ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้
“คืนชีพรึ”

หวงจุนเทียนตะลึงงัน จากนั้นความปีติยินดีก็พวยพุ่งเข้าสู่หัวใจ

[หวงจุนเทียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

หานเจวี๋ยมองดูอักขระเหล่านี้ คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย

แค่นี้ก็เกิดความประทับใจแล้ว?

เมื่อครู่หานเจวี๋ยยังลังเลอยู่ว่าจะล้างสมองหวงจุนเทียนอย่างไรดี

เช่นนี้ก็ดี!

ลดปัญหาลงไปได้เยอะ!

หวงจุนเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้ามองหายเจวี๋ย กล่าวว่า “สหายเต๋า…ไม่สิ ผู้อาวุโส หลายสิบปีมานี้ข้าคิดไปมากมาย ข้าไม่เหมาะกับเป็นเจ้าลัทธิเลยจริงๆ หากท่านยอมฟื้นคืนชีพให้ข้า ข้าจะไม่กลับไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณอีกแน่!”

กลับไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ?

คิดอะไรน่ะ!

ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณไม่มีนานแล้ว!

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “ร่างนี้คือร่างของรองเจ้าสำนักเก้ามังกรจากเขตแก่นประจิม เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาโดยแท้ ข้าทำลายจิตเดิมของเขา ปรารถนาให้เจ้าแทนที่เขา ข้าก็ไม่ได้กลัวสำนักเก้ามังกร กลัวแต่เพียงปัญหาที่จะตามมาไม่หยุดหย่อน ข้าก็เหมือนกับเจ้า ล้วนหวังจะตั้งใจฝึกฝน”

ผู้บำเพ็ญระดับสุญตา!

หวงจุนเทียนได้ยินหนังตาก็พลันกระตุกถี่ยิบ

เขาตายอย่างไม่เสียเปล่า!

ในใจของหวงจุนเทียนนึกหวาดหลัวขึ้นมาเต็มเปี่ยม

หานเจวี๋ยกล่าวขึ้นว่า “ข้าประทับตราหวนคืนไว้ในวิญญาณของเจ้าแล้ว หากหลังจากนี้เจ้าทรยศข้า ข้าสามารถบีบเจ้าให้ตายได้ในความคิดเดียว แต่หากเจ้าเชื่อฟังคำสั่งข้า เจ้าวางใจได้ ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิ เจ้าเพียงช่วยข้าควบคุมสำนักเก้ามังกร และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก็พอ”

นี่ก็เป็นเรื่องจริง หลังจากการกักขังวิญญาณมาเป็นเวลาหลายสิบปี วิญญาณของเขาได้ควบคุมหวงจุนเทียนแล้ว

พลังหวนคืนหกวิถีก็ร้ายกาจเช่นนี้!

หานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องแสดงวิชาเวทพิเศษใดๆ เพียงแค่กักขังวิญญาณของศัตรูไว้ในส่วนลึกของวิญญาณตนเอง เมื่อเวลาผ่านไปก็ เขาก็ค่อยๆ มีอิทธิพลเหนือศัตรูได้ทีละน้อย

หวงจุนเทียนรีบร้อนพยักหน้า เอ่ยขึ้นว่า “ข้าสาบาน นับแต่นี้ไปจะไม่เป็นศัตรูกับท่านเด็ดขาด!”

หานเจวี๋ยหยักหน้าลง และตัดพลังวิญญาณทั้งหกสายของตนเองออก

หลังจากนั้นหวงจุนเทียนก็ผสานเข้าไปในกายเนื้อของเว่ยหยวน

การยึดร่างต้องใช้เวลา

อักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ท่านปกป้องสำนักหยกพิสุทธิ์สำเร็จ ได้รับเคล็ดวิชาเวทหนึ่งเล่ม]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับวิชาเผยโฉม]

[วิชาเผยโฉม: การแสดงวิชานี้สามารถบีบให้ฝ่ายตรงข้ามเผยร่างจริงออกมา ใช้ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด]

ไม่เลวนี่!

หานเจวี๋ยไม่ได้สืบทอดในทันที แต่กลับรอให้หวงจุนเทียนยึดร่างให้สำเร็จ

อีกด้านหนึ่ง

ผู้บำเพ็ญทั้งสิบเก้าสำนักยังคงรออยู่ที่นอกสำนัก เจ้าสำนักของพวกเขาต่างไม่ได้จากไป แต่กลับตามหลี่ชิงจื่อเข้าไปในยอดเขาหลัก

การแสดงออกของหานเจวี๋ยช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

เจ้าสำนักทั้งหมดต่างก็ถูกขู่จนขวัญเสีย ไม่กล้าโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์อีก และยิ่งไม่กล้าจากไปในทันที

ศัตรูที่น่ากลัวระดับนี้ หากไม่แก้ไขถึงต้นเหตุ ก็ไม่สามารถที่จะนิ่งนอนใจได้

มาถึงตำหนักใหญ่ของยอดเขาหลัก หลี่ชิงจื่อก็เริ่มตรวจสอบความจริง

ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขา แม้กระทั่งการกล่าววาจากับเขายังต้องระมัดระวัง

จะว่าไปแล้วแดนบำเพ็ญพรตยังคงให้ผู้แข็งแกร่งเป็นผู้มีศักดิ์สูงกว่า

หลังจากแลกเปลี่ยนกันอยู่พักหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ชี้ไปทางหลี่เฉียนหลง

หลี่ชิงจื่อนำหลี่เฉียนหลงที่พิการแล้วออกมา เริ่มเผชิญหน้ากับเขา

มหันตภัยครั้งใหญ่ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่นโดยการลงมือสองครั้งของหานเจวี๋ย

……

เจ็ดวันต่อมา

หวงจุนเทียนยึดร่างสำเร็จ

เขาพลันรู้สึกราวกับฝันไป

ระดับสุญตาที่เขาแสวงหาอย่างยากลำบาก ไร้ผลลัพธ์มาโดยตลอด

กลับคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ ก็กลายเป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาเช่นนี้

นี่นับว่าเป็นทุกขลาภหรือ

[ความประทับใจที่หวงจุนเทียนมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

พอเห็นการแจ้งเตือนเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ยิ้มด้วยความพอใจ มองหวงจุนเทียนเข้าตายิ่งกว่าเดิม

หวงจุนเทียนหายใจเข้าลึกๆ และเดินมาโค้งคารวะตรงหน้าหานเจวี๋ยอย่างนอบน้อม

หานเจวี๋ยกล่าวกำชับขึ้นว่า “เจ้าก็ตรงไปยังเขตแก่นประจิมเถอะ หากไม่รู้จะตบตาอย่างไร ก็พูดให้น้อย ถึงอย่างไรเสียเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา พวกเข้าก็ไม่กล้าที่จะเค้นถามเจ้า”

หวงจุนเทียนพยักหน้ากล่าว “วางใจเถอะ ข้าจะต้องควบคุมสำนักเก้ามังกรได้แน่”

เขาพลิกกายจากไป

เมื่อเดินมาถึงปากถ้ำเทวา เขาพลันหันหน้ามาเอ่ยถามว่า “ต้องการให้ข้าเป็นถึงเจ้าสำนักหรือไม่”

เรื่องชิงตำแหน่งเจ้าสำนักนี้ เขาก็มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด เอ่ยขึ้น “แล้วแต่เจ้าเถิด ข้าไม่บังคับเจ้า เพียงแค่ไม่กระทบข้ากับสำนักหยกพิสุทธิ์ก็พอ เจ้าสามารถพัฒนาได้ตามใจ”

หวงจุนเทียนไต่ถามต่อ “ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไร ฉายาทางเต๋าของท่านคืออะไร”

ผู้อาวุโสสังหารเทพเป็นเพียงตำแหน่ง ไม่ใช่ฉายาทางเต๋าของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “วัฏจักร”

วัฏจักร!

ฉายาเต๋านี้ความหมายลึกล้ำยิ่งนัก!

หวงจุนเทียนเผยยิ้มออกมา ก่อนคารวะอีกครั้ง

หลังจากที่เขาไปแล้ว หานเจวี๋ยถึงได้เริ่มสืบทอดวิชาเผยโฉม

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น

เกิดเรื่องสั่นสะเทือนในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน สำนักหยกพิสุทธิ์ประกาศจับโจวฝานและโม่ฟู่โฉว เตรียมที่จะจับตัวพวกเขามา สายหลักและสายมารร่วมมือกันขับไล่ตระกูลเว่ย

บรรดาผู้บำเพ็ญอิสระต่างก็รู้สึกงุนงง แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

ตระกูลเว่ยนอกจากจะมีสายสัมพันธ์กว้างขวางแล้ว กำลังของตัวเองกลับไม่ได้แข็งแกร่งแต่อย่างใด เพียงไม่นานก็พาลูกเด็กเล็กแดงคนเฒ่าคนชราทั้งตระกูลหนีไปจากแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน

แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

หลี่ชิงจื่อได้แสดงท่าทีต่อสำนักต่างๆ ว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะประกาศศักดาเป็นใหญ่ เพียงต้องการฝึกฝนอย่างสันติ ขณะเดียวกันหวังว่าแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียว ไม่ต้องการให้สำนักในแดนบำเพ็ญพรตอื่นเข้าฉกฉวยโอกาสได้

พลังอันร้ายกาจของหานเจวี๋ยได้เป็นที่ประจักษ์ และข้อเสนอของหลี่ชิงจื่อนั้นก็เป็นสิ่งที่แต่ละสำนักต้องการมาโดยตลอด

สู้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องสู้ถึงจะดีที่สุด!

……

เวลาสิบปีผ่านไปในพริบตา

หานเจวี๋ยบรรลุระดับสุญตาขั้นสามแล้ว

ระดับสุญตาไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้จริงๆ ขั้นเล็กๆ ในช่วงแรกยังต้องใช้เวลานานถึงขนาดนี้

แต่เมื่อเทียบกับอายุขัยของหานเจวี๋ยแล้ว นี่ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ เท่านั้น

ช่วงสิบปีนี้ สิงหงเสวียนไม่ได้กลับมาเลย ผู้อาวุโสชุดเทาที่เรียนรู้วิชายุทธ์พร้อมกับนางได้จากไปแล้ว

มีหุ่นเชิดสวรรค์อยู่ หานเจวี๋ยก็ไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องใดกับนาง

ตั้งแต่สำนักหยกพิสุทธิ์ออกหมายประกาศจับ โจวฝานกับโม่ฟู่โฉวก็ราวกับระเหยเป็นไอน้ำ ไม่ก่อเรื่องอีก

แต่หานเจวี๋ยยังคงเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขาในจดหมายเป็นครั้งคราว

เขาสงสัยแม้กระทั่งว่าสองคนนี้อาจอยู่ด้วยกัน

อย่างไรเสียพวกเขาทั้งสองก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

สมองของหานเจวี๋ยจินตนาการถึงซีรี่ส์สายวายเรื่องหนึ่ง

พระเอกถูกบีบเข้าสู่เส้นทางสายมาร นายเอกทนไม่ไหวจำต้องสละร่างกลายเป็นมารไปด้วยกัน และอยู่คู่กันตราบชั่วนิรันดร์

เวลาว่างจากการฝึกฝน หานเจวี๋ยเปิดดูค่าความสัมพันธ์จนเป็นนิสัย

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญอิสระ]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านสร้างชื่อเสียงในเผ่าปีศาจ มีปีศาจมากกว่าหนึ่งแสนที่อยู่ใต้บัญชาการของเขา]

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นต้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีของราชาปีศาจ] x68

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านกลับสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านบรรลุในบัดดล เข้าใจพลังวิเศษ]

[กวนโยวกังสหายของท่านเกิดมารในใจ เหตุเพราะเกรงกลัวท่าน]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย คร่าชีวิตผู้คนนับล้าน ความชั่วร้ายมหันต์]

……

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

ศิษย์ชั่วร้ายผู้นี้คือดาวตัวซวยจริงๆ!

เพิ่งจากไปไม่กี่สิบปี ก็คร่าชีวิตไปเป็นล้านแล้ว?

อยู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกเสียใจขึ้นมาอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เขาก็ควรให้ซูฉีอยู่ข้างกายหรือไม่

แต่พอเขาครุ่นคิดอีกที หากเก็บไว้ข้างกายก็อาจจะสร้างหายนะให้กับสำนักหยกพิสุทธิ์ได้

จะให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้

สหายเต๋าตายได้ แต่ข้าตายไม่ได้

อีกอย่างสถานะดาวตัวซวยของซูฉีนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่หานเจวี๋ยมอบให้

หากจะโทษก็ต้องโทษวังสวรรค์ ที่ลดขั้นให้เขาลงมาเกิด

ยังมีศิษย์เอกหยางเทียนตงอีก นี่จะไม่กลับมาแล้วใช่หรือไม่

คิดจะเป็นราชาปีศาจตลอดไปเลยหรืออย่างไรกัน

หานเจวี๋ยรู้สึกจนใจ

ศิษย์ของเขาล้วนเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย!

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

ข้อความแจ้งเตือนพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้
“คืนชีพรึ”

หวงจุนเทียนตะลึงงัน จากนั้นความปีติยินดีก็พวยพุ่งเข้าสู่หัวใจ

[หวงจุนเทียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

หานเจวี๋ยมองดูอักขระเหล่านี้ คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย

แค่นี้ก็เกิดความประทับใจแล้ว?

เมื่อครู่หานเจวี๋ยยังลังเลอยู่ว่าจะล้างสมองหวงจุนเทียนอย่างไรดี

เช่นนี้ก็ดี!

ลดปัญหาลงไปได้เยอะ!

หวงจุนเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้ามองหายเจวี๋ย กล่าวว่า “สหายเต๋า…ไม่สิ ผู้อาวุโส หลายสิบปีมานี้ข้าคิดไปมากมาย ข้าไม่เหมาะกับเป็นเจ้าลัทธิเลยจริงๆ หากท่านยอมฟื้นคืนชีพให้ข้า ข้าจะไม่กลับไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณอีกแน่!”

กลับไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ?

คิดอะไรน่ะ!

ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณไม่มีนานแล้ว!

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “ร่างนี้คือร่างของรองเจ้าสำนักเก้ามังกรจากเขตแก่นประจิม เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาโดยแท้ ข้าทำลายจิตเดิมของเขา ปรารถนาให้เจ้าแทนที่เขา ข้าก็ไม่ได้กลัวสำนักเก้ามังกร กลัวแต่เพียงปัญหาที่จะตามมาไม่หยุดหย่อน ข้าก็เหมือนกับเจ้า ล้วนหวังจะตั้งใจฝึกฝน”

ผู้บำเพ็ญระดับสุญตา!

หวงจุนเทียนได้ยินหนังตาก็พลันกระตุกถี่ยิบ

เขาตายอย่างไม่เสียเปล่า!

ในใจของหวงจุนเทียนนึกหวาดหลัวขึ้นมาเต็มเปี่ยม

หานเจวี๋ยกล่าวขึ้นว่า “ข้าประทับตราหวนคืนไว้ในวิญญาณของเจ้าแล้ว หากหลังจากนี้เจ้าทรยศข้า ข้าสามารถบีบเจ้าให้ตายได้ในความคิดเดียว แต่หากเจ้าเชื่อฟังคำสั่งข้า เจ้าวางใจได้ ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิ เจ้าเพียงช่วยข้าควบคุมสำนักเก้ามังกร และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก็พอ”

นี่ก็เป็นเรื่องจริง หลังจากการกักขังวิญญาณมาเป็นเวลาหลายสิบปี วิญญาณของเขาได้ควบคุมหวงจุนเทียนแล้ว

พลังหวนคืนหกวิถีก็ร้ายกาจเช่นนี้!

หานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องแสดงวิชาเวทพิเศษใดๆ เพียงแค่กักขังวิญญาณของศัตรูไว้ในส่วนลึกของวิญญาณตนเอง เมื่อเวลาผ่านไปก็ เขาก็ค่อยๆ มีอิทธิพลเหนือศัตรูได้ทีละน้อย

หวงจุนเทียนรีบร้อนพยักหน้า เอ่ยขึ้นว่า “ข้าสาบาน นับแต่นี้ไปจะไม่เป็นศัตรูกับท่านเด็ดขาด!”

หานเจวี๋ยหยักหน้าลง และตัดพลังวิญญาณทั้งหกสายของตนเองออก

หลังจากนั้นหวงจุนเทียนก็ผสานเข้าไปในกายเนื้อของเว่ยหยวน

การยึดร่างต้องใช้เวลา

อักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ท่านปกป้องสำนักหยกพิสุทธิ์สำเร็จ ได้รับเคล็ดวิชาเวทหนึ่งเล่ม]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับวิชาเผยโฉม]

[วิชาเผยโฉม: การแสดงวิชานี้สามารถบีบให้ฝ่ายตรงข้ามเผยร่างจริงออกมา ใช้ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด]

ไม่เลวนี่!

หานเจวี๋ยไม่ได้สืบทอดในทันที แต่กลับรอให้หวงจุนเทียนยึดร่างให้สำเร็จ

อีกด้านหนึ่ง

ผู้บำเพ็ญทั้งสิบเก้าสำนักยังคงรออยู่ที่นอกสำนัก เจ้าสำนักของพวกเขาต่างไม่ได้จากไป แต่กลับตามหลี่ชิงจื่อเข้าไปในยอดเขาหลัก

การแสดงออกของหานเจวี๋ยช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

เจ้าสำนักทั้งหมดต่างก็ถูกขู่จนขวัญเสีย ไม่กล้าโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์อีก และยิ่งไม่กล้าจากไปในทันที

ศัตรูที่น่ากลัวระดับนี้ หากไม่แก้ไขถึงต้นเหตุ ก็ไม่สามารถที่จะนิ่งนอนใจได้

มาถึงตำหนักใหญ่ของยอดเขาหลัก หลี่ชิงจื่อก็เริ่มตรวจสอบความจริง

ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขา แม้กระทั่งการกล่าววาจากับเขายังต้องระมัดระวัง

จะว่าไปแล้วแดนบำเพ็ญพรตยังคงให้ผู้แข็งแกร่งเป็นผู้มีศักดิ์สูงกว่า

หลังจากแลกเปลี่ยนกันอยู่พักหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ชี้ไปทางหลี่เฉียนหลง

หลี่ชิงจื่อนำหลี่เฉียนหลงที่พิการแล้วออกมา เริ่มเผชิญหน้ากับเขา

มหันตภัยครั้งใหญ่ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่นโดยการลงมือสองครั้งของหานเจวี๋ย

……

เจ็ดวันต่อมา

หวงจุนเทียนยึดร่างสำเร็จ

เขาพลันรู้สึกราวกับฝันไป

ระดับสุญตาที่เขาแสวงหาอย่างยากลำบาก ไร้ผลลัพธ์มาโดยตลอด

กลับคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ ก็กลายเป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาเช่นนี้

นี่นับว่าเป็นทุกขลาภหรือ

[ความประทับใจที่หวงจุนเทียนมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

พอเห็นการแจ้งเตือนเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ยิ้มด้วยความพอใจ มองหวงจุนเทียนเข้าตายิ่งกว่าเดิม

หวงจุนเทียนหายใจเข้าลึกๆ และเดินมาโค้งคารวะตรงหน้าหานเจวี๋ยอย่างนอบน้อม

หานเจวี๋ยกล่าวกำชับขึ้นว่า “เจ้าก็ตรงไปยังเขตแก่นประจิมเถอะ หากไม่รู้จะตบตาอย่างไร ก็พูดให้น้อย ถึงอย่างไรเสียเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา พวกเข้าก็ไม่กล้าที่จะเค้นถามเจ้า”

หวงจุนเทียนพยักหน้ากล่าว “วางใจเถอะ ข้าจะต้องควบคุมสำนักเก้ามังกรได้แน่”

เขาพลิกกายจากไป

เมื่อเดินมาถึงปากถ้ำเทวา เขาพลันหันหน้ามาเอ่ยถามว่า “ต้องการให้ข้าเป็นถึงเจ้าสำนักหรือไม่”

เรื่องชิงตำแหน่งเจ้าสำนักนี้ เขาก็มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด เอ่ยขึ้น “แล้วแต่เจ้าเถิด ข้าไม่บังคับเจ้า เพียงแค่ไม่กระทบข้ากับสำนักหยกพิสุทธิ์ก็พอ เจ้าสามารถพัฒนาได้ตามใจ”

หวงจุนเทียนไต่ถามต่อ “ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไร ฉายาทางเต๋าของท่านคืออะไร”

ผู้อาวุโสสังหารเทพเป็นเพียงตำแหน่ง ไม่ใช่ฉายาทางเต๋าของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “วัฏจักร”

วัฏจักร!

ฉายาเต๋านี้ความหมายลึกล้ำยิ่งนัก!

หวงจุนเทียนเผยยิ้มออกมา ก่อนคารวะอีกครั้ง

หลังจากที่เขาไปแล้ว หานเจวี๋ยถึงได้เริ่มสืบทอดวิชาเผยโฉม

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น

เกิดเรื่องสั่นสะเทือนในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน สำนักหยกพิสุทธิ์ประกาศจับโจวฝานและโม่ฟู่โฉว เตรียมที่จะจับตัวพวกเขามา สายหลักและสายมารร่วมมือกันขับไล่ตระกูลเว่ย

บรรดาผู้บำเพ็ญอิสระต่างก็รู้สึกงุนงง แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

ตระกูลเว่ยนอกจากจะมีสายสัมพันธ์กว้างขวางแล้ว กำลังของตัวเองกลับไม่ได้แข็งแกร่งแต่อย่างใด เพียงไม่นานก็พาลูกเด็กเล็กแดงคนเฒ่าคนชราทั้งตระกูลหนีไปจากแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน

แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

หลี่ชิงจื่อได้แสดงท่าทีต่อสำนักต่างๆ ว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะประกาศศักดาเป็นใหญ่ เพียงต้องการฝึกฝนอย่างสันติ ขณะเดียวกันหวังว่าแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียว ไม่ต้องการให้สำนักในแดนบำเพ็ญพรตอื่นเข้าฉกฉวยโอกาสได้

พลังอันร้ายกาจของหานเจวี๋ยได้เป็นที่ประจักษ์ และข้อเสนอของหลี่ชิงจื่อนั้นก็เป็นสิ่งที่แต่ละสำนักต้องการมาโดยตลอด

สู้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องสู้ถึงจะดีที่สุด!

……

เวลาสิบปีผ่านไปในพริบตา

หานเจวี๋ยบรรลุระดับสุญตาขั้นสามแล้ว

ระดับสุญตาไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้จริงๆ ขั้นเล็กๆ ในช่วงแรกยังต้องใช้เวลานานถึงขนาดนี้

แต่เมื่อเทียบกับอายุขัยของหานเจวี๋ยแล้ว นี่ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ เท่านั้น

ช่วงสิบปีนี้ สิงหงเสวียนไม่ได้กลับมาเลย ผู้อาวุโสชุดเทาที่เรียนรู้วิชายุทธ์พร้อมกับนางได้จากไปแล้ว

มีหุ่นเชิดสวรรค์อยู่ หานเจวี๋ยก็ไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องใดกับนาง

ตั้งแต่สำนักหยกพิสุทธิ์ออกหมายประกาศจับ โจวฝานกับโม่ฟู่โฉวก็ราวกับระเหยเป็นไอน้ำ ไม่ก่อเรื่องอีก

แต่หานเจวี๋ยยังคงเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขาในจดหมายเป็นครั้งคราว

เขาสงสัยแม้กระทั่งว่าสองคนนี้อาจอยู่ด้วยกัน

อย่างไรเสียพวกเขาทั้งสองก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

สมองของหานเจวี๋ยจินตนาการถึงซีรี่ส์สายวายเรื่องหนึ่ง

พระเอกถูกบีบเข้าสู่เส้นทางสายมาร นายเอกทนไม่ไหวจำต้องสละร่างกลายเป็นมารไปด้วยกัน และอยู่คู่กันตราบชั่วนิรันดร์

เวลาว่างจากการฝึกฝน หานเจวี๋ยเปิดดูค่าความสัมพันธ์จนเป็นนิสัย

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญอิสระ]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านสร้างชื่อเสียงในเผ่าปีศาจ มีปีศาจมากกว่าหนึ่งแสนที่อยู่ใต้บัญชาการของเขา]

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นต้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีของราชาปีศาจ] x68

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านกลับสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านบรรลุในบัดดล เข้าใจพลังวิเศษ]

[กวนโยวกังสหายของท่านเกิดมารในใจ เหตุเพราะเกรงกลัวท่าน]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย คร่าชีวิตผู้คนนับล้าน ความชั่วร้ายมหันต์]

……

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

ศิษย์ชั่วร้ายผู้นี้คือดาวตัวซวยจริงๆ!

เพิ่งจากไปไม่กี่สิบปี ก็คร่าชีวิตไปเป็นล้านแล้ว?

อยู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกเสียใจขึ้นมาอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เขาก็ควรให้ซูฉีอยู่ข้างกายหรือไม่

แต่พอเขาครุ่นคิดอีกที หากเก็บไว้ข้างกายก็อาจจะสร้างหายนะให้กับสำนักหยกพิสุทธิ์ได้

จะให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้

สหายเต๋าตายได้ แต่ข้าตายไม่ได้

อีกอย่างสถานะดาวตัวซวยของซูฉีนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่หานเจวี๋ยมอบให้

หากจะโทษก็ต้องโทษวังสวรรค์ ที่ลดขั้นให้เขาลงมาเกิด

ยังมีศิษย์เอกหยางเทียนตงอีก นี่จะไม่กลับมาแล้วใช่หรือไม่

คิดจะเป็นราชาปีศาจตลอดไปเลยหรืออย่างไรกัน

หานเจวี๋ยรู้สึกจนใจ

ศิษย์ของเขาล้วนเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย!

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

ข้อความแจ้งเตือนพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้
“คืนชีพรึ”

หวงจุนเทียนตะลึงงัน จากนั้นความปีติยินดีก็พวยพุ่งเข้าสู่หัวใจ

[หวงจุนเทียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

หานเจวี๋ยมองดูอักขระเหล่านี้ คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย

แค่นี้ก็เกิดความประทับใจแล้ว?

เมื่อครู่หานเจวี๋ยยังลังเลอยู่ว่าจะล้างสมองหวงจุนเทียนอย่างไรดี

เช่นนี้ก็ดี!

ลดปัญหาลงไปได้เยอะ!

หวงจุนเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้ามองหายเจวี๋ย กล่าวว่า “สหายเต๋า…ไม่สิ ผู้อาวุโส หลายสิบปีมานี้ข้าคิดไปมากมาย ข้าไม่เหมาะกับเป็นเจ้าลัทธิเลยจริงๆ หากท่านยอมฟื้นคืนชีพให้ข้า ข้าจะไม่กลับไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณอีกแน่!”

กลับไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ?

คิดอะไรน่ะ!

ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณไม่มีนานแล้ว!

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “ร่างนี้คือร่างของรองเจ้าสำนักเก้ามังกรจากเขตแก่นประจิม เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาโดยแท้ ข้าทำลายจิตเดิมของเขา ปรารถนาให้เจ้าแทนที่เขา ข้าก็ไม่ได้กลัวสำนักเก้ามังกร กลัวแต่เพียงปัญหาที่จะตามมาไม่หยุดหย่อน ข้าก็เหมือนกับเจ้า ล้วนหวังจะตั้งใจฝึกฝน”

ผู้บำเพ็ญระดับสุญตา!

หวงจุนเทียนได้ยินหนังตาก็พลันกระตุกถี่ยิบ

เขาตายอย่างไม่เสียเปล่า!

ในใจของหวงจุนเทียนนึกหวาดหลัวขึ้นมาเต็มเปี่ยม

หานเจวี๋ยกล่าวขึ้นว่า “ข้าประทับตราหวนคืนไว้ในวิญญาณของเจ้าแล้ว หากหลังจากนี้เจ้าทรยศข้า ข้าสามารถบีบเจ้าให้ตายได้ในความคิดเดียว แต่หากเจ้าเชื่อฟังคำสั่งข้า เจ้าวางใจได้ ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิ เจ้าเพียงช่วยข้าควบคุมสำนักเก้ามังกร และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก็พอ”

นี่ก็เป็นเรื่องจริง หลังจากการกักขังวิญญาณมาเป็นเวลาหลายสิบปี วิญญาณของเขาได้ควบคุมหวงจุนเทียนแล้ว

พลังหวนคืนหกวิถีก็ร้ายกาจเช่นนี้!

หานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องแสดงวิชาเวทพิเศษใดๆ เพียงแค่กักขังวิญญาณของศัตรูไว้ในส่วนลึกของวิญญาณตนเอง เมื่อเวลาผ่านไปก็ เขาก็ค่อยๆ มีอิทธิพลเหนือศัตรูได้ทีละน้อย

หวงจุนเทียนรีบร้อนพยักหน้า เอ่ยขึ้นว่า “ข้าสาบาน นับแต่นี้ไปจะไม่เป็นศัตรูกับท่านเด็ดขาด!”

หานเจวี๋ยหยักหน้าลง และตัดพลังวิญญาณทั้งหกสายของตนเองออก

หลังจากนั้นหวงจุนเทียนก็ผสานเข้าไปในกายเนื้อของเว่ยหยวน

การยึดร่างต้องใช้เวลา

อักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ท่านปกป้องสำนักหยกพิสุทธิ์สำเร็จ ได้รับเคล็ดวิชาเวทหนึ่งเล่ม]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับวิชาเผยโฉม]

[วิชาเผยโฉม: การแสดงวิชานี้สามารถบีบให้ฝ่ายตรงข้ามเผยร่างจริงออกมา ใช้ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด]

ไม่เลวนี่!

หานเจวี๋ยไม่ได้สืบทอดในทันที แต่กลับรอให้หวงจุนเทียนยึดร่างให้สำเร็จ

อีกด้านหนึ่ง

ผู้บำเพ็ญทั้งสิบเก้าสำนักยังคงรออยู่ที่นอกสำนัก เจ้าสำนักของพวกเขาต่างไม่ได้จากไป แต่กลับตามหลี่ชิงจื่อเข้าไปในยอดเขาหลัก

การแสดงออกของหานเจวี๋ยช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

เจ้าสำนักทั้งหมดต่างก็ถูกขู่จนขวัญเสีย ไม่กล้าโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์อีก และยิ่งไม่กล้าจากไปในทันที

ศัตรูที่น่ากลัวระดับนี้ หากไม่แก้ไขถึงต้นเหตุ ก็ไม่สามารถที่จะนิ่งนอนใจได้

มาถึงตำหนักใหญ่ของยอดเขาหลัก หลี่ชิงจื่อก็เริ่มตรวจสอบความจริง

ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขา แม้กระทั่งการกล่าววาจากับเขายังต้องระมัดระวัง

จะว่าไปแล้วแดนบำเพ็ญพรตยังคงให้ผู้แข็งแกร่งเป็นผู้มีศักดิ์สูงกว่า

หลังจากแลกเปลี่ยนกันอยู่พักหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ชี้ไปทางหลี่เฉียนหลง

หลี่ชิงจื่อนำหลี่เฉียนหลงที่พิการแล้วออกมา เริ่มเผชิญหน้ากับเขา

มหันตภัยครั้งใหญ่ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่นโดยการลงมือสองครั้งของหานเจวี๋ย

……

เจ็ดวันต่อมา

หวงจุนเทียนยึดร่างสำเร็จ

เขาพลันรู้สึกราวกับฝันไป

ระดับสุญตาที่เขาแสวงหาอย่างยากลำบาก ไร้ผลลัพธ์มาโดยตลอด

กลับคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ ก็กลายเป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาเช่นนี้

นี่นับว่าเป็นทุกขลาภหรือ

[ความประทับใจที่หวงจุนเทียนมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

พอเห็นการแจ้งเตือนเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ยิ้มด้วยความพอใจ มองหวงจุนเทียนเข้าตายิ่งกว่าเดิม

หวงจุนเทียนหายใจเข้าลึกๆ และเดินมาโค้งคารวะตรงหน้าหานเจวี๋ยอย่างนอบน้อม

หานเจวี๋ยกล่าวกำชับขึ้นว่า “เจ้าก็ตรงไปยังเขตแก่นประจิมเถอะ หากไม่รู้จะตบตาอย่างไร ก็พูดให้น้อย ถึงอย่างไรเสียเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา พวกเข้าก็ไม่กล้าที่จะเค้นถามเจ้า”

หวงจุนเทียนพยักหน้ากล่าว “วางใจเถอะ ข้าจะต้องควบคุมสำนักเก้ามังกรได้แน่”

เขาพลิกกายจากไป

เมื่อเดินมาถึงปากถ้ำเทวา เขาพลันหันหน้ามาเอ่ยถามว่า “ต้องการให้ข้าเป็นถึงเจ้าสำนักหรือไม่”

เรื่องชิงตำแหน่งเจ้าสำนักนี้ เขาก็มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด เอ่ยขึ้น “แล้วแต่เจ้าเถิด ข้าไม่บังคับเจ้า เพียงแค่ไม่กระทบข้ากับสำนักหยกพิสุทธิ์ก็พอ เจ้าสามารถพัฒนาได้ตามใจ”

หวงจุนเทียนไต่ถามต่อ “ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไร ฉายาทางเต๋าของท่านคืออะไร”

ผู้อาวุโสสังหารเทพเป็นเพียงตำแหน่ง ไม่ใช่ฉายาทางเต๋าของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “วัฏจักร”

วัฏจักร!

ฉายาเต๋านี้ความหมายลึกล้ำยิ่งนัก!

หวงจุนเทียนเผยยิ้มออกมา ก่อนคารวะอีกครั้ง

หลังจากที่เขาไปแล้ว หานเจวี๋ยถึงได้เริ่มสืบทอดวิชาเผยโฉม

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น

เกิดเรื่องสั่นสะเทือนในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน สำนักหยกพิสุทธิ์ประกาศจับโจวฝานและโม่ฟู่โฉว เตรียมที่จะจับตัวพวกเขามา สายหลักและสายมารร่วมมือกันขับไล่ตระกูลเว่ย

บรรดาผู้บำเพ็ญอิสระต่างก็รู้สึกงุนงง แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

ตระกูลเว่ยนอกจากจะมีสายสัมพันธ์กว้างขวางแล้ว กำลังของตัวเองกลับไม่ได้แข็งแกร่งแต่อย่างใด เพียงไม่นานก็พาลูกเด็กเล็กแดงคนเฒ่าคนชราทั้งตระกูลหนีไปจากแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน

แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

หลี่ชิงจื่อได้แสดงท่าทีต่อสำนักต่างๆ ว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะประกาศศักดาเป็นใหญ่ เพียงต้องการฝึกฝนอย่างสันติ ขณะเดียวกันหวังว่าแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียว ไม่ต้องการให้สำนักในแดนบำเพ็ญพรตอื่นเข้าฉกฉวยโอกาสได้

พลังอันร้ายกาจของหานเจวี๋ยได้เป็นที่ประจักษ์ และข้อเสนอของหลี่ชิงจื่อนั้นก็เป็นสิ่งที่แต่ละสำนักต้องการมาโดยตลอด

สู้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องสู้ถึงจะดีที่สุด!

……

เวลาสิบปีผ่านไปในพริบตา

หานเจวี๋ยบรรลุระดับสุญตาขั้นสามแล้ว

ระดับสุญตาไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้จริงๆ ขั้นเล็กๆ ในช่วงแรกยังต้องใช้เวลานานถึงขนาดนี้

แต่เมื่อเทียบกับอายุขัยของหานเจวี๋ยแล้ว นี่ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ เท่านั้น

ช่วงสิบปีนี้ สิงหงเสวียนไม่ได้กลับมาเลย ผู้อาวุโสชุดเทาที่เรียนรู้วิชายุทธ์พร้อมกับนางได้จากไปแล้ว

มีหุ่นเชิดสวรรค์อยู่ หานเจวี๋ยก็ไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องใดกับนาง

ตั้งแต่สำนักหยกพิสุทธิ์ออกหมายประกาศจับ โจวฝานกับโม่ฟู่โฉวก็ราวกับระเหยเป็นไอน้ำ ไม่ก่อเรื่องอีก

แต่หานเจวี๋ยยังคงเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขาในจดหมายเป็นครั้งคราว

เขาสงสัยแม้กระทั่งว่าสองคนนี้อาจอยู่ด้วยกัน

อย่างไรเสียพวกเขาทั้งสองก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

สมองของหานเจวี๋ยจินตนาการถึงซีรี่ส์สายวายเรื่องหนึ่ง

พระเอกถูกบีบเข้าสู่เส้นทางสายมาร นายเอกทนไม่ไหวจำต้องสละร่างกลายเป็นมารไปด้วยกัน และอยู่คู่กันตราบชั่วนิรันดร์

เวลาว่างจากการฝึกฝน หานเจวี๋ยเปิดดูค่าความสัมพันธ์จนเป็นนิสัย

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญอิสระ]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านสร้างชื่อเสียงในเผ่าปีศาจ มีปีศาจมากกว่าหนึ่งแสนที่อยู่ใต้บัญชาการของเขา]

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นต้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีของราชาปีศาจ] x68

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านกลับสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านบรรลุในบัดดล เข้าใจพลังวิเศษ]

[กวนโยวกังสหายของท่านเกิดมารในใจ เหตุเพราะเกรงกลัวท่าน]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย คร่าชีวิตผู้คนนับล้าน ความชั่วร้ายมหันต์]

……

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

ศิษย์ชั่วร้ายผู้นี้คือดาวตัวซวยจริงๆ!

เพิ่งจากไปไม่กี่สิบปี ก็คร่าชีวิตไปเป็นล้านแล้ว?

อยู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกเสียใจขึ้นมาอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เขาก็ควรให้ซูฉีอยู่ข้างกายหรือไม่

แต่พอเขาครุ่นคิดอีกที หากเก็บไว้ข้างกายก็อาจจะสร้างหายนะให้กับสำนักหยกพิสุทธิ์ได้

จะให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้

สหายเต๋าตายได้ แต่ข้าตายไม่ได้

อีกอย่างสถานะดาวตัวซวยของซูฉีนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่หานเจวี๋ยมอบให้

หากจะโทษก็ต้องโทษวังสวรรค์ ที่ลดขั้นให้เขาลงมาเกิด

ยังมีศิษย์เอกหยางเทียนตงอีก นี่จะไม่กลับมาแล้วใช่หรือไม่

คิดจะเป็นราชาปีศาจตลอดไปเลยหรืออย่างไรกัน

หานเจวี๋ยรู้สึกจนใจ

ศิษย์ของเขาล้วนเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย!

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

ข้อความแจ้งเตือนพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 66 ระดับสุญตาขั้นสาม ศิษย์ที่อดห่วงไม่ได้
“คืนชีพรึ”

หวงจุนเทียนตะลึงงัน จากนั้นความปีติยินดีก็พวยพุ่งเข้าสู่หัวใจ

[หวงจุนเทียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

หานเจวี๋ยมองดูอักขระเหล่านี้ คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย

แค่นี้ก็เกิดความประทับใจแล้ว?

เมื่อครู่หานเจวี๋ยยังลังเลอยู่ว่าจะล้างสมองหวงจุนเทียนอย่างไรดี

เช่นนี้ก็ดี!

ลดปัญหาลงไปได้เยอะ!

หวงจุนเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้ามองหายเจวี๋ย กล่าวว่า “สหายเต๋า…ไม่สิ ผู้อาวุโส หลายสิบปีมานี้ข้าคิดไปมากมาย ข้าไม่เหมาะกับเป็นเจ้าลัทธิเลยจริงๆ หากท่านยอมฟื้นคืนชีพให้ข้า ข้าจะไม่กลับไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณอีกแน่!”

กลับไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ?

คิดอะไรน่ะ!

ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณไม่มีนานแล้ว!

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “ร่างนี้คือร่างของรองเจ้าสำนักเก้ามังกรจากเขตแก่นประจิม เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาโดยแท้ ข้าทำลายจิตเดิมของเขา ปรารถนาให้เจ้าแทนที่เขา ข้าก็ไม่ได้กลัวสำนักเก้ามังกร กลัวแต่เพียงปัญหาที่จะตามมาไม่หยุดหย่อน ข้าก็เหมือนกับเจ้า ล้วนหวังจะตั้งใจฝึกฝน”

ผู้บำเพ็ญระดับสุญตา!

หวงจุนเทียนได้ยินหนังตาก็พลันกระตุกถี่ยิบ

เขาตายอย่างไม่เสียเปล่า!

ในใจของหวงจุนเทียนนึกหวาดหลัวขึ้นมาเต็มเปี่ยม

หานเจวี๋ยกล่าวขึ้นว่า “ข้าประทับตราหวนคืนไว้ในวิญญาณของเจ้าแล้ว หากหลังจากนี้เจ้าทรยศข้า ข้าสามารถบีบเจ้าให้ตายได้ในความคิดเดียว แต่หากเจ้าเชื่อฟังคำสั่งข้า เจ้าวางใจได้ ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิ เจ้าเพียงช่วยข้าควบคุมสำนักเก้ามังกร และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก็พอ”

นี่ก็เป็นเรื่องจริง หลังจากการกักขังวิญญาณมาเป็นเวลาหลายสิบปี วิญญาณของเขาได้ควบคุมหวงจุนเทียนแล้ว

พลังหวนคืนหกวิถีก็ร้ายกาจเช่นนี้!

หานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องแสดงวิชาเวทพิเศษใดๆ เพียงแค่กักขังวิญญาณของศัตรูไว้ในส่วนลึกของวิญญาณตนเอง เมื่อเวลาผ่านไปก็ เขาก็ค่อยๆ มีอิทธิพลเหนือศัตรูได้ทีละน้อย

หวงจุนเทียนรีบร้อนพยักหน้า เอ่ยขึ้นว่า “ข้าสาบาน นับแต่นี้ไปจะไม่เป็นศัตรูกับท่านเด็ดขาด!”

หานเจวี๋ยหยักหน้าลง และตัดพลังวิญญาณทั้งหกสายของตนเองออก

หลังจากนั้นหวงจุนเทียนก็ผสานเข้าไปในกายเนื้อของเว่ยหยวน

การยึดร่างต้องใช้เวลา

อักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ท่านปกป้องสำนักหยกพิสุทธิ์สำเร็จ ได้รับเคล็ดวิชาเวทหนึ่งเล่ม]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับวิชาเผยโฉม]

[วิชาเผยโฉม: การแสดงวิชานี้สามารถบีบให้ฝ่ายตรงข้ามเผยร่างจริงออกมา ใช้ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด]

ไม่เลวนี่!

หานเจวี๋ยไม่ได้สืบทอดในทันที แต่กลับรอให้หวงจุนเทียนยึดร่างให้สำเร็จ

อีกด้านหนึ่ง

ผู้บำเพ็ญทั้งสิบเก้าสำนักยังคงรออยู่ที่นอกสำนัก เจ้าสำนักของพวกเขาต่างไม่ได้จากไป แต่กลับตามหลี่ชิงจื่อเข้าไปในยอดเขาหลัก

การแสดงออกของหานเจวี๋ยช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

เจ้าสำนักทั้งหมดต่างก็ถูกขู่จนขวัญเสีย ไม่กล้าโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์อีก และยิ่งไม่กล้าจากไปในทันที

ศัตรูที่น่ากลัวระดับนี้ หากไม่แก้ไขถึงต้นเหตุ ก็ไม่สามารถที่จะนิ่งนอนใจได้

มาถึงตำหนักใหญ่ของยอดเขาหลัก หลี่ชิงจื่อก็เริ่มตรวจสอบความจริง

ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขา แม้กระทั่งการกล่าววาจากับเขายังต้องระมัดระวัง

จะว่าไปแล้วแดนบำเพ็ญพรตยังคงให้ผู้แข็งแกร่งเป็นผู้มีศักดิ์สูงกว่า

หลังจากแลกเปลี่ยนกันอยู่พักหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ชี้ไปทางหลี่เฉียนหลง

หลี่ชิงจื่อนำหลี่เฉียนหลงที่พิการแล้วออกมา เริ่มเผชิญหน้ากับเขา

มหันตภัยครั้งใหญ่ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่นโดยการลงมือสองครั้งของหานเจวี๋ย

……

เจ็ดวันต่อมา

หวงจุนเทียนยึดร่างสำเร็จ

เขาพลันรู้สึกราวกับฝันไป

ระดับสุญตาที่เขาแสวงหาอย่างยากลำบาก ไร้ผลลัพธ์มาโดยตลอด

กลับคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ ก็กลายเป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาเช่นนี้

นี่นับว่าเป็นทุกขลาภหรือ

[ความประทับใจที่หวงจุนเทียนมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

พอเห็นการแจ้งเตือนเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ยิ้มด้วยความพอใจ มองหวงจุนเทียนเข้าตายิ่งกว่าเดิม

หวงจุนเทียนหายใจเข้าลึกๆ และเดินมาโค้งคารวะตรงหน้าหานเจวี๋ยอย่างนอบน้อม

หานเจวี๋ยกล่าวกำชับขึ้นว่า “เจ้าก็ตรงไปยังเขตแก่นประจิมเถอะ หากไม่รู้จะตบตาอย่างไร ก็พูดให้น้อย ถึงอย่างไรเสียเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตา พวกเข้าก็ไม่กล้าที่จะเค้นถามเจ้า”

หวงจุนเทียนพยักหน้ากล่าว “วางใจเถอะ ข้าจะต้องควบคุมสำนักเก้ามังกรได้แน่”

เขาพลิกกายจากไป

เมื่อเดินมาถึงปากถ้ำเทวา เขาพลันหันหน้ามาเอ่ยถามว่า “ต้องการให้ข้าเป็นถึงเจ้าสำนักหรือไม่”

เรื่องชิงตำแหน่งเจ้าสำนักนี้ เขาก็มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด เอ่ยขึ้น “แล้วแต่เจ้าเถิด ข้าไม่บังคับเจ้า เพียงแค่ไม่กระทบข้ากับสำนักหยกพิสุทธิ์ก็พอ เจ้าสามารถพัฒนาได้ตามใจ”

หวงจุนเทียนไต่ถามต่อ “ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไร ฉายาทางเต๋าของท่านคืออะไร”

ผู้อาวุโสสังหารเทพเป็นเพียงตำแหน่ง ไม่ใช่ฉายาทางเต๋าของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “วัฏจักร”

วัฏจักร!

ฉายาเต๋านี้ความหมายลึกล้ำยิ่งนัก!

หวงจุนเทียนเผยยิ้มออกมา ก่อนคารวะอีกครั้ง

หลังจากที่เขาไปแล้ว หานเจวี๋ยถึงได้เริ่มสืบทอดวิชาเผยโฉม

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น

เกิดเรื่องสั่นสะเทือนในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน สำนักหยกพิสุทธิ์ประกาศจับโจวฝานและโม่ฟู่โฉว เตรียมที่จะจับตัวพวกเขามา สายหลักและสายมารร่วมมือกันขับไล่ตระกูลเว่ย

บรรดาผู้บำเพ็ญอิสระต่างก็รู้สึกงุนงง แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

ตระกูลเว่ยนอกจากจะมีสายสัมพันธ์กว้างขวางแล้ว กำลังของตัวเองกลับไม่ได้แข็งแกร่งแต่อย่างใด เพียงไม่นานก็พาลูกเด็กเล็กแดงคนเฒ่าคนชราทั้งตระกูลหนีไปจากแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน

แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

หลี่ชิงจื่อได้แสดงท่าทีต่อสำนักต่างๆ ว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะประกาศศักดาเป็นใหญ่ เพียงต้องการฝึกฝนอย่างสันติ ขณะเดียวกันหวังว่าแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียว ไม่ต้องการให้สำนักในแดนบำเพ็ญพรตอื่นเข้าฉกฉวยโอกาสได้

พลังอันร้ายกาจของหานเจวี๋ยได้เป็นที่ประจักษ์ และข้อเสนอของหลี่ชิงจื่อนั้นก็เป็นสิ่งที่แต่ละสำนักต้องการมาโดยตลอด

สู้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องสู้ถึงจะดีที่สุด!

……

เวลาสิบปีผ่านไปในพริบตา

หานเจวี๋ยบรรลุระดับสุญตาขั้นสามแล้ว

ระดับสุญตาไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้จริงๆ ขั้นเล็กๆ ในช่วงแรกยังต้องใช้เวลานานถึงขนาดนี้

แต่เมื่อเทียบกับอายุขัยของหานเจวี๋ยแล้ว นี่ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ เท่านั้น

ช่วงสิบปีนี้ สิงหงเสวียนไม่ได้กลับมาเลย ผู้อาวุโสชุดเทาที่เรียนรู้วิชายุทธ์พร้อมกับนางได้จากไปแล้ว

มีหุ่นเชิดสวรรค์อยู่ หานเจวี๋ยก็ไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องใดกับนาง

ตั้งแต่สำนักหยกพิสุทธิ์ออกหมายประกาศจับ โจวฝานกับโม่ฟู่โฉวก็ราวกับระเหยเป็นไอน้ำ ไม่ก่อเรื่องอีก

แต่หานเจวี๋ยยังคงเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขาในจดหมายเป็นครั้งคราว

เขาสงสัยแม้กระทั่งว่าสองคนนี้อาจอยู่ด้วยกัน

อย่างไรเสียพวกเขาทั้งสองก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

สมองของหานเจวี๋ยจินตนาการถึงซีรี่ส์สายวายเรื่องหนึ่ง

พระเอกถูกบีบเข้าสู่เส้นทางสายมาร นายเอกทนไม่ไหวจำต้องสละร่างกลายเป็นมารไปด้วยกัน และอยู่คู่กันตราบชั่วนิรันดร์

เวลาว่างจากการฝึกฝน หานเจวี๋ยเปิดดูค่าความสัมพันธ์จนเป็นนิสัย

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญอิสระ]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านสร้างชื่อเสียงในเผ่าปีศาจ มีปีศาจมากกว่าหนึ่งแสนที่อยู่ใต้บัญชาการของเขา]

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นต้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีของราชาปีศาจ] x68

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านกลับสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านบรรลุในบัดดล เข้าใจพลังวิเศษ]

[กวนโยวกังสหายของท่านเกิดมารในใจ เหตุเพราะเกรงกลัวท่าน]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย คร่าชีวิตผู้คนนับล้าน ความชั่วร้ายมหันต์]

……

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

ศิษย์ชั่วร้ายผู้นี้คือดาวตัวซวยจริงๆ!

เพิ่งจากไปไม่กี่สิบปี ก็คร่าชีวิตไปเป็นล้านแล้ว?

อยู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกเสียใจขึ้นมาอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เขาก็ควรให้ซูฉีอยู่ข้างกายหรือไม่

แต่พอเขาครุ่นคิดอีกที หากเก็บไว้ข้างกายก็อาจจะสร้างหายนะให้กับสำนักหยกพิสุทธิ์ได้

จะให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้

สหายเต๋าตายได้ แต่ข้าตายไม่ได้

อีกอย่างสถานะดาวตัวซวยของซูฉีนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่หานเจวี๋ยมอบให้

หากจะโทษก็ต้องโทษวังสวรรค์ ที่ลดขั้นให้เขาลงมาเกิด

ยังมีศิษย์เอกหยางเทียนตงอีก นี่จะไม่กลับมาแล้วใช่หรือไม่

คิดจะเป็นราชาปีศาจตลอดไปเลยหรืออย่างไรกัน

หานเจวี๋ยรู้สึกจนใจ

ศิษย์ของเขาล้วนเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย!

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

ข้อความแจ้งเตือนพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+