ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 377 ไมตรีจากอริยะ ตบะบรรพชนพุทธ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 377 ไมตรีจากอริยะ ตบะบรรพชนพุทธ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 377 ไมตรีจากอริยะ ตบะบรรพชนพุทธ

ตบะต้องแข็งแกร่งแค่ไหนถึงจะแบกรับกรรมอันยิ่งใหญ่ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้

หานเจวี๋ยคิดไปคิดมา เกรงว่าคงต้องกลายเป็นอริยะเลยกระมัง

มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นตัวเบี้ยของอริยะได้ง่ายๆ

เหมือนจู่ถูที่แม้จะเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งมหาเคราะห์ก็ยังเป็นตัวเบี้ยของอริยะ นับประสาอะไรกับเขากันเล่า

หากเขายอมรับตอนนี้ว่าตนคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หรือยอมรับตอนที่อยู่ในระดับต้าหลัวและครึ่งอริยะ คงยากจะรอดพ้นจากคำนั้น

ตาย!

หานเจวี๋ยกระตุ้นความฮึกเหิม เริ่มฝึกบำเพ็ญ

การใช้ความฝันอันธการ สิ้นเปลืองเพียงพลังเวทปฐมเทพและพลังจิตเท่านั้น หานเจวี๋ยมิได้ต่อสู้ในความฝัน ดังนั้นยังคงอยู่ในสภาวะสมบูรณ์พร้อม บำเพ็ญต่อได้เลย

พลังวิเศษมหามรรคเป็นเพียงพลังวิเศษ ตบะสิถึงจะเป็นรากฐาน

ยกตัวอย่างเช่นข่งเซวียนในเรื่องสถาปนาเทวดา มีแสงเทพห้าสี เลิศล้ำทรงฤทธิ์ แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้แต่อริยะก็ล้วนเสียหน้าด้วยฝีมือเขา แต่เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า

สุดท้ายก็แพ้อยู่ดีมิใช่หรือ!

เป้าหมายของหานเจวี๋ยคือพิสูจน์ต้าหลัวให้ได้ก่อนที่มหาเคราะห์ครั้งนี้จะสิ้นสุดลง

นั่นคือเป้าหมายขั้นต่ำที่สุด!

อย่างน้อยก็ต้องเป็นครึ่งอริยะก่อนมหาเคราะห์ครั้งถัดไปมาเยือน พยายามพิสูจน์มรรคกลายเป็นอริยะให้ได้ แบบนั้นมหาเคราะห์ครั้งถัดไปถึงจะกลายเป็นยุคสมัยของเขา

หากไม่สำเร็จเป็นอริยะ เช่นนั้นก็ต้องรอต่อไป

ด้วยอายุขัยของหานเจวี๋ย เขามีเวลาให้ใช้เหลือเฟือนัก

….

สิบปีผ่านไป

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งศัตรูพร้อมตรวจดูจดหมาย

[จี้เซียนเสินสหายของท่านได้รับยอดสมบัติมรรคาสวรรค์อำมหิต พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ] x3

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังในความฝัน พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[จิ่งเทียนกงสหายของท่านสาปแช่งยมโลก แรงกรรมเพิ่มพูน]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากอริยะ เรียนรู้พลังวิเศษมรรคาสวรรค์]

[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน บาดเจ็บสาหัส โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[ไท่ซู่เทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญของท่าน]

….

จิ๊ๆ!

ยอดสมบัติมรรคาสวรรค์อำมหิต!

จี้เซียนเสินอีกก้าวเดียวก็ถึงสวรรค์โดยแท้!

ยอดสมบัติมรรคาสวรรค์แข็งแกร่งแค่ไหน หานเจวี๋ยกระจ่างดีที่สุด เพิ่มคำว่าอำมหิตเข้ามาอีกสามคำ คาดว่าคงไม่ย่ำแย่แน่นอน

หากคนผู้นี้รอดชีวิตจากมหาเคราะห์ไปได้ เขาจะกลายเป็นตัวตนเช่นเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์ จักรพรรดิปีศาจและจู่ถูหรือไม่

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเซวียนฉิงจวินได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังในความฝัน จะต้องมีแผนร้ายแน่นอน จำเป็นต้องวิวัฒนาการดูสักหน่อย!

จิ่งเทียนกงใช้ได้เลย เขาไปจัดการตามคำสั่งของหานเจวี๋ยจริงๆ

ไท่ซูเทียนเริ่มเข้าใกล้สิงหงเสวียนแล้วหรือ

หานเจวี๋ยสาปแช่งไปพลาง นึกกังวลไปพลาง

หากแช่งไท่ซู่เทียนให้ตายตรงๆ จะต้องล่วงเกินเจ้าแม่หนี่ว์วาแน่

เป้าหมายของไท่ซู่เทียนคือหานเจวี๋ย เป็นไปไม่ได้ที่หนี่ว์วาจะไม่นึกสงสัยหานเจวี๋ย

ไม่ได้!

ต้องไปเตือนสิงหงเสวียนไว้เสียหน่อย

หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าไท่ซู่เทียนเข้าใกล้ข้าด้วยจุดประสงค์ใด’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

หานเจวี๋ยรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาทันที

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยู่ในตำหนักกว้างขวางโอ่อ่าหลังหนึ่ง สว่างเรืองรอง ไท่ซู่เทียนคุกเข่าอยู่หน้าเทวรูปองค์หนึ่ง

เป็นเทวรูปนารี หน้าตาอ่อนโยน แผ่รัศมีเมตตาปรานี

“เด็กคนนี้คือตัวแปร ข้าหวังว่าเจ้าจะลงสู่แดนมนุษย์ ชำระล้างกรรม เข้าใกล้เขา ทำให้เขาไว้วางใจ” เทวรูปเปล่งเสียงนุ่มละมุน

อริยบุคคล เจ้าแม่หนี่ว์วา!

ไท่ซู่เทียนถามด้วยความสงสัย “เหตุใดต้องเข้าใกล้เขา เป้าหมายคืออะไรหรือ”

หนี่ว์วาเอ่ยตอบ “เขาอาจเป็นจุดเปลี่ยนในการสลายความแค้นระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ มรรคาสวรรค์สี่สิบเก้าประการ เหลือทางโอกาสรอดเพียงเสี้ยวเดียว โอกาสเสี้ยวนี้อาจจะหมายถึงเขา หากเจ้าผูกไมตรีกับเขา วันหน้าข้าก็สานสัมพันธ์กับเขาได้”

“ท่านแน่ใจหรือ”

“ไม่แน่ใจ ระยะนี้ตัวแปรแห่งมรรคาสวรรค์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราทำได้เพียงเลือกเดิมพันดู เด็กคนนี้นิสัยขี้ระแวงตั้งแต่เกิด ไม่เป็นฝ่ายไปหาเรื่องวุ่นวายก่อน บ่วงกรรมของเขาน้อยยิ่ง ด้วยพรสววรรค์ของเขา เดิมทีสมควรก้าวเดินบนเส้นทางบุตรแห่งสวรรค์แต่เขาไม่กลับเอา จุดนี้ทำให้ข้านึกถึงบรรพชนเต๋า”

“บรรพชนเต๋า? เขาเกี่ยวข้องกับบรรพชนเต๋าหรือ”

“ย่อมมิใช่ เราเพียงรู้สึกว่าเขาอาจจะเดินตามเส้นทางอขงบรรพเต๋า แน่นอนว่าแค่อาจจะ”

ไท่ซู่เทียนฟังแล้วตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง

ฉากสถานกาณณ์พังทลายลงไปเช่นนี้

หานเจวี๋ยจมอยู่ในภวังค์ความคิด หนังสือแห่งความโชคร้ายในมือก็ชะงักไปเช่นกัน

หือ?

นี่มันเรื่องอะไรกัน

ที่แท้หนี่ว์วาให้ไท่ซู่เทียนเข้าใกล้เขาเพื่อสานไมตรี เช่นนั้นเหตุใดไท่ซู่เทียนถึงวางแผนทำร้ายสิงหงเสวียนเล่า

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าจำเป็นจะต้องตรวจสอบให้กระจ่าง

เขาสามารถสังหารศัตรูอย่างเหี้ยมหาญได้ แต่จะเปลี่ยนไมตรีให้เป็นความแค้นไม่ได้

ไม่แน่ว่าอาจมีแผนร้ายอย่างอื่นซ่อนอยู่อีก

‘ข้าอยากรู้ว่าไท่ซู่เทียนต้องการฆ่าสิงหงเสวียนด้วยสาเหตุใด’

หานเจวี๋ยใช้ระบบวิวัฒนาการต่อ

[ไม่สามารถทำนายได้ นางไม่มีเจตนาสังหาร]

หานเจวี๋ยตะลึงงัน

ไม่มีเจตนาสังหารหรือ

หรือว่าอนาคตเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว?

หานเจวี๋ยทำได้เพียงเปลี่ยนคำถามแล้วถามใหม่ว่า ‘ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดมาชี้แนะเซวียนฉิงจวินในความฝัน’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นในสมองของหานเจวี๋ย ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าเขา

[จักรพรรดินีผืนพิภพ: ไม่ทราบตบะ เจ้าแห่งสังสารวัฏ]

ที่แท้เป็นจักรพรรดินีผืนพิภพ

นี่เป็นการแสดงเจตนาดีต่อหานเจวี๋ย หรือว่าแผนการอื่นอยู่

หานเจวี๋ยถามต่อ ‘นางมีเจตนาร้ายต่อสิงหงเสวียนหรือไม่’

[ไม่มีเจตนาร้าย]

ครั้งนี้ไม่มีการหักอายุขัย ดูเหมือนถ้าหากถามสองคำถามที่เกี่ยวข้องกัน คำถามที่สองจะไม่ถูกหักอายุขัย

หานเจวี๋ยรู้สึกเบาใจลง และสาปแช่งศัตรูอีกครั้ง

มหาเคราะห์น่าหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ แล้วจริงๆ ทำให้หานเจวี๋ยเกิดเงามืดในใจ กลัวคนใกล้ชิดจะได้รับความเดือดร้อน

หานเจวี๋ยเคยคิดจะใช้ความฝันอันธการไปเรียกสิงหงเสวียนและเซวียนฉิงจวินกลับมา แต่หากทำเช่นนี้ สตรีทั้งสองจะรู้ว่าเขาใช้พลังวิเศษนี้ได้ อาจเป็นการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์อันเสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวตนของเขา อันตรายเกินไป ไม่ควรเสี่ยง

….

เวลาผ่านพ้นไปอีกยี่สิบปี

หานเจวี๋ยเพิ่งสาปแช่งศัตรูเสร็จ ก็พลันสัมผัสถึงกลิ่นอายบางอย่างได้

มีกลุ่มอิทธิพลเข้ามาในแดนชำระบาปเก้าขุมอีกแล้ว!

หานเจวี๋ยพูดไม่ออกเลย

เขาตรวจหาศัตรูที่แข็งแกร่งในละแวกใกล้เคียงทันที

แม้ว่าจะยกระดับอาณาเขตเต๋าแล้ว แต่รัศมีการตรวจจับยังคงไม่ครอบคลุมทั่วแดนชำระบาปเก้าขุม

กลุ่มอิทธิพลรายใหม่อยู่ห่างไกลจากอาณาเขตเต๋ายิ่ง หานเจวี๋ยก็ตรวจสอบไม่ได้เช่นกัน

‘มาก็มาเถอะ อย่ามารบกวนข้าก็พอ’

หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้ ช่วงนี้นิกายเจี๋ยไม่กล้าเพ่นพ่านไปทั่วแล้ว เป็นไปได้ว่าคงพบไท่กู่หยวนเฟิ่งเข้าหรือไม่ก็อาจจะแบกรับการพัวพันของแรงกรรมเป็นเวลานานๆ ไม่ไหว

หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ผู้ที่เข้ามาเป็นกลุ่มอิทธิพลใด’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสิบล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[วังเทพ]

เป็นพวกเขา!

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว ในใจรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่บ้าง

สาเหตุที่วังเทพพ่ายแพ้ มีสาเหตุหลักมาจากการที่เขาสาปแช่งจู่ถู

ถึงแม้ไม่มีผู้ใดทราบว่าเป็นเขา แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ อีกทั้งมู่หรงฉี่ก็มีความแค้นรุนแรงกับวังเทพด้วย

ไม่ได้ ต้องอยู่ให้ห่างจากพวกเขาหน่อย

หานเจวี๋ยควบคุมเกาะสำนักซ่อนเร้น มุ่งหน้าเข้าไปลึกยิ่งขึ้น

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หานเจวี๋ยถึงได้ยอมหยุด หลังจากกำชับตักเตือนชาวสำนักซ่อนเร้นแล้ว เขาก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

งานประลองใหญ่ประจำศตวรรษของสำนักซ่อนเร้นเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง

เมื่อไม่มีหานเจวี๋ยเข้าร่วม จินกังนู่ก็ครองอันดับหนึ่งไปอย่างมั่นคง

เจียงอี้ต่อสู้กับจอมปีศาจคุกรัตติกาลอย่างดุเดือด คว้าชัยชนะมาด้วยความยากลำบาก ภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

จอมปีศาจคุกรัตติกาลและต้วนหงเฉินได้ที่สามและที่สี่เรียงกันไปตามลำดับ ต่างฝ่ายต่างฉุนเฉียวยิ่งนัก

ลี่เหยาได้ที่ห้า ที่หกมิใช่มู่หรงฉี่ มิใช่ถูหลิงเอ๋อร์ แต่เป็นฉู่ซื่อเหริน!

บรรพชนพุทธเริ่มผงาดขึ้นมาแล้ว!

ลี่เหยามองฉู่ซื่อเหรินด้วยสีหน้าท่าทางซับซ้อน เอ่ยถามว่า “เจ้าออมมือไว้หรือ”

คนอื่นก็มองไปที่ฉู่ซื่อเหรินเช่นกัน

ฉู่ซื่อเหรินตอบเรียบๆ ว่า “ข้าประลองกับพวกเจ้าด้วยตบะในชาตินี้เท่านั้น สู้ผู้อื่นมิได้จริงๆ”

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นอดไม่ไหวเอ่ยถามออกไปว่า “เจ้าสามารถสำแดงตบะในชาติก่อนได้ด้วยหรือ”

ฉู่ซื่อเหรินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ พยักหน้ารับ

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 377 ไมตรีจากอริยะ ตบะบรรพชนพุทธ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 377 ไมตรีจากอริยะ ตบะบรรพชนพุทธ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 377 ไมตรีจากอริยะ ตบะบรรพชนพุทธ

ตบะต้องแข็งแกร่งแค่ไหนถึงจะแบกรับกรรมอันยิ่งใหญ่ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้

หานเจวี๋ยคิดไปคิดมา เกรงว่าคงต้องกลายเป็นอริยะเลยกระมัง

มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นตัวเบี้ยของอริยะได้ง่ายๆ

เหมือนจู่ถูที่แม้จะเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งมหาเคราะห์ก็ยังเป็นตัวเบี้ยของอริยะ นับประสาอะไรกับเขากันเล่า

หากเขายอมรับตอนนี้ว่าตนคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หรือยอมรับตอนที่อยู่ในระดับต้าหลัวและครึ่งอริยะ คงยากจะรอดพ้นจากคำนั้น

ตาย!

หานเจวี๋ยกระตุ้นความฮึกเหิม เริ่มฝึกบำเพ็ญ

การใช้ความฝันอันธการ สิ้นเปลืองเพียงพลังเวทปฐมเทพและพลังจิตเท่านั้น หานเจวี๋ยมิได้ต่อสู้ในความฝัน ดังนั้นยังคงอยู่ในสภาวะสมบูรณ์พร้อม บำเพ็ญต่อได้เลย

พลังวิเศษมหามรรคเป็นเพียงพลังวิเศษ ตบะสิถึงจะเป็นรากฐาน

ยกตัวอย่างเช่นข่งเซวียนในเรื่องสถาปนาเทวดา มีแสงเทพห้าสี เลิศล้ำทรงฤทธิ์ แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้แต่อริยะก็ล้วนเสียหน้าด้วยฝีมือเขา แต่เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า

สุดท้ายก็แพ้อยู่ดีมิใช่หรือ!

เป้าหมายของหานเจวี๋ยคือพิสูจน์ต้าหลัวให้ได้ก่อนที่มหาเคราะห์ครั้งนี้จะสิ้นสุดลง

นั่นคือเป้าหมายขั้นต่ำที่สุด!

อย่างน้อยก็ต้องเป็นครึ่งอริยะก่อนมหาเคราะห์ครั้งถัดไปมาเยือน พยายามพิสูจน์มรรคกลายเป็นอริยะให้ได้ แบบนั้นมหาเคราะห์ครั้งถัดไปถึงจะกลายเป็นยุคสมัยของเขา

หากไม่สำเร็จเป็นอริยะ เช่นนั้นก็ต้องรอต่อไป

ด้วยอายุขัยของหานเจวี๋ย เขามีเวลาให้ใช้เหลือเฟือนัก

….

สิบปีผ่านไป

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งศัตรูพร้อมตรวจดูจดหมาย

[จี้เซียนเสินสหายของท่านได้รับยอดสมบัติมรรคาสวรรค์อำมหิต พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ] x3

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังในความฝัน พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[จิ่งเทียนกงสหายของท่านสาปแช่งยมโลก แรงกรรมเพิ่มพูน]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากอริยะ เรียนรู้พลังวิเศษมรรคาสวรรค์]

[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน บาดเจ็บสาหัส โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[ไท่ซู่เทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญของท่าน]

….

จิ๊ๆ!

ยอดสมบัติมรรคาสวรรค์อำมหิต!

จี้เซียนเสินอีกก้าวเดียวก็ถึงสวรรค์โดยแท้!

ยอดสมบัติมรรคาสวรรค์แข็งแกร่งแค่ไหน หานเจวี๋ยกระจ่างดีที่สุด เพิ่มคำว่าอำมหิตเข้ามาอีกสามคำ คาดว่าคงไม่ย่ำแย่แน่นอน

หากคนผู้นี้รอดชีวิตจากมหาเคราะห์ไปได้ เขาจะกลายเป็นตัวตนเช่นเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์ จักรพรรดิปีศาจและจู่ถูหรือไม่

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเซวียนฉิงจวินได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังในความฝัน จะต้องมีแผนร้ายแน่นอน จำเป็นต้องวิวัฒนาการดูสักหน่อย!

จิ่งเทียนกงใช้ได้เลย เขาไปจัดการตามคำสั่งของหานเจวี๋ยจริงๆ

ไท่ซูเทียนเริ่มเข้าใกล้สิงหงเสวียนแล้วหรือ

หานเจวี๋ยสาปแช่งไปพลาง นึกกังวลไปพลาง

หากแช่งไท่ซู่เทียนให้ตายตรงๆ จะต้องล่วงเกินเจ้าแม่หนี่ว์วาแน่

เป้าหมายของไท่ซู่เทียนคือหานเจวี๋ย เป็นไปไม่ได้ที่หนี่ว์วาจะไม่นึกสงสัยหานเจวี๋ย

ไม่ได้!

ต้องไปเตือนสิงหงเสวียนไว้เสียหน่อย

หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าไท่ซู่เทียนเข้าใกล้ข้าด้วยจุดประสงค์ใด’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

หานเจวี๋ยรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาทันที

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยู่ในตำหนักกว้างขวางโอ่อ่าหลังหนึ่ง สว่างเรืองรอง ไท่ซู่เทียนคุกเข่าอยู่หน้าเทวรูปองค์หนึ่ง

เป็นเทวรูปนารี หน้าตาอ่อนโยน แผ่รัศมีเมตตาปรานี

“เด็กคนนี้คือตัวแปร ข้าหวังว่าเจ้าจะลงสู่แดนมนุษย์ ชำระล้างกรรม เข้าใกล้เขา ทำให้เขาไว้วางใจ” เทวรูปเปล่งเสียงนุ่มละมุน

อริยบุคคล เจ้าแม่หนี่ว์วา!

ไท่ซู่เทียนถามด้วยความสงสัย “เหตุใดต้องเข้าใกล้เขา เป้าหมายคืออะไรหรือ”

หนี่ว์วาเอ่ยตอบ “เขาอาจเป็นจุดเปลี่ยนในการสลายความแค้นระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ มรรคาสวรรค์สี่สิบเก้าประการ เหลือทางโอกาสรอดเพียงเสี้ยวเดียว โอกาสเสี้ยวนี้อาจจะหมายถึงเขา หากเจ้าผูกไมตรีกับเขา วันหน้าข้าก็สานสัมพันธ์กับเขาได้”

“ท่านแน่ใจหรือ”

“ไม่แน่ใจ ระยะนี้ตัวแปรแห่งมรรคาสวรรค์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราทำได้เพียงเลือกเดิมพันดู เด็กคนนี้นิสัยขี้ระแวงตั้งแต่เกิด ไม่เป็นฝ่ายไปหาเรื่องวุ่นวายก่อน บ่วงกรรมของเขาน้อยยิ่ง ด้วยพรสววรรค์ของเขา เดิมทีสมควรก้าวเดินบนเส้นทางบุตรแห่งสวรรค์แต่เขาไม่กลับเอา จุดนี้ทำให้ข้านึกถึงบรรพชนเต๋า”

“บรรพชนเต๋า? เขาเกี่ยวข้องกับบรรพชนเต๋าหรือ”

“ย่อมมิใช่ เราเพียงรู้สึกว่าเขาอาจจะเดินตามเส้นทางอขงบรรพเต๋า แน่นอนว่าแค่อาจจะ”

ไท่ซู่เทียนฟังแล้วตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง

ฉากสถานกาณณ์พังทลายลงไปเช่นนี้

หานเจวี๋ยจมอยู่ในภวังค์ความคิด หนังสือแห่งความโชคร้ายในมือก็ชะงักไปเช่นกัน

หือ?

นี่มันเรื่องอะไรกัน

ที่แท้หนี่ว์วาให้ไท่ซู่เทียนเข้าใกล้เขาเพื่อสานไมตรี เช่นนั้นเหตุใดไท่ซู่เทียนถึงวางแผนทำร้ายสิงหงเสวียนเล่า

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าจำเป็นจะต้องตรวจสอบให้กระจ่าง

เขาสามารถสังหารศัตรูอย่างเหี้ยมหาญได้ แต่จะเปลี่ยนไมตรีให้เป็นความแค้นไม่ได้

ไม่แน่ว่าอาจมีแผนร้ายอย่างอื่นซ่อนอยู่อีก

‘ข้าอยากรู้ว่าไท่ซู่เทียนต้องการฆ่าสิงหงเสวียนด้วยสาเหตุใด’

หานเจวี๋ยใช้ระบบวิวัฒนาการต่อ

[ไม่สามารถทำนายได้ นางไม่มีเจตนาสังหาร]

หานเจวี๋ยตะลึงงัน

ไม่มีเจตนาสังหารหรือ

หรือว่าอนาคตเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว?

หานเจวี๋ยทำได้เพียงเปลี่ยนคำถามแล้วถามใหม่ว่า ‘ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดมาชี้แนะเซวียนฉิงจวินในความฝัน’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นในสมองของหานเจวี๋ย ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าเขา

[จักรพรรดินีผืนพิภพ: ไม่ทราบตบะ เจ้าแห่งสังสารวัฏ]

ที่แท้เป็นจักรพรรดินีผืนพิภพ

นี่เป็นการแสดงเจตนาดีต่อหานเจวี๋ย หรือว่าแผนการอื่นอยู่

หานเจวี๋ยถามต่อ ‘นางมีเจตนาร้ายต่อสิงหงเสวียนหรือไม่’

[ไม่มีเจตนาร้าย]

ครั้งนี้ไม่มีการหักอายุขัย ดูเหมือนถ้าหากถามสองคำถามที่เกี่ยวข้องกัน คำถามที่สองจะไม่ถูกหักอายุขัย

หานเจวี๋ยรู้สึกเบาใจลง และสาปแช่งศัตรูอีกครั้ง

มหาเคราะห์น่าหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ แล้วจริงๆ ทำให้หานเจวี๋ยเกิดเงามืดในใจ กลัวคนใกล้ชิดจะได้รับความเดือดร้อน

หานเจวี๋ยเคยคิดจะใช้ความฝันอันธการไปเรียกสิงหงเสวียนและเซวียนฉิงจวินกลับมา แต่หากทำเช่นนี้ สตรีทั้งสองจะรู้ว่าเขาใช้พลังวิเศษนี้ได้ อาจเป็นการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์อันเสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวตนของเขา อันตรายเกินไป ไม่ควรเสี่ยง

….

เวลาผ่านพ้นไปอีกยี่สิบปี

หานเจวี๋ยเพิ่งสาปแช่งศัตรูเสร็จ ก็พลันสัมผัสถึงกลิ่นอายบางอย่างได้

มีกลุ่มอิทธิพลเข้ามาในแดนชำระบาปเก้าขุมอีกแล้ว!

หานเจวี๋ยพูดไม่ออกเลย

เขาตรวจหาศัตรูที่แข็งแกร่งในละแวกใกล้เคียงทันที

แม้ว่าจะยกระดับอาณาเขตเต๋าแล้ว แต่รัศมีการตรวจจับยังคงไม่ครอบคลุมทั่วแดนชำระบาปเก้าขุม

กลุ่มอิทธิพลรายใหม่อยู่ห่างไกลจากอาณาเขตเต๋ายิ่ง หานเจวี๋ยก็ตรวจสอบไม่ได้เช่นกัน

‘มาก็มาเถอะ อย่ามารบกวนข้าก็พอ’

หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้ ช่วงนี้นิกายเจี๋ยไม่กล้าเพ่นพ่านไปทั่วแล้ว เป็นไปได้ว่าคงพบไท่กู่หยวนเฟิ่งเข้าหรือไม่ก็อาจจะแบกรับการพัวพันของแรงกรรมเป็นเวลานานๆ ไม่ไหว

หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ผู้ที่เข้ามาเป็นกลุ่มอิทธิพลใด’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสิบล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[วังเทพ]

เป็นพวกเขา!

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว ในใจรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่บ้าง

สาเหตุที่วังเทพพ่ายแพ้ มีสาเหตุหลักมาจากการที่เขาสาปแช่งจู่ถู

ถึงแม้ไม่มีผู้ใดทราบว่าเป็นเขา แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ อีกทั้งมู่หรงฉี่ก็มีความแค้นรุนแรงกับวังเทพด้วย

ไม่ได้ ต้องอยู่ให้ห่างจากพวกเขาหน่อย

หานเจวี๋ยควบคุมเกาะสำนักซ่อนเร้น มุ่งหน้าเข้าไปลึกยิ่งขึ้น

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หานเจวี๋ยถึงได้ยอมหยุด หลังจากกำชับตักเตือนชาวสำนักซ่อนเร้นแล้ว เขาก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

งานประลองใหญ่ประจำศตวรรษของสำนักซ่อนเร้นเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง

เมื่อไม่มีหานเจวี๋ยเข้าร่วม จินกังนู่ก็ครองอันดับหนึ่งไปอย่างมั่นคง

เจียงอี้ต่อสู้กับจอมปีศาจคุกรัตติกาลอย่างดุเดือด คว้าชัยชนะมาด้วยความยากลำบาก ภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

จอมปีศาจคุกรัตติกาลและต้วนหงเฉินได้ที่สามและที่สี่เรียงกันไปตามลำดับ ต่างฝ่ายต่างฉุนเฉียวยิ่งนัก

ลี่เหยาได้ที่ห้า ที่หกมิใช่มู่หรงฉี่ มิใช่ถูหลิงเอ๋อร์ แต่เป็นฉู่ซื่อเหริน!

บรรพชนพุทธเริ่มผงาดขึ้นมาแล้ว!

ลี่เหยามองฉู่ซื่อเหรินด้วยสีหน้าท่าทางซับซ้อน เอ่ยถามว่า “เจ้าออมมือไว้หรือ”

คนอื่นก็มองไปที่ฉู่ซื่อเหรินเช่นกัน

ฉู่ซื่อเหรินตอบเรียบๆ ว่า “ข้าประลองกับพวกเจ้าด้วยตบะในชาตินี้เท่านั้น สู้ผู้อื่นมิได้จริงๆ”

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นอดไม่ไหวเอ่ยถามออกไปว่า “เจ้าสามารถสำแดงตบะในชาติก่อนได้ด้วยหรือ”

ฉู่ซื่อเหรินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ พยักหน้ารับ

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+