ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 668 ขยายสำนักซ่อนเร้น เทพมารอนธการ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 668 ขยายสำนักซ่อนเร้น เทพมารอนธการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 668 ขยายสำนักซ่อนเร้น เทพมารอนธการ

“นานถึงเพียงนี้ เขาต้องการทำร้ายข้าหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หานทั่วตกตะลึง หวาดหวั่นอยู่ในใจ

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “มิใช่เช่นนั้น เพียงแต่มรรคของเขาแกร่งกล้าเกินไป เดิมทีเจ้าไม่สมควรพบเขาเลย หากเจ้ามีตบะด้อยกว่านี้สักหน่อย เห็นเขาแค่แวบเดียว เจ้าก็ร่างสิ้นวิญญาณสลายแล้ว”

หานทั่วพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม ถามด้วยความสงสัย “เขาร้ายกาจกว่าบรรพชนเต๋าหรือ”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตอบ “ไม่ทราบแน่ชัด ตัวตนระดับนั้นอยู่เหนือการคาดคะเนของเรา ในเวลาปกติเจ้าจงอย่านึกถึงอีก เจ้าคิดเช่นไร ผู้อาวุโสอย่างเขาล้วนรับรู้ทั้งสิ้น ”

หานทั่วพยักหน้า ในใจหวั่นวิตกยิ่งกว่าเดิม

แค่คิดถึงก็สอดส่องได้ น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ

“วันหน้าถ้าเจ้าว่างก็กลับไปที่แดนเซียนสักคราเถอะ หากเราเดาไม่ผิด เจ้าคงใกล้จะมีน้องชายหรือน้องสาวแล้ว”จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ย

หานทั่วพยักหน้ารับ ในใจค่อนข้างซับซ้อน

ทำให้เกิดการเพรียกหาเขาผ่านสายเลือดได้ คุณสมบัติคงจะเลิศล้ำมากกระมัง?

….

หานเจวี๋ยไม่ทราบเลยว่าบุตรคนเล็กของตนก่อคลื่นระลอกใหญ่โตถึงเพียงนั้น เขายังคงตั้งใจฝึกบำเพ็ญอยู่

ช่วงเวลาที่ปิดด่านผ่านไปพ้นไปอีกสี่พันปี

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็เข้าใกล้ระยะทะลวงขั้นแล้ว เขาอารมณ์ดียิ่ง หลังสิ้นสุดการปิดด่านก็ได้เทศนาธรรมแก่เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นอีกหนึ่งร้อยปี

หลังสิ้นสุดการเทศนาธรรม หลี่เสวียนเอ้าและหานตั้วเทียนมาขอเข้าพบ

หานตั้วเทียนคือสิ่งมีชีวิตแรกในเขตเซียนร้อยคีรีที่แปลงกายสำเร็จ ยามนี้เป็นผู้ช่วยของหลี่เสวียนเอ้า ร่วมดูแลธุระน้อยใหญ่ในเขตเซียนร้อยคีรี

หานเจวี๋ยให้พวกเขาเข้ามา ทั้งสองคุกเข่าคารวะ

หานตั้วเทียนเริ่มรายงานสถานการณ์ภายในสำนักซ่อนเร้นไปเรื่อยๆ

เผ่าเอกาหนึ่งหมื่นคนติดค้างอยู่ในระดับปฐมเทพขั้นหก ถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็ยังมีพลังเลิศล้ำยิ่ง

นอกไปจากนี้ มีศิษย์สำนักซ่อนเร้นที่บรรลุระดับเทพเกินหลักแสน ไม่นานมานี้ยังมีเซียนทองต้าหลัวปรากฏขึ้นสองรายอีกด้วย ล้วนเป็นอัจฉริยะเปี่ยมพรสวรรค์ ได้กราบศิษย์สืบทอดเป็นอาจารย์แล้ว

ในบรรดาศิษย์สืบทอดทั้งหมด ฉู่ซื่อเหรินรับศิษย์ไว้มากที่สุด ชาติก่อนเขาคือบรรพชนพุทธภควัต มีประสบการณ์ในการรับศิษย์มาแล้ว

จนถึงตอนนี้ นอกจากเต้าจื้อจุนแล้ว ยังไม่มีครึ่งอริยะตนใหม่ปรากฏขึ้น

ส่วนคนที่มีเกณฑ์จะกลายเป็นครึ่งอริยะคนต่อไปคือจ้าวเซวียนหยวน

เมื่อหานตั้วเทียนรายงานจบ หลี่เสวียนเอ้าก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าสำนักขอรับ สำนักซ่อนเร้นสมควรขยายตัวออกไปหรือไม่ ยามนี่ปวงสวรรค์หมื่นโลกาล้วนฝึกบำเพ็ญกันอย่างบ้าคลั่ง ศิษย์ของสำนักดวงชะตาต่างๆ เพิ่มขึ้นเป็นรายวัน ครอบคลุมโลกมนุษย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงสำนักซ่อนเร้นของพวกเราที่ยังคงอยู่ในเขตเซียนร้อยคีรี ข้าจำได้ว่าเมื่อแสนกว่าปีก่อนเผ่าสวรรค์เคยแบ่งอาณาเขตให้สำนักซ่อนเร้นของพวกเราสามเมือง ควรนำมาใช้ประโยชน์ได้แล้ว แน่นอนขอรับ ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน”

เหตุผลที่หลี่เสวียนเอ้ากล้าพูด เป็นเพราะเขามองรูปการณ์ของมรรคาสวรรค์ในยามนี้ออกแล้ว ก่อนหน้านี้ยามที่เผ่าหายนะเข้าโจมตี หานเจวี๋ยก็เคยส่งเต้าจื้อจุนออกไปรบ เห็นได้ชัดว่าหานเจวี๋ยยังให้ความสนใจมรรคาสวรรค์

ในเมื่อสนใจมรรคาสวรรค์ เช่นนั้นต้องอยากพัฒนามรรคาสวรรค์แน่

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ได้ เจ้าจัดการเลย เมื่อถึงเวลาข้าจะส่งพวกเจ้าออกไปด้วยกัน ก่อสร้างเมืองขึ้นรอบๆ เขตเซียนร้อยคีรี แผ่ขยายออกไปรอบๆ วันหน้าเขตเซียนร้อยคีรีจะเป็นศูนย์กลางของสำนักซ่อนเร้น”

เขาชะงักไปแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ในหมู่ศิษย์สืบทอด หากมีผู้ใดอยากออกไป เจ้าก็พาไปด้วยแล้วกัน”

กรณีของเต้าจื้อจุนแสดงให้เห็นแล้วว่ามิใช่ทุกคนที่เหมาะจะพากเพียรบำเพ็ญไปตลอด บางครั้งก็จำเป็นต้องหาประสบการณ์เช่นกัน

ตอนนี้ในมรรคาสวรรค์อยู่ในความควบคุมของหานเจวี๋ยโดยสมบูรณ์แล้ว ปล่อยให้พวกเขาได้ออกไปเสียบ้าง ย่อมไม่มีปัญหา

ก่อนหน้านี้ที่ไม่ปล่อยพวกเขาออกไป เพราะกลัวจะเกิดเรื่องขึ้น

ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว ใต้ฟ้านี้ เขาคือผู้บัญชาการ

แน่นอน หากว่าศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นสร้างปัญหาขึ้น หานเจวี๋ยจะจัดการอย่างเข้มงวดเช่นกัน ถึงอย่างไรเขาก็มีกำลังพลอยู่ในเมืองนรก ผู้ที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากก็สมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม

หลักการและบรรทัดฐานดั้งเดิมไม่อาจทำลายทิ้งได้ ศิษย์ที่วันนี้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจเกิดคิดล้างครูก็เป็นได้

“ขอรับ ข้าจะไปจัดการทันที!” หลี่เสวียนเอ้าเอ่ยด้วยความตื่นเต้น

หานตั้วเทียนถาม “อาจารย์ปู่ขอรับ เช่นนั้นต้องกำหนดขอบเขตกฎเกณฑ์สำนักและจำนวนคนหรือไม่ขอรับ”

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “แล้วแต่พวกเจ้าเถิด แต่หากทำให้ข้าไม่พอใจ ข้าจะไปเอาความกับพวกเจ้า”

วาจานี้ทำให้หลี่เสวียนเอ้าและหานตั้วเทียนได้รับแรงกดดันมหาศาลในทันใด

เมื่อทั้งสองจากไป หานเจวี๋ยสอดส่องดูสิงหงเสวียนต่อ

ตัวอ่อนยังอยู่ระหว่างผดุงครรภ์ มีขนาดเท่าก่อนหน้านี้ หากมองแวบแรก สิงหงเสวียนดูไม่เหมือนหญิงมีครรภ์เลย

แต่หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของตัวอ่อนแข็งแกร่งขึ้น

หานเจวี๋ยพลันนึกสงสัย จึงใช้ความสามารถวิวัฒนาการตรวจสอบรอบข้าง

[เทพมารอนธการ: สภาวะฟักตัว]

ยอดเยี่ยม!

เป็นเทพมารอนธการจริงๆ!

หานทั่วเพียงมีคุณสมบัติกลายเป็นเทพมารอนธการได้ ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงเป็นเทพมารอนธการอย่างสมบูรณ์ แต่ตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์นี้กลับเป็นเทพมารอนธการแล้ว

หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ บุตรทั้งสองคนที่ถือกำเนิดจากเขา ล้วนสืบทอดสายเลือดอันยอดเยี่ยมนี้ไปเช่นนั้นหรือ

ไม่มีด้อยเลยสักคน

หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะใช้ความสามารถวิวัฒนาการ ‘ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดบุตรคนเล็กของข้าถึงรับสืบทอดสายเลือดข้าไปอย่างสมบูรณ์’

หากเปลี่ยนเป็นบิดาคนอื่น คงดีใจเป็นล้นพ้น แต่หานเจวี๋ยกลับหวาดระแวงตามสัญชาตญาณ

หากว่าเป็นแผนร้ายเล่า!

เหมือนกับโจวฝานที่เป็นร่างแยกร่างจำลองของอริยะเจ็ดวิถี

ฟางเหลียงก็ถูกบรรพชนเต๋าเลือกเป็นผู้สืบทอด

ยอดฝีมือมหามรรคเหล่านั้นมักจะมีวิธีเล่นงานผู้อื่นโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็นอยู่เสมอ

หานเจวี๋ยไม่ต้องการให้บุตรของตนกลายเป็นอาวุธให้คนอื่นมาใช้ทำร้ายตน

[เนื่องจากเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่อยู่เหนือขีดจำกัดของระบบในขณะนี้ ไม่สามารถวิวัฒนาการได้]

เมื่อหานเจวี๋ยเห็นข้อความนี้ หัวใจพลันเต้นแรง

คนแรกที่เขานึกถึงคือบรรพชนเต๋า

หลังจากบรรพชนเต๋าถูกเขาขัดขวางแผนการผสานมรรคจึงเริ่มเล่นงานเขาหรือ?

หานเจวี๋ยเปลี่ยนคำถาม ‘บุตรคนเล็กของข้าถูกผู้อื่นควบคุม หรือว่าเขาเป็นผู้ทรงพลังคนใดกลับชาติมาเกิดหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

สมกับเป็นบุตรของข้า ยังไม่ลืมตาดูโลกก็มีค่าตัวหนึ่งร้อยล้านปีแล้ว!

[วิญญาณนี้เป็นตัวตนที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ เพียงแต่ได้สัมผัสกับกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติเท่านั้น ไม่อยู่ในการควบคุมของสิ่งมีชีวิตใดๆ]

เมื่อเห็นข้อความนี้ หานเจวี๋ยถึงได้โล่งอก

ขอเพียงไม่ใช่สายลับก็พอ

จากข้อความนี้ เหตุผลที่ทำให้หานเจวี๋ยถูกรางวัลสองงวดติด เป็นเพราะได้สัมผัสกับกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติบางอย่าง

ที่แท้เป็นกฎเกณฑ์เช่นใดกันแน่

หานเจวี๋ยคิดไปสารพัดก็ยังไม่เข้าใจ

ในเมื่อคิดไม่ออกแล้ว เช่นนั้นก็แล้วไปเถอะ

หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย

[เจียงตู๋กูสหายของท่านเข้าสู่แดนต้องห้ามอันธการ]

[จอมอริยะเสวียนตูสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[ผานซินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพสูงสุดหยวนสื่อศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[จอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x209383297

[หานทั่วบุตรชายของท่านได้รับการเข้าฝันชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[มหาจักรพรรดิเทียนเอ้อสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[จอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่านตระหนักรู้พลังวิเศษในระหว่างต่อสู้ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารมรรคาลึกลับ] x7113924

….

หลังจากจอมเทพข่งเซวี่ยเข้ามาอยู่ในแวดวงสหายของหานเจวี๋ย ก็ครองตำแหน่งถูกโจมตีมากที่สุดในแวดวงสหาย แม้แต่หานทั่วก็ยังไล่ไม่ทัน

หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ ผ่านไปนานขนาดนี้ จอมเทพข่งเซวี่ยยังคงอยู่ในกำมือของเทพจักรพรรดิอัปมงคลอย่างนั้นหรือ

หรือเขาจะเดาผิดไป จักรพรรดิสวรรค์มิได้อยากรับตัวจอมเทพข่งเซวี่ยไว้ แต่เทพจักรพรรดิอัปมงคลเพียงอยากทรมานจอมเทพข่งเซวี่ยเช่นนั้นหรือ

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจเข้าฝันจอมเทพข่งเซวี่ย

แดนความฝันยังคงเป็นเหนือแม่น้ำปรโลก

หลังจากจอมเทพข่งเซวี่ยเห็นหานเจวี๋ย ก็เผยสีหน้าโอหังออกมา เอ่ยว่า “เป็นอย่างไรเล่า เทพจักรพรรดิอัปมงคลขังข้าไม่ได้แล้ว! เจ้ายังมีศิษย์คนอื่นๆ อีกหรือไม่ ส่งมาทั้งหมดได้เลย! มาเท่าไรข้าก็จะฆ่าเท่านั้น!”

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด