หานเจวี๋ยสวมมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์กลับเข้าไปอีกครั้ง ก็ดูหล่อเหลาสง่างามดุจดั่งเทพเซียนยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน

สวินฉางอันได้แต่มองจนตาค้าง

หรืออาจารย์จะเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด

ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณโบกสะบัดอยู่ล้อมรอบกายของหานเจวี๋ย เปล่งรัศมีเจิดจรัสถึงที่สุด

หานเจวี๋ยพอใจเป็นอย่างมาก

หล่อเหลาเอาการสุดๆ ไปเลย!

เวลานั้นเอง หลี่ชิงจื่อก็เดินทางมาเยี่ยมเยียนพอดี

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดเมื่อครู่สร้างความเคลื่อนไหวขึ้นไม่น้อย เขาคิดว่ามีศัตรูบุกเข้ามา

หานเจวี๋ยจึงเอ่ยตอบว่าศัตรูหลบหนีไปเรียบร้อยแล้ว

หลี่ชิงจื่อถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รีบร้อนคาราวะหานเจวี๋ยทันที

คิดไม่ถึงว่าต้าเยี่ยนในยามนี้กลับยังมีศัตรูกล้าบุกเข้ามาโจมตีสำนักยกพิสุทธิ์อีก!

ดูท่ายังคงมีผู้แข็งแกร่งหลบซ่อนอยู่อีกไม่น้อย

หลังจากนี้หากจะทำการใดต้องระมัดระวัง ห้ามประมาทเด็ดขาด

หลี่ชิงจื่อครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขาก็ไม่อยากถูกโจมตีอีกแล้ว!

……

เขตแก่นประจิม

สำนักเก้ามังกร

หวงจุนเทียน หรือก็คือเว่ยหยวนกำลังฝึกฝนอยู่ในอารามเต๋า

ภายในอารามไม่นับว่าใหญ่นัก การตกแต่งเรียบง่าย ด้านหลังของหวงจุนเทียนมีกระถางสำริดสามขาขนาดใหญ่กระถางหนึ่ง ปักด้วยธูปหอมขนาดใหญ่สามเล่ม เต็มไปด้วยควันคละคลุ้ง

หวงจุนเทียนลืมตาขึ้น

เห็นเพียงนักพรตชราผู้หนึ่งเดินเข้ามาในอาราม

เขาเดินมานั่งลงที่ด้านหน้าของหวงจุนเทียน เอ่ยพลางแย้มยิ้มเล็กน้อย “ศิษย์น้องเว่ย ข้ามีเรื่องที่อยากจะปรึกษาเจ้า”

หวงจุนเทียนเอ่ยถาม “เรื่องใดหรือ”

ในใจของเขาประหม่า

ใบหน้าพรายยิ้มของจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ หรือเขาจะค้นพบสถานะที่แท้จริงของตนแล้ว

นักพรตชราเอ่ยปากกล่าวว่า “สำนักของเราและลัทธิสัจจะยุทธ์ต่อสู้กันมาเนิ่นนาน ทรัพยากรต่างๆ ในเขตแก่นประจิมก็ถูกยึดไปไม่น้อย ข้าอยากให้ศิษย์ของสำนักเราเข้าไปในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนอ่อนแอและมีกำลังน้อย ดวงชะตาราชวงศ์กำลังถดถอย เหมาะสำหรับให้พวกเราเข้าไปควบคุม หลังจากยึดครองต้าเยี่ยนได้แล้ว พวกเราจะสามารถเคลื่อนกำลังไปยังต้าเว่ยได้ต่อ อย่างไรเสียสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็ประกาศวาจาว่าจะบุกต้าเยี่ยน และทำให้ยอมสยบต่อแก่นประจิมอยู่แล้ว”

“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปยังต้าเยี่ยนมาก่อน ย่อมคุ้นเคยดี คงสามารถนำศิษย์ชั้นยอดกลุ่มนี้เดินทางไปยังต้าเยี่ยนได้”

หวงจุนเทียนได้ฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ยกทัพบุกต้าเยี่ยน

นี่เบื่อชีวิตกันแล้วหรืออย่างไร!

กว่าจะกลับมามีชีวิตใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย หวงจุนเทียนก็ไม่อยากที่จะล่วงเกินหานเจวี๋ยอีก

นักพรตชรายิ้มเอ่ย “หากเรื่องนี้สำเร็จ หลังจากนี้ตำแหน่งเจ้าสำนักย่อมตกเป็นของเจ้าแน่ อาจารย์ปิดด่านมาร่วมร้อยปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับระดับรวมกายาได้หรือไม่ พวกเราไม่อาจมานั่งนิ่งรอความตายได้เช่นนี้ จำต้องคิดหาโอกาสแล้ว”

หวงจุนเทียนกล่าวอย่างลังเล “ไม่ไปต้าเยี่ยนได้หรือไม่ พวกเราสามารถไปยังแดนบำเพ็ญพรตอื่นๆ ได้ ใต้หล้านี้กว้างใหญ่ ผลประโยชน์ที่เราจะได้จากต้าเยี่ยนเองก็ไม่มากพอ”

นักพรตชราส่ายหน้าเอ่ย “เป็นเพราะต้าเยี่ยนอ่อนแอพวกเราถึงลงมือ เรื่องนี้ก็เอาเช่นนี้แล้ว เจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปคัดเลือกลูกศิษย์ก่อน”

กล่าวพลาง นักพรตชราก็หยัดกายขึ้น

เมื่อมองแผ่นหลังของเขาแล้ว หวงจุนเทียนอยากเอ่ยปากแต่จำต้องหยุดลง

ไอ้จิ้งจอกเฒ่า!

นี่เรียกว่าปรึกษาหรืออย่างไร

มารดาเจ้าสิ!

นี่เจ้ากำลังบีบบังคับข้าต่างหาก!

ดูท่าข้าต้องแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักมาจากเจ้าเสียแล้ว!

สายตาของหวงจุนเทียนวาบประกาย ในใจลอบคิดแผนการร้ายขึ้น

ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข มุ่งหวังจะปิดด่านฝึกฝน แต่สุดท้ายเจ้าหมอนี่กลับสร้างเรื่องให้เขาได้

แม้หวงจุนเทียนจะขลาดกลัว แต่ชีวิตของเขาก็อยู่ในกำมือของหานเจวี๋ย จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เขาจึงจำเป็นต้องลงมือ

เพราะอย่างนั้น

หวงจุนเทียนเริ่มครุ่นคิดว่าจะช่วงชิงตำแหน่งอย่างไร

แม้นักพรตชราผู้นั้นจะแข็งแกร่งกว่าเขา อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่ามาก แต่เขากลับไม่กังวล

เมื่อพันปีก่อน หลังจากเจ้าลัทธิคนก่อนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณตกต่ำลง หวงจุนเทียนก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าลัทธิ

ตัวเลือกแรกคือศิษย์พี่ของเขา เป็นคนหัวรุนแรง คิดอยากแก้แค้น ตบะแข็งแกร่งกว่าหวงจุนเทียนเป็นอย่างมาก

เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย หวงจุนเทียนจึงวางแผนที่จะยึดตำแหน่ง

“ปะทะกันตรงๆ คงไม่มีทางแน่ จำต้องใช้อุบายเข้าช่วย”

…………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 71 ไตรวิสุทธิกำราบภูมิ ใครจะทำลายการป้องกันข้าได้
“เหตุใดถึงเป็นมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาลไปได้” หวงจี๋เฮ่าเอ่ยปากถาม

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกระบี่ทั้งสำนักโบยบินขึ้นสู่ท้องนภา น้อมคำนับไปในทิศทางเดียวกัน

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…

ทิศทางที่กระบี่เหล่านี้ชี้ไป…

เป็นต้าเยี่ยน!

ในสมองของหวงจี๋เฮ่าผุดการคาดเดาขึ้นมาอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลย

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินสูดลมหายใจเข้าลึก กล่าวว่า “มรรคกระบี่หมื่นบรรพกาลเป็นขอบเขตพลังอย่างหนึ่งของพลังวิเศษมรรคกระบี่ หรือกล่าวง่ายๆ นี่ก็คือพลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่ที่ยากจะพบในหนึ่งหมื่นปี!”

“คิดไม่ถึงเลยว่ายามนี้ยังมีบุตรแห่งสวรรค์มรรคกระบี่ระดับนี้อยู่…”

พลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่ที่ยากจะพบเจอได้ในรอบหนึ่งหมื่นปี!

หวงจี๋เฮ่าตกตะลึงจนร่างสั่นสะท้าน

ในสมองของเขาพลันปรากฏใบหน้างามสง่าเหนือกว่าผู้ใดขึ้นมาใบหน้าหนึ่ง

หรือว่าจะเป็น…

หวงจี๋เฮ่ากัดฟันเอ่ยถามออกไป “หากข้าเข้าร่วมกับลัทธิสัจจะยุทธ์ ข้าจะสามารถบรรลุพลังวิเศษระดับนี้หรือไม่ ”

บุรุษอาภรณ์น้ำเงินนิ่งเงียบ

ท่าทางของเขาทำให้หวงจี๋เฮ่ายิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นไปอีก

……

หานเจวี๋ยใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงได้บรรลุพลังวิเศษแห่งมรรคกระบี่นี้

และในที่สุดก็สำเร็จ

เหล่าผู้ฝึกสายกระบี่เองก็บ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว

ทว่าหานเจวี๋ยวยังไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในลัทธิสัจจะยุทธ์นี้ก็ได้เกิดขึ้นในสำนักต่างๆ ของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนด้วย ซึ่งรวมถึงสำนักหยุกพิสุทธิ์

ในสำหนักหยกพิสุทธ์มีกระบี่จำนวนมากมายลอยทะยานเหนือท้องนภา กระบี่เหล่านั้นล้วนสั่นสะท้านส่งเสียงกึกก้อง ปลายกระบี่พุ่งชี้ไปที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน

ไก่คุกรัตติกาลมองเห็นฉากเบื้องหน้านี้ ก็ตกใจจนร่างกายพลันสั่นเทิ้มไม่หยุด!

หานเจวี๋ยได้ยินเสียงกระบี่กึกก้องที่ลอยเข้ามาจากนอกถ้ำ ก็พลันลืมตาขึ้นอย่างอดไม่ได้

เขาส่งพลังจิตออกไปสำรวจที่ด้านนอกถ้ำ ก็พลันมองเห็นกระบี่เหล่านั้นที่ลอยขึ้นสูงเหนือท้องฟ้า

เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ปรากฏการณ์นี้เขาก็เป็นคนสร้างขึ้นอย่างนั้นหรือ

เขาก้มหน้าลงมองเงากระบี่ที่อยู่กลางฝ่ามือ มือขวากำเข้าหากันแน่น ชั่วพริบตาเงากระบี่ก็เลือนหานไป

กระบี่ที่ลอยเหนืออากาศทั่วทั้งใต้หล้าต่างร่วงหล่นลงมาตามๆ กัน

สวินฉางอันมองไปยังหานเจวี๋ยอย่างนิ่งอึ้งราวกับท่อนไม้

ในขณะที่หานเจวี๋ยบรรลุพลังวิเศษนี้ ที่หว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏแสงกระบี่พวยพุ่ง ลมพายุพัดหมุนวนรอบกาย หลอมรวมเข้ากับสมบัติวิญญาณบนร่าง ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้สวินฉางอันอึ้งตะลึงจนแทนหยุดหายใจ

สวินฉางอันเองก็ได้ยินเสียงร้องกึกก้องของกระบี่ แต่เมื่อหานเจวี๋ยประกบมือเข้าหากัน เสียงร้องของกระบี่ด้านนอกก็หายวับไป ก่อนกระบี่ที่ลอยอยู่เหนืออากาศจะพากันร่วงหล่นลงมา

นี่หมายความว่าอย่างไรกัน

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดด้านนอกก็เกิดมาจากหานเจวี๋ยอย่างไรเล่า!

[ยินดีด้วย ท่านบรรลุพลังพิเศษมรรคกระบี่หมื่นบรรพกาล กรุณาตั้งชื่อ]

เมื่อหานเจวี๋ยอ่านอักขระที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้น ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย

ระดับหมื่นบรรพกาลหรือ

พลังวิเศษยังมีการแบ่งระดับด้วยหรือนี่

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ในใจพึมพำขึ้นมาเงียบๆ “ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ”

[ตั้งชื่อสำเร็จ เนื่องด้วยท่านบรรลุพลังวิเศษครั้งแรก ดวงชะตายกระดับ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ประกาศตัวทันที ทำให้ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิเกริกก้องทั่วหล้า จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[สอง ถ่อมตนฝึกฝน พัฒนาให้แข็งแกร่งต่อไป กระทั่งทั่วทั้งโลกาไร้พ่าย จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

ล้วนได้รับสมบัติวิญญาณ!

หาได้ยากนัก!

หานเจวี๋ยเลือกข้อที่สองอย่างเงียบๆ

[ท่านเลือกถ่อมตนฝึกฝน ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[ท่านได้รับสมบัติวิญญาณระดับสาม–ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณ]

[ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณ: สมบัติวิญญาณการป้องกันระดับสาม สามารถต้านทานการโจมตีที่จะสร้างความเสียหายแก่เจ้าของอัตโนมัติ]

สมบัติวิญญาณสายป้องกันอีกแล้ว!

ทั้งยังเป็นระดับสามอีกด้วย!

ดีเลย!

ใครจะทำอันตรายข้าได้อีก

ใครจะทำลายการป้องกันข้า

หานเจวี๋ยคิดอย่างปีติยินดี

ทันใดนั้นเขาพลันเกิดความคิดที่อาจหาญขึ้นมาอย่างหนึ่ง

หากจู่ๆ เขาออกไปกระทำการโอ้อวดตอนนี้ ระบบจะยึดสมบัติวิญญาณกลับคืนไปหรือไม่นะ

ช่างเถอะ

เดิมทีเขาก็คิดอยากจะเก็บตัวฝึกเงียบๆ อยู่แล้ว

ระบบเองก็ให้ตัวเลือกตามความชอบของเขาแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปลองดี

หานเจวี๋ยนำภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณอกมา

เป็นผ้ายาวผืนหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับผ้าไหม สีเหลืองทองอร่ามทั่วทั้งผืน ยามโบกสะบัดดูราวกับเมฆสีรุ่งอรุณกำลังเต้นระบำ งดงามเป็นอย่างมาก

ให้ผู้ชายอกสามศอกเช่นข้าใส่ผ้าไหมเช่นนี้จะดีหรือ

หานเจวี๋ยลอบพึมพำกับตัวเอง ขณะเดียวกันก็เริ่มหยดโลหิตแสดงความเป็นเจ้าของ

ดูเหมือนสิ่งของของสตรี หากแต่เขาเองก็ไม่สามารถมอบสมบัติชิ้นนี้ให้ใครได้

ไม่ว่าจะเป็นสิงหงเสวียนหรือเซียนซีเสวียน สมบัติวิญญาณระดับนี้จะสร้างปัญหาให้กับพวกนางในภายหลัง

ก่อนหน้านี้ชัดเจนว่าเว่ยหยวนจำสมบัติวิญญาณบนตัวของเขาได้ เพราะอย่างนั้นถึงได้ตกตะลึงเช่นนั้น

ใช้เวลาครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยก็ทำให้ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณยอมรับเจ้าของสำเร็จ

เขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะถอดมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์จากศีรษะ หลังจากนั้นก็นำภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณมาผูกบนมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์

ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณมีความยาวถึงหนึ่งจั้งกว่า หลังจากมัดไว้กับมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์แล้ว มันก็โบกพลิ้วปลิวไสวขึ้นมาทันที

ช่างเถอะ!

หลังจากที่หานเจวี๋ยสวมมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์กลับเข้าไปอีกครั้ง ก็ดูหล่อเหลาสง่างามดุจดั่งเทพเซียนยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน

สวินฉางอันได้แต่มองจนตาค้าง

หรืออาจารย์จะเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด

ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณโบกสะบัดอยู่ล้อมรอบกายของหานเจวี๋ย เปล่งรัศมีเจิดจรัสถึงที่สุด

หานเจวี๋ยพอใจเป็นอย่างมาก

หล่อเหลาเอาการสุดๆ ไปเลย!

เวลานั้นเอง หลี่ชิงจื่อก็เดินทางมาเยี่ยมเยียนพอดี

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดเมื่อครู่สร้างความเคลื่อนไหวขึ้นไม่น้อย เขาคิดว่ามีศัตรูบุกเข้ามา

หานเจวี๋ยจึงเอ่ยตอบว่าศัตรูหลบหนีไปเรียบร้อยแล้ว

หลี่ชิงจื่อถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รีบร้อนคาราวะหานเจวี๋ยทันที

คิดไม่ถึงว่าต้าเยี่ยนในยามนี้กลับยังมีศัตรูกล้าบุกเข้ามาโจมตีสำนักยกพิสุทธิ์อีก!

ดูท่ายังคงมีผู้แข็งแกร่งหลบซ่อนอยู่อีกไม่น้อย

หลังจากนี้หากจะทำการใดต้องระมัดระวัง ห้ามประมาทเด็ดขาด

หลี่ชิงจื่อครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขาก็ไม่อยากถูกโจมตีอีกแล้ว!

……

เขตแก่นประจิม

สำนักเก้ามังกร

หวงจุนเทียน หรือก็คือเว่ยหยวนกำลังฝึกฝนอยู่ในอารามเต๋า

ภายในอารามไม่นับว่าใหญ่นัก การตกแต่งเรียบง่าย ด้านหลังของหวงจุนเทียนมีกระถางสำริดสามขาขนาดใหญ่กระถางหนึ่ง ปักด้วยธูปหอมขนาดใหญ่สามเล่ม เต็มไปด้วยควันคละคลุ้ง

หวงจุนเทียนลืมตาขึ้น

เห็นเพียงนักพรตชราผู้หนึ่งเดินเข้ามาในอาราม

เขาเดินมานั่งลงที่ด้านหน้าของหวงจุนเทียน เอ่ยพลางแย้มยิ้มเล็กน้อย “ศิษย์น้องเว่ย ข้ามีเรื่องที่อยากจะปรึกษาเจ้า”

หวงจุนเทียนเอ่ยถาม “เรื่องใดหรือ”

ในใจของเขาประหม่า

ใบหน้าพรายยิ้มของจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ หรือเขาจะค้นพบสถานะที่แท้จริงของตนแล้ว

นักพรตชราเอ่ยปากกล่าวว่า “สำนักของเราและลัทธิสัจจะยุทธ์ต่อสู้กันมาเนิ่นนาน ทรัพยากรต่างๆ ในเขตแก่นประจิมก็ถูกยึดไปไม่น้อย ข้าอยากให้ศิษย์ของสำนักเราเข้าไปในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนอ่อนแอและมีกำลังน้อย ดวงชะตาราชวงศ์กำลังถดถอย เหมาะสำหรับให้พวกเราเข้าไปควบคุม หลังจากยึดครองต้าเยี่ยนได้แล้ว พวกเราจะสามารถเคลื่อนกำลังไปยังต้าเว่ยได้ต่อ อย่างไรเสียสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็ประกาศวาจาว่าจะบุกต้าเยี่ยน และทำให้ยอมสยบต่อแก่นประจิมอยู่แล้ว”

“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปยังต้าเยี่ยนมาก่อน ย่อมคุ้นเคยดี คงสามารถนำศิษย์ชั้นยอดกลุ่มนี้เดินทางไปยังต้าเยี่ยนได้”

หวงจุนเทียนได้ฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ยกทัพบุกต้าเยี่ยน

นี่เบื่อชีวิตกันแล้วหรืออย่างไร!

กว่าจะกลับมามีชีวิตใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย หวงจุนเทียนก็ไม่อยากที่จะล่วงเกินหานเจวี๋ยอีก

นักพรตชรายิ้มเอ่ย “หากเรื่องนี้สำเร็จ หลังจากนี้ตำแหน่งเจ้าสำนักย่อมตกเป็นของเจ้าแน่ อาจารย์ปิดด่านมาร่วมร้อยปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับระดับรวมกายาได้หรือไม่ พวกเราไม่อาจมานั่งนิ่งรอความตายได้เช่นนี้ จำต้องคิดหาโอกาสแล้ว”

หวงจุนเทียนกล่าวอย่างลังเล “ไม่ไปต้าเยี่ยนได้หรือไม่ พวกเราสามารถไปยังแดนบำเพ็ญพรตอื่นๆ ได้ ใต้หล้านี้กว้างใหญ่ ผลประโยชน์ที่เราจะได้จากต้าเยี่ยนเองก็ไม่มากพอ”

นักพรตชราส่ายหน้าเอ่ย “เป็นเพราะต้าเยี่ยนอ่อนแอพวกเราถึงลงมือ เรื่องนี้ก็เอาเช่นนี้แล้ว เจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปคัดเลือกลูกศิษย์ก่อน”

กล่าวพลาง นักพรตชราก็หยัดกายขึ้น

เมื่อมองแผ่นหลังของเขาแล้ว หวงจุนเทียนอยากเอ่ยปากแต่จำต้องหยุดลง

ไอ้จิ้งจอกเฒ่า!

นี่เรียกว่าปรึกษาหรืออย่างไร

มารดาเจ้าสิ!

นี่เจ้ากำลังบีบบังคับข้าต่างหาก!

ดูท่าข้าต้องแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักมาจากเจ้าเสียแล้ว!

สายตาของหวงจุนเทียนวาบประกาย ในใจลอบคิดแผนการร้ายขึ้น

ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข มุ่งหวังจะปิดด่านฝึกฝน แต่สุดท้ายเจ้าหมอนี่กลับสร้างเรื่องให้เขาได้

แม้หวงจุนเทียนจะขลาดกลัว แต่ชีวิตของเขาก็อยู่ในกำมือของหานเจวี๋ย จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เขาจึงจำเป็นต้องลงมือ

เพราะอย่างนั้น

หวงจุนเทียนเริ่มครุ่นคิดว่าจะช่วงชิงตำแหน่งอย่างไร

แม้นักพรตชราผู้นั้นจะแข็งแกร่งกว่าเขา อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่ามาก แต่เขากลับไม่กังวล

เมื่อพันปีก่อน หลังจากเจ้าลัทธิคนก่อนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณตกต่ำลง หวงจุนเทียนก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าลัทธิ

ตัวเลือกแรกคือศิษย์พี่ของเขา เป็นคนหัวรุนแรง คิดอยากแก้แค้น ตบะแข็งแกร่งกว่าหวงจุนเทียนเป็นอย่างมาก

เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย หวงจุนเทียนจึงวางแผนที่จะยึดตำแหน่ง

“ปะทะกันตรงๆ คงไม่มีทางแน่ จำต้องใช้อุบายเข้าช่วย”

…………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+