การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 100 3 วัน 3 คืน

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 100 3 วัน 3 คืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 100 3 วัน 3 คืน

 

เมืองอิชกะในขณะนี้เต็มไปด้วยความเงียบงัน หรือจะบอกว่าสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวก็ได้

 

 

ถนนสายหลักที่มักจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมายก็ถูกทิ้งร้างเอาไว้ แม้แต่แมวจรจัดก็ไม่มีให้เห็นสักตัว สายลมที่พัดม าจากป่าทีทิสที่อยู่ทางตอนเหนือเต็มไปได้ฝุ่นละออง ตึกรามบ้านช่องก็ส่งเสียงออกมาตามลมที่พัด ของเล่นเด็กที่ถูกทิ้งเอาไว้ตามท้องถนน ก็ถูกสายลมพัดพาไป

 

ชวนให้นึกถึงภาพของเมืองที่ถูกทิ้งร้าง

 

ก็จริงอยู่ ชาวเมืองอิชกะไม่ได้เสียชีวิตไปหมดหรืออพยพออกจากเมืองไปแล้ว ถึงจะมีบางส่วนที่หนีไปทางใต้เรียบร้อยแล้ว แต่หลายๆ คนก็ยังคงอยู่ที่เมืองอิชกะ

 

ทว่า ด้วยสภาพเมืองที่เห็นในตอนนี้หากจะบอกว่ายังไม่ใช่เมืองร้างก็คงจะยากอยู่ เพราะผู้คนเอาแต่เก็บตัวกันอยู่ภายในอาคารหรือสถานป้องกันของตัวเองเพื่อรอให้สถานการณ์ผ่านพ้นไป

 

นี่ก็ผ่านมาได้ 3 วันแล้วตั้งแต่ที่เสียงคำรามครั้งแรกของมังกรถูกส่งไปทั่วผืนดิน

 

ผู้คนมากมายได้ฟื้นสติกลับมาจากเสียงคำรามนั้นแล้ว แนวป้องกันของเมืองก็เริ่มกลับมาทำงานได้ เพื่อป้องกันมอนสเตอร์ที่คลุ้มคลั่ง สถานการณ์หลายๆ อย่างก็เริ่มออกมาในทางที่ดี

.

แล้วทำไมเมืองอิชกะยังถึงได้เงียบเหมือนเมืองร้างล่ะ? สาเหตุนั้นก็มาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้

 

กึก..กึก…กึง

 

พื้นดินสั่นสะเทือนได้สามครั้ง ราวกับมันกระโดดขึ้นมาได้ อาคารภายในเมืองอิชกะก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนทำให้นึกว่ากำแพงป้องกันเมืองอาจจะพังทลายลงไปเลยก็ได้

 

เสียงดังกึกก้องนี้ไม่ได้ลดน้อยลงไปแต่อย่างใด เพราะหลังจากมันหยุดไปได้สักพัก แรงสั่นสะเทือนก็เกิดขึ้นมาอีก 2 ครั้ง และ ไม่นานก็กลายเป็น 5 ครั้ง

 

มันเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติมากเกินกว่าที่จะเรียกว่าแผ่นดินไหว เพราะจะมีแผ่นดินไหวที่ไหนที่สามารถเขย่าเมืองให้สั่นสะเทือนได้ตลอดช่วงเวลา 3 วัน โดยไม่หยุดพัก

 

แรงสั่นสะเทือนก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งกลางวันและกลางคืน แม้แต่เด็กก็ยังเข้าใจได้ว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

 

 

แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นไม่หยุดนี้ เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่ามังกรที่คำรามใส่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถต่อสู้ได้พวกเขามีอยู่ 2 ทางเลือกด้วยกัน นั่นก็คือ ยอมแพ้ หรือ หนี ผู้ที่เลือกหนทางหนี พวกเขาก็ทำมันสำเร็จกันไปหมดแล้ว มันก็เลยช่วยไม่ได้ที่สภาพของเมืองอิชกะในตอนนี้จะหดหู่และสิ้นหวัง

 

หากเป็นสถานการณ์แบบนี้ ถึงทางเมืองอิชกะไม่ก็กิลด์นักผจญภัยจะประกาศว่าเหตุคลุ้มคลั่งสิ้นสุดลงแล้ว ก็คงไม่มีใครส่งเสียงยินดีออกมาหรอก หากแผ่นดินไหวที่เป็นเหมือนกับการเย้ยหยันของมังกรยังไม่หยุด มันคือสิ่งที่บอกกับทุกคนว่า “ทุกอย่างมันยังไม่จบ” คนในเมืองยังต้องตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังจนนอนไม่หลับไปอีกหลายวัน

 

 

การขนส่งหยุดชะงัก ร้านค้าถูกปิด ถ้าคนในเมืองใช้เสบียงของตัวเองจนหมด พวกเขาก็จะอดตาย ก่อนจะได้ถูกมังกรมาบดขยี้ราวกับหนอนแมลง ผู้คนไม่สามารถนอนหลับได้ในช่วงกลางคืนเพราะถูกความกังวลมากมายเข้าครอบงำ ความตายที่กำลังใกล้เข้ามาหาพวกเขาทุกขณะ แถมถึงพวกเขาจะหลับลงได้ พวกเขาก็จะถูกปลุกด้วยแรงสั่นสะเทือน

 

เหล่าผู้อ่อนแอต่างก็ทำได้เพียงอธิษฐาน ภาวนาให้เหล่านักผจญภัยชั้นยอดที่ปกป้องเมืองอิชกะสามารถขจัดต้นตอของปัญหานี้ไปได้เสียที

 

ขณะนั้นเอง ณ กิลด์นักผจญภัย ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของเมืองอิชกะ พนักงานต้อนรับอย่างลิดเดลได้เดินเข้ามารายงานกิลด์มาสเตอร์เอลการ์ด

 

 

“มาสเตอร์คะ เราได้รับรายงานมาจากพาร์เฟตเกี่ยวกับแนวป้องกัน ดูเหมือนว่าทั้ง 3 คนนั้นจะออกจากแนวป้องกันและมุ่งหน้าไปยังป่าทีทิสแล้วค่ะ จากรายงานของเธอพบว่าพวกเขาตั้งใจจะตรงไปยังพายุสีแดงนั้นเพราะเชื่อว่ามังกรจะซ่อนตัวอยู่ภายในค่ะ”

 

ทั้งสามคนที่เธอพูดก็คือ โกซุ คลิม ไคลอา

 

ตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมาและก่อนหน้านี้ พวกเขามีบทบาทอย่างมากในการหยุดยั้งพวกมอนสเตอร์ หากไม่มีพวกเขาอยู่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแนวป้องกันคนพังทลายไปหมดแล้ว

 

หลังจากได้ยินลิดเดลรายงาน เอลการ์ดก็พยักหน้าอย่างช้าๆ

 

“งั้นเหรอ พวกเขาคงมองว่าฝูงมอนสเตอร์ถัดไปไม่น่าจะสร้างปัญหาอะไรให้กับพวกเราและมุ่งไปยังต้นตอของปัญหาแล้วสินะ”

 

 

“น่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ ถึงจะเป็นแบบนั้นไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใดการกระทำของพวกเขาก็คือการกระทำโดยพลการนะคะ”

 

ลิดเดลบ่นถึงการจากไปของทั้ง 3 คน แม้ว่าสาเหตุหลักจะมาจากความประมาทเลินเล่อของตัวเธอเอง แต่ลิดเดลที่เห็นการกระทำของพวกเขาที่คฤหาสน์ของโซระ เธอก็ไม่สามารถมองทั้ง 3 คนในมุมดีๆ ได้อีก

 

เอลการ์ดตอบสนองโดยการหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไป

 

“พวกเขาก็คงคิดอยู่แล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมาขออนุญาตพวกเรา นอกจากนี้การคลุ้มคลั่งของมอนสเตอร์ก็เบาบางลงแล้ว แถมพวกเราก็ไม่มีทางจะหยุดพวกเขาไม่ให้จากไปได้ในสถานการณ์แบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วด้วยสิ”

 

 

ทั้ง 3 คนที่เลือกกระทำทุกอย่างตามใจชอบก็คงจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ใบหน้าของเอลการ์ดในตอนนี้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ในฐานะกิลด์มาสเตอร์ เขาจำเป็นต้องทำตัวสงบนิ่ง แต่เพราะความวุ่นวายที่ตามมาจากเสียงคำรามนั้น มันบั่นทอนกายใจของเขาไปมากจริงๆ

 

ช่วงตลอด 3 วันที่ผ่านมาเอลการ์ดต้องวิ่งวุ่นไปทั้งสำนักงานเมืองอิชกะ กิลด์ และหลายจุดของเมืองเพื่อควบคุมสถานการณ์ ในช่วงแรกที่เกิดเสียงคำรามขึ้น พวกระดับสูงของเมืองได้หมดสติกันไปหลายคนและทำให้หน่วยงานต่างๆ ภายในเมืองเป็นอัมพาตไป ภาระที่เอลการ์ดต้องแบกอยู่จึงมากพอสมควร

 

 

เอลการ์ดต้องเป็นคนช่วยประสานงานระหว่างสำนักงานเมือง พวกพ่อค้า ทหาร เขาทำงานโดยไม่รู้ว่ามันจะจบลงตรงไหน ทั้งหมดก็เพื่อรักษาความร่วมมือและความสงบของเมืองจากทุกฝ่าย เพราะสถานการณ์แบบนี้เขาไม่สามารถปล่อยให้ลูกน้องจัดการได้อย่างเดียว ตัวเขาก็ต้องออกไปช่วยเหมือนกัน

 

ในฐานะกิลด์มาสเตอร์ และ นักผจญภัยระดับหนึ่ง เอลการ์ดเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงของเมืองอิชกะ ดังนั้นจึงควรจะเป็นเขาที่ต้องไปติดต่อกับทางสำนักงานเมือง พ่อค้า และกองทหารด้วยตัวเองเพื่อขอความร่วมมือ เพื่อสร้างสายบัญชาการใหม่ชั่วคราวในการป้องกันเมืองไม่ให้วุ่นวายมากกว่านี้

 

ถ้าไม่ใช่เพราะความพยายามจนสายตัวแทบขาดของเอลการ์ด ความวุ่นวายภายในเมืองอิชกะก็คงจะเกินการควบคุมไปแล้ว ทั้งการปล้ม การจลาจลก็คงเกิดขึ้นในหลายจุดของเมือง

 

ช่างโชคดีจริงๆ ที่พวกเขามีพวกโกซุคอยรับมืออยู่ที่แนวป้องกัน เพราะหากไม่มีพวกเขา เอลการ์ดก็คงต้องจัดลำดับความสำคัญในการดูแลเมืองเสียใหม่ เขาคงต้องทิ้งเมืองและออกไปยังแนวป้องกัน และนั่นจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เมืองอิชกะวุ่นวายเกินความคุมไปแน่

 

นอกจากนี้ถึงจะเป็นตัวเอลการ์ดออกไปที่แนวป้องกัน แต่เขาก็คงจะไม่สามารถทำได้อย่างที่ทั้ง 3 คนนั้นทำได้แน่ สุดท้ายแนวป้องกันก็จะพังทลาย แล้วเมืองอิชกะก็จะล่มสลายไปในชั่วข้ามคืนทั้งจากภายในและภายนอก

 

ไม่ว่าจะขอบคุณทั้ง 3 คนเท่าไหร่ก็คงไม่พอ การมีอยู่ของพวกเขาทำให้เมืองอิชกะรอดมาจนถึงตอนนี้ได้เป็นเรื่องจริง ดังนั้นเอลการ์ดจึงยอมหลับตาข้างหนึ่งสำหรับการกระทำของพวกเขา หากพวกเขาเลือกที่จะหนีจากสนามรบก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่กลับกันพวกเขาเลือกที่จะไปกำจัดต้นตอของปัญหา แทนที่จะบ่นเอลการ์ดมองว่าควรชื่นชมเสียด้วยซ้ำ

 

เรื่องนี้เขาก็คงไม่จำเป็นต้องบอกลิดเดล เพราะเขารู้ว่าเธอเป็นคนที่ฉลาด เธอคงจะเข้าใจในสิ่งที่เอลการ์ดอยากจะบอกถึงแม้เขาจะไม่พูดมันออกมา ดังนั้นเขาเลยแอบสงสัยว่าทำไมลิดเดลถึงต้องบ่นเรื่องของทั้ง 3 คน ออกมาด้วย

 

ก็จริงว่าการกระทำของพวกเขาที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ของโซระคงทำให้ลิดเดลไม่ชอบพวกเขา แต่เอลการ์ดคิดว่านั่นไม่น่าจะใช้สาเหตุเดียว

 

ลิดเดลอาจจะมองว่าพวกเขา คือบุคคลที่ควรเฝ้าระวังเสียยิ่งกว่าพวกมอนสเตอร์ที่คลุ้มคลั่งเสียอีก ซึ่งเอลการ์ดเองก็คิดแบบนั้น

 

ตลอด 3 วันที่ผ่านมานี้ เอลการ์ดก็เคยมีโอกาสได้ไปดูแนวป้องกันอยู่ครั้งหนึ่งและได้เห็นการต่อสู้ของทั้ง 3 คน ด้วยตาตัวเอง วิธีการที่พวกเขาจัดการกับฝูงมอนสเตอร์นับไม่ถ้วนนั้น ช่างเหมือนกับการตัดหญ้า พวกเขาผ่าและเผาร่างของมันอย่างง่ายดายจนดูเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ขนาดนักผจญภัยระดับ 1 อย่างเอลการ์ดยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับลิดเดลที่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนอยู่คฤหาสน์ของโซระ

 

พวกเขามีพลังมากมายพอที่จะหยุดมอนสเตอร์ลงได้ หากพวกเขาต้องการจริงแค่เมืองอิชกะพวกเขาก็คงจะทำลายจนเหลือแต่เถ้าถ่านได้ไม่ยาก

 

 

มันไม่ใช่ความกลัวที่ขาดมูลความจริงไป เพราะพวกเขาสามารถโจมตีคิจินสาวที่ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ภายในเมืองนี้ได้ โดยวิจารณญาณของตัวเองทั้งสิ้น

 

แม้รายละเอียดที่มาที่ไปของการกระทำจะยังไม่ชัดเจนนัก แต่จากรายงานของลิดเดลทั้ง 3 ได้เพิกเฉยต่อคำเตือนทั้งหมดของเธอ และประกาศกร้าวว่ากฎของตัวเองนั้นสำคัญเหนือกฎของเมือง

 

พวกนอกกฎหมายที่มีพลังอย่างท่วมท้น หากว่ากันตามตรงก็ไม่แปลกหรอกที่ลิดเดลจะรู้สึกว่าควรระวังพวกเขาเอาไว้ให้มาก ขนาดเอลการ์ดก็ยังรู้สึกเลย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เอลการ์ดหนักใจมากกว่าเดิมไม่ใช่เรื่องของ 3 คนนั้น เพราะคนที่เขาควรระวังมากที่สุดก็คือคนที่สามารถจัดการทั้ง 3 คนลงได้ต่างหาก จากรายงานที่เขาได้ยังมีความจริงอีกเรื่องหนึ่งที่ทราบมานั่นคือ ทั้ง 3 คนถูกอดีตนักผจญภัยระดับ 10 ซึ่งกิลด์เคยขับไล่เขาออกไปจัดการ

 

“เป็นนายอีกแล้วสินะ โซระ”

 

เอลการ์ดพึมพำออกมา พลางขมวดคิ้ว เมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหาขึ้น ชื่อของเขาก็มักจะตามมาด้วยเสมอ

 

เอลการ์ดเข้าใจดีอยู่แล้วว่าตอนนี้ โซระไม่ใช่ของอย่าง “ปรสิต” หรือ “เลเวล 1 ตลอดชาติ” ตั้งแต่ที่เขาถูกขับไล่ออกจากกิลด์ไป โซระก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ถึงเอลการ์ดจะรู้ว่าเขาแข็งแกร่ง แต่เอลการ์ดก็ไม่เคยคิดฝันเลยว่าโซระจะสามารถจัดการกับทั้ง 3 คนที่แข็งแกร่งในระดับที่รับมือกับพวกมอนสเตอร์ที่คลุ้มคลั่งได้อย่างง่ายดาย

 

“นี่มันต่างจากที่ฉันคาดไว้ไปมากเลยนะ การเติบโตนี้ช่างรวดเร็วราวกับผืนดินสู่สรวงสวรรค์ หรือมีเทพไม่ก็ปีศาจตนใดมาสิ่งสถิตเขาอยู่กันนะ”

 

“มาสเตอร์กำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ?”

 

เอลการ์ดที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดก็พยักหน้าตอบลิดเดลไปว่า”ไม่มีอะไร”ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

 

จากนั้นเขาก็กลับมานึกถึงเรื่องของโซระอีกครั้ง

 

ข้อมูลที่ได้จากลิดเดล โซระและทั้ง 3 คนนั้นเป็นคนรู้จักกัน ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาเกิดในประเทศเดียวกัน ก็จริงอยู่ว่ามีความเป็นไปได้ที่ทั้ง 3 คนจะยั้งมือเอาไว้จนเป็นเหตุให้โซระสามารถเอาชนะพวกเขาได้ ทว่าถึงจะเป็นแบบนั้นการเติบโตของโซระมันก็เหนือความคาดหมายไปมากจริงๆ

 

ส่วนโซระในตอนนี้จากข้อมูลที่ยืนยันได้ เขาได้ขี่ไวเวิร์นครามมุ่งไปยังทางเหนือตั้งแต่ 3 วันก่อนแล้ว –ระหว่างที่คิด อาคารของกิลด์ก็สั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง

 

 

“–หือ”

 

เอลการ์ดที่สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย อาคารของกิลด์มันสั่นสะเทือนจนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดออกมาให้ได้ยิน

 

หากเป็นเมื่อเดือนก่อน พวกเขาก็คงจะวุ่นวายกันไปทั่วเพราะจำเป็นต้องออกไปหาสาเหตุว่ามันคือภัยธรรมชาติหรือฝีมือของมอนสเตอร์

 

เอลการ์ดได้เดินไปยังหน้าต่างและมองออกไปด้านนอก

 

ชาวเมืองอิชกะส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวมาตั้งแต่ 3 วันก่อนที่เกิดการคำรามแรกขึ้นมาแล้ว พวกเขาคิดว่าสิ่งมีชีวิตในตำนานตนนั้นกำลังอาละวาดอยู่ใกล้ๆ เมืองนี้ จนทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนั่นยังเป็นสัญญาณของการมีอยู่ของมันด้วย ดังนั้นทุกคนจึงต่างเฝ้ารอคอยโดยหวังว่าแรงสั่นสะเทือนนี้จะหยุดลงในไม่ช้า

 

ทว่า เอลการ์ดกลับมองเหตุการณ์แผ่นดินไหวในรอบนี้แตกต่างออกไปจากคนอื่น

 

“ก็จริงว่าแผ่นดินไหว เป็นการบ่งบอกถึงตัวตนของสิ่งนั้นว่ามันมีชีวิตอยู่ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นสัญญาณบอกว่าผู้ที่เข้าท้าทายกับมันยังมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกัน….”

 

ถ้าเขาไม่คิดแบบนั้น มันก็ไม่มีอะไรจะสามารถอธิบายได้อีกแล้วว่าทำไมภัยพิบัตินั่นถึงยังอยู่ภายในป่าทีทิส

 

มันไม่ใช่แค่ชั่วโมงหรือสองชั่วโมง มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะคิดได้ว่าสิ่งมีชีวิตในตำนานนั่นจะหยุดลงในป่าทีทิสเฉยๆ ดังนั้นมันจะต้องกำลังสู้อยู่กับใครบางคนจนทำให้มันไม่สามารถขยับจากจุดนั้นได้เป็นเวลาถึง 3 วัน

 

“จากเสียงคำรามที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน มันต้องเป็นมังกรคำรามไม่ผิดแน่…ถ้าเป็นแบบนั้น การจะคิดว่าเบื้องหลังของพายุสีแดงนั้นต้องเป็นมังกรก็คงจะไม่ผิด โซระนี่นายรับมือกับมังกรมาได้นานถึง 3 วัน 3 คืนเลยงั้นเหรอ?”

 

ก็จริงว่าความแข็งแกร่งของโซระมันเหนือจินตนาการเขาไปเยอะแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ยังไงก็ต้องมีขีดจำกัด พอเขาดูจากความถี่ของแผ่นดินไหวแล้ว โซระน่าจะไม่ได้หลับหรือกินเลยตลอด 3 วันที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากแรงสั่นสะเทือนนี้จะหยุดลงได้ทุกเมื่อ

 

ระหว่างที่นึกถึงโซระ ผู้กำลังเอาชีวิตของตนเข้าแลกกับมังกร เอลการ์ดก็อดเป็นห่วงไม่ได้

 

เอลการ์ดรู้ดีว่าโซระมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อกิลด์ของนักผจญภัย เอลการ์ดคือหนึ่งในสาเหตุของเรื่องหลายอย่าง ไหนจะเรื่องไล่เขาออกกิลด์ เรื่องที่ดาบฮายาบูสะทำเอาไว้อีก ดังนั้นถึงเอลการ์ดจะแสดงความเป็นห่วงให้เขาเห็น โซระก็คงจะมองกลับมาด้วยสายตาที่เย็นชาแทน

 

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เอลการ์ดก็อดไม่ได้ที่จะภาวนาขอให้โซระกลับมาอย่างปลอดภัย

 

เขาไม่อาจจะทนดูชายหนุ่มผู้สละตัวเองพุ่งเข้าสนามรบที่ตัวเองไม่มีทางชนะได้ ชายหนุ่มที่เข้าท้าทายกับมังกรเพื่อผู้คน

 

——–

Note 1 : ผ่านมาได้ 100 ตอนแล้วเหรอนี่ // เอลการ์ดบักโซระมันไม่ได้ทำเพื่อผู้คนหรอกเชื่อเถอะ

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 100 3 วัน 3 คืน

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 100 3 วัน 3 คืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 100 3 วัน 3 คืน

 

เมืองอิชกะในขณะนี้เต็มไปด้วยความเงียบงัน หรือจะบอกว่าสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวก็ได้

 

 

ถนนสายหลักที่มักจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมายก็ถูกทิ้งร้างเอาไว้ แม้แต่แมวจรจัดก็ไม่มีให้เห็นสักตัว สายลมที่พัดม าจากป่าทีทิสที่อยู่ทางตอนเหนือเต็มไปได้ฝุ่นละออง ตึกรามบ้านช่องก็ส่งเสียงออกมาตามลมที่พัด ของเล่นเด็กที่ถูกทิ้งเอาไว้ตามท้องถนน ก็ถูกสายลมพัดพาไป

 

ชวนให้นึกถึงภาพของเมืองที่ถูกทิ้งร้าง

 

ก็จริงอยู่ ชาวเมืองอิชกะไม่ได้เสียชีวิตไปหมดหรืออพยพออกจากเมืองไปแล้ว ถึงจะมีบางส่วนที่หนีไปทางใต้เรียบร้อยแล้ว แต่หลายๆ คนก็ยังคงอยู่ที่เมืองอิชกะ

 

ทว่า ด้วยสภาพเมืองที่เห็นในตอนนี้หากจะบอกว่ายังไม่ใช่เมืองร้างก็คงจะยากอยู่ เพราะผู้คนเอาแต่เก็บตัวกันอยู่ภายในอาคารหรือสถานป้องกันของตัวเองเพื่อรอให้สถานการณ์ผ่านพ้นไป

 

นี่ก็ผ่านมาได้ 3 วันแล้วตั้งแต่ที่เสียงคำรามครั้งแรกของมังกรถูกส่งไปทั่วผืนดิน

 

ผู้คนมากมายได้ฟื้นสติกลับมาจากเสียงคำรามนั้นแล้ว แนวป้องกันของเมืองก็เริ่มกลับมาทำงานได้ เพื่อป้องกันมอนสเตอร์ที่คลุ้มคลั่ง สถานการณ์หลายๆ อย่างก็เริ่มออกมาในทางที่ดี

.

แล้วทำไมเมืองอิชกะยังถึงได้เงียบเหมือนเมืองร้างล่ะ? สาเหตุนั้นก็มาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้

 

กึก..กึก…กึง

 

พื้นดินสั่นสะเทือนได้สามครั้ง ราวกับมันกระโดดขึ้นมาได้ อาคารภายในเมืองอิชกะก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนทำให้นึกว่ากำแพงป้องกันเมืองอาจจะพังทลายลงไปเลยก็ได้

 

เสียงดังกึกก้องนี้ไม่ได้ลดน้อยลงไปแต่อย่างใด เพราะหลังจากมันหยุดไปได้สักพัก แรงสั่นสะเทือนก็เกิดขึ้นมาอีก 2 ครั้ง และ ไม่นานก็กลายเป็น 5 ครั้ง

 

มันเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติมากเกินกว่าที่จะเรียกว่าแผ่นดินไหว เพราะจะมีแผ่นดินไหวที่ไหนที่สามารถเขย่าเมืองให้สั่นสะเทือนได้ตลอดช่วงเวลา 3 วัน โดยไม่หยุดพัก

 

แรงสั่นสะเทือนก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งกลางวันและกลางคืน แม้แต่เด็กก็ยังเข้าใจได้ว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

 

 

แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นไม่หยุดนี้ เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่ามังกรที่คำรามใส่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถต่อสู้ได้พวกเขามีอยู่ 2 ทางเลือกด้วยกัน นั่นก็คือ ยอมแพ้ หรือ หนี ผู้ที่เลือกหนทางหนี พวกเขาก็ทำมันสำเร็จกันไปหมดแล้ว มันก็เลยช่วยไม่ได้ที่สภาพของเมืองอิชกะในตอนนี้จะหดหู่และสิ้นหวัง

 

หากเป็นสถานการณ์แบบนี้ ถึงทางเมืองอิชกะไม่ก็กิลด์นักผจญภัยจะประกาศว่าเหตุคลุ้มคลั่งสิ้นสุดลงแล้ว ก็คงไม่มีใครส่งเสียงยินดีออกมาหรอก หากแผ่นดินไหวที่เป็นเหมือนกับการเย้ยหยันของมังกรยังไม่หยุด มันคือสิ่งที่บอกกับทุกคนว่า “ทุกอย่างมันยังไม่จบ” คนในเมืองยังต้องตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังจนนอนไม่หลับไปอีกหลายวัน

 

 

การขนส่งหยุดชะงัก ร้านค้าถูกปิด ถ้าคนในเมืองใช้เสบียงของตัวเองจนหมด พวกเขาก็จะอดตาย ก่อนจะได้ถูกมังกรมาบดขยี้ราวกับหนอนแมลง ผู้คนไม่สามารถนอนหลับได้ในช่วงกลางคืนเพราะถูกความกังวลมากมายเข้าครอบงำ ความตายที่กำลังใกล้เข้ามาหาพวกเขาทุกขณะ แถมถึงพวกเขาจะหลับลงได้ พวกเขาก็จะถูกปลุกด้วยแรงสั่นสะเทือน

 

เหล่าผู้อ่อนแอต่างก็ทำได้เพียงอธิษฐาน ภาวนาให้เหล่านักผจญภัยชั้นยอดที่ปกป้องเมืองอิชกะสามารถขจัดต้นตอของปัญหานี้ไปได้เสียที

 

ขณะนั้นเอง ณ กิลด์นักผจญภัย ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของเมืองอิชกะ พนักงานต้อนรับอย่างลิดเดลได้เดินเข้ามารายงานกิลด์มาสเตอร์เอลการ์ด

 

 

“มาสเตอร์คะ เราได้รับรายงานมาจากพาร์เฟตเกี่ยวกับแนวป้องกัน ดูเหมือนว่าทั้ง 3 คนนั้นจะออกจากแนวป้องกันและมุ่งหน้าไปยังป่าทีทิสแล้วค่ะ จากรายงานของเธอพบว่าพวกเขาตั้งใจจะตรงไปยังพายุสีแดงนั้นเพราะเชื่อว่ามังกรจะซ่อนตัวอยู่ภายในค่ะ”

 

ทั้งสามคนที่เธอพูดก็คือ โกซุ คลิม ไคลอา

 

ตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมาและก่อนหน้านี้ พวกเขามีบทบาทอย่างมากในการหยุดยั้งพวกมอนสเตอร์ หากไม่มีพวกเขาอยู่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแนวป้องกันคนพังทลายไปหมดแล้ว

 

หลังจากได้ยินลิดเดลรายงาน เอลการ์ดก็พยักหน้าอย่างช้าๆ

 

“งั้นเหรอ พวกเขาคงมองว่าฝูงมอนสเตอร์ถัดไปไม่น่าจะสร้างปัญหาอะไรให้กับพวกเราและมุ่งไปยังต้นตอของปัญหาแล้วสินะ”

 

 

“น่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ ถึงจะเป็นแบบนั้นไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใดการกระทำของพวกเขาก็คือการกระทำโดยพลการนะคะ”

 

ลิดเดลบ่นถึงการจากไปของทั้ง 3 คน แม้ว่าสาเหตุหลักจะมาจากความประมาทเลินเล่อของตัวเธอเอง แต่ลิดเดลที่เห็นการกระทำของพวกเขาที่คฤหาสน์ของโซระ เธอก็ไม่สามารถมองทั้ง 3 คนในมุมดีๆ ได้อีก

 

เอลการ์ดตอบสนองโดยการหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไป

 

“พวกเขาก็คงคิดอยู่แล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมาขออนุญาตพวกเรา นอกจากนี้การคลุ้มคลั่งของมอนสเตอร์ก็เบาบางลงแล้ว แถมพวกเราก็ไม่มีทางจะหยุดพวกเขาไม่ให้จากไปได้ในสถานการณ์แบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วด้วยสิ”

 

 

ทั้ง 3 คนที่เลือกกระทำทุกอย่างตามใจชอบก็คงจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ใบหน้าของเอลการ์ดในตอนนี้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ในฐานะกิลด์มาสเตอร์ เขาจำเป็นต้องทำตัวสงบนิ่ง แต่เพราะความวุ่นวายที่ตามมาจากเสียงคำรามนั้น มันบั่นทอนกายใจของเขาไปมากจริงๆ

 

ช่วงตลอด 3 วันที่ผ่านมาเอลการ์ดต้องวิ่งวุ่นไปทั้งสำนักงานเมืองอิชกะ กิลด์ และหลายจุดของเมืองเพื่อควบคุมสถานการณ์ ในช่วงแรกที่เกิดเสียงคำรามขึ้น พวกระดับสูงของเมืองได้หมดสติกันไปหลายคนและทำให้หน่วยงานต่างๆ ภายในเมืองเป็นอัมพาตไป ภาระที่เอลการ์ดต้องแบกอยู่จึงมากพอสมควร

 

 

เอลการ์ดต้องเป็นคนช่วยประสานงานระหว่างสำนักงานเมือง พวกพ่อค้า ทหาร เขาทำงานโดยไม่รู้ว่ามันจะจบลงตรงไหน ทั้งหมดก็เพื่อรักษาความร่วมมือและความสงบของเมืองจากทุกฝ่าย เพราะสถานการณ์แบบนี้เขาไม่สามารถปล่อยให้ลูกน้องจัดการได้อย่างเดียว ตัวเขาก็ต้องออกไปช่วยเหมือนกัน

 

ในฐานะกิลด์มาสเตอร์ และ นักผจญภัยระดับหนึ่ง เอลการ์ดเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงของเมืองอิชกะ ดังนั้นจึงควรจะเป็นเขาที่ต้องไปติดต่อกับทางสำนักงานเมือง พ่อค้า และกองทหารด้วยตัวเองเพื่อขอความร่วมมือ เพื่อสร้างสายบัญชาการใหม่ชั่วคราวในการป้องกันเมืองไม่ให้วุ่นวายมากกว่านี้

 

ถ้าไม่ใช่เพราะความพยายามจนสายตัวแทบขาดของเอลการ์ด ความวุ่นวายภายในเมืองอิชกะก็คงจะเกินการควบคุมไปแล้ว ทั้งการปล้ม การจลาจลก็คงเกิดขึ้นในหลายจุดของเมือง

 

ช่างโชคดีจริงๆ ที่พวกเขามีพวกโกซุคอยรับมืออยู่ที่แนวป้องกัน เพราะหากไม่มีพวกเขา เอลการ์ดก็คงต้องจัดลำดับความสำคัญในการดูแลเมืองเสียใหม่ เขาคงต้องทิ้งเมืองและออกไปยังแนวป้องกัน และนั่นจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เมืองอิชกะวุ่นวายเกินความคุมไปแน่

 

นอกจากนี้ถึงจะเป็นตัวเอลการ์ดออกไปที่แนวป้องกัน แต่เขาก็คงจะไม่สามารถทำได้อย่างที่ทั้ง 3 คนนั้นทำได้แน่ สุดท้ายแนวป้องกันก็จะพังทลาย แล้วเมืองอิชกะก็จะล่มสลายไปในชั่วข้ามคืนทั้งจากภายในและภายนอก

 

ไม่ว่าจะขอบคุณทั้ง 3 คนเท่าไหร่ก็คงไม่พอ การมีอยู่ของพวกเขาทำให้เมืองอิชกะรอดมาจนถึงตอนนี้ได้เป็นเรื่องจริง ดังนั้นเอลการ์ดจึงยอมหลับตาข้างหนึ่งสำหรับการกระทำของพวกเขา หากพวกเขาเลือกที่จะหนีจากสนามรบก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่กลับกันพวกเขาเลือกที่จะไปกำจัดต้นตอของปัญหา แทนที่จะบ่นเอลการ์ดมองว่าควรชื่นชมเสียด้วยซ้ำ

 

เรื่องนี้เขาก็คงไม่จำเป็นต้องบอกลิดเดล เพราะเขารู้ว่าเธอเป็นคนที่ฉลาด เธอคงจะเข้าใจในสิ่งที่เอลการ์ดอยากจะบอกถึงแม้เขาจะไม่พูดมันออกมา ดังนั้นเขาเลยแอบสงสัยว่าทำไมลิดเดลถึงต้องบ่นเรื่องของทั้ง 3 คน ออกมาด้วย

 

ก็จริงว่าการกระทำของพวกเขาที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ของโซระคงทำให้ลิดเดลไม่ชอบพวกเขา แต่เอลการ์ดคิดว่านั่นไม่น่าจะใช้สาเหตุเดียว

 

ลิดเดลอาจจะมองว่าพวกเขา คือบุคคลที่ควรเฝ้าระวังเสียยิ่งกว่าพวกมอนสเตอร์ที่คลุ้มคลั่งเสียอีก ซึ่งเอลการ์ดเองก็คิดแบบนั้น

 

ตลอด 3 วันที่ผ่านมานี้ เอลการ์ดก็เคยมีโอกาสได้ไปดูแนวป้องกันอยู่ครั้งหนึ่งและได้เห็นการต่อสู้ของทั้ง 3 คน ด้วยตาตัวเอง วิธีการที่พวกเขาจัดการกับฝูงมอนสเตอร์นับไม่ถ้วนนั้น ช่างเหมือนกับการตัดหญ้า พวกเขาผ่าและเผาร่างของมันอย่างง่ายดายจนดูเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ขนาดนักผจญภัยระดับ 1 อย่างเอลการ์ดยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับลิดเดลที่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนอยู่คฤหาสน์ของโซระ

 

พวกเขามีพลังมากมายพอที่จะหยุดมอนสเตอร์ลงได้ หากพวกเขาต้องการจริงแค่เมืองอิชกะพวกเขาก็คงจะทำลายจนเหลือแต่เถ้าถ่านได้ไม่ยาก

 

 

มันไม่ใช่ความกลัวที่ขาดมูลความจริงไป เพราะพวกเขาสามารถโจมตีคิจินสาวที่ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ภายในเมืองนี้ได้ โดยวิจารณญาณของตัวเองทั้งสิ้น

 

แม้รายละเอียดที่มาที่ไปของการกระทำจะยังไม่ชัดเจนนัก แต่จากรายงานของลิดเดลทั้ง 3 ได้เพิกเฉยต่อคำเตือนทั้งหมดของเธอ และประกาศกร้าวว่ากฎของตัวเองนั้นสำคัญเหนือกฎของเมือง

 

พวกนอกกฎหมายที่มีพลังอย่างท่วมท้น หากว่ากันตามตรงก็ไม่แปลกหรอกที่ลิดเดลจะรู้สึกว่าควรระวังพวกเขาเอาไว้ให้มาก ขนาดเอลการ์ดก็ยังรู้สึกเลย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เอลการ์ดหนักใจมากกว่าเดิมไม่ใช่เรื่องของ 3 คนนั้น เพราะคนที่เขาควรระวังมากที่สุดก็คือคนที่สามารถจัดการทั้ง 3 คนลงได้ต่างหาก จากรายงานที่เขาได้ยังมีความจริงอีกเรื่องหนึ่งที่ทราบมานั่นคือ ทั้ง 3 คนถูกอดีตนักผจญภัยระดับ 10 ซึ่งกิลด์เคยขับไล่เขาออกไปจัดการ

 

“เป็นนายอีกแล้วสินะ โซระ”

 

เอลการ์ดพึมพำออกมา พลางขมวดคิ้ว เมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหาขึ้น ชื่อของเขาก็มักจะตามมาด้วยเสมอ

 

เอลการ์ดเข้าใจดีอยู่แล้วว่าตอนนี้ โซระไม่ใช่ของอย่าง “ปรสิต” หรือ “เลเวล 1 ตลอดชาติ” ตั้งแต่ที่เขาถูกขับไล่ออกจากกิลด์ไป โซระก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ถึงเอลการ์ดจะรู้ว่าเขาแข็งแกร่ง แต่เอลการ์ดก็ไม่เคยคิดฝันเลยว่าโซระจะสามารถจัดการกับทั้ง 3 คนที่แข็งแกร่งในระดับที่รับมือกับพวกมอนสเตอร์ที่คลุ้มคลั่งได้อย่างง่ายดาย

 

“นี่มันต่างจากที่ฉันคาดไว้ไปมากเลยนะ การเติบโตนี้ช่างรวดเร็วราวกับผืนดินสู่สรวงสวรรค์ หรือมีเทพไม่ก็ปีศาจตนใดมาสิ่งสถิตเขาอยู่กันนะ”

 

“มาสเตอร์กำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ?”

 

เอลการ์ดที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดก็พยักหน้าตอบลิดเดลไปว่า”ไม่มีอะไร”ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

 

จากนั้นเขาก็กลับมานึกถึงเรื่องของโซระอีกครั้ง

 

ข้อมูลที่ได้จากลิดเดล โซระและทั้ง 3 คนนั้นเป็นคนรู้จักกัน ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาเกิดในประเทศเดียวกัน ก็จริงอยู่ว่ามีความเป็นไปได้ที่ทั้ง 3 คนจะยั้งมือเอาไว้จนเป็นเหตุให้โซระสามารถเอาชนะพวกเขาได้ ทว่าถึงจะเป็นแบบนั้นการเติบโตของโซระมันก็เหนือความคาดหมายไปมากจริงๆ

 

ส่วนโซระในตอนนี้จากข้อมูลที่ยืนยันได้ เขาได้ขี่ไวเวิร์นครามมุ่งไปยังทางเหนือตั้งแต่ 3 วันก่อนแล้ว –ระหว่างที่คิด อาคารของกิลด์ก็สั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง

 

 

“–หือ”

 

เอลการ์ดที่สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย อาคารของกิลด์มันสั่นสะเทือนจนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดออกมาให้ได้ยิน

 

หากเป็นเมื่อเดือนก่อน พวกเขาก็คงจะวุ่นวายกันไปทั่วเพราะจำเป็นต้องออกไปหาสาเหตุว่ามันคือภัยธรรมชาติหรือฝีมือของมอนสเตอร์

 

เอลการ์ดได้เดินไปยังหน้าต่างและมองออกไปด้านนอก

 

ชาวเมืองอิชกะส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวมาตั้งแต่ 3 วันก่อนที่เกิดการคำรามแรกขึ้นมาแล้ว พวกเขาคิดว่าสิ่งมีชีวิตในตำนานตนนั้นกำลังอาละวาดอยู่ใกล้ๆ เมืองนี้ จนทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนั่นยังเป็นสัญญาณของการมีอยู่ของมันด้วย ดังนั้นทุกคนจึงต่างเฝ้ารอคอยโดยหวังว่าแรงสั่นสะเทือนนี้จะหยุดลงในไม่ช้า

 

ทว่า เอลการ์ดกลับมองเหตุการณ์แผ่นดินไหวในรอบนี้แตกต่างออกไปจากคนอื่น

 

“ก็จริงว่าแผ่นดินไหว เป็นการบ่งบอกถึงตัวตนของสิ่งนั้นว่ามันมีชีวิตอยู่ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นสัญญาณบอกว่าผู้ที่เข้าท้าทายกับมันยังมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกัน….”

 

ถ้าเขาไม่คิดแบบนั้น มันก็ไม่มีอะไรจะสามารถอธิบายได้อีกแล้วว่าทำไมภัยพิบัตินั่นถึงยังอยู่ภายในป่าทีทิส

 

มันไม่ใช่แค่ชั่วโมงหรือสองชั่วโมง มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะคิดได้ว่าสิ่งมีชีวิตในตำนานนั่นจะหยุดลงในป่าทีทิสเฉยๆ ดังนั้นมันจะต้องกำลังสู้อยู่กับใครบางคนจนทำให้มันไม่สามารถขยับจากจุดนั้นได้เป็นเวลาถึง 3 วัน

 

“จากเสียงคำรามที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน มันต้องเป็นมังกรคำรามไม่ผิดแน่…ถ้าเป็นแบบนั้น การจะคิดว่าเบื้องหลังของพายุสีแดงนั้นต้องเป็นมังกรก็คงจะไม่ผิด โซระนี่นายรับมือกับมังกรมาได้นานถึง 3 วัน 3 คืนเลยงั้นเหรอ?”

 

ก็จริงว่าความแข็งแกร่งของโซระมันเหนือจินตนาการเขาไปเยอะแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ยังไงก็ต้องมีขีดจำกัด พอเขาดูจากความถี่ของแผ่นดินไหวแล้ว โซระน่าจะไม่ได้หลับหรือกินเลยตลอด 3 วันที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากแรงสั่นสะเทือนนี้จะหยุดลงได้ทุกเมื่อ

 

ระหว่างที่นึกถึงโซระ ผู้กำลังเอาชีวิตของตนเข้าแลกกับมังกร เอลการ์ดก็อดเป็นห่วงไม่ได้

 

เอลการ์ดรู้ดีว่าโซระมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อกิลด์ของนักผจญภัย เอลการ์ดคือหนึ่งในสาเหตุของเรื่องหลายอย่าง ไหนจะเรื่องไล่เขาออกกิลด์ เรื่องที่ดาบฮายาบูสะทำเอาไว้อีก ดังนั้นถึงเอลการ์ดจะแสดงความเป็นห่วงให้เขาเห็น โซระก็คงจะมองกลับมาด้วยสายตาที่เย็นชาแทน

 

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เอลการ์ดก็อดไม่ได้ที่จะภาวนาขอให้โซระกลับมาอย่างปลอดภัย

 

เขาไม่อาจจะทนดูชายหนุ่มผู้สละตัวเองพุ่งเข้าสนามรบที่ตัวเองไม่มีทางชนะได้ ชายหนุ่มที่เข้าท้าทายกับมังกรเพื่อผู้คน

 

——–

Note 1 : ผ่านมาได้ 100 ตอนแล้วเหรอนี่ // เอลการ์ดบักโซระมันไม่ได้ทำเพื่อผู้คนหรอกเชื่อเถอะ

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+