การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 141 เข้าวัง

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 141 เข้าวัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 141 เข้าวัง

 

แล้วผมก็ได้ถูกนำทางเข้าไปภายในคฤหาสน์ดรากูนอท แน่นอนว่าผมก็ได้รับการต้อนรับเหมือนที่คลอเดียได้บอกเอาไว่

 

ไม่เพียงแค่คลอเดียเท่านั้น แต่เหล่าข้ารับใช้ของตระกูลก็ต่างออกมาต้อนรับผมด้วยความอบอุ่น พอเห็นแบบนี้แล้วถึงผมจะไม่เจอคลอเดีย ผมก็คงไม่มีทางโดนไล่กลับไปแน่ อย่างที่คลอเดียพูดเลย รู้สึกขอบคุณพวกเธอจริงๆ

 

ดยุกดรากูนอทเป็นถึงชนชั้นสูงระดับสูงแห่งอาณาจักรคานาเรีย

 

 

 

ผมก็เลยอดรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยที่ต้องให้คนระดับนี้มาต้อนรับผมดั่งแขกคนสำคัญ แต่ก็นั่นแหละนะยังไงความสุขมันกว่ามากกว่าอยู่ดี ระดับความชื่นชอบของผมที่มีต่อดยุกก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

 

 

ก็น่าเสียดายอยู่หรอกที่ทางดยุกกับแอสทริดไม่อยู่ที่นี่

 

แต่ก็เป็นไปตามที่ผมคาดเอาไว้ เพราะงานแต่งงานระหว่างองค์รัชทายาทเอซ่ากับเจ้าหญิงซาคุยะทำให้ภายในวังวุ่นวายน่าดู

 

 

 

เดิมที ตำแหน่งของมาร์ควิสโครเคียผู้สนับสนุนจักรวรรดิและพยายามดันให้เกิดการแต่งงานนี้ได้ตกอยู่ในที่นั่งลำบากเพราะเหตุการณ์ของจินโบ แต่ด้วยความโกลาหลที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ทั้งมอนสเตอร์คลุ้มคลั่ง ทั้งไฮดรา เขาก็เลยสบโอกาสในการยกเรื่องพวกนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 

ก็คือพวกเขาใช้การแต่งงานเป็นข้ออ้างในการขอการสนับสนุนจากจักรวรรดิ ในขณะเดียวกันหากยกเลิกการแต่งงานนี้ไป ทางจักรวรรดิก็อาจจะเริ่มใช้ทหารเข้ามารุกรานแทน ดังนั้นการแต่งงานครั้งนี้จึงเป็นการกระทำเพื่อช่วยเหลือประเทศ

 

 

แน่นอนว่าเสียงคัดค้านย่อมเกิดขึ้น แต่สุดท้ายคนที่ตัดสินใจก็เป็นกษัตริย์โทบาร์ด

 

 

 

อำนาจทางการปกครองและการทหารของอาณาจักรคานาเรียก็ด้อยกว่าจักรวรรดิเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องวุ่นวายภายในประเทศขึ้นมาอีก โอกาสชนะของอาณาจักรก็ยิ่งน้อยลงไปกว่าเดิม

 

 

ดังนั้นตัวเลือกที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งด้วยกำลังทหารย่อมเป็นทางออกที่เหมาะสมกว่า นอกจากนี้ก็ยังสามารถดึงเอาทุนสำหรับช่วยเหลือประเทศมาอีกด้วย――ซึ่งมันก็จบตรงที่มาร์ควิส โครเคียบรรลุเป้าหมาย

 

แม้ว่าการแต่งงานระหว่างสองประเทศจะได้รับการตัดสินใจอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ก็ยังมีเหล่าข้าราชบริพารจำนวนอีกไม่น้อยที่ยังค้านหัวชนฝา บางคนถึงกับพูดด้วยความโมโหว่าอยากจะทำลายงานแต่งนี้ทิ้งเสียให้สิ้นซาก แต่ว่ากันว่าที่ทั้งหมดมันสงบลงได้ก็เป็นเพราะการเคลื่อนไหวของดยุกดรากูนอทที่ยังคงไม่ได้ออกจากวังมาเสียที

 

 

 

 

ทางแอสทริดที่เป็นผู้บัญชาการชั่วคราวของภาคีอัศวินมังกรในช่วงที่ดยุกดรากูนอทไม่อยู่ ก็ทำหน้าที่บินตรวจตราไปทั่วเมืองเพื่อรักษาความสงบของเหล่าประชาชน เห็นว่ากว่าจะได้กลับบ้านสักทีก็ 2-3 วันครั้ง

 

 

คลอเดียเล่าพร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

 

 

「พอเห็นท่านพ่อกับท่านพี่กลับมาที่บ้านในสภาพที่อิดโรยแล้ว ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ค่ะ」

 

 

 

「นั่นสินะ ขนาดแค่ฟังฉันก็ยังคิดว่ายากเลย งานพวกนี้」

 

 

 

ผมกอดอกแล้วคิดด้วยสีหน้าลำบากใจ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะช่วยเขาหรอกนะ แต่หลังจากนี้ผมต้องไปเบลก้าเพื่อล่าเบฮีมอธด้วยสิ การหยุดพิษในป่าทีทิสและแม่น้ำเคลก็เป็นเรื่องที่จำเป็น

 

 

 

นอกจากนี้ซูซูเมะกับชีลที่อยู่ในเมืองอิชกะคงเป็นห่วงผมมากแน่ รวมไปถึงส่วนตัวแล้วผมก็อยากจะกลับบ้านไปพักให้สบายสักครั้งด้วย

 

 

ดังนั้นในสถานการณ์ตอนนี้ผมคงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรพวกเธอได้

 

 

 

――เอาละ ทีนี้ก็รีบกลับไปที่เมืองอิชกะแล้วก็ไปให้ซูซูเมะเห็นหน้าสักหน่อย จากนั้นค่อยไปที่เบลก้า แล้วจัดการกับเบฮีมอธ หากเสร็จงานพวกนี้ไว้เดี๋ยวค่อยกลับมาช่วยพวกคลอเดียละกัน

 

ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

 

 

 

หลังจากเอียงคอด้วยความสงสัย คลอเดียก็พูดขอโทษที่มีอะไรมาขัดจังหวะ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูแล้วพบว่าคนที่อยู่หน้าประตูนั้นคือพ่อบ้านของตระกูลซึ่งถือจดหมายหนึ่งฉบับไว้ในมือ

 

 

สังเกตจากสีหน้าของเขาแล้วดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่

 

คลอเดียได้ไปพูดคุยกับพ่อบ้าน สองต่อสอง คือผมก็ไม่ได้กะจะแอบฟังหรอกนะ แต่เสียงมันเผลอเข้ามาในหูคำสองคำ จนพอจะจับใจความได้

 

 

ทั้งมีการเอ่ยถึง องค์รัชทายาทเอย กษัตริย์เอย จนทำให้ผมขมวดคิ้วสงสัย

 

 

 

เพราะไม่ว่าจะทางกษัตริย์หรือองค์รัชทายาทต่างก็เป็นคนที่เลือกจะตัดขาดกับคลอเดียซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับคำสาป เห็นได้จากการยกเลิกการหมั้นหมาย นอกจากนี้ผมได้ยินว่าตอนที่ยังเป็นคู่หมั้นกันอยู่องค์รัชทายาทก็ไม่เคยจะส่งจดหมายมาให้คลอเดียที่นอนติดเตียงอยู่เลยแม้แต่ฉบับเดียว

 

 

ในฐานะที่ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ชอบคลอเดีย――ก็อดรู้สึกแย่กับคนพวกนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะองค์รัชทายาท

 

 

 

เมื่อเห็นใบหน้าของคลอเดียที่เปลี่ยนไป ผมก็รู้ได้ทันทีว่าอารมร์ของเธอในตอนนี้ไม่ปกติแน่

 

จากนั้นเธอก็เดินมาหาผมแล้วกล่าวออกมาด้วยความเสียใจว่า

 

 

「ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณโซระ อันที่จริงก็อยากจะคุยกับคุณมากกว่านี้หรอก แต่ฝ่าบาทเรียกฉันให้ไปเข้าเฝ้าในวัง ดังนั้นจึงไม่สามารถอยู่ต่อได้」

 

 

 

「ฉันเข้าใจแล้ว ไม่เป็นหรอก――แต่ที่สงสัยคือคนที่ส่งมาจะเป็นกษัตริย์จริงหรือเปล่านี่สิ? 」

 

 

ผมแสดงความสงสัยออกมา

 

 

เพราะหากอ้างอิงจากที่คลอเดียบอกก่อนหน้านี้ ดยุกดรากูนอทก็ติดงานอยู่ภายในวัง หากกษัตริย์มีเรื่องอะไรที่ต้องการจะพูดกับคนของตระกูล เขาก็สามารถเรียกดยุกดรากูนอทไปเข้าเฝ้าได้แท้ๆ ไม่เห็นจะต้องเชิญคลอเดียไปให้ยุ่งยากเลย

 

 

ทว่าเขากลับไม่เลือกที่จะทำแบบนั้น ก็หมายความว่าตัวกษัตริย์มีธุระกับคลอเดียโดยตรง ไม่ใช่ตระกูล และดูจากที่พวกเขาคุยกันแล้ว เรื่องที่เชิญไปจะต้องเกี่ยวกับองค์รัชทายาทแน่ๆ

 

 

 

ทั้งที่องค์รัชทายาทก็ยกเลิกการหมั้นหมายกับคลอเดียไปแล้ว แต่การที่เธอเธอถูกเรียกให้เข้าเฝ้าโดยกษัตริย์ พ่อบ้านกับคลอเดียก็คงไม่ได้ยินดีแน่ จากสีหน้าก็ชัดแล้ว

 

 

พอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็เริ่มลังเลว่าจะเข้าไปพูดอะไรต่อดีไหม

 

 

 

เพราะผมไม่ได้มีความตั้งใจจะอยู่เมืองหลวงนาน อันที่จริงผมไม่ควรจะเข้าไปยุ่งให้สถานการณ์มันยุ่งเหยิงไปกว่านี้ด้วยซ้ำ แถมอาจจะทำให้คลอเดียเดือดร้อนมากกว่าเดิมก็ได้ด้วย

 

 

 

ทางคลอเดียก็ไม่ได้ขอความช่วยเหลืออะไรจากผม ผมก็ไม่มีธุระอะไรให้อยู่ที่นี่ต่อ ดังนั้นสิ่งที่ผมควรทำก็คือถอยออกมาจากตรงนี้เสีย

 

 

――ทว่า ทั้งที่ผมรู้ดีว่าตัวเองควรถอย แต่ผมกลับรู้สึกกังวลถึงสายตาที่ไม่ควรจะอยู่ภายในห้องตอนนี้ของดยุกดรากูนอทและแอสทริด

 

 

แถมสิ่งที่อยู่ในหัวของผมตอนนี้ก็มีแค่ใบหน้าขององค์รัชทายาทที่อยากจะให้ผมยกคราว โซราสให้ แต่ดันใจเสาะหลบหน้าดยุกดรากูนอทกับแอสทริด

 

ถ้างั้นผมควรจะเข้าไปยุ่งหรือถอยดีล่ะ

 

 

 

ขอต่อก่อนนะ คำพูดนั้นควรจะออกมาจากปากของผมแท้ๆ ――แต่มันก็ทำไมได้

 

 

หลังจากตัดสินใจแล้ว ผมก็เปิดปากพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

 

 

「ท่านคลอเดีย ฉันมีเรื่องอยากจะถามอย่างตรงไปตรงมาสักหน่อย ถ้าล่วงเกินไปก็ขอโทษด้วย――」

 

 

 

「ค่ะ เชิญถามมาได้เลย」

 

 

 

「ท่านมีปัญหาเกี่ยวกับคนที่ทิ้งท่านไปแล้วกลับมาขอคืนดีใช่ไหม? 」

 

 

พอผมถามอย่างตรงไปตรงมาแบบนั้น เสียงประหลาดก็ออกมาจากปากของคลอเดีย

 

 

 

 

 

「เอ๋ คุณโซระ…หมายความว่ายังไงกัน…? 」

 

 

「พูดให้ชัดๆ ก็คือท่านมีปัญหาลำบากใจเกี่ยวกับการที่องค์รัชทายาทมาขอคืนดีใช่ไหม」

 

พอเจอคำถามนี้เข้าไปทางคลอเดียก็แสดงสีหน้าเหมือนลำบากใจว่าจะตอบยังไงดี

 

หลังจากเธอคิดอยู่สักพัก ก็เหมือนจะตัดสินใจได้ก่อนจะพยักหน้าด้วยความกลุ้มใจ

 

 

 

 

 

「ค่ะ เป็นอย่างที่คุณพูด…ว่าแต่รู้ได้ยังไงกันคะ? 」

 

 

「ต้องขอโทษด้วยแล้วกัน แต่ตอนที่ท่านคลอเดียคุยกับพ่อบ้านอยู่ ฉันได้ยินคำว่าฝ่าบาทแล้วก็องค์รัชทายาทเข้าน่ะ พอพิจารณาดูจากนิสัยของเขาตอนที่เจอกันครั้งก่อนแล้วก็เลยเดาได้ว่าน่าจะเป็นแบบนี้」

 

 

 

 

เมื่อคลอเดียได้ยินคำตอบของผม เธอก็พยักหน้าและยิ้มให้กับผม

 

 

 

「ฟุฟุ พอได้ยินแบบนี้แล้วทำเอานึกไม่ออกเลยนะคะว่า คุณโซระจะเป็นประชาชนคนธรรมดาได้ยังไง」

 

 

 

「ต้องขออภัยด้วยก็แล้วกัน ทว่าหากท่านไม่รังเกียจ ช่วยพาฉันเข้าไปในวังด้วยได้หรือเปล่า? 」

 

 

 

「……คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ? 」

 

 

ผมพยักหน้าให้กับคำถามของเธอ

 

 

「แน่ใจสิ ถึงเพราะไฮดราจะทำให้เรื่องมันช้าไปบ้าง แต่ข้อตกลงที่จะเอาท่านคลอเดียกลับไปเป็นตัวประกันก็ยังอยู่ด้วยนี่นา」

 

 

 

พอผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาแทนที่จะทำให้คลอเดียลำบากใจ กลับกลายเป็นว่าเธอดูมีความสุขซะงั้น

 

แผนการนี้น่าจะช่วยแสดงให้คนรอบข้างได้เห็นว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะพาคลอเดียเข้ามาภายในบ้านของชายโสดอย่างผมเฉยๆ เป้าหมายหลักๆ ในครั้งนี้ก็คงจะเป็นการป้องกันไม่ให้หลายฝ่ายใช้เธอเป็นเครื่องมือได้

 

 

ก็จริงว่าอาจจะช้าไปสักหน่อย แต่หากผมใช้โอกาสนี้ในการเข้าวังพร้อมกับคลอเดียแล้วประกาศความตั้งใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงไม่แย่เท่าไหร่ นอกจากนี้หากใช้วิธีนี้ผมคงไม่ต้องอยู่เมืองหลวงนานนักด้วย

 

 

ปัญหาที่เหลือก็คงจะอยู่ตรงที่องค์รัชทายาทอาจจะไม่ยอมนี่แหละ――แต่หากอ้างอิงถึงตอนที่เขาขอคราว โซราสกับผม เขาก็บอกให้ผมยกให้เฉยๆ แต่ไม่ได้ใช้กำลังหรือคำขู่ในการบีบบังคับ ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่เขาจะไม่ได้บังคับแบบเอาเป็นเอาตายให้คลอเดียเป็นของเขา

 

 

หรือถ้าเกิดมันมีอะไรผิดคาดไป สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นการที่องค์รัชทายาทหมายทำลายความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคลอเดียแทน และการที่เขาเป็นแบบนั้นอาณาจักรก็คงต้องลงโทษเขาในฐานะผู้กระทำผิดสร้างความร้าวฉานให้กับความสัมพันธ์หนุ่มสาว

 

 

 

 

「จะว่าไปแล้ว เนื้อหาหลักๆ ในจดหมายเชิญครั้งนี้ คืออะไรงั้นเหรอ? 」

 

 

 

แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่จดหมายที่เขียนมาตรงๆ ว่า อยากจะให้คลอเดียคืนดีกับลูกชายตัวเองหรอก พอผมถามไป สีหน้าของคลอเดียก็ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 

「พระสันตะปาปาจากนครรศักดิ์สิทธิ์จะมาเยือนเราในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ดังนั้นฝ่าบาทก็เลยอยากจะขอให้ฉันกับองค์รัชทายาทเป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลท่านในขณะนั้นค่ะ」

 

 

 

พอผมได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้างขึ้น

 

 

 

 

พระสันตะปาปาของนครรศักดิ์สิทธิ์มีเพียงแค่คนเดียว และเขายังเป็นผู้นำขอวิหารเทพแห่งกฏหมายซึ่งสามารถใช้ปฏิหาริย์อย่าง 『บูรณะ』『เทพจุติ』ก็จริงอยู่ว่ายังมีศาสนาอีกหลายนิกายในประเทศ แต่คนที่จะเรียกตัวเองว่าสันตะปาปาได้ก็มีแค่เขาคนนี้เท่านั้น

 

และเพราะเขาเป็นถึงผู้นำของนครรศักดิ์สิทธิ์ การจะมีความสัมพันธ์กับจักรวรรดิแอด แอสเทอร่าก็คงจะไม่แปลกด้วย นอกจากนี้เขาก็มีความสัมพันธ์ในด้านการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาพิษของไฮดรา โดยบอกถึงวิธีการสร้างบาเรียป้องกันพิษ

 

 

หากคลอเดียบอกว่าพระสันตะปาปาจะมาในอีกไม่นาน หรือจะเป็นเรื่องบาเรีย――ไม่สิ สื่อกลางพวกเรายังหากันไม่ได้เลย ดังนั้นก็คงจะเป็นเรื่องแต่งงานละมั้ง แถมยิ่งเป็นการแต่งงานของสองประเทศการจะเชิญคนระดับนี้มาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

 

แต่ส่วนตัวผมมองว่ายังไงมันก็เร็วเกินไปอยู่ดีที่เขาจะเดินทางมาถึงก่อนวันพิธีเป็นเดือนๆ ดังนั้นก็น่าจะมีเหตุผลอื่นเข้ามาด้วย

 

 

 

――ผมคิดในขณะสวมชุดแบบเป็นทางการที่ยืมมาจากตระกูลดยุก

 

 

จากนั้นพวกผมก็ขึ้นรถม้าของตระกูลเพื่อเดินทางไปยังพระราชวัง โดยที่ใบหน้าของคลอเดียยิ้มแย้มอยู่ตลอดเส้นทาง

 

——–

Note 1 : ดูทรงไปเป็นไม้กันหมา สุดท้ายได้เมีย

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 141 เข้าวัง

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 141 เข้าวัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 141 เข้าวัง

 

แล้วผมก็ได้ถูกนำทางเข้าไปภายในคฤหาสน์ดรากูนอท แน่นอนว่าผมก็ได้รับการต้อนรับเหมือนที่คลอเดียได้บอกเอาไว่

 

ไม่เพียงแค่คลอเดียเท่านั้น แต่เหล่าข้ารับใช้ของตระกูลก็ต่างออกมาต้อนรับผมด้วยความอบอุ่น พอเห็นแบบนี้แล้วถึงผมจะไม่เจอคลอเดีย ผมก็คงไม่มีทางโดนไล่กลับไปแน่ อย่างที่คลอเดียพูดเลย รู้สึกขอบคุณพวกเธอจริงๆ

 

ดยุกดรากูนอทเป็นถึงชนชั้นสูงระดับสูงแห่งอาณาจักรคานาเรีย

 

 

 

ผมก็เลยอดรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยที่ต้องให้คนระดับนี้มาต้อนรับผมดั่งแขกคนสำคัญ แต่ก็นั่นแหละนะยังไงความสุขมันกว่ามากกว่าอยู่ดี ระดับความชื่นชอบของผมที่มีต่อดยุกก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

 

 

ก็น่าเสียดายอยู่หรอกที่ทางดยุกกับแอสทริดไม่อยู่ที่นี่

 

แต่ก็เป็นไปตามที่ผมคาดเอาไว้ เพราะงานแต่งงานระหว่างองค์รัชทายาทเอซ่ากับเจ้าหญิงซาคุยะทำให้ภายในวังวุ่นวายน่าดู

 

 

 

เดิมที ตำแหน่งของมาร์ควิสโครเคียผู้สนับสนุนจักรวรรดิและพยายามดันให้เกิดการแต่งงานนี้ได้ตกอยู่ในที่นั่งลำบากเพราะเหตุการณ์ของจินโบ แต่ด้วยความโกลาหลที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ทั้งมอนสเตอร์คลุ้มคลั่ง ทั้งไฮดรา เขาก็เลยสบโอกาสในการยกเรื่องพวกนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 

ก็คือพวกเขาใช้การแต่งงานเป็นข้ออ้างในการขอการสนับสนุนจากจักรวรรดิ ในขณะเดียวกันหากยกเลิกการแต่งงานนี้ไป ทางจักรวรรดิก็อาจจะเริ่มใช้ทหารเข้ามารุกรานแทน ดังนั้นการแต่งงานครั้งนี้จึงเป็นการกระทำเพื่อช่วยเหลือประเทศ

 

 

แน่นอนว่าเสียงคัดค้านย่อมเกิดขึ้น แต่สุดท้ายคนที่ตัดสินใจก็เป็นกษัตริย์โทบาร์ด

 

 

 

อำนาจทางการปกครองและการทหารของอาณาจักรคานาเรียก็ด้อยกว่าจักรวรรดิเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องวุ่นวายภายในประเทศขึ้นมาอีก โอกาสชนะของอาณาจักรก็ยิ่งน้อยลงไปกว่าเดิม

 

 

ดังนั้นตัวเลือกที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งด้วยกำลังทหารย่อมเป็นทางออกที่เหมาะสมกว่า นอกจากนี้ก็ยังสามารถดึงเอาทุนสำหรับช่วยเหลือประเทศมาอีกด้วย――ซึ่งมันก็จบตรงที่มาร์ควิส โครเคียบรรลุเป้าหมาย

 

แม้ว่าการแต่งงานระหว่างสองประเทศจะได้รับการตัดสินใจอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ก็ยังมีเหล่าข้าราชบริพารจำนวนอีกไม่น้อยที่ยังค้านหัวชนฝา บางคนถึงกับพูดด้วยความโมโหว่าอยากจะทำลายงานแต่งนี้ทิ้งเสียให้สิ้นซาก แต่ว่ากันว่าที่ทั้งหมดมันสงบลงได้ก็เป็นเพราะการเคลื่อนไหวของดยุกดรากูนอทที่ยังคงไม่ได้ออกจากวังมาเสียที

 

 

 

 

ทางแอสทริดที่เป็นผู้บัญชาการชั่วคราวของภาคีอัศวินมังกรในช่วงที่ดยุกดรากูนอทไม่อยู่ ก็ทำหน้าที่บินตรวจตราไปทั่วเมืองเพื่อรักษาความสงบของเหล่าประชาชน เห็นว่ากว่าจะได้กลับบ้านสักทีก็ 2-3 วันครั้ง

 

 

คลอเดียเล่าพร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

 

 

「พอเห็นท่านพ่อกับท่านพี่กลับมาที่บ้านในสภาพที่อิดโรยแล้ว ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ค่ะ」

 

 

 

「นั่นสินะ ขนาดแค่ฟังฉันก็ยังคิดว่ายากเลย งานพวกนี้」

 

 

 

ผมกอดอกแล้วคิดด้วยสีหน้าลำบากใจ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะช่วยเขาหรอกนะ แต่หลังจากนี้ผมต้องไปเบลก้าเพื่อล่าเบฮีมอธด้วยสิ การหยุดพิษในป่าทีทิสและแม่น้ำเคลก็เป็นเรื่องที่จำเป็น

 

 

 

นอกจากนี้ซูซูเมะกับชีลที่อยู่ในเมืองอิชกะคงเป็นห่วงผมมากแน่ รวมไปถึงส่วนตัวแล้วผมก็อยากจะกลับบ้านไปพักให้สบายสักครั้งด้วย

 

 

ดังนั้นในสถานการณ์ตอนนี้ผมคงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรพวกเธอได้

 

 

 

――เอาละ ทีนี้ก็รีบกลับไปที่เมืองอิชกะแล้วก็ไปให้ซูซูเมะเห็นหน้าสักหน่อย จากนั้นค่อยไปที่เบลก้า แล้วจัดการกับเบฮีมอธ หากเสร็จงานพวกนี้ไว้เดี๋ยวค่อยกลับมาช่วยพวกคลอเดียละกัน

 

ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

 

 

 

หลังจากเอียงคอด้วยความสงสัย คลอเดียก็พูดขอโทษที่มีอะไรมาขัดจังหวะ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูแล้วพบว่าคนที่อยู่หน้าประตูนั้นคือพ่อบ้านของตระกูลซึ่งถือจดหมายหนึ่งฉบับไว้ในมือ

 

 

สังเกตจากสีหน้าของเขาแล้วดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่

 

คลอเดียได้ไปพูดคุยกับพ่อบ้าน สองต่อสอง คือผมก็ไม่ได้กะจะแอบฟังหรอกนะ แต่เสียงมันเผลอเข้ามาในหูคำสองคำ จนพอจะจับใจความได้

 

 

ทั้งมีการเอ่ยถึง องค์รัชทายาทเอย กษัตริย์เอย จนทำให้ผมขมวดคิ้วสงสัย

 

 

 

เพราะไม่ว่าจะทางกษัตริย์หรือองค์รัชทายาทต่างก็เป็นคนที่เลือกจะตัดขาดกับคลอเดียซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับคำสาป เห็นได้จากการยกเลิกการหมั้นหมาย นอกจากนี้ผมได้ยินว่าตอนที่ยังเป็นคู่หมั้นกันอยู่องค์รัชทายาทก็ไม่เคยจะส่งจดหมายมาให้คลอเดียที่นอนติดเตียงอยู่เลยแม้แต่ฉบับเดียว

 

 

ในฐานะที่ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ชอบคลอเดีย――ก็อดรู้สึกแย่กับคนพวกนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะองค์รัชทายาท

 

 

 

เมื่อเห็นใบหน้าของคลอเดียที่เปลี่ยนไป ผมก็รู้ได้ทันทีว่าอารมร์ของเธอในตอนนี้ไม่ปกติแน่

 

จากนั้นเธอก็เดินมาหาผมแล้วกล่าวออกมาด้วยความเสียใจว่า

 

 

「ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณโซระ อันที่จริงก็อยากจะคุยกับคุณมากกว่านี้หรอก แต่ฝ่าบาทเรียกฉันให้ไปเข้าเฝ้าในวัง ดังนั้นจึงไม่สามารถอยู่ต่อได้」

 

 

 

「ฉันเข้าใจแล้ว ไม่เป็นหรอก――แต่ที่สงสัยคือคนที่ส่งมาจะเป็นกษัตริย์จริงหรือเปล่านี่สิ? 」

 

 

ผมแสดงความสงสัยออกมา

 

 

เพราะหากอ้างอิงจากที่คลอเดียบอกก่อนหน้านี้ ดยุกดรากูนอทก็ติดงานอยู่ภายในวัง หากกษัตริย์มีเรื่องอะไรที่ต้องการจะพูดกับคนของตระกูล เขาก็สามารถเรียกดยุกดรากูนอทไปเข้าเฝ้าได้แท้ๆ ไม่เห็นจะต้องเชิญคลอเดียไปให้ยุ่งยากเลย

 

 

ทว่าเขากลับไม่เลือกที่จะทำแบบนั้น ก็หมายความว่าตัวกษัตริย์มีธุระกับคลอเดียโดยตรง ไม่ใช่ตระกูล และดูจากที่พวกเขาคุยกันแล้ว เรื่องที่เชิญไปจะต้องเกี่ยวกับองค์รัชทายาทแน่ๆ

 

 

 

ทั้งที่องค์รัชทายาทก็ยกเลิกการหมั้นหมายกับคลอเดียไปแล้ว แต่การที่เธอเธอถูกเรียกให้เข้าเฝ้าโดยกษัตริย์ พ่อบ้านกับคลอเดียก็คงไม่ได้ยินดีแน่ จากสีหน้าก็ชัดแล้ว

 

 

พอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็เริ่มลังเลว่าจะเข้าไปพูดอะไรต่อดีไหม

 

 

 

เพราะผมไม่ได้มีความตั้งใจจะอยู่เมืองหลวงนาน อันที่จริงผมไม่ควรจะเข้าไปยุ่งให้สถานการณ์มันยุ่งเหยิงไปกว่านี้ด้วยซ้ำ แถมอาจจะทำให้คลอเดียเดือดร้อนมากกว่าเดิมก็ได้ด้วย

 

 

 

ทางคลอเดียก็ไม่ได้ขอความช่วยเหลืออะไรจากผม ผมก็ไม่มีธุระอะไรให้อยู่ที่นี่ต่อ ดังนั้นสิ่งที่ผมควรทำก็คือถอยออกมาจากตรงนี้เสีย

 

 

――ทว่า ทั้งที่ผมรู้ดีว่าตัวเองควรถอย แต่ผมกลับรู้สึกกังวลถึงสายตาที่ไม่ควรจะอยู่ภายในห้องตอนนี้ของดยุกดรากูนอทและแอสทริด

 

 

แถมสิ่งที่อยู่ในหัวของผมตอนนี้ก็มีแค่ใบหน้าขององค์รัชทายาทที่อยากจะให้ผมยกคราว โซราสให้ แต่ดันใจเสาะหลบหน้าดยุกดรากูนอทกับแอสทริด

 

ถ้างั้นผมควรจะเข้าไปยุ่งหรือถอยดีล่ะ

 

 

 

ขอต่อก่อนนะ คำพูดนั้นควรจะออกมาจากปากของผมแท้ๆ ――แต่มันก็ทำไมได้

 

 

หลังจากตัดสินใจแล้ว ผมก็เปิดปากพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

 

 

「ท่านคลอเดีย ฉันมีเรื่องอยากจะถามอย่างตรงไปตรงมาสักหน่อย ถ้าล่วงเกินไปก็ขอโทษด้วย――」

 

 

 

「ค่ะ เชิญถามมาได้เลย」

 

 

 

「ท่านมีปัญหาเกี่ยวกับคนที่ทิ้งท่านไปแล้วกลับมาขอคืนดีใช่ไหม? 」

 

 

พอผมถามอย่างตรงไปตรงมาแบบนั้น เสียงประหลาดก็ออกมาจากปากของคลอเดีย

 

 

 

 

 

「เอ๋ คุณโซระ…หมายความว่ายังไงกัน…? 」

 

 

「พูดให้ชัดๆ ก็คือท่านมีปัญหาลำบากใจเกี่ยวกับการที่องค์รัชทายาทมาขอคืนดีใช่ไหม」

 

พอเจอคำถามนี้เข้าไปทางคลอเดียก็แสดงสีหน้าเหมือนลำบากใจว่าจะตอบยังไงดี

 

หลังจากเธอคิดอยู่สักพัก ก็เหมือนจะตัดสินใจได้ก่อนจะพยักหน้าด้วยความกลุ้มใจ

 

 

 

 

 

「ค่ะ เป็นอย่างที่คุณพูด…ว่าแต่รู้ได้ยังไงกันคะ? 」

 

 

「ต้องขอโทษด้วยแล้วกัน แต่ตอนที่ท่านคลอเดียคุยกับพ่อบ้านอยู่ ฉันได้ยินคำว่าฝ่าบาทแล้วก็องค์รัชทายาทเข้าน่ะ พอพิจารณาดูจากนิสัยของเขาตอนที่เจอกันครั้งก่อนแล้วก็เลยเดาได้ว่าน่าจะเป็นแบบนี้」

 

 

 

 

เมื่อคลอเดียได้ยินคำตอบของผม เธอก็พยักหน้าและยิ้มให้กับผม

 

 

 

「ฟุฟุ พอได้ยินแบบนี้แล้วทำเอานึกไม่ออกเลยนะคะว่า คุณโซระจะเป็นประชาชนคนธรรมดาได้ยังไง」

 

 

 

「ต้องขออภัยด้วยก็แล้วกัน ทว่าหากท่านไม่รังเกียจ ช่วยพาฉันเข้าไปในวังด้วยได้หรือเปล่า? 」

 

 

 

「……คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ? 」

 

 

ผมพยักหน้าให้กับคำถามของเธอ

 

 

「แน่ใจสิ ถึงเพราะไฮดราจะทำให้เรื่องมันช้าไปบ้าง แต่ข้อตกลงที่จะเอาท่านคลอเดียกลับไปเป็นตัวประกันก็ยังอยู่ด้วยนี่นา」

 

 

 

พอผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาแทนที่จะทำให้คลอเดียลำบากใจ กลับกลายเป็นว่าเธอดูมีความสุขซะงั้น

 

แผนการนี้น่าจะช่วยแสดงให้คนรอบข้างได้เห็นว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะพาคลอเดียเข้ามาภายในบ้านของชายโสดอย่างผมเฉยๆ เป้าหมายหลักๆ ในครั้งนี้ก็คงจะเป็นการป้องกันไม่ให้หลายฝ่ายใช้เธอเป็นเครื่องมือได้

 

 

ก็จริงว่าอาจจะช้าไปสักหน่อย แต่หากผมใช้โอกาสนี้ในการเข้าวังพร้อมกับคลอเดียแล้วประกาศความตั้งใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงไม่แย่เท่าไหร่ นอกจากนี้หากใช้วิธีนี้ผมคงไม่ต้องอยู่เมืองหลวงนานนักด้วย

 

 

ปัญหาที่เหลือก็คงจะอยู่ตรงที่องค์รัชทายาทอาจจะไม่ยอมนี่แหละ――แต่หากอ้างอิงถึงตอนที่เขาขอคราว โซราสกับผม เขาก็บอกให้ผมยกให้เฉยๆ แต่ไม่ได้ใช้กำลังหรือคำขู่ในการบีบบังคับ ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่เขาจะไม่ได้บังคับแบบเอาเป็นเอาตายให้คลอเดียเป็นของเขา

 

 

หรือถ้าเกิดมันมีอะไรผิดคาดไป สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นการที่องค์รัชทายาทหมายทำลายความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคลอเดียแทน และการที่เขาเป็นแบบนั้นอาณาจักรก็คงต้องลงโทษเขาในฐานะผู้กระทำผิดสร้างความร้าวฉานให้กับความสัมพันธ์หนุ่มสาว

 

 

 

 

「จะว่าไปแล้ว เนื้อหาหลักๆ ในจดหมายเชิญครั้งนี้ คืออะไรงั้นเหรอ? 」

 

 

 

แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่จดหมายที่เขียนมาตรงๆ ว่า อยากจะให้คลอเดียคืนดีกับลูกชายตัวเองหรอก พอผมถามไป สีหน้าของคลอเดียก็ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 

「พระสันตะปาปาจากนครรศักดิ์สิทธิ์จะมาเยือนเราในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ดังนั้นฝ่าบาทก็เลยอยากจะขอให้ฉันกับองค์รัชทายาทเป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลท่านในขณะนั้นค่ะ」

 

 

 

พอผมได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้างขึ้น

 

 

 

 

พระสันตะปาปาของนครรศักดิ์สิทธิ์มีเพียงแค่คนเดียว และเขายังเป็นผู้นำขอวิหารเทพแห่งกฏหมายซึ่งสามารถใช้ปฏิหาริย์อย่าง 『บูรณะ』『เทพจุติ』ก็จริงอยู่ว่ายังมีศาสนาอีกหลายนิกายในประเทศ แต่คนที่จะเรียกตัวเองว่าสันตะปาปาได้ก็มีแค่เขาคนนี้เท่านั้น

 

และเพราะเขาเป็นถึงผู้นำของนครรศักดิ์สิทธิ์ การจะมีความสัมพันธ์กับจักรวรรดิแอด แอสเทอร่าก็คงจะไม่แปลกด้วย นอกจากนี้เขาก็มีความสัมพันธ์ในด้านการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาพิษของไฮดรา โดยบอกถึงวิธีการสร้างบาเรียป้องกันพิษ

 

 

หากคลอเดียบอกว่าพระสันตะปาปาจะมาในอีกไม่นาน หรือจะเป็นเรื่องบาเรีย――ไม่สิ สื่อกลางพวกเรายังหากันไม่ได้เลย ดังนั้นก็คงจะเป็นเรื่องแต่งงานละมั้ง แถมยิ่งเป็นการแต่งงานของสองประเทศการจะเชิญคนระดับนี้มาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

 

แต่ส่วนตัวผมมองว่ายังไงมันก็เร็วเกินไปอยู่ดีที่เขาจะเดินทางมาถึงก่อนวันพิธีเป็นเดือนๆ ดังนั้นก็น่าจะมีเหตุผลอื่นเข้ามาด้วย

 

 

 

――ผมคิดในขณะสวมชุดแบบเป็นทางการที่ยืมมาจากตระกูลดยุก

 

 

จากนั้นพวกผมก็ขึ้นรถม้าของตระกูลเพื่อเดินทางไปยังพระราชวัง โดยที่ใบหน้าของคลอเดียยิ้มแย้มอยู่ตลอดเส้นทาง

 

——–

Note 1 : ดูทรงไปเป็นไม้กันหมา สุดท้ายได้เมีย

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+