ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 148 ที่สุดแห่งดวงชะตาในโลกมนุษย์ อดีตของเผ่ามาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 148 ที่สุดแห่งดวงชะตาในโลกมนุษย์ อดีตของเผ่ามาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 148 ที่สุดแห่งดวงชะตาในโลกมนุษย์ อดีตของเผ่ามาร

[ท่านเลือกฝึกฝนต่อไป อยู่ห่างไกลความขัดแย้ง ได้สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับพลังวิเศษ–วิชาอัญเชิญเทพ]

[วิชาอัญเชิญเทพ: พลังวิเศษสืบทอด สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ เวลาที่ผู้อื่นสำแดงวิชาอัญเชิญเทพ สามารถเรียกท่านจากระยะไกล และสามารถใช้วิชาอัญเชิญเทพกลับไปยังแหล่งที่จากมาได้ภายในหนึ่งชั่วยาม]

หานเจวี๋ยไม่สนใจอักขระสามแถวที่พลันปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่กลับมองดูบรรทัดที่มีข้อมูลเกี่ยวกับโหลวอวี้เซวี่ยด้านบนนั้น

‘ผู้บัญชาการมารแท้?

เหตุใดถึงมาเร็วเพียงนี้

พุ่งเป้ามาที่ข้าหรือ หรือบังเอิญมาปรากฏตัวบริเวณสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์พอดี’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วมุ่น และประหม่ามากกว่าเดิม

เขารีบใช้แบบจำลองการทดสอบต่อสู้กับโหลวอวี้เซวี่ยทันที

‘อันตรายมาก!

สังหารภายในเสี้ยววินาที!’

แต่กลิ่นอายที่โหลวอวี้เซวี่ยแผ่ออกมาในขณะที่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งกว่าจี้เซียนเสินและเซวียนฉิงจวินมาก

หานเจวี๋ยเริ่มตรวจสอบตำแหน่งของโหลวอวี้เซวี่ย เจ้าหมอนี่อยู่ห่างจากสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ไม่ถึงสามสิบลี้ ยืนอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

“นี่เป็นโอกาสที่ดี จะได้ขู่ขวัญราชามังกรสามหัวสักหน่อย”

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ถ่ายทอดเสียงให้ราชามังกรสามหัว

……

บนยอดเขา ชายชุดดำผู้หนึ่งกำลังทอดมองขอบฟ้าที่อยู่ไกลออกไป

เขามีผมขาวทั้งศีรษะ ใบหน้าแปลกประหลาด ดวงตาคู่นั้นของเขามีลูกตาดำคู่ ริมฝีปากสีแดงมีหยดเลือด ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา เขายังคงดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

โหลวอวี้เซวี่ย มารแท้จากเผ่ามาร

ครั้งนี้ เขาพามารแท้มาโลกมนุษย์หลายสิบคน มารแท้คนอื่นๆ ไปรวบรวมข่าวคราวของจวนเซียนสวรรค์ก่อนแล้ว แต่เขากลับถูกปรมาจารย์มารส่งมายังดินแดนที่มีดวงชะตาแข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์ ปรมาจารย์มารให้เขาทำลายสถานที่แห่งนี้ก่อน เช่นนี้แล้วดวงชะตาของเผ่ามนุษย์ในโลกก็จะลดลงเป็นอย่างมาก ต่อไปพวกเขาก็จะกระทำการได้สะดวกราบรื่นมากกว่าเดิม

โหลวอวี้เซวี่ยใช้พลังจิตกวาดดูสักพัก ‘สำนักแห่งนี้ไม่แข็งแกร่งเลย น่าจะไม่ใช่จวนเซียนสวรรค์ แล้วเหตุใดถึงเป็นสถานที่ที่มีดวงชะตาแข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์นะ’

เขาคิดไม่ออก รู้สึกว่าจะต้องมีหลุมพรางอยู่ในนี้แน่ ไม่กล้าหลับหูหลับตากระทำการใด

ขณะนั้นเอง เงาร่างหนึ่งก็พุ่งยิงเข้ามา

เป็นราชามังกรสามหัว!

“ระดับมหายานขั้นหก”

โหลวอวี้เซวี่ยขมวดคิ้ว บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนถูกระบบเขตอาคมของหานเจวี๋ยปกคลุมไว้ เขาที่กวาดพลังจิตสำรวจดูก่อนหน้านี้จึงไม่ค้นพบราชามังกรสามหัว

ที่แท้ก็มีหลุมพรางจริงๆ ด้วย!

สถานที่แห่งนี้เพียงดูเล็กและอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะเป็นสถานที่ที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลกมนุษย์ก็ได้!

ราชามังกรสามหัวนำทวนขนาดใหญ่ออกมาเล่มหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ “เจ้าก็คือมารแท้หรือ”

เขาสะบัดทวนสังหารไปทางโหลวอวี้เซวี่ยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

โหลวอวี้เซวี่ยมีสีหน้าประหลาดใจ

อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือมารแท้

หรือว่าแผนการของเผ่ามารได้ถูกเปิดเผยไปเสียนานแล้ว

โหลวอวี้เซวี่ยไม่ทันได้คิดอะไรมาก เพียงไม่นานการต่อสู้ครั้งใหญ่กับราชามังกรสามหัวก็เริ่มต้นขึ้น

ระดับมหายานสองตน การต่อสู้จะดุเดือดเพียงใดกัน!

เวลาไม่ถึงห้าอึดใจ แม่น้ำภูเขาบริเวณรอบๆ ก็กลายเป็นพื้นที่ราบเรียบ เสียงการต่อสู้ดังสะเทือนถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ บรรดาผู้อาวุโสพากันเหาะเหินออกจากสำนัก ทอดมองออกไปไกลๆ ด้วยความตื่นเต้น

โหลวอวี้เซวี่ยสมกับเป็นผู้บัญชาการมารแท้ พลังนั้นเหนือกว่าราชามังกรสามหัวจริงๆ ไอมารปกคลุมเต็มท้องฟ้า บดบังท้องนภาและดวงตะวัน ปกคลุมพื้นที่ในบริเวณรอบๆ สิบลี้ กดดันจนราชามังกรสามหัวร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง

ไอมารอันรุนแรงกลายเป็นเสายาวพุ่งลงจากฟากฟ้าเป็นสาย บีบจนราชามังกรสามหัวต้องหลบหลีกอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังเป็นพัลวัน

เพิ่งทำศึกกันไม่นาน ราชามังกรสามหัวก็เลือดอาบไปทั่วทั้งตัวแล้ว

“สมควรตาย!”

ในใจของราชามังกรสามหัวบังเกิดความตกใจทั้งโมโห คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงนี้

นี่เป็นศึกแรกหลังจากที่เขากราบตัวอยู่ภายใต้สังกัดของหานเจวี๋ย หรือว่าจะต้องพ่ายแพ้แล้ว

ราชามังกรสามหัวเงยหน้าขึ้นแผดเสียงคำรามยาว และกลายร่างที่แท้จริงออกมาทันที ยามนี้มังกรเกล็ดดำสามหัวตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนโลกา ลำตัวยาวหลายร้อยจั้ง ยิ่งใหญ่ทรงพลัง กรงเล็บทั้งสี่เหยียบอยู่บนเพลิงมังกร ด้านหลังมีปีกงอกขึ้นมาคู่หนึ่ง ปีกนั้นกางสยายยาวพันจั้ง

โหลวอวี้เซวี่ยเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะลอบเอ่ยขึ้นว่า “สายเลือดมังกรแท้?”

เขายกมือขวาขึ้นก่อนกดลงด้านล่าง ไอมารที่พวยพุ่งอยู่บนท้องนภากลายเป็นฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่ราวกับภูเขา กดทับลงมา

ต่อหน้าฝ่ามือสีดำนี้ ราชามังกรสามหัวที่มีขนาดมหึมาพลันดูราวกับอสรพิษน้อยในบัดดล ถูกกดอยู่บนพื้นไม่อาจขยับตัวได้

“นายท่าน ข้าต้านทานไม่ไหวแล้ว!”

ราชามังกรสามหัวรีบร้อนตะโกนออกมา พลังวิญญาณห่างชั้นกันเกินไป ทำให้ไม่ทันได้สำแดงแม้กระทั่งพลังวิเศษและวิชาเวทต่างๆ ออกมา

ไอมารของโหลวอวี้เซวี่ยแปลกประหลาดอย่างถึงขีดสุด ส่งผลให้ราชามังกรสามหัวไม่อาจสำแดงพลังวิเศษการเคลื่อนย้ายในพื้นที่ที่ไอมารครอบคลุมได้ แม้แต่ความเร็วก็ลดลงมาก ราวกับว่าบนร่างแบกภูเขาขนาดใหญ่หมื่นจั้งไว้

ราชามังกรสามหัวยังไม่เคยพบเจอคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน!

ทั้งๆ ที่เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ในมุมมองของผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ด้านข้างแล้ว เขาไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่น้อย เป็นราวสัตว์ยักษ์โง่ๆ หาใช่ราชาปีศาจระดับมหายาน

‘ยังมีคนอื่นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!’

โหลวอวี้เซวี่ยลอบคิดด้วยตาที่เป็นประกาย

ตู้ม!

พายุแกร่งระลอกหนึ่งโจมตีเข้ามาปะทะไอมารที่ปกคลุมเต็มฟ้าจนสลายหายไป ดวงตาทั้งสองข้างของโหลวอวี้เซวี่ยเบิกโพลง เมื่อหันหน้ากลับไปดู เห็นเพียงเงาร่างที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยนั่นเอง!

วิญญาณโหลวอวี้เซวี่ยสั่นเทิ้ม สัมผัสได้ถึงความอันตรายที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขานำกระบี่ไม้สีดำออกมาทันที ก่อนวาดตวัดไปทางหานเจวี๋ย

กระบี่ไม้เพิ่งยกขึ้น หานเจวี๋ยก็ชิงยกนิ้วยิงปราณกระบี่ออกมาก่อน

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

โหลวอวี้เซวี่ยต้านทานไว้ไม่ทัน กายเนื้อของเขาถูกปราณกระบี่ทำให้ดับสลายไปทันที

ช่วงเวลาเพียงสายฟ้าฟาด หานเจวี๋ยยกฝ่ามือดูดวิญญาณของโหลวอวี้เซวี่ยเข้ามา

นี่คือเหตุผลที่เขาออกมาด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นขายืนอยู่บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็สามารถสังหารโหลวอวี้เซวี่ยได้แล้ว

โหลวอวี้เซวี่ยแตกดับ!

ไอมารกลางอากาศสลายหายไปจนหมดสิ้น

ฝ่ามือสีดำที่กดทับราชามังกรสามหัวอยู่ก็แหลกสลายไปตามกัน เขามองไปทางหานเจวี๋ยอย่างตกตะลึง

หานเจวี๋ยที่อยู่บนที่สูงปราดสายตามองเขาคราหนึ่ง ก่อนหายวับไปกลางอากาศ

ราชามังกรสามหัวรู้สึกละอายใจแทบทนไม่ไหว อยากจะมุดธรณีหนีเข้าไปหลับสนิทอยู่ในนั้นหลายหมื่นปี!

เมื่อกลับมาถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน อักขระแถวหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ความประทับใจที่ราชามังกรสามหัวมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจ เขานั่งลงบนเตียงไม้และแบมือขวาออก วิญญาณของโหลวอวี้เซวี่ยลอยขึ้นมา ภายใต้พันธการของพลังวิญญาณหกสาย โหลวอวี้เซวี่ยไม่อาจหลุดหนีไปได้

เขามองหานเจวี๋ยด้วยความหวาดกลัว “ท่านคือมนุษย์เซียนหรือ”

‘มนุษย์ธรรมดาจะแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร!”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เหตุใดเจ้าถึงมาปรากฏตัวบริเวณนี้”

โหลวอวี้เซวี่ยกัดฟันเอ่ย “ข้าแค่ผ่านทางมา ไม่ได้คิดจะทำร้ายพวกท่าน”

วาจาเพิ่งจะสิ้นสุดลง พลังจิตอันน่าหวาดกลัวก็พุ่งปะทะใส่วิญญาณของเขา เขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบกรีดร้องออกมา

“ข้าถูกส่งตัวมา เพียงเพราะดวงชะตาของสถานที่แห่งนี้คือที่สุดแห่งโลกมนุษย์ ข้าเองก็กลัวตาย! วอนท่านผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิตข้า!”

โหลวอวี้เซวี่ยกัดฟันกล่าว วิญญาณสั่นสะท้านไม่หยุด

หานเจวี๋ยถามด้วยใบหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก “ผู้ใดส่งเจ้ามา”

“ปรมาจารย์…มาร…”

“ปรมารจารย์มารคิดจะทำสิ่งใด”

“ฆ่าสังหารโลกมนุษย์”

“เขาส่งมาแค่พวกเจ้าหรือ เผ่ามารอ่อนแอเพียงนี้เชียว?”

โหลวอวี้เซวี่ยรู้สึกถึงการถูกสบประมาทอย่างรุนแรง แต่เขาก็จำต้องก้มหัวให้

เขาไม่อยากตาย

เขากัดฟันเอ่ย “เผ่ามารที่แท้จริงพ่ายแพ้ในเคราะห์ใหญ่ของมรรคาสวรรค์เมื่อหลายยุคก่อนแล้ว ถูกผนึกอยู่ในวัฏจักรหกวิถี มารแท้อย่างพวกข้าคือกลุ่มที่เผ่ามารออกตามหาอย่างยากลำบาก ปรมาจารย์มารล่อลวงวิญญาณบนสะพานอนิจจัง ให้วิญญาณที่ไม่อยากเกิดใหม่กลายเป็นผู้บำเพ็ญสายมาร บำเพ็ญจนกระทั่งกลายเป็นมารแท้ โลกมนุษย์มีข้อจำกัดของกฎสวรรค์ หากผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับมหายานเข้ามาโดยพลการ จะสะเทือนถึงกฎสวรรค์ วังสวรรค์ วังเทพ รวมทั้งสำนักพุทธก็ต้องพิโรธ ปรมาจารย์มารจึงทำได้เพียงส่งมารแท้ระดับมหายานขั้นเก้าอย่างพวกข้าแฝงตัวเข้ามาในโลกมนุษย์”

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

มีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นในหัวสมองของเขา

‘หรือว่าเผ่ามารและยมโลกจะไม่มีศิลาแคล้วสวรรค์’

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 148 ที่สุดแห่งดวงชะตาในโลกมนุษย์ อดีตของเผ่ามาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 148 ที่สุดแห่งดวงชะตาในโลกมนุษย์ อดีตของเผ่ามาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 148 ที่สุดแห่งดวงชะตาในโลกมนุษย์ อดีตของเผ่ามาร

[ท่านเลือกฝึกฝนต่อไป อยู่ห่างไกลความขัดแย้ง ได้สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับพลังวิเศษ–วิชาอัญเชิญเทพ]

[วิชาอัญเชิญเทพ: พลังวิเศษสืบทอด สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ เวลาที่ผู้อื่นสำแดงวิชาอัญเชิญเทพ สามารถเรียกท่านจากระยะไกล และสามารถใช้วิชาอัญเชิญเทพกลับไปยังแหล่งที่จากมาได้ภายในหนึ่งชั่วยาม]

หานเจวี๋ยไม่สนใจอักขระสามแถวที่พลันปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่กลับมองดูบรรทัดที่มีข้อมูลเกี่ยวกับโหลวอวี้เซวี่ยด้านบนนั้น

‘ผู้บัญชาการมารแท้?

เหตุใดถึงมาเร็วเพียงนี้

พุ่งเป้ามาที่ข้าหรือ หรือบังเอิญมาปรากฏตัวบริเวณสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์พอดี’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วมุ่น และประหม่ามากกว่าเดิม

เขารีบใช้แบบจำลองการทดสอบต่อสู้กับโหลวอวี้เซวี่ยทันที

‘อันตรายมาก!

สังหารภายในเสี้ยววินาที!’

แต่กลิ่นอายที่โหลวอวี้เซวี่ยแผ่ออกมาในขณะที่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งกว่าจี้เซียนเสินและเซวียนฉิงจวินมาก

หานเจวี๋ยเริ่มตรวจสอบตำแหน่งของโหลวอวี้เซวี่ย เจ้าหมอนี่อยู่ห่างจากสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ไม่ถึงสามสิบลี้ ยืนอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

“นี่เป็นโอกาสที่ดี จะได้ขู่ขวัญราชามังกรสามหัวสักหน่อย”

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ถ่ายทอดเสียงให้ราชามังกรสามหัว

……

บนยอดเขา ชายชุดดำผู้หนึ่งกำลังทอดมองขอบฟ้าที่อยู่ไกลออกไป

เขามีผมขาวทั้งศีรษะ ใบหน้าแปลกประหลาด ดวงตาคู่นั้นของเขามีลูกตาดำคู่ ริมฝีปากสีแดงมีหยดเลือด ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา เขายังคงดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

โหลวอวี้เซวี่ย มารแท้จากเผ่ามาร

ครั้งนี้ เขาพามารแท้มาโลกมนุษย์หลายสิบคน มารแท้คนอื่นๆ ไปรวบรวมข่าวคราวของจวนเซียนสวรรค์ก่อนแล้ว แต่เขากลับถูกปรมาจารย์มารส่งมายังดินแดนที่มีดวงชะตาแข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์ ปรมาจารย์มารให้เขาทำลายสถานที่แห่งนี้ก่อน เช่นนี้แล้วดวงชะตาของเผ่ามนุษย์ในโลกก็จะลดลงเป็นอย่างมาก ต่อไปพวกเขาก็จะกระทำการได้สะดวกราบรื่นมากกว่าเดิม

โหลวอวี้เซวี่ยใช้พลังจิตกวาดดูสักพัก ‘สำนักแห่งนี้ไม่แข็งแกร่งเลย น่าจะไม่ใช่จวนเซียนสวรรค์ แล้วเหตุใดถึงเป็นสถานที่ที่มีดวงชะตาแข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์นะ’

เขาคิดไม่ออก รู้สึกว่าจะต้องมีหลุมพรางอยู่ในนี้แน่ ไม่กล้าหลับหูหลับตากระทำการใด

ขณะนั้นเอง เงาร่างหนึ่งก็พุ่งยิงเข้ามา

เป็นราชามังกรสามหัว!

“ระดับมหายานขั้นหก”

โหลวอวี้เซวี่ยขมวดคิ้ว บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนถูกระบบเขตอาคมของหานเจวี๋ยปกคลุมไว้ เขาที่กวาดพลังจิตสำรวจดูก่อนหน้านี้จึงไม่ค้นพบราชามังกรสามหัว

ที่แท้ก็มีหลุมพรางจริงๆ ด้วย!

สถานที่แห่งนี้เพียงดูเล็กและอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะเป็นสถานที่ที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลกมนุษย์ก็ได้!

ราชามังกรสามหัวนำทวนขนาดใหญ่ออกมาเล่มหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ “เจ้าก็คือมารแท้หรือ”

เขาสะบัดทวนสังหารไปทางโหลวอวี้เซวี่ยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

โหลวอวี้เซวี่ยมีสีหน้าประหลาดใจ

อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือมารแท้

หรือว่าแผนการของเผ่ามารได้ถูกเปิดเผยไปเสียนานแล้ว

โหลวอวี้เซวี่ยไม่ทันได้คิดอะไรมาก เพียงไม่นานการต่อสู้ครั้งใหญ่กับราชามังกรสามหัวก็เริ่มต้นขึ้น

ระดับมหายานสองตน การต่อสู้จะดุเดือดเพียงใดกัน!

เวลาไม่ถึงห้าอึดใจ แม่น้ำภูเขาบริเวณรอบๆ ก็กลายเป็นพื้นที่ราบเรียบ เสียงการต่อสู้ดังสะเทือนถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ บรรดาผู้อาวุโสพากันเหาะเหินออกจากสำนัก ทอดมองออกไปไกลๆ ด้วยความตื่นเต้น

โหลวอวี้เซวี่ยสมกับเป็นผู้บัญชาการมารแท้ พลังนั้นเหนือกว่าราชามังกรสามหัวจริงๆ ไอมารปกคลุมเต็มท้องฟ้า บดบังท้องนภาและดวงตะวัน ปกคลุมพื้นที่ในบริเวณรอบๆ สิบลี้ กดดันจนราชามังกรสามหัวร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง

ไอมารอันรุนแรงกลายเป็นเสายาวพุ่งลงจากฟากฟ้าเป็นสาย บีบจนราชามังกรสามหัวต้องหลบหลีกอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังเป็นพัลวัน

เพิ่งทำศึกกันไม่นาน ราชามังกรสามหัวก็เลือดอาบไปทั่วทั้งตัวแล้ว

“สมควรตาย!”

ในใจของราชามังกรสามหัวบังเกิดความตกใจทั้งโมโห คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงนี้

นี่เป็นศึกแรกหลังจากที่เขากราบตัวอยู่ภายใต้สังกัดของหานเจวี๋ย หรือว่าจะต้องพ่ายแพ้แล้ว

ราชามังกรสามหัวเงยหน้าขึ้นแผดเสียงคำรามยาว และกลายร่างที่แท้จริงออกมาทันที ยามนี้มังกรเกล็ดดำสามหัวตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนโลกา ลำตัวยาวหลายร้อยจั้ง ยิ่งใหญ่ทรงพลัง กรงเล็บทั้งสี่เหยียบอยู่บนเพลิงมังกร ด้านหลังมีปีกงอกขึ้นมาคู่หนึ่ง ปีกนั้นกางสยายยาวพันจั้ง

โหลวอวี้เซวี่ยเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะลอบเอ่ยขึ้นว่า “สายเลือดมังกรแท้?”

เขายกมือขวาขึ้นก่อนกดลงด้านล่าง ไอมารที่พวยพุ่งอยู่บนท้องนภากลายเป็นฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่ราวกับภูเขา กดทับลงมา

ต่อหน้าฝ่ามือสีดำนี้ ราชามังกรสามหัวที่มีขนาดมหึมาพลันดูราวกับอสรพิษน้อยในบัดดล ถูกกดอยู่บนพื้นไม่อาจขยับตัวได้

“นายท่าน ข้าต้านทานไม่ไหวแล้ว!”

ราชามังกรสามหัวรีบร้อนตะโกนออกมา พลังวิญญาณห่างชั้นกันเกินไป ทำให้ไม่ทันได้สำแดงแม้กระทั่งพลังวิเศษและวิชาเวทต่างๆ ออกมา

ไอมารของโหลวอวี้เซวี่ยแปลกประหลาดอย่างถึงขีดสุด ส่งผลให้ราชามังกรสามหัวไม่อาจสำแดงพลังวิเศษการเคลื่อนย้ายในพื้นที่ที่ไอมารครอบคลุมได้ แม้แต่ความเร็วก็ลดลงมาก ราวกับว่าบนร่างแบกภูเขาขนาดใหญ่หมื่นจั้งไว้

ราชามังกรสามหัวยังไม่เคยพบเจอคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน!

ทั้งๆ ที่เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ในมุมมองของผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ด้านข้างแล้ว เขาไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่น้อย เป็นราวสัตว์ยักษ์โง่ๆ หาใช่ราชาปีศาจระดับมหายาน

‘ยังมีคนอื่นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!’

โหลวอวี้เซวี่ยลอบคิดด้วยตาที่เป็นประกาย

ตู้ม!

พายุแกร่งระลอกหนึ่งโจมตีเข้ามาปะทะไอมารที่ปกคลุมเต็มฟ้าจนสลายหายไป ดวงตาทั้งสองข้างของโหลวอวี้เซวี่ยเบิกโพลง เมื่อหันหน้ากลับไปดู เห็นเพียงเงาร่างที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยนั่นเอง!

วิญญาณโหลวอวี้เซวี่ยสั่นเทิ้ม สัมผัสได้ถึงความอันตรายที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขานำกระบี่ไม้สีดำออกมาทันที ก่อนวาดตวัดไปทางหานเจวี๋ย

กระบี่ไม้เพิ่งยกขึ้น หานเจวี๋ยก็ชิงยกนิ้วยิงปราณกระบี่ออกมาก่อน

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

โหลวอวี้เซวี่ยต้านทานไว้ไม่ทัน กายเนื้อของเขาถูกปราณกระบี่ทำให้ดับสลายไปทันที

ช่วงเวลาเพียงสายฟ้าฟาด หานเจวี๋ยยกฝ่ามือดูดวิญญาณของโหลวอวี้เซวี่ยเข้ามา

นี่คือเหตุผลที่เขาออกมาด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นขายืนอยู่บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็สามารถสังหารโหลวอวี้เซวี่ยได้แล้ว

โหลวอวี้เซวี่ยแตกดับ!

ไอมารกลางอากาศสลายหายไปจนหมดสิ้น

ฝ่ามือสีดำที่กดทับราชามังกรสามหัวอยู่ก็แหลกสลายไปตามกัน เขามองไปทางหานเจวี๋ยอย่างตกตะลึง

หานเจวี๋ยที่อยู่บนที่สูงปราดสายตามองเขาคราหนึ่ง ก่อนหายวับไปกลางอากาศ

ราชามังกรสามหัวรู้สึกละอายใจแทบทนไม่ไหว อยากจะมุดธรณีหนีเข้าไปหลับสนิทอยู่ในนั้นหลายหมื่นปี!

เมื่อกลับมาถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน อักขระแถวหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ความประทับใจที่ราชามังกรสามหัวมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจ เขานั่งลงบนเตียงไม้และแบมือขวาออก วิญญาณของโหลวอวี้เซวี่ยลอยขึ้นมา ภายใต้พันธการของพลังวิญญาณหกสาย โหลวอวี้เซวี่ยไม่อาจหลุดหนีไปได้

เขามองหานเจวี๋ยด้วยความหวาดกลัว “ท่านคือมนุษย์เซียนหรือ”

‘มนุษย์ธรรมดาจะแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร!”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เหตุใดเจ้าถึงมาปรากฏตัวบริเวณนี้”

โหลวอวี้เซวี่ยกัดฟันเอ่ย “ข้าแค่ผ่านทางมา ไม่ได้คิดจะทำร้ายพวกท่าน”

วาจาเพิ่งจะสิ้นสุดลง พลังจิตอันน่าหวาดกลัวก็พุ่งปะทะใส่วิญญาณของเขา เขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบกรีดร้องออกมา

“ข้าถูกส่งตัวมา เพียงเพราะดวงชะตาของสถานที่แห่งนี้คือที่สุดแห่งโลกมนุษย์ ข้าเองก็กลัวตาย! วอนท่านผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิตข้า!”

โหลวอวี้เซวี่ยกัดฟันกล่าว วิญญาณสั่นสะท้านไม่หยุด

หานเจวี๋ยถามด้วยใบหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก “ผู้ใดส่งเจ้ามา”

“ปรมาจารย์…มาร…”

“ปรมารจารย์มารคิดจะทำสิ่งใด”

“ฆ่าสังหารโลกมนุษย์”

“เขาส่งมาแค่พวกเจ้าหรือ เผ่ามารอ่อนแอเพียงนี้เชียว?”

โหลวอวี้เซวี่ยรู้สึกถึงการถูกสบประมาทอย่างรุนแรง แต่เขาก็จำต้องก้มหัวให้

เขาไม่อยากตาย

เขากัดฟันเอ่ย “เผ่ามารที่แท้จริงพ่ายแพ้ในเคราะห์ใหญ่ของมรรคาสวรรค์เมื่อหลายยุคก่อนแล้ว ถูกผนึกอยู่ในวัฏจักรหกวิถี มารแท้อย่างพวกข้าคือกลุ่มที่เผ่ามารออกตามหาอย่างยากลำบาก ปรมาจารย์มารล่อลวงวิญญาณบนสะพานอนิจจัง ให้วิญญาณที่ไม่อยากเกิดใหม่กลายเป็นผู้บำเพ็ญสายมาร บำเพ็ญจนกระทั่งกลายเป็นมารแท้ โลกมนุษย์มีข้อจำกัดของกฎสวรรค์ หากผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับมหายานเข้ามาโดยพลการ จะสะเทือนถึงกฎสวรรค์ วังสวรรค์ วังเทพ รวมทั้งสำนักพุทธก็ต้องพิโรธ ปรมาจารย์มารจึงทำได้เพียงส่งมารแท้ระดับมหายานขั้นเก้าอย่างพวกข้าแฝงตัวเข้ามาในโลกมนุษย์”

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

มีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นในหัวสมองของเขา

‘หรือว่าเผ่ามารและยมโลกจะไม่มีศิลาแคล้วสวรรค์’

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 148 ที่สุดแห่งดวงชะตาในโลกมนุษย์ อดีตของเผ่ามาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 148 ที่สุดแห่งดวงชะตาในโลกมนุษย์ อดีตของเผ่ามาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 148 ที่สุดแห่งดวงชะตาในโลกมนุษย์ อดีตของเผ่ามาร

[ท่านเลือกฝึกฝนต่อไป อยู่ห่างไกลความขัดแย้ง ได้สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับพลังวิเศษ–วิชาอัญเชิญเทพ]

[วิชาอัญเชิญเทพ: พลังวิเศษสืบทอด สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ เวลาที่ผู้อื่นสำแดงวิชาอัญเชิญเทพ สามารถเรียกท่านจากระยะไกล และสามารถใช้วิชาอัญเชิญเทพกลับไปยังแหล่งที่จากมาได้ภายในหนึ่งชั่วยาม]

หานเจวี๋ยไม่สนใจอักขระสามแถวที่พลันปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่กลับมองดูบรรทัดที่มีข้อมูลเกี่ยวกับโหลวอวี้เซวี่ยด้านบนนั้น

‘ผู้บัญชาการมารแท้?

เหตุใดถึงมาเร็วเพียงนี้

พุ่งเป้ามาที่ข้าหรือ หรือบังเอิญมาปรากฏตัวบริเวณสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์พอดี’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วมุ่น และประหม่ามากกว่าเดิม

เขารีบใช้แบบจำลองการทดสอบต่อสู้กับโหลวอวี้เซวี่ยทันที

‘อันตรายมาก!

สังหารภายในเสี้ยววินาที!’

แต่กลิ่นอายที่โหลวอวี้เซวี่ยแผ่ออกมาในขณะที่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งกว่าจี้เซียนเสินและเซวียนฉิงจวินมาก

หานเจวี๋ยเริ่มตรวจสอบตำแหน่งของโหลวอวี้เซวี่ย เจ้าหมอนี่อยู่ห่างจากสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ไม่ถึงสามสิบลี้ ยืนอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

“นี่เป็นโอกาสที่ดี จะได้ขู่ขวัญราชามังกรสามหัวสักหน่อย”

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ถ่ายทอดเสียงให้ราชามังกรสามหัว

……

บนยอดเขา ชายชุดดำผู้หนึ่งกำลังทอดมองขอบฟ้าที่อยู่ไกลออกไป

เขามีผมขาวทั้งศีรษะ ใบหน้าแปลกประหลาด ดวงตาคู่นั้นของเขามีลูกตาดำคู่ ริมฝีปากสีแดงมีหยดเลือด ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา เขายังคงดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

โหลวอวี้เซวี่ย มารแท้จากเผ่ามาร

ครั้งนี้ เขาพามารแท้มาโลกมนุษย์หลายสิบคน มารแท้คนอื่นๆ ไปรวบรวมข่าวคราวของจวนเซียนสวรรค์ก่อนแล้ว แต่เขากลับถูกปรมาจารย์มารส่งมายังดินแดนที่มีดวงชะตาแข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์ ปรมาจารย์มารให้เขาทำลายสถานที่แห่งนี้ก่อน เช่นนี้แล้วดวงชะตาของเผ่ามนุษย์ในโลกก็จะลดลงเป็นอย่างมาก ต่อไปพวกเขาก็จะกระทำการได้สะดวกราบรื่นมากกว่าเดิม

โหลวอวี้เซวี่ยใช้พลังจิตกวาดดูสักพัก ‘สำนักแห่งนี้ไม่แข็งแกร่งเลย น่าจะไม่ใช่จวนเซียนสวรรค์ แล้วเหตุใดถึงเป็นสถานที่ที่มีดวงชะตาแข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์นะ’

เขาคิดไม่ออก รู้สึกว่าจะต้องมีหลุมพรางอยู่ในนี้แน่ ไม่กล้าหลับหูหลับตากระทำการใด

ขณะนั้นเอง เงาร่างหนึ่งก็พุ่งยิงเข้ามา

เป็นราชามังกรสามหัว!

“ระดับมหายานขั้นหก”

โหลวอวี้เซวี่ยขมวดคิ้ว บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนถูกระบบเขตอาคมของหานเจวี๋ยปกคลุมไว้ เขาที่กวาดพลังจิตสำรวจดูก่อนหน้านี้จึงไม่ค้นพบราชามังกรสามหัว

ที่แท้ก็มีหลุมพรางจริงๆ ด้วย!

สถานที่แห่งนี้เพียงดูเล็กและอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะเป็นสถานที่ที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลกมนุษย์ก็ได้!

ราชามังกรสามหัวนำทวนขนาดใหญ่ออกมาเล่มหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ “เจ้าก็คือมารแท้หรือ”

เขาสะบัดทวนสังหารไปทางโหลวอวี้เซวี่ยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

โหลวอวี้เซวี่ยมีสีหน้าประหลาดใจ

อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือมารแท้

หรือว่าแผนการของเผ่ามารได้ถูกเปิดเผยไปเสียนานแล้ว

โหลวอวี้เซวี่ยไม่ทันได้คิดอะไรมาก เพียงไม่นานการต่อสู้ครั้งใหญ่กับราชามังกรสามหัวก็เริ่มต้นขึ้น

ระดับมหายานสองตน การต่อสู้จะดุเดือดเพียงใดกัน!

เวลาไม่ถึงห้าอึดใจ แม่น้ำภูเขาบริเวณรอบๆ ก็กลายเป็นพื้นที่ราบเรียบ เสียงการต่อสู้ดังสะเทือนถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ บรรดาผู้อาวุโสพากันเหาะเหินออกจากสำนัก ทอดมองออกไปไกลๆ ด้วยความตื่นเต้น

โหลวอวี้เซวี่ยสมกับเป็นผู้บัญชาการมารแท้ พลังนั้นเหนือกว่าราชามังกรสามหัวจริงๆ ไอมารปกคลุมเต็มท้องฟ้า บดบังท้องนภาและดวงตะวัน ปกคลุมพื้นที่ในบริเวณรอบๆ สิบลี้ กดดันจนราชามังกรสามหัวร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง

ไอมารอันรุนแรงกลายเป็นเสายาวพุ่งลงจากฟากฟ้าเป็นสาย บีบจนราชามังกรสามหัวต้องหลบหลีกอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังเป็นพัลวัน

เพิ่งทำศึกกันไม่นาน ราชามังกรสามหัวก็เลือดอาบไปทั่วทั้งตัวแล้ว

“สมควรตาย!”

ในใจของราชามังกรสามหัวบังเกิดความตกใจทั้งโมโห คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงนี้

นี่เป็นศึกแรกหลังจากที่เขากราบตัวอยู่ภายใต้สังกัดของหานเจวี๋ย หรือว่าจะต้องพ่ายแพ้แล้ว

ราชามังกรสามหัวเงยหน้าขึ้นแผดเสียงคำรามยาว และกลายร่างที่แท้จริงออกมาทันที ยามนี้มังกรเกล็ดดำสามหัวตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนโลกา ลำตัวยาวหลายร้อยจั้ง ยิ่งใหญ่ทรงพลัง กรงเล็บทั้งสี่เหยียบอยู่บนเพลิงมังกร ด้านหลังมีปีกงอกขึ้นมาคู่หนึ่ง ปีกนั้นกางสยายยาวพันจั้ง

โหลวอวี้เซวี่ยเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะลอบเอ่ยขึ้นว่า “สายเลือดมังกรแท้?”

เขายกมือขวาขึ้นก่อนกดลงด้านล่าง ไอมารที่พวยพุ่งอยู่บนท้องนภากลายเป็นฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่ราวกับภูเขา กดทับลงมา

ต่อหน้าฝ่ามือสีดำนี้ ราชามังกรสามหัวที่มีขนาดมหึมาพลันดูราวกับอสรพิษน้อยในบัดดล ถูกกดอยู่บนพื้นไม่อาจขยับตัวได้

“นายท่าน ข้าต้านทานไม่ไหวแล้ว!”

ราชามังกรสามหัวรีบร้อนตะโกนออกมา พลังวิญญาณห่างชั้นกันเกินไป ทำให้ไม่ทันได้สำแดงแม้กระทั่งพลังวิเศษและวิชาเวทต่างๆ ออกมา

ไอมารของโหลวอวี้เซวี่ยแปลกประหลาดอย่างถึงขีดสุด ส่งผลให้ราชามังกรสามหัวไม่อาจสำแดงพลังวิเศษการเคลื่อนย้ายในพื้นที่ที่ไอมารครอบคลุมได้ แม้แต่ความเร็วก็ลดลงมาก ราวกับว่าบนร่างแบกภูเขาขนาดใหญ่หมื่นจั้งไว้

ราชามังกรสามหัวยังไม่เคยพบเจอคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน!

ทั้งๆ ที่เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ในมุมมองของผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ด้านข้างแล้ว เขาไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่น้อย เป็นราวสัตว์ยักษ์โง่ๆ หาใช่ราชาปีศาจระดับมหายาน

‘ยังมีคนอื่นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!’

โหลวอวี้เซวี่ยลอบคิดด้วยตาที่เป็นประกาย

ตู้ม!

พายุแกร่งระลอกหนึ่งโจมตีเข้ามาปะทะไอมารที่ปกคลุมเต็มฟ้าจนสลายหายไป ดวงตาทั้งสองข้างของโหลวอวี้เซวี่ยเบิกโพลง เมื่อหันหน้ากลับไปดู เห็นเพียงเงาร่างที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยนั่นเอง!

วิญญาณโหลวอวี้เซวี่ยสั่นเทิ้ม สัมผัสได้ถึงความอันตรายที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขานำกระบี่ไม้สีดำออกมาทันที ก่อนวาดตวัดไปทางหานเจวี๋ย

กระบี่ไม้เพิ่งยกขึ้น หานเจวี๋ยก็ชิงยกนิ้วยิงปราณกระบี่ออกมาก่อน

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

โหลวอวี้เซวี่ยต้านทานไว้ไม่ทัน กายเนื้อของเขาถูกปราณกระบี่ทำให้ดับสลายไปทันที

ช่วงเวลาเพียงสายฟ้าฟาด หานเจวี๋ยยกฝ่ามือดูดวิญญาณของโหลวอวี้เซวี่ยเข้ามา

นี่คือเหตุผลที่เขาออกมาด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นขายืนอยู่บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็สามารถสังหารโหลวอวี้เซวี่ยได้แล้ว

โหลวอวี้เซวี่ยแตกดับ!

ไอมารกลางอากาศสลายหายไปจนหมดสิ้น

ฝ่ามือสีดำที่กดทับราชามังกรสามหัวอยู่ก็แหลกสลายไปตามกัน เขามองไปทางหานเจวี๋ยอย่างตกตะลึง

หานเจวี๋ยที่อยู่บนที่สูงปราดสายตามองเขาคราหนึ่ง ก่อนหายวับไปกลางอากาศ

ราชามังกรสามหัวรู้สึกละอายใจแทบทนไม่ไหว อยากจะมุดธรณีหนีเข้าไปหลับสนิทอยู่ในนั้นหลายหมื่นปี!

เมื่อกลับมาถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน อักขระแถวหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ความประทับใจที่ราชามังกรสามหัวมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจ เขานั่งลงบนเตียงไม้และแบมือขวาออก วิญญาณของโหลวอวี้เซวี่ยลอยขึ้นมา ภายใต้พันธการของพลังวิญญาณหกสาย โหลวอวี้เซวี่ยไม่อาจหลุดหนีไปได้

เขามองหานเจวี๋ยด้วยความหวาดกลัว “ท่านคือมนุษย์เซียนหรือ”

‘มนุษย์ธรรมดาจะแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร!”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เหตุใดเจ้าถึงมาปรากฏตัวบริเวณนี้”

โหลวอวี้เซวี่ยกัดฟันเอ่ย “ข้าแค่ผ่านทางมา ไม่ได้คิดจะทำร้ายพวกท่าน”

วาจาเพิ่งจะสิ้นสุดลง พลังจิตอันน่าหวาดกลัวก็พุ่งปะทะใส่วิญญาณของเขา เขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบกรีดร้องออกมา

“ข้าถูกส่งตัวมา เพียงเพราะดวงชะตาของสถานที่แห่งนี้คือที่สุดแห่งโลกมนุษย์ ข้าเองก็กลัวตาย! วอนท่านผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิตข้า!”

โหลวอวี้เซวี่ยกัดฟันกล่าว วิญญาณสั่นสะท้านไม่หยุด

หานเจวี๋ยถามด้วยใบหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก “ผู้ใดส่งเจ้ามา”

“ปรมาจารย์…มาร…”

“ปรมารจารย์มารคิดจะทำสิ่งใด”

“ฆ่าสังหารโลกมนุษย์”

“เขาส่งมาแค่พวกเจ้าหรือ เผ่ามารอ่อนแอเพียงนี้เชียว?”

โหลวอวี้เซวี่ยรู้สึกถึงการถูกสบประมาทอย่างรุนแรง แต่เขาก็จำต้องก้มหัวให้

เขาไม่อยากตาย

เขากัดฟันเอ่ย “เผ่ามารที่แท้จริงพ่ายแพ้ในเคราะห์ใหญ่ของมรรคาสวรรค์เมื่อหลายยุคก่อนแล้ว ถูกผนึกอยู่ในวัฏจักรหกวิถี มารแท้อย่างพวกข้าคือกลุ่มที่เผ่ามารออกตามหาอย่างยากลำบาก ปรมาจารย์มารล่อลวงวิญญาณบนสะพานอนิจจัง ให้วิญญาณที่ไม่อยากเกิดใหม่กลายเป็นผู้บำเพ็ญสายมาร บำเพ็ญจนกระทั่งกลายเป็นมารแท้ โลกมนุษย์มีข้อจำกัดของกฎสวรรค์ หากผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับมหายานเข้ามาโดยพลการ จะสะเทือนถึงกฎสวรรค์ วังสวรรค์ วังเทพ รวมทั้งสำนักพุทธก็ต้องพิโรธ ปรมาจารย์มารจึงทำได้เพียงส่งมารแท้ระดับมหายานขั้นเก้าอย่างพวกข้าแฝงตัวเข้ามาในโลกมนุษย์”

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

มีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นในหัวสมองของเขา

‘หรือว่าเผ่ามารและยมโลกจะไม่มีศิลาแคล้วสวรรค์’

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+