ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 584 ความทะเยอทะยานของหลี่เสวียนเอ้า นิกายเจี๋ยเรืองอำนาจ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 584 ความทะเยอทะยานของหลี่เสวียนเอ้า นิกายเจี๋ยเรืองอำนาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 584 ความทะเยอทะยานของหลี่เสวียนเอ้า นิกายเจี๋ยเรืองอำนาจ

เมื่อวังสวรรค์ก่อตั้งขึ้น เริ่มแรกถูกสรรพสิ่งเหยียดหยามนัก แต่ภายในระยะเวลาหนึ่งพันปีต่อมา วังเทพแสดงความแข็งแกร่งของตนให้เป็นที่ประจักษ์

ยามที่ต่อสู้ช่วงชิงยอดสมบัติตามแดนลับต่างๆ วังเทพความสามารถโดดเด่น แม้จะอยู่ในระดับเดียวกันก็มีผู้บำเพ็ญน้อยคนนักที่สามารถเอาชนะศิษย์ของวังเทพได้

ชื่อเสียงของวังเทพแกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ บุตรแห่งสวรรค์ก็เข้าร่วมวังเทพมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

ช่วงเวลาเดียวกันนี้ หานทั่วปิดด่านบำเพ็ญอยู่ตลอด

จิ่งเทียนกงยิ่งทวีความไม่พอใจในตัวเขา คิดว่าเขาไม่ได้ลงแรงเพื่อวังเทพเลย จนปัญญาที่จั้งกูซิงถือหางหานทั่ว จิ่งเทียนกงจึงหมดทางเลือก

ถึงแม้จิ่งเทียนกงจะเป็นครึ่งอริยะ แต่เนื่องจากหักหลังนิกายเจี๋ย เป็นเหตุให้สถานะกระอักกระอ่วนยิ่ง นอกจากวังเทพ เขาไม่มีที่ไปอื่นแล้ว

ชั่วพริบตาเดียว ผ่านไปสองพันปีแล้ว

หานเจวี๋ยเดินออกจากอารามเต๋า เริ่มเทศนาธรรมแก่สำนักซ่อนเร้น

เป็นเช่นเดียวกับที่ผ่านมา เทศนาธรรมเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี

หลังจากเทศนาธรรมจบ หานเจวี๋ยพาตัวหลี่เสวียนเอ้ากลับมาที่อารามเต๋าด้วย

หลี่เสวียนเอ้ากลับมาเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่หานเจวี๋ยไม่อยากหยุดเทศนาธรรมกลางคัน ดังนั้นหลังจากเคลื่อนย้ายเขาเข้ามาก็ไม่ได้ซักถามพูดคุย หลี่เสวียนเอ้าก็รู้ความมากเช่นกัน พอเข้ามาก็เริ่มสดับธรรมทันที ไม่รบกวนผู้อื่นเลย

หลี่เสวียนเอ้าได้สติขึ้นมาในทันใด พอเห็นหานเจวี๋ย เขาก็คุกเข่าคารวะทันที

หานเจวี๋ยถาม “ไยจึงกลับมา”

หลี่เสวียนเอ้าตอบว่า “ยามนี้เผ่าสวรรค์มั่นคงแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ข้าช่วยเหลืออีก ข้าอยากกลับมาฝึกบำเพ็ญ เพิ่มพูนตบะ ถือโอกาสแบ่งเบาภาระท่านไปด้วยขอรับ”

หานเจวี๋ยจ้องมองเขา ไม่ได้ตอบรับในทันที

หลี่เสวียนเอ้าสุขุมยิ่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของหานเจวี๋ย เขาใจฝ่อขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“เอาเถอะ ถึงแม้คุณสมบัติของเจ้าจะสู้ศิษย์พี่ของเจ้าไม่ได้ แต่เจ้ามีความสามารถกว่าเขา ข้าต้องการความสามารถของเจ้าพอดี เรื่องภายในสำนักซ่อนเร้นยังคงมอบให้เจ้าจัดการเช่นเดิม” หานเจวี๋ยเอ่ย

หลี่เสวียนเอ้าโล่งใจดั่งยกภูเขาออกจากอก

หานเจวี๋ยไม่ได้พูดไร้สาระอีก โบกมือสื่อให้เขาออกไป

หลังจากหลี่เสวียนเอ้าทำความเคารพเสร็จก็จากไป ระหว่างที่เดินกลับไปเขายังคงอารมณ์ดีนัก

อยู่ในเผ่าสวรรค์มานาน จู่ๆ เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา ถึงแม้เผ่าสวรรค์จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เขาทราบดีว่าเรื่องนี้เป็นหานเจวี๋ยที่คอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง

เขาอยากอยู่ข้างกายหานเจวี๋ย จะได้ทอดสายตามองกระดานหมากมรรคาสวรรค์จากมุมมองที่สูงกว่าเดิม

เขาเชื่อว่าวิสัยทัศน์ของหานเจวี๋ยจะไม่หยุดอยู่แค่ในแดนเซียน

อีกด้านหนึ่ง

หานเจวี๋ยกำลังตรวจดูจดหมาย

บางคนเผชิญกับการโจมตี บางคนได้รับโอกาสวาสนา บางคนได้เรียนรู้พลังวิเศษ สารพัดอย่างแตกต่างกันออกไป หานเจวี๋ยอ่านอย่างเพลิดเพลิน

ในเวลานี้เอง

“ข้า จอมอริยะเสวียนตูแห่งนิกายเหริน อีกสามร้อยปีให้หลัง ข้าจะเทศนาธรรมที่ตำหนักเอกภพ ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม สรรพสิ่งล้วนมาสดับฟังได้!”

จอมอริยะเสวียนตูเริ่มเคลื่อนไหว!

หานเจวี๋ยสามารถสังหารจอมอริยะเสวียนตูในเสี้ยววินาทีได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่กังวลสักเท่าไร

ด้วยเหตุนี้เขาจึงหันไปสนใจฟางเหลียง

ฟางเหลียงยังคงผสานรวมกับบรรพชนเต๋าอยู่

เด็กคนนี้บรรลุตบะระดับเซียนทองต้าหลัวระยะสมบูรณ์แล้ว นับว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง

การชี้ทางเบิกปัญญาของต้นกำเนิดมรรคาสวรรค์ช่างเลิศล้ำโดยแท้

หานเจวี๋ยบังเกิดความคิดอาจหาญอย่างหนึ่งขึ้น

‘หากข้านำฟางเหลียงมาขังไว้ในคุกสวรรค์อนธการ บรรพชนเต๋าจะรับรู้และลงมือขัดขวางหรือไม่’

[บรรพชนเต๋าอยู่เหนือขีดจำกัดของอาณาเขตเต๋า ย่อมรับรู้ได้ ส่วนจะขัดขวางหรือไม่ ระบบไม่สามารถวิวัฒนาการได้]

หานเจวี๋ยได้แต่ยอมล้มเลิกไปเสีย

สำหรับบรรพชนเต๋า ตอนนี้ยังไม่อาจผลีผลามล่วงเกินได้

หานเจวี๋ยหันไปสอดส่องหานอวี้

หานอวี้บรรลุตบะระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่แล้ว นับว่าไม่เลวเลย วิชาวัฏจักรหกวิถีช่วยถอดร่างผลัดกระดูกให้เขาได้จริงๆ

อย่างไรก็ตามหากเทียบกับหานทั่วผู้เป็นปฐมบรรพบุรุษของเขาแล้ว หานอวี้ยังคงด้อยกว่ามากนัก

หานทั่วบรรลุถึงระดับเทพนานแล้ว ซ้ำยังปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด

สรรพสิ่งฝึกบำเพ็ญวิชายุทธ์ ทว่าเขาฝึกบำเพ็ญมหามรรค แนวทางการฝึกบำเพ็ญเทียบเคียงกับอริยะแล้ว ตบะจะไม่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วได้อย่างไร

หานทั่วและหานอวี้ล้วนกำลังปิดด่านอยู่ ทำให้หานเจวี๋ยไม่มีฉากละครให้ติดตาม อย่างไรก็ตามความมุ่งมั่นของพวกเขาก็ยังคงทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ

จะว่าไป หานเจวี๋ยยังมีทายาทรุ่นหลังอยู่อีกคน

หานซินหยวน บุตรสาวของหานทั่ว

หานซินหยวนสิ้นชีพนานมากแล้ว แต่ถูกพญายมหยางเทียนตงรับตัวไว้ ตอนนี้เป็นเจ้าพนักงานผีของเมืองนรก

หยางเทียนตงรู้จักหานทั่ว ดังนั้นถึงรับตัวหานซินหยวนไว้

สำหรับหานซินหยวน หานเจวี๋ยไม่ค่อยสนใจนัก

ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็อยู่สุขสบายดี

หานเจวี๋ยอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ จึงสอดส่องดูหานซินหยวน

หน้าที่ของหานซินหยวนง่ายดายยิ่ง เพียงช่วยหยางเทียนตงจดบันทึกเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดของโลกใดโลกหนึ่ง ตำแหน่งนี้มีเจ้าพนักงานผีประจำการอยู่หลายตน ต่างคนต่างรับผิดชอบหน้าที่ตน ไม่นับว่าเหนื่อยยากนัก

ยามนี้ หานซินหยวนกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในที่พักของตน

หานเจวี๋ยมองนาง ไม่ได้รู้สึกชิดเชื้อมากนัก

มองอยู่พักหนึ่ง หานเจวี๋ยก็หมดความสนใจ

ในส่วนของการชี้แนะหานซินหยวน เขารู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็น เนื่องจากหานซินหยวนไม่ได้มีความมุ่งหวังที่จะแข็งแกร่งขึ้นมากนัก

หานเจวี๋ยหลับตาลง ฝึกบำเพ็ญต่อ

ลูกหลานต่างมีโชคชะตาของลูกหลานเอง เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะปกป้องคุ้มครองลูกหลาน ปกป้องคนรอบตัวได้

และที่สำคัญที่สุดคือต้องปกป้องตัวเองให้ได้!

….

ยมโลก เมืองนรก

หยางเทียนตงเพิ่งไต่สวนคดีความของวิญญาณพยาบาทตนหนึ่งเสร็จสิ้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ชีวิตเช่นนี้ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน เขาเริ่มรู้สึกหน่ายแหนงแล้ว

นับตั้งแต่ขึ้นเป็นพญายม เขาไม่มีเวลาฝึกบำเพ็ญเลย บางครั้งก็มีผู้ทรงพลังจากโลกคนเป็นมาก่อกวน มาท้าเขารบสร้างผลงาน อาศัยเหตุนี้สร้างชื่อก้องสวรรค์

เวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งเหาะเข้ามาในตำหนัก

หยางเทียนตงเงยหน้ามอง ตะลึงไป จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหนุ่ม เจ้ามาได้อย่างไร”

ผู้ที่มาก็คือหานทั่ว

หลังจากบรรลุระดับเทพ หานทั่วย่อมมีกลิ่นอายของผู้ทรงพลังแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานผีโดยรอบสัมผัสถึงกลิ่นอายของเขาต่างก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

หานทั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มาเยี่ยมเยือนสหายเก่า ในอดีตครานั้นหากไม่ได้ท่านพญายมช่วยเอาไว้ เกรงว่าข้าคงตายไปนานแล้ว”

หยางเทียนตงเอ่ยหยอกเย้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าว่าเจ้าคงรู้แล้วกระมังว่าบุตรสาวอยู่ที่นี่”

หานทั่วประสานหมัด แย้มยิ้มพลางตอบ “ขอบพระคุณความเมตตาของท่านพญายม มิเช่นนั้นลูกข้าคงเข้าสู่สังสารวัฏไปแล้ว สิ้นกรรมหมดวาสนาพ่อลูกกับข้า ข้าอยากพบนาง ถึงอย่างไรบนโลกนี้ข้าก็เหลือนางเป็นญาติเพียงคนเดียวแล้ว”

เมื่อเอ่ยถึงหานซินหยวน หานทั่วรู้สึกละอายใจอยู่ครู่หนึ่ง

หลายปีมานี้เขาลืมนางไปเลยจริงๆ ไม่ทราบเลยว่านางใช้ชีวิตอย่างไร

“เจ้ามิได้เหลือนางเป็นญาติคนเดียวหรอก” หยางเทียนตงประสานมือรองใต้คาง เอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม

หานทั่วตะลึงงัน ถามด้วยความแปลกใจ “หรือว่าข้ายังมีทายาทรุ่นหลังเหลือรอดอยู่อีก”

หยางเทียนตงส่ายหน้าหลุดหัวเราะออกมา

ใช่ทายาทรุ่นหลังเสียที่ไหน

บิดาเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่!

ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะยังมีพี่น้องคนอื่นๆ ด้วยก็ได้!

หยางเทียนตงไม่กล้าพูดออกไป เกรงว่าจะรบกวนแผนการของหานเจวี๋ยเข้า เขาจึงกล่าวว่า “เจ้ายังมีทายาทรุ่นหลังอีกคน นามว่าหานอวี้ ยามนี้เป็นเซียนแท้ไท่อี่แล้ว หากเจ้านึกเมตตาเขา ก็รับตัวเขาเข้าสู่วังเทพได้ หลังจากตระกูลหานถูกล้างบาง เขามีบ่วงกรรมน้อยยิ่ง อยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด”

เมื่อเอ่ยถึงหานอวี้ เขาก็นึกถึงหานเจวี๋ย

ในอดีตหานเจวี๋ยก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

จะว่าไป หานอวี้ช่างเหมือนหานเจวี๋ยยิ่งนัก

“หานอวี้…”

แววตาหานทั่ววูบไหว จดจำนามนี้ไว้เงียบๆ

จากนั้น หยางเทียนตงก็พาเขาไปพบหานซินหยวน

….

แดนเซียน นอกโพ้นทะเล

บนเกาะกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง สิ่งมีชีวิตที่แปลงกายแล้วนับล้านคนนั่งสมาธิอยู่เต็มเนินเขาทั่วผืนป่า กำลังฟังเทศนาธรรมอยู่

ยามนี้ หวงจุนเทียนเจ้านิกายเจี๋ยยืนอยู่หน้าอารามเต๋าของตน ทอดมองผู้ทรงพลังที่ตนเชิญมาเทศนาธรรมอยู่ไกลออกไป

เมื่อเห็นนิกายเจี๋ยในยามนี้ เขารู้สึกภาคภูมิใจยิ่งนัก

ถึงแม้จะขึ้นเป็นเจ้านิกายด้วยความจำใจ แต่นิกายเจี๋ยที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มีคุณสมบัติพอจะผงาดไปทั่วแดนเซียนแล้ว!

เงาร่างหนึ่งร่อนลงเบื้องหน้าหวงจุนเทียน

นี่คือศิษย์คนหนึ่งของนิกายเจี๋ย เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าหวงจุนเทียน เอ่ยรายงาน “อาจารย์ บรรพชนสวรรค์เห็นด้วยกับแผนพันธมิตรของท่าน ยินดีร่วมมือกวาดล้างเผ่าปีศาจขอรับ”

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด