ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 303 ยอดสมบัติแรงกุศล งานเฉลิมฉลองจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 303 ยอดสมบัติแรงกุศล งานเฉลิมฉลองจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 303 ยอดสมบัติแรงกุศล งานเฉลิมฉลองจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

หลังจากที่เจียงอี้ถูกไล่ออกมา การต่อสู้ก็ยังไม่สิ้นสุดลง หากแต่ยิ่งน่าตื่นเต้นมากกว่าเดิม

เหล่าผู้แข็งแกร่งจากทุกสารทิศทยอยกันลงมือทีละคน รวมไปถึงจี้เซียนเสินด้วย แต่ละคนต่างพากันล้อมโจมตีบุรุษร่างใหญ่ของเผ่าจอมเวท

มือซ้ายของบุรุษร่างใหญ่ของเผ่าจอมเวทถือเจดีย์บรรพชนจอมเวทเอาไว้ ต่อสู้ด้วยหมัดขวาข้างเดียว มาเท่าไร เขาก็ต่อยออกไปเท่านั้น

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะยั้งแรงไว้ แม้จะเป็นเซียนลึกล้ำไท่อี่ แต่เขาก็ไม่ได้ต่อยอีกฝ่ายจนตาย

หานเจวี๋ยสบโอกาส แปลงกายให้เหมือนกับรูปร่างหน้าตาของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต บุกเข้าไปสังหารบุรุษร่างใหญ่ของเผ่าจอมเวททันที

ภายใต้การปกปิดของระบบ กลิ่นอายพลังของเขายังคงเป็นเซียนแท้ไท่อี่อยู่ตลอด บุรุษร่างใหญ่ของเผ่าจอมเวทก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา

เมื่อเผชิญหน้ากับหานเจวี๋ย บุรุษร่างใหญ่เผ่าจอมเวทซัดหมัดต่อยออกไป

ทว่า!

หานเจวี๋ยพลันหายตัวไปในทันที วาบไปปรากฏที่ข้างกายของบุรุษร่างใหญ่เผ่าจอมเวท และฟันกระบี่ออกไป

ยอดปราณกระบี่!

ปราณกระบี่กระแทกเข้ากับบุรุษร่างใหญ่เผ่าจอมเวทจนกระอักเลือดลอยกระเด็นออกไปในทันที หานเจวี๋ยตวัดแขนเสื้อนำเจดีย์บรรพชนจอมเวทออกไป จากนั้นค่อยใช้พลังวิเศษทยานออกจากยมโลก

เมื่อบุรุษร่างใหญ่ของเผ่าจอมเวททรงตัวได้มั่น ก็พลันเบิกตากว้าง โกรธจัดจนไม่อาจระบาย

หานเจวี๋ยออมมือแล้ว ไม่เช่นนั้นคงได้ปลิดชีพเขาในฉับพลัน

บุรุษร่างใหญ่เผ่าจอมเวทคำรามออกมาอย่างเดือดดาล โกรธเคืองเป็นอย่างมาก

จี้เซียนเสินตกตะลึง กล่าวพึมพำว่า “เจดีย์บรรพชนจอมเวทถูกแย่งไป?”

ช้าก่อน!

เมื่อครู่คนผู้นั้นก็ไม่ใช่จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตหรอกหรือ

แต่เจ้าหมอนั่นตายไปแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร

แต่จี้เซียนเสินเห็นกับตาตัวเองว่าจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตถูกหานเจวี๋ยปลิดชีพในฉับพลัน แล้วเหตุใดถึงปรากฏกายได้อีก

หรือว่าเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับเขา?

หานเจวี๋ยเคลื่อนกายไปมาในห้วงอากาศว่างเปล่าเป็นเวลาหลายสิบครั้งเต็มๆ ก่อนที่เขาจะกระโดดเข้าสู่ยมโลกในทันที หลบหนีเข้าไปในเกาะสำนักซ่อนเร้น

กระบวนการนี้ฟังดูซับซ้อน แต่ความเป็นจริงแล้วใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น

เมื่อกลับมายังเกาะสำนักซ่อนเร้น มีอาณาเขตเต๋าที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ผู้ทรงพลังของเผ่าจอมเวทคงจะคำนวณไม่พบเจดีย์บรรพชนจอมเวท

อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นพลังจิตของต้าหลัวได้ เผ่าจอมเวทโดดเดี่ยวเพียงลำพัง จะมีการดำรงอยู่ของต้าหลัวอีกได้อย่างไรกัน

หานเจวี๋ยมาถึงเบื้องหน้าของถูหลิงเอ๋อร์ นำเจดีย์บรรพชนจอมเวทออกมา

ทันใดนั้น เจดีย์บรรพชนจอมเวทก็เปล่งประกายแสงออกมา สาดลงบนร่างของถูหลิงเอ๋อร์ ถูหลิงเอ๋อร์ที่กำลังนอนขุดคู้อยู่ก็หยุดลง หลังจากนั้นก็เหินทะยานขึ้น ถูกดูดเข้าไปภายในตัวเจดีย์บรรพชนจอมเวททันที

ผู้คนต่างประหลาดใจ

จอมปีศาจคุกรัตติกาลประชิดเข้าใกล้ เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “หรือนี่ก็คือเจดีย์บรรพชนจอมเวทยอดสมบัติของเผ่าจอมเวทในตำนาน?”

หานเจวี๋ยเหลือบมองเขาแล้วถามว่า “เจ้ารู้จักที่มาของเจดีย์บรรพชนจอมเวท?”

“อือ ก่อนหน้าที่มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนั้นจะสิ้นสุดลง บรรพชนจอมเวทร่วงโรยทั้งหมด บรรพชนจอมเวทรุ่นหลังที่กลายเป็นวิญญาณกลับชาติมาเกิดได้ส่งคนในเผ่าทั้งหมดเข้าไปในเจดีย์บรรพชนจอมเวท เดิมทีต้องการปกป้องพวกพ้อง แต่มรรคาสวรรค์ไม่อนุญาต ใช้อานุภาพแห่งแรงกุศลไร้ขอบเขตปราบเจดีย์บรรพชนจอมเวท ในเวลานั้นเผ่าจอมเวทล้วนมีแรงกรรมอยู่เต็มตัวไปหมด เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกุศลของมรรคาสวรรค์ก็ถูกชำระล้างในทันที ล้วนตัวตายมรรคผลสลายไปทั้งหมด และเจดีย์บรรพชนจอมเวทเองก็กลายเป็นยอดสมบัติแรงกุศลในเวลาต่อมา”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวอย่างทอดถอน สำหรับเขาตำนานเล่าขานนี้ก็เก่าแก่มากอย่างไร้ที่เปรียบ นานแสนนานจนกระทั่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจดีย์นี้ควรจะเป็นสุสานของเผ่าจอมเวท เหตุใดถึงกลายเป็นยอดสมบัติของเผ่าจอมเวทได้”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลตอบว่า “แม้เผ่าจอมเวทจะตายในเจดีย์บรรพชนจอมเวท แต่เผ่าจอมเวทสามารถพึ่งพาเจดีย์บรรพชนจอมเวทเพื่อยกระดับสายเลือดของจอมเวท แม้กระทั่งย้อนไปถึงบรรพบุรุษ เผ่าจอมเวทที่เหลือรอดต่อมาจนถึงปัจจุบันล้วนแต่เป็นเลือดผสมระหว่างเผ่าจอมเวทในสมัยโบราณกับเผ่ามนุษย์ ไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

หานเจวี๋ยยิ่งสับสนมากกว่าเดิม

สมบัติเช่นนี้ เผ่าจอมเวทปล่อยมันออกมาได้อย่างไรกัน

หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบกล่องจดหมายในทันที

เป็นไปตามคาด เขาพบจดหมายฉบับหนึ่ง

[ยายเมิ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่ได้ผู้ทรงพลังจากยมโลกช่วยเหลือไว้]

ท่านยายเมิ่งได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว!

ครั้งนี้ถูกโจมตีจากจักรพรรดิเซียน ดูท่าวังปีศาจกำลังจับตาดูเผ่าจอมเวทอยู่

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

คนอื่นๆ กำลังล้อมรอบเจดีย์บรรพชนจอมเวท พากันชี้มือชี้ไม้พยักพเยิด

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

เสียงของถูหลิงเอ๋อร์ลอยออกมาจากด้านในเจดีย์บรรพชนจอมเวท “อาจารย์ ข้าไม่เป็นไร สมบัติชิ้นนี้ยอมรับข้าเป็นเจ้าของแล้ว ข้า…ละอายใจต่อท่าน…รอกระทั่งข้าออกมาแล้ว ท่านก็รับกลับไปเถิดเจ้าค่ะ”

หานเจวี๋ยยิ้มและเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร สมบัตินี้เป็นของพวกเจ้าเผ่าจอมเวท มันเป็นของเจ้า”

เขาก็ไม่คิดอยากได้สมบัติชิ้นนี้ เลี่ยงไม่ให้พัวพันกับผลกรรมใหญ่หลวง

“เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายสู่ภายนอก เข้าใจหรือไม่” หานเจวี๋ยกล่าวกำชับ

โจวหมิงเยวี่ยแบมือกล่าว “พวกเราก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกอยู่แล้ว คิดอยากแพร่งพรายก็ไร้โอกาส”

ผัวะ!

ฉู่ซื่อเหรินตบเข้าที่ศีรษะของเขาทีหนึ่ง แทบทำให้เขาหน้าคะมำไปกับพื้น

“เอ่ยวาจาเช่นนี้กับอาจารย์ปู่ได้อย่างไร!” ฉู่ซื่อเหรินถลึงตาเอ่ย

โจวหมิงเยวี่ยรีบร้อนหันไปขออภัยหานเจวี๋ย จากนั้นก็มองไปทางฉู่ซื่อเหรินอย่างแค้นเคือง

‘เจ้าอาจารย์เส็งเคร็งนี่จะมือไวไปหน่อยแล้ว เห็นชัดๆ ว่าเฝ้ารอโอกาสเช่นนี้มาโดยตลอด!’

หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา จากนั้นก็หันกายกลับไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทาน

นี่เป็นเพียงความสนุกเล็กๆ น้อยๆ หานเจวี๋ยก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจอะไร

เขายกระดับมรรคกระบี่ของตนเองต่อไป หลังจากนั้นครึ่งปี เขาจะกลับไปที่แม่น้ำมรรคกระบี่เพื่อยกระดับมรรคกระบี่ทั้งหมดจนถึงระดับเทพ บรรลุสู่ขีดสูงสุด

หานเจวี๋ยเริ่มทำแบบจำลองการทดสอบ

ต่อสู้กับจุดสูงสุดของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต ปลิดชีพในฉับพลัน!

ต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ ประคองได้เป็นเวลาสามอึดใจ

ต่อสู้กับพุทธะพิชิตชัย ปลิดชีพในฉับพลัน!

ต่อสู้กับจอมปีศาจคุกรัตติกาล ปลิดชีพในฉับพลัน!

ศัตรูคนอื่นๆ ล้วนถูกปลิดชีพในฉับพลันตามๆ กัน!

ในใจของหานเจวี๋ยพลันรู้สึกซึมทื่อขึ้นมาในทันใด

เป็นการยากที่จะได้พบกับการต่อสู้อันดุเดือด จู่ๆ เขาก็พลันคิดถึงจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตขึ้นมาอยู่บ้าง

‘แค่คิดเท่านั้น แต่อย่าให้มีศัตรูเช่นนั้นโผล่ขึ้นมาอีกเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นคงต้องได้หนีอีกรอบแน่’

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์

อายุขัยของเขาขึ้นไปถึงสามร้อยล้านล้านปี สามารถเอาพวกเศษออกมาเล่นสนุกได้

เศษที่ว่านั้นก็คือห้าล้านล้านปี

ห้าล้านล้านปีมากเกินไป หานเจวี๋ยทำใจไม่ได้

เอาออกมาเล่นแค่หมื่นล้านปีแล้วกัน

ไม่เสียหายมากนัก

เขาทะลวงระดับอย่างยากลำบาก อีกทั้งยังช่วยศิษย์แย่งชิงยอดสมบัติมาได้ นำอายุขัยหมื่นล้านปีออกมาฉลองหน่อยจะเป็นไรไป

ยิ่งหานเจวี๋ยครุ่นคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าควรจะเป็นเช่นนี้มากขึ้นเท่านั้น

เขาเพิ่งจะอายุสามพันกว่าปีเท่านั้น หากอยู่ในแดนเซียนยังนับว่าเป็นเด็กหนุ่มเสียด้วยซ้ำ

คนหนุ่มสาวจะต้องมีความกระตือรือร้น และต้องคึกคะนอง

หลังจากนั้นห้าวัน หานเจวี๋ยก็เริ่มผลาญอายุขัย เขาเพิ่มพลังเวทให้มากขึ้นอีก

เขาสาปแช่งไปพลางเรียกดูหน้าต่างค่าสถานะ เมื่อเห็นอายุขัยที่ลดลง ก็รู้สึกจนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

……

วังสวรรค์ ภายในสวนพฤกษศาสตร์

จักรพรรดิสวรรค์และบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์กำลังสนทนาหารือกันอยู่ ในเวลานั้นเอง สีหน้าของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

สมควรตาย!

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกลับมาอีกแล้ว!

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์รีบเคลื่อนย้ายลมปราณ ระงับพลังแห่งคำสาปนี้ในทันที

จักรพรรดิสวรรค์ถามด้วยความประหลาดใจ “บรรพชนพุทธ เจ้าเป็นอะไรไป”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ฝืนยิ้มและกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ศิษย์สำนักพุทธกำลังประสบปัญหา ขอข้าเวลาคิดสักหน่อย ท่านรอสักครู่”

จักรพรรดิพยักหน้า จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาดื่มสุราของตนเอง

ตามเวลาที่ผ่านพ้นไป สีหน้าของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็ยิ่งดูทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ

‘แย่แล้ว! เจ้าแดนต้องห้ามอันธการแผลงฤทธิ์แล้ว!’

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ลอบสบถ เขาถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการปั่นประสาทจริงๆ ด้วย

ก่อนหน้านี้เขาเคยเย้ยหยันจักรพรรดิปีศาจว่ามรรคจิตไม่มั่นคง ทว่าตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจักรพรรดิปีศาจถึงได้บ้าคลั่งเพียงนั้น

ที่แท้พลังแห่งคำสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็รุนแรงมาก ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงการหยั่งเชิงเท่านั้น

เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ถึงกลับทำให้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งเขาถึงเพียงนี้?

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ไม่เข้าใจ

เขาเหลือบสายตามองไปที่จักรพรรดิสวรรค์ ถามว่า “จริงสิ ฝ่าบาท ท่านก็ไม่เคยถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งมาก่อนเลยหรือ”

จักรพรรดิสวรรค์วางจอกสุราลง เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เหตุใดจะไม่เคย ตอนนี้เราก็ไม่กล้าฝึกบำเพ็ญด้วยซ้ำ”

‘อ้อ? เจ้าหมอนี่ก็ถูกสาปอีกแล้วหรือ

มิน่าเล่าสีหน้าถึงได้ย่ำแย่เพียงนี้’

จักรพรรดิสวรรค์ลอบคิดกับตัวเอง

ความจริงแล้วเขาก็ไม่เคยถูกสาปแช่งมาก่อน แต่หากเขาพูดออกไป นั่นก็ชัดเจนว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาจากวังสวรรค์ ง่ายต่อการตกเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มคนนัก

……………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 303 ยอดสมบัติแรงกุศล งานเฉลิมฉลองจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 303 ยอดสมบัติแรงกุศล งานเฉลิมฉลองจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 303 ยอดสมบัติแรงกุศล งานเฉลิมฉลองจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

หลังจากที่เจียงอี้ถูกไล่ออกมา การต่อสู้ก็ยังไม่สิ้นสุดลง หากแต่ยิ่งน่าตื่นเต้นมากกว่าเดิม

เหล่าผู้แข็งแกร่งจากทุกสารทิศทยอยกันลงมือทีละคน รวมไปถึงจี้เซียนเสินด้วย แต่ละคนต่างพากันล้อมโจมตีบุรุษร่างใหญ่ของเผ่าจอมเวท

มือซ้ายของบุรุษร่างใหญ่ของเผ่าจอมเวทถือเจดีย์บรรพชนจอมเวทเอาไว้ ต่อสู้ด้วยหมัดขวาข้างเดียว มาเท่าไร เขาก็ต่อยออกไปเท่านั้น

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะยั้งแรงไว้ แม้จะเป็นเซียนลึกล้ำไท่อี่ แต่เขาก็ไม่ได้ต่อยอีกฝ่ายจนตาย

หานเจวี๋ยสบโอกาส แปลงกายให้เหมือนกับรูปร่างหน้าตาของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต บุกเข้าไปสังหารบุรุษร่างใหญ่ของเผ่าจอมเวททันที

ภายใต้การปกปิดของระบบ กลิ่นอายพลังของเขายังคงเป็นเซียนแท้ไท่อี่อยู่ตลอด บุรุษร่างใหญ่ของเผ่าจอมเวทก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา

เมื่อเผชิญหน้ากับหานเจวี๋ย บุรุษร่างใหญ่เผ่าจอมเวทซัดหมัดต่อยออกไป

ทว่า!

หานเจวี๋ยพลันหายตัวไปในทันที วาบไปปรากฏที่ข้างกายของบุรุษร่างใหญ่เผ่าจอมเวท และฟันกระบี่ออกไป

ยอดปราณกระบี่!

ปราณกระบี่กระแทกเข้ากับบุรุษร่างใหญ่เผ่าจอมเวทจนกระอักเลือดลอยกระเด็นออกไปในทันที หานเจวี๋ยตวัดแขนเสื้อนำเจดีย์บรรพชนจอมเวทออกไป จากนั้นค่อยใช้พลังวิเศษทยานออกจากยมโลก

เมื่อบุรุษร่างใหญ่ของเผ่าจอมเวททรงตัวได้มั่น ก็พลันเบิกตากว้าง โกรธจัดจนไม่อาจระบาย

หานเจวี๋ยออมมือแล้ว ไม่เช่นนั้นคงได้ปลิดชีพเขาในฉับพลัน

บุรุษร่างใหญ่เผ่าจอมเวทคำรามออกมาอย่างเดือดดาล โกรธเคืองเป็นอย่างมาก

จี้เซียนเสินตกตะลึง กล่าวพึมพำว่า “เจดีย์บรรพชนจอมเวทถูกแย่งไป?”

ช้าก่อน!

เมื่อครู่คนผู้นั้นก็ไม่ใช่จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตหรอกหรือ

แต่เจ้าหมอนั่นตายไปแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร

แต่จี้เซียนเสินเห็นกับตาตัวเองว่าจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตถูกหานเจวี๋ยปลิดชีพในฉับพลัน แล้วเหตุใดถึงปรากฏกายได้อีก

หรือว่าเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับเขา?

หานเจวี๋ยเคลื่อนกายไปมาในห้วงอากาศว่างเปล่าเป็นเวลาหลายสิบครั้งเต็มๆ ก่อนที่เขาจะกระโดดเข้าสู่ยมโลกในทันที หลบหนีเข้าไปในเกาะสำนักซ่อนเร้น

กระบวนการนี้ฟังดูซับซ้อน แต่ความเป็นจริงแล้วใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น

เมื่อกลับมายังเกาะสำนักซ่อนเร้น มีอาณาเขตเต๋าที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ผู้ทรงพลังของเผ่าจอมเวทคงจะคำนวณไม่พบเจดีย์บรรพชนจอมเวท

อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นพลังจิตของต้าหลัวได้ เผ่าจอมเวทโดดเดี่ยวเพียงลำพัง จะมีการดำรงอยู่ของต้าหลัวอีกได้อย่างไรกัน

หานเจวี๋ยมาถึงเบื้องหน้าของถูหลิงเอ๋อร์ นำเจดีย์บรรพชนจอมเวทออกมา

ทันใดนั้น เจดีย์บรรพชนจอมเวทก็เปล่งประกายแสงออกมา สาดลงบนร่างของถูหลิงเอ๋อร์ ถูหลิงเอ๋อร์ที่กำลังนอนขุดคู้อยู่ก็หยุดลง หลังจากนั้นก็เหินทะยานขึ้น ถูกดูดเข้าไปภายในตัวเจดีย์บรรพชนจอมเวททันที

ผู้คนต่างประหลาดใจ

จอมปีศาจคุกรัตติกาลประชิดเข้าใกล้ เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “หรือนี่ก็คือเจดีย์บรรพชนจอมเวทยอดสมบัติของเผ่าจอมเวทในตำนาน?”

หานเจวี๋ยเหลือบมองเขาแล้วถามว่า “เจ้ารู้จักที่มาของเจดีย์บรรพชนจอมเวท?”

“อือ ก่อนหน้าที่มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนั้นจะสิ้นสุดลง บรรพชนจอมเวทร่วงโรยทั้งหมด บรรพชนจอมเวทรุ่นหลังที่กลายเป็นวิญญาณกลับชาติมาเกิดได้ส่งคนในเผ่าทั้งหมดเข้าไปในเจดีย์บรรพชนจอมเวท เดิมทีต้องการปกป้องพวกพ้อง แต่มรรคาสวรรค์ไม่อนุญาต ใช้อานุภาพแห่งแรงกุศลไร้ขอบเขตปราบเจดีย์บรรพชนจอมเวท ในเวลานั้นเผ่าจอมเวทล้วนมีแรงกรรมอยู่เต็มตัวไปหมด เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกุศลของมรรคาสวรรค์ก็ถูกชำระล้างในทันที ล้วนตัวตายมรรคผลสลายไปทั้งหมด และเจดีย์บรรพชนจอมเวทเองก็กลายเป็นยอดสมบัติแรงกุศลในเวลาต่อมา”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวอย่างทอดถอน สำหรับเขาตำนานเล่าขานนี้ก็เก่าแก่มากอย่างไร้ที่เปรียบ นานแสนนานจนกระทั่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจดีย์นี้ควรจะเป็นสุสานของเผ่าจอมเวท เหตุใดถึงกลายเป็นยอดสมบัติของเผ่าจอมเวทได้”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลตอบว่า “แม้เผ่าจอมเวทจะตายในเจดีย์บรรพชนจอมเวท แต่เผ่าจอมเวทสามารถพึ่งพาเจดีย์บรรพชนจอมเวทเพื่อยกระดับสายเลือดของจอมเวท แม้กระทั่งย้อนไปถึงบรรพบุรุษ เผ่าจอมเวทที่เหลือรอดต่อมาจนถึงปัจจุบันล้วนแต่เป็นเลือดผสมระหว่างเผ่าจอมเวทในสมัยโบราณกับเผ่ามนุษย์ ไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

หานเจวี๋ยยิ่งสับสนมากกว่าเดิม

สมบัติเช่นนี้ เผ่าจอมเวทปล่อยมันออกมาได้อย่างไรกัน

หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบกล่องจดหมายในทันที

เป็นไปตามคาด เขาพบจดหมายฉบับหนึ่ง

[ยายเมิ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่ได้ผู้ทรงพลังจากยมโลกช่วยเหลือไว้]

ท่านยายเมิ่งได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว!

ครั้งนี้ถูกโจมตีจากจักรพรรดิเซียน ดูท่าวังปีศาจกำลังจับตาดูเผ่าจอมเวทอยู่

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

คนอื่นๆ กำลังล้อมรอบเจดีย์บรรพชนจอมเวท พากันชี้มือชี้ไม้พยักพเยิด

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

เสียงของถูหลิงเอ๋อร์ลอยออกมาจากด้านในเจดีย์บรรพชนจอมเวท “อาจารย์ ข้าไม่เป็นไร สมบัติชิ้นนี้ยอมรับข้าเป็นเจ้าของแล้ว ข้า…ละอายใจต่อท่าน…รอกระทั่งข้าออกมาแล้ว ท่านก็รับกลับไปเถิดเจ้าค่ะ”

หานเจวี๋ยยิ้มและเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร สมบัตินี้เป็นของพวกเจ้าเผ่าจอมเวท มันเป็นของเจ้า”

เขาก็ไม่คิดอยากได้สมบัติชิ้นนี้ เลี่ยงไม่ให้พัวพันกับผลกรรมใหญ่หลวง

“เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายสู่ภายนอก เข้าใจหรือไม่” หานเจวี๋ยกล่าวกำชับ

โจวหมิงเยวี่ยแบมือกล่าว “พวกเราก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกอยู่แล้ว คิดอยากแพร่งพรายก็ไร้โอกาส”

ผัวะ!

ฉู่ซื่อเหรินตบเข้าที่ศีรษะของเขาทีหนึ่ง แทบทำให้เขาหน้าคะมำไปกับพื้น

“เอ่ยวาจาเช่นนี้กับอาจารย์ปู่ได้อย่างไร!” ฉู่ซื่อเหรินถลึงตาเอ่ย

โจวหมิงเยวี่ยรีบร้อนหันไปขออภัยหานเจวี๋ย จากนั้นก็มองไปทางฉู่ซื่อเหรินอย่างแค้นเคือง

‘เจ้าอาจารย์เส็งเคร็งนี่จะมือไวไปหน่อยแล้ว เห็นชัดๆ ว่าเฝ้ารอโอกาสเช่นนี้มาโดยตลอด!’

หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา จากนั้นก็หันกายกลับไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทาน

นี่เป็นเพียงความสนุกเล็กๆ น้อยๆ หานเจวี๋ยก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจอะไร

เขายกระดับมรรคกระบี่ของตนเองต่อไป หลังจากนั้นครึ่งปี เขาจะกลับไปที่แม่น้ำมรรคกระบี่เพื่อยกระดับมรรคกระบี่ทั้งหมดจนถึงระดับเทพ บรรลุสู่ขีดสูงสุด

หานเจวี๋ยเริ่มทำแบบจำลองการทดสอบ

ต่อสู้กับจุดสูงสุดของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต ปลิดชีพในฉับพลัน!

ต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ ประคองได้เป็นเวลาสามอึดใจ

ต่อสู้กับพุทธะพิชิตชัย ปลิดชีพในฉับพลัน!

ต่อสู้กับจอมปีศาจคุกรัตติกาล ปลิดชีพในฉับพลัน!

ศัตรูคนอื่นๆ ล้วนถูกปลิดชีพในฉับพลันตามๆ กัน!

ในใจของหานเจวี๋ยพลันรู้สึกซึมทื่อขึ้นมาในทันใด

เป็นการยากที่จะได้พบกับการต่อสู้อันดุเดือด จู่ๆ เขาก็พลันคิดถึงจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตขึ้นมาอยู่บ้าง

‘แค่คิดเท่านั้น แต่อย่าให้มีศัตรูเช่นนั้นโผล่ขึ้นมาอีกเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นคงต้องได้หนีอีกรอบแน่’

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์

อายุขัยของเขาขึ้นไปถึงสามร้อยล้านล้านปี สามารถเอาพวกเศษออกมาเล่นสนุกได้

เศษที่ว่านั้นก็คือห้าล้านล้านปี

ห้าล้านล้านปีมากเกินไป หานเจวี๋ยทำใจไม่ได้

เอาออกมาเล่นแค่หมื่นล้านปีแล้วกัน

ไม่เสียหายมากนัก

เขาทะลวงระดับอย่างยากลำบาก อีกทั้งยังช่วยศิษย์แย่งชิงยอดสมบัติมาได้ นำอายุขัยหมื่นล้านปีออกมาฉลองหน่อยจะเป็นไรไป

ยิ่งหานเจวี๋ยครุ่นคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าควรจะเป็นเช่นนี้มากขึ้นเท่านั้น

เขาเพิ่งจะอายุสามพันกว่าปีเท่านั้น หากอยู่ในแดนเซียนยังนับว่าเป็นเด็กหนุ่มเสียด้วยซ้ำ

คนหนุ่มสาวจะต้องมีความกระตือรือร้น และต้องคึกคะนอง

หลังจากนั้นห้าวัน หานเจวี๋ยก็เริ่มผลาญอายุขัย เขาเพิ่มพลังเวทให้มากขึ้นอีก

เขาสาปแช่งไปพลางเรียกดูหน้าต่างค่าสถานะ เมื่อเห็นอายุขัยที่ลดลง ก็รู้สึกจนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

……

วังสวรรค์ ภายในสวนพฤกษศาสตร์

จักรพรรดิสวรรค์และบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์กำลังสนทนาหารือกันอยู่ ในเวลานั้นเอง สีหน้าของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

สมควรตาย!

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกลับมาอีกแล้ว!

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์รีบเคลื่อนย้ายลมปราณ ระงับพลังแห่งคำสาปนี้ในทันที

จักรพรรดิสวรรค์ถามด้วยความประหลาดใจ “บรรพชนพุทธ เจ้าเป็นอะไรไป”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ฝืนยิ้มและกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ศิษย์สำนักพุทธกำลังประสบปัญหา ขอข้าเวลาคิดสักหน่อย ท่านรอสักครู่”

จักรพรรดิพยักหน้า จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาดื่มสุราของตนเอง

ตามเวลาที่ผ่านพ้นไป สีหน้าของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็ยิ่งดูทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ

‘แย่แล้ว! เจ้าแดนต้องห้ามอันธการแผลงฤทธิ์แล้ว!’

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ลอบสบถ เขาถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการปั่นประสาทจริงๆ ด้วย

ก่อนหน้านี้เขาเคยเย้ยหยันจักรพรรดิปีศาจว่ามรรคจิตไม่มั่นคง ทว่าตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจักรพรรดิปีศาจถึงได้บ้าคลั่งเพียงนั้น

ที่แท้พลังแห่งคำสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็รุนแรงมาก ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงการหยั่งเชิงเท่านั้น

เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ถึงกลับทำให้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งเขาถึงเพียงนี้?

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ไม่เข้าใจ

เขาเหลือบสายตามองไปที่จักรพรรดิสวรรค์ ถามว่า “จริงสิ ฝ่าบาท ท่านก็ไม่เคยถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งมาก่อนเลยหรือ”

จักรพรรดิสวรรค์วางจอกสุราลง เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เหตุใดจะไม่เคย ตอนนี้เราก็ไม่กล้าฝึกบำเพ็ญด้วยซ้ำ”

‘อ้อ? เจ้าหมอนี่ก็ถูกสาปอีกแล้วหรือ

มิน่าเล่าสีหน้าถึงได้ย่ำแย่เพียงนี้’

จักรพรรดิสวรรค์ลอบคิดกับตัวเอง

ความจริงแล้วเขาก็ไม่เคยถูกสาปแช่งมาก่อน แต่หากเขาพูดออกไป นั่นก็ชัดเจนว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาจากวังสวรรค์ ง่ายต่อการตกเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มคนนัก

……………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+