ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 216 เทพสงครามฟื้นตื่น จักรพรรดินีปีศาจชิงชิว

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 216 เทพสงครามฟื้นตื่น จักรพรรดินีปีศาจชิงชิว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 216 เทพสงครามฟื้นตื่น จักรพรรดินีปีศาจชิงชิว

หานเจวี๋ยเร่งฝีเท้ามานั่งยองลงตรงหน้ามู่หรงฉี่ เขาใช้พลังจิตตรวจสอบกายเนื้อของมู่หรงฉี่ก่อนเป็นสิ่งแรก

ไม่ได้รับบาดเจ็บ

เช่นนั้นจิตดั้งเดิมก็เกิดปัญหาแล้ว!

เขาส่งพลังจิตเข้าไปในสมองของมู่หรงฉี่ ไม่นานนักเขาก็สอดส่องเห็นภาพที่น่าตกตะลึงภาพหนึ่ง

ฝนเลือดตกติดต่อกันหลายวัน ฟ้าดินมืดสลัว ร่างที่น่าสะพรึงกลัวหลายสิบร่างโรมรันกันกลางอากาศสูงลิ่ว กลิ่นอายที่น่ากลัวทำให้แผ่นดินใหญ่ถล่มทลายไม่หยุดหย่อน สายฟ้าที่นับจำนวนไม่หวาดไม่ไหวเชื่อมประสานฟ้าและดิน ดุจดั่งผืนฟ้าโกลาหลในยุคแรกเริ่ม ทั้งน่าพรั่นพรึงและสยดสยอง

หานเจวี๋ยมองเห็นร่างที่แผ่แสงเทพร่างหนึ่งในนั้น พลานุภาพแข็งแกร่งที่สุด

มือของเขากำทวนแสงสองเล่ม เท้าเหยียบเพลิงปฐพี รอบกายห้อมล้อมด้วยอัสนีสวรรค์ เหนือศีรษะมีกระถางสำริดใหญ่ใบหนึ่ง กำลังดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินทั้งแปดทิศ ก่อให้เกิดพายุคลั่งทำลายล้าง

เทพสงคราม!

แวบแรกที่หานเจวี๋ยมองเห็นเขา ก็นึกถึงคำนี้ทันที

ไม่ว่าศัตรูหลายสิบคนรอบด้านจะล้อมโจมตีอย่างบ้าคลั่งเพียงใด เขายังคงแกร่งกล้าไม่หวั่นไหว อานุภาพสยบศัตรูทั้งปวง

“ด้วยบัญชาแห่งข้า จงฟังมรรคาสวรรค์ ต่อสู้สังหารศัตรู!”

เสียงที่เผด็จการดังขึ้นตามมา สั่นสะท้านจิตใจผู้คน เสมือนเป็นเทพโบราณที่มาจากสายธารประวัติศาสตร์ยุคเริ่มแรก

ชั่วอึดใจเดียว อัสนีนับไม่ถ้วนก็ฟาดเปรี้ยงลงมา ส่องประกายฟ้าดิน แสงจ้าตาจนพลังจิตของหานเจวี๋ยถูกตัดขาด จิตรับรู้กลับคืนสู่โลกความจริงอีกครั้ง

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว จมอยู่ในภวังค์ความคิด

“อาจารย์ อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง” ถูหลิงเอ๋อร์เอ่ยถาม คนอื่นๆ ก็มองมาที่หานเจวี๋ยอย่างตึงเครียดเช่นเดียวกัน

แม้แต่หลงเฮ่าก็ยังประหม่ามาก มู่หรงฉี่ถูกคอกับเขายิ่งนัก ตั้งแต่ฟางเหลียงจากไป ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ถึงแม้จะห่างลำดับอาวุโส แต่มีความรู้สึกฉันพี่น้องที่ดีต่อกัน

สวินฉางอันที่อยู่ข้างกันพลันพูดขึ้นว่า “เขาอาจปลุกความทรงจำของอดีตชาติขึ้นมา มันกำลังผสานรวมเข้าด้วยกัน”

ความรู้สึกเช่นนี้เขาคุ้นเคยเหลือเกิน! เพียงแต่เขาไม่ได้ทุกข์ทรมานมากขนาดมู่หรงฉี่

“หือ? มู่หรงฉี่มีอดีตชาติด้วยหรือ” ราชามังกรสามหัวถามด้วยความประหลาดใจ

ไก่คุกรัตติกาลร้องขึ้นว่า “มิน่าเล่า! ข้ารู้สึกเสมอเลยว่าพรสวรรค์ของเจ้านี่ไร้เหตุผลสิ้นดี! ไม่ว่าท่านไก่จะไล่ตามแค่ไหนก็ตามไม่ทัน!”

ที่แท้มู่หรงฉี่ก็มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ตอนนี้เขายังไม่เป็นอะไร รอให้เขาหายเองแล้วกัน”

คนที่เหลือเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ สงสัยกันว่าอดีตชาติของมู่หรงฉี่จะเป็นสถานะอะไร

ตำนานเรื่องเซียนกลับชาติมาเกิดมีอยู่ไม่น้อยในโลกมนุษย์

หานเจวี๋ยไม่ได้กลับไปที่ถ้ำเทวาเช่นกัน แต่นั่งอยู่ตรงหน้ามู่หรงฉี่และเฝ้ารออย่างอดทน

ผ่านไปสี่วันเต็มกว่ามู่หรงฉี่จะดีขึ้น

เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่มองเห็นคือหานเจวี๋ย

เขามีสีหน้าสับสน ค่อยๆ เปิดปากเอ่ยว่า “อาจารย์ปู่… ”

หานเจวี๋ยพูด “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่นี่จะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป อยู่ที่นี่เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น อยากพูดอะไรก็พูด และไม่จำเป็นต้องกังวลว่าข้าจะทนได้หรือไม่ อันที่จริงทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า ข้าเข้าใจหมดแล้ว”

ม่านตาของมู่หรงฉี่สั่นระริก สภาพจิตใจยิ่งซับซ้อนมากขึ้น

หานเจวี๋ยพูดติดตลกว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์ของเจ้ามีที่มาอย่างไร เขาเป็นโสมวิญญาณบรรพกาลของสำนักพุทธ เคยถูกพุทธาเทพสาปแช่ง ต้องประสบเคราะห์รักระหว่างกลับชาติมาเกิด ลำบากลำเค็ญจนไม่อาจบรรยายได้”

คำพูดดังกล่าวทำให้คนอื่นๆ อดเหลือบตามองไม่ได้

สวินฉางอันมีตัวตนนี้อยู่ด้วยหรือ

มิน่าเล่าเขาถึงได้หลงใหลเชี่ยนเอ๋อร์เหมือนคนบ้า

สวินฉางอันมีสีหน้าท่าทางเยือกเย็น สงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน

ไก่คุกรัตติกาลดีใจ ตะโกนขึ้นว่า “ดูท่าทางข้าจะเป็นหงส์เพลิงจริงๆ! นายท่านไม่ได้โกหกข้า!”

ในเมื่อมู่หรงฉี่และสวินฉางอันต่างมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ เช่นนั้นมันก็ต้องมีเหมือนกัน!

คนที่เหลือก็จินตนาการไปเรื่อยอย่างอดไม่ได้

มีใครบ้างไม่คาดหวังให้ตัวเองมีสถานะในอดีตชาติที่โดดเด่น?

มู่หรงฉี่เอ่ยปาก “อาจารย์ปู่ ในเมื่อท่านรู้ เหตุใดถึงยังรับข้าไว้อีก”

เขาไม่ได้ผ่าเผยฮึกเหิมเช่นเดิมอีกแล้ว ทั้งตัวดูห่อเหี่ยวมากอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ใช่ว่าเจ้าคุกเข่าเพื่อคารวะข้าตั้งนานหลายปีหรือ”

หานเจวี๋ยถามยิ้มๆ สีหน้าท่าทางสบายๆ

มู่หรงฉี่ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวพลางยิ้มขมขื่น “เป็นข้าที่ทำให้อาจารย์ปู่พลอยเดือดร้อนไปด้วย”

หานเจวี๋ยแค่นเสียง “สิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่เจ้าฟังไม่เข้าใจหรือ ถ้าเจ้ายอมรับอาจารย์ปู่อย่างข้าคนนี้หนึ่งวัน ข้าก็จะปกป้องเจ้าหนึ่งวัน ต่อให้เป็นวังเทพข้าก็ไม่กลัว แค่ตั้งใจฝึกบำเพ็ญอยู่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน รอให้เจ้ามีทุนในการแก้แค้นก่อนค่อยบุกสังหารกลับไป”

“แต่ว่า…”

“แต่อะไร เจ้าคิดว่าข้าเหมือนมดปลวกตัวหนึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าวังเทพหรือ”

“ข้า…”

“ฝึกบำเพ็ญอย่างสงบใจเถอะ ถ้าวังเทพพบเจ้าเข้า ป่านนี้คงมานานแล้ว”

มู่หรงฉี่นิ่งเงียบไป

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างมีเลศนัย “เจ้าอาจเคยเก่งกาจมากในอดีตชาติ แต่อยู่ที่นี่ ตัวตนในชาติก่อนของเจ้าไม่ถือว่าโดดเด่น ยังมีคนที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเจ้า”

มู่หรงฉี่อึ้งค้าง อดมองไปยังคนอื่นๆ ไม่ได้

คนที่เหลือก็มองหน้าสบตากัน

ไก่คุกรัตติกาลพูดอย่างลำพองใจว่า “นั่นเป็นเรื่องปกติ ท่านไก่เป็นถึงหงส์เพลิง ต้นกำเนิดของหงส์เพลิงคืออะไร พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”

หลงเฮ่าเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ศิษย์หลาน เจ้ากลัวอะไร วังเทพแข็งแกร่งมากนักหรือ ข้าคือโอรสจักรพรรดิสวรรค์! รอให้ข้าผงาดขึ้นมาก่อน…อย่างไรภายหน้าก็จะช่วยเจ้าล้างแค้น!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หรงฉี่เผยรอยยิ้ม พูดอย่างทะนงตนว่า “ข้าไม่ได้กลัววังเทพเสียหน่อย ข้าแค่กลัวว่าพวกเจ้าจะเดือดร้อนไปด้วย ไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้าลงมือหรอก วันหน้าข้าจะฉายเดี่ยวบุกสังหารวังเทพ ให้จักรพรรดิเซียนวังเทพดับสูญทั้งหมด!”

หานเจวี๋ยมองสำรวจเขาอย่างถี่ถ้วน รู้สึกว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก

ไม่ได้เปลี่ยนเป็นคนแปลกหน้าโดยสมบูรณ์ บางทีมู่หรงฉี่อาจแค่ได้รับความทรงจำมา นิสัยยังคงเป็นนิสัยในชาตินี้

“อาจารย์ปู่ ความสัมพันธ์ของท่านกับวังสวรรค์เป็นอย่างไรกันแน่” มู่หรงฉี่ถามขึ้นมาทันใด

หานเจวี๋ยกล่าวตอบ “ภายหน้าเจ้าอยากไปวังสวรรค์ก็ย่อมได้ ข้าสามารถคุยให้เจ้าได้”

มู่หรงฉี่เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดนี้

จากนั้นหานเจวี๋ยลุกขึ้นมา และกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

คนทั้งหลายล้อมวงรอบๆ มู่หรงฉี่และเริ่มถามคำถามต่างๆ นานา ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับอดีตของเขา

ทว่ามู่หรงฉี่ไม่ได้เปิดเผย เช่นเดียวกับสวินฉางอันที่ไม่ได้กล่าวถึงอดีตชาติของตน

……

อู้เต้าเจี้ยนตามหานเจวี๋ยเข้าไปในถ้ำเทวา ก่อนเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ “นายท่าน เขามีสถานะอะไรกันแน่ ท่านบอกข้าหน่อยปะไร ข้าจะไม่แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”

หานเจวี๋ยนั่งลงบนตั่ง บอกเรื่องราวของมู่หรงฉี่ที่เขาเข้าใจให้อู้เต้าเจี้ยนฟัง

หลังจากอู้เต้าเจี้ยนได้ยินก็อดตะลึงตาค้างไม่ได้

นางไม่คิดว่าสถานะตัวตนของมู่หรงฉี่จะยิ่งใหญ่ขนาดนี้

น่าตกใจเกินไปแล้วกระมัง!

หานเจวี๋ยพูดอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ห้ามเปิดเผยให้ใครรู้ รวมถึงศิษย์สำนักซ่อนเร้นด้วย”

อู้เต้าเจี้ยนพยักหน้าแรงๆ นางเองก็เข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

[จักรพรรดินีปีศาจชิงชิวเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]

จู่ๆ ก็มีตัวอักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ย เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ รีบตรวจดูค่าความสัมพันธ์ทันที

[จักรพรรดินีปีศาจชิงชิว: ระดับเซียนทองไท่อี่ระยะปลาย หนึ่งในจักรพรรดินีปีศาจแห่งวังปีศาจ มารดาบังเกิดเกล้าของรัชทายาทเทียนเจ๋อ ด้วยทราบว่าท่านสังหารรัชทายาทเทียนเจ๋อ จึงเกิดความเคียดแค้นต่อท่าน ไม่ตายไม่ยอมเลิกรา ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]

คิ้วของหานเจวี๋ยขมวดแน่นกว่าเดิม ผู้ที่ควรมาก็มาแล้ว

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาทันใด จากนั้นเริ่มสาปแช่งจักรพรรดินีปีศาจชิงชิว

หลังจากสาปแช่งเป็นเวลาห้าวัน เขาก็สาปแช่งต่อ ถือโอกาสสาปแช่งศัตรูคนอื่นๆ ไปในตัวด้วย

‘พวกเจ้าน่ะ หากจะโทษก็โทษจักรพรรดินีปีศาจชิงชิวแล้วกัน!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

หลายเดือนต่อมา หานเจวี๋ยยังไม่ทันสาปแช่งเสร็จสิ้น ในป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ก็มีระลอกคลื่นพลังจิตของตี้ไท่ไป๋ลอยออกมา

หานเจวี๋ยเริ่มเชื่อมต่อกับเขา

“ต่อไปอย่าออกจากอาณาเขตของวังสวรรค์” ตี้ไท่ไป๋กล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม

หานเจวี๋ยตอบรับไป

ล้อเล่นน่า เดิมเขาก็ไม่คิดจะออกไปอยู่แล้ว

ตี้ไท่ไป๋ถามว่า “เจ้าไม่สงสัยหรือว่าทำไม”

“ยังต้องถามอีกหรือ ต้องเป็นเพราะรัชทายาทเทียนเจ๋ออยู่แล้ว”

หานเจวี่ยพูดอย่างจนปัญญา คิดว่าตี้ไท่ไป๋สติเลอะเลือนไปแล้วหรือไม่

ตี้ไท่ไป๋ถอนหายใจ “ไม่ใช่แค่นั้น เกิดเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าขึ้นแล้ว”

………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 216 เทพสงครามฟื้นตื่น จักรพรรดินีปีศาจชิงชิว

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 216 เทพสงครามฟื้นตื่น จักรพรรดินีปีศาจชิงชิว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 216 เทพสงครามฟื้นตื่น จักรพรรดินีปีศาจชิงชิว

หานเจวี๋ยเร่งฝีเท้ามานั่งยองลงตรงหน้ามู่หรงฉี่ เขาใช้พลังจิตตรวจสอบกายเนื้อของมู่หรงฉี่ก่อนเป็นสิ่งแรก

ไม่ได้รับบาดเจ็บ

เช่นนั้นจิตดั้งเดิมก็เกิดปัญหาแล้ว!

เขาส่งพลังจิตเข้าไปในสมองของมู่หรงฉี่ ไม่นานนักเขาก็สอดส่องเห็นภาพที่น่าตกตะลึงภาพหนึ่ง

ฝนเลือดตกติดต่อกันหลายวัน ฟ้าดินมืดสลัว ร่างที่น่าสะพรึงกลัวหลายสิบร่างโรมรันกันกลางอากาศสูงลิ่ว กลิ่นอายที่น่ากลัวทำให้แผ่นดินใหญ่ถล่มทลายไม่หยุดหย่อน สายฟ้าที่นับจำนวนไม่หวาดไม่ไหวเชื่อมประสานฟ้าและดิน ดุจดั่งผืนฟ้าโกลาหลในยุคแรกเริ่ม ทั้งน่าพรั่นพรึงและสยดสยอง

หานเจวี๋ยมองเห็นร่างที่แผ่แสงเทพร่างหนึ่งในนั้น พลานุภาพแข็งแกร่งที่สุด

มือของเขากำทวนแสงสองเล่ม เท้าเหยียบเพลิงปฐพี รอบกายห้อมล้อมด้วยอัสนีสวรรค์ เหนือศีรษะมีกระถางสำริดใหญ่ใบหนึ่ง กำลังดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินทั้งแปดทิศ ก่อให้เกิดพายุคลั่งทำลายล้าง

เทพสงคราม!

แวบแรกที่หานเจวี๋ยมองเห็นเขา ก็นึกถึงคำนี้ทันที

ไม่ว่าศัตรูหลายสิบคนรอบด้านจะล้อมโจมตีอย่างบ้าคลั่งเพียงใด เขายังคงแกร่งกล้าไม่หวั่นไหว อานุภาพสยบศัตรูทั้งปวง

“ด้วยบัญชาแห่งข้า จงฟังมรรคาสวรรค์ ต่อสู้สังหารศัตรู!”

เสียงที่เผด็จการดังขึ้นตามมา สั่นสะท้านจิตใจผู้คน เสมือนเป็นเทพโบราณที่มาจากสายธารประวัติศาสตร์ยุคเริ่มแรก

ชั่วอึดใจเดียว อัสนีนับไม่ถ้วนก็ฟาดเปรี้ยงลงมา ส่องประกายฟ้าดิน แสงจ้าตาจนพลังจิตของหานเจวี๋ยถูกตัดขาด จิตรับรู้กลับคืนสู่โลกความจริงอีกครั้ง

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว จมอยู่ในภวังค์ความคิด

“อาจารย์ อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง” ถูหลิงเอ๋อร์เอ่ยถาม คนอื่นๆ ก็มองมาที่หานเจวี๋ยอย่างตึงเครียดเช่นเดียวกัน

แม้แต่หลงเฮ่าก็ยังประหม่ามาก มู่หรงฉี่ถูกคอกับเขายิ่งนัก ตั้งแต่ฟางเหลียงจากไป ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ถึงแม้จะห่างลำดับอาวุโส แต่มีความรู้สึกฉันพี่น้องที่ดีต่อกัน

สวินฉางอันที่อยู่ข้างกันพลันพูดขึ้นว่า “เขาอาจปลุกความทรงจำของอดีตชาติขึ้นมา มันกำลังผสานรวมเข้าด้วยกัน”

ความรู้สึกเช่นนี้เขาคุ้นเคยเหลือเกิน! เพียงแต่เขาไม่ได้ทุกข์ทรมานมากขนาดมู่หรงฉี่

“หือ? มู่หรงฉี่มีอดีตชาติด้วยหรือ” ราชามังกรสามหัวถามด้วยความประหลาดใจ

ไก่คุกรัตติกาลร้องขึ้นว่า “มิน่าเล่า! ข้ารู้สึกเสมอเลยว่าพรสวรรค์ของเจ้านี่ไร้เหตุผลสิ้นดี! ไม่ว่าท่านไก่จะไล่ตามแค่ไหนก็ตามไม่ทัน!”

ที่แท้มู่หรงฉี่ก็มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ตอนนี้เขายังไม่เป็นอะไร รอให้เขาหายเองแล้วกัน”

คนที่เหลือเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ สงสัยกันว่าอดีตชาติของมู่หรงฉี่จะเป็นสถานะอะไร

ตำนานเรื่องเซียนกลับชาติมาเกิดมีอยู่ไม่น้อยในโลกมนุษย์

หานเจวี๋ยไม่ได้กลับไปที่ถ้ำเทวาเช่นกัน แต่นั่งอยู่ตรงหน้ามู่หรงฉี่และเฝ้ารออย่างอดทน

ผ่านไปสี่วันเต็มกว่ามู่หรงฉี่จะดีขึ้น

เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่มองเห็นคือหานเจวี๋ย

เขามีสีหน้าสับสน ค่อยๆ เปิดปากเอ่ยว่า “อาจารย์ปู่… ”

หานเจวี๋ยพูด “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่นี่จะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป อยู่ที่นี่เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น อยากพูดอะไรก็พูด และไม่จำเป็นต้องกังวลว่าข้าจะทนได้หรือไม่ อันที่จริงทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า ข้าเข้าใจหมดแล้ว”

ม่านตาของมู่หรงฉี่สั่นระริก สภาพจิตใจยิ่งซับซ้อนมากขึ้น

หานเจวี๋ยพูดติดตลกว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์ของเจ้ามีที่มาอย่างไร เขาเป็นโสมวิญญาณบรรพกาลของสำนักพุทธ เคยถูกพุทธาเทพสาปแช่ง ต้องประสบเคราะห์รักระหว่างกลับชาติมาเกิด ลำบากลำเค็ญจนไม่อาจบรรยายได้”

คำพูดดังกล่าวทำให้คนอื่นๆ อดเหลือบตามองไม่ได้

สวินฉางอันมีตัวตนนี้อยู่ด้วยหรือ

มิน่าเล่าเขาถึงได้หลงใหลเชี่ยนเอ๋อร์เหมือนคนบ้า

สวินฉางอันมีสีหน้าท่าทางเยือกเย็น สงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน

ไก่คุกรัตติกาลดีใจ ตะโกนขึ้นว่า “ดูท่าทางข้าจะเป็นหงส์เพลิงจริงๆ! นายท่านไม่ได้โกหกข้า!”

ในเมื่อมู่หรงฉี่และสวินฉางอันต่างมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ เช่นนั้นมันก็ต้องมีเหมือนกัน!

คนที่เหลือก็จินตนาการไปเรื่อยอย่างอดไม่ได้

มีใครบ้างไม่คาดหวังให้ตัวเองมีสถานะในอดีตชาติที่โดดเด่น?

มู่หรงฉี่เอ่ยปาก “อาจารย์ปู่ ในเมื่อท่านรู้ เหตุใดถึงยังรับข้าไว้อีก”

เขาไม่ได้ผ่าเผยฮึกเหิมเช่นเดิมอีกแล้ว ทั้งตัวดูห่อเหี่ยวมากอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ใช่ว่าเจ้าคุกเข่าเพื่อคารวะข้าตั้งนานหลายปีหรือ”

หานเจวี๋ยถามยิ้มๆ สีหน้าท่าทางสบายๆ

มู่หรงฉี่ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวพลางยิ้มขมขื่น “เป็นข้าที่ทำให้อาจารย์ปู่พลอยเดือดร้อนไปด้วย”

หานเจวี๋ยแค่นเสียง “สิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่เจ้าฟังไม่เข้าใจหรือ ถ้าเจ้ายอมรับอาจารย์ปู่อย่างข้าคนนี้หนึ่งวัน ข้าก็จะปกป้องเจ้าหนึ่งวัน ต่อให้เป็นวังเทพข้าก็ไม่กลัว แค่ตั้งใจฝึกบำเพ็ญอยู่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน รอให้เจ้ามีทุนในการแก้แค้นก่อนค่อยบุกสังหารกลับไป”

“แต่ว่า…”

“แต่อะไร เจ้าคิดว่าข้าเหมือนมดปลวกตัวหนึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าวังเทพหรือ”

“ข้า…”

“ฝึกบำเพ็ญอย่างสงบใจเถอะ ถ้าวังเทพพบเจ้าเข้า ป่านนี้คงมานานแล้ว”

มู่หรงฉี่นิ่งเงียบไป

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างมีเลศนัย “เจ้าอาจเคยเก่งกาจมากในอดีตชาติ แต่อยู่ที่นี่ ตัวตนในชาติก่อนของเจ้าไม่ถือว่าโดดเด่น ยังมีคนที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเจ้า”

มู่หรงฉี่อึ้งค้าง อดมองไปยังคนอื่นๆ ไม่ได้

คนที่เหลือก็มองหน้าสบตากัน

ไก่คุกรัตติกาลพูดอย่างลำพองใจว่า “นั่นเป็นเรื่องปกติ ท่านไก่เป็นถึงหงส์เพลิง ต้นกำเนิดของหงส์เพลิงคืออะไร พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”

หลงเฮ่าเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ศิษย์หลาน เจ้ากลัวอะไร วังเทพแข็งแกร่งมากนักหรือ ข้าคือโอรสจักรพรรดิสวรรค์! รอให้ข้าผงาดขึ้นมาก่อน…อย่างไรภายหน้าก็จะช่วยเจ้าล้างแค้น!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หรงฉี่เผยรอยยิ้ม พูดอย่างทะนงตนว่า “ข้าไม่ได้กลัววังเทพเสียหน่อย ข้าแค่กลัวว่าพวกเจ้าจะเดือดร้อนไปด้วย ไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้าลงมือหรอก วันหน้าข้าจะฉายเดี่ยวบุกสังหารวังเทพ ให้จักรพรรดิเซียนวังเทพดับสูญทั้งหมด!”

หานเจวี๋ยมองสำรวจเขาอย่างถี่ถ้วน รู้สึกว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก

ไม่ได้เปลี่ยนเป็นคนแปลกหน้าโดยสมบูรณ์ บางทีมู่หรงฉี่อาจแค่ได้รับความทรงจำมา นิสัยยังคงเป็นนิสัยในชาตินี้

“อาจารย์ปู่ ความสัมพันธ์ของท่านกับวังสวรรค์เป็นอย่างไรกันแน่” มู่หรงฉี่ถามขึ้นมาทันใด

หานเจวี๋ยกล่าวตอบ “ภายหน้าเจ้าอยากไปวังสวรรค์ก็ย่อมได้ ข้าสามารถคุยให้เจ้าได้”

มู่หรงฉี่เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดนี้

จากนั้นหานเจวี๋ยลุกขึ้นมา และกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

คนทั้งหลายล้อมวงรอบๆ มู่หรงฉี่และเริ่มถามคำถามต่างๆ นานา ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับอดีตของเขา

ทว่ามู่หรงฉี่ไม่ได้เปิดเผย เช่นเดียวกับสวินฉางอันที่ไม่ได้กล่าวถึงอดีตชาติของตน

……

อู้เต้าเจี้ยนตามหานเจวี๋ยเข้าไปในถ้ำเทวา ก่อนเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ “นายท่าน เขามีสถานะอะไรกันแน่ ท่านบอกข้าหน่อยปะไร ข้าจะไม่แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”

หานเจวี๋ยนั่งลงบนตั่ง บอกเรื่องราวของมู่หรงฉี่ที่เขาเข้าใจให้อู้เต้าเจี้ยนฟัง

หลังจากอู้เต้าเจี้ยนได้ยินก็อดตะลึงตาค้างไม่ได้

นางไม่คิดว่าสถานะตัวตนของมู่หรงฉี่จะยิ่งใหญ่ขนาดนี้

น่าตกใจเกินไปแล้วกระมัง!

หานเจวี๋ยพูดอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ห้ามเปิดเผยให้ใครรู้ รวมถึงศิษย์สำนักซ่อนเร้นด้วย”

อู้เต้าเจี้ยนพยักหน้าแรงๆ นางเองก็เข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

[จักรพรรดินีปีศาจชิงชิวเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]

จู่ๆ ก็มีตัวอักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ย เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ รีบตรวจดูค่าความสัมพันธ์ทันที

[จักรพรรดินีปีศาจชิงชิว: ระดับเซียนทองไท่อี่ระยะปลาย หนึ่งในจักรพรรดินีปีศาจแห่งวังปีศาจ มารดาบังเกิดเกล้าของรัชทายาทเทียนเจ๋อ ด้วยทราบว่าท่านสังหารรัชทายาทเทียนเจ๋อ จึงเกิดความเคียดแค้นต่อท่าน ไม่ตายไม่ยอมเลิกรา ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]

คิ้วของหานเจวี๋ยขมวดแน่นกว่าเดิม ผู้ที่ควรมาก็มาแล้ว

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาทันใด จากนั้นเริ่มสาปแช่งจักรพรรดินีปีศาจชิงชิว

หลังจากสาปแช่งเป็นเวลาห้าวัน เขาก็สาปแช่งต่อ ถือโอกาสสาปแช่งศัตรูคนอื่นๆ ไปในตัวด้วย

‘พวกเจ้าน่ะ หากจะโทษก็โทษจักรพรรดินีปีศาจชิงชิวแล้วกัน!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

หลายเดือนต่อมา หานเจวี๋ยยังไม่ทันสาปแช่งเสร็จสิ้น ในป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ก็มีระลอกคลื่นพลังจิตของตี้ไท่ไป๋ลอยออกมา

หานเจวี๋ยเริ่มเชื่อมต่อกับเขา

“ต่อไปอย่าออกจากอาณาเขตของวังสวรรค์” ตี้ไท่ไป๋กล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม

หานเจวี๋ยตอบรับไป

ล้อเล่นน่า เดิมเขาก็ไม่คิดจะออกไปอยู่แล้ว

ตี้ไท่ไป๋ถามว่า “เจ้าไม่สงสัยหรือว่าทำไม”

“ยังต้องถามอีกหรือ ต้องเป็นเพราะรัชทายาทเทียนเจ๋ออยู่แล้ว”

หานเจวี่ยพูดอย่างจนปัญญา คิดว่าตี้ไท่ไป๋สติเลอะเลือนไปแล้วหรือไม่

ตี้ไท่ไป๋ถอนหายใจ “ไม่ใช่แค่นั้น เกิดเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าขึ้นแล้ว”

………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+