ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์
หกปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงถึงระดับรวมกายาขั้นแปด!

เขาลืมตาขึ้น ถอนหายใจยาว

คงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ แต่ก็นับว่าใกล้มากแล้ว

หลังจากระดับฝ่าด่านเคราะห์ถึงจะเป็นระดับมหายาน สูงมากกว่านั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นระดับไท่อี่หรือไม่ หานเจวี๋ยมักจะคิดว่าจูเชวี่ยเป็นศัตรูในจินตนาการมาตลอด เพราะอย่างนั้นเขาจึงรู้สึกว่าระดับรวมกายานั้นไม่แข็งแกร่งพอ

หนทางอีกยาวไกลนัก!

หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์และตรวจสอบจดหมายด้วยความเคยชิน

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x8499

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x14923

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x233

[นักพรตเต๋าชิงเสียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x74

[นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านรู้แจ้งขณะถกมรรค พลังมรรคเพิ่มพูน]

…..

สัตว์ปีศาจมากมาย!

ราชาปีศาจมากมาย!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ที่แท้โลกภายนอกวุ่นวายขนาดไหนกัน

เขาลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน ออกมายืดเส้นยืดสายที่หน้าต้นฝูซัง

สวินฉางอันลุกขึ้นคารวะ ไก่คุกรัตติกาลยังคงนอนหลับพังพาบอยู่บนต้นฝูซัง

หานเจวี๋ยพิจารณาต้นฝูซัง เห็นว่ามันเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงมาก เถาน้ำเต้าพิภพเซียนที่อยู่บนลำต้นเองก็เติบโตได้ดี

ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่เถาน้ำเต้าพิภพเซียนจะออกผลน้ำเต้า

“อาจารย์ มู่หรงฉี่ไม่ได้กลับมาระยะหนึ่งแล้ว ข้าอยากออกไปตามหาเขา ได้หรือไม่” สวินฉางอันเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ไม่ต้องไปหรอก ระวังจะถูกสัตว์ปีศาจกินเอา เขาไม่เป็นอะไร ดวงชะตาของเขาไม่ธรรมดา สามารถเปลี่ยนเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้”

ตามตบะที่เพิ่มมากขึ้น ร่างกายของสวินฉางอันไม่ต่างอะไรกับของล้ำค่าฟ้าดิน เริ่มแผ่กระจายพลังวิญญาณออกมาด้วยตนเองเช่นกัน ก่อนหน้านั้นอาจจะทำให้สวินฉางอันตกใจจนแทบเสียสติ ทว่านานวันเข้าเขาถึงค่อยคุ้นชินขึ้นมาบ้างแล้ว

โชคดีที่ได้วิชากระบี่บินไร้หัวใจ ไม่เช่นนั้นเป็นไปได้อย่างมากที่เจ้าหมอนี่จะใช้สิ่งนี้ไปก้อร่อก้อติกกับเชี่ยนเอ๋อร์

“ระยะนี้แดนบำเพ็ญพรตไม่ค่อยสงบนัก ข้าได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าศิษย์ที่ผ่านไปผ่านมา ต่างพูดถึงพญาอสรพิษหยกกันทั้งนั้น มีความเป็นไปได้มากที่เจ้าปีศาจตัวนี้จะกลายเป็นมหันตภัยของใต้หล้า แม้ว่ายังจะไม่กระทบกระเทือนมาถึงต้าเยี่ยนในเวลานี้ แต่ภายภาคหน้าก็ไม่แน่ ข้าเป็นกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉี่เอ๋อร์” สวินฉางอันขมวดคิ้วเอ่ย

ฉี่เอ๋อร์?

หานเจวี๋ยได้ยินแล้วรู้สึกขนลุกขนพองไปหมด

ความสัมพันธ์ของอาจารย์และศิษย์คู่นี้ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เจ้ามีพลังดึงดูดปีศาจสูงมาก ระวังว่ายังไม่ทันจะตามหามู่หรงฉี่พบ ตนเองจะถูกจับเข้าเสียก่อน พอถึงเวลานั้นก็ยังต้องให้ศิษย์ของเจ้าไปช่วย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สามารถไปช่วยพวกเจ้าได้ ข้าก็บอกพวกเจ้าไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้วว่าอย่าออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก ให้ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ พวกเจ้าก็ไม่ฟัง”

สวินฉางอันได้ยินก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงทำได้เพียงยอมแพ้

ไม่รู้ว่าไก่คุกรัตติกาลตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เอ่ยถามว่า “นายท่าน สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังไม่กลับมาเลย คงไม่ใช่ว่าไปตายอยู่ข้างนอกแล้วกระมัง”

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “ยังไม่ตาย แต่ก็มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย ถูกโจมตีทุกวัน”

“นายท่านสามารถคำนวณได้หรือ”

“อืม”

“โชคดีที่ข้าไม่ได้ออกไป นายท่านก็ไม่ได้โกหกข้าจริงๆ ด้วย หากพญาอสรพิษหยกนั่นบุกโจมตีเข้ามาแล้วพวกเราสู้ไม่ไหวก็หนีกันเถอะ”

ไก่คุกรัตติกาลถอนหายใจเอ่ย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัว หรือเป็นเพราะกำลังห่วงสุนัขสวรค์ฮุ่นตุ้น

มันเฝ้ารอให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกลับมาอยู่ตลอด และหากสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นตายอยู่ข้างนอกจริง มันคงเสียใจอย่างแน่นอน

อย่างไรเสียนั่นก็เป็นลูกสุนัขที่มันฟักออกมาด้วยตัวเองนี่นะ

หานเจวี๋ยเอ่ย “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ หากสู้ไม่ได้ก็คงต้องหนี”

เขาอยู่ในระดับรวมกายาขั้นแปดแล้ว ถึงแม้พญาอสรพิษหยกจะทะลวงขั้นได้สำเร็จก็คงจะสู้เขาไม่ได้กระมัง

ระยะห่างระหว่างระดับฝ่าด่านเคราะห์และระดับรวมกายาขั้นแปดคงไม่ถึงขั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดินหรอก

หลังพูดคุยกันราวครึ่งชั่วยาม หานเจวี๋ยจึงกลับเข้าไปในถ้ำเทวาเพื่อฝึกฝนต่ออีกครั้ง

หนึ่งเดือนต่อมา

หลี่ชิงจื่อมาเยี่ยมเยียน

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “หรือพญาอสรพิษหยกจะไล่สังหารมาถึงแล้ว”

หลี่ชิงจื่อตามหาเขา ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

“เขตต้นกำเนิดบรรพกาลจวนจะถูกข้าศึกยึด จำนวนของทหารปีศาจของพญาอสรพิษหยกมีถึงสิบล้าน และมีราชาปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ใต้บังคับบัญชา แม้แต่เขตแก่นประจิมและต้าเว่ยเองก็เผชิญกับการโจมตีจากกองทัพปีศาจเช่นกัน เกรงว่าอีกไม่นานก็คงมาถึงสำนักหยกพิสุทธิ์ของเรา” หลี่ชิงจื่อกล่าวอย่างกังวล

“ผู้อาวุโสหาน กล่าวกันว่าพญาอสรพิษหยกได้ทะลวงสู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์ในตำนานแล้ว ราชาปีศาจระดับรวมกายาและราชาปีศาจระดับสุญตาที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขามีมากกว่าร้อยตน ท่าน…”

หลี่ชิงจื่อกล่าวขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน ปล่อยให้หานเจวี๋ยสู้กับราชาปีศาจจำนวนมากเพียงลำพัง ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ

หานเจวี๋ยตกใจ เอ่ยขึ้นว่า “มากมายขนาดนี้เชียว? เหตุใดแดนบำเพ็ญพรตของเผ่ามนุษย์ถึงไม่ร่วมมือกัน”

“ตามที่ข้าเข้าใจก่อนหน้านี้ สิบเขตเก้าราชวงศ์ที่อยู่ใกล้เคียงกับต้าเยี่ยนไม่มีผู้ฝึกบำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพิ่งจะถึงระดับรวมกายา เมื่อสองปีก่อน พรมแดนของเขตต้นกำเนิดบรรพกาลมีผู้บำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์ลึกลับผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น คิดอยากจะต้านทานพญาอสรพิษหยก แต่สุดท้ายเกือบถูกพญาอสรพิษหยกสังหาร ยามนี้เขตต่างๆ ล้วนหวาดกลัว หลายสำนักถูกกดดันให้ต้องอพยพ ท่านคิดว่าพวกเราควรอพยพดีหรือไม่ หลี่ชิงจื่อเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

หากแม้แต่หานเจวี๋ยยังไม่มีความมั่นใจ เช่นนั้นก็ควรหาโอกาสหลบหนีโดยเร็วที่สุด

[เมื่อเผชิญหน้ากับพญาอสรพิษหยกที่มาคุกคาม เจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อหวาดกลัวในความตาย ต้องการโยกย้ายสำนัก ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง เห็นด้วยกับท่านเจ้าสำนัก ติดตามสำนักหยกพิสุทธิ์หลบหนี จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[สอง ปฏิเสธท่านเจ้าสำนัก เลือกอยู่รอคอยพญาอสรพิษหยก จะได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

อักขระสามแถวลอยปรากฏขึ้นตรงหน้าของหานเจวี๋ย

เขาขมวดคิ้ว เอ่ยถามว่า “จะย้ายไปที่ใด”

“ต่างแดน ไปขอพึ่งพาอาจารย์ปู่”

“ช่วงนี้เขาก็มักจะถูกโจมตีอยู่ตลอด จะไปขอพึ่งพิงเขาหรือ”

“หืม? ผู้อาวุโสหานทราบได้อย่างไร”

“ข้าสามารถคำนวณได้ อีกอย่างระหว่างทางเราจะสามารถหลีกเลี่ยงกองทัพปีศาจของพญาอสรพิษหยกได้หรือ”

“คงไม่ได้ เขตและราชวงศ์รอบๆ ต้าเยี่ยนล้วนถูกโจมตีจากปีศาจ ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ใด ก็ต้องเผชิญกับปีศาจ…”

“เรียกศิษย์ทุกคนให้กลับมารวมตัวเถอะ”

หานเจวี๋ยส่ายหน้าเอ่ย ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็ต้องเผชิญกับปีศาจเหล่านั้นอยู่ดี ไม่สู้อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนดีกว่า

หากศิษย์ทั้งหมดมารวมตัวกันในสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยก็ไม่ต้องไปช่วยคนจากทุกสารทิศ เพียงรออยู่ที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นก็สังหารพญาอสรพิษหยกเป็นอันดับแรก ส่วนราชาปีศาจที่เหลือย่อมจะสูญเสียกำลังใจไปเอง

หานเจวี๋ยเคยคิดว่าควรจะออกไปตามหาพญาอสรพิษหยกดีหรือไม่ แต่เมื่อหวนคิดอีกที โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่นัก เขาจะไปหาที่ใดกัน

หากออกไปแล้วบ้านถูกขโมย เช่นนั้นคงจะเสียใจเป็นอย่างมาก!

สำนักอื่นในแดนบำเพ็ญพรตจะถูกทำลายก็ให้ถูกทำลายไป หายเจวี๋ยไม่สนใจอยู่แล้ว

สิ่งเดียวที่สามารถทำให้เขาสนใจได้คือสำนักหยกพิสุทธิ์

ตราบใดที่สำนักหยกพิสุทธิ์ยังคงอยู่ ฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลายแล้วอย่างไร

หานเจวี๋ยไม่ได้ต้องการเป็นผู้กอบกู้โลก เมื่อเขากลายเป็นผู้กอบกู้โลกแล้ว ภายภาคหน้าคงวุ่นวายไม่หยุด

มากไปกว่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่พญาอสรพิษหยกจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผู้บำเพ็ญระดับมหายานที่หานเจวี๋ยได้พบก็ไม่ได้มีเพียงคนเดียว

[ท่านปฏิเสธท่านเจ้าสำนัก เลือกที่จะอยู่ต่อ ได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[หินวิญญาณมรรคาสวรรค์: แฝงไว้ด้วยพลังแห่งมรรคาสวรรค์ เมื่อผสานรวมกับของวิเศษ สามารถทำให้ของวิเศษนั้นมีระดับสูงขึ้นหนึ่งระดับ]

เอ๋?

ของเล่นนี่ก็ไม่เลวเลย!

หานเจวี๋ยเริ่มสนใจหินวิญญาณมรรคาสวรรค์แล้ว

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้!”

เอ่ยจบ หลี่ชิงจจื่อก็ลุกขึ้นจากไป

รอกระทั่งเขาออกจากถ้ำเทวาไปแล้ว หานเจวี๋ยถึงนำหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ออกมา

หินวิญญาณก้อนนี้มีสีม่วง ลักษณะคล้ายกับก้อนอิฐ เมื่อพลังจิตของหานเจวี๋ยแทรกซึมเข้าไปด้านในก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งผลักออกมาทันที

พลังแห่งมรรคาสวรรค์?

หานเจวี๋ยจมอยู่ในห้วงความคิด ควรผสานกับของวิเศษชิ้นใดดี

แน่นอนว่าต้องเลือกของวิเศษขั้นสูง ไม่เช่นนั้นคงเสียของแย่

กระบี่พิพากษาอนธการ?

หรือว่า…

หนังสือแห่งความโชคร้าย?

………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์
หกปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงถึงระดับรวมกายาขั้นแปด!

เขาลืมตาขึ้น ถอนหายใจยาว

คงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ แต่ก็นับว่าใกล้มากแล้ว

หลังจากระดับฝ่าด่านเคราะห์ถึงจะเป็นระดับมหายาน สูงมากกว่านั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นระดับไท่อี่หรือไม่ หานเจวี๋ยมักจะคิดว่าจูเชวี่ยเป็นศัตรูในจินตนาการมาตลอด เพราะอย่างนั้นเขาจึงรู้สึกว่าระดับรวมกายานั้นไม่แข็งแกร่งพอ

หนทางอีกยาวไกลนัก!

หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์และตรวจสอบจดหมายด้วยความเคยชิน

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x8499

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x14923

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x233

[นักพรตเต๋าชิงเสียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x74

[นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านรู้แจ้งขณะถกมรรค พลังมรรคเพิ่มพูน]

…..

สัตว์ปีศาจมากมาย!

ราชาปีศาจมากมาย!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ที่แท้โลกภายนอกวุ่นวายขนาดไหนกัน

เขาลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน ออกมายืดเส้นยืดสายที่หน้าต้นฝูซัง

สวินฉางอันลุกขึ้นคารวะ ไก่คุกรัตติกาลยังคงนอนหลับพังพาบอยู่บนต้นฝูซัง

หานเจวี๋ยพิจารณาต้นฝูซัง เห็นว่ามันเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงมาก เถาน้ำเต้าพิภพเซียนที่อยู่บนลำต้นเองก็เติบโตได้ดี

ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่เถาน้ำเต้าพิภพเซียนจะออกผลน้ำเต้า

“อาจารย์ มู่หรงฉี่ไม่ได้กลับมาระยะหนึ่งแล้ว ข้าอยากออกไปตามหาเขา ได้หรือไม่” สวินฉางอันเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ไม่ต้องไปหรอก ระวังจะถูกสัตว์ปีศาจกินเอา เขาไม่เป็นอะไร ดวงชะตาของเขาไม่ธรรมดา สามารถเปลี่ยนเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้”

ตามตบะที่เพิ่มมากขึ้น ร่างกายของสวินฉางอันไม่ต่างอะไรกับของล้ำค่าฟ้าดิน เริ่มแผ่กระจายพลังวิญญาณออกมาด้วยตนเองเช่นกัน ก่อนหน้านั้นอาจจะทำให้สวินฉางอันตกใจจนแทบเสียสติ ทว่านานวันเข้าเขาถึงค่อยคุ้นชินขึ้นมาบ้างแล้ว

โชคดีที่ได้วิชากระบี่บินไร้หัวใจ ไม่เช่นนั้นเป็นไปได้อย่างมากที่เจ้าหมอนี่จะใช้สิ่งนี้ไปก้อร่อก้อติกกับเชี่ยนเอ๋อร์

“ระยะนี้แดนบำเพ็ญพรตไม่ค่อยสงบนัก ข้าได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าศิษย์ที่ผ่านไปผ่านมา ต่างพูดถึงพญาอสรพิษหยกกันทั้งนั้น มีความเป็นไปได้มากที่เจ้าปีศาจตัวนี้จะกลายเป็นมหันตภัยของใต้หล้า แม้ว่ายังจะไม่กระทบกระเทือนมาถึงต้าเยี่ยนในเวลานี้ แต่ภายภาคหน้าก็ไม่แน่ ข้าเป็นกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉี่เอ๋อร์” สวินฉางอันขมวดคิ้วเอ่ย

ฉี่เอ๋อร์?

หานเจวี๋ยได้ยินแล้วรู้สึกขนลุกขนพองไปหมด

ความสัมพันธ์ของอาจารย์และศิษย์คู่นี้ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เจ้ามีพลังดึงดูดปีศาจสูงมาก ระวังว่ายังไม่ทันจะตามหามู่หรงฉี่พบ ตนเองจะถูกจับเข้าเสียก่อน พอถึงเวลานั้นก็ยังต้องให้ศิษย์ของเจ้าไปช่วย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สามารถไปช่วยพวกเจ้าได้ ข้าก็บอกพวกเจ้าไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้วว่าอย่าออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก ให้ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ พวกเจ้าก็ไม่ฟัง”

สวินฉางอันได้ยินก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงทำได้เพียงยอมแพ้

ไม่รู้ว่าไก่คุกรัตติกาลตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เอ่ยถามว่า “นายท่าน สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังไม่กลับมาเลย คงไม่ใช่ว่าไปตายอยู่ข้างนอกแล้วกระมัง”

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “ยังไม่ตาย แต่ก็มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย ถูกโจมตีทุกวัน”

“นายท่านสามารถคำนวณได้หรือ”

“อืม”

“โชคดีที่ข้าไม่ได้ออกไป นายท่านก็ไม่ได้โกหกข้าจริงๆ ด้วย หากพญาอสรพิษหยกนั่นบุกโจมตีเข้ามาแล้วพวกเราสู้ไม่ไหวก็หนีกันเถอะ”

ไก่คุกรัตติกาลถอนหายใจเอ่ย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัว หรือเป็นเพราะกำลังห่วงสุนัขสวรค์ฮุ่นตุ้น

มันเฝ้ารอให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกลับมาอยู่ตลอด และหากสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นตายอยู่ข้างนอกจริง มันคงเสียใจอย่างแน่นอน

อย่างไรเสียนั่นก็เป็นลูกสุนัขที่มันฟักออกมาด้วยตัวเองนี่นะ

หานเจวี๋ยเอ่ย “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ หากสู้ไม่ได้ก็คงต้องหนี”

เขาอยู่ในระดับรวมกายาขั้นแปดแล้ว ถึงแม้พญาอสรพิษหยกจะทะลวงขั้นได้สำเร็จก็คงจะสู้เขาไม่ได้กระมัง

ระยะห่างระหว่างระดับฝ่าด่านเคราะห์และระดับรวมกายาขั้นแปดคงไม่ถึงขั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดินหรอก

หลังพูดคุยกันราวครึ่งชั่วยาม หานเจวี๋ยจึงกลับเข้าไปในถ้ำเทวาเพื่อฝึกฝนต่ออีกครั้ง

หนึ่งเดือนต่อมา

หลี่ชิงจื่อมาเยี่ยมเยียน

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “หรือพญาอสรพิษหยกจะไล่สังหารมาถึงแล้ว”

หลี่ชิงจื่อตามหาเขา ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

“เขตต้นกำเนิดบรรพกาลจวนจะถูกข้าศึกยึด จำนวนของทหารปีศาจของพญาอสรพิษหยกมีถึงสิบล้าน และมีราชาปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ใต้บังคับบัญชา แม้แต่เขตแก่นประจิมและต้าเว่ยเองก็เผชิญกับการโจมตีจากกองทัพปีศาจเช่นกัน เกรงว่าอีกไม่นานก็คงมาถึงสำนักหยกพิสุทธิ์ของเรา” หลี่ชิงจื่อกล่าวอย่างกังวล

“ผู้อาวุโสหาน กล่าวกันว่าพญาอสรพิษหยกได้ทะลวงสู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์ในตำนานแล้ว ราชาปีศาจระดับรวมกายาและราชาปีศาจระดับสุญตาที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขามีมากกว่าร้อยตน ท่าน…”

หลี่ชิงจื่อกล่าวขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน ปล่อยให้หานเจวี๋ยสู้กับราชาปีศาจจำนวนมากเพียงลำพัง ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ

หานเจวี๋ยตกใจ เอ่ยขึ้นว่า “มากมายขนาดนี้เชียว? เหตุใดแดนบำเพ็ญพรตของเผ่ามนุษย์ถึงไม่ร่วมมือกัน”

“ตามที่ข้าเข้าใจก่อนหน้านี้ สิบเขตเก้าราชวงศ์ที่อยู่ใกล้เคียงกับต้าเยี่ยนไม่มีผู้ฝึกบำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพิ่งจะถึงระดับรวมกายา เมื่อสองปีก่อน พรมแดนของเขตต้นกำเนิดบรรพกาลมีผู้บำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์ลึกลับผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น คิดอยากจะต้านทานพญาอสรพิษหยก แต่สุดท้ายเกือบถูกพญาอสรพิษหยกสังหาร ยามนี้เขตต่างๆ ล้วนหวาดกลัว หลายสำนักถูกกดดันให้ต้องอพยพ ท่านคิดว่าพวกเราควรอพยพดีหรือไม่ หลี่ชิงจื่อเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

หากแม้แต่หานเจวี๋ยยังไม่มีความมั่นใจ เช่นนั้นก็ควรหาโอกาสหลบหนีโดยเร็วที่สุด

[เมื่อเผชิญหน้ากับพญาอสรพิษหยกที่มาคุกคาม เจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อหวาดกลัวในความตาย ต้องการโยกย้ายสำนัก ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง เห็นด้วยกับท่านเจ้าสำนัก ติดตามสำนักหยกพิสุทธิ์หลบหนี จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[สอง ปฏิเสธท่านเจ้าสำนัก เลือกอยู่รอคอยพญาอสรพิษหยก จะได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

อักขระสามแถวลอยปรากฏขึ้นตรงหน้าของหานเจวี๋ย

เขาขมวดคิ้ว เอ่ยถามว่า “จะย้ายไปที่ใด”

“ต่างแดน ไปขอพึ่งพาอาจารย์ปู่”

“ช่วงนี้เขาก็มักจะถูกโจมตีอยู่ตลอด จะไปขอพึ่งพิงเขาหรือ”

“หืม? ผู้อาวุโสหานทราบได้อย่างไร”

“ข้าสามารถคำนวณได้ อีกอย่างระหว่างทางเราจะสามารถหลีกเลี่ยงกองทัพปีศาจของพญาอสรพิษหยกได้หรือ”

“คงไม่ได้ เขตและราชวงศ์รอบๆ ต้าเยี่ยนล้วนถูกโจมตีจากปีศาจ ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ใด ก็ต้องเผชิญกับปีศาจ…”

“เรียกศิษย์ทุกคนให้กลับมารวมตัวเถอะ”

หานเจวี๋ยส่ายหน้าเอ่ย ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็ต้องเผชิญกับปีศาจเหล่านั้นอยู่ดี ไม่สู้อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนดีกว่า

หากศิษย์ทั้งหมดมารวมตัวกันในสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยก็ไม่ต้องไปช่วยคนจากทุกสารทิศ เพียงรออยู่ที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นก็สังหารพญาอสรพิษหยกเป็นอันดับแรก ส่วนราชาปีศาจที่เหลือย่อมจะสูญเสียกำลังใจไปเอง

หานเจวี๋ยเคยคิดว่าควรจะออกไปตามหาพญาอสรพิษหยกดีหรือไม่ แต่เมื่อหวนคิดอีกที โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่นัก เขาจะไปหาที่ใดกัน

หากออกไปแล้วบ้านถูกขโมย เช่นนั้นคงจะเสียใจเป็นอย่างมาก!

สำนักอื่นในแดนบำเพ็ญพรตจะถูกทำลายก็ให้ถูกทำลายไป หายเจวี๋ยไม่สนใจอยู่แล้ว

สิ่งเดียวที่สามารถทำให้เขาสนใจได้คือสำนักหยกพิสุทธิ์

ตราบใดที่สำนักหยกพิสุทธิ์ยังคงอยู่ ฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลายแล้วอย่างไร

หานเจวี๋ยไม่ได้ต้องการเป็นผู้กอบกู้โลก เมื่อเขากลายเป็นผู้กอบกู้โลกแล้ว ภายภาคหน้าคงวุ่นวายไม่หยุด

มากไปกว่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่พญาอสรพิษหยกจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผู้บำเพ็ญระดับมหายานที่หานเจวี๋ยได้พบก็ไม่ได้มีเพียงคนเดียว

[ท่านปฏิเสธท่านเจ้าสำนัก เลือกที่จะอยู่ต่อ ได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[หินวิญญาณมรรคาสวรรค์: แฝงไว้ด้วยพลังแห่งมรรคาสวรรค์ เมื่อผสานรวมกับของวิเศษ สามารถทำให้ของวิเศษนั้นมีระดับสูงขึ้นหนึ่งระดับ]

เอ๋?

ของเล่นนี่ก็ไม่เลวเลย!

หานเจวี๋ยเริ่มสนใจหินวิญญาณมรรคาสวรรค์แล้ว

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้!”

เอ่ยจบ หลี่ชิงจจื่อก็ลุกขึ้นจากไป

รอกระทั่งเขาออกจากถ้ำเทวาไปแล้ว หานเจวี๋ยถึงนำหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ออกมา

หินวิญญาณก้อนนี้มีสีม่วง ลักษณะคล้ายกับก้อนอิฐ เมื่อพลังจิตของหานเจวี๋ยแทรกซึมเข้าไปด้านในก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งผลักออกมาทันที

พลังแห่งมรรคาสวรรค์?

หานเจวี๋ยจมอยู่ในห้วงความคิด ควรผสานกับของวิเศษชิ้นใดดี

แน่นอนว่าต้องเลือกของวิเศษขั้นสูง ไม่เช่นนั้นคงเสียของแย่

กระบี่พิพากษาอนธการ?

หรือว่า…

หนังสือแห่งความโชคร้าย?

………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์
หกปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงถึงระดับรวมกายาขั้นแปด!

เขาลืมตาขึ้น ถอนหายใจยาว

คงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ แต่ก็นับว่าใกล้มากแล้ว

หลังจากระดับฝ่าด่านเคราะห์ถึงจะเป็นระดับมหายาน สูงมากกว่านั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นระดับไท่อี่หรือไม่ หานเจวี๋ยมักจะคิดว่าจูเชวี่ยเป็นศัตรูในจินตนาการมาตลอด เพราะอย่างนั้นเขาจึงรู้สึกว่าระดับรวมกายานั้นไม่แข็งแกร่งพอ

หนทางอีกยาวไกลนัก!

หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์และตรวจสอบจดหมายด้วยความเคยชิน

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x8499

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x14923

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x233

[นักพรตเต๋าชิงเสียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x74

[นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านรู้แจ้งขณะถกมรรค พลังมรรคเพิ่มพูน]

…..

สัตว์ปีศาจมากมาย!

ราชาปีศาจมากมาย!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ที่แท้โลกภายนอกวุ่นวายขนาดไหนกัน

เขาลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน ออกมายืดเส้นยืดสายที่หน้าต้นฝูซัง

สวินฉางอันลุกขึ้นคารวะ ไก่คุกรัตติกาลยังคงนอนหลับพังพาบอยู่บนต้นฝูซัง

หานเจวี๋ยพิจารณาต้นฝูซัง เห็นว่ามันเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงมาก เถาน้ำเต้าพิภพเซียนที่อยู่บนลำต้นเองก็เติบโตได้ดี

ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่เถาน้ำเต้าพิภพเซียนจะออกผลน้ำเต้า

“อาจารย์ มู่หรงฉี่ไม่ได้กลับมาระยะหนึ่งแล้ว ข้าอยากออกไปตามหาเขา ได้หรือไม่” สวินฉางอันเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ไม่ต้องไปหรอก ระวังจะถูกสัตว์ปีศาจกินเอา เขาไม่เป็นอะไร ดวงชะตาของเขาไม่ธรรมดา สามารถเปลี่ยนเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้”

ตามตบะที่เพิ่มมากขึ้น ร่างกายของสวินฉางอันไม่ต่างอะไรกับของล้ำค่าฟ้าดิน เริ่มแผ่กระจายพลังวิญญาณออกมาด้วยตนเองเช่นกัน ก่อนหน้านั้นอาจจะทำให้สวินฉางอันตกใจจนแทบเสียสติ ทว่านานวันเข้าเขาถึงค่อยคุ้นชินขึ้นมาบ้างแล้ว

โชคดีที่ได้วิชากระบี่บินไร้หัวใจ ไม่เช่นนั้นเป็นไปได้อย่างมากที่เจ้าหมอนี่จะใช้สิ่งนี้ไปก้อร่อก้อติกกับเชี่ยนเอ๋อร์

“ระยะนี้แดนบำเพ็ญพรตไม่ค่อยสงบนัก ข้าได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าศิษย์ที่ผ่านไปผ่านมา ต่างพูดถึงพญาอสรพิษหยกกันทั้งนั้น มีความเป็นไปได้มากที่เจ้าปีศาจตัวนี้จะกลายเป็นมหันตภัยของใต้หล้า แม้ว่ายังจะไม่กระทบกระเทือนมาถึงต้าเยี่ยนในเวลานี้ แต่ภายภาคหน้าก็ไม่แน่ ข้าเป็นกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉี่เอ๋อร์” สวินฉางอันขมวดคิ้วเอ่ย

ฉี่เอ๋อร์?

หานเจวี๋ยได้ยินแล้วรู้สึกขนลุกขนพองไปหมด

ความสัมพันธ์ของอาจารย์และศิษย์คู่นี้ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เจ้ามีพลังดึงดูดปีศาจสูงมาก ระวังว่ายังไม่ทันจะตามหามู่หรงฉี่พบ ตนเองจะถูกจับเข้าเสียก่อน พอถึงเวลานั้นก็ยังต้องให้ศิษย์ของเจ้าไปช่วย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สามารถไปช่วยพวกเจ้าได้ ข้าก็บอกพวกเจ้าไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้วว่าอย่าออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก ให้ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ พวกเจ้าก็ไม่ฟัง”

สวินฉางอันได้ยินก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงทำได้เพียงยอมแพ้

ไม่รู้ว่าไก่คุกรัตติกาลตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เอ่ยถามว่า “นายท่าน สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังไม่กลับมาเลย คงไม่ใช่ว่าไปตายอยู่ข้างนอกแล้วกระมัง”

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “ยังไม่ตาย แต่ก็มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย ถูกโจมตีทุกวัน”

“นายท่านสามารถคำนวณได้หรือ”

“อืม”

“โชคดีที่ข้าไม่ได้ออกไป นายท่านก็ไม่ได้โกหกข้าจริงๆ ด้วย หากพญาอสรพิษหยกนั่นบุกโจมตีเข้ามาแล้วพวกเราสู้ไม่ไหวก็หนีกันเถอะ”

ไก่คุกรัตติกาลถอนหายใจเอ่ย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัว หรือเป็นเพราะกำลังห่วงสุนัขสวรค์ฮุ่นตุ้น

มันเฝ้ารอให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกลับมาอยู่ตลอด และหากสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นตายอยู่ข้างนอกจริง มันคงเสียใจอย่างแน่นอน

อย่างไรเสียนั่นก็เป็นลูกสุนัขที่มันฟักออกมาด้วยตัวเองนี่นะ

หานเจวี๋ยเอ่ย “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ หากสู้ไม่ได้ก็คงต้องหนี”

เขาอยู่ในระดับรวมกายาขั้นแปดแล้ว ถึงแม้พญาอสรพิษหยกจะทะลวงขั้นได้สำเร็จก็คงจะสู้เขาไม่ได้กระมัง

ระยะห่างระหว่างระดับฝ่าด่านเคราะห์และระดับรวมกายาขั้นแปดคงไม่ถึงขั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดินหรอก

หลังพูดคุยกันราวครึ่งชั่วยาม หานเจวี๋ยจึงกลับเข้าไปในถ้ำเทวาเพื่อฝึกฝนต่ออีกครั้ง

หนึ่งเดือนต่อมา

หลี่ชิงจื่อมาเยี่ยมเยียน

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “หรือพญาอสรพิษหยกจะไล่สังหารมาถึงแล้ว”

หลี่ชิงจื่อตามหาเขา ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

“เขตต้นกำเนิดบรรพกาลจวนจะถูกข้าศึกยึด จำนวนของทหารปีศาจของพญาอสรพิษหยกมีถึงสิบล้าน และมีราชาปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ใต้บังคับบัญชา แม้แต่เขตแก่นประจิมและต้าเว่ยเองก็เผชิญกับการโจมตีจากกองทัพปีศาจเช่นกัน เกรงว่าอีกไม่นานก็คงมาถึงสำนักหยกพิสุทธิ์ของเรา” หลี่ชิงจื่อกล่าวอย่างกังวล

“ผู้อาวุโสหาน กล่าวกันว่าพญาอสรพิษหยกได้ทะลวงสู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์ในตำนานแล้ว ราชาปีศาจระดับรวมกายาและราชาปีศาจระดับสุญตาที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขามีมากกว่าร้อยตน ท่าน…”

หลี่ชิงจื่อกล่าวขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน ปล่อยให้หานเจวี๋ยสู้กับราชาปีศาจจำนวนมากเพียงลำพัง ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ

หานเจวี๋ยตกใจ เอ่ยขึ้นว่า “มากมายขนาดนี้เชียว? เหตุใดแดนบำเพ็ญพรตของเผ่ามนุษย์ถึงไม่ร่วมมือกัน”

“ตามที่ข้าเข้าใจก่อนหน้านี้ สิบเขตเก้าราชวงศ์ที่อยู่ใกล้เคียงกับต้าเยี่ยนไม่มีผู้ฝึกบำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพิ่งจะถึงระดับรวมกายา เมื่อสองปีก่อน พรมแดนของเขตต้นกำเนิดบรรพกาลมีผู้บำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์ลึกลับผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น คิดอยากจะต้านทานพญาอสรพิษหยก แต่สุดท้ายเกือบถูกพญาอสรพิษหยกสังหาร ยามนี้เขตต่างๆ ล้วนหวาดกลัว หลายสำนักถูกกดดันให้ต้องอพยพ ท่านคิดว่าพวกเราควรอพยพดีหรือไม่ หลี่ชิงจื่อเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

หากแม้แต่หานเจวี๋ยยังไม่มีความมั่นใจ เช่นนั้นก็ควรหาโอกาสหลบหนีโดยเร็วที่สุด

[เมื่อเผชิญหน้ากับพญาอสรพิษหยกที่มาคุกคาม เจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อหวาดกลัวในความตาย ต้องการโยกย้ายสำนัก ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง เห็นด้วยกับท่านเจ้าสำนัก ติดตามสำนักหยกพิสุทธิ์หลบหนี จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[สอง ปฏิเสธท่านเจ้าสำนัก เลือกอยู่รอคอยพญาอสรพิษหยก จะได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

อักขระสามแถวลอยปรากฏขึ้นตรงหน้าของหานเจวี๋ย

เขาขมวดคิ้ว เอ่ยถามว่า “จะย้ายไปที่ใด”

“ต่างแดน ไปขอพึ่งพาอาจารย์ปู่”

“ช่วงนี้เขาก็มักจะถูกโจมตีอยู่ตลอด จะไปขอพึ่งพิงเขาหรือ”

“หืม? ผู้อาวุโสหานทราบได้อย่างไร”

“ข้าสามารถคำนวณได้ อีกอย่างระหว่างทางเราจะสามารถหลีกเลี่ยงกองทัพปีศาจของพญาอสรพิษหยกได้หรือ”

“คงไม่ได้ เขตและราชวงศ์รอบๆ ต้าเยี่ยนล้วนถูกโจมตีจากปีศาจ ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ใด ก็ต้องเผชิญกับปีศาจ…”

“เรียกศิษย์ทุกคนให้กลับมารวมตัวเถอะ”

หานเจวี๋ยส่ายหน้าเอ่ย ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็ต้องเผชิญกับปีศาจเหล่านั้นอยู่ดี ไม่สู้อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนดีกว่า

หากศิษย์ทั้งหมดมารวมตัวกันในสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยก็ไม่ต้องไปช่วยคนจากทุกสารทิศ เพียงรออยู่ที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นก็สังหารพญาอสรพิษหยกเป็นอันดับแรก ส่วนราชาปีศาจที่เหลือย่อมจะสูญเสียกำลังใจไปเอง

หานเจวี๋ยเคยคิดว่าควรจะออกไปตามหาพญาอสรพิษหยกดีหรือไม่ แต่เมื่อหวนคิดอีกที โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่นัก เขาจะไปหาที่ใดกัน

หากออกไปแล้วบ้านถูกขโมย เช่นนั้นคงจะเสียใจเป็นอย่างมาก!

สำนักอื่นในแดนบำเพ็ญพรตจะถูกทำลายก็ให้ถูกทำลายไป หายเจวี๋ยไม่สนใจอยู่แล้ว

สิ่งเดียวที่สามารถทำให้เขาสนใจได้คือสำนักหยกพิสุทธิ์

ตราบใดที่สำนักหยกพิสุทธิ์ยังคงอยู่ ฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลายแล้วอย่างไร

หานเจวี๋ยไม่ได้ต้องการเป็นผู้กอบกู้โลก เมื่อเขากลายเป็นผู้กอบกู้โลกแล้ว ภายภาคหน้าคงวุ่นวายไม่หยุด

มากไปกว่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่พญาอสรพิษหยกจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผู้บำเพ็ญระดับมหายานที่หานเจวี๋ยได้พบก็ไม่ได้มีเพียงคนเดียว

[ท่านปฏิเสธท่านเจ้าสำนัก เลือกที่จะอยู่ต่อ ได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[หินวิญญาณมรรคาสวรรค์: แฝงไว้ด้วยพลังแห่งมรรคาสวรรค์ เมื่อผสานรวมกับของวิเศษ สามารถทำให้ของวิเศษนั้นมีระดับสูงขึ้นหนึ่งระดับ]

เอ๋?

ของเล่นนี่ก็ไม่เลวเลย!

หานเจวี๋ยเริ่มสนใจหินวิญญาณมรรคาสวรรค์แล้ว

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้!”

เอ่ยจบ หลี่ชิงจจื่อก็ลุกขึ้นจากไป

รอกระทั่งเขาออกจากถ้ำเทวาไปแล้ว หานเจวี๋ยถึงนำหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ออกมา

หินวิญญาณก้อนนี้มีสีม่วง ลักษณะคล้ายกับก้อนอิฐ เมื่อพลังจิตของหานเจวี๋ยแทรกซึมเข้าไปด้านในก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งผลักออกมาทันที

พลังแห่งมรรคาสวรรค์?

หานเจวี๋ยจมอยู่ในห้วงความคิด ควรผสานกับของวิเศษชิ้นใดดี

แน่นอนว่าต้องเลือกของวิเศษขั้นสูง ไม่เช่นนั้นคงเสียของแย่

กระบี่พิพากษาอนธการ?

หรือว่า…

หนังสือแห่งความโชคร้าย?

………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 105 ระดับรวมกายาขั้นแปด หินวิญญาณมรรคาสวรรค์
หกปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงถึงระดับรวมกายาขั้นแปด!

เขาลืมตาขึ้น ถอนหายใจยาว

คงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ แต่ก็นับว่าใกล้มากแล้ว

หลังจากระดับฝ่าด่านเคราะห์ถึงจะเป็นระดับมหายาน สูงมากกว่านั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นระดับไท่อี่หรือไม่ หานเจวี๋ยมักจะคิดว่าจูเชวี่ยเป็นศัตรูในจินตนาการมาตลอด เพราะอย่างนั้นเขาจึงรู้สึกว่าระดับรวมกายานั้นไม่แข็งแกร่งพอ

หนทางอีกยาวไกลนัก!

หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์และตรวจสอบจดหมายด้วยความเคยชิน

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x8499

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x14923

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x233

[นักพรตเต๋าชิงเสียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x74

[นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านรู้แจ้งขณะถกมรรค พลังมรรคเพิ่มพูน]

…..

สัตว์ปีศาจมากมาย!

ราชาปีศาจมากมาย!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ที่แท้โลกภายนอกวุ่นวายขนาดไหนกัน

เขาลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน ออกมายืดเส้นยืดสายที่หน้าต้นฝูซัง

สวินฉางอันลุกขึ้นคารวะ ไก่คุกรัตติกาลยังคงนอนหลับพังพาบอยู่บนต้นฝูซัง

หานเจวี๋ยพิจารณาต้นฝูซัง เห็นว่ามันเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงมาก เถาน้ำเต้าพิภพเซียนที่อยู่บนลำต้นเองก็เติบโตได้ดี

ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่เถาน้ำเต้าพิภพเซียนจะออกผลน้ำเต้า

“อาจารย์ มู่หรงฉี่ไม่ได้กลับมาระยะหนึ่งแล้ว ข้าอยากออกไปตามหาเขา ได้หรือไม่” สวินฉางอันเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ไม่ต้องไปหรอก ระวังจะถูกสัตว์ปีศาจกินเอา เขาไม่เป็นอะไร ดวงชะตาของเขาไม่ธรรมดา สามารถเปลี่ยนเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้”

ตามตบะที่เพิ่มมากขึ้น ร่างกายของสวินฉางอันไม่ต่างอะไรกับของล้ำค่าฟ้าดิน เริ่มแผ่กระจายพลังวิญญาณออกมาด้วยตนเองเช่นกัน ก่อนหน้านั้นอาจจะทำให้สวินฉางอันตกใจจนแทบเสียสติ ทว่านานวันเข้าเขาถึงค่อยคุ้นชินขึ้นมาบ้างแล้ว

โชคดีที่ได้วิชากระบี่บินไร้หัวใจ ไม่เช่นนั้นเป็นไปได้อย่างมากที่เจ้าหมอนี่จะใช้สิ่งนี้ไปก้อร่อก้อติกกับเชี่ยนเอ๋อร์

“ระยะนี้แดนบำเพ็ญพรตไม่ค่อยสงบนัก ข้าได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าศิษย์ที่ผ่านไปผ่านมา ต่างพูดถึงพญาอสรพิษหยกกันทั้งนั้น มีความเป็นไปได้มากที่เจ้าปีศาจตัวนี้จะกลายเป็นมหันตภัยของใต้หล้า แม้ว่ายังจะไม่กระทบกระเทือนมาถึงต้าเยี่ยนในเวลานี้ แต่ภายภาคหน้าก็ไม่แน่ ข้าเป็นกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉี่เอ๋อร์” สวินฉางอันขมวดคิ้วเอ่ย

ฉี่เอ๋อร์?

หานเจวี๋ยได้ยินแล้วรู้สึกขนลุกขนพองไปหมด

ความสัมพันธ์ของอาจารย์และศิษย์คู่นี้ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เจ้ามีพลังดึงดูดปีศาจสูงมาก ระวังว่ายังไม่ทันจะตามหามู่หรงฉี่พบ ตนเองจะถูกจับเข้าเสียก่อน พอถึงเวลานั้นก็ยังต้องให้ศิษย์ของเจ้าไปช่วย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สามารถไปช่วยพวกเจ้าได้ ข้าก็บอกพวกเจ้าไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้วว่าอย่าออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก ให้ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ พวกเจ้าก็ไม่ฟัง”

สวินฉางอันได้ยินก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงทำได้เพียงยอมแพ้

ไม่รู้ว่าไก่คุกรัตติกาลตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เอ่ยถามว่า “นายท่าน สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังไม่กลับมาเลย คงไม่ใช่ว่าไปตายอยู่ข้างนอกแล้วกระมัง”

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “ยังไม่ตาย แต่ก็มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย ถูกโจมตีทุกวัน”

“นายท่านสามารถคำนวณได้หรือ”

“อืม”

“โชคดีที่ข้าไม่ได้ออกไป นายท่านก็ไม่ได้โกหกข้าจริงๆ ด้วย หากพญาอสรพิษหยกนั่นบุกโจมตีเข้ามาแล้วพวกเราสู้ไม่ไหวก็หนีกันเถอะ”

ไก่คุกรัตติกาลถอนหายใจเอ่ย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัว หรือเป็นเพราะกำลังห่วงสุนัขสวรค์ฮุ่นตุ้น

มันเฝ้ารอให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกลับมาอยู่ตลอด และหากสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นตายอยู่ข้างนอกจริง มันคงเสียใจอย่างแน่นอน

อย่างไรเสียนั่นก็เป็นลูกสุนัขที่มันฟักออกมาด้วยตัวเองนี่นะ

หานเจวี๋ยเอ่ย “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ หากสู้ไม่ได้ก็คงต้องหนี”

เขาอยู่ในระดับรวมกายาขั้นแปดแล้ว ถึงแม้พญาอสรพิษหยกจะทะลวงขั้นได้สำเร็จก็คงจะสู้เขาไม่ได้กระมัง

ระยะห่างระหว่างระดับฝ่าด่านเคราะห์และระดับรวมกายาขั้นแปดคงไม่ถึงขั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดินหรอก

หลังพูดคุยกันราวครึ่งชั่วยาม หานเจวี๋ยจึงกลับเข้าไปในถ้ำเทวาเพื่อฝึกฝนต่ออีกครั้ง

หนึ่งเดือนต่อมา

หลี่ชิงจื่อมาเยี่ยมเยียน

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “หรือพญาอสรพิษหยกจะไล่สังหารมาถึงแล้ว”

หลี่ชิงจื่อตามหาเขา ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

“เขตต้นกำเนิดบรรพกาลจวนจะถูกข้าศึกยึด จำนวนของทหารปีศาจของพญาอสรพิษหยกมีถึงสิบล้าน และมีราชาปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ใต้บังคับบัญชา แม้แต่เขตแก่นประจิมและต้าเว่ยเองก็เผชิญกับการโจมตีจากกองทัพปีศาจเช่นกัน เกรงว่าอีกไม่นานก็คงมาถึงสำนักหยกพิสุทธิ์ของเรา” หลี่ชิงจื่อกล่าวอย่างกังวล

“ผู้อาวุโสหาน กล่าวกันว่าพญาอสรพิษหยกได้ทะลวงสู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์ในตำนานแล้ว ราชาปีศาจระดับรวมกายาและราชาปีศาจระดับสุญตาที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขามีมากกว่าร้อยตน ท่าน…”

หลี่ชิงจื่อกล่าวขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน ปล่อยให้หานเจวี๋ยสู้กับราชาปีศาจจำนวนมากเพียงลำพัง ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ

หานเจวี๋ยตกใจ เอ่ยขึ้นว่า “มากมายขนาดนี้เชียว? เหตุใดแดนบำเพ็ญพรตของเผ่ามนุษย์ถึงไม่ร่วมมือกัน”

“ตามที่ข้าเข้าใจก่อนหน้านี้ สิบเขตเก้าราชวงศ์ที่อยู่ใกล้เคียงกับต้าเยี่ยนไม่มีผู้ฝึกบำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพิ่งจะถึงระดับรวมกายา เมื่อสองปีก่อน พรมแดนของเขตต้นกำเนิดบรรพกาลมีผู้บำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์ลึกลับผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น คิดอยากจะต้านทานพญาอสรพิษหยก แต่สุดท้ายเกือบถูกพญาอสรพิษหยกสังหาร ยามนี้เขตต่างๆ ล้วนหวาดกลัว หลายสำนักถูกกดดันให้ต้องอพยพ ท่านคิดว่าพวกเราควรอพยพดีหรือไม่ หลี่ชิงจื่อเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

หากแม้แต่หานเจวี๋ยยังไม่มีความมั่นใจ เช่นนั้นก็ควรหาโอกาสหลบหนีโดยเร็วที่สุด

[เมื่อเผชิญหน้ากับพญาอสรพิษหยกที่มาคุกคาม เจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อหวาดกลัวในความตาย ต้องการโยกย้ายสำนัก ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง เห็นด้วยกับท่านเจ้าสำนัก ติดตามสำนักหยกพิสุทธิ์หลบหนี จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[สอง ปฏิเสธท่านเจ้าสำนัก เลือกอยู่รอคอยพญาอสรพิษหยก จะได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

อักขระสามแถวลอยปรากฏขึ้นตรงหน้าของหานเจวี๋ย

เขาขมวดคิ้ว เอ่ยถามว่า “จะย้ายไปที่ใด”

“ต่างแดน ไปขอพึ่งพาอาจารย์ปู่”

“ช่วงนี้เขาก็มักจะถูกโจมตีอยู่ตลอด จะไปขอพึ่งพิงเขาหรือ”

“หืม? ผู้อาวุโสหานทราบได้อย่างไร”

“ข้าสามารถคำนวณได้ อีกอย่างระหว่างทางเราจะสามารถหลีกเลี่ยงกองทัพปีศาจของพญาอสรพิษหยกได้หรือ”

“คงไม่ได้ เขตและราชวงศ์รอบๆ ต้าเยี่ยนล้วนถูกโจมตีจากปีศาจ ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ใด ก็ต้องเผชิญกับปีศาจ…”

“เรียกศิษย์ทุกคนให้กลับมารวมตัวเถอะ”

หานเจวี๋ยส่ายหน้าเอ่ย ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็ต้องเผชิญกับปีศาจเหล่านั้นอยู่ดี ไม่สู้อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนดีกว่า

หากศิษย์ทั้งหมดมารวมตัวกันในสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยก็ไม่ต้องไปช่วยคนจากทุกสารทิศ เพียงรออยู่ที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นก็สังหารพญาอสรพิษหยกเป็นอันดับแรก ส่วนราชาปีศาจที่เหลือย่อมจะสูญเสียกำลังใจไปเอง

หานเจวี๋ยเคยคิดว่าควรจะออกไปตามหาพญาอสรพิษหยกดีหรือไม่ แต่เมื่อหวนคิดอีกที โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่นัก เขาจะไปหาที่ใดกัน

หากออกไปแล้วบ้านถูกขโมย เช่นนั้นคงจะเสียใจเป็นอย่างมาก!

สำนักอื่นในแดนบำเพ็ญพรตจะถูกทำลายก็ให้ถูกทำลายไป หายเจวี๋ยไม่สนใจอยู่แล้ว

สิ่งเดียวที่สามารถทำให้เขาสนใจได้คือสำนักหยกพิสุทธิ์

ตราบใดที่สำนักหยกพิสุทธิ์ยังคงอยู่ ฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลายแล้วอย่างไร

หานเจวี๋ยไม่ได้ต้องการเป็นผู้กอบกู้โลก เมื่อเขากลายเป็นผู้กอบกู้โลกแล้ว ภายภาคหน้าคงวุ่นวายไม่หยุด

มากไปกว่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่พญาอสรพิษหยกจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผู้บำเพ็ญระดับมหายานที่หานเจวี๋ยได้พบก็ไม่ได้มีเพียงคนเดียว

[ท่านปฏิเสธท่านเจ้าสำนัก เลือกที่จะอยู่ต่อ ได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[หินวิญญาณมรรคาสวรรค์: แฝงไว้ด้วยพลังแห่งมรรคาสวรรค์ เมื่อผสานรวมกับของวิเศษ สามารถทำให้ของวิเศษนั้นมีระดับสูงขึ้นหนึ่งระดับ]

เอ๋?

ของเล่นนี่ก็ไม่เลวเลย!

หานเจวี๋ยเริ่มสนใจหินวิญญาณมรรคาสวรรค์แล้ว

หลี่ชิงจื่อพยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้!”

เอ่ยจบ หลี่ชิงจจื่อก็ลุกขึ้นจากไป

รอกระทั่งเขาออกจากถ้ำเทวาไปแล้ว หานเจวี๋ยถึงนำหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ออกมา

หินวิญญาณก้อนนี้มีสีม่วง ลักษณะคล้ายกับก้อนอิฐ เมื่อพลังจิตของหานเจวี๋ยแทรกซึมเข้าไปด้านในก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งผลักออกมาทันที

พลังแห่งมรรคาสวรรค์?

หานเจวี๋ยจมอยู่ในห้วงความคิด ควรผสานกับของวิเศษชิ้นใดดี

แน่นอนว่าต้องเลือกของวิเศษขั้นสูง ไม่เช่นนั้นคงเสียของแย่

กระบี่พิพากษาอนธการ?

หรือว่า…

หนังสือแห่งความโชคร้าย?

………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+