ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า
“ประลองกับสำนักหยกพิสุทธิ์?”

หวงจี๋เฮ่าขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็นว่า “สำนักที่แยกเป็นเอกเทศเช่นนั้นจะไปมีความท้าทายอะไร!”

วาจาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยามดูแคลนสำนักหยกพิสุทธิ์

คนในชุดคลุมกันฝนผู้หนึ่งกล่าวอย่างร้อนรน “เมื่อไม่นานมานี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้อาวุโสสังหารเทพปรากฏตัว สังหารผู้แข็งแกร่งระดับเปลี่ยนวิญญาณได้ในดาบเดียว ความสามารถแข็งแกร่งไม่อาจคาดเดา!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวงจี๋เฮ่าพลันเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้

“ข้าเคยประมือกับเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุด ความสามารถธรรมดา แต่ไม่เคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสสังหารเทพมาก่อน พวกเจ้าอย่ามาหลอกลวงข้า!”

หวงจี๋เฮ่าเอ่ยเสียงเหี้ยม พลังอันน่าสะพรึงกลัวไม่ได้ลดลง ยังคงน่ากลัวอยู่เช่นเดิม

“ไม่กล้าหลอกลวงท่านอย่างแน่นอน!”

“เป็นความจริง ท่านไปไต่ถามได้!”

“ลัทธิมารฟ้ามืดก็ถูกทำลายโดยคนผู้นี้!”

คนในชุดคลุมกันฝนอีกสามคนรีบร้อนเอ่ยสำทับ

พวกเขาสี่คนรวมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวงจี๋เฮ่า จึงเกรงว่าหวงจี๋เฮ่าจะลงมือกับพวกเขา

ดวงตาของหวงจี๋เฮ่าเป็นประกาย เอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าบอกตำแหน่งของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมาก่อน ข้าจะไปท้าปะลองสำนักหยกพิสุทธิ์ หลังจากนั้นจะไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ”

คนในชุดคลุมกันฝนทั้งสี่คนมองหน้าสบตากัน

เพื่อที่จะมีชีวิตรอด ในที่สุดพวกเขาก็ยอมประนีประนอม

หลังจากนั้นไม่นาน หวงจี๋เฮ่าก็จากไป

คนในชุดคลุมกันฝนทั้งสี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ค่อยๆ พากันนั่งลงบนเก้าอี้

“บุรุษผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่” หนึ่งในนั้นพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

อีกคนเอ็ดขึ้นมา “ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือข้ารู้สึกว่าโรงเตี๊ยมนี้มีปัญหา ไหนกล่าวว่าผนังกันเสียงกันจิตอย่างไรเล่า”

ณ สำนักหยกพิสุทธิ์

นับตั้งแต่หลี่ชิงจื่อกลับไป เวลาก็ล่วงเลยไปอีกสองปี

หานเจวี๋ยยังคงอยู่ระดับปราณก่อกำเนิดระดับหก เมื่อมีโอสถของเย่ซานหลางเป็นตัวช่วย ทำให้เขาเข้าใกล้ระดับปราณก่อกำเนิดขั้นเจ็ดเข้ามาทุกที

ไก่คุกรัตติกาลตัวโตขึ้นอีกครึ่งเมตร แต่หานเจวี๋ยทดสอบอายุของกระดูกของมันดูแล้ว ห่างจากคำว่าโตเต็มที่อยู่มากนัก

วันนี้ ฉางเยวี่ยเอ๋อมาเยี่ยมเยือน

หลังจากไม่ได้มานานหลายปี เมื่อเห็นเจ้าไก่คุกรัตติกาลตัวโตขึ้นมากขนาดนี้ นางจึงอดไม่ได้ที่จะเดินไปลูบมัน

“จั๊กจี้…จั๊กจี้…”

ไก่คุกรัตติกาลขัดขืนและถอยหนี

เมื่อได้ยินเสียงร้องอ้อแอ้ของมัน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ยิ่งสนใจมากขึ้นไปอีก

หานเจวี๋ยทนไม่ไหวกล่าวว่า “หยุดลูบได้แล้ว นี่เป็นพาหนะล้ำค่าของข้า หากลูบจนใช้การไม่ได้ ท่านจะชดใช้หรือ”

“เชอะ ชดใช้ก็ชดใช้สิ! ใช้ไก่เป็นพาหนะ เจ้านี่เข้าใจคิดจริงๆ!”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เบ้ปากบอก ถึงจะพูดเช่นนี้แต่ร่างกายก็ยังเชื่อฟังอยู่ดี หันกลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย

นางพิจารณาหานเจวี๋ย ยิ้มกล่าวว่า “ศิษย์น้องหาน ใบหน้าของเจ้าข้ามองทีไรก็รู้สึกประทับจิตประทับใจยิ่งนัก ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเจ้าหน้าตาโดดเด่นเพียงใด”

พ่อแม่?

พวกท่านน่ะหรือ

ธรรมดาเสียไม่มี

หานเจวี๋ยลอบหัวเราะในใจ

ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา หานเจวี๋ยจะนึกถึงพ่อแม่ของเขาในชาตินี้บ้างเป็นครั้งคราว

ผ่านไปร้อยกว่าปีแล้ว หากพวกท่านยังเป็นมนุษย์ คาดว่าจะถูกฝังลงดินไปแล้ว

เช่นนี้ก็ดี ลดปัญหาได้มากนัก

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดถึงพ่อแม่ในชาตินี้มากนัก ตอนที่พวกเขาทอดทิ้งหานเจวี๋ยไป ก็นับว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดขาดสะบั้นลงแล้ว

หากเป็นพ่อแม่ของเขาในชาติภพก่อน คงไม่มีวันทอดทิ้งเขาอย่างแน่นอน

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เอ่ยต่อว่า “ได้ยินว่าผู้อาวุโสกวนจวนจะกลับมาแล้ว เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้อาวุโสกวนมาบ้างหรือไม่ เขาและอาจารย์ของเราเข้าสำนักหยกพิสุทธิ์มาพร้อมกัน ทว่าเมื่อสามร้อยปีก่อนเขาไปล่วงเกินสำนักกระบี่วิหคชาดเข้า เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย ผู้อาวุโสสูงสุดจึงส่งเขาออกจากราชวงศ์ต้าเยี่ยนไปอย่างเงียบๆ ครึ่งปีก่อนเขาใช้วิชาเวทตอบกลับมาว่าจะกลับมา อีกทั้งยังจะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์ด้วย”

หานเจวี๋ยส่ายหน้า

เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อนจริงๆ และก็ไม่เคยได้ยินเรื่องของคนผู้นี้ด้วยเช่นกัน

“กล่าวกันว่าผู้อาวุโสกวนชอบพออาจารย์ของเรามาก ไม่แน่ว่าอาจผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับอาจารย์ของพวกเราก็ได้” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กล่าวต่อ

หานเจวี๋ยยักไหล่

คิดมากไปแล้ว!

เซียนซีเสวียนไม่ให้ศิษย์ผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกัน แล้วตนเองจะฝืนกฎได้อย่างไร

เขาถาม “ผู้อาวุโสกวนผู้นั้นแข็งแกร่งมากเลยหรือ”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์พยักหน้าพลางกล่าว “ว่ากันว่าตอนอยู่ต้าเยี่ยนเขาได้รับโอกาสวาสนา ขึ้นเป็นระดับเปลี่ยนวิญญาณ กลับมาครั้งนี้เขาต้องการนำพาสำนักหยกพิสุทธิ์ให้เหนือกว่าสำนักกระบี่วิหคชาด บรรดาผู้อาวุโสต่างดีใจยิ่งนัก สำนักหยกพิสุทธิ์มีระดับเปลี่ยนวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกคน การรับมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณก็มีโอกาสชนะมากขึ้น ผู้อาวุโสสูงสุดย่อมดีใจไปด้วย เพียงแต่เจ้าสำนักที่อยู่ข้างนอกยังไม่ทราบเรื่องนี้”

หานเจวี๋ยอดไว้อาลัยให้หลี่ชิงจื่อเงียบๆ ไม่ได้

ลำบากลำบนมาตั้งหลายปี กลับไม่อาจรักษาตำแหน่งไว้ได้

ตอนที่หานเจวี๋ยกำลังจะถามเรื่องของผู้อาวุโสกวนอยู่นั้น พลันมีตัวอักษรปรากฏขึ้นด้านหน้า

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

หานเจวี๋ยชะงัก

เจอผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดอีกแล้วหรือ

โชคของสำนักหยกพิสุทธิ์ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เหตุใดจึงมีผู้ที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นนี้

หานเจวี๋ยรีบร้อนตรวจดูทันที

[หวงจี๋เฮ่า: ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสาม ผู้อาวุโสฝ่ายนอกของสำนักกระบี่วิหคชาด เกิดมาพร้อมจิตกระบี่ เชี่ยวชาญสายมรรคกระบี่ขั้นสูง เนื่องด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นตั้งแต่เยาว์วัย หล่อหลอมเขาจนมีลักษณะหยิ่งทระนง เขาสามารถละทิ้งได้ทุกสิ่งเพื่อกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง]

หวงจี๋เฮ่า?

ให้ตายสิ!

เจ้าหมอนี่มาได้อย่างไร

หรือว่าต้องการจะท้าประลองสำนักหยกพิสุทธิ์

หานเจวี๋ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

จะบำเพ็ญอย่างสงบไม่ได้หรือ

ตรงหน้าของหานเจวี๋ยปรากฏข้อความขึ้นมาให้เลือก

[สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังเผชิญหน้าการท้าประลองของหวงจี๋เฮ่า ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สั่งการทั้งสำนักล้อมปราบหวงจี๋เฮ่า และได้รับชัยชนะ โด่งดังไปทั่วดินแดน จะได้รับเคล็ดวิชาเวทสายอัคคีหนึ่งเล่ม]

[สอง ลอบจัดการหวงจี๋เฮ่าให้ล่าถอย ไม่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวมากเกินไป จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลือกข้อสองอย่างไม่ลังเล

ความโดดเด่นไม่ใช่ลักษณะของเขา

อีกทั้งหากทำให้หวงจี๋เฮ่าเป็นฝ่ายปราชัยอย่างประจักษ์ชัดแจ้ง สำนักกระบี่วิหคชาดย่อมตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นแน่

หานเจวี๋ยยังไม่แน่ใจในระดับความสามารถของหวงจี๋เฮ่าในสำนักกระบี่วิหคชาด แม้จะแข็งแกร่งที่สุด แต่หากสำนักกระบี่วิหคชาดร่วมมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณขึ้นมา เช่นนั้นสำนักหยกพิสุทธิ์อาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“เฮ้อ สำนักหยกพิสุทธิ์ยังถือว่าอ่อนแอเกินไปนัก”

หานเจวี๋ยทอดถอนใจ

เขามองฉางเยวี่ยเอ๋อร์พลางกล่าว “ท่านกลับไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องต้องทำ”

“เรื่องใดหรือ”

“ไม่สะดวกที่จะบอก”

“เหอะ”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เบ้ปาก ลุกขึ้นจากไป

นางเพิ่งจะกล่าวว่าดีใจไปหมาดๆ แต่กลับโดนไล่ออกมา ผู้ใดบ้างเล่าจะไม่ผิดหวัง

หลังจากที่ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ออกไปแล้ว หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจสอบตำแหน่งของหวงจี๋เฮ่า

ยามนี้ หวงจี๋เฮ่าอยู่ห่างจากสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่เกินยี่สิบลี้

เขาเดินมาอย่างเชื่องช้า ไม่มีท่าทีรีบร้อนเลยสักนิด

หานเจวี๋ยไม่ได้ไปหาในทันที

ขอลองให้แน่ใจก่อนสักรอบ! จำลองลงสนามประมือกันสักรอบเถอะ!

จิตใต้สำนึกของหานเจวี๋ยตามเข้าไปในแบบจำลองการทดสอบ

ห้านาทีหลังจากนั้น การจำลองการทดสอบของหานเจวี๋ยก็เสร็จสิ้น

เขาขมวดคิ้ว

“ต้องมีอะไรสักอย่าง”

หานเจวี๋ยสูดหายใจเข้าลึก เริ่มจำลองการทดสอบต่อ

คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถกำจัดคนผู้นี้ได้!

เจ้าอัจฉริยะนี่เป็นระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสามเลยนะ!

หานเจวี๋ยเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้

ผ่านไปสองนาที แบบจำลองการทดสอบเสร็จสิ้น

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม พึมพำเสียงเบาว่า “สมกับที่เป็นจิตกระบี่ฟ้าประทาน ไม่เลวนี่ สามารถอยู่ภายใต้เงื้อมมือของข้าเกินสองนาที”

หานเจวี๋ยกังวลขึ้นมา

เสียงจากการต่อสู้ดังเกินไป เวลาสองนาทีมากพอที่จะดึงดูดคนจำนวนมากให้เข้ามาใกล้ได้

รับมือไม่ง่ายเลย

ช่วยไม่ได้!

แม้จะจัดการได้ยากแต่ก็คุ้มค่า หากรอให้เจ้านี่เข่นฆ่าสำนักหยกพิสุทธิ์ก่อน ถึงเวลานั้นคงจะเป็นการทำลายล้างโลกอย่างแท้จริง!

ในป่าลึก

หวงจี๋เฮ่าก้าวย่างอย่างเชื่องช้า

ท่าทีของเขาสงบนิ่ง ไม่มีความประหม่ากับการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น ด้านหน้าปรากฏเงาร่างขึ้นมาสายหนึ่ง มุ่งหน้าก้าวมาทางเขา

นั่นก็คือหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยสวมอาภรณ์ของสำนักหยกพิสุทธิ์ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม เพียงมองก็รู้ว่าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

หวงจี๋เฮ่ามองแวบหนึ่ง

ระดับสร้างฐานขั้นเก้า!

อ่อนแอยิ่งนัก!

แต่จะว่าไปเจ้านี่ก็หน้าตาหล่อเหลาดูดีเอาการ

[หวงจี๋เฮ่าเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

ตรงหน้าของหานเจวี๋ยพลันปรากฏตัวอักษรขึ้นแถวหนึ่ง เขาชะงักไปทันที

มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า
“ประลองกับสำนักหยกพิสุทธิ์?”

หวงจี๋เฮ่าขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็นว่า “สำนักที่แยกเป็นเอกเทศเช่นนั้นจะไปมีความท้าทายอะไร!”

วาจาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยามดูแคลนสำนักหยกพิสุทธิ์

คนในชุดคลุมกันฝนผู้หนึ่งกล่าวอย่างร้อนรน “เมื่อไม่นานมานี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้อาวุโสสังหารเทพปรากฏตัว สังหารผู้แข็งแกร่งระดับเปลี่ยนวิญญาณได้ในดาบเดียว ความสามารถแข็งแกร่งไม่อาจคาดเดา!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวงจี๋เฮ่าพลันเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้

“ข้าเคยประมือกับเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุด ความสามารถธรรมดา แต่ไม่เคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสสังหารเทพมาก่อน พวกเจ้าอย่ามาหลอกลวงข้า!”

หวงจี๋เฮ่าเอ่ยเสียงเหี้ยม พลังอันน่าสะพรึงกลัวไม่ได้ลดลง ยังคงน่ากลัวอยู่เช่นเดิม

“ไม่กล้าหลอกลวงท่านอย่างแน่นอน!”

“เป็นความจริง ท่านไปไต่ถามได้!”

“ลัทธิมารฟ้ามืดก็ถูกทำลายโดยคนผู้นี้!”

คนในชุดคลุมกันฝนอีกสามคนรีบร้อนเอ่ยสำทับ

พวกเขาสี่คนรวมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวงจี๋เฮ่า จึงเกรงว่าหวงจี๋เฮ่าจะลงมือกับพวกเขา

ดวงตาของหวงจี๋เฮ่าเป็นประกาย เอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าบอกตำแหน่งของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมาก่อน ข้าจะไปท้าปะลองสำนักหยกพิสุทธิ์ หลังจากนั้นจะไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ”

คนในชุดคลุมกันฝนทั้งสี่คนมองหน้าสบตากัน

เพื่อที่จะมีชีวิตรอด ในที่สุดพวกเขาก็ยอมประนีประนอม

หลังจากนั้นไม่นาน หวงจี๋เฮ่าก็จากไป

คนในชุดคลุมกันฝนทั้งสี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ค่อยๆ พากันนั่งลงบนเก้าอี้

“บุรุษผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่” หนึ่งในนั้นพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

อีกคนเอ็ดขึ้นมา “ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือข้ารู้สึกว่าโรงเตี๊ยมนี้มีปัญหา ไหนกล่าวว่าผนังกันเสียงกันจิตอย่างไรเล่า”

ณ สำนักหยกพิสุทธิ์

นับตั้งแต่หลี่ชิงจื่อกลับไป เวลาก็ล่วงเลยไปอีกสองปี

หานเจวี๋ยยังคงอยู่ระดับปราณก่อกำเนิดระดับหก เมื่อมีโอสถของเย่ซานหลางเป็นตัวช่วย ทำให้เขาเข้าใกล้ระดับปราณก่อกำเนิดขั้นเจ็ดเข้ามาทุกที

ไก่คุกรัตติกาลตัวโตขึ้นอีกครึ่งเมตร แต่หานเจวี๋ยทดสอบอายุของกระดูกของมันดูแล้ว ห่างจากคำว่าโตเต็มที่อยู่มากนัก

วันนี้ ฉางเยวี่ยเอ๋อมาเยี่ยมเยือน

หลังจากไม่ได้มานานหลายปี เมื่อเห็นเจ้าไก่คุกรัตติกาลตัวโตขึ้นมากขนาดนี้ นางจึงอดไม่ได้ที่จะเดินไปลูบมัน

“จั๊กจี้…จั๊กจี้…”

ไก่คุกรัตติกาลขัดขืนและถอยหนี

เมื่อได้ยินเสียงร้องอ้อแอ้ของมัน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ยิ่งสนใจมากขึ้นไปอีก

หานเจวี๋ยทนไม่ไหวกล่าวว่า “หยุดลูบได้แล้ว นี่เป็นพาหนะล้ำค่าของข้า หากลูบจนใช้การไม่ได้ ท่านจะชดใช้หรือ”

“เชอะ ชดใช้ก็ชดใช้สิ! ใช้ไก่เป็นพาหนะ เจ้านี่เข้าใจคิดจริงๆ!”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เบ้ปากบอก ถึงจะพูดเช่นนี้แต่ร่างกายก็ยังเชื่อฟังอยู่ดี หันกลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย

นางพิจารณาหานเจวี๋ย ยิ้มกล่าวว่า “ศิษย์น้องหาน ใบหน้าของเจ้าข้ามองทีไรก็รู้สึกประทับจิตประทับใจยิ่งนัก ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเจ้าหน้าตาโดดเด่นเพียงใด”

พ่อแม่?

พวกท่านน่ะหรือ

ธรรมดาเสียไม่มี

หานเจวี๋ยลอบหัวเราะในใจ

ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา หานเจวี๋ยจะนึกถึงพ่อแม่ของเขาในชาตินี้บ้างเป็นครั้งคราว

ผ่านไปร้อยกว่าปีแล้ว หากพวกท่านยังเป็นมนุษย์ คาดว่าจะถูกฝังลงดินไปแล้ว

เช่นนี้ก็ดี ลดปัญหาได้มากนัก

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดถึงพ่อแม่ในชาตินี้มากนัก ตอนที่พวกเขาทอดทิ้งหานเจวี๋ยไป ก็นับว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดขาดสะบั้นลงแล้ว

หากเป็นพ่อแม่ของเขาในชาติภพก่อน คงไม่มีวันทอดทิ้งเขาอย่างแน่นอน

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เอ่ยต่อว่า “ได้ยินว่าผู้อาวุโสกวนจวนจะกลับมาแล้ว เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้อาวุโสกวนมาบ้างหรือไม่ เขาและอาจารย์ของเราเข้าสำนักหยกพิสุทธิ์มาพร้อมกัน ทว่าเมื่อสามร้อยปีก่อนเขาไปล่วงเกินสำนักกระบี่วิหคชาดเข้า เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย ผู้อาวุโสสูงสุดจึงส่งเขาออกจากราชวงศ์ต้าเยี่ยนไปอย่างเงียบๆ ครึ่งปีก่อนเขาใช้วิชาเวทตอบกลับมาว่าจะกลับมา อีกทั้งยังจะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์ด้วย”

หานเจวี๋ยส่ายหน้า

เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อนจริงๆ และก็ไม่เคยได้ยินเรื่องของคนผู้นี้ด้วยเช่นกัน

“กล่าวกันว่าผู้อาวุโสกวนชอบพออาจารย์ของเรามาก ไม่แน่ว่าอาจผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับอาจารย์ของพวกเราก็ได้” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กล่าวต่อ

หานเจวี๋ยยักไหล่

คิดมากไปแล้ว!

เซียนซีเสวียนไม่ให้ศิษย์ผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกัน แล้วตนเองจะฝืนกฎได้อย่างไร

เขาถาม “ผู้อาวุโสกวนผู้นั้นแข็งแกร่งมากเลยหรือ”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์พยักหน้าพลางกล่าว “ว่ากันว่าตอนอยู่ต้าเยี่ยนเขาได้รับโอกาสวาสนา ขึ้นเป็นระดับเปลี่ยนวิญญาณ กลับมาครั้งนี้เขาต้องการนำพาสำนักหยกพิสุทธิ์ให้เหนือกว่าสำนักกระบี่วิหคชาด บรรดาผู้อาวุโสต่างดีใจยิ่งนัก สำนักหยกพิสุทธิ์มีระดับเปลี่ยนวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกคน การรับมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณก็มีโอกาสชนะมากขึ้น ผู้อาวุโสสูงสุดย่อมดีใจไปด้วย เพียงแต่เจ้าสำนักที่อยู่ข้างนอกยังไม่ทราบเรื่องนี้”

หานเจวี๋ยอดไว้อาลัยให้หลี่ชิงจื่อเงียบๆ ไม่ได้

ลำบากลำบนมาตั้งหลายปี กลับไม่อาจรักษาตำแหน่งไว้ได้

ตอนที่หานเจวี๋ยกำลังจะถามเรื่องของผู้อาวุโสกวนอยู่นั้น พลันมีตัวอักษรปรากฏขึ้นด้านหน้า

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

หานเจวี๋ยชะงัก

เจอผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดอีกแล้วหรือ

โชคของสำนักหยกพิสุทธิ์ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เหตุใดจึงมีผู้ที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นนี้

หานเจวี๋ยรีบร้อนตรวจดูทันที

[หวงจี๋เฮ่า: ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสาม ผู้อาวุโสฝ่ายนอกของสำนักกระบี่วิหคชาด เกิดมาพร้อมจิตกระบี่ เชี่ยวชาญสายมรรคกระบี่ขั้นสูง เนื่องด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นตั้งแต่เยาว์วัย หล่อหลอมเขาจนมีลักษณะหยิ่งทระนง เขาสามารถละทิ้งได้ทุกสิ่งเพื่อกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง]

หวงจี๋เฮ่า?

ให้ตายสิ!

เจ้าหมอนี่มาได้อย่างไร

หรือว่าต้องการจะท้าประลองสำนักหยกพิสุทธิ์

หานเจวี๋ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

จะบำเพ็ญอย่างสงบไม่ได้หรือ

ตรงหน้าของหานเจวี๋ยปรากฏข้อความขึ้นมาให้เลือก

[สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังเผชิญหน้าการท้าประลองของหวงจี๋เฮ่า ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สั่งการทั้งสำนักล้อมปราบหวงจี๋เฮ่า และได้รับชัยชนะ โด่งดังไปทั่วดินแดน จะได้รับเคล็ดวิชาเวทสายอัคคีหนึ่งเล่ม]

[สอง ลอบจัดการหวงจี๋เฮ่าให้ล่าถอย ไม่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวมากเกินไป จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลือกข้อสองอย่างไม่ลังเล

ความโดดเด่นไม่ใช่ลักษณะของเขา

อีกทั้งหากทำให้หวงจี๋เฮ่าเป็นฝ่ายปราชัยอย่างประจักษ์ชัดแจ้ง สำนักกระบี่วิหคชาดย่อมตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นแน่

หานเจวี๋ยยังไม่แน่ใจในระดับความสามารถของหวงจี๋เฮ่าในสำนักกระบี่วิหคชาด แม้จะแข็งแกร่งที่สุด แต่หากสำนักกระบี่วิหคชาดร่วมมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณขึ้นมา เช่นนั้นสำนักหยกพิสุทธิ์อาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“เฮ้อ สำนักหยกพิสุทธิ์ยังถือว่าอ่อนแอเกินไปนัก”

หานเจวี๋ยทอดถอนใจ

เขามองฉางเยวี่ยเอ๋อร์พลางกล่าว “ท่านกลับไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องต้องทำ”

“เรื่องใดหรือ”

“ไม่สะดวกที่จะบอก”

“เหอะ”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เบ้ปาก ลุกขึ้นจากไป

นางเพิ่งจะกล่าวว่าดีใจไปหมาดๆ แต่กลับโดนไล่ออกมา ผู้ใดบ้างเล่าจะไม่ผิดหวัง

หลังจากที่ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ออกไปแล้ว หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจสอบตำแหน่งของหวงจี๋เฮ่า

ยามนี้ หวงจี๋เฮ่าอยู่ห่างจากสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่เกินยี่สิบลี้

เขาเดินมาอย่างเชื่องช้า ไม่มีท่าทีรีบร้อนเลยสักนิด

หานเจวี๋ยไม่ได้ไปหาในทันที

ขอลองให้แน่ใจก่อนสักรอบ! จำลองลงสนามประมือกันสักรอบเถอะ!

จิตใต้สำนึกของหานเจวี๋ยตามเข้าไปในแบบจำลองการทดสอบ

ห้านาทีหลังจากนั้น การจำลองการทดสอบของหานเจวี๋ยก็เสร็จสิ้น

เขาขมวดคิ้ว

“ต้องมีอะไรสักอย่าง”

หานเจวี๋ยสูดหายใจเข้าลึก เริ่มจำลองการทดสอบต่อ

คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถกำจัดคนผู้นี้ได้!

เจ้าอัจฉริยะนี่เป็นระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสามเลยนะ!

หานเจวี๋ยเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้

ผ่านไปสองนาที แบบจำลองการทดสอบเสร็จสิ้น

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม พึมพำเสียงเบาว่า “สมกับที่เป็นจิตกระบี่ฟ้าประทาน ไม่เลวนี่ สามารถอยู่ภายใต้เงื้อมมือของข้าเกินสองนาที”

หานเจวี๋ยกังวลขึ้นมา

เสียงจากการต่อสู้ดังเกินไป เวลาสองนาทีมากพอที่จะดึงดูดคนจำนวนมากให้เข้ามาใกล้ได้

รับมือไม่ง่ายเลย

ช่วยไม่ได้!

แม้จะจัดการได้ยากแต่ก็คุ้มค่า หากรอให้เจ้านี่เข่นฆ่าสำนักหยกพิสุทธิ์ก่อน ถึงเวลานั้นคงจะเป็นการทำลายล้างโลกอย่างแท้จริง!

ในป่าลึก

หวงจี๋เฮ่าก้าวย่างอย่างเชื่องช้า

ท่าทีของเขาสงบนิ่ง ไม่มีความประหม่ากับการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น ด้านหน้าปรากฏเงาร่างขึ้นมาสายหนึ่ง มุ่งหน้าก้าวมาทางเขา

นั่นก็คือหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยสวมอาภรณ์ของสำนักหยกพิสุทธิ์ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม เพียงมองก็รู้ว่าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

หวงจี๋เฮ่ามองแวบหนึ่ง

ระดับสร้างฐานขั้นเก้า!

อ่อนแอยิ่งนัก!

แต่จะว่าไปเจ้านี่ก็หน้าตาหล่อเหลาดูดีเอาการ

[หวงจี๋เฮ่าเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

ตรงหน้าของหานเจวี๋ยพลันปรากฏตัวอักษรขึ้นแถวหนึ่ง เขาชะงักไปทันที

มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า
“ประลองกับสำนักหยกพิสุทธิ์?”

หวงจี๋เฮ่าขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็นว่า “สำนักที่แยกเป็นเอกเทศเช่นนั้นจะไปมีความท้าทายอะไร!”

วาจาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยามดูแคลนสำนักหยกพิสุทธิ์

คนในชุดคลุมกันฝนผู้หนึ่งกล่าวอย่างร้อนรน “เมื่อไม่นานมานี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้อาวุโสสังหารเทพปรากฏตัว สังหารผู้แข็งแกร่งระดับเปลี่ยนวิญญาณได้ในดาบเดียว ความสามารถแข็งแกร่งไม่อาจคาดเดา!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวงจี๋เฮ่าพลันเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้

“ข้าเคยประมือกับเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุด ความสามารถธรรมดา แต่ไม่เคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสสังหารเทพมาก่อน พวกเจ้าอย่ามาหลอกลวงข้า!”

หวงจี๋เฮ่าเอ่ยเสียงเหี้ยม พลังอันน่าสะพรึงกลัวไม่ได้ลดลง ยังคงน่ากลัวอยู่เช่นเดิม

“ไม่กล้าหลอกลวงท่านอย่างแน่นอน!”

“เป็นความจริง ท่านไปไต่ถามได้!”

“ลัทธิมารฟ้ามืดก็ถูกทำลายโดยคนผู้นี้!”

คนในชุดคลุมกันฝนอีกสามคนรีบร้อนเอ่ยสำทับ

พวกเขาสี่คนรวมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวงจี๋เฮ่า จึงเกรงว่าหวงจี๋เฮ่าจะลงมือกับพวกเขา

ดวงตาของหวงจี๋เฮ่าเป็นประกาย เอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าบอกตำแหน่งของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมาก่อน ข้าจะไปท้าปะลองสำนักหยกพิสุทธิ์ หลังจากนั้นจะไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ”

คนในชุดคลุมกันฝนทั้งสี่คนมองหน้าสบตากัน

เพื่อที่จะมีชีวิตรอด ในที่สุดพวกเขาก็ยอมประนีประนอม

หลังจากนั้นไม่นาน หวงจี๋เฮ่าก็จากไป

คนในชุดคลุมกันฝนทั้งสี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ค่อยๆ พากันนั่งลงบนเก้าอี้

“บุรุษผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่” หนึ่งในนั้นพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

อีกคนเอ็ดขึ้นมา “ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือข้ารู้สึกว่าโรงเตี๊ยมนี้มีปัญหา ไหนกล่าวว่าผนังกันเสียงกันจิตอย่างไรเล่า”

ณ สำนักหยกพิสุทธิ์

นับตั้งแต่หลี่ชิงจื่อกลับไป เวลาก็ล่วงเลยไปอีกสองปี

หานเจวี๋ยยังคงอยู่ระดับปราณก่อกำเนิดระดับหก เมื่อมีโอสถของเย่ซานหลางเป็นตัวช่วย ทำให้เขาเข้าใกล้ระดับปราณก่อกำเนิดขั้นเจ็ดเข้ามาทุกที

ไก่คุกรัตติกาลตัวโตขึ้นอีกครึ่งเมตร แต่หานเจวี๋ยทดสอบอายุของกระดูกของมันดูแล้ว ห่างจากคำว่าโตเต็มที่อยู่มากนัก

วันนี้ ฉางเยวี่ยเอ๋อมาเยี่ยมเยือน

หลังจากไม่ได้มานานหลายปี เมื่อเห็นเจ้าไก่คุกรัตติกาลตัวโตขึ้นมากขนาดนี้ นางจึงอดไม่ได้ที่จะเดินไปลูบมัน

“จั๊กจี้…จั๊กจี้…”

ไก่คุกรัตติกาลขัดขืนและถอยหนี

เมื่อได้ยินเสียงร้องอ้อแอ้ของมัน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ยิ่งสนใจมากขึ้นไปอีก

หานเจวี๋ยทนไม่ไหวกล่าวว่า “หยุดลูบได้แล้ว นี่เป็นพาหนะล้ำค่าของข้า หากลูบจนใช้การไม่ได้ ท่านจะชดใช้หรือ”

“เชอะ ชดใช้ก็ชดใช้สิ! ใช้ไก่เป็นพาหนะ เจ้านี่เข้าใจคิดจริงๆ!”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เบ้ปากบอก ถึงจะพูดเช่นนี้แต่ร่างกายก็ยังเชื่อฟังอยู่ดี หันกลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย

นางพิจารณาหานเจวี๋ย ยิ้มกล่าวว่า “ศิษย์น้องหาน ใบหน้าของเจ้าข้ามองทีไรก็รู้สึกประทับจิตประทับใจยิ่งนัก ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเจ้าหน้าตาโดดเด่นเพียงใด”

พ่อแม่?

พวกท่านน่ะหรือ

ธรรมดาเสียไม่มี

หานเจวี๋ยลอบหัวเราะในใจ

ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา หานเจวี๋ยจะนึกถึงพ่อแม่ของเขาในชาตินี้บ้างเป็นครั้งคราว

ผ่านไปร้อยกว่าปีแล้ว หากพวกท่านยังเป็นมนุษย์ คาดว่าจะถูกฝังลงดินไปแล้ว

เช่นนี้ก็ดี ลดปัญหาได้มากนัก

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดถึงพ่อแม่ในชาตินี้มากนัก ตอนที่พวกเขาทอดทิ้งหานเจวี๋ยไป ก็นับว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดขาดสะบั้นลงแล้ว

หากเป็นพ่อแม่ของเขาในชาติภพก่อน คงไม่มีวันทอดทิ้งเขาอย่างแน่นอน

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เอ่ยต่อว่า “ได้ยินว่าผู้อาวุโสกวนจวนจะกลับมาแล้ว เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้อาวุโสกวนมาบ้างหรือไม่ เขาและอาจารย์ของเราเข้าสำนักหยกพิสุทธิ์มาพร้อมกัน ทว่าเมื่อสามร้อยปีก่อนเขาไปล่วงเกินสำนักกระบี่วิหคชาดเข้า เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย ผู้อาวุโสสูงสุดจึงส่งเขาออกจากราชวงศ์ต้าเยี่ยนไปอย่างเงียบๆ ครึ่งปีก่อนเขาใช้วิชาเวทตอบกลับมาว่าจะกลับมา อีกทั้งยังจะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์ด้วย”

หานเจวี๋ยส่ายหน้า

เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อนจริงๆ และก็ไม่เคยได้ยินเรื่องของคนผู้นี้ด้วยเช่นกัน

“กล่าวกันว่าผู้อาวุโสกวนชอบพออาจารย์ของเรามาก ไม่แน่ว่าอาจผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับอาจารย์ของพวกเราก็ได้” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กล่าวต่อ

หานเจวี๋ยยักไหล่

คิดมากไปแล้ว!

เซียนซีเสวียนไม่ให้ศิษย์ผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกัน แล้วตนเองจะฝืนกฎได้อย่างไร

เขาถาม “ผู้อาวุโสกวนผู้นั้นแข็งแกร่งมากเลยหรือ”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์พยักหน้าพลางกล่าว “ว่ากันว่าตอนอยู่ต้าเยี่ยนเขาได้รับโอกาสวาสนา ขึ้นเป็นระดับเปลี่ยนวิญญาณ กลับมาครั้งนี้เขาต้องการนำพาสำนักหยกพิสุทธิ์ให้เหนือกว่าสำนักกระบี่วิหคชาด บรรดาผู้อาวุโสต่างดีใจยิ่งนัก สำนักหยกพิสุทธิ์มีระดับเปลี่ยนวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกคน การรับมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณก็มีโอกาสชนะมากขึ้น ผู้อาวุโสสูงสุดย่อมดีใจไปด้วย เพียงแต่เจ้าสำนักที่อยู่ข้างนอกยังไม่ทราบเรื่องนี้”

หานเจวี๋ยอดไว้อาลัยให้หลี่ชิงจื่อเงียบๆ ไม่ได้

ลำบากลำบนมาตั้งหลายปี กลับไม่อาจรักษาตำแหน่งไว้ได้

ตอนที่หานเจวี๋ยกำลังจะถามเรื่องของผู้อาวุโสกวนอยู่นั้น พลันมีตัวอักษรปรากฏขึ้นด้านหน้า

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

หานเจวี๋ยชะงัก

เจอผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดอีกแล้วหรือ

โชคของสำนักหยกพิสุทธิ์ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เหตุใดจึงมีผู้ที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นนี้

หานเจวี๋ยรีบร้อนตรวจดูทันที

[หวงจี๋เฮ่า: ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสาม ผู้อาวุโสฝ่ายนอกของสำนักกระบี่วิหคชาด เกิดมาพร้อมจิตกระบี่ เชี่ยวชาญสายมรรคกระบี่ขั้นสูง เนื่องด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นตั้งแต่เยาว์วัย หล่อหลอมเขาจนมีลักษณะหยิ่งทระนง เขาสามารถละทิ้งได้ทุกสิ่งเพื่อกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง]

หวงจี๋เฮ่า?

ให้ตายสิ!

เจ้าหมอนี่มาได้อย่างไร

หรือว่าต้องการจะท้าประลองสำนักหยกพิสุทธิ์

หานเจวี๋ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

จะบำเพ็ญอย่างสงบไม่ได้หรือ

ตรงหน้าของหานเจวี๋ยปรากฏข้อความขึ้นมาให้เลือก

[สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังเผชิญหน้าการท้าประลองของหวงจี๋เฮ่า ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สั่งการทั้งสำนักล้อมปราบหวงจี๋เฮ่า และได้รับชัยชนะ โด่งดังไปทั่วดินแดน จะได้รับเคล็ดวิชาเวทสายอัคคีหนึ่งเล่ม]

[สอง ลอบจัดการหวงจี๋เฮ่าให้ล่าถอย ไม่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวมากเกินไป จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลือกข้อสองอย่างไม่ลังเล

ความโดดเด่นไม่ใช่ลักษณะของเขา

อีกทั้งหากทำให้หวงจี๋เฮ่าเป็นฝ่ายปราชัยอย่างประจักษ์ชัดแจ้ง สำนักกระบี่วิหคชาดย่อมตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นแน่

หานเจวี๋ยยังไม่แน่ใจในระดับความสามารถของหวงจี๋เฮ่าในสำนักกระบี่วิหคชาด แม้จะแข็งแกร่งที่สุด แต่หากสำนักกระบี่วิหคชาดร่วมมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณขึ้นมา เช่นนั้นสำนักหยกพิสุทธิ์อาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“เฮ้อ สำนักหยกพิสุทธิ์ยังถือว่าอ่อนแอเกินไปนัก”

หานเจวี๋ยทอดถอนใจ

เขามองฉางเยวี่ยเอ๋อร์พลางกล่าว “ท่านกลับไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องต้องทำ”

“เรื่องใดหรือ”

“ไม่สะดวกที่จะบอก”

“เหอะ”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เบ้ปาก ลุกขึ้นจากไป

นางเพิ่งจะกล่าวว่าดีใจไปหมาดๆ แต่กลับโดนไล่ออกมา ผู้ใดบ้างเล่าจะไม่ผิดหวัง

หลังจากที่ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ออกไปแล้ว หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจสอบตำแหน่งของหวงจี๋เฮ่า

ยามนี้ หวงจี๋เฮ่าอยู่ห่างจากสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่เกินยี่สิบลี้

เขาเดินมาอย่างเชื่องช้า ไม่มีท่าทีรีบร้อนเลยสักนิด

หานเจวี๋ยไม่ได้ไปหาในทันที

ขอลองให้แน่ใจก่อนสักรอบ! จำลองลงสนามประมือกันสักรอบเถอะ!

จิตใต้สำนึกของหานเจวี๋ยตามเข้าไปในแบบจำลองการทดสอบ

ห้านาทีหลังจากนั้น การจำลองการทดสอบของหานเจวี๋ยก็เสร็จสิ้น

เขาขมวดคิ้ว

“ต้องมีอะไรสักอย่าง”

หานเจวี๋ยสูดหายใจเข้าลึก เริ่มจำลองการทดสอบต่อ

คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถกำจัดคนผู้นี้ได้!

เจ้าอัจฉริยะนี่เป็นระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสามเลยนะ!

หานเจวี๋ยเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้

ผ่านไปสองนาที แบบจำลองการทดสอบเสร็จสิ้น

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม พึมพำเสียงเบาว่า “สมกับที่เป็นจิตกระบี่ฟ้าประทาน ไม่เลวนี่ สามารถอยู่ภายใต้เงื้อมมือของข้าเกินสองนาที”

หานเจวี๋ยกังวลขึ้นมา

เสียงจากการต่อสู้ดังเกินไป เวลาสองนาทีมากพอที่จะดึงดูดคนจำนวนมากให้เข้ามาใกล้ได้

รับมือไม่ง่ายเลย

ช่วยไม่ได้!

แม้จะจัดการได้ยากแต่ก็คุ้มค่า หากรอให้เจ้านี่เข่นฆ่าสำนักหยกพิสุทธิ์ก่อน ถึงเวลานั้นคงจะเป็นการทำลายล้างโลกอย่างแท้จริง!

ในป่าลึก

หวงจี๋เฮ่าก้าวย่างอย่างเชื่องช้า

ท่าทีของเขาสงบนิ่ง ไม่มีความประหม่ากับการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น ด้านหน้าปรากฏเงาร่างขึ้นมาสายหนึ่ง มุ่งหน้าก้าวมาทางเขา

นั่นก็คือหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยสวมอาภรณ์ของสำนักหยกพิสุทธิ์ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม เพียงมองก็รู้ว่าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

หวงจี๋เฮ่ามองแวบหนึ่ง

ระดับสร้างฐานขั้นเก้า!

อ่อนแอยิ่งนัก!

แต่จะว่าไปเจ้านี่ก็หน้าตาหล่อเหลาดูดีเอาการ

[หวงจี๋เฮ่าเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

ตรงหน้าของหานเจวี๋ยพลันปรากฏตัวอักษรขึ้นแถวหนึ่ง เขาชะงักไปทันที

มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 42 การท้าทายของหวงจี๋เฮ่า
“ประลองกับสำนักหยกพิสุทธิ์?”

หวงจี๋เฮ่าขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็นว่า “สำนักที่แยกเป็นเอกเทศเช่นนั้นจะไปมีความท้าทายอะไร!”

วาจาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยามดูแคลนสำนักหยกพิสุทธิ์

คนในชุดคลุมกันฝนผู้หนึ่งกล่าวอย่างร้อนรน “เมื่อไม่นานมานี้สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้อาวุโสสังหารเทพปรากฏตัว สังหารผู้แข็งแกร่งระดับเปลี่ยนวิญญาณได้ในดาบเดียว ความสามารถแข็งแกร่งไม่อาจคาดเดา!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวงจี๋เฮ่าพลันเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้

“ข้าเคยประมือกับเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุด ความสามารถธรรมดา แต่ไม่เคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสสังหารเทพมาก่อน พวกเจ้าอย่ามาหลอกลวงข้า!”

หวงจี๋เฮ่าเอ่ยเสียงเหี้ยม พลังอันน่าสะพรึงกลัวไม่ได้ลดลง ยังคงน่ากลัวอยู่เช่นเดิม

“ไม่กล้าหลอกลวงท่านอย่างแน่นอน!”

“เป็นความจริง ท่านไปไต่ถามได้!”

“ลัทธิมารฟ้ามืดก็ถูกทำลายโดยคนผู้นี้!”

คนในชุดคลุมกันฝนอีกสามคนรีบร้อนเอ่ยสำทับ

พวกเขาสี่คนรวมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวงจี๋เฮ่า จึงเกรงว่าหวงจี๋เฮ่าจะลงมือกับพวกเขา

ดวงตาของหวงจี๋เฮ่าเป็นประกาย เอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าบอกตำแหน่งของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมาก่อน ข้าจะไปท้าปะลองสำนักหยกพิสุทธิ์ หลังจากนั้นจะไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ”

คนในชุดคลุมกันฝนทั้งสี่คนมองหน้าสบตากัน

เพื่อที่จะมีชีวิตรอด ในที่สุดพวกเขาก็ยอมประนีประนอม

หลังจากนั้นไม่นาน หวงจี๋เฮ่าก็จากไป

คนในชุดคลุมกันฝนทั้งสี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ค่อยๆ พากันนั่งลงบนเก้าอี้

“บุรุษผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่” หนึ่งในนั้นพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

อีกคนเอ็ดขึ้นมา “ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือข้ารู้สึกว่าโรงเตี๊ยมนี้มีปัญหา ไหนกล่าวว่าผนังกันเสียงกันจิตอย่างไรเล่า”

ณ สำนักหยกพิสุทธิ์

นับตั้งแต่หลี่ชิงจื่อกลับไป เวลาก็ล่วงเลยไปอีกสองปี

หานเจวี๋ยยังคงอยู่ระดับปราณก่อกำเนิดระดับหก เมื่อมีโอสถของเย่ซานหลางเป็นตัวช่วย ทำให้เขาเข้าใกล้ระดับปราณก่อกำเนิดขั้นเจ็ดเข้ามาทุกที

ไก่คุกรัตติกาลตัวโตขึ้นอีกครึ่งเมตร แต่หานเจวี๋ยทดสอบอายุของกระดูกของมันดูแล้ว ห่างจากคำว่าโตเต็มที่อยู่มากนัก

วันนี้ ฉางเยวี่ยเอ๋อมาเยี่ยมเยือน

หลังจากไม่ได้มานานหลายปี เมื่อเห็นเจ้าไก่คุกรัตติกาลตัวโตขึ้นมากขนาดนี้ นางจึงอดไม่ได้ที่จะเดินไปลูบมัน

“จั๊กจี้…จั๊กจี้…”

ไก่คุกรัตติกาลขัดขืนและถอยหนี

เมื่อได้ยินเสียงร้องอ้อแอ้ของมัน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ยิ่งสนใจมากขึ้นไปอีก

หานเจวี๋ยทนไม่ไหวกล่าวว่า “หยุดลูบได้แล้ว นี่เป็นพาหนะล้ำค่าของข้า หากลูบจนใช้การไม่ได้ ท่านจะชดใช้หรือ”

“เชอะ ชดใช้ก็ชดใช้สิ! ใช้ไก่เป็นพาหนะ เจ้านี่เข้าใจคิดจริงๆ!”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เบ้ปากบอก ถึงจะพูดเช่นนี้แต่ร่างกายก็ยังเชื่อฟังอยู่ดี หันกลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย

นางพิจารณาหานเจวี๋ย ยิ้มกล่าวว่า “ศิษย์น้องหาน ใบหน้าของเจ้าข้ามองทีไรก็รู้สึกประทับจิตประทับใจยิ่งนัก ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเจ้าหน้าตาโดดเด่นเพียงใด”

พ่อแม่?

พวกท่านน่ะหรือ

ธรรมดาเสียไม่มี

หานเจวี๋ยลอบหัวเราะในใจ

ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา หานเจวี๋ยจะนึกถึงพ่อแม่ของเขาในชาตินี้บ้างเป็นครั้งคราว

ผ่านไปร้อยกว่าปีแล้ว หากพวกท่านยังเป็นมนุษย์ คาดว่าจะถูกฝังลงดินไปแล้ว

เช่นนี้ก็ดี ลดปัญหาได้มากนัก

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดถึงพ่อแม่ในชาตินี้มากนัก ตอนที่พวกเขาทอดทิ้งหานเจวี๋ยไป ก็นับว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดขาดสะบั้นลงแล้ว

หากเป็นพ่อแม่ของเขาในชาติภพก่อน คงไม่มีวันทอดทิ้งเขาอย่างแน่นอน

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เอ่ยต่อว่า “ได้ยินว่าผู้อาวุโสกวนจวนจะกลับมาแล้ว เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้อาวุโสกวนมาบ้างหรือไม่ เขาและอาจารย์ของเราเข้าสำนักหยกพิสุทธิ์มาพร้อมกัน ทว่าเมื่อสามร้อยปีก่อนเขาไปล่วงเกินสำนักกระบี่วิหคชาดเข้า เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย ผู้อาวุโสสูงสุดจึงส่งเขาออกจากราชวงศ์ต้าเยี่ยนไปอย่างเงียบๆ ครึ่งปีก่อนเขาใช้วิชาเวทตอบกลับมาว่าจะกลับมา อีกทั้งยังจะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์ด้วย”

หานเจวี๋ยส่ายหน้า

เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อนจริงๆ และก็ไม่เคยได้ยินเรื่องของคนผู้นี้ด้วยเช่นกัน

“กล่าวกันว่าผู้อาวุโสกวนชอบพออาจารย์ของเรามาก ไม่แน่ว่าอาจผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับอาจารย์ของพวกเราก็ได้” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กล่าวต่อ

หานเจวี๋ยยักไหล่

คิดมากไปแล้ว!

เซียนซีเสวียนไม่ให้ศิษย์ผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรกัน แล้วตนเองจะฝืนกฎได้อย่างไร

เขาถาม “ผู้อาวุโสกวนผู้นั้นแข็งแกร่งมากเลยหรือ”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์พยักหน้าพลางกล่าว “ว่ากันว่าตอนอยู่ต้าเยี่ยนเขาได้รับโอกาสวาสนา ขึ้นเป็นระดับเปลี่ยนวิญญาณ กลับมาครั้งนี้เขาต้องการนำพาสำนักหยกพิสุทธิ์ให้เหนือกว่าสำนักกระบี่วิหคชาด บรรดาผู้อาวุโสต่างดีใจยิ่งนัก สำนักหยกพิสุทธิ์มีระดับเปลี่ยนวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกคน การรับมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณก็มีโอกาสชนะมากขึ้น ผู้อาวุโสสูงสุดย่อมดีใจไปด้วย เพียงแต่เจ้าสำนักที่อยู่ข้างนอกยังไม่ทราบเรื่องนี้”

หานเจวี๋ยอดไว้อาลัยให้หลี่ชิงจื่อเงียบๆ ไม่ได้

ลำบากลำบนมาตั้งหลายปี กลับไม่อาจรักษาตำแหน่งไว้ได้

ตอนที่หานเจวี๋ยกำลังจะถามเรื่องของผู้อาวุโสกวนอยู่นั้น พลันมีตัวอักษรปรากฏขึ้นด้านหน้า

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

หานเจวี๋ยชะงัก

เจอผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดอีกแล้วหรือ

โชคของสำนักหยกพิสุทธิ์ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เหตุใดจึงมีผู้ที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นนี้

หานเจวี๋ยรีบร้อนตรวจดูทันที

[หวงจี๋เฮ่า: ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสาม ผู้อาวุโสฝ่ายนอกของสำนักกระบี่วิหคชาด เกิดมาพร้อมจิตกระบี่ เชี่ยวชาญสายมรรคกระบี่ขั้นสูง เนื่องด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นตั้งแต่เยาว์วัย หล่อหลอมเขาจนมีลักษณะหยิ่งทระนง เขาสามารถละทิ้งได้ทุกสิ่งเพื่อกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง]

หวงจี๋เฮ่า?

ให้ตายสิ!

เจ้าหมอนี่มาได้อย่างไร

หรือว่าต้องการจะท้าประลองสำนักหยกพิสุทธิ์

หานเจวี๋ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

จะบำเพ็ญอย่างสงบไม่ได้หรือ

ตรงหน้าของหานเจวี๋ยปรากฏข้อความขึ้นมาให้เลือก

[สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังเผชิญหน้าการท้าประลองของหวงจี๋เฮ่า ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สั่งการทั้งสำนักล้อมปราบหวงจี๋เฮ่า และได้รับชัยชนะ โด่งดังไปทั่วดินแดน จะได้รับเคล็ดวิชาเวทสายอัคคีหนึ่งเล่ม]

[สอง ลอบจัดการหวงจี๋เฮ่าให้ล่าถอย ไม่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวมากเกินไป จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลือกข้อสองอย่างไม่ลังเล

ความโดดเด่นไม่ใช่ลักษณะของเขา

อีกทั้งหากทำให้หวงจี๋เฮ่าเป็นฝ่ายปราชัยอย่างประจักษ์ชัดแจ้ง สำนักกระบี่วิหคชาดย่อมตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นแน่

หานเจวี๋ยยังไม่แน่ใจในระดับความสามารถของหวงจี๋เฮ่าในสำนักกระบี่วิหคชาด แม้จะแข็งแกร่งที่สุด แต่หากสำนักกระบี่วิหคชาดร่วมมือกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณขึ้นมา เช่นนั้นสำนักหยกพิสุทธิ์อาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“เฮ้อ สำนักหยกพิสุทธิ์ยังถือว่าอ่อนแอเกินไปนัก”

หานเจวี๋ยทอดถอนใจ

เขามองฉางเยวี่ยเอ๋อร์พลางกล่าว “ท่านกลับไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องต้องทำ”

“เรื่องใดหรือ”

“ไม่สะดวกที่จะบอก”

“เหอะ”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เบ้ปาก ลุกขึ้นจากไป

นางเพิ่งจะกล่าวว่าดีใจไปหมาดๆ แต่กลับโดนไล่ออกมา ผู้ใดบ้างเล่าจะไม่ผิดหวัง

หลังจากที่ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ออกไปแล้ว หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจสอบตำแหน่งของหวงจี๋เฮ่า

ยามนี้ หวงจี๋เฮ่าอยู่ห่างจากสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่เกินยี่สิบลี้

เขาเดินมาอย่างเชื่องช้า ไม่มีท่าทีรีบร้อนเลยสักนิด

หานเจวี๋ยไม่ได้ไปหาในทันที

ขอลองให้แน่ใจก่อนสักรอบ! จำลองลงสนามประมือกันสักรอบเถอะ!

จิตใต้สำนึกของหานเจวี๋ยตามเข้าไปในแบบจำลองการทดสอบ

ห้านาทีหลังจากนั้น การจำลองการทดสอบของหานเจวี๋ยก็เสร็จสิ้น

เขาขมวดคิ้ว

“ต้องมีอะไรสักอย่าง”

หานเจวี๋ยสูดหายใจเข้าลึก เริ่มจำลองการทดสอบต่อ

คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถกำจัดคนผู้นี้ได้!

เจ้าอัจฉริยะนี่เป็นระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสามเลยนะ!

หานเจวี๋ยเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้

ผ่านไปสองนาที แบบจำลองการทดสอบเสร็จสิ้น

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม พึมพำเสียงเบาว่า “สมกับที่เป็นจิตกระบี่ฟ้าประทาน ไม่เลวนี่ สามารถอยู่ภายใต้เงื้อมมือของข้าเกินสองนาที”

หานเจวี๋ยกังวลขึ้นมา

เสียงจากการต่อสู้ดังเกินไป เวลาสองนาทีมากพอที่จะดึงดูดคนจำนวนมากให้เข้ามาใกล้ได้

รับมือไม่ง่ายเลย

ช่วยไม่ได้!

แม้จะจัดการได้ยากแต่ก็คุ้มค่า หากรอให้เจ้านี่เข่นฆ่าสำนักหยกพิสุทธิ์ก่อน ถึงเวลานั้นคงจะเป็นการทำลายล้างโลกอย่างแท้จริง!

ในป่าลึก

หวงจี๋เฮ่าก้าวย่างอย่างเชื่องช้า

ท่าทีของเขาสงบนิ่ง ไม่มีความประหม่ากับการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น ด้านหน้าปรากฏเงาร่างขึ้นมาสายหนึ่ง มุ่งหน้าก้าวมาทางเขา

นั่นก็คือหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยสวมอาภรณ์ของสำนักหยกพิสุทธิ์ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม เพียงมองก็รู้ว่าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

หวงจี๋เฮ่ามองแวบหนึ่ง

ระดับสร้างฐานขั้นเก้า!

อ่อนแอยิ่งนัก!

แต่จะว่าไปเจ้านี่ก็หน้าตาหล่อเหลาดูดีเอาการ

[หวงจี๋เฮ่าเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

ตรงหน้าของหานเจวี๋ยพลันปรากฏตัวอักษรขึ้นแถวหนึ่ง เขาชะงักไปทันที

มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+