ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 280 มาเยือนยมโลก จักรพรรดิเทพโกรธจัด

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 280 มาเยือนยมโลก จักรพรรดิเทพโกรธจัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 280 มาเยือนยมโลก จักรพรรดิเทพโกรธจัด

ท่ามกลางห้วงอากาศว่างเปล่า เบื้องหน้าหานเจวี๋ยไม่มีสิ่งใด โลกเขย่าพิภพก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป เพระถูกเขารับเข้าสู่โลกอนธการแล้ว

หานเจวี๋ยระบายยิ้ม

คราวนี้สามารถเผ่นหนีได้แล้ว!

เมื่อคิดถึงว่าเขาเสียอายุขัยหลายพันหมื่นปีไปกับจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต เขาก็ไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก

รอให้เขาไปถึงเกาะสำนักซ่อนเร้นก่อน จะต้องคอยสาปแช่งจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตแน่นอน

เจ้านกเส็งเคร็ง อย่าคิดว่าจะอยู่สงบสุขอีกเลย!

หานเจวี๋ยลอบสบถด่า จากนั้นก็นั่งสมาธิบำเพ็ญตบะ

เหตุที่เขาไม่ไปยมโลกในทันที ก็เพราะรอเผ่าหงส์คุกรัตติกาล

จอมปีศาจคุกรัตติกาลกระจายข่าวไปยังเผ่าของตนแล้ว แต่หนทางยังอีกยาวไกล

ในห้วงอวกาศไม่มีไอเซียน ไม่มีพลังวิญญาณ สิ่งมีชีวิตธรรมดาไม่สามารถฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่ได้

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญได้ก็เพราะโลกเขย่าพิภพอยู่ในส่วนลึกวิญญาณของเขา เขาสามารถดูดซับไอเซียนของโลกเขย่าพิภพได้โดยตรง

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

สี่ปีต่อมา

ในที่สุดเผ่าหงส์คุกรัตติกาลก็มาถึง

มีหงส์คุกรัตติกาลทั้งหมดเจ็ดตัว ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดคือระดับเซียนทองไท่อี่ อีกหกตัวเป็นเซียนแท้ไท่อี่

หลังจากเห็นหานเจวี๋ยพวกเขาก็ประหม่ายิ่งนัก และกำลังจะทำความเคารพ

“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ไปกันก่อน!”

หานเจวี๋ยสะบัดแขนเสื้อ ใช้พลังวิเศษภูษาเอกภพหอบเอาหงส์คุกรัตติกาลทั้งเจ็ดตัวเข้าไปในแขนเสื้อ จากนั้นกระโดดตามเข้าไปในยมโลก ค้นหาตราประทับหกวิถี ไม่นานก็หาเกาะสำนักซ่อนเร้นพบ

เมื่อเข้าไปในเกาะ จอมปีศาจคุกรัตติกาลเข้ามาต้อนรับทันที

“เจ้าสำนัก…”

เขายังพูดไม่ทันจบ หานเจวี๋ยก็โบกมือปล่อยหงส์คุกรัตติกาลเจ็ดตัวออกมา

คนตระกูลเดียวกันได้พบหน้า เรียกได้ว่าน้ำตาคลอเบ้า

หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจพวกเขา ปลีกตัวเดินออกมาคนเดียว

เขาเดินไปพลาง ถามในใจไปพลางว่า ‘ถ้าข้าย้ายเขาเพียรบำเพ็ญเซียนออกมา อาณาเขตเต๋าจะปกคลุมทั้งเกาะได้หรือไม่’

อาณาเขตเต๋าไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ มันถูกผูกติดไว้กับเขาเพียรบำเพ็ญเซียนแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะขยายอาณาเขตได้หรือไม่

[ได้]

คำคำนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย ทำให้เขาพึงพอใจในทันที

เขาสำรวจเกาะสำนักซ่อนเร้นก่อนเป็นสิ่งแรก ที่นี่ยังคงรกร้างอยู่มาก แต่ไม่มีไอหยิน คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับค่ายกลที่จอมปีศาจคุกรัตติกาลวางไว้

เวลาหนึ่งก้านธูปต่อมา หานเจวี๋ยย้ายเขาเพียรบำเพ็ญเซียนออกมาวางไว้ท่ามกลางกลุ่มภูเขา

เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นใต้ต้นฝูซังรู้สึกเพียงว่าท้องฟ้าพลันมืดลง จากนั้นภูเขาก็สั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง

ตอนที่พวกเขามองเห็นหานเจวี๋ยกับจอมปีศาจคุกรัตติกาล ต่างก็พากันบินลงจากภูเขามาเดินเล่นทั่วทิศ

“ที่นี่คือยมโลกหรือ”

“มืดมิดไร้แสงตะวันจริงๆ ด้วย!”

“แล้วโลกเขย่าพิภพเล่า”

“สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ไม่ได้ออกมาด้วยหรือ”

“จากนี้ไปพวกเราก็เป็นคนของยมโลกแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ หากจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตบุกมาอีกครั้งต้องโกรธเจียนตายแน่”

เหล่าศิษย์ตื่นเต้นกันมาก ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขามายังยมโลก

สิงหงเสวียน เซียนซีเสวียน และฉางเยวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังปิดด่านฝึกฝนอยู่ก็ออกมาจากถ้ำเทวา ต่างมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ

หานเจวี๋ยมาเบื้องหน้าต้นฝูซัง ส่งพลังจิตแทรกเข้าไปสังเกตการณ์ภายในต้นไม้

ในไม่ช้า เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าต้นฝูซังสามารถดูดซับพลังปราณในยมโลกแล้วแปลงเป็นไอเซียนได้

สมกับเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!

คราวนี้หานเจวี๋ยโล่งอกได้อย่างสมบูรณ์ หนีห่างจากมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้แล้ว!

หากมีต้นฝูซังอยู่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าไอเซียนและพลังวิญญาณของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจะขาดไปกลางคัน

เขาขยายอาณาเขตเต๋าออกไป ให้ปกคลุมเกาะสำนักซ่อนเร้นทั้งหมด

สิงหงเสวียนบินมาหยุดข้างกายเขา ถามด้วยความสงสัยว่า “ที่นี่คือยมโลกหรือ”

หานเจวี๋ยพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเจ้าเผชิญกับขีดจำกัดใหญ่ในอนาคต เจ้ากลับชาติเกิดใหม่ก็สะดวก”

สิงหงเสวียน “…”

นางมองหานเจวี๋ยอย่างขุ่นเคือง แค่นเสียงฮึกล่าวว่า “แค่คุณสมบัติดียังไม่พอหรือ พวกเรามนุษย์ปุถุชนผู้ฝึกเซียนก็สามารถไปถึงปลายทางของการบำเพ็ญเพียรได้เช่นกัน!”

“อืม เจ้าตั้งใจเข้า ข้าจะรอ”

“สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เล่า ท่านทอดทิ้งไปแล้วหรือ”

“ไม่ใช่ ทั้งโลกมนุษย์ถูกข้าซ่อนไว้ในส่วนลึกของวิญญาณ”

“นี่…”

สิงหงเสวียนตกใจ นางรู้ว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งมาก แต่การลงมือของหานเจวี๋ยก็ยังเกินความคาดหมายของนางอยู่ดี

ใส่ฟ้าดินไว้ในส่วนลึกของวิญญาณตัวเอง…

จู่ๆ สิงหงเสวียนก็รู้สึกว่าตนต่ำต้อยด้อยค่าอยู่บ้าง

นางอ่อนแอเกินไป

ไม่คู่ควรกับหานเจวี๋ยจริงๆ

ก่อนหน้านี้นางยังมอบสมบัติให้เขาได้ แต่ตอนนี้ทำได้แต่นั่งเสวยสุขกับผลประโยชน์ที่หานเจวี๋ยมอบให้เท่านั้น

เฮ้อ!

สิงหงเสวียนกังวลเรื่องผลได้ผลเสียของตัวเอง

นางเงยหน้าขึ้นมองหานเจวี๋ยแล้วถามว่า “หากกลับชาติเกิดใหม่จะได้คุณสมบัติที่ดีจริงหรือ”

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่แน่เสมอไป บุตรแห่งสวรรค์เดิมทีมีน้อยมาก แต่ว่าพรสวรรค์ที่ดีสามารถพัฒนาได้รวดเร็วยิ่ง”

สิงหงเสวียนนิ่งเงียบ หันหลังกลับไปเพียงลำพัง

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้คิดมากความ ในความเห็นของเขาความเป็นความตายของมนุษย์โลกไม่ใช่ความเป็นความตายอีกต่อไป ชีวิตและความตายของเซียนขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณ

หากจิตวิญญาณคงอยู่ กายเนื้อจะฟื้นตัวในไม่ช้าก็เร็ว

หากไม่มีจิตวิญญาณ กายเนื้อก็เป็นเพียงเปลือกนอก ก็เหมือนกับพุทธะพิชิตชัย

แน่นอนว่าสิงหงเสวียนจะกลับชาติเกิดใหม่หรือไม่ล้วนไม่สำคัญ อย่างแย่ที่สุดหานเจวี๋ยก็แค่เลี้ยงดูนาง

แม้ว่าเขาจะยังไม่บรรลุถึงขอบเขตพลังที่ไม่ตายไม่แตกดับโดยแท้จริง ทว่าการเลี้ยงดูผู้หญิงคนหนึ่งไม่ยากอะไร ถึงขั้นพูดได้ว่าง่ายยิ่งกว่าง่าย

เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็มาหาหานเจวี๋ยด้วยเช่นกัน คุยเล่นสองสามประโยคก็ต่างแยกย้ายกันไป

หลังจากได้เห็นความยิ่งใหญ่ของหานเจวี๋ย หญิงทั้งสองคนก็ตื่นตกใจเหมือนกับสิงหงเสวียน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ถึงขั้นไม่กล้าแม้แต่จะล้อเล่นกับหานเจวี๋ยแล้ว

หานเจวี๋ยนึกเสียใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ใครใช้ให้เขาแกร่งเกินไปเล่า!

การฝึกบำเพ็ญแต่เดิมก็เป็นกระบวนการที่กินเวลายาวนาน เมื่อไม่ได้เจอกันนานแล้วค้นพบว่าตบะของอีกฝ่ายอยู่ไกลเกินกว่าจินตนาการของตน ถ้าเปลี่ยนเป็นหานเจวี๋ย กระบวนความคิดก็จะเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน

เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน สามารถกระตุ้นให้พวกนางตั้งใจบำเพ็ญตบะได้

หานเจวี๋ยกลับไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทานแล้วเริ่มการฝึกบำเพ็ญ

……

ท่ามกลางห้วงอากาศว่างเปล่า

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตโบยบินอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเหี้ยมโหด

เมื่อนึกถึงฉากที่หานเจวี๋ยตัวสั่นเทิ้ม คุกเข่าร้องขอความเมตตาต่อหน้าตน เขาก็เบิกบานใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

คนที่เขาอยากฆ่า ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้!

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเร่งความเร็วทันที

ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดเขาก็มาถึงห้วงอวกาศที่โลกเขย่าพิภพตั้งอยู่ เขาหยุดลงกะทันหัน หัวคิ้วขมวดมุ่น

หือ?

เหตุใดโลกมนุษย์แถบนี้ถึงหายไปแล้ว

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยกมือขวาขึ้นโบกครั้งหนึ่ง เบื้องหน้ามีเพลิงแท้สุริยะลุกโหม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระจกบานใหญ่อย่างรวดเร็ว

ในกระจกยักษ์ที่ลุกเป็นไฟฉายภาพฉากที่หานเจวี๋ยเก็บโลกเขย่าพิภพเข้าไป

คิ้วของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยิ่งขมวดมุ่นกว่าเดิม เขาบ่นพึมพำว่า “เจ้านี่เอาทั้งโลกมนุษย์ไปด้วยแล้ว? สมควรตาย!”

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตโกรธจัด พลานุภาพอันน่าพรั่นพรึงสั่นสะเทือนห้วงอากาศว่างเปล่า

“ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ไหน ข้าผู้นี้ก็จะสังหารเจ้าให้จงได้! เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เจ้าทำให้ข้าโกรธเคืองแล้ว ข้าจะถลกหนังเลาะกระดูกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้า แล้วเอาจิตวิญญาณไปหลอมเป็นลูกกลอน ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานที่แม้แต่จักรพรรดิเซียนก็ยังทนแทบไม่ได้!”

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตแผดเสียงตะโกน เสียงทะลวงผ่านสวรรค์ทั้งปวงจนลอยไปถึงหูของหานเจวี๋ยโดยตรง นอกจากเขาก็ไม่มีใครได้ยิน

นี่เป็นพลังวิเศษที่แปลกประหลาดและเผด็จการนัก!

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่อดลืมตาขึ้นมาไม่ได้

โทสะที่ไม่เคยมีมาก่อนบังเกิดขึ้นในใจของเขา

‘ดีมาก! เจ้าก็ทำข้าโกรธสุดขีดเหมือนกัน!’

หานเจวี๋ยไม่เคยมีเจตนาสังหารที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตต้องดับสูญ!

หานเจวี๋ยหลับตาและบำเพ็ญตบะต่อไป

เขาในตอนนี้ยังมีพลังไม่มากพอจะสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต แต่ขอเพียงให้เวลาเขา ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องทำได้แน่!

หานเจวี๋ยเริ่มเร่งความเร็วในการดูดซับแรงกรรมของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร

จักรพรรดิเซียนสองวัฏยังไม่เพียงพอ เช่นนั้นก็สามวัฏไปเลย!

ถ้าสามวัฏไม่พอก็ต้องสี่วัฏ!

ไม่แน่ว่าหานเจวี๋ยยังไม่ทันลงมือ จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็อาจตายไปแล้ว

แน่นอนว่าในกระบวนการนี้ การสาปแช่งย่อมเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

……………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 280 มาเยือนยมโลก จักรพรรดิเทพโกรธจัด

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 280 มาเยือนยมโลก จักรพรรดิเทพโกรธจัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 280 มาเยือนยมโลก จักรพรรดิเทพโกรธจัด

ท่ามกลางห้วงอากาศว่างเปล่า เบื้องหน้าหานเจวี๋ยไม่มีสิ่งใด โลกเขย่าพิภพก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป เพระถูกเขารับเข้าสู่โลกอนธการแล้ว

หานเจวี๋ยระบายยิ้ม

คราวนี้สามารถเผ่นหนีได้แล้ว!

เมื่อคิดถึงว่าเขาเสียอายุขัยหลายพันหมื่นปีไปกับจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต เขาก็ไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก

รอให้เขาไปถึงเกาะสำนักซ่อนเร้นก่อน จะต้องคอยสาปแช่งจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตแน่นอน

เจ้านกเส็งเคร็ง อย่าคิดว่าจะอยู่สงบสุขอีกเลย!

หานเจวี๋ยลอบสบถด่า จากนั้นก็นั่งสมาธิบำเพ็ญตบะ

เหตุที่เขาไม่ไปยมโลกในทันที ก็เพราะรอเผ่าหงส์คุกรัตติกาล

จอมปีศาจคุกรัตติกาลกระจายข่าวไปยังเผ่าของตนแล้ว แต่หนทางยังอีกยาวไกล

ในห้วงอวกาศไม่มีไอเซียน ไม่มีพลังวิญญาณ สิ่งมีชีวิตธรรมดาไม่สามารถฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่ได้

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญได้ก็เพราะโลกเขย่าพิภพอยู่ในส่วนลึกวิญญาณของเขา เขาสามารถดูดซับไอเซียนของโลกเขย่าพิภพได้โดยตรง

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

สี่ปีต่อมา

ในที่สุดเผ่าหงส์คุกรัตติกาลก็มาถึง

มีหงส์คุกรัตติกาลทั้งหมดเจ็ดตัว ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดคือระดับเซียนทองไท่อี่ อีกหกตัวเป็นเซียนแท้ไท่อี่

หลังจากเห็นหานเจวี๋ยพวกเขาก็ประหม่ายิ่งนัก และกำลังจะทำความเคารพ

“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ไปกันก่อน!”

หานเจวี๋ยสะบัดแขนเสื้อ ใช้พลังวิเศษภูษาเอกภพหอบเอาหงส์คุกรัตติกาลทั้งเจ็ดตัวเข้าไปในแขนเสื้อ จากนั้นกระโดดตามเข้าไปในยมโลก ค้นหาตราประทับหกวิถี ไม่นานก็หาเกาะสำนักซ่อนเร้นพบ

เมื่อเข้าไปในเกาะ จอมปีศาจคุกรัตติกาลเข้ามาต้อนรับทันที

“เจ้าสำนัก…”

เขายังพูดไม่ทันจบ หานเจวี๋ยก็โบกมือปล่อยหงส์คุกรัตติกาลเจ็ดตัวออกมา

คนตระกูลเดียวกันได้พบหน้า เรียกได้ว่าน้ำตาคลอเบ้า

หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจพวกเขา ปลีกตัวเดินออกมาคนเดียว

เขาเดินไปพลาง ถามในใจไปพลางว่า ‘ถ้าข้าย้ายเขาเพียรบำเพ็ญเซียนออกมา อาณาเขตเต๋าจะปกคลุมทั้งเกาะได้หรือไม่’

อาณาเขตเต๋าไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ มันถูกผูกติดไว้กับเขาเพียรบำเพ็ญเซียนแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะขยายอาณาเขตได้หรือไม่

[ได้]

คำคำนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย ทำให้เขาพึงพอใจในทันที

เขาสำรวจเกาะสำนักซ่อนเร้นก่อนเป็นสิ่งแรก ที่นี่ยังคงรกร้างอยู่มาก แต่ไม่มีไอหยิน คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับค่ายกลที่จอมปีศาจคุกรัตติกาลวางไว้

เวลาหนึ่งก้านธูปต่อมา หานเจวี๋ยย้ายเขาเพียรบำเพ็ญเซียนออกมาวางไว้ท่ามกลางกลุ่มภูเขา

เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นใต้ต้นฝูซังรู้สึกเพียงว่าท้องฟ้าพลันมืดลง จากนั้นภูเขาก็สั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง

ตอนที่พวกเขามองเห็นหานเจวี๋ยกับจอมปีศาจคุกรัตติกาล ต่างก็พากันบินลงจากภูเขามาเดินเล่นทั่วทิศ

“ที่นี่คือยมโลกหรือ”

“มืดมิดไร้แสงตะวันจริงๆ ด้วย!”

“แล้วโลกเขย่าพิภพเล่า”

“สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ไม่ได้ออกมาด้วยหรือ”

“จากนี้ไปพวกเราก็เป็นคนของยมโลกแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ หากจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตบุกมาอีกครั้งต้องโกรธเจียนตายแน่”

เหล่าศิษย์ตื่นเต้นกันมาก ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขามายังยมโลก

สิงหงเสวียน เซียนซีเสวียน และฉางเยวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังปิดด่านฝึกฝนอยู่ก็ออกมาจากถ้ำเทวา ต่างมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ

หานเจวี๋ยมาเบื้องหน้าต้นฝูซัง ส่งพลังจิตแทรกเข้าไปสังเกตการณ์ภายในต้นไม้

ในไม่ช้า เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าต้นฝูซังสามารถดูดซับพลังปราณในยมโลกแล้วแปลงเป็นไอเซียนได้

สมกับเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!

คราวนี้หานเจวี๋ยโล่งอกได้อย่างสมบูรณ์ หนีห่างจากมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้แล้ว!

หากมีต้นฝูซังอยู่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าไอเซียนและพลังวิญญาณของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจะขาดไปกลางคัน

เขาขยายอาณาเขตเต๋าออกไป ให้ปกคลุมเกาะสำนักซ่อนเร้นทั้งหมด

สิงหงเสวียนบินมาหยุดข้างกายเขา ถามด้วยความสงสัยว่า “ที่นี่คือยมโลกหรือ”

หานเจวี๋ยพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเจ้าเผชิญกับขีดจำกัดใหญ่ในอนาคต เจ้ากลับชาติเกิดใหม่ก็สะดวก”

สิงหงเสวียน “…”

นางมองหานเจวี๋ยอย่างขุ่นเคือง แค่นเสียงฮึกล่าวว่า “แค่คุณสมบัติดียังไม่พอหรือ พวกเรามนุษย์ปุถุชนผู้ฝึกเซียนก็สามารถไปถึงปลายทางของการบำเพ็ญเพียรได้เช่นกัน!”

“อืม เจ้าตั้งใจเข้า ข้าจะรอ”

“สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เล่า ท่านทอดทิ้งไปแล้วหรือ”

“ไม่ใช่ ทั้งโลกมนุษย์ถูกข้าซ่อนไว้ในส่วนลึกของวิญญาณ”

“นี่…”

สิงหงเสวียนตกใจ นางรู้ว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งมาก แต่การลงมือของหานเจวี๋ยก็ยังเกินความคาดหมายของนางอยู่ดี

ใส่ฟ้าดินไว้ในส่วนลึกของวิญญาณตัวเอง…

จู่ๆ สิงหงเสวียนก็รู้สึกว่าตนต่ำต้อยด้อยค่าอยู่บ้าง

นางอ่อนแอเกินไป

ไม่คู่ควรกับหานเจวี๋ยจริงๆ

ก่อนหน้านี้นางยังมอบสมบัติให้เขาได้ แต่ตอนนี้ทำได้แต่นั่งเสวยสุขกับผลประโยชน์ที่หานเจวี๋ยมอบให้เท่านั้น

เฮ้อ!

สิงหงเสวียนกังวลเรื่องผลได้ผลเสียของตัวเอง

นางเงยหน้าขึ้นมองหานเจวี๋ยแล้วถามว่า “หากกลับชาติเกิดใหม่จะได้คุณสมบัติที่ดีจริงหรือ”

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่แน่เสมอไป บุตรแห่งสวรรค์เดิมทีมีน้อยมาก แต่ว่าพรสวรรค์ที่ดีสามารถพัฒนาได้รวดเร็วยิ่ง”

สิงหงเสวียนนิ่งเงียบ หันหลังกลับไปเพียงลำพัง

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้คิดมากความ ในความเห็นของเขาความเป็นความตายของมนุษย์โลกไม่ใช่ความเป็นความตายอีกต่อไป ชีวิตและความตายของเซียนขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณ

หากจิตวิญญาณคงอยู่ กายเนื้อจะฟื้นตัวในไม่ช้าก็เร็ว

หากไม่มีจิตวิญญาณ กายเนื้อก็เป็นเพียงเปลือกนอก ก็เหมือนกับพุทธะพิชิตชัย

แน่นอนว่าสิงหงเสวียนจะกลับชาติเกิดใหม่หรือไม่ล้วนไม่สำคัญ อย่างแย่ที่สุดหานเจวี๋ยก็แค่เลี้ยงดูนาง

แม้ว่าเขาจะยังไม่บรรลุถึงขอบเขตพลังที่ไม่ตายไม่แตกดับโดยแท้จริง ทว่าการเลี้ยงดูผู้หญิงคนหนึ่งไม่ยากอะไร ถึงขั้นพูดได้ว่าง่ายยิ่งกว่าง่าย

เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็มาหาหานเจวี๋ยด้วยเช่นกัน คุยเล่นสองสามประโยคก็ต่างแยกย้ายกันไป

หลังจากได้เห็นความยิ่งใหญ่ของหานเจวี๋ย หญิงทั้งสองคนก็ตื่นตกใจเหมือนกับสิงหงเสวียน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ถึงขั้นไม่กล้าแม้แต่จะล้อเล่นกับหานเจวี๋ยแล้ว

หานเจวี๋ยนึกเสียใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ใครใช้ให้เขาแกร่งเกินไปเล่า!

การฝึกบำเพ็ญแต่เดิมก็เป็นกระบวนการที่กินเวลายาวนาน เมื่อไม่ได้เจอกันนานแล้วค้นพบว่าตบะของอีกฝ่ายอยู่ไกลเกินกว่าจินตนาการของตน ถ้าเปลี่ยนเป็นหานเจวี๋ย กระบวนความคิดก็จะเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน

เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน สามารถกระตุ้นให้พวกนางตั้งใจบำเพ็ญตบะได้

หานเจวี๋ยกลับไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทานแล้วเริ่มการฝึกบำเพ็ญ

……

ท่ามกลางห้วงอากาศว่างเปล่า

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตโบยบินอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเหี้ยมโหด

เมื่อนึกถึงฉากที่หานเจวี๋ยตัวสั่นเทิ้ม คุกเข่าร้องขอความเมตตาต่อหน้าตน เขาก็เบิกบานใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

คนที่เขาอยากฆ่า ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้!

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเร่งความเร็วทันที

ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดเขาก็มาถึงห้วงอวกาศที่โลกเขย่าพิภพตั้งอยู่ เขาหยุดลงกะทันหัน หัวคิ้วขมวดมุ่น

หือ?

เหตุใดโลกมนุษย์แถบนี้ถึงหายไปแล้ว

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยกมือขวาขึ้นโบกครั้งหนึ่ง เบื้องหน้ามีเพลิงแท้สุริยะลุกโหม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระจกบานใหญ่อย่างรวดเร็ว

ในกระจกยักษ์ที่ลุกเป็นไฟฉายภาพฉากที่หานเจวี๋ยเก็บโลกเขย่าพิภพเข้าไป

คิ้วของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยิ่งขมวดมุ่นกว่าเดิม เขาบ่นพึมพำว่า “เจ้านี่เอาทั้งโลกมนุษย์ไปด้วยแล้ว? สมควรตาย!”

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตโกรธจัด พลานุภาพอันน่าพรั่นพรึงสั่นสะเทือนห้วงอากาศว่างเปล่า

“ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ไหน ข้าผู้นี้ก็จะสังหารเจ้าให้จงได้! เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เจ้าทำให้ข้าโกรธเคืองแล้ว ข้าจะถลกหนังเลาะกระดูกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้า แล้วเอาจิตวิญญาณไปหลอมเป็นลูกกลอน ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานที่แม้แต่จักรพรรดิเซียนก็ยังทนแทบไม่ได้!”

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตแผดเสียงตะโกน เสียงทะลวงผ่านสวรรค์ทั้งปวงจนลอยไปถึงหูของหานเจวี๋ยโดยตรง นอกจากเขาก็ไม่มีใครได้ยิน

นี่เป็นพลังวิเศษที่แปลกประหลาดและเผด็จการนัก!

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่อดลืมตาขึ้นมาไม่ได้

โทสะที่ไม่เคยมีมาก่อนบังเกิดขึ้นในใจของเขา

‘ดีมาก! เจ้าก็ทำข้าโกรธสุดขีดเหมือนกัน!’

หานเจวี๋ยไม่เคยมีเจตนาสังหารที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตต้องดับสูญ!

หานเจวี๋ยหลับตาและบำเพ็ญตบะต่อไป

เขาในตอนนี้ยังมีพลังไม่มากพอจะสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต แต่ขอเพียงให้เวลาเขา ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องทำได้แน่!

หานเจวี๋ยเริ่มเร่งความเร็วในการดูดซับแรงกรรมของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร

จักรพรรดิเซียนสองวัฏยังไม่เพียงพอ เช่นนั้นก็สามวัฏไปเลย!

ถ้าสามวัฏไม่พอก็ต้องสี่วัฏ!

ไม่แน่ว่าหานเจวี๋ยยังไม่ทันลงมือ จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็อาจตายไปแล้ว

แน่นอนว่าในกระบวนการนี้ การสาปแช่งย่อมเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

……………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+