ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 484 เผ่าบรรพกาลบุก สองหมัดสังหาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 484 เผ่าบรรพกาลบุก สองหมัดสังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 484 เผ่าบรรพกาลบุก สองหมัดสังหาร

หลังจากที่หลี่มู่อีกลับไปแล้ว หานเจวี๋ยคิดว่าฉิวซีไหลจะเรียกหาเขาแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฉิวซีไหลกลายเป็นสิ่งเปราะบาง

หากในอนาคตฉิวซีไหลไม่มาขอให้ศิษย์ของเขาเข้าร่วมสำนักพุทธอีก ก็หมายความว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองขาดสะบั้นลงแล้ว เขาจำต้องระวังไม่ให้ฉิวซีไหลหันกลับมาเล่นงานเขาด้วย

อริยะพันคนก็มีพันหน้า แม้จะมีอาณาเขตเต๋าคุ้มกัน แต่หานเจวี๋ยก็ต้องระวังตัวอยู่ดี

แม้ว่าหลี่มู่อีจะจากไปแล้ว แต่สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่อยู่นอกเขตเซียนร้อยคีรีก็ยังไม่ไปไหน ดูเหมือนว่าพวกมันตั้งใจจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่

ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้านับวันจำนวนก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไม่หยุด

แปดสิบปีต่อมา

โจวหมิงเยวี่ยมาเคารพหานเจวี๋ย ยังมีหานตั้วเทียนที่ตามมาด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่หานตั้วเทียนได้มาเยือนอารามเต๋าของหานเจวี๋ย

ศิษย์หลานสองคนนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหานเจวี๋ย ท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

หานเจวี๋ยไม่ได้ถามขึ้นก่อน เขารอจนกระทั่งทั้งสองเอ่ยปากออกมา

โจวหมิงเยวี่ยเอ่ยอย่างระมัดระวัง “อาจารย์ปู่ขอรับ จะจัดการกับสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าข้างนอกอย่างไรดีขอรับ”

หานเจวี๋ยถามกลับ “พวกเจ้าจะรับเลี้ยงไว้หรือ”

หานตั้วเทียนเงยหน้าขึ้นถาม “เขตเซียนร้อยคีรีกว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ ในเมื่อพวกสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าพวกนั้นไม่ยอมไปไหน เหตุใดถึงรับเข้ามาไม่ได้ล่ะขอรับ ข้าได้ยินมาจากเหล่าศิษย์พี่คนอื่นว่า ถ้าหากสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้ามีชีวิตรอดต่อไปได้ ภายภาคหน้าจะกลายเป็นผู้ทรงพลังแห่งโลกาสวรรค์”

หานเจวี๋ยจ้องเขม็งไปที่หานตั้วเทียน จนเขาต้องก้มหัวลงด้วยความตกใจ

แม้ว่าหยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทราจะบดบังใบหน้าของหานเจวี๋ยเอาไว้ ทว่าแววตาที่จ้องมองมาอย่างกดข่มก็ทำให้หานตั้วเทียนรู้สึกหนาวสะท้าน

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยก็ตระหนักได้ว่าความทะเยอทะยานของหานตั้วเทียนนั้นยิ่งใหญ่เกินไป

ความทะเยอทะยานเช่นนี้มีติดตัวมาแต่กำเนิด

และไม่อาจรู้ได้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่

โจวหมิงเยวี่ยคล้ายจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยออกมา “อาจารย์ปู่ ท่านวางใจได้เลยขอรับ ตั้วเทียนแค่จะรับเข้ามาเลี้ยงเท่านั้น ไม่มีทางพาสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าพวกนี้ออกไปก่อเรื่องอย่างแน่นอนขอรับ”

หานตั้วเทียนรีบรับปากทันที “ใช่แล้วขอรับ อาจารย์ปู่ ข้าเพียงแต่หวังดีกับสำนักซ่อนเร้นเท่านั้น สำนักซ่อนเร้นแข็งแกร่งมากก็จริง ทว่าคนส่วนใหญ่เอาแต่วุ่นกับการปิดด่านฝึกฝน ขาดคนคอยจัดการเหล่าสรรพสัตว์นอกเขตเซียนร้อยคีรี แม้ว่าข้าจะเด็กที่สุดในสำนัก แต่ข้าก็สามารถช่วยเหลือเป็นธุระได้นะขอรับ”

หานเจวี๋ยไม่คลางแคลงในความภักดีของหานตั้วเทียนแต่อย่างใด ผ่านมาหลายปี ตอนนี้ระดับความประทับใจของหานตั้วเทียนที่มีต่อเขาเพิ่มขึ้นเป็นหกดาวแล้ว

โจวหมิงเยวี่ยถลึงตามองหานตั้วเทียน แล้วตวาดลั่น “เจ้าพูดอะไรของเจ้า!”

หานตั้วเทียนรู้สึกผิด ไม่กล้าพูดขึ้นมาอีก

โจวหมิงเยวี่ยตกใจมาก เหตุใดคำพูดนี้จึงฟังดูเหมือนต้องการจะชิงอำนาจอย่างไรอย่างนั้น

แม้ว่าหานเจวี๋ยจะดีต่อศิษย์ทั้งหลาย และเหล่าศิษย์เองไม่เคยสงสัยในฝีมือของหานเจวี๋ยเลย แต่หากทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกเป็นภัย หานเจวี๋ยไม่มีทางปรานีอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยตรวจสอบสิ่งมีชีวิตรอบนอกอาณาเขตเต๋า ไม่พบแม้แต่เงาของหลี่มู่อี เขาจึงใช้จิตรับรู้เคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้านอกอาณาเขตเต๋าเข้ามาภายในเขตเซียนร้อยคีรี

“ไปเถอะ พวกมันเข้ามาแล้ว”

หานเจวี๋ยพูดจบก็หลับตาลง

โจวหมิงเยวี่ยและหานตั้วเทียนต่างก็ตื่นเต้นดีใจ รีบคำนับขอบคุณและจากไปทันที

เมื่อเข้ามาสู่เขตเซียนร้อยคีรี เหล่าสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าต่างก็รู้สึกตื่นตระหนก จนทำให้ทั่วเขตเซียนร้อยคีรีมีแต่เสียงร้องระงม แต่ไม่นานพวกมันก็สงบลง

เต้าจื้อจุนลงมือแล้ว!

หานเจวี๋ยไม่คาดหวังอะไรกับสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าเหล่านี้มากนัก

หากสมมติว่าเผ่าเอกาหมื่นคนสามารถฝึกบำเพ็ญจนไปถึงระดับครึ่งอริยะได้ สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าเหล่านี้ก็ไร้ความหมาย

แต่มีอยู่ข้อหนึ่ง!

ตราบใดที่เข้ามาในเขตเซียนร้อยคีรีแล้ว ก็อย่าหวังจะได้ออกไปอีก!

เว้นเสียแต่จะฝึกบำเพ็ญจนถึงระดับครึ่งอริยะ!

หลังจากผ่านการวิวัฒนาการนับพันๆ ปี บวกกับสำนักดวงชะตาที่แสดงธรรมอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าหรือสัตว์อสูรล้วนแต่ชอบพุ่งเข้าไปหาแหล่งที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังวิญญาณ

บริเวณรอบข้างของเขตเซียนร้อยคีรี เนื่องมาจากอาณาเขตเต๋า พลังวิญญาณรอบด้านจึงเพิ่มพูนขึ้นไม่หยุดส่งผลให้สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลาผันผ่านไปราวกับติดปีก ผ่านไปอีกหนึ่งพันปี

ถูหลิงเอ๋อร์เข้าสู่ระดับเทพ อู้เต้าเจี้ยน ฉู่ซื่อเหริน และมู่หรงฉี่ก็เริ่มมุ่งหน้าสู่ระดับเทพเช่นกัน

จ้าวเซวียนหยวนเข้าใกล้ระดับต้าหลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าภายในเขตเซียนร้อยคีรีมีจำนวนเกินหลักพันแล้ว เริ่มมีการแบ่งระดับ จัดการคัดสรรอย่างเข้มงวด ภายใต้การดูแลของหานตั้วเทียน

อยู่มาวันหนึ่ง

ภายนอกเขตเซียนร้อยคีรีก็มีกลุ่มสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าจำนวนมากกรูกันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน จนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแผ่นดิน

ยักษ์ร่างกำยำปรากฏตัวขึ้น ณ ปลายขอบฟ้า สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าตัวใหญ่ยักษ์ตรงหน้าของเขาเป็นดั่งก้อนหินเล็กจ้อย ตัวของเขาสูงใหญ่ยิ่งกว่าภูเขาลูกใดในเขตเซียนร้อยคีรี

เขาคือกู่จั๋วอิน ผู้นำเผ่าบรรพกาล!

หลังจากผ่านไปหลายปี เผ่าบรรพกาลของกู่จั๋วอินก็กลืนกินสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าจำนวนมหาศาล และกระจายตัวไปทั่วดินแดน

กู่จั๋วอินได้ยินมาจากพวกลูกน้องเมื่อไม่นานมานี้ว่า บริเวณนี้มีสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เขาจึงนำทัพบุกมา หมายจะขยายเผ่าบรรพกาล

กู่จั๋วอินทอดสายตาไปยังเขตเซียนร้อยคีรี สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ คล้ายจะถูกตัดขาดโดยพลังที่มองไม่เห็น ไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้อีก และยังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยที่เกาะอยู่ในบริเวณรอบค่ายกล มองผ่านๆ เหมือนว่าร่างกายครึ่งหนึ่งของพวกมันลอยคว้างอยู่ในอากาศ ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

กู่จั๋วอินกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดลมพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่อ่อนแอบางตัวก็ถูกลมพัดจนลอยละลิ่วไป

ตู้ม!

กู่จั๋วอินชนเข้ากับค่ายกลอาณาเขตเต๋าอย่างแรง และถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้

เส้นผมยาวเหยียดของเขาสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับถูกสัตว์อสูรสิงร่าง เขาเริ่มรัวหมัดสองข้างใส่ค่ายกล แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำลายมันได้

ศิษย์สำนักซ่อนเร้นค่อยๆ เดินออกจากที่พักของตนทีละคน และมองดูร่างสูงเสียดฟ้าที่แสนน่าสะพรึงกลัว พวกเขามองต่างหน้ากันด้วยความตกตะลึง

นี่ใครอีกเล่า

สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าในเขตเซียนร้อยคีรีต่างตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

เฮ่าเทียนโผล่ออกมาจากร่างของหลงเฮ่าและกล่าว “กู่จั๋วอิน ไม่คิดว่าเขาจะมาได้ คงเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้ารอบเขตเซียนร้อยคีรีมีมากเกินไป จนล่อเขามาถึงนี่”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสมเพช คิดว่ากู่จั๋วอินรนหาที่ตายเสียแล้ว

คนอื่นๆ เองก็ไม่ได้เห็นกู่จั๋วอินในสายตาสักเท่าไรนัก

มีเพียงสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าในความดูแลของหานตั้วเทียนเท่านั้นที่ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

กู่จั๋วอินท่าทางแข็งแกร่งเหนือคำบรรยาย แค่ได้เห็นรูปร่างของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง

“กลัวอะไรกัน! คนผู้นี้สู้อะไรสำนักซ่อนเร้นของพวกเราไม่ได้เลย ผู้ทรงพลังแห่งสำนักซ่อนเร้นกำลังวุ่นอยู่กับการฝึกบำเพ็ญ จึงไม่ได้แสดงตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาออกมาก็เท่านั้น! ”

หานตั้วเทียนตวาดลั่น เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ เมื่อเห็นลูกน้องของตนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

เทียบกับเผ่าเอกาแล้ว ยังห่างชั้นกันหลายขุม

ฝ่ายนั้นเป็นถึงผู้ทรงพลังระดับจักรพรรดิเซียนกว่าหนึ่งหมื่นตน!

ในตอนนี้เอง!

ตูม!

ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากเขตเซียนร้อยคีรี พุ่งผ่านค่ายกล ตรงไปยังศีรษะของกู่จั๋วอิน เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด ตกลงมาราวกับห่าฝน

กู่จั๋วอินที่หัวขาดสะดุ้งตัว กระโดดหนีออกไปจากอาณาเขตเต๋า

“เป็นไปได้อย่างไร!”

กู่จั๋วอินตกตะลึง ต่อให้เป็นครึ่งอริยะระยะสมบูรณ์ ก็ไม่มีทางแทงทะลุกายเนื้อของเขาได้

อีกฝ่ายเป็นใครกันแน่?

ในตอนนี้เอง ก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในอากาศอันบางเบา

แสงสว่างอันเจิดจ้าทำให้เขาต้องหรี่ตาลง เขาเหวี่ยงหมัดออกไปตามสัญชาตญาณ เพื่อป้องกันการโจมตีจากอีกฝ่าย

ผู้มาเยือนคือหานเจวี๋ยนั่นเอง

ร่างจำลองเทพมารขุนพลสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของหานเจวี๋ย และเหวี่ยงหมัดออกไปหนึ่งข้าง!

หมัดทั้งสองปะทะกัน!

ตัวของกู่จั๋วอินถูกทำลายทันที กายเนื้อสลายกลายเป็นผุยผง ล่องลอยกระจัดกระจายออกไป ดวงวิญญาณของเขาหนีหายไปด้วยความตกใจกลัว

เทพมารขุนพลสวรรค์ซัดกำปั้นเข้าใส่อีกครั้ง

วิญญาณของกู่จั๋วอินถูกทำลายจนสิ้นซาก!

จากนั้นหานเจวี๋ยก็หายตัวไปเกือบจะทันที และกลับไปอยู่ในอารามเต๋าดังเดิม

โลกาสวรรค์พลันเงียบสงัด

สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้านอกเขตเซียนร้อยคีรีต่างนิ่งงันตาค้าง มองไปบนท้องฟ้าอย่างไม่เชื่อสายตา ในขณะที่ไอหมอกโลหิตนั้นยังคงลอยเอื่อยลงมาช้าๆ

………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 484 เผ่าบรรพกาลบุก สองหมัดสังหาร

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 484 เผ่าบรรพกาลบุก สองหมัดสังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 484 เผ่าบรรพกาลบุก สองหมัดสังหาร

หลังจากที่หลี่มู่อีกลับไปแล้ว หานเจวี๋ยคิดว่าฉิวซีไหลจะเรียกหาเขาแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฉิวซีไหลกลายเป็นสิ่งเปราะบาง

หากในอนาคตฉิวซีไหลไม่มาขอให้ศิษย์ของเขาเข้าร่วมสำนักพุทธอีก ก็หมายความว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองขาดสะบั้นลงแล้ว เขาจำต้องระวังไม่ให้ฉิวซีไหลหันกลับมาเล่นงานเขาด้วย

อริยะพันคนก็มีพันหน้า แม้จะมีอาณาเขตเต๋าคุ้มกัน แต่หานเจวี๋ยก็ต้องระวังตัวอยู่ดี

แม้ว่าหลี่มู่อีจะจากไปแล้ว แต่สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่อยู่นอกเขตเซียนร้อยคีรีก็ยังไม่ไปไหน ดูเหมือนว่าพวกมันตั้งใจจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่

ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้านับวันจำนวนก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไม่หยุด

แปดสิบปีต่อมา

โจวหมิงเยวี่ยมาเคารพหานเจวี๋ย ยังมีหานตั้วเทียนที่ตามมาด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่หานตั้วเทียนได้มาเยือนอารามเต๋าของหานเจวี๋ย

ศิษย์หลานสองคนนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหานเจวี๋ย ท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

หานเจวี๋ยไม่ได้ถามขึ้นก่อน เขารอจนกระทั่งทั้งสองเอ่ยปากออกมา

โจวหมิงเยวี่ยเอ่ยอย่างระมัดระวัง “อาจารย์ปู่ขอรับ จะจัดการกับสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าข้างนอกอย่างไรดีขอรับ”

หานเจวี๋ยถามกลับ “พวกเจ้าจะรับเลี้ยงไว้หรือ”

หานตั้วเทียนเงยหน้าขึ้นถาม “เขตเซียนร้อยคีรีกว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ ในเมื่อพวกสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าพวกนั้นไม่ยอมไปไหน เหตุใดถึงรับเข้ามาไม่ได้ล่ะขอรับ ข้าได้ยินมาจากเหล่าศิษย์พี่คนอื่นว่า ถ้าหากสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้ามีชีวิตรอดต่อไปได้ ภายภาคหน้าจะกลายเป็นผู้ทรงพลังแห่งโลกาสวรรค์”

หานเจวี๋ยจ้องเขม็งไปที่หานตั้วเทียน จนเขาต้องก้มหัวลงด้วยความตกใจ

แม้ว่าหยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทราจะบดบังใบหน้าของหานเจวี๋ยเอาไว้ ทว่าแววตาที่จ้องมองมาอย่างกดข่มก็ทำให้หานตั้วเทียนรู้สึกหนาวสะท้าน

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยก็ตระหนักได้ว่าความทะเยอทะยานของหานตั้วเทียนนั้นยิ่งใหญ่เกินไป

ความทะเยอทะยานเช่นนี้มีติดตัวมาแต่กำเนิด

และไม่อาจรู้ได้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่

โจวหมิงเยวี่ยคล้ายจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยออกมา “อาจารย์ปู่ ท่านวางใจได้เลยขอรับ ตั้วเทียนแค่จะรับเข้ามาเลี้ยงเท่านั้น ไม่มีทางพาสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าพวกนี้ออกไปก่อเรื่องอย่างแน่นอนขอรับ”

หานตั้วเทียนรีบรับปากทันที “ใช่แล้วขอรับ อาจารย์ปู่ ข้าเพียงแต่หวังดีกับสำนักซ่อนเร้นเท่านั้น สำนักซ่อนเร้นแข็งแกร่งมากก็จริง ทว่าคนส่วนใหญ่เอาแต่วุ่นกับการปิดด่านฝึกฝน ขาดคนคอยจัดการเหล่าสรรพสัตว์นอกเขตเซียนร้อยคีรี แม้ว่าข้าจะเด็กที่สุดในสำนัก แต่ข้าก็สามารถช่วยเหลือเป็นธุระได้นะขอรับ”

หานเจวี๋ยไม่คลางแคลงในความภักดีของหานตั้วเทียนแต่อย่างใด ผ่านมาหลายปี ตอนนี้ระดับความประทับใจของหานตั้วเทียนที่มีต่อเขาเพิ่มขึ้นเป็นหกดาวแล้ว

โจวหมิงเยวี่ยถลึงตามองหานตั้วเทียน แล้วตวาดลั่น “เจ้าพูดอะไรของเจ้า!”

หานตั้วเทียนรู้สึกผิด ไม่กล้าพูดขึ้นมาอีก

โจวหมิงเยวี่ยตกใจมาก เหตุใดคำพูดนี้จึงฟังดูเหมือนต้องการจะชิงอำนาจอย่างไรอย่างนั้น

แม้ว่าหานเจวี๋ยจะดีต่อศิษย์ทั้งหลาย และเหล่าศิษย์เองไม่เคยสงสัยในฝีมือของหานเจวี๋ยเลย แต่หากทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกเป็นภัย หานเจวี๋ยไม่มีทางปรานีอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยตรวจสอบสิ่งมีชีวิตรอบนอกอาณาเขตเต๋า ไม่พบแม้แต่เงาของหลี่มู่อี เขาจึงใช้จิตรับรู้เคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้านอกอาณาเขตเต๋าเข้ามาภายในเขตเซียนร้อยคีรี

“ไปเถอะ พวกมันเข้ามาแล้ว”

หานเจวี๋ยพูดจบก็หลับตาลง

โจวหมิงเยวี่ยและหานตั้วเทียนต่างก็ตื่นเต้นดีใจ รีบคำนับขอบคุณและจากไปทันที

เมื่อเข้ามาสู่เขตเซียนร้อยคีรี เหล่าสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าต่างก็รู้สึกตื่นตระหนก จนทำให้ทั่วเขตเซียนร้อยคีรีมีแต่เสียงร้องระงม แต่ไม่นานพวกมันก็สงบลง

เต้าจื้อจุนลงมือแล้ว!

หานเจวี๋ยไม่คาดหวังอะไรกับสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าเหล่านี้มากนัก

หากสมมติว่าเผ่าเอกาหมื่นคนสามารถฝึกบำเพ็ญจนไปถึงระดับครึ่งอริยะได้ สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าเหล่านี้ก็ไร้ความหมาย

แต่มีอยู่ข้อหนึ่ง!

ตราบใดที่เข้ามาในเขตเซียนร้อยคีรีแล้ว ก็อย่าหวังจะได้ออกไปอีก!

เว้นเสียแต่จะฝึกบำเพ็ญจนถึงระดับครึ่งอริยะ!

หลังจากผ่านการวิวัฒนาการนับพันๆ ปี บวกกับสำนักดวงชะตาที่แสดงธรรมอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าหรือสัตว์อสูรล้วนแต่ชอบพุ่งเข้าไปหาแหล่งที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังวิญญาณ

บริเวณรอบข้างของเขตเซียนร้อยคีรี เนื่องมาจากอาณาเขตเต๋า พลังวิญญาณรอบด้านจึงเพิ่มพูนขึ้นไม่หยุดส่งผลให้สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลาผันผ่านไปราวกับติดปีก ผ่านไปอีกหนึ่งพันปี

ถูหลิงเอ๋อร์เข้าสู่ระดับเทพ อู้เต้าเจี้ยน ฉู่ซื่อเหริน และมู่หรงฉี่ก็เริ่มมุ่งหน้าสู่ระดับเทพเช่นกัน

จ้าวเซวียนหยวนเข้าใกล้ระดับต้าหลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าภายในเขตเซียนร้อยคีรีมีจำนวนเกินหลักพันแล้ว เริ่มมีการแบ่งระดับ จัดการคัดสรรอย่างเข้มงวด ภายใต้การดูแลของหานตั้วเทียน

อยู่มาวันหนึ่ง

ภายนอกเขตเซียนร้อยคีรีก็มีกลุ่มสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าจำนวนมากกรูกันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน จนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแผ่นดิน

ยักษ์ร่างกำยำปรากฏตัวขึ้น ณ ปลายขอบฟ้า สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าตัวใหญ่ยักษ์ตรงหน้าของเขาเป็นดั่งก้อนหินเล็กจ้อย ตัวของเขาสูงใหญ่ยิ่งกว่าภูเขาลูกใดในเขตเซียนร้อยคีรี

เขาคือกู่จั๋วอิน ผู้นำเผ่าบรรพกาล!

หลังจากผ่านไปหลายปี เผ่าบรรพกาลของกู่จั๋วอินก็กลืนกินสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าจำนวนมหาศาล และกระจายตัวไปทั่วดินแดน

กู่จั๋วอินได้ยินมาจากพวกลูกน้องเมื่อไม่นานมานี้ว่า บริเวณนี้มีสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เขาจึงนำทัพบุกมา หมายจะขยายเผ่าบรรพกาล

กู่จั๋วอินทอดสายตาไปยังเขตเซียนร้อยคีรี สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ คล้ายจะถูกตัดขาดโดยพลังที่มองไม่เห็น ไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้อีก และยังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยที่เกาะอยู่ในบริเวณรอบค่ายกล มองผ่านๆ เหมือนว่าร่างกายครึ่งหนึ่งของพวกมันลอยคว้างอยู่ในอากาศ ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

กู่จั๋วอินกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดลมพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่อ่อนแอบางตัวก็ถูกลมพัดจนลอยละลิ่วไป

ตู้ม!

กู่จั๋วอินชนเข้ากับค่ายกลอาณาเขตเต๋าอย่างแรง และถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้

เส้นผมยาวเหยียดของเขาสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับถูกสัตว์อสูรสิงร่าง เขาเริ่มรัวหมัดสองข้างใส่ค่ายกล แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำลายมันได้

ศิษย์สำนักซ่อนเร้นค่อยๆ เดินออกจากที่พักของตนทีละคน และมองดูร่างสูงเสียดฟ้าที่แสนน่าสะพรึงกลัว พวกเขามองต่างหน้ากันด้วยความตกตะลึง

นี่ใครอีกเล่า

สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าในเขตเซียนร้อยคีรีต่างตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

เฮ่าเทียนโผล่ออกมาจากร่างของหลงเฮ่าและกล่าว “กู่จั๋วอิน ไม่คิดว่าเขาจะมาได้ คงเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้ารอบเขตเซียนร้อยคีรีมีมากเกินไป จนล่อเขามาถึงนี่”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสมเพช คิดว่ากู่จั๋วอินรนหาที่ตายเสียแล้ว

คนอื่นๆ เองก็ไม่ได้เห็นกู่จั๋วอินในสายตาสักเท่าไรนัก

มีเพียงสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าในความดูแลของหานตั้วเทียนเท่านั้นที่ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

กู่จั๋วอินท่าทางแข็งแกร่งเหนือคำบรรยาย แค่ได้เห็นรูปร่างของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง

“กลัวอะไรกัน! คนผู้นี้สู้อะไรสำนักซ่อนเร้นของพวกเราไม่ได้เลย ผู้ทรงพลังแห่งสำนักซ่อนเร้นกำลังวุ่นอยู่กับการฝึกบำเพ็ญ จึงไม่ได้แสดงตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาออกมาก็เท่านั้น! ”

หานตั้วเทียนตวาดลั่น เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ เมื่อเห็นลูกน้องของตนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

เทียบกับเผ่าเอกาแล้ว ยังห่างชั้นกันหลายขุม

ฝ่ายนั้นเป็นถึงผู้ทรงพลังระดับจักรพรรดิเซียนกว่าหนึ่งหมื่นตน!

ในตอนนี้เอง!

ตูม!

ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากเขตเซียนร้อยคีรี พุ่งผ่านค่ายกล ตรงไปยังศีรษะของกู่จั๋วอิน เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด ตกลงมาราวกับห่าฝน

กู่จั๋วอินที่หัวขาดสะดุ้งตัว กระโดดหนีออกไปจากอาณาเขตเต๋า

“เป็นไปได้อย่างไร!”

กู่จั๋วอินตกตะลึง ต่อให้เป็นครึ่งอริยะระยะสมบูรณ์ ก็ไม่มีทางแทงทะลุกายเนื้อของเขาได้

อีกฝ่ายเป็นใครกันแน่?

ในตอนนี้เอง ก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในอากาศอันบางเบา

แสงสว่างอันเจิดจ้าทำให้เขาต้องหรี่ตาลง เขาเหวี่ยงหมัดออกไปตามสัญชาตญาณ เพื่อป้องกันการโจมตีจากอีกฝ่าย

ผู้มาเยือนคือหานเจวี๋ยนั่นเอง

ร่างจำลองเทพมารขุนพลสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของหานเจวี๋ย และเหวี่ยงหมัดออกไปหนึ่งข้าง!

หมัดทั้งสองปะทะกัน!

ตัวของกู่จั๋วอินถูกทำลายทันที กายเนื้อสลายกลายเป็นผุยผง ล่องลอยกระจัดกระจายออกไป ดวงวิญญาณของเขาหนีหายไปด้วยความตกใจกลัว

เทพมารขุนพลสวรรค์ซัดกำปั้นเข้าใส่อีกครั้ง

วิญญาณของกู่จั๋วอินถูกทำลายจนสิ้นซาก!

จากนั้นหานเจวี๋ยก็หายตัวไปเกือบจะทันที และกลับไปอยู่ในอารามเต๋าดังเดิม

โลกาสวรรค์พลันเงียบสงัด

สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้านอกเขตเซียนร้อยคีรีต่างนิ่งงันตาค้าง มองไปบนท้องฟ้าอย่างไม่เชื่อสายตา ในขณะที่ไอหมอกโลหิตนั้นยังคงลอยเอื่อยลงมาช้าๆ

………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+