ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 191 ระดับเซียนแท้วัฏจักร ข้ามเวลาท่องหมื่นโลก

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 191 ระดับเซียนแท้วัฏจักร ข้ามเวลาท่องหมื่นโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 191 ระดับเซียนแท้วัฏจักร ข้ามเวลาท่องหมื่นโลก

‘ชำระล้างโลกมนุษย์?’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว นอกจากโลกเมฆาแดง ยังมีโลกมนุษย์อื่นที่เป็นเช่นนี้อีกด้วยหรือ

เขาถ่ายทอดเสียงเอ่ยถาม “หลายปีมานี้ชำระล้างโลกมนุษย์มากเท่าไรแล้ว”

ยายเมิ่งกล่าวตอบว่า “นี่เป็นโลกมนุษย์แห่งที่สิบ”

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

‘สรรพชีวิตสิบโลกเชียวนะ!

จักรพรรดิสวรรค์ช่างเหี้ยมได้ใจจริงๆ!’

หานเจวี๋ยตกใจ เขาเกือบให้ความประทับใจต่อจักรพรรดิสวรรค์อย่างเต็มเปี่ยมเพราะความดีที่มีต่อเขาแล้ว

ตอนนี้ดูท่าจักรพรรดิสวรรค์คงจะดีเฉพาะกับเขาเท่านั้น

สิบโลกนั่นไม่มีบุตรแห่งสวรรค์เหมือนเช่นหานเจวี๋ย ทั้งหมดล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านผงธุลี ช่างน่ากลัวจริงๆ

“ข้าสงสัยยิ่งนัก เหตุใดจะต้องชำระล้างโลกมนุษย์ให้ได้ด้วย” หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงเอ่ยถาม

ยายเมิ่งเองก็ไม่ได้ลังเล ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “หากโลกมนุษย์ต้องการอาศัยสายมารมาเพิ่มระดับโชคชะตาทั้งหมด เช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วโลกมนุษย์แบบนี้จะกลายเป็นแดนมาร แม้เผ่ามารจะถอนตัวจากเวทีในการเป็นตัวเอกฟ้าดินแล้ว แต่ตลอดมานั้นจิตอกุศลก็ยังไม่มอดดับ ร้อยปีก่อนก็เคยเรียกมหาเคราะห์ขึ้นครั้งหนึ่ง ทำเอาวังสวรรค์ไม่สามารถกำจัดเผ่ามารได้อย่างสิ้นซาก ทำได้เพียงจำกัดการแพร่ขยายของเผ่ามารเท่านั้น

ที่เจ้ามาหาข้าก็เพราะเรื่องนี้หรือ”

หานเจวี๋ยได้สติกลับมา ถ่ายทอดเสียงกล่าว “ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าเพียงแต่ใคร่รู้ว่าเหตุใดโลกเมฆาแดงถึงได้มีผู้ทรงพลังกลับชาติมาเกิดมากมายขนาดนี้”

ยายเมิ่งกล่าวยิ้มๆ “เจ้าคิดมากไปแล้ว ผู้ทรงพลังของโลกเบื้องบนมีมากดุจขนวัว แต่ละวันก็ไม่รู้ว่ามีผู้ทรงพลังตั้งมากมายเท่าไรที่ดับสิ้น และก็ไม่รู้ว่ามีผู้ทรงพลังตั้งเท่าไรที่โผล่กลับมาจากวัฏจักร พวกผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่ที่อยู่ในโลกเมฆาแดงอันที่จริงก็นับว่าน้อยแล้ว จนถึงตอนนี้ โลกเมฆาแดงมีเพียงจักรพรรดิเซียนไม่กี่ท่านที่กลับชาติมาเกิด ผู้ทรงพลังที่เหนือกว่าจักรพรรดิเซียนมีเพียงคนเดียว เมื่อสามร้อยปีก่อน โลกมนุษย์อื่นยังประสบกับต้าหลัวกลับชาติมาเกิด โชคชะตาทั้งโลกเหินทะยาน สรรพชีวิตต่างดื่มด่ำกับโชคลาภที่ต้าหลัวนำมาให้”

ผู้ทรงพลังที่เหนือกว่าจักรพรรดิเซียนคาดว่าคงเป็นฉู่ซื่อเหรินแล้ว

หานเจวี๋ยตระหนักถึงความเข้าใจผิดของตน

เขาใช้สายตาของโลกมนุษย์ไปอนุมานแดนเซียน บางทีแดนเซียนอาจใหญ่ยิ่งกว่าโลกมนุษย์ทั้งหมดมารวมกันเสียอีก

เซียนทองมากมายดั่งสุนัข เซียนแท้เดินทั่วเมืองจริงๆ หรือ

หานเจวี๋ยลอบสบถออกมา

“หากถูหลิงเอ๋อร์บรรลุถึงระดับมหายานแล้ว อย่าให้นางเข้าร่วมกับวังสวรรค์” ยายเมิ่งถ่ายทอดเสียงบอกหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ไม่เข้าร่วมวังสวรรค์ ก็จะไม่ขึ้นสู่สวรรค์หรือ”

“อืม ด้วยคุณสมบัติของนาง จะต้องถูกวังสวรรค์คัดเลือกเป็นแน่ เว้นแต่คุณสมบัติจะแย่เกินไป ถึงจะถูกสำนักบำเพ็ญเซียนของแดนเซียนเลือกตัวไป”

“ตกลง”

หานเจวี๋ยรับปากอย่างเบิกบาน

แม้เมืองยมบาลจะกลับสู่การปกครองของวังสวรรค์ ชัดเจนว่าท่านยายเมิ่งมีจิตใจที่เห็นแก่ตน ขอเพียงไม่ให้หานเจวี๋ยกับจักรพรรดิสวรรค์เป็นศัตรูกันก็พอแล้ว

หานเจวี๋ยเพียงอยากบำเพ็ญตบะอย่างเป็นสุข

หานเจวี๋ยมองดูกองทัพภูตผีเบื้องหน้าสะพานอนิจจังต่อ ไม่รบกวนยายเมิ่งอีก

ภาพฉากนี้ช่างตระการตาจริงๆ

จู่ๆ สายตาของเขาก็ตกไปบนร่างภูตผีตนหนึ่ง ด้วยตบะเซียนสวรรค์วัฏจักร เพียงแวบเดียวก็มองทะลุอดีตชาติที่ผ่านมาของเขาได้

คนผู้นี้ค่อนข้างคุ้นตาอยู่บ้าง

“ท่านผู้อาวุโส ภูตผีตนนี้ รบกวนให้เขาไปเกิดในภพที่ดีด้วย”

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงบอกยายเมิ่ง ก่อนจะถ่ายทอดกลิ่นอายของภูตผีตนนั้นให้กับยายเมิ่ง

“อืม”

ยายเมิ่งตกปากรับคำในทันที

หานเจวี๋ยมองดูอยู่สักพัก ก่อนหน้าส่ายยิ้มๆ

หกภพก่อนภูตผีตนนั้นมีนามว่าหยางหลัว เคยจัดการธุระนอกสำนักให้กับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ และเป็นเขาที่พาหานเจวี๋ยเข้ามาในสำนัก

พันปีผ่านไป หยางหลัวก็ไม่ใช่หยางหลัวเสียนานแล้ว

ตอนนั้นหานเจวี๋ยลืมช่วยเขาเรื่องโอสภสร้างฐาน ยามนี้ก็ตอบแทนน้ำใจเขาสักครั้ง

ขอให้ชาติหน้าเขาสร้างฐานได้ บรรลุแก่นปราณทอง ปราณก่อกำเนิดจนสำเร็จ แล้วมีชีวิตสุขสบายทั้งชาติในเร็ววัน

เมื่อกลับถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยก็ตรวจสอบพบตำแหน่งของโจวหมิงเยวี่ย

เจ้านี่ก็กำลังคุกเข่าอยู่ที่เชิงเขา

หลังจากมหาเคราะห์เทพเซียนผ่านพ้น กองทัพที่คุกเข่าอยู่ที่เชิงเขายิ่งมีมากมายกว่าในอดีต

โจวหมิงเยวี่ยสวมอาภรณ์ของศิษย์สายในของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ใบหน้าละม้ายคล้ายสตรี ริมฝีปากแดงเรื่อฟันขาวสะอาด โครงหน้าชวนพิศ ดูราวกับหญิงแต่งกายเป็นชายอย่างมาก

แต่เขาเป็นบุรุษผู้หนึ่งอย่างแท้จริง

‘หรือจะรับไว้ดี’

หานเจวี๋ยลังเล

เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว การที่มหาอริยะผิงเทียนกลับชาติมาเกิดที่โลกเมฆาแดง ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่แท้ พวกที่เคยล่วงเกินจักรพรรดิสวรรค์ มีหรือจะไปเกิดใหม่ได้ตามใจอยาก

‘หรือจักรพรรดิสวรรค์จะเป็นคนจัดการ

ไม่สนแล้ว! รับเลยแล้วกัน!’

บ่มเพาะยอดฝีมือเยอะหน่อย หากจักรพรรดิสวรรค์เอ่ยถาม เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เสีย

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขามีระบบ

หานเจวี๋ยตัดสินใจให้ฉู่ซื่อเหรินรับโจวหมิงเยวี่ยเป็นศิษย์

บรรพชนพุทธแย่งศิษย์ ถึงตอนนั้นบรรพชนพุทธโพธิไล่เลียงขึ้นมา ก็ไปหาเรื่องบรรพชนพุทธภควัต

หลังจากหานเจวี๋ยคิดเสร็จก็หลับตาฝึกบำเพ็ญ

‘ลองทดสอบโจวหมิงเยวี่ยดูก่อนหลายสิบปี

หากจิตใจที่อยากกราบไหว้อาจารย์ไม่แน่วแน่พอ ต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์กลับชาติมาเกิด ข้าก็ไม่รับ!’

ยี่สิบปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรขั้นสมบูรณ์ได้สำเร็จ

เขาอดทอดถอนใจไม่ได้ การฝ่าระดับเซียนสวรรค์ล่าช้าพอตัวทีเดียว และในภายภาคหน้าเซียนแท้ เซียนทอง มรรคจักรพรรดิจะยิ่งยาวนานเพียงใดกัน

เขาไม่ได้คิดให้มากความอีก ตั้งมั่นตบะต่อไป

เวลาผ่านไปอีกราวๆ สี่ปี หานเจวี๋ยก็เริ่มทะลวงระดับ

อู้เต้าเจี้ยนถูกเขาไล่ออกมาจากถ้ำเทวา

“นายท่านทะลวงระดับอีกแล้วหรือ” ไก่คุกรัตติกาลเบิกตาไก่กว้างพลางเอ่ยถาม

หากไม่มีใครมาเยี่ยมเยียน หานเจวี๋ยก็จะไม่ไล่อู้เต้าเจี้ยนออกมา

อู้เต้าเจี้ยนแค่นเสียงกล่าว “พักนี้ข้าฝึกบำเพ็ญมรรคกระบี่อย่างหนึ่ง พวกเรามาแลกมือกันเถอะ”

“มาสิ ท่านไก่อย่างข้ากลัวเจ้ารึ”

ไก่คุกรัตติกาลรับคำท้า

‘สู้ไม่ชนะฟางเหลียง มู่หรงฉี่ ก็ยังสู้ไม่ชนะเศษหญ้าอย่างเจ้าด้วยหรือ’

จากนั้น ไก่คุกรัตติกาลก็พ่ายแพ้แล้ว

อีกาทองสองตัวอดหัวเราะเยาะมันไม่ได้ ราชามังกรสามหัวเองก็รู้สึกถึงอันตราย

‘แม้แต่พรสวรรค์ของเจ้าภูตหญ้านี่ก็เก่งกาจเพียงนี้เชียว?

ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องถูกแซงหน้าแน่!’

ฉู่ซื่อเหรินจ้องมองอู้เต้าเจี้ยน ครุ่นคิดใคร่ครวญ

ไม่รู้ด้วยเหตุใด มรรคกระบี่ที่อู้เต้าเจี้ยนร่ายสำแดงทำให้เขางุนงงอย่างบอกไม่ถูก

ครึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะต้นได้สำเร็จ!

พลังเวทพุ่งทะยาน จิตวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลง หานเจวี๋ยเกือบอดคำรามยาวออกมาไม่ได้

‘รู้สึกชะมัด!’

เขารีบตรวจดูหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตัวเอง

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 1,191/ 37,800,531]

[เผ่าพันธุ์: มนุษย์เซียน]

[ตบะ: ระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะต้น]

อายุขัยสามสิบล้านกว่า เกือบถึงสี่ล้านปี!

อะไรกันที่เรียกว่าความรู้สึกปลอดภัย

นี่แหละคือความรู้สึกปลอดภัย!

หานเจวี๋ยหัวเราะอย่างพึงพอใจ

ชีวิตของเขาเพิ่งผ่านช่วงเวลาไปเพียงหนึ่งในสามหมื่นเท่านั้น

ชะตาชีวิตช่างยาวไกลจริงๆ!

[ตรวจสอบพบว่าท่านทะลวงระดับเซียนแท้วัฏจักรแล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ทันที สร้างชื่อเสียงเกรียงไกร จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[สอง ยังไม่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ชั่วคราว อยู่ห่างจากการแก่งแย่งช่วงชิง จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเห็นเช่นนี้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เลือกตัวเลือกที่สองในทันที

‘เพิ่งเป็นเซียนแท้ก็คิดอยากสร้างชื่อระบือแดนเซียนแล้ว?

รนหาที่ตาย!’

จักรพรรดิเซียนยังสังหารจนร่วงหล่นได้ ไม่สิ แม้แต่ต้าหลัวก็ยังไปเกิดใหม่ได้ หานเจวี๋ยก็ไม่กล้าไปอาละวาดแดนเซียนหรอก

[ท่านเลือกยังไม่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ชั่วคราว ได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับยอดสมบัติไท่อี่ชั้นสุดยอด–รองเท้าไอม่วงสะท้อนแสง]

[รองเท้าไอม่วงสะท้อนแสง: ยอดสมบัติไท่อี่ชั้นสุดยอด เพิ่มระดับความเร็วท่าร่าง สามารถข้ามเวลาหมื่นโลกทั่วหล้าได้อย่างง่ายดาย]

‘ไม่เลวเลย!’

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ดีใจเกินไปนัก เขายังไม่อยากข้ามเวลาท่องหมื่นโลกทั่วหล้าในตอนนี้

เขาทำให้ตบะมั่นคงต่อไป

ครึ่งปีต่อมา เขานำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มการเฉลิมฉลอง

หลังจากสาปแช่งศัตรูทั้งหมดไปหนึ่งรอบ เขาจึงหยัดกายเดินออกจากถ้ำเทวาด้วยความพอใจเต็มเปี่ยม

โจวหมิงเยวี่ยยังคุกเข่าอยู่ที่เชิงเขา หานเจวี๋ยจึงให้ฉู่ซื่อเหรินไปรับโจวหมิงเยวี่ย

คนอื่นๆ พลอยได้ยิน หานเจวี๋ยจะรับศิษย์อีกแล้ว!

อยู่ด้วยกันมานานเพียงนี้ พวกเขาล้วนพบว่าคนที่สามารถเข้าตาหานเจวี๋ยได้ล้วนมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งกันทั้งนั้น

‘หรือว่าครั้งนี้…’

อู้เต้าเจี้ยนตื่นเต้นขึ้นมา ภาวนาให้เป็นศิษย์หญิง

……………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 191 ระดับเซียนแท้วัฏจักร ข้ามเวลาท่องหมื่นโลก

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 191 ระดับเซียนแท้วัฏจักร ข้ามเวลาท่องหมื่นโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 191 ระดับเซียนแท้วัฏจักร ข้ามเวลาท่องหมื่นโลก

‘ชำระล้างโลกมนุษย์?’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว นอกจากโลกเมฆาแดง ยังมีโลกมนุษย์อื่นที่เป็นเช่นนี้อีกด้วยหรือ

เขาถ่ายทอดเสียงเอ่ยถาม “หลายปีมานี้ชำระล้างโลกมนุษย์มากเท่าไรแล้ว”

ยายเมิ่งกล่าวตอบว่า “นี่เป็นโลกมนุษย์แห่งที่สิบ”

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

‘สรรพชีวิตสิบโลกเชียวนะ!

จักรพรรดิสวรรค์ช่างเหี้ยมได้ใจจริงๆ!’

หานเจวี๋ยตกใจ เขาเกือบให้ความประทับใจต่อจักรพรรดิสวรรค์อย่างเต็มเปี่ยมเพราะความดีที่มีต่อเขาแล้ว

ตอนนี้ดูท่าจักรพรรดิสวรรค์คงจะดีเฉพาะกับเขาเท่านั้น

สิบโลกนั่นไม่มีบุตรแห่งสวรรค์เหมือนเช่นหานเจวี๋ย ทั้งหมดล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านผงธุลี ช่างน่ากลัวจริงๆ

“ข้าสงสัยยิ่งนัก เหตุใดจะต้องชำระล้างโลกมนุษย์ให้ได้ด้วย” หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงเอ่ยถาม

ยายเมิ่งเองก็ไม่ได้ลังเล ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “หากโลกมนุษย์ต้องการอาศัยสายมารมาเพิ่มระดับโชคชะตาทั้งหมด เช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วโลกมนุษย์แบบนี้จะกลายเป็นแดนมาร แม้เผ่ามารจะถอนตัวจากเวทีในการเป็นตัวเอกฟ้าดินแล้ว แต่ตลอดมานั้นจิตอกุศลก็ยังไม่มอดดับ ร้อยปีก่อนก็เคยเรียกมหาเคราะห์ขึ้นครั้งหนึ่ง ทำเอาวังสวรรค์ไม่สามารถกำจัดเผ่ามารได้อย่างสิ้นซาก ทำได้เพียงจำกัดการแพร่ขยายของเผ่ามารเท่านั้น

ที่เจ้ามาหาข้าก็เพราะเรื่องนี้หรือ”

หานเจวี๋ยได้สติกลับมา ถ่ายทอดเสียงกล่าว “ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าเพียงแต่ใคร่รู้ว่าเหตุใดโลกเมฆาแดงถึงได้มีผู้ทรงพลังกลับชาติมาเกิดมากมายขนาดนี้”

ยายเมิ่งกล่าวยิ้มๆ “เจ้าคิดมากไปแล้ว ผู้ทรงพลังของโลกเบื้องบนมีมากดุจขนวัว แต่ละวันก็ไม่รู้ว่ามีผู้ทรงพลังตั้งมากมายเท่าไรที่ดับสิ้น และก็ไม่รู้ว่ามีผู้ทรงพลังตั้งเท่าไรที่โผล่กลับมาจากวัฏจักร พวกผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่ที่อยู่ในโลกเมฆาแดงอันที่จริงก็นับว่าน้อยแล้ว จนถึงตอนนี้ โลกเมฆาแดงมีเพียงจักรพรรดิเซียนไม่กี่ท่านที่กลับชาติมาเกิด ผู้ทรงพลังที่เหนือกว่าจักรพรรดิเซียนมีเพียงคนเดียว เมื่อสามร้อยปีก่อน โลกมนุษย์อื่นยังประสบกับต้าหลัวกลับชาติมาเกิด โชคชะตาทั้งโลกเหินทะยาน สรรพชีวิตต่างดื่มด่ำกับโชคลาภที่ต้าหลัวนำมาให้”

ผู้ทรงพลังที่เหนือกว่าจักรพรรดิเซียนคาดว่าคงเป็นฉู่ซื่อเหรินแล้ว

หานเจวี๋ยตระหนักถึงความเข้าใจผิดของตน

เขาใช้สายตาของโลกมนุษย์ไปอนุมานแดนเซียน บางทีแดนเซียนอาจใหญ่ยิ่งกว่าโลกมนุษย์ทั้งหมดมารวมกันเสียอีก

เซียนทองมากมายดั่งสุนัข เซียนแท้เดินทั่วเมืองจริงๆ หรือ

หานเจวี๋ยลอบสบถออกมา

“หากถูหลิงเอ๋อร์บรรลุถึงระดับมหายานแล้ว อย่าให้นางเข้าร่วมกับวังสวรรค์” ยายเมิ่งถ่ายทอดเสียงบอกหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ไม่เข้าร่วมวังสวรรค์ ก็จะไม่ขึ้นสู่สวรรค์หรือ”

“อืม ด้วยคุณสมบัติของนาง จะต้องถูกวังสวรรค์คัดเลือกเป็นแน่ เว้นแต่คุณสมบัติจะแย่เกินไป ถึงจะถูกสำนักบำเพ็ญเซียนของแดนเซียนเลือกตัวไป”

“ตกลง”

หานเจวี๋ยรับปากอย่างเบิกบาน

แม้เมืองยมบาลจะกลับสู่การปกครองของวังสวรรค์ ชัดเจนว่าท่านยายเมิ่งมีจิตใจที่เห็นแก่ตน ขอเพียงไม่ให้หานเจวี๋ยกับจักรพรรดิสวรรค์เป็นศัตรูกันก็พอแล้ว

หานเจวี๋ยเพียงอยากบำเพ็ญตบะอย่างเป็นสุข

หานเจวี๋ยมองดูกองทัพภูตผีเบื้องหน้าสะพานอนิจจังต่อ ไม่รบกวนยายเมิ่งอีก

ภาพฉากนี้ช่างตระการตาจริงๆ

จู่ๆ สายตาของเขาก็ตกไปบนร่างภูตผีตนหนึ่ง ด้วยตบะเซียนสวรรค์วัฏจักร เพียงแวบเดียวก็มองทะลุอดีตชาติที่ผ่านมาของเขาได้

คนผู้นี้ค่อนข้างคุ้นตาอยู่บ้าง

“ท่านผู้อาวุโส ภูตผีตนนี้ รบกวนให้เขาไปเกิดในภพที่ดีด้วย”

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงบอกยายเมิ่ง ก่อนจะถ่ายทอดกลิ่นอายของภูตผีตนนั้นให้กับยายเมิ่ง

“อืม”

ยายเมิ่งตกปากรับคำในทันที

หานเจวี๋ยมองดูอยู่สักพัก ก่อนหน้าส่ายยิ้มๆ

หกภพก่อนภูตผีตนนั้นมีนามว่าหยางหลัว เคยจัดการธุระนอกสำนักให้กับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ และเป็นเขาที่พาหานเจวี๋ยเข้ามาในสำนัก

พันปีผ่านไป หยางหลัวก็ไม่ใช่หยางหลัวเสียนานแล้ว

ตอนนั้นหานเจวี๋ยลืมช่วยเขาเรื่องโอสภสร้างฐาน ยามนี้ก็ตอบแทนน้ำใจเขาสักครั้ง

ขอให้ชาติหน้าเขาสร้างฐานได้ บรรลุแก่นปราณทอง ปราณก่อกำเนิดจนสำเร็จ แล้วมีชีวิตสุขสบายทั้งชาติในเร็ววัน

เมื่อกลับถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยก็ตรวจสอบพบตำแหน่งของโจวหมิงเยวี่ย

เจ้านี่ก็กำลังคุกเข่าอยู่ที่เชิงเขา

หลังจากมหาเคราะห์เทพเซียนผ่านพ้น กองทัพที่คุกเข่าอยู่ที่เชิงเขายิ่งมีมากมายกว่าในอดีต

โจวหมิงเยวี่ยสวมอาภรณ์ของศิษย์สายในของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ใบหน้าละม้ายคล้ายสตรี ริมฝีปากแดงเรื่อฟันขาวสะอาด โครงหน้าชวนพิศ ดูราวกับหญิงแต่งกายเป็นชายอย่างมาก

แต่เขาเป็นบุรุษผู้หนึ่งอย่างแท้จริง

‘หรือจะรับไว้ดี’

หานเจวี๋ยลังเล

เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว การที่มหาอริยะผิงเทียนกลับชาติมาเกิดที่โลกเมฆาแดง ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่แท้ พวกที่เคยล่วงเกินจักรพรรดิสวรรค์ มีหรือจะไปเกิดใหม่ได้ตามใจอยาก

‘หรือจักรพรรดิสวรรค์จะเป็นคนจัดการ

ไม่สนแล้ว! รับเลยแล้วกัน!’

บ่มเพาะยอดฝีมือเยอะหน่อย หากจักรพรรดิสวรรค์เอ่ยถาม เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เสีย

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขามีระบบ

หานเจวี๋ยตัดสินใจให้ฉู่ซื่อเหรินรับโจวหมิงเยวี่ยเป็นศิษย์

บรรพชนพุทธแย่งศิษย์ ถึงตอนนั้นบรรพชนพุทธโพธิไล่เลียงขึ้นมา ก็ไปหาเรื่องบรรพชนพุทธภควัต

หลังจากหานเจวี๋ยคิดเสร็จก็หลับตาฝึกบำเพ็ญ

‘ลองทดสอบโจวหมิงเยวี่ยดูก่อนหลายสิบปี

หากจิตใจที่อยากกราบไหว้อาจารย์ไม่แน่วแน่พอ ต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์กลับชาติมาเกิด ข้าก็ไม่รับ!’

ยี่สิบปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรขั้นสมบูรณ์ได้สำเร็จ

เขาอดทอดถอนใจไม่ได้ การฝ่าระดับเซียนสวรรค์ล่าช้าพอตัวทีเดียว และในภายภาคหน้าเซียนแท้ เซียนทอง มรรคจักรพรรดิจะยิ่งยาวนานเพียงใดกัน

เขาไม่ได้คิดให้มากความอีก ตั้งมั่นตบะต่อไป

เวลาผ่านไปอีกราวๆ สี่ปี หานเจวี๋ยก็เริ่มทะลวงระดับ

อู้เต้าเจี้ยนถูกเขาไล่ออกมาจากถ้ำเทวา

“นายท่านทะลวงระดับอีกแล้วหรือ” ไก่คุกรัตติกาลเบิกตาไก่กว้างพลางเอ่ยถาม

หากไม่มีใครมาเยี่ยมเยียน หานเจวี๋ยก็จะไม่ไล่อู้เต้าเจี้ยนออกมา

อู้เต้าเจี้ยนแค่นเสียงกล่าว “พักนี้ข้าฝึกบำเพ็ญมรรคกระบี่อย่างหนึ่ง พวกเรามาแลกมือกันเถอะ”

“มาสิ ท่านไก่อย่างข้ากลัวเจ้ารึ”

ไก่คุกรัตติกาลรับคำท้า

‘สู้ไม่ชนะฟางเหลียง มู่หรงฉี่ ก็ยังสู้ไม่ชนะเศษหญ้าอย่างเจ้าด้วยหรือ’

จากนั้น ไก่คุกรัตติกาลก็พ่ายแพ้แล้ว

อีกาทองสองตัวอดหัวเราะเยาะมันไม่ได้ ราชามังกรสามหัวเองก็รู้สึกถึงอันตราย

‘แม้แต่พรสวรรค์ของเจ้าภูตหญ้านี่ก็เก่งกาจเพียงนี้เชียว?

ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องถูกแซงหน้าแน่!’

ฉู่ซื่อเหรินจ้องมองอู้เต้าเจี้ยน ครุ่นคิดใคร่ครวญ

ไม่รู้ด้วยเหตุใด มรรคกระบี่ที่อู้เต้าเจี้ยนร่ายสำแดงทำให้เขางุนงงอย่างบอกไม่ถูก

ครึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะต้นได้สำเร็จ!

พลังเวทพุ่งทะยาน จิตวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลง หานเจวี๋ยเกือบอดคำรามยาวออกมาไม่ได้

‘รู้สึกชะมัด!’

เขารีบตรวจดูหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตัวเอง

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 1,191/ 37,800,531]

[เผ่าพันธุ์: มนุษย์เซียน]

[ตบะ: ระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะต้น]

อายุขัยสามสิบล้านกว่า เกือบถึงสี่ล้านปี!

อะไรกันที่เรียกว่าความรู้สึกปลอดภัย

นี่แหละคือความรู้สึกปลอดภัย!

หานเจวี๋ยหัวเราะอย่างพึงพอใจ

ชีวิตของเขาเพิ่งผ่านช่วงเวลาไปเพียงหนึ่งในสามหมื่นเท่านั้น

ชะตาชีวิตช่างยาวไกลจริงๆ!

[ตรวจสอบพบว่าท่านทะลวงระดับเซียนแท้วัฏจักรแล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ทันที สร้างชื่อเสียงเกรียงไกร จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[สอง ยังไม่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ชั่วคราว อยู่ห่างจากการแก่งแย่งช่วงชิง จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเห็นเช่นนี้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เลือกตัวเลือกที่สองในทันที

‘เพิ่งเป็นเซียนแท้ก็คิดอยากสร้างชื่อระบือแดนเซียนแล้ว?

รนหาที่ตาย!’

จักรพรรดิเซียนยังสังหารจนร่วงหล่นได้ ไม่สิ แม้แต่ต้าหลัวก็ยังไปเกิดใหม่ได้ หานเจวี๋ยก็ไม่กล้าไปอาละวาดแดนเซียนหรอก

[ท่านเลือกยังไม่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ชั่วคราว ได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับยอดสมบัติไท่อี่ชั้นสุดยอด–รองเท้าไอม่วงสะท้อนแสง]

[รองเท้าไอม่วงสะท้อนแสง: ยอดสมบัติไท่อี่ชั้นสุดยอด เพิ่มระดับความเร็วท่าร่าง สามารถข้ามเวลาหมื่นโลกทั่วหล้าได้อย่างง่ายดาย]

‘ไม่เลวเลย!’

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ดีใจเกินไปนัก เขายังไม่อยากข้ามเวลาท่องหมื่นโลกทั่วหล้าในตอนนี้

เขาทำให้ตบะมั่นคงต่อไป

ครึ่งปีต่อมา เขานำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มการเฉลิมฉลอง

หลังจากสาปแช่งศัตรูทั้งหมดไปหนึ่งรอบ เขาจึงหยัดกายเดินออกจากถ้ำเทวาด้วยความพอใจเต็มเปี่ยม

โจวหมิงเยวี่ยยังคุกเข่าอยู่ที่เชิงเขา หานเจวี๋ยจึงให้ฉู่ซื่อเหรินไปรับโจวหมิงเยวี่ย

คนอื่นๆ พลอยได้ยิน หานเจวี๋ยจะรับศิษย์อีกแล้ว!

อยู่ด้วยกันมานานเพียงนี้ พวกเขาล้วนพบว่าคนที่สามารถเข้าตาหานเจวี๋ยได้ล้วนมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งกันทั้งนั้น

‘หรือว่าครั้งนี้…’

อู้เต้าเจี้ยนตื่นเต้นขึ้นมา ภาวนาให้เป็นศิษย์หญิง

……………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 191 ระดับเซียนแท้วัฏจักร ข้ามเวลาท่องหมื่นโลก

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 191 ระดับเซียนแท้วัฏจักร ข้ามเวลาท่องหมื่นโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 191 ระดับเซียนแท้วัฏจักร ข้ามเวลาท่องหมื่นโลก

‘ชำระล้างโลกมนุษย์?’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว นอกจากโลกเมฆาแดง ยังมีโลกมนุษย์อื่นที่เป็นเช่นนี้อีกด้วยหรือ

เขาถ่ายทอดเสียงเอ่ยถาม “หลายปีมานี้ชำระล้างโลกมนุษย์มากเท่าไรแล้ว”

ยายเมิ่งกล่าวตอบว่า “นี่เป็นโลกมนุษย์แห่งที่สิบ”

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

‘สรรพชีวิตสิบโลกเชียวนะ!

จักรพรรดิสวรรค์ช่างเหี้ยมได้ใจจริงๆ!’

หานเจวี๋ยตกใจ เขาเกือบให้ความประทับใจต่อจักรพรรดิสวรรค์อย่างเต็มเปี่ยมเพราะความดีที่มีต่อเขาแล้ว

ตอนนี้ดูท่าจักรพรรดิสวรรค์คงจะดีเฉพาะกับเขาเท่านั้น

สิบโลกนั่นไม่มีบุตรแห่งสวรรค์เหมือนเช่นหานเจวี๋ย ทั้งหมดล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านผงธุลี ช่างน่ากลัวจริงๆ

“ข้าสงสัยยิ่งนัก เหตุใดจะต้องชำระล้างโลกมนุษย์ให้ได้ด้วย” หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงเอ่ยถาม

ยายเมิ่งเองก็ไม่ได้ลังเล ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “หากโลกมนุษย์ต้องการอาศัยสายมารมาเพิ่มระดับโชคชะตาทั้งหมด เช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วโลกมนุษย์แบบนี้จะกลายเป็นแดนมาร แม้เผ่ามารจะถอนตัวจากเวทีในการเป็นตัวเอกฟ้าดินแล้ว แต่ตลอดมานั้นจิตอกุศลก็ยังไม่มอดดับ ร้อยปีก่อนก็เคยเรียกมหาเคราะห์ขึ้นครั้งหนึ่ง ทำเอาวังสวรรค์ไม่สามารถกำจัดเผ่ามารได้อย่างสิ้นซาก ทำได้เพียงจำกัดการแพร่ขยายของเผ่ามารเท่านั้น

ที่เจ้ามาหาข้าก็เพราะเรื่องนี้หรือ”

หานเจวี๋ยได้สติกลับมา ถ่ายทอดเสียงกล่าว “ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าเพียงแต่ใคร่รู้ว่าเหตุใดโลกเมฆาแดงถึงได้มีผู้ทรงพลังกลับชาติมาเกิดมากมายขนาดนี้”

ยายเมิ่งกล่าวยิ้มๆ “เจ้าคิดมากไปแล้ว ผู้ทรงพลังของโลกเบื้องบนมีมากดุจขนวัว แต่ละวันก็ไม่รู้ว่ามีผู้ทรงพลังตั้งมากมายเท่าไรที่ดับสิ้น และก็ไม่รู้ว่ามีผู้ทรงพลังตั้งเท่าไรที่โผล่กลับมาจากวัฏจักร พวกผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่ที่อยู่ในโลกเมฆาแดงอันที่จริงก็นับว่าน้อยแล้ว จนถึงตอนนี้ โลกเมฆาแดงมีเพียงจักรพรรดิเซียนไม่กี่ท่านที่กลับชาติมาเกิด ผู้ทรงพลังที่เหนือกว่าจักรพรรดิเซียนมีเพียงคนเดียว เมื่อสามร้อยปีก่อน โลกมนุษย์อื่นยังประสบกับต้าหลัวกลับชาติมาเกิด โชคชะตาทั้งโลกเหินทะยาน สรรพชีวิตต่างดื่มด่ำกับโชคลาภที่ต้าหลัวนำมาให้”

ผู้ทรงพลังที่เหนือกว่าจักรพรรดิเซียนคาดว่าคงเป็นฉู่ซื่อเหรินแล้ว

หานเจวี๋ยตระหนักถึงความเข้าใจผิดของตน

เขาใช้สายตาของโลกมนุษย์ไปอนุมานแดนเซียน บางทีแดนเซียนอาจใหญ่ยิ่งกว่าโลกมนุษย์ทั้งหมดมารวมกันเสียอีก

เซียนทองมากมายดั่งสุนัข เซียนแท้เดินทั่วเมืองจริงๆ หรือ

หานเจวี๋ยลอบสบถออกมา

“หากถูหลิงเอ๋อร์บรรลุถึงระดับมหายานแล้ว อย่าให้นางเข้าร่วมกับวังสวรรค์” ยายเมิ่งถ่ายทอดเสียงบอกหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ไม่เข้าร่วมวังสวรรค์ ก็จะไม่ขึ้นสู่สวรรค์หรือ”

“อืม ด้วยคุณสมบัติของนาง จะต้องถูกวังสวรรค์คัดเลือกเป็นแน่ เว้นแต่คุณสมบัติจะแย่เกินไป ถึงจะถูกสำนักบำเพ็ญเซียนของแดนเซียนเลือกตัวไป”

“ตกลง”

หานเจวี๋ยรับปากอย่างเบิกบาน

แม้เมืองยมบาลจะกลับสู่การปกครองของวังสวรรค์ ชัดเจนว่าท่านยายเมิ่งมีจิตใจที่เห็นแก่ตน ขอเพียงไม่ให้หานเจวี๋ยกับจักรพรรดิสวรรค์เป็นศัตรูกันก็พอแล้ว

หานเจวี๋ยเพียงอยากบำเพ็ญตบะอย่างเป็นสุข

หานเจวี๋ยมองดูกองทัพภูตผีเบื้องหน้าสะพานอนิจจังต่อ ไม่รบกวนยายเมิ่งอีก

ภาพฉากนี้ช่างตระการตาจริงๆ

จู่ๆ สายตาของเขาก็ตกไปบนร่างภูตผีตนหนึ่ง ด้วยตบะเซียนสวรรค์วัฏจักร เพียงแวบเดียวก็มองทะลุอดีตชาติที่ผ่านมาของเขาได้

คนผู้นี้ค่อนข้างคุ้นตาอยู่บ้าง

“ท่านผู้อาวุโส ภูตผีตนนี้ รบกวนให้เขาไปเกิดในภพที่ดีด้วย”

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงบอกยายเมิ่ง ก่อนจะถ่ายทอดกลิ่นอายของภูตผีตนนั้นให้กับยายเมิ่ง

“อืม”

ยายเมิ่งตกปากรับคำในทันที

หานเจวี๋ยมองดูอยู่สักพัก ก่อนหน้าส่ายยิ้มๆ

หกภพก่อนภูตผีตนนั้นมีนามว่าหยางหลัว เคยจัดการธุระนอกสำนักให้กับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ และเป็นเขาที่พาหานเจวี๋ยเข้ามาในสำนัก

พันปีผ่านไป หยางหลัวก็ไม่ใช่หยางหลัวเสียนานแล้ว

ตอนนั้นหานเจวี๋ยลืมช่วยเขาเรื่องโอสภสร้างฐาน ยามนี้ก็ตอบแทนน้ำใจเขาสักครั้ง

ขอให้ชาติหน้าเขาสร้างฐานได้ บรรลุแก่นปราณทอง ปราณก่อกำเนิดจนสำเร็จ แล้วมีชีวิตสุขสบายทั้งชาติในเร็ววัน

เมื่อกลับถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยก็ตรวจสอบพบตำแหน่งของโจวหมิงเยวี่ย

เจ้านี่ก็กำลังคุกเข่าอยู่ที่เชิงเขา

หลังจากมหาเคราะห์เทพเซียนผ่านพ้น กองทัพที่คุกเข่าอยู่ที่เชิงเขายิ่งมีมากมายกว่าในอดีต

โจวหมิงเยวี่ยสวมอาภรณ์ของศิษย์สายในของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ใบหน้าละม้ายคล้ายสตรี ริมฝีปากแดงเรื่อฟันขาวสะอาด โครงหน้าชวนพิศ ดูราวกับหญิงแต่งกายเป็นชายอย่างมาก

แต่เขาเป็นบุรุษผู้หนึ่งอย่างแท้จริง

‘หรือจะรับไว้ดี’

หานเจวี๋ยลังเล

เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว การที่มหาอริยะผิงเทียนกลับชาติมาเกิดที่โลกเมฆาแดง ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่แท้ พวกที่เคยล่วงเกินจักรพรรดิสวรรค์ มีหรือจะไปเกิดใหม่ได้ตามใจอยาก

‘หรือจักรพรรดิสวรรค์จะเป็นคนจัดการ

ไม่สนแล้ว! รับเลยแล้วกัน!’

บ่มเพาะยอดฝีมือเยอะหน่อย หากจักรพรรดิสวรรค์เอ่ยถาม เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เสีย

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขามีระบบ

หานเจวี๋ยตัดสินใจให้ฉู่ซื่อเหรินรับโจวหมิงเยวี่ยเป็นศิษย์

บรรพชนพุทธแย่งศิษย์ ถึงตอนนั้นบรรพชนพุทธโพธิไล่เลียงขึ้นมา ก็ไปหาเรื่องบรรพชนพุทธภควัต

หลังจากหานเจวี๋ยคิดเสร็จก็หลับตาฝึกบำเพ็ญ

‘ลองทดสอบโจวหมิงเยวี่ยดูก่อนหลายสิบปี

หากจิตใจที่อยากกราบไหว้อาจารย์ไม่แน่วแน่พอ ต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์กลับชาติมาเกิด ข้าก็ไม่รับ!’

ยี่สิบปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรขั้นสมบูรณ์ได้สำเร็จ

เขาอดทอดถอนใจไม่ได้ การฝ่าระดับเซียนสวรรค์ล่าช้าพอตัวทีเดียว และในภายภาคหน้าเซียนแท้ เซียนทอง มรรคจักรพรรดิจะยิ่งยาวนานเพียงใดกัน

เขาไม่ได้คิดให้มากความอีก ตั้งมั่นตบะต่อไป

เวลาผ่านไปอีกราวๆ สี่ปี หานเจวี๋ยก็เริ่มทะลวงระดับ

อู้เต้าเจี้ยนถูกเขาไล่ออกมาจากถ้ำเทวา

“นายท่านทะลวงระดับอีกแล้วหรือ” ไก่คุกรัตติกาลเบิกตาไก่กว้างพลางเอ่ยถาม

หากไม่มีใครมาเยี่ยมเยียน หานเจวี๋ยก็จะไม่ไล่อู้เต้าเจี้ยนออกมา

อู้เต้าเจี้ยนแค่นเสียงกล่าว “พักนี้ข้าฝึกบำเพ็ญมรรคกระบี่อย่างหนึ่ง พวกเรามาแลกมือกันเถอะ”

“มาสิ ท่านไก่อย่างข้ากลัวเจ้ารึ”

ไก่คุกรัตติกาลรับคำท้า

‘สู้ไม่ชนะฟางเหลียง มู่หรงฉี่ ก็ยังสู้ไม่ชนะเศษหญ้าอย่างเจ้าด้วยหรือ’

จากนั้น ไก่คุกรัตติกาลก็พ่ายแพ้แล้ว

อีกาทองสองตัวอดหัวเราะเยาะมันไม่ได้ ราชามังกรสามหัวเองก็รู้สึกถึงอันตราย

‘แม้แต่พรสวรรค์ของเจ้าภูตหญ้านี่ก็เก่งกาจเพียงนี้เชียว?

ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องถูกแซงหน้าแน่!’

ฉู่ซื่อเหรินจ้องมองอู้เต้าเจี้ยน ครุ่นคิดใคร่ครวญ

ไม่รู้ด้วยเหตุใด มรรคกระบี่ที่อู้เต้าเจี้ยนร่ายสำแดงทำให้เขางุนงงอย่างบอกไม่ถูก

ครึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะต้นได้สำเร็จ!

พลังเวทพุ่งทะยาน จิตวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลง หานเจวี๋ยเกือบอดคำรามยาวออกมาไม่ได้

‘รู้สึกชะมัด!’

เขารีบตรวจดูหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตัวเอง

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 1,191/ 37,800,531]

[เผ่าพันธุ์: มนุษย์เซียน]

[ตบะ: ระดับเซียนแท้วัฏจักรระยะต้น]

อายุขัยสามสิบล้านกว่า เกือบถึงสี่ล้านปี!

อะไรกันที่เรียกว่าความรู้สึกปลอดภัย

นี่แหละคือความรู้สึกปลอดภัย!

หานเจวี๋ยหัวเราะอย่างพึงพอใจ

ชีวิตของเขาเพิ่งผ่านช่วงเวลาไปเพียงหนึ่งในสามหมื่นเท่านั้น

ชะตาชีวิตช่างยาวไกลจริงๆ!

[ตรวจสอบพบว่าท่านทะลวงระดับเซียนแท้วัฏจักรแล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ทันที สร้างชื่อเสียงเกรียงไกร จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[สอง ยังไม่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ชั่วคราว อยู่ห่างจากการแก่งแย่งช่วงชิง จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเห็นเช่นนี้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เลือกตัวเลือกที่สองในทันที

‘เพิ่งเป็นเซียนแท้ก็คิดอยากสร้างชื่อระบือแดนเซียนแล้ว?

รนหาที่ตาย!’

จักรพรรดิเซียนยังสังหารจนร่วงหล่นได้ ไม่สิ แม้แต่ต้าหลัวก็ยังไปเกิดใหม่ได้ หานเจวี๋ยก็ไม่กล้าไปอาละวาดแดนเซียนหรอก

[ท่านเลือกยังไม่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ชั่วคราว ได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับยอดสมบัติไท่อี่ชั้นสุดยอด–รองเท้าไอม่วงสะท้อนแสง]

[รองเท้าไอม่วงสะท้อนแสง: ยอดสมบัติไท่อี่ชั้นสุดยอด เพิ่มระดับความเร็วท่าร่าง สามารถข้ามเวลาหมื่นโลกทั่วหล้าได้อย่างง่ายดาย]

‘ไม่เลวเลย!’

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ดีใจเกินไปนัก เขายังไม่อยากข้ามเวลาท่องหมื่นโลกทั่วหล้าในตอนนี้

เขาทำให้ตบะมั่นคงต่อไป

ครึ่งปีต่อมา เขานำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มการเฉลิมฉลอง

หลังจากสาปแช่งศัตรูทั้งหมดไปหนึ่งรอบ เขาจึงหยัดกายเดินออกจากถ้ำเทวาด้วยความพอใจเต็มเปี่ยม

โจวหมิงเยวี่ยยังคุกเข่าอยู่ที่เชิงเขา หานเจวี๋ยจึงให้ฉู่ซื่อเหรินไปรับโจวหมิงเยวี่ย

คนอื่นๆ พลอยได้ยิน หานเจวี๋ยจะรับศิษย์อีกแล้ว!

อยู่ด้วยกันมานานเพียงนี้ พวกเขาล้วนพบว่าคนที่สามารถเข้าตาหานเจวี๋ยได้ล้วนมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งกันทั้งนั้น

‘หรือว่าครั้งนี้…’

อู้เต้าเจี้ยนตื่นเต้นขึ้นมา ภาวนาให้เป็นศิษย์หญิง

……………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+