ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 225 ความเกลียดชังของจักรพรรดิปีศาจ มิตรภาพแห่งเทพสงคราม

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 225 ความเกลียดชังของจักรพรรดิปีศาจ มิตรภาพแห่งเทพสงคราม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 225 ความเกลียดชังของจักรพรรดิปีศาจ มิตรภาพแห่งเทพสงคราม

ตู้ม…!

ปีศาจสาวหรูเมิ่งถูกไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิท่วมมิด จิตและร่างล้วนดับสลายทันที

มหาอริยะเทียนหูที่เบี่ยงหลบสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ เขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของปีศาจสาวหรูเมิ่งมอดดับชั่วพริบตา

‘เป็นไปได้อย่างไรกัน!’

ยังไม่ทันรอให้มหาอริยะเทียนหูคิดให้มากความ เงากระบี่นับล้านของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิถึงกับเหลียวขวับสังหารมาทางเขา เสมือนอุทกธารมรรคาสวรรค์สายหนึ่งพาดขวางห้วงอากาศว่างเปล่า พินาศยับเยินง่ายดาย ไม่อาจขวางกั้น

มหาอริยะเทียนหูตกใจจนหันตัวเผ่นหนี

หานเจวี๋ยยกมือซ้ายขึ้น สำแดงดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ

ดรรชนีเดียวยิงระเบิดศีรษะของมหาอริยะเทียนหู!

มหาอริยะเทียนหูที่เสียหัวไม่ได้ตายอนาถคาที่ ยังคงเผ่นหนีต่อไป

แต่ระดับความเร็วของเขาได้รับผลกระทบ ถูกไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิไล่ตามอย่างรวดเร็ว ร่างและจิตล้วนดับสูญทันที!

ในแบบจำลองการทดสอบก่อนหน้านี้ เหตุผลที่ไม่สามารถปลิดชีพเทพปีศาจสองตนนี้ในฉับพลันได้ ก็เพราะพวกเขาเป็นมารสองตน จึงหนีไปได้

หลังจากถูกจอมเทพอู่เต๋อสูบสลาย เทพปีศาจสองตนภายใต้สถานการณ์ไร้การป้องกัน ไหนเลยจะหนีไปได้

กระบวนทั้งหมดอันที่จริงไม่ถึงสองอึดใจ

ระดับเซียนทองไท่อี่ขั้นสมบูรณ์สองคนเดิมทีไม่อาจแบกรับปราณกระบี่ของหานเจวี๋ยได้เลยสักนิด

เขาก็สำแดงพลังวิเศษระดับจักรพรรดิถึงสองสาย!

ไม่ใช่เซียนทองไท่อี่ทุกคนล้วนเป็นเช่นเจียงอี้กันหมด!

จอมเทพอู่เต๋อตกตะลึง มองหานเจวี๋ยอย่างสะท้านสะเทือน

‘เป็นไปได้อย่างไร!’

สังหารเทพปีศาจที่มีชื่อเสียงเลื่องลื่อสองตนแหลกลาญในทันที!

คนผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกัน

หานเจวี๋ยประสานหมัดกหันไปทางเขาแล้วกล่าวว่า “ลำบากท่านแล้ว”

กล่าวจบ หานเจวี๋ยก็หมุนกายออกไป

จอมเทพอู่เต๋อยังคงตะลึงนิ่งอึ้ง เนิ่นนานก็ไม่อาจดึงสติกลับมาได้

ภายในพระราชวังเทียมเมฆา

จักรพรรดิสวรรค์โบกแขนฉลองพระองค์ เก็บคันฉ่องที่ลอยอยู่บนตำหนัก

ตี้ไท่ไป๋กล่าวทอดถอนใจว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าหมอนี่น่าสะพรึงจริงๆ ระดับความเร็วในการทะลวงเช่นนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าคนของวังเทพ คนของเผ่าเทพอีกาทองผู้นั้นเสียอีก!”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “นี่ก็คือเหตุผลที่เราปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเช่นนี้ เขาคู่ควร”

ตี้ไท่ไป๋พยักหน้า

พรสวรรค์ระดับนี้ก็คู่ควรให้วังสวรรค์ฟูมฟักแบบไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้นจริงๆ

“การต่อสู้ของเผ่าเทพอีกาทองกับวังเทพสิ้นสุดลงแล้วใช่หรือไม่” จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยถาม

ตี้ไท่ไป๋เอ่ยตอบว่า “สิ้นสุดแล้ว วังเทพประนีประนอม ยกสามแดนดาราให้เผ่าเทพอีกาทอง”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาก็อดทอดถอนใจไม่ได้

วังเทพแข็งแกร่งเพียงนั้น ก็ยังประนีประนอม!

“ไม่อาจดูเบาเผ่าเทพอีกาทอง เรารู้สึกมาตลอดว่าพวกเขามักใหญ่ใฝ่สูง ในอดีตเผ่าเทพอีกาทองเป็นเผ่าพันธุ์ราชันจักรพรรดิของเผ่าปีศาจ หลังจากมหาเคราะห์จอมเวทปีศาจ เผ่าเทพอีกาทองและเผ่าจอมเวทก็ตกต่ำในเวลาเดียวกัน ยามนี้เผ่าทั้งสองอาจจะพากันผงาดง้ำแล้วก็ได้ วังสวรรค์ต้องคานอำนาจความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ดี

บางทีมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนอาจจะมาเยือน”

จักรพรรดิสวรรค์ขมวดคิ้วมุ่นน้อยๆ สายพระเนตรฉายแวววิตกกังวลขึ้นมา

ตี้ไท่ไป๋เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท ท่านมองเห็นอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าว “เรามองเห็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความมืดมิด ปวงเทพล้มตาย เหมือนตำนานนั้นยิ่งนัก”

“ตำนานไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ศึกแห่งวิถีมาร”

“อึก…”

ตี้ไท่ไป๋ถูกทำให้ตกใจ เขารีบร้อนเอ่ยถามขึ้น “เผ่ามารจะก่อกวนหมื่นโลกาทั่วหล้าหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ใช่เผ่ามาร เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าเผ่ามาร”

สายพระเนตรของจักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนเป็นลุ่มลึก ไม่รู้กำลังคิดสิ่งใดอยู่

ตี้ไท่ไป๋ยังอยากถามอีก ทว่าจักรพรรดิสวรรค์โบกพระหัตถ์ เป็นเชิงให้เขาถอยออกไป เขาจึงทำได้เพียงโค้งคารวะแล้วจากไปทันที

หลังออกจากพระราชวังเทียมเมฆา ตี้ไท่ไป๋ก็ยังขบคิดวาจาของจักรพรรดิสวรรค์

สิ่งที่ทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไม่สบายใจ และสะพรึงกลัวได้จะเป็นสิ่งใดกัน

[จักรพรรดิปีศาจเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

หานเจวี๋ยมองดูตัวอักขระเบื้องหน้า จมสู่ท่ามกลางความนิ่งเงียบ

เขาตรวจดูค่าความสัมพันธ์โดยไม่เอ่ยอะไร

[จักรพรรดิปีศาจ: ไม่ทราบตบะ เจ้าแห่งวังปีศาจ มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ผนึกเผ่าปีศาจเป็นปึกแผ่นนับครั้งไม่ถ้วน รวมกับเจ้าแห่งวังเทพ จักรพรรดิสวรรค์แห่งวังสวรรค์และมรรคาสวรรค์สำนักพุทธขนานนามเป็นสี่ยอดมรรคาสวรรค์ พวกชั้นยอดบนเส้นทางฝึกปราณ เนื่องด้วยท่านสังหารเทพปีศาจทั้งสองตนของเขา จึงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน เมื่อครั้นท่านออกจากวังสวรรค์ จะต้องสังหารท่านให้จงได้ ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

‘ดูเหมือนจะเจ๋งมากทีเดียว!’

หานเจวี๋ยลอบดูแคลนในใจ ‘จักรพรรดิปีศาจแล้วอย่างไรกัน คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรือ’

มือขวาของหานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาอย่างสั่นระริก เริ่มสาปแช่งศัตรู

เขาสาปแช่งศัตรูคนอื่นก่อนหนึ่งรอบ แล้วค่อยสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจอีกครั้งในตอนท้าย

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนเริ่มตรวจดูจดหมาย

[หลงซั่นสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เคราะห์ดีที่ได้ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านให้การช่วยเหลือ]

[โจวฝานสหายของท่านร่ำเรียนพลังวิเศษสำนักเต๋าจนแตกฉาน ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[ตี้หงเย่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่ามังกรแท้] x1863

[ซูฉีศิษย์ของท่านเข้าร่วมวังเทพ]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านได้รับการสืบทอดจากเทพสงครามวังสวรรค์]

[จักรพรรดินีปีศาจชิงชิวศัตรูของท่านเพราะการสาปแช่งของท่าน จึงเกิดมารในใจ]

[พุทธาเทพฟ้าพิโรธศัตรูของท่านเพราะการสาปแช่งของท่าน จิตพุทธได้รับความเสียหาย]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านหลงเข้าสู่เขตหวงห้ามฮุ่นตุ้น]

หานเจวี๋ยเห็นว่าจักรพรรดินีปีศาจชิงชิว พุทธาเทพฟ้าพิโรธถูกตนสาปแช่งสำเร็จ ในใจรู้สึกดีใจยิ่ง

ความรู้สึกบีบคั้นที่จักรพรรดิปีศาจนำมาให้พลันลดทอนลงในทันที

หนังสือแห่งความโชคร้ายก็ยังพึ่งพาได้จริงๆ สินะ

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าซูฉีเข้าร่วมวังเทพแล้ว น่าสนใจอยู่บ้างนี่

ดูท่าหลังจากนี้ก็สามารถให้ซูฉีช่วยเหลือจั้งกูซิงได้บ้าง

แต่จะว่าไปแล้ว วังสวรรค์สามารถมองทะลุรากฐานพลังของมู่หรงฉี่และฟางเหลียง แล้วเหตุใดถึงมองไม่ทะลุรากฐานพลังของซูฉี

หรือว่าวังสวรรค์ก็ติเตียนซูฉี เพราะอย่างนั้นถึงไม่ได้สนใจสารทุกข์สุขดิบของเขา

ดาวตัวซวยก็อำมหิตเพียงนี้เชียวหรือ

บางทีซูฉีอาจยังมีสถานะที่ลึกลำยิ่งกว่านี้ ทำให้วังสวรรค์ไม่กล้ารองรับเขา

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

หลังจากสาปแช่งหลายเดือน หานเจวี๋ยก็บำเพ็ญตบะต่อไป

ถูกจักรพรรดิปีศาจจับตามอง หานเจวี๋ยยิ่งต้องฝึกบำเพ็ญอย่างมานะบากบั่นมากยิ่งขึ้น

เขาไม่สามารถพึ่งการคุ้มกะลาหัวของจักรพรรดิสวรรค์ไปชั่วชีวิตได้ สุดท้ายก็ยังต้องพึ่งตัวเองอยู่ดี

วังสวรรค์ ริมแม่น้ำสวรรค์ ภายในศาลาหินนิลด้านแห่งหนึ่ง

มู่หรงฉี่กับยอดแม่ทัพเทพกำลังนั่งหันหน้าร่ำสุรากัน

ยอดแม่ทัพเทพกล่าวยิ้มๆ ว่า “กี่ปีมาแล้ว ในที่สุดก็ได้กลับมาร่ำสุรากับเจ้าเสียที เมื่อก่อนเชิญเจ้าเข้าร่วมวังสวรรค์ เจ้าปฏิเสธ ยามนี้กลับเป็นเจ้าที่มาหาถึงที่”

มู่หรงฉี่ที่สวมชุดเกราะแม่ทัพสวรรค์ดูแล้วท่าทางยิ่งหล่อเหลามากขึ้นไปอีก ไม่ด้อยรัศมีไปกว่ายอดแม่ทัพเทพเลยสักนิด เพียงแต่ยังเผด็จการไม่สู้ยอดแม่ทัพเทพ

มู่หรงฉี่กล่าวพลางยกยิ้มบางๆ “หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ปู่เข้าร่วมวังสวรรค์ ข้าเองก็คงไม่มา สำหรับวังสวรรค์ ข้าก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี”

ยอดแม่ทัพเทพเอ่ยถามอย่างกังขา “เจ้าปลุกความทรงจำในอดีตชาติขึ้นมาได้แล้ว เหตุใดยังต้องยอมรับเขาเป็นอาจารย์ปู่อีก ไม่รู้สึกว่าเสียเกียรติเลยหรืออย่างไร”

“เหตุใดถึงว่าเสียเกียรติ”

“เขาอ่อนแอถึงเพียงนั้น”

“เจ้ารู้หรือว่าตบะของอาจารย์ปู่ข้าอยู่ในระดับใด”

“นั่นก็ถูก”

“ข้าเพียงปลุกความทรงจำในอดีตชาติ แต่ข้าก็ไม่ใช่ข้าคนก่อนหน้านี้อีกแล้ว”

มู่หรงฉี่แกว่งจอกสุรา ความคิดล่องลอย

ยอดแม่ทัพเทพหรี่ตาลง เอ่ยถาม “รีบฟื้นฟูตบะจักรพรรดิเซียนเร็วเข้าเถิด ข้าทนรอจะต่อสู้กับเจ้าสักตั้งไม่ไหวแล้ว!”

มู่หรงฉี่เอ่ยถาม “วังสวรรค์จะผูกติดอยู่กับวังเทพ?”

คิ้วของเขาพลอยขมวดมุ่นขึ้นไปด้วย

เขาที่เคยเป็นเทพสงครามแห่งวังเทพตัดสินใจที่จะโค่นล้มวังเทพ

“แค่สถานการณ์เลยเถิดก็เท่านั้น บางทีพรุ่งนี้อำนาจใหญ่ก็อาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้” ยอดแม่ทัพเทพกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย

“ข้าเป็นเพียงหอกเล่มหนึ่งในมือฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์ ข้าไม่สนใจมหาอำนาจ ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์ให้ข้าสังหารผู้ใด ข้าก็สังหารผู้นั้น”

ได้ยินเช่นนี้ มู่หรงฉี่ก็เผยรอยยิ้มดูแคลนออกมา ไม่รู้ว่าเยาะเย้ยตนเอง หรือว่าเหยียดแคลนยอดแม่ทัพเทพ

ยอดแม่ทัพเทพกล่าวต่อว่า “เจียงอี้จากเผ่าเทพอีกาทองเพิ่งบรรลุจักรพรรดิเซียน เจ้ายังจำเขาได้หรือไม่ เขาเคยเกือบได้เป็นศิษย์ของเจ้า”

มู่หรงฉี่กล่าวตอบกลับ “จำไม่ได้ ไม่สำคัญแล้ว”

เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา กล่าวว่า “ข้าจะไปดินแดนเทพสิงเทียน เจ้าสามารถไปกับข้าได้หรือไม่”

…………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 225 ความเกลียดชังของจักรพรรดิปีศาจ มิตรภาพแห่งเทพสงคราม

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 225 ความเกลียดชังของจักรพรรดิปีศาจ มิตรภาพแห่งเทพสงคราม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 225 ความเกลียดชังของจักรพรรดิปีศาจ มิตรภาพแห่งเทพสงคราม

ตู้ม…!

ปีศาจสาวหรูเมิ่งถูกไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิท่วมมิด จิตและร่างล้วนดับสลายทันที

มหาอริยะเทียนหูที่เบี่ยงหลบสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ เขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของปีศาจสาวหรูเมิ่งมอดดับชั่วพริบตา

‘เป็นไปได้อย่างไรกัน!’

ยังไม่ทันรอให้มหาอริยะเทียนหูคิดให้มากความ เงากระบี่นับล้านของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิถึงกับเหลียวขวับสังหารมาทางเขา เสมือนอุทกธารมรรคาสวรรค์สายหนึ่งพาดขวางห้วงอากาศว่างเปล่า พินาศยับเยินง่ายดาย ไม่อาจขวางกั้น

มหาอริยะเทียนหูตกใจจนหันตัวเผ่นหนี

หานเจวี๋ยยกมือซ้ายขึ้น สำแดงดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ

ดรรชนีเดียวยิงระเบิดศีรษะของมหาอริยะเทียนหู!

มหาอริยะเทียนหูที่เสียหัวไม่ได้ตายอนาถคาที่ ยังคงเผ่นหนีต่อไป

แต่ระดับความเร็วของเขาได้รับผลกระทบ ถูกไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิไล่ตามอย่างรวดเร็ว ร่างและจิตล้วนดับสูญทันที!

ในแบบจำลองการทดสอบก่อนหน้านี้ เหตุผลที่ไม่สามารถปลิดชีพเทพปีศาจสองตนนี้ในฉับพลันได้ ก็เพราะพวกเขาเป็นมารสองตน จึงหนีไปได้

หลังจากถูกจอมเทพอู่เต๋อสูบสลาย เทพปีศาจสองตนภายใต้สถานการณ์ไร้การป้องกัน ไหนเลยจะหนีไปได้

กระบวนทั้งหมดอันที่จริงไม่ถึงสองอึดใจ

ระดับเซียนทองไท่อี่ขั้นสมบูรณ์สองคนเดิมทีไม่อาจแบกรับปราณกระบี่ของหานเจวี๋ยได้เลยสักนิด

เขาก็สำแดงพลังวิเศษระดับจักรพรรดิถึงสองสาย!

ไม่ใช่เซียนทองไท่อี่ทุกคนล้วนเป็นเช่นเจียงอี้กันหมด!

จอมเทพอู่เต๋อตกตะลึง มองหานเจวี๋ยอย่างสะท้านสะเทือน

‘เป็นไปได้อย่างไร!’

สังหารเทพปีศาจที่มีชื่อเสียงเลื่องลื่อสองตนแหลกลาญในทันที!

คนผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกัน

หานเจวี๋ยประสานหมัดกหันไปทางเขาแล้วกล่าวว่า “ลำบากท่านแล้ว”

กล่าวจบ หานเจวี๋ยก็หมุนกายออกไป

จอมเทพอู่เต๋อยังคงตะลึงนิ่งอึ้ง เนิ่นนานก็ไม่อาจดึงสติกลับมาได้

ภายในพระราชวังเทียมเมฆา

จักรพรรดิสวรรค์โบกแขนฉลองพระองค์ เก็บคันฉ่องที่ลอยอยู่บนตำหนัก

ตี้ไท่ไป๋กล่าวทอดถอนใจว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าหมอนี่น่าสะพรึงจริงๆ ระดับความเร็วในการทะลวงเช่นนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าคนของวังเทพ คนของเผ่าเทพอีกาทองผู้นั้นเสียอีก!”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “นี่ก็คือเหตุผลที่เราปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเช่นนี้ เขาคู่ควร”

ตี้ไท่ไป๋พยักหน้า

พรสวรรค์ระดับนี้ก็คู่ควรให้วังสวรรค์ฟูมฟักแบบไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้นจริงๆ

“การต่อสู้ของเผ่าเทพอีกาทองกับวังเทพสิ้นสุดลงแล้วใช่หรือไม่” จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยถาม

ตี้ไท่ไป๋เอ่ยตอบว่า “สิ้นสุดแล้ว วังเทพประนีประนอม ยกสามแดนดาราให้เผ่าเทพอีกาทอง”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาก็อดทอดถอนใจไม่ได้

วังเทพแข็งแกร่งเพียงนั้น ก็ยังประนีประนอม!

“ไม่อาจดูเบาเผ่าเทพอีกาทอง เรารู้สึกมาตลอดว่าพวกเขามักใหญ่ใฝ่สูง ในอดีตเผ่าเทพอีกาทองเป็นเผ่าพันธุ์ราชันจักรพรรดิของเผ่าปีศาจ หลังจากมหาเคราะห์จอมเวทปีศาจ เผ่าเทพอีกาทองและเผ่าจอมเวทก็ตกต่ำในเวลาเดียวกัน ยามนี้เผ่าทั้งสองอาจจะพากันผงาดง้ำแล้วก็ได้ วังสวรรค์ต้องคานอำนาจความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ดี

บางทีมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนอาจจะมาเยือน”

จักรพรรดิสวรรค์ขมวดคิ้วมุ่นน้อยๆ สายพระเนตรฉายแวววิตกกังวลขึ้นมา

ตี้ไท่ไป๋เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท ท่านมองเห็นอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าว “เรามองเห็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความมืดมิด ปวงเทพล้มตาย เหมือนตำนานนั้นยิ่งนัก”

“ตำนานไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ศึกแห่งวิถีมาร”

“อึก…”

ตี้ไท่ไป๋ถูกทำให้ตกใจ เขารีบร้อนเอ่ยถามขึ้น “เผ่ามารจะก่อกวนหมื่นโลกาทั่วหล้าหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ใช่เผ่ามาร เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าเผ่ามาร”

สายพระเนตรของจักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนเป็นลุ่มลึก ไม่รู้กำลังคิดสิ่งใดอยู่

ตี้ไท่ไป๋ยังอยากถามอีก ทว่าจักรพรรดิสวรรค์โบกพระหัตถ์ เป็นเชิงให้เขาถอยออกไป เขาจึงทำได้เพียงโค้งคารวะแล้วจากไปทันที

หลังออกจากพระราชวังเทียมเมฆา ตี้ไท่ไป๋ก็ยังขบคิดวาจาของจักรพรรดิสวรรค์

สิ่งที่ทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไม่สบายใจ และสะพรึงกลัวได้จะเป็นสิ่งใดกัน

[จักรพรรดิปีศาจเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

หานเจวี๋ยมองดูตัวอักขระเบื้องหน้า จมสู่ท่ามกลางความนิ่งเงียบ

เขาตรวจดูค่าความสัมพันธ์โดยไม่เอ่ยอะไร

[จักรพรรดิปีศาจ: ไม่ทราบตบะ เจ้าแห่งวังปีศาจ มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ผนึกเผ่าปีศาจเป็นปึกแผ่นนับครั้งไม่ถ้วน รวมกับเจ้าแห่งวังเทพ จักรพรรดิสวรรค์แห่งวังสวรรค์และมรรคาสวรรค์สำนักพุทธขนานนามเป็นสี่ยอดมรรคาสวรรค์ พวกชั้นยอดบนเส้นทางฝึกปราณ เนื่องด้วยท่านสังหารเทพปีศาจทั้งสองตนของเขา จึงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน เมื่อครั้นท่านออกจากวังสวรรค์ จะต้องสังหารท่านให้จงได้ ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

‘ดูเหมือนจะเจ๋งมากทีเดียว!’

หานเจวี๋ยลอบดูแคลนในใจ ‘จักรพรรดิปีศาจแล้วอย่างไรกัน คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรือ’

มือขวาของหานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาอย่างสั่นระริก เริ่มสาปแช่งศัตรู

เขาสาปแช่งศัตรูคนอื่นก่อนหนึ่งรอบ แล้วค่อยสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจอีกครั้งในตอนท้าย

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนเริ่มตรวจดูจดหมาย

[หลงซั่นสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เคราะห์ดีที่ได้ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านให้การช่วยเหลือ]

[โจวฝานสหายของท่านร่ำเรียนพลังวิเศษสำนักเต๋าจนแตกฉาน ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[ตี้หงเย่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่ามังกรแท้] x1863

[ซูฉีศิษย์ของท่านเข้าร่วมวังเทพ]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านได้รับการสืบทอดจากเทพสงครามวังสวรรค์]

[จักรพรรดินีปีศาจชิงชิวศัตรูของท่านเพราะการสาปแช่งของท่าน จึงเกิดมารในใจ]

[พุทธาเทพฟ้าพิโรธศัตรูของท่านเพราะการสาปแช่งของท่าน จิตพุทธได้รับความเสียหาย]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านหลงเข้าสู่เขตหวงห้ามฮุ่นตุ้น]

หานเจวี๋ยเห็นว่าจักรพรรดินีปีศาจชิงชิว พุทธาเทพฟ้าพิโรธถูกตนสาปแช่งสำเร็จ ในใจรู้สึกดีใจยิ่ง

ความรู้สึกบีบคั้นที่จักรพรรดิปีศาจนำมาให้พลันลดทอนลงในทันที

หนังสือแห่งความโชคร้ายก็ยังพึ่งพาได้จริงๆ สินะ

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าซูฉีเข้าร่วมวังเทพแล้ว น่าสนใจอยู่บ้างนี่

ดูท่าหลังจากนี้ก็สามารถให้ซูฉีช่วยเหลือจั้งกูซิงได้บ้าง

แต่จะว่าไปแล้ว วังสวรรค์สามารถมองทะลุรากฐานพลังของมู่หรงฉี่และฟางเหลียง แล้วเหตุใดถึงมองไม่ทะลุรากฐานพลังของซูฉี

หรือว่าวังสวรรค์ก็ติเตียนซูฉี เพราะอย่างนั้นถึงไม่ได้สนใจสารทุกข์สุขดิบของเขา

ดาวตัวซวยก็อำมหิตเพียงนี้เชียวหรือ

บางทีซูฉีอาจยังมีสถานะที่ลึกลำยิ่งกว่านี้ ทำให้วังสวรรค์ไม่กล้ารองรับเขา

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

หลังจากสาปแช่งหลายเดือน หานเจวี๋ยก็บำเพ็ญตบะต่อไป

ถูกจักรพรรดิปีศาจจับตามอง หานเจวี๋ยยิ่งต้องฝึกบำเพ็ญอย่างมานะบากบั่นมากยิ่งขึ้น

เขาไม่สามารถพึ่งการคุ้มกะลาหัวของจักรพรรดิสวรรค์ไปชั่วชีวิตได้ สุดท้ายก็ยังต้องพึ่งตัวเองอยู่ดี

วังสวรรค์ ริมแม่น้ำสวรรค์ ภายในศาลาหินนิลด้านแห่งหนึ่ง

มู่หรงฉี่กับยอดแม่ทัพเทพกำลังนั่งหันหน้าร่ำสุรากัน

ยอดแม่ทัพเทพกล่าวยิ้มๆ ว่า “กี่ปีมาแล้ว ในที่สุดก็ได้กลับมาร่ำสุรากับเจ้าเสียที เมื่อก่อนเชิญเจ้าเข้าร่วมวังสวรรค์ เจ้าปฏิเสธ ยามนี้กลับเป็นเจ้าที่มาหาถึงที่”

มู่หรงฉี่ที่สวมชุดเกราะแม่ทัพสวรรค์ดูแล้วท่าทางยิ่งหล่อเหลามากขึ้นไปอีก ไม่ด้อยรัศมีไปกว่ายอดแม่ทัพเทพเลยสักนิด เพียงแต่ยังเผด็จการไม่สู้ยอดแม่ทัพเทพ

มู่หรงฉี่กล่าวพลางยกยิ้มบางๆ “หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ปู่เข้าร่วมวังสวรรค์ ข้าเองก็คงไม่มา สำหรับวังสวรรค์ ข้าก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี”

ยอดแม่ทัพเทพเอ่ยถามอย่างกังขา “เจ้าปลุกความทรงจำในอดีตชาติขึ้นมาได้แล้ว เหตุใดยังต้องยอมรับเขาเป็นอาจารย์ปู่อีก ไม่รู้สึกว่าเสียเกียรติเลยหรืออย่างไร”

“เหตุใดถึงว่าเสียเกียรติ”

“เขาอ่อนแอถึงเพียงนั้น”

“เจ้ารู้หรือว่าตบะของอาจารย์ปู่ข้าอยู่ในระดับใด”

“นั่นก็ถูก”

“ข้าเพียงปลุกความทรงจำในอดีตชาติ แต่ข้าก็ไม่ใช่ข้าคนก่อนหน้านี้อีกแล้ว”

มู่หรงฉี่แกว่งจอกสุรา ความคิดล่องลอย

ยอดแม่ทัพเทพหรี่ตาลง เอ่ยถาม “รีบฟื้นฟูตบะจักรพรรดิเซียนเร็วเข้าเถิด ข้าทนรอจะต่อสู้กับเจ้าสักตั้งไม่ไหวแล้ว!”

มู่หรงฉี่เอ่ยถาม “วังสวรรค์จะผูกติดอยู่กับวังเทพ?”

คิ้วของเขาพลอยขมวดมุ่นขึ้นไปด้วย

เขาที่เคยเป็นเทพสงครามแห่งวังเทพตัดสินใจที่จะโค่นล้มวังเทพ

“แค่สถานการณ์เลยเถิดก็เท่านั้น บางทีพรุ่งนี้อำนาจใหญ่ก็อาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้” ยอดแม่ทัพเทพกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย

“ข้าเป็นเพียงหอกเล่มหนึ่งในมือฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์ ข้าไม่สนใจมหาอำนาจ ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์ให้ข้าสังหารผู้ใด ข้าก็สังหารผู้นั้น”

ได้ยินเช่นนี้ มู่หรงฉี่ก็เผยรอยยิ้มดูแคลนออกมา ไม่รู้ว่าเยาะเย้ยตนเอง หรือว่าเหยียดแคลนยอดแม่ทัพเทพ

ยอดแม่ทัพเทพกล่าวต่อว่า “เจียงอี้จากเผ่าเทพอีกาทองเพิ่งบรรลุจักรพรรดิเซียน เจ้ายังจำเขาได้หรือไม่ เขาเคยเกือบได้เป็นศิษย์ของเจ้า”

มู่หรงฉี่กล่าวตอบกลับ “จำไม่ได้ ไม่สำคัญแล้ว”

เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา กล่าวว่า “ข้าจะไปดินแดนเทพสิงเทียน เจ้าสามารถไปกับข้าได้หรือไม่”

…………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+