การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 237 ยมทูตแห่งบาป

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 237 ยมทูตแห่งบาป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 237 ยมทูตแห่งบาป

 

อัญเชิญเทพสถิต

 

 

ระหว่างที่สันตะปาปาใช้เทคนิคดังกล่าว พลังเวทของเธอก็สูงมากขึ้นจนเกิดลมกระโชกไปทั่ว พลังเวทที่กดดันร่างกายจบแทบจะทำอะไรไม่ได้นี้ หากเป็นคนธรรมดาแค่สัมผัสมันร่างก็คงจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว

 

 

 

「ชิ!」

 

 

ผมเดะลิ้นแล้วกระโดดถอยออกมา

 

 

 

แน่นอนว่าในฐานะผู้ถือครองโซลอีทเตอร์พลังพวกนี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก แต่มันก็แอบหงุดหงิดนิดหน่อยที่ร่างกายของผมมันบอกให้รีบถอยห่างจากสิ่งมีชีวิตซึ่งกำลังปลดปล่อยพลังเวทอันน่าสะพรึงกลัวนี้ออกมาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

อัญเชิญเทพสถิตเป็นเทคนิคที่นักบวชจะใช้ร่างของตัวเองเป็นร่างสถิตของเทพ มันคือเทคนิคชั้นสูงพอๆ กับคืนชีพหรือฟื้นฟู ว่ากันว่ามีเพียงแค่สันตะปาปาโนอาห์ คาร์เนเลียสแห่งนครศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถใช้เทคนิคดังกล่าวได้

 

 

ถ้าจะให้เจาะจงกว่านี้ก็คงจะเป็นมีเพียงสันตะปาปาเอท่านั้นที่สามารถใช้มันแล้วยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ มันเป็นเทคนิคที่สร้างภาระให้กับร่างกายและจิตใจของผู้ใช้งานมาก

 

อย่างก็ก็ตามหากผู้ใช้งานไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นลิช ภาระพวกนั้นก็คงไม่มีปัญหา

 

 

ผมมองไปยังสันตะปาปาโซเฟีย อาร์เซอร์ไรท์

 

สำหรับสันตะปาปาแล้วเทพพระเจ้าของเธอก็คงไม่ใช่สิ่งใดเสียนอกจากมังกร ดังนั้นการที่เธอใช้ร่างสถิตนั้นร่างกายของเธอก็อาจจะมีลักษณะคล้ายกับงูที่อยู่ด้านหลังนั้นไหมนะ หรือจะขยายร่างเป็นแบบนั้นเลยหรือเปล่า

 

 

แล้วผมก็ได้คำตอบอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

「นุ!? 」

 

 

 

 

จากนั้นชุดที่สันตะปาปาสวมอยู่ก็ฉีกออกจนเผยให้เห็นผิวที่ขาวใสภายใต้ชุดคลุมนั้น

 

 

จากนั้นพริบตาปีกสีดำทมิฬราวกับท้องฟ้ายามราตรีก็ปรากฏขึ้นบนหลังของเธอ ดูท่าจะเป็นปีกนี่แหละที่ทำการฉีกเสื้อของสันตะปาปา

 

 

 

จำนวนของปีกคือด้านละ 2 มันกางกว้างออกมาจนทำให้นึกถึงเทพธิดาที่พวกศาสนจักรมักพูดถึงกัน ผมนี่แอบหลงไปครู่หนึ่งเลย

 

แต่การเปลี่ยนแปลงของเธอมันดันไม่หยุดแค่นั้น

 

ในขณะเดียวกันกับที่ปีกปรากฏ ของเหลวสีดำที่ได้ค่อยๆ กลืนกินผิวสีขาวของเธอ ยาวไปทั่วแขนขาหน้าอกจนถึงท้อง

 

 

จากนั้นเลือดของเธอก็เริ่มไหลออกมาจากจุดที่ถูกของเหลวนั้นปกคลุม แล้วมันก็ทำการชอนไชเข้าไปภายในผิวหนังที่แตกของเธอ ราวกับว่ามันกำลังจะรวมกันเป็นหนึ่ง

 

 

การเคลื่อนไหวของมันช่างดูน่าขนลุก หากเป็นคนที่กำลังมาเห็นไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าสันตะปาปากำลังถูกมันโจมตีอยู่

 

 

แต่แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น สังเกตได้จากใบหน้าของเธอที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ทำให้รู้ว่ามันคือสิ่งที่เธอตั้งใจทำ

 

 

ว่ากันตามตรงผมแหยงจนไม่อยากจะทนดูแล้ว แต่ถ้าหันหน้าหลบไปตอนนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับเปิดช่องว่างให้สันตะปาปา ผมพยายามสังเกตเพื่อให้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของสิ่งที่กำลังขยับไปมาบนร่างของสันตะปาปา

 

 

มันค่อยๆ ขยับไปมาจนเริ่มมีรูปร่างที่ชัดเจนขึ้น

 

 

ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ไม่นานผมก็เข้าใจ

 

 

ถึงไม่ใช่ผมก็ต้องดูออกแหละเพราะมันเป็นสิ่งที่ทุกคนมี

 

มันคือดวงตา

 

มันคือหู

 

มันคือปาก

 

แต่ปัญหาคือมันดันงอกออกมาเต็มไปหมดบนแแขน ขา หน้าอก ท้องของเธอน่ะสิ

 

 

ผมก็เคยเจอกับมอนสเตอร์มาเยอะนะ แต่ไอ้ตัวแบบนี้ไม่ว่าจะนึกยังไงก็ไม่มีทางเคยเห็นแน่

 

จากนั้นก็มีเสียงส่งออกมา มันไม่ใช่เสียงของสันตะปาปาหรือเสียงของผม แต่มันคือเสียงที่ออกมาจากปากจำนวนนับไม่ถ้วนบนร่างของเธอ

 

 

 

『ข้าคือผู้ที่มองเห็นบาป』

 

 

 

ปากของมันพูดในขณะที่ดวงตาจำนวนมากจ้องมายังผม

 

 

 

『ข้าคือผู้รับฟังบาปนั้น』

 

 

หูของมันขยับไปมาราวกับตั้งใจฟังเสียงที่ส่งออกมาจากทุกท่วงท่าของผม

 

 

 

 

『และข้าคือผู้พิพากษาบาปนั้น』

 

 

มันเป็นทั้งเสียงของชาย หญิง เด็ก ผู้ใหญ่ปะปนกันไปจนน่าหนวกหู

 

จากนั้นมันก็เอ่ยนามของตนออกมา

 

 

 

『ข้าคือยมทูตแห่งบาปอัสราเอล จงคุกเข่าเสีย มนุษย์เอ๋ย』

 

 

ทันทีที่อัสราเอลพูดจบ คลื่นพลังที่กระจัดกระจายรอบๆ ก็มารวมตัวกันกลายเป็นค้อนเหล็กที่เหวี่ยงลงมาฟาดร่างของผม แรงกดดันของมันมากเสียจนคิดว่าจะบดขยี้ร่างผมให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ

 

 

ผมมั่นใจว่านี่ไม่ใช่การโจมตีของอีกฝ่ายแน่ สิ่งที่มันทำก็แค่การคุกคามเบื้องต้น แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมเชื่อเลยว่าพวกธงแห่งผืนป่าระดับล่างๆ ทนมันไม่ไหวแน่ อย่าว่าแต่คุกเข่าเลย คงจะได้ร่วงลงกับพื้นจนลุกไม่ไหวแน่

 

 

ผมเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์ระหว่างที่ทนแรงกดดันของอีกฝ่าย

 

 

「เห็นบอกเป็นเทพสถิต ก็คิดว่าจะเป็นของอะไรอย่างมังกรซะอีก หรือที่จริงพวกเธอไม่ได้บูชามังกรกันล่ะ? 」

 

 

 

「ไม่หรอกค่ะ นั่นเป็นเรื่องจริง」

 

 

 

เสียงที่ตอบมานั้นไม่ใช่อัสราเอล แต่เป็นเสียงของสันตะปาปา

 

 

 

 

「ฉันได้รับพลังจากเทพในการสร้างเผ่าพันธุ์ในตำนานขึ้นมาได้ค่ะ และสิ่งนี้ก็คือผลการพลังดังกล่าว」

 

 

 

「เผ่าพันธุ์ในตำนานสิน้า」

 

 

 

ผมตอบกลับ ก็หมายความว่าเจ้าอัสราเอลนี่เป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานซึ่งสันตะปาปาสร้างขึ้นมาด้วยพลังของมังกรสินะ

 

 

 

หากสามารถเรียกมังกรได้แล้วจะมาใช้พลังของมังกรในการสร้างเผ่าพันธุ์ในตำนานขึ้นมาให้ยุ่งยากทำไมกันนะ แปลว่าเธอไม่สามารถดึงพลังของมันออกมาได้เต็มที่แน่ๆ

 

 

 

ผมมองไปยังมังกรที่ตระหง่านอยู่ด้านหลังของสันตะปาปา และดาบขนาดใหญ่ที่ปักอยู่บนหน้าผากของมัน

 

 

เห็นได้ชัดว่าพลังของมันคงจะอ่อนแอลงมากเพราะผนึกที่อาโทริทำเอาไว้ โซเฟียจึงถูกบังคับให้สร้างเผ่าพันธุ์ในตำนานขึ้นมาสถิตร่างแทนที่จะยืมพลังของมังกรโดยตรง

 

 

แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าสันตะปาปาไม่สามารถเป็นภาชนะที่ดีพอจะควบคุมพลังมังกรได้ แต่แค่อัสราเอลนี่ก็แกร่งเอาเรื่องละนะ

 

 

ทว่ามันก็มีความเป็นไปได้ที่ผมจะเดาผิด

 

 

หากว่ามังกรนั้นไม่ได้อ่อนแอลงแต่อย่างใด สันตะปาปาเป็นภาชนะที่เพียงพอในการควบคุมพลังมังกร แต่การที่สันตะปาปาเลือกสร้างอัสราเอลขึ้นมาอาจจะเพราะมันมีพลังที่ผมหรือโซลอีทเตอร์แพ้ทางก็ได้จึงทำให้เธอเลือกใช้มันมากกว่าจะเป็นมังกร

 

ก็ไม่รู้ว่าเธออ่านใจผมได้หรืออะไร แต่สันตะปาปาก็เริ่มพูดขึ้นราวกับกำลังขับขานบทเพลง

 

 

 

「อัสราเอลคือยมทูตแห่งบาป เคียวของมันคือเทวภัณฑ์แห่งการพิพากษาที่แยกร่างกายกับวิญญาณให้ออกจากกัน ท่านเข้าใจถึงความหมายของมันหรือเปล่าคะ ผู้กลืนกินวิญญาณ」

 

 

 

 

แยกร่างกายกับวิญญาณออกจากกัน ก็อาจจะหมายถึงพลังของอัสราเอลส่งผลโดยตรงต่อวิญญาณก็ได้ จะบอกว่ามันอยู่ในระดับเดียวกับโซลอีทเตอร์งั้นเหรอ ไม่สิถึงจะไม่ใช่ แต่ก็คงต้องเดาไปก่อนว่าแกร่งพอๆ กันไปก่อน

 

นอกจากนี้ความสามารถที่แยกกายกับวิญญาณออกจากกันนั้น อาจจะสื่อว่าหากโดนโจมตี มันจะทำการตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างผมกับอนิม่าของผม สำหรับพวกธงแห่งผืนป่าแล้ว มันก็เป็นของแสลงจริงๆ นั่นแหละ

 

เอาเป็นว่าผมน่าจะแพ้ทางพอสมควร

 

แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วสิ คู่ต่อสู้ที่เก่งขนาดนี้มาถึงที่แล้วนะ

 

 

เหตุผลที่ผมมายังคิไคแห่งนี้ก็เพื่อหามอนสเตอร์ที่แกร่งพอๆ กับพวกเผ่าพันธุ์ในตำนานกิน ดังนั้นการได้เผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์ในตำนานแทนที่จะเป็นตัวที่แกร่งใกล้เคียงหากไม่เรียกว่าโชคดีจะเรียกว่าอะไรอีกล่ะ

 

 

 

 

「เสริมแกร่งอาภรณ์วิญญาณ――จงกลืนกิน โซลอีทเตอร์ー」

 

 

 

สันตะปาปาที่เห็นก็ถอดเสื้อคลุมที่ขาดออกและยิ้มให้กับผม

 

 

ก่อนจะเหวี่ยงมือขวาของเธอ

 

 

 

「งั้นจะลุยแล้วนะคะ」

 

 

 

พอรู้สึกตัวอีกที เคียวสีดำก็โผล่ขึ้นมาอยู่ในมือขวาของสันตะปาปาแล้ว

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด