ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร!

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร!

อัสนีสวรรค์ที่มาแบบฉับพลันทำให้ทหารสวรรค์ทั้งกองตกใจ

พวกเขาเข้าใจไปว่าศัตรูเข้าจู่โจม จึงรีบรายงานแม่ทัพสวรรค์ จากนั้นเริ่มไต่สวนว่าอัสนีสวรรค์มาจากที่แห่งใด

ไม่นานนัก แม่ทัพสวรรค์ที่สวมเกราะหนาสีเงินสวมมงกุฎปีกหงส์ฝังมุกก็พาดดาบใหญ่รีบเร่งเข้ามา

แม่ทัพสวรรค์คนนี้ใบหน้าน่ายำเกรง ดวงตาทั้งคู่ดุจคบไฟ แม้ไม่โกรธก็น่าเกรงขาม

“อัสนีสวรรค์เมื่อครู่มาจากที่ใด” แม่ทัพสวรรค์ถามเสียงเข้ม

ทหารสวรรค์คนหนึ่งกล่าวตอบว่า “มาจากโลกมนุษย์จุดหนึ่งขอรับ”

“โลกมนุษย์?”

แม่ทัพสวรรค์เกิดความสนใจ เขาเดินไปข้างหน้าหลายก้าว หยิบกระจกบานหนึ่งออกมาแล้วส่องลงไปเบื้องล่าง มือซ้ายร่ายวิชาอยู่ด้านหลังกระจก

บานกระจกส่งลำแสงออกมา พุ่งทะลุเข้ากลางทะเลเมฆ

ผ่านไปไม่ทันไร ลำแสงเลือนหายไป แม่ทัพสวรรค์ยกกระจกขึ้นมาส่อง ภายในบานกระจกปรากฏภาพฉากที่จี้เซียนเสินกำลังฝ่าด่านเคราะห์

“เอ๋? โลกมนุษย์มีบุตรแห่งสวรรค์ระดับนี้โผล่มาอีกแล้ว ทำให้กฎสวรรค์สั่นสะเทือนได้ น่าทึ่งจริงๆ”

แม่ทัพสวรรค์พึมพำกับตัวเอง ดวงตากำลังเปล่งประกาย

เจ้าเด็กนี่ เขาต้องรับตัวมาให้ได้!

สามสิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุไปถึงระดับเซียนอิสระวัฏจักรขั้นสมบูรณ์อย่างราบรื่น

ความเร็วของการทะลวงระดับเช่นนี้ เมื่อเทียบกับระดับเซียนอิสระเมื่อก่อนแล้วก็ช้าไม่มากนัก ถึงขั้นเรียกได้ว่าพอๆ กัน

ก่อนหน้านี้ประมาณร้อยปีก็สามารถทะลวงขอบเขตพลังใหญ่ขอบเขตหนึ่งได้ ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไร

หลังจากบรรลุถึงระดับเซียนอิสระวัฏจักรขั้นสมบูรณ์ หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา ก่อนเริ่มจัดการภารกิจประจำวัน

ทุกสิบปีเขาจะสาปแช่งหนึ่งรอบ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เหล่าศัตรูอยู่สบายจนเกินไป

เขาสาปแช่งไปพลาง ตรวจสอบกล่องจดหมายไปพลาง

[ถูหลิงเอ๋อร์ศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x10489

[ถูหลิงเอ๋อร์ศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ช่วงเวลาวิกฤตคับขันกระตุ้นให้ปล่อยพลังวิญญาณมหาเวท]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านหวนคืนโลกมนุษย์อีกครั้ง ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านได้รับวิชาเทพเซียนเข้าฝัน ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[โจวฝานสหายของท่านตระหนักรู้พลังวิเศษบรรพกาล พลังมรรคเพิ่มพูน]

[หลิ่วปู๋เมี่ยสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านช่วยเหลือธิดาเทพเผ่าปีศาจที่กลายร่างเป็นปลา ได้ธิดาเทพเผ่าปีศาจอุทิศกายถวายชีวิตให้ ตบะก้าวกระโดด]

……

นี่คือแสงสายัณห์ยามตะวันรอนของมรรคาสวรรค์หรือ

น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!

หานเจวี๋ยลอบเหน็บแนมกับตัวเอง

คนมากมายได้รับโอกาสวาสนา!

หานเจวี๋ยตระหนักได้ว่าหลิ่วปู๋เมี่ยถูกมารปีศาจโจมตี หลิ่วปู๋เมี่ยในตอนนี้เป็นถึงผู้อาวุโสคุมกฎของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ สถานะพิเศษ อย่าได้ตายเป็นดีที่สุด

เขาตรวจสอบภาพประจำตัวของหลิ่วปู๋เมี่ย พบว่ายังคงอยู่ นั่นหมายความว่าไม่เป็นอะไร

หานเจวี๋ยจึงสาปแช่งต่อ

ครึ่งเดือนต่อมา

เขาเริ่มฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถี เตรียมพร้อมทะลวงระดับเซียนพิภพ!

เขาเอาศิลาแคล้วสวรรค์เหน็บไว้ตรงเอว ศิลาแคล้วสวรรค์อยู่ใกล้เขามากหน่อย เขายิ่งมีความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

ไม่รู้ว่าศิลาแคล้วสวรรค์จะทำให้เขาอยู่ที่โลกมนุษย์ได้นานแค่ไหน

ไอเซียนของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเอ่อทะลักมาทางเขานับไม่ถ้วน ก่อตัวเป็นลมหมุนภายในถ้ำเทวา ทำให้อู้เต้าเจี้ยนไม่อาจสงบใจฝึกบำเพ็ญได้

หานเจวี๋ยจึงให้อู้เต้าเจี้ยนออกไปรอข้างนอก

ครั้งนี้ เขาจะต้องบรรลุระดับเซียนพิภพให้ได้!

……

ใต้ฟ้าสีคราม ท้องทะเลกว้างใหญ่

บนหาดทราย ฟางเหลียงนั่งอยู่บนโขดหินพลางทอดสายตามองท้องฟ้าไกล เหม่อลอยอยู่เงียบๆ

เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มในตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว ยามนี้เปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ช่วงไหล่ก็กว้างขึ้นไม่น้อย

หญิงชุดดำท่าทางงดงามเปี่ยมเสน่ห์คนหนึ่งเดินออกมาจากป่าด้านหลังของเขา ใบหน้าของนางสวยสด บนศีรษะมีหูสัตว์คู่หนึ่ง

นางเดินมานั่งลงข้างๆ ฟางเหลียง จากนั้นกล่าวเสียงนุ่มว่า “เหลียง ต่อไปเจ้าวางแผนไว้ว่าอย่างไร”

ฟางเหลียงดึงสติกลับมา ตอบว่า “ข้าอยากกลับไปพบอาจารย์ปู่ของข้า”

“ทำไมกัน ตกลงกันแล้วว่าจะไปพูดเรื่องแต่งงานกับท่านพ่อของข้าไม่ใช่หรือ”

“เรื่องนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากอาจารย์ปู่ของข้า”

“หือ? อาจารย์ปู่เจ้าเลี้ยงดูเจ้ามาหรือ”

“ไม่ใช่หรอก แต่หากไม่มีอาจารย์ปู่ของข้า ก็จะไม่มีข้าในวันนี้”

“ข้าไปกับเจ้าด้วยได้ไหม”

“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ รอให้อาจารย์ปู่ของข้าเห็นด้วยแล้ว ข้าจะรีบไปคุยเรื่องแต่งงานทันที”

“หากอาจารย์ปู่ของเจ้าไม่เห็นด้วยเล่า”

“ไม่หรอก วางใจเถิด อาจารย์ปู่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกเรา ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องแจ้งให้เขาทราบก่อน นี่คือการเคารพ”

“เอาเถอะ”

หญิงชุดดำมุ่นคิ้ว แต่ก็ยังเห็นด้วยกับฟางเหลียง

ฟางเหลียงหยัดตัวลุกขึ้นตาม กล่าวด้วยว่า “เอาเช่นนี้แล้วกัน คราวหน้าไว้พบกันอีก”

หญิงชุดดำตอบรับครั้งหนึ่ง จากนั้นก็มองส่งฟางเหลียงเดินจากไป

“ฮึ นี่คือไอ้หนูที่เจ้าถูกใจรึ ถึงแม้คุณสมบัติจะไม่เลว แต่โตขนาดนี้แล้วยังต้องฟังคำของอาจารย์ปู่อยู่อีก หรือว่าอาจารย์ปู่เขาเป็นระดับมหายาน”

เสียงที่หยาบกระด้างและน่ายำเกรงดังขึ้นข้างหูของหญิงชุดดำ

หญิงชุดดำเอ่ยอย่างเง้างอด “นี่ไม่ใช่ว่าดียิ่งแล้วหรือ เน้นทั้งคุณธรรมและความรัก”

“ความรักระหว่างมนุษย์กับปีศาจ คนบนโลกยากจะเข้าใจยิ่ง หากอาจารย์ปู่ของเขาคัดค้าน…”

“ไม่มีทาง! เหลียงไม่มีทางทอดทิ้งข้า!”

“เช่นนั้นก็คอยดูไปเถิด”

สองปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับสำเร็จ!

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 880/5,761,200]

[เผ่าพันธุ์: เซียน]

[ตบะ: ระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะต้น]

…….

ขณะมองหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตน หานเจวี๋ยร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

อายุขัยห้าล้านเจ็ดแสนปี!

นี่แหละชีวิตอมตะ!

พลังเวทของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังจิตก็แกร่งขึ้นไม่หยุดเช่นกัน

หลังจากเข้าสู่ระดับเซียนพิภพ ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาล้วนได้รับการแปรสภาพ ฟ้าดินในสายตาของเขาแตกต่างไปจากเดิม

‘ห้ามหลงระเริง ตบะนี่ไม่พอให้ดูสักนิด!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจ

หลังทะลวงระดับได้ เขายังต้องเร่งทำเวลาฝึกบำเพ็ญอีก

ครึ่งปีต่อมา หานเจวี๋ยก็ทำให้พลังเวทของระดับเซียนพิภพมั่นคงอย่างสมบูรณ์

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสะสางภารกิจประจำวันเพื่อฉลองให้เรื่องนี้

หลังจากสาปแช่งเสร็จสิ้น เขาก็เรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา จากนั้นตนเองก็ฝึกบำเพ็ญต่อไป

อู้เต้าเจี้ยนถามอย่างใคร่รู้ว่า “นายท่าน ท่านทะลวงระดับอีกแล้วหรือ”

นางเองก็กำลังแกร่งขึ้นเช่นกัน แต่ในสายตาของนางหานเจวี๋ยกลับยิ่งสูงส่งสุดจะหยั่งเข้าไปทุกที

“ใช่” หานเจวี๋ยตอบรับง่ายๆ เสียงหนึ่ง

อู้เต้าเจี้ยนกล่าวต่อว่า “สวินฉางอันอยากพบท่าน แต่ก็ดันไม่กล้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นแล้วจึงถาม “มีเรื่องอะไร”

“เขาอยากไปหาแม่นางเชี่ยนเอ๋อร์ที่กลับชาติมาเกิดใหม่ ช่วงนี้เขาไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ แต่นั่งอยู่ใต้ต้นฝูซัง เหมือนวิญญาณหลุดลอยไปก็ไม่ปาน”

พออู้เต้าเจี้ยนเอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็อดส่ายหน้าไม่ได้

นางไม่อาจเข้าใจท่าทีของสวินฉางอันได้

จำเป็นต้องยึดติดกับคนคนหนึ่งเช่นนี้ด้วยหรือ

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

คำสาปแช่งของพุทธาเทพน่ากลัวขนาดนี้เชียว?

วิชากระบี่บินไร้หัวใจก็ไม่อาจทำให้สวินฉางอันลืมรักได้อย่างสิ้นเชิง

“ช่างเถิด ให้ฉี่เอ๋อร์ไปเป็นเพื่อนอาจารย์เขาเสีย จะได้ฝึกฝนเคี่ยวกรำเขาด้วยพอดี” หานเจวี๋ยเอ่ยปาก

มู่หรงฉี่กลับมาแล้ว กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ใต้ต้นฝูซังนี่เอง

อู้เต้าเจี้ยนลุกขึ้นนำความไปบอกต่อทันที

เมื่อสวินฉางอันที่แต่เดิมใจไม่อยู่กับตัวได้ยิน ก็ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นทันที ก่อนโขกศีรษะไปทางถ้ำเทวาฟ้าประทาน

มู่หรงฉี่เบ้ปากกล่าว “ให้ข้าเฝ้าคุ้มครองอาจารย์?”

สวินฉางอันถลึงตามองเขาปราดหนึ่ง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ทำไม เจ้าไม่ยอมรับอาจารย์อย่างข้าคนนี้หรือ”

“มิใช่ เพียงแต่รู้สึกว่าท่านผู้เฒ่าอยู่ว่างจนเลอะเลือน ผู้หญิงทั่วหล้ามีตั้งมากมาย กลับไล่ตามคนคนเดียวอยู่ได้”

“เฮอะ เจ้าไม่เข้าใจหรอก บนโลกนี้สิ่งที่จริงใจที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็คือความรัก”

“ความรักทำลายอุปสรรคด้านรูปลักษณ์หน้าตาได้หรือไม่ล่ะ”

“…”

หยางเทียนตงที่อยู่ไม่ไกลมองดูอย่างอิจฉา

ดวงของพระอัปลักษณ์นี่ช่างดีเสียจริง ทั้งยังมีศิษย์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่เคียงข้าง

ถ้าเจ้ามีศิษย์ที่เก่งกาจขนาดนี้อยู่ ไยต้องกังวลอีกว่าจะไม่อาจกลายเป็นราชาปีศาจกุมอำนาจคับฟ้า?

‘พอดีเลย ถ้าเขาออกไป ระยะนี้หากอาจารย์อยากรับศิษย์ใหม่อีก ข้าก็สามารถรับไว้ได้’ หยางเทียนตงคิดไว้อย่างสวยหรู

เขาอยากได้ตัวมู่หรงฉี่กับฟางเหลียงมาเหลือเกิน

พรสวรรค์ของสองคนนี้ช่างสุดแสนจะพิสดาร!

…………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร!

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร!

อัสนีสวรรค์ที่มาแบบฉับพลันทำให้ทหารสวรรค์ทั้งกองตกใจ

พวกเขาเข้าใจไปว่าศัตรูเข้าจู่โจม จึงรีบรายงานแม่ทัพสวรรค์ จากนั้นเริ่มไต่สวนว่าอัสนีสวรรค์มาจากที่แห่งใด

ไม่นานนัก แม่ทัพสวรรค์ที่สวมเกราะหนาสีเงินสวมมงกุฎปีกหงส์ฝังมุกก็พาดดาบใหญ่รีบเร่งเข้ามา

แม่ทัพสวรรค์คนนี้ใบหน้าน่ายำเกรง ดวงตาทั้งคู่ดุจคบไฟ แม้ไม่โกรธก็น่าเกรงขาม

“อัสนีสวรรค์เมื่อครู่มาจากที่ใด” แม่ทัพสวรรค์ถามเสียงเข้ม

ทหารสวรรค์คนหนึ่งกล่าวตอบว่า “มาจากโลกมนุษย์จุดหนึ่งขอรับ”

“โลกมนุษย์?”

แม่ทัพสวรรค์เกิดความสนใจ เขาเดินไปข้างหน้าหลายก้าว หยิบกระจกบานหนึ่งออกมาแล้วส่องลงไปเบื้องล่าง มือซ้ายร่ายวิชาอยู่ด้านหลังกระจก

บานกระจกส่งลำแสงออกมา พุ่งทะลุเข้ากลางทะเลเมฆ

ผ่านไปไม่ทันไร ลำแสงเลือนหายไป แม่ทัพสวรรค์ยกกระจกขึ้นมาส่อง ภายในบานกระจกปรากฏภาพฉากที่จี้เซียนเสินกำลังฝ่าด่านเคราะห์

“เอ๋? โลกมนุษย์มีบุตรแห่งสวรรค์ระดับนี้โผล่มาอีกแล้ว ทำให้กฎสวรรค์สั่นสะเทือนได้ น่าทึ่งจริงๆ”

แม่ทัพสวรรค์พึมพำกับตัวเอง ดวงตากำลังเปล่งประกาย

เจ้าเด็กนี่ เขาต้องรับตัวมาให้ได้!

สามสิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุไปถึงระดับเซียนอิสระวัฏจักรขั้นสมบูรณ์อย่างราบรื่น

ความเร็วของการทะลวงระดับเช่นนี้ เมื่อเทียบกับระดับเซียนอิสระเมื่อก่อนแล้วก็ช้าไม่มากนัก ถึงขั้นเรียกได้ว่าพอๆ กัน

ก่อนหน้านี้ประมาณร้อยปีก็สามารถทะลวงขอบเขตพลังใหญ่ขอบเขตหนึ่งได้ ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไร

หลังจากบรรลุถึงระดับเซียนอิสระวัฏจักรขั้นสมบูรณ์ หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา ก่อนเริ่มจัดการภารกิจประจำวัน

ทุกสิบปีเขาจะสาปแช่งหนึ่งรอบ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เหล่าศัตรูอยู่สบายจนเกินไป

เขาสาปแช่งไปพลาง ตรวจสอบกล่องจดหมายไปพลาง

[ถูหลิงเอ๋อร์ศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x10489

[ถูหลิงเอ๋อร์ศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ช่วงเวลาวิกฤตคับขันกระตุ้นให้ปล่อยพลังวิญญาณมหาเวท]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านหวนคืนโลกมนุษย์อีกครั้ง ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านได้รับวิชาเทพเซียนเข้าฝัน ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[โจวฝานสหายของท่านตระหนักรู้พลังวิเศษบรรพกาล พลังมรรคเพิ่มพูน]

[หลิ่วปู๋เมี่ยสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านช่วยเหลือธิดาเทพเผ่าปีศาจที่กลายร่างเป็นปลา ได้ธิดาเทพเผ่าปีศาจอุทิศกายถวายชีวิตให้ ตบะก้าวกระโดด]

……

นี่คือแสงสายัณห์ยามตะวันรอนของมรรคาสวรรค์หรือ

น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!

หานเจวี๋ยลอบเหน็บแนมกับตัวเอง

คนมากมายได้รับโอกาสวาสนา!

หานเจวี๋ยตระหนักได้ว่าหลิ่วปู๋เมี่ยถูกมารปีศาจโจมตี หลิ่วปู๋เมี่ยในตอนนี้เป็นถึงผู้อาวุโสคุมกฎของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ สถานะพิเศษ อย่าได้ตายเป็นดีที่สุด

เขาตรวจสอบภาพประจำตัวของหลิ่วปู๋เมี่ย พบว่ายังคงอยู่ นั่นหมายความว่าไม่เป็นอะไร

หานเจวี๋ยจึงสาปแช่งต่อ

ครึ่งเดือนต่อมา

เขาเริ่มฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถี เตรียมพร้อมทะลวงระดับเซียนพิภพ!

เขาเอาศิลาแคล้วสวรรค์เหน็บไว้ตรงเอว ศิลาแคล้วสวรรค์อยู่ใกล้เขามากหน่อย เขายิ่งมีความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

ไม่รู้ว่าศิลาแคล้วสวรรค์จะทำให้เขาอยู่ที่โลกมนุษย์ได้นานแค่ไหน

ไอเซียนของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเอ่อทะลักมาทางเขานับไม่ถ้วน ก่อตัวเป็นลมหมุนภายในถ้ำเทวา ทำให้อู้เต้าเจี้ยนไม่อาจสงบใจฝึกบำเพ็ญได้

หานเจวี๋ยจึงให้อู้เต้าเจี้ยนออกไปรอข้างนอก

ครั้งนี้ เขาจะต้องบรรลุระดับเซียนพิภพให้ได้!

……

ใต้ฟ้าสีคราม ท้องทะเลกว้างใหญ่

บนหาดทราย ฟางเหลียงนั่งอยู่บนโขดหินพลางทอดสายตามองท้องฟ้าไกล เหม่อลอยอยู่เงียบๆ

เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มในตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว ยามนี้เปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ช่วงไหล่ก็กว้างขึ้นไม่น้อย

หญิงชุดดำท่าทางงดงามเปี่ยมเสน่ห์คนหนึ่งเดินออกมาจากป่าด้านหลังของเขา ใบหน้าของนางสวยสด บนศีรษะมีหูสัตว์คู่หนึ่ง

นางเดินมานั่งลงข้างๆ ฟางเหลียง จากนั้นกล่าวเสียงนุ่มว่า “เหลียง ต่อไปเจ้าวางแผนไว้ว่าอย่างไร”

ฟางเหลียงดึงสติกลับมา ตอบว่า “ข้าอยากกลับไปพบอาจารย์ปู่ของข้า”

“ทำไมกัน ตกลงกันแล้วว่าจะไปพูดเรื่องแต่งงานกับท่านพ่อของข้าไม่ใช่หรือ”

“เรื่องนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากอาจารย์ปู่ของข้า”

“หือ? อาจารย์ปู่เจ้าเลี้ยงดูเจ้ามาหรือ”

“ไม่ใช่หรอก แต่หากไม่มีอาจารย์ปู่ของข้า ก็จะไม่มีข้าในวันนี้”

“ข้าไปกับเจ้าด้วยได้ไหม”

“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ รอให้อาจารย์ปู่ของข้าเห็นด้วยแล้ว ข้าจะรีบไปคุยเรื่องแต่งงานทันที”

“หากอาจารย์ปู่ของเจ้าไม่เห็นด้วยเล่า”

“ไม่หรอก วางใจเถิด อาจารย์ปู่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกเรา ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องแจ้งให้เขาทราบก่อน นี่คือการเคารพ”

“เอาเถอะ”

หญิงชุดดำมุ่นคิ้ว แต่ก็ยังเห็นด้วยกับฟางเหลียง

ฟางเหลียงหยัดตัวลุกขึ้นตาม กล่าวด้วยว่า “เอาเช่นนี้แล้วกัน คราวหน้าไว้พบกันอีก”

หญิงชุดดำตอบรับครั้งหนึ่ง จากนั้นก็มองส่งฟางเหลียงเดินจากไป

“ฮึ นี่คือไอ้หนูที่เจ้าถูกใจรึ ถึงแม้คุณสมบัติจะไม่เลว แต่โตขนาดนี้แล้วยังต้องฟังคำของอาจารย์ปู่อยู่อีก หรือว่าอาจารย์ปู่เขาเป็นระดับมหายาน”

เสียงที่หยาบกระด้างและน่ายำเกรงดังขึ้นข้างหูของหญิงชุดดำ

หญิงชุดดำเอ่ยอย่างเง้างอด “นี่ไม่ใช่ว่าดียิ่งแล้วหรือ เน้นทั้งคุณธรรมและความรัก”

“ความรักระหว่างมนุษย์กับปีศาจ คนบนโลกยากจะเข้าใจยิ่ง หากอาจารย์ปู่ของเขาคัดค้าน…”

“ไม่มีทาง! เหลียงไม่มีทางทอดทิ้งข้า!”

“เช่นนั้นก็คอยดูไปเถิด”

สองปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับสำเร็จ!

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 880/5,761,200]

[เผ่าพันธุ์: เซียน]

[ตบะ: ระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะต้น]

…….

ขณะมองหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตน หานเจวี๋ยร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

อายุขัยห้าล้านเจ็ดแสนปี!

นี่แหละชีวิตอมตะ!

พลังเวทของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังจิตก็แกร่งขึ้นไม่หยุดเช่นกัน

หลังจากเข้าสู่ระดับเซียนพิภพ ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาล้วนได้รับการแปรสภาพ ฟ้าดินในสายตาของเขาแตกต่างไปจากเดิม

‘ห้ามหลงระเริง ตบะนี่ไม่พอให้ดูสักนิด!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจ

หลังทะลวงระดับได้ เขายังต้องเร่งทำเวลาฝึกบำเพ็ญอีก

ครึ่งปีต่อมา หานเจวี๋ยก็ทำให้พลังเวทของระดับเซียนพิภพมั่นคงอย่างสมบูรณ์

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสะสางภารกิจประจำวันเพื่อฉลองให้เรื่องนี้

หลังจากสาปแช่งเสร็จสิ้น เขาก็เรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา จากนั้นตนเองก็ฝึกบำเพ็ญต่อไป

อู้เต้าเจี้ยนถามอย่างใคร่รู้ว่า “นายท่าน ท่านทะลวงระดับอีกแล้วหรือ”

นางเองก็กำลังแกร่งขึ้นเช่นกัน แต่ในสายตาของนางหานเจวี๋ยกลับยิ่งสูงส่งสุดจะหยั่งเข้าไปทุกที

“ใช่” หานเจวี๋ยตอบรับง่ายๆ เสียงหนึ่ง

อู้เต้าเจี้ยนกล่าวต่อว่า “สวินฉางอันอยากพบท่าน แต่ก็ดันไม่กล้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นแล้วจึงถาม “มีเรื่องอะไร”

“เขาอยากไปหาแม่นางเชี่ยนเอ๋อร์ที่กลับชาติมาเกิดใหม่ ช่วงนี้เขาไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ แต่นั่งอยู่ใต้ต้นฝูซัง เหมือนวิญญาณหลุดลอยไปก็ไม่ปาน”

พออู้เต้าเจี้ยนเอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็อดส่ายหน้าไม่ได้

นางไม่อาจเข้าใจท่าทีของสวินฉางอันได้

จำเป็นต้องยึดติดกับคนคนหนึ่งเช่นนี้ด้วยหรือ

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

คำสาปแช่งของพุทธาเทพน่ากลัวขนาดนี้เชียว?

วิชากระบี่บินไร้หัวใจก็ไม่อาจทำให้สวินฉางอันลืมรักได้อย่างสิ้นเชิง

“ช่างเถิด ให้ฉี่เอ๋อร์ไปเป็นเพื่อนอาจารย์เขาเสีย จะได้ฝึกฝนเคี่ยวกรำเขาด้วยพอดี” หานเจวี๋ยเอ่ยปาก

มู่หรงฉี่กลับมาแล้ว กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ใต้ต้นฝูซังนี่เอง

อู้เต้าเจี้ยนลุกขึ้นนำความไปบอกต่อทันที

เมื่อสวินฉางอันที่แต่เดิมใจไม่อยู่กับตัวได้ยิน ก็ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นทันที ก่อนโขกศีรษะไปทางถ้ำเทวาฟ้าประทาน

มู่หรงฉี่เบ้ปากกล่าว “ให้ข้าเฝ้าคุ้มครองอาจารย์?”

สวินฉางอันถลึงตามองเขาปราดหนึ่ง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ทำไม เจ้าไม่ยอมรับอาจารย์อย่างข้าคนนี้หรือ”

“มิใช่ เพียงแต่รู้สึกว่าท่านผู้เฒ่าอยู่ว่างจนเลอะเลือน ผู้หญิงทั่วหล้ามีตั้งมากมาย กลับไล่ตามคนคนเดียวอยู่ได้”

“เฮอะ เจ้าไม่เข้าใจหรอก บนโลกนี้สิ่งที่จริงใจที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็คือความรัก”

“ความรักทำลายอุปสรรคด้านรูปลักษณ์หน้าตาได้หรือไม่ล่ะ”

“…”

หยางเทียนตงที่อยู่ไม่ไกลมองดูอย่างอิจฉา

ดวงของพระอัปลักษณ์นี่ช่างดีเสียจริง ทั้งยังมีศิษย์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่เคียงข้าง

ถ้าเจ้ามีศิษย์ที่เก่งกาจขนาดนี้อยู่ ไยต้องกังวลอีกว่าจะไม่อาจกลายเป็นราชาปีศาจกุมอำนาจคับฟ้า?

‘พอดีเลย ถ้าเขาออกไป ระยะนี้หากอาจารย์อยากรับศิษย์ใหม่อีก ข้าก็สามารถรับไว้ได้’ หยางเทียนตงคิดไว้อย่างสวยหรู

เขาอยากได้ตัวมู่หรงฉี่กับฟางเหลียงมาเหลือเกิน

พรสวรรค์ของสองคนนี้ช่างสุดแสนจะพิสดาร!

…………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร!

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร!

อัสนีสวรรค์ที่มาแบบฉับพลันทำให้ทหารสวรรค์ทั้งกองตกใจ

พวกเขาเข้าใจไปว่าศัตรูเข้าจู่โจม จึงรีบรายงานแม่ทัพสวรรค์ จากนั้นเริ่มไต่สวนว่าอัสนีสวรรค์มาจากที่แห่งใด

ไม่นานนัก แม่ทัพสวรรค์ที่สวมเกราะหนาสีเงินสวมมงกุฎปีกหงส์ฝังมุกก็พาดดาบใหญ่รีบเร่งเข้ามา

แม่ทัพสวรรค์คนนี้ใบหน้าน่ายำเกรง ดวงตาทั้งคู่ดุจคบไฟ แม้ไม่โกรธก็น่าเกรงขาม

“อัสนีสวรรค์เมื่อครู่มาจากที่ใด” แม่ทัพสวรรค์ถามเสียงเข้ม

ทหารสวรรค์คนหนึ่งกล่าวตอบว่า “มาจากโลกมนุษย์จุดหนึ่งขอรับ”

“โลกมนุษย์?”

แม่ทัพสวรรค์เกิดความสนใจ เขาเดินไปข้างหน้าหลายก้าว หยิบกระจกบานหนึ่งออกมาแล้วส่องลงไปเบื้องล่าง มือซ้ายร่ายวิชาอยู่ด้านหลังกระจก

บานกระจกส่งลำแสงออกมา พุ่งทะลุเข้ากลางทะเลเมฆ

ผ่านไปไม่ทันไร ลำแสงเลือนหายไป แม่ทัพสวรรค์ยกกระจกขึ้นมาส่อง ภายในบานกระจกปรากฏภาพฉากที่จี้เซียนเสินกำลังฝ่าด่านเคราะห์

“เอ๋? โลกมนุษย์มีบุตรแห่งสวรรค์ระดับนี้โผล่มาอีกแล้ว ทำให้กฎสวรรค์สั่นสะเทือนได้ น่าทึ่งจริงๆ”

แม่ทัพสวรรค์พึมพำกับตัวเอง ดวงตากำลังเปล่งประกาย

เจ้าเด็กนี่ เขาต้องรับตัวมาให้ได้!

สามสิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุไปถึงระดับเซียนอิสระวัฏจักรขั้นสมบูรณ์อย่างราบรื่น

ความเร็วของการทะลวงระดับเช่นนี้ เมื่อเทียบกับระดับเซียนอิสระเมื่อก่อนแล้วก็ช้าไม่มากนัก ถึงขั้นเรียกได้ว่าพอๆ กัน

ก่อนหน้านี้ประมาณร้อยปีก็สามารถทะลวงขอบเขตพลังใหญ่ขอบเขตหนึ่งได้ ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไร

หลังจากบรรลุถึงระดับเซียนอิสระวัฏจักรขั้นสมบูรณ์ หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา ก่อนเริ่มจัดการภารกิจประจำวัน

ทุกสิบปีเขาจะสาปแช่งหนึ่งรอบ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เหล่าศัตรูอยู่สบายจนเกินไป

เขาสาปแช่งไปพลาง ตรวจสอบกล่องจดหมายไปพลาง

[ถูหลิงเอ๋อร์ศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x10489

[ถูหลิงเอ๋อร์ศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ช่วงเวลาวิกฤตคับขันกระตุ้นให้ปล่อยพลังวิญญาณมหาเวท]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านหวนคืนโลกมนุษย์อีกครั้ง ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านได้รับวิชาเทพเซียนเข้าฝัน ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[โจวฝานสหายของท่านตระหนักรู้พลังวิเศษบรรพกาล พลังมรรคเพิ่มพูน]

[หลิ่วปู๋เมี่ยสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านช่วยเหลือธิดาเทพเผ่าปีศาจที่กลายร่างเป็นปลา ได้ธิดาเทพเผ่าปีศาจอุทิศกายถวายชีวิตให้ ตบะก้าวกระโดด]

……

นี่คือแสงสายัณห์ยามตะวันรอนของมรรคาสวรรค์หรือ

น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!

หานเจวี๋ยลอบเหน็บแนมกับตัวเอง

คนมากมายได้รับโอกาสวาสนา!

หานเจวี๋ยตระหนักได้ว่าหลิ่วปู๋เมี่ยถูกมารปีศาจโจมตี หลิ่วปู๋เมี่ยในตอนนี้เป็นถึงผู้อาวุโสคุมกฎของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ สถานะพิเศษ อย่าได้ตายเป็นดีที่สุด

เขาตรวจสอบภาพประจำตัวของหลิ่วปู๋เมี่ย พบว่ายังคงอยู่ นั่นหมายความว่าไม่เป็นอะไร

หานเจวี๋ยจึงสาปแช่งต่อ

ครึ่งเดือนต่อมา

เขาเริ่มฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถี เตรียมพร้อมทะลวงระดับเซียนพิภพ!

เขาเอาศิลาแคล้วสวรรค์เหน็บไว้ตรงเอว ศิลาแคล้วสวรรค์อยู่ใกล้เขามากหน่อย เขายิ่งมีความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

ไม่รู้ว่าศิลาแคล้วสวรรค์จะทำให้เขาอยู่ที่โลกมนุษย์ได้นานแค่ไหน

ไอเซียนของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเอ่อทะลักมาทางเขานับไม่ถ้วน ก่อตัวเป็นลมหมุนภายในถ้ำเทวา ทำให้อู้เต้าเจี้ยนไม่อาจสงบใจฝึกบำเพ็ญได้

หานเจวี๋ยจึงให้อู้เต้าเจี้ยนออกไปรอข้างนอก

ครั้งนี้ เขาจะต้องบรรลุระดับเซียนพิภพให้ได้!

……

ใต้ฟ้าสีคราม ท้องทะเลกว้างใหญ่

บนหาดทราย ฟางเหลียงนั่งอยู่บนโขดหินพลางทอดสายตามองท้องฟ้าไกล เหม่อลอยอยู่เงียบๆ

เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มในตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว ยามนี้เปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ช่วงไหล่ก็กว้างขึ้นไม่น้อย

หญิงชุดดำท่าทางงดงามเปี่ยมเสน่ห์คนหนึ่งเดินออกมาจากป่าด้านหลังของเขา ใบหน้าของนางสวยสด บนศีรษะมีหูสัตว์คู่หนึ่ง

นางเดินมานั่งลงข้างๆ ฟางเหลียง จากนั้นกล่าวเสียงนุ่มว่า “เหลียง ต่อไปเจ้าวางแผนไว้ว่าอย่างไร”

ฟางเหลียงดึงสติกลับมา ตอบว่า “ข้าอยากกลับไปพบอาจารย์ปู่ของข้า”

“ทำไมกัน ตกลงกันแล้วว่าจะไปพูดเรื่องแต่งงานกับท่านพ่อของข้าไม่ใช่หรือ”

“เรื่องนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากอาจารย์ปู่ของข้า”

“หือ? อาจารย์ปู่เจ้าเลี้ยงดูเจ้ามาหรือ”

“ไม่ใช่หรอก แต่หากไม่มีอาจารย์ปู่ของข้า ก็จะไม่มีข้าในวันนี้”

“ข้าไปกับเจ้าด้วยได้ไหม”

“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ รอให้อาจารย์ปู่ของข้าเห็นด้วยแล้ว ข้าจะรีบไปคุยเรื่องแต่งงานทันที”

“หากอาจารย์ปู่ของเจ้าไม่เห็นด้วยเล่า”

“ไม่หรอก วางใจเถิด อาจารย์ปู่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกเรา ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องแจ้งให้เขาทราบก่อน นี่คือการเคารพ”

“เอาเถอะ”

หญิงชุดดำมุ่นคิ้ว แต่ก็ยังเห็นด้วยกับฟางเหลียง

ฟางเหลียงหยัดตัวลุกขึ้นตาม กล่าวด้วยว่า “เอาเช่นนี้แล้วกัน คราวหน้าไว้พบกันอีก”

หญิงชุดดำตอบรับครั้งหนึ่ง จากนั้นก็มองส่งฟางเหลียงเดินจากไป

“ฮึ นี่คือไอ้หนูที่เจ้าถูกใจรึ ถึงแม้คุณสมบัติจะไม่เลว แต่โตขนาดนี้แล้วยังต้องฟังคำของอาจารย์ปู่อยู่อีก หรือว่าอาจารย์ปู่เขาเป็นระดับมหายาน”

เสียงที่หยาบกระด้างและน่ายำเกรงดังขึ้นข้างหูของหญิงชุดดำ

หญิงชุดดำเอ่ยอย่างเง้างอด “นี่ไม่ใช่ว่าดียิ่งแล้วหรือ เน้นทั้งคุณธรรมและความรัก”

“ความรักระหว่างมนุษย์กับปีศาจ คนบนโลกยากจะเข้าใจยิ่ง หากอาจารย์ปู่ของเขาคัดค้าน…”

“ไม่มีทาง! เหลียงไม่มีทางทอดทิ้งข้า!”

“เช่นนั้นก็คอยดูไปเถิด”

สองปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับสำเร็จ!

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 880/5,761,200]

[เผ่าพันธุ์: เซียน]

[ตบะ: ระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะต้น]

…….

ขณะมองหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตน หานเจวี๋ยร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

อายุขัยห้าล้านเจ็ดแสนปี!

นี่แหละชีวิตอมตะ!

พลังเวทของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังจิตก็แกร่งขึ้นไม่หยุดเช่นกัน

หลังจากเข้าสู่ระดับเซียนพิภพ ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาล้วนได้รับการแปรสภาพ ฟ้าดินในสายตาของเขาแตกต่างไปจากเดิม

‘ห้ามหลงระเริง ตบะนี่ไม่พอให้ดูสักนิด!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจ

หลังทะลวงระดับได้ เขายังต้องเร่งทำเวลาฝึกบำเพ็ญอีก

ครึ่งปีต่อมา หานเจวี๋ยก็ทำให้พลังเวทของระดับเซียนพิภพมั่นคงอย่างสมบูรณ์

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสะสางภารกิจประจำวันเพื่อฉลองให้เรื่องนี้

หลังจากสาปแช่งเสร็จสิ้น เขาก็เรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา จากนั้นตนเองก็ฝึกบำเพ็ญต่อไป

อู้เต้าเจี้ยนถามอย่างใคร่รู้ว่า “นายท่าน ท่านทะลวงระดับอีกแล้วหรือ”

นางเองก็กำลังแกร่งขึ้นเช่นกัน แต่ในสายตาของนางหานเจวี๋ยกลับยิ่งสูงส่งสุดจะหยั่งเข้าไปทุกที

“ใช่” หานเจวี๋ยตอบรับง่ายๆ เสียงหนึ่ง

อู้เต้าเจี้ยนกล่าวต่อว่า “สวินฉางอันอยากพบท่าน แต่ก็ดันไม่กล้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นแล้วจึงถาม “มีเรื่องอะไร”

“เขาอยากไปหาแม่นางเชี่ยนเอ๋อร์ที่กลับชาติมาเกิดใหม่ ช่วงนี้เขาไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ แต่นั่งอยู่ใต้ต้นฝูซัง เหมือนวิญญาณหลุดลอยไปก็ไม่ปาน”

พออู้เต้าเจี้ยนเอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็อดส่ายหน้าไม่ได้

นางไม่อาจเข้าใจท่าทีของสวินฉางอันได้

จำเป็นต้องยึดติดกับคนคนหนึ่งเช่นนี้ด้วยหรือ

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

คำสาปแช่งของพุทธาเทพน่ากลัวขนาดนี้เชียว?

วิชากระบี่บินไร้หัวใจก็ไม่อาจทำให้สวินฉางอันลืมรักได้อย่างสิ้นเชิง

“ช่างเถิด ให้ฉี่เอ๋อร์ไปเป็นเพื่อนอาจารย์เขาเสีย จะได้ฝึกฝนเคี่ยวกรำเขาด้วยพอดี” หานเจวี๋ยเอ่ยปาก

มู่หรงฉี่กลับมาแล้ว กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ใต้ต้นฝูซังนี่เอง

อู้เต้าเจี้ยนลุกขึ้นนำความไปบอกต่อทันที

เมื่อสวินฉางอันที่แต่เดิมใจไม่อยู่กับตัวได้ยิน ก็ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นทันที ก่อนโขกศีรษะไปทางถ้ำเทวาฟ้าประทาน

มู่หรงฉี่เบ้ปากกล่าว “ให้ข้าเฝ้าคุ้มครองอาจารย์?”

สวินฉางอันถลึงตามองเขาปราดหนึ่ง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ทำไม เจ้าไม่ยอมรับอาจารย์อย่างข้าคนนี้หรือ”

“มิใช่ เพียงแต่รู้สึกว่าท่านผู้เฒ่าอยู่ว่างจนเลอะเลือน ผู้หญิงทั่วหล้ามีตั้งมากมาย กลับไล่ตามคนคนเดียวอยู่ได้”

“เฮอะ เจ้าไม่เข้าใจหรอก บนโลกนี้สิ่งที่จริงใจที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็คือความรัก”

“ความรักทำลายอุปสรรคด้านรูปลักษณ์หน้าตาได้หรือไม่ล่ะ”

“…”

หยางเทียนตงที่อยู่ไม่ไกลมองดูอย่างอิจฉา

ดวงของพระอัปลักษณ์นี่ช่างดีเสียจริง ทั้งยังมีศิษย์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่เคียงข้าง

ถ้าเจ้ามีศิษย์ที่เก่งกาจขนาดนี้อยู่ ไยต้องกังวลอีกว่าจะไม่อาจกลายเป็นราชาปีศาจกุมอำนาจคับฟ้า?

‘พอดีเลย ถ้าเขาออกไป ระยะนี้หากอาจารย์อยากรับศิษย์ใหม่อีก ข้าก็สามารถรับไว้ได้’ หยางเทียนตงคิดไว้อย่างสวยหรู

เขาอยากได้ตัวมู่หรงฉี่กับฟางเหลียงมาเหลือเกิน

พรสวรรค์ของสองคนนี้ช่างสุดแสนจะพิสดาร!

…………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+