การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 162 รุ่งสาง

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 162 รุ่งสาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 162 รุ่งสาง

 

 

 

มันคือค่ำคืนที่เลวร้ายที่สุดของวิสทีเรีย

 

แม้ว่าร่างกายของเธอจะถูกปีศาจร้ายช่วงชิงไปแล้วจะเรียกได้ว่าเป็นฝันร้าย ทว่าร่างกายของเธอที่ถูกฟัน ชก เตะ และโจมตีเข้ามาที่ร่างของเธอ――มันทำให้เธอเจ็บปวดเป็นอย่างมากเสียจนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด

 

 

ตัวของวิสทีเรียเองก็เคยต่อสู้กับมอนสเตอร์และสปิริตมามากในฐานะหัวหน้าผู้พิทักษ์ ร่างกายของเธอมีความทนทานต่อความเจ็บปวด ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามนอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายของเธอ จิตวิญญาณของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยทุกครั้งที่เธอถูกฟัน ถึงเธอจะอธิบายความรู้สึกนั้นไม่ได้ แต่เธอสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่แสนมีค่าภายในร่างของเธอถูกช่วงชิงไป

 

 

มันคือความทรมานเสียยิ่งกว่าถูกปีศาจร้ายเข้าสิงเสียอีก

 

 

 

วิสทีเรียถูกรวมเข้ากับปีศาจร้าย เธอสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจ ความเจ็บปวด ความโกรธเกรี้ยวของมันไม่สิ ไม่ใช่แค่รู้สึกได้ แต่เธอเหมือนจะถูกมันครอบงำให้รู้สึกตามไปด้วย

 

ตอนนี้ตัวเธอถูกครอบงำจากอารมณ์ที่ไม่ได้ออกมาจากตัวของเธอเอง วิสทีเรียต้องอดทนเป็นอย่างมากเพื่อให้ตัวตนข้างในของเธอจริงๆ ไม่หายไปเสียก่อน

 

มันคงจะง่ายกว่านี่หากเธอหมดสติไปเลย ทว่าเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เมื่อเธอหลอมรวมเข้ากับปีศาจร้ายแล้ว ตราบใดที่มันยังแสดงการต่อต้าน วิสทีเรียก็ต้องต่อต้านตาม

 

การดิ้นรนของมันดำเนินยาวไปถึงช่วงรุ่งสาง

 

หลังจากการต่อสู้มาตลอดทั้งคืน ปีกทั้ง 4 ของปีศาจร้ายได้ถูกฟันทิ้งจนหมด หางทั้งสองข้างก็ขาดวิ่น เล็บมือเล็บเท้าก็ถูกหัก แขนขาก็บิวเบี้ยวไปในทิศทางที่ไม่ควรจะเป็น รูปลักษณ์ที่แสนน่าสยดสยองคงเป็นคำอธิบายได้เป็นอย่างดี กลับกันแม้จะเจอไปขนาดนี้ ก็ดูเหมือนมันจะยังไม่หยุดต่อต้าน

 

 

อาจจะเรียกได้ว่าพลังใจและพลังชีวิตของมันน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจร้ายก็คือฝ่ายตรงข้ามที่ไล่ล่ามัน มนุษย์ผมสีดำได้มองไปยังร่างของวิสทีเรียที่ถูกปีศาจร้ายครอบงำด้วยท่าทางเฉยชา เขาไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

ทว่าจากนั้นไม่นานนัก จิตสำนึกของปีศาจร้ายที่ถูกฟันทิ้งออกเป็นชิ้นๆ ก็เหมือนจะเริ่มจางหายไป หากวิสทีเรียยังมีแรงเหลือพอ เธอคงสามารถดึงการควบคุมร่างกายของเธอกลับมาได้

 

อย่างไรก็ตาม วิสทีเรียไม่ได้มีแรงเหลือพอจะทำเช่นนั้นแล้ว ตั้งแต่ที่เธอถูกเนรเทศออกมาจากแอนดร้าเธอก็ต้องต่อสู้กับปีศาจร้ายในตัวที่นับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ต้องลงแรงค้นหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในทะเลทรายอย่างไร้จุดหมาย ต้องฝืนใช้พลังเข้าสู้กับพวกมนุษย์ สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับปีศาจร้ายในตัว

 

 

มนุษย์ได้ชี้ดาบสีดำไปที่อกของเธอ วิสทีเรียสัมผัสได้ถึงความตายที่อยู่ตรงปลายดาบนั้น

 

 

บางทีชายคนนี้อาจจะเป็นร่างอวตารของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้

 

 

หากเธอคิดแบบนั้น เธอก็จะเข้าใจได้ว่าทำไมพลังของอีกฝ่ายถึงมีมากล้น และยังอธิบายได้อีกว่าทำไมเธอถึงยังไม่พบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เลย แม้จะค้นหามากขนาดไหน

 

และถึงการคาดเดานี้จะผิดไป แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามนุษย์คนนี้มีพลังเพียงพอที่จะเอาชนะปีศาจร้ายได้จริงๆ ขอแค่นี้เธอก็บรรลุจุดประสงค์ของเธอแล้ว

――จุดประสงค์ในการทำลายปีศาจร้ายที่อยู่ในตัวของเธอ

 

 

ขณะที่คิดเรื่องพวกนี้อยู่ สติของวิสทีเรียก็ดำดิ่งลงไปในความมืด โดยสัมผัสได้ถึงเสียงคร่ำครวญของปีศาจร้ายที่อยู่ใกล้ๆ หู…..

 

 

 

 

 

 

 

นี่มันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ

 

 

 

วิสทีเรียได้ยินเสียงนกร้องดังเจื้อยแจ้วจากที่ไหนสักแห่งพร้อมกับเสียงใบไม้ที่สั่นไหวตามสายลมราวกับกำลังร้องบรรเลงประสานกับเสียงร้อง

 

 

สายลมที่พัดผ่านตามต้นไม้ช่างดูแผ่วเบา ก่อนจะผ่านแก้มของเธอเหมือนกำลังเชยชมตัวเธอ

 

สิ่งเหล่านี้ชวนให้เธอนึกถึงป่าในแอนดร้า ความรู้สึกแสนสงบที่ไม่ได้สัมผัสมาตั้งแต่ตอนที่ถุกเนรเทศไปในทะเลทราย หัวใจของเธอรู้สึกเหมือนได้เติมเต็ม

 

สถานที่ที่เธออยู่ตอนนี้คือทางภูเขาทิศตะวันออกของเบลก้า มันคือสถานที่ที่ดราก้อนสเลเยอร์ใช้ซ่อนไวเวิร์นคราม แต่แน่นอนว่าวิสทีเรียย่อมไม่รู้

 

 

 

เอลฟ์สาวผมเงินไม่เข้าใจว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ มันเหมือนกับว่าเธอตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย แต่ก็จำไม่ได้ว่าฝันร้ายนั้นคืออะไร ไม่สิเธอไม่อยากจะนึกถึงมันมากกว่า สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงการดื่มด่ำกับความสงบสุขนี้ให้ได้นานที่สุด

 

 

 

――อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาเล็กๆ ของเธอก็ต้องสลายไปในวินาทีถัดมา

 

 

 

 

「ถ้าตื่นแล้ว ฉันว่าเธอก็น่าจะตรวจสอบร่างกายตัวเองสักหน่อยนะ」

 

 

 

「――!」

 

 

 

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น วิสทีเรียที่นอนอยู่บนพื้นก็สะดุ้งโหยงขึ้นเหมือนตุ๊กตาสปริง เธอเห็นชายหนุ่มผมสีดำยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ

 

วิสทีเรียจำสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอได้ในทันที และพยายามรักษาระยะห่าง

 

และเพราะการเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้ผ้าที่คลุมร่างของเธอเอาไว้อยู่ร่วงลงไปที่พื้น

 

 

 

เสื้อผ้าที่วิสทีเรียสวมไว้เมื่อคืนมันได้ฉีกไปหมดแล้วเพราะการกลายร่าง เสื้อคลุมที่ตกอยู่ตรงพื้นจึงเป็นของคนอื่นไม่ใช่ของเธอ แต่มันไม่สำคัญหรอกเพราะตอนที่เสื้อคุลมตกลงไป ก็หมายความว่าไม่มีอะไรมาปกปิดร่างของเธอเอาไว้แล้ว

 

 

สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คือตัวเธอในชุดวันเกิดเท่านั้น

 

 

 

 

 

「――อุ!? 」

 

 

 

 

ใบหน้าของวิสทีเรียเปลี่ยนเป็นสีแดงสดทันที ถึงเธอจะรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมความอายที่เอ่อล้นออกมาได้

 

 

 

ทว่าความอายนั้นก็อยู่ได้เพียงไม่นาน เพราะตัวเธอถูกความประหลาดใจเข้ามาแทรกแทน

 

เมื่อเธอก้มมองดูร่างกายของตัวเองอีกครั้ง ผิวสวยใสอันไร้ที่ตินี่ มันชวนให้เธอประหลาดใจว่าใช่ร่างของเธอที่ถูกฟันจนเละไปเมื่อคืนก่อนจริงหรือ

 

ที่สำคัญกว่านั้น ร่างของเธอที่สะท้อนผ่านแววตามันคือร่างจริงๆ ของเธอที่ไม่ได้มีส่วนผสมของสัตว์ร้ายอยู่เลย ไม่มีขนตรงแขน ไม่มีเกล็ดตรงขา ไม่มีกรงเล็บงอกออกมาตามมือเท้า รูปลักษณ์ดั้งเดิมของเธอ

 

 

วิสทีเรียเอามือมาสัมผัสที่ใบหน้าของเธออย่างประหลาดใจ จากนั้นก็คลำไปตามแก้ม ริมฝีปาก จมูก หน้าผากด้วยความกระสับกระส่ายตามลำดับ

 

 

นี่คือใบหน้าของเธอจริงๆ ไม่ใช่ใบหน้าที่แสนน่าเกลียดนั้น

 

 

 

 

 

「………………อ……อ่า」

 

 

เสียงสะอื้น ส่งออกมาจากริมฝีปากที่ได้รูปของเธอ พอได้เห็นเรื่องที่เกินจะเชื่อนี้ ร่างของเธอก็ทรุดลงไปทันที จนลืมไปแล้วว่าเธอเปลือยเปล่าอยู่

 

 

หากสังเกตให้ดีเธอก็จะรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าของเธอก็แสดงอาการเคอะเขินนิดหน่อยและพยายามจะหลบสายตาออกจากร่างของเธอ แล้วพูดขึ้น

 

 

 

 

 

 

「อย่างน้อยช่วยใส่เสื้อคลุมก่อนเถอะ แบบนี้ฉันไม่รู้จะเอาตาไปไว้ไหนน่ะ」

 

 

 

「เอ๋…………อ๊ะ?!」

 

 

 

วิสทีเรียได้สติกลับมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อฝ่ายตรงข้ามพูดขึ้น ก่อนจะรีบหยิบเสื้อคลุมที่ตกบนพื้นมาใส่อีกครั้ง ทางชายหนุ่มก็ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการทำมิดีมิร้ายเธอด้วย

 

 

จากนั้นวิสทีเรียก็ปิดซ่อนร่างอันเปลี่ยนเปล่าของเธอไว้ใต้เสื้อคลุมแล้วหันหน้าไปเผชิญกับชายหนุ่มอีกครั้ง

 

 

เธอขมวดคิ้วขณะจ้องมอง เพราะไม่รู้ว่าต้องแสดงท่าทางแบบไหนกับเขาดี

 

ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเธอ นั่นคือสิ่งที่วิสทีเรียคิด เพราะหากเขาต้องการจริงๆ คงไม่พลาดโอกาสไปตั้งแต่ตอนที่เธอหมดสติไปแล้ว

 

 

กลับกันเธอก็ไม่อาจจะปักใจเชื่อได้ว่าเขาจะเข้ามาช่วยเธอด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ขนาดนั้น เพราะมันจะไปมีใครบนโลกใบนี้อยากเอาตัวเข้าแลกเพื่อช่วยเหลือปีศาจร้ายที่แสนน่าสะพรึงกลัวกัน

 

วิสทีเรียเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อดี

 

 

 

 

อย่างไรก็ตามหากตัดเรื่องเจตนาของฝ่ายตรงข้ามออกไป ก็ต้องขอขอบคุณเขาจริงๆ ที่ทำให้ร่างกายของเธอซึ่งถูกปีศาสร้ายสิงสู่กลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างน้อยเธอก็ควรจะพูดขอบคุณเขาสักครั้ง เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอจึงตั้งใจจะเปิดปากพูด ทว่า

 

 

 

 

 

「ขอถามหน่อยสิ เธอรู้จักสิ่งที่เรียกว่าอนิม่าไหม? 」

 

 

 

ชายหนุ่มถามตัดหน้าเธอ

 

 

 

เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว เธอก็ใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจตอบกลับ

 

 

 

 

 

「….ไม่เลย น่าเสียดายแต่ฉันไม่เคยได้ยินคำนั้นมาก่อนค่ะ」

 

 

 

「เหรอ แล้วเจ้าตัวเมื่อคืนเธอเรียกมันว่าอะไรล่ะ? 」

 

 

 

「….ปีศาจร้าย…นั่นคือสิ่งที่พวกฉันเรียกกัน」

 

 

หลังจากตอบคำถามเขาเสร็จ เธอก็เลือกจะถามส่วนของเธอบ้าง

 

ฉันก็มีเรื่องจะถาม

 

 

 

 

「ฉันก็มีเรื่องอยากจะถามคุณเหมือนกัน จะได้ไหมคะ? 」

 

 

 

「ก็ได้หรอก แต่ไม่รู้นะว่าจะตอบได้ไหม」

 

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกค่ะ」

 

 

 

จากนั้นวิสทีเรียก็วางกำปั้นของตนไว้ที่อกซ้าย แล้วก้มหัวลง มันคือการทักทายของเหล่านักดาบแอนดร้า

 

 

「ฉันมีชื่อว่าวิสทีเรีย ขอขอบคุณที่ช่วยชัดการกับปีศาจร้ายที่สิงสู่ร่างของฉันอยู่ หากเป็นไปได้ขอทราบชื่อของคุณได้หรือเปล่า」

 

 

 

ชายหนุ่มที่ถูกถามกะพริบตาปริบๆ อาจจะเพราะเขาคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแนวนี้ก่อน

 

 

จากนั้นเขาก็ยักไหล่แล้วตอบ

 

 

 

「โซระ」

 

 

 

「โซระ….งั้นฉันจะขอเรียกคุณแบบนั้นเลยแล้วกันนะคะ」

 

 

หลังจากอีกฝ่ายบอกชื่อเสร็จ วิสทีเรียก็จ้องมองไปยังชายหนุ่ม――ไม่สิ โซระอีกครั้ง

 

 

 

วิสทีเรียเริ่มดึงความทรงจำเมื่อคืนก่อนกลับมาอย่างช้าๆ ก่อนที่เทพปีศาจจะปรากฏตัว เธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แฝงตัวอยู่ในฝูงชน

 

ในตอนนีเธอมั่นใจแล้วว่า สิ่งนั้นคือโซระ

 

ความรู้สึกหวาดกลัวที่ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านได้เพียงแค่จ้องมอง ถึงตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันจะเบาบางลงไปกว่าตอนที่สู้กับเทพปีศาจบ้างก็ตาม

 

วิสทีเรียกำหมัดแน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นความกลัวของเธอ ก่อนจะเปิดปากขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เสียงของเธอสั่น

 

 

「โซระ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยปลดปล่อยฉันจากปีศาจร้าย ดังนั้นนี้จะเป็นคำถามถัดมาค่ะ จุดประสงค์ของคุณคืออะไรกัน ทั้งที่คุณสามารถฆ่าฉันไปพร้อมกับปีศาจร้ายเลยก็ได้แท้ๆ ฉันนึกถึงเหตุผลที่คุณช่วยฉันไม่ออกเลยจริงๆ และยังรอให้ฉันฟื้นขึ้นมาเพื่อพูดคุยกันอีก ฉันขอทราบเหตุผลหน่อยได้ไหมคะ? 」

 

———

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 162 รุ่งสาง

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 162 รุ่งสาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 162 รุ่งสาง

 

 

 

มันคือค่ำคืนที่เลวร้ายที่สุดของวิสทีเรีย

 

แม้ว่าร่างกายของเธอจะถูกปีศาจร้ายช่วงชิงไปแล้วจะเรียกได้ว่าเป็นฝันร้าย ทว่าร่างกายของเธอที่ถูกฟัน ชก เตะ และโจมตีเข้ามาที่ร่างของเธอ――มันทำให้เธอเจ็บปวดเป็นอย่างมากเสียจนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด

 

 

ตัวของวิสทีเรียเองก็เคยต่อสู้กับมอนสเตอร์และสปิริตมามากในฐานะหัวหน้าผู้พิทักษ์ ร่างกายของเธอมีความทนทานต่อความเจ็บปวด ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามนอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายของเธอ จิตวิญญาณของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยทุกครั้งที่เธอถูกฟัน ถึงเธอจะอธิบายความรู้สึกนั้นไม่ได้ แต่เธอสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่แสนมีค่าภายในร่างของเธอถูกช่วงชิงไป

 

 

มันคือความทรมานเสียยิ่งกว่าถูกปีศาจร้ายเข้าสิงเสียอีก

 

 

 

วิสทีเรียถูกรวมเข้ากับปีศาจร้าย เธอสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจ ความเจ็บปวด ความโกรธเกรี้ยวของมันไม่สิ ไม่ใช่แค่รู้สึกได้ แต่เธอเหมือนจะถูกมันครอบงำให้รู้สึกตามไปด้วย

 

ตอนนี้ตัวเธอถูกครอบงำจากอารมณ์ที่ไม่ได้ออกมาจากตัวของเธอเอง วิสทีเรียต้องอดทนเป็นอย่างมากเพื่อให้ตัวตนข้างในของเธอจริงๆ ไม่หายไปเสียก่อน

 

มันคงจะง่ายกว่านี่หากเธอหมดสติไปเลย ทว่าเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เมื่อเธอหลอมรวมเข้ากับปีศาจร้ายแล้ว ตราบใดที่มันยังแสดงการต่อต้าน วิสทีเรียก็ต้องต่อต้านตาม

 

การดิ้นรนของมันดำเนินยาวไปถึงช่วงรุ่งสาง

 

หลังจากการต่อสู้มาตลอดทั้งคืน ปีกทั้ง 4 ของปีศาจร้ายได้ถูกฟันทิ้งจนหมด หางทั้งสองข้างก็ขาดวิ่น เล็บมือเล็บเท้าก็ถูกหัก แขนขาก็บิวเบี้ยวไปในทิศทางที่ไม่ควรจะเป็น รูปลักษณ์ที่แสนน่าสยดสยองคงเป็นคำอธิบายได้เป็นอย่างดี กลับกันแม้จะเจอไปขนาดนี้ ก็ดูเหมือนมันจะยังไม่หยุดต่อต้าน

 

 

อาจจะเรียกได้ว่าพลังใจและพลังชีวิตของมันน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจร้ายก็คือฝ่ายตรงข้ามที่ไล่ล่ามัน มนุษย์ผมสีดำได้มองไปยังร่างของวิสทีเรียที่ถูกปีศาจร้ายครอบงำด้วยท่าทางเฉยชา เขาไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

ทว่าจากนั้นไม่นานนัก จิตสำนึกของปีศาจร้ายที่ถูกฟันทิ้งออกเป็นชิ้นๆ ก็เหมือนจะเริ่มจางหายไป หากวิสทีเรียยังมีแรงเหลือพอ เธอคงสามารถดึงการควบคุมร่างกายของเธอกลับมาได้

 

อย่างไรก็ตาม วิสทีเรียไม่ได้มีแรงเหลือพอจะทำเช่นนั้นแล้ว ตั้งแต่ที่เธอถูกเนรเทศออกมาจากแอนดร้าเธอก็ต้องต่อสู้กับปีศาจร้ายในตัวที่นับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ต้องลงแรงค้นหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในทะเลทรายอย่างไร้จุดหมาย ต้องฝืนใช้พลังเข้าสู้กับพวกมนุษย์ สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับปีศาจร้ายในตัว

 

 

มนุษย์ได้ชี้ดาบสีดำไปที่อกของเธอ วิสทีเรียสัมผัสได้ถึงความตายที่อยู่ตรงปลายดาบนั้น

 

 

บางทีชายคนนี้อาจจะเป็นร่างอวตารของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้

 

 

หากเธอคิดแบบนั้น เธอก็จะเข้าใจได้ว่าทำไมพลังของอีกฝ่ายถึงมีมากล้น และยังอธิบายได้อีกว่าทำไมเธอถึงยังไม่พบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เลย แม้จะค้นหามากขนาดไหน

 

และถึงการคาดเดานี้จะผิดไป แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามนุษย์คนนี้มีพลังเพียงพอที่จะเอาชนะปีศาจร้ายได้จริงๆ ขอแค่นี้เธอก็บรรลุจุดประสงค์ของเธอแล้ว

――จุดประสงค์ในการทำลายปีศาจร้ายที่อยู่ในตัวของเธอ

 

 

ขณะที่คิดเรื่องพวกนี้อยู่ สติของวิสทีเรียก็ดำดิ่งลงไปในความมืด โดยสัมผัสได้ถึงเสียงคร่ำครวญของปีศาจร้ายที่อยู่ใกล้ๆ หู…..

 

 

 

 

 

 

 

นี่มันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ

 

 

 

วิสทีเรียได้ยินเสียงนกร้องดังเจื้อยแจ้วจากที่ไหนสักแห่งพร้อมกับเสียงใบไม้ที่สั่นไหวตามสายลมราวกับกำลังร้องบรรเลงประสานกับเสียงร้อง

 

 

สายลมที่พัดผ่านตามต้นไม้ช่างดูแผ่วเบา ก่อนจะผ่านแก้มของเธอเหมือนกำลังเชยชมตัวเธอ

 

สิ่งเหล่านี้ชวนให้เธอนึกถึงป่าในแอนดร้า ความรู้สึกแสนสงบที่ไม่ได้สัมผัสมาตั้งแต่ตอนที่ถุกเนรเทศไปในทะเลทราย หัวใจของเธอรู้สึกเหมือนได้เติมเต็ม

 

สถานที่ที่เธออยู่ตอนนี้คือทางภูเขาทิศตะวันออกของเบลก้า มันคือสถานที่ที่ดราก้อนสเลเยอร์ใช้ซ่อนไวเวิร์นคราม แต่แน่นอนว่าวิสทีเรียย่อมไม่รู้

 

 

 

เอลฟ์สาวผมเงินไม่เข้าใจว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ มันเหมือนกับว่าเธอตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย แต่ก็จำไม่ได้ว่าฝันร้ายนั้นคืออะไร ไม่สิเธอไม่อยากจะนึกถึงมันมากกว่า สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงการดื่มด่ำกับความสงบสุขนี้ให้ได้นานที่สุด

 

 

 

――อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาเล็กๆ ของเธอก็ต้องสลายไปในวินาทีถัดมา

 

 

 

 

「ถ้าตื่นแล้ว ฉันว่าเธอก็น่าจะตรวจสอบร่างกายตัวเองสักหน่อยนะ」

 

 

 

「――!」

 

 

 

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น วิสทีเรียที่นอนอยู่บนพื้นก็สะดุ้งโหยงขึ้นเหมือนตุ๊กตาสปริง เธอเห็นชายหนุ่มผมสีดำยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ

 

วิสทีเรียจำสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอได้ในทันที และพยายามรักษาระยะห่าง

 

และเพราะการเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้ผ้าที่คลุมร่างของเธอเอาไว้อยู่ร่วงลงไปที่พื้น

 

 

 

เสื้อผ้าที่วิสทีเรียสวมไว้เมื่อคืนมันได้ฉีกไปหมดแล้วเพราะการกลายร่าง เสื้อคลุมที่ตกอยู่ตรงพื้นจึงเป็นของคนอื่นไม่ใช่ของเธอ แต่มันไม่สำคัญหรอกเพราะตอนที่เสื้อคุลมตกลงไป ก็หมายความว่าไม่มีอะไรมาปกปิดร่างของเธอเอาไว้แล้ว

 

 

สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คือตัวเธอในชุดวันเกิดเท่านั้น

 

 

 

 

 

「――อุ!? 」

 

 

 

 

ใบหน้าของวิสทีเรียเปลี่ยนเป็นสีแดงสดทันที ถึงเธอจะรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมความอายที่เอ่อล้นออกมาได้

 

 

 

ทว่าความอายนั้นก็อยู่ได้เพียงไม่นาน เพราะตัวเธอถูกความประหลาดใจเข้ามาแทรกแทน

 

เมื่อเธอก้มมองดูร่างกายของตัวเองอีกครั้ง ผิวสวยใสอันไร้ที่ตินี่ มันชวนให้เธอประหลาดใจว่าใช่ร่างของเธอที่ถูกฟันจนเละไปเมื่อคืนก่อนจริงหรือ

 

ที่สำคัญกว่านั้น ร่างของเธอที่สะท้อนผ่านแววตามันคือร่างจริงๆ ของเธอที่ไม่ได้มีส่วนผสมของสัตว์ร้ายอยู่เลย ไม่มีขนตรงแขน ไม่มีเกล็ดตรงขา ไม่มีกรงเล็บงอกออกมาตามมือเท้า รูปลักษณ์ดั้งเดิมของเธอ

 

 

วิสทีเรียเอามือมาสัมผัสที่ใบหน้าของเธออย่างประหลาดใจ จากนั้นก็คลำไปตามแก้ม ริมฝีปาก จมูก หน้าผากด้วยความกระสับกระส่ายตามลำดับ

 

 

นี่คือใบหน้าของเธอจริงๆ ไม่ใช่ใบหน้าที่แสนน่าเกลียดนั้น

 

 

 

 

 

「………………อ……อ่า」

 

 

เสียงสะอื้น ส่งออกมาจากริมฝีปากที่ได้รูปของเธอ พอได้เห็นเรื่องที่เกินจะเชื่อนี้ ร่างของเธอก็ทรุดลงไปทันที จนลืมไปแล้วว่าเธอเปลือยเปล่าอยู่

 

 

หากสังเกตให้ดีเธอก็จะรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าของเธอก็แสดงอาการเคอะเขินนิดหน่อยและพยายามจะหลบสายตาออกจากร่างของเธอ แล้วพูดขึ้น

 

 

 

 

 

 

「อย่างน้อยช่วยใส่เสื้อคลุมก่อนเถอะ แบบนี้ฉันไม่รู้จะเอาตาไปไว้ไหนน่ะ」

 

 

 

「เอ๋…………อ๊ะ?!」

 

 

 

วิสทีเรียได้สติกลับมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อฝ่ายตรงข้ามพูดขึ้น ก่อนจะรีบหยิบเสื้อคลุมที่ตกบนพื้นมาใส่อีกครั้ง ทางชายหนุ่มก็ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการทำมิดีมิร้ายเธอด้วย

 

 

จากนั้นวิสทีเรียก็ปิดซ่อนร่างอันเปลี่ยนเปล่าของเธอไว้ใต้เสื้อคลุมแล้วหันหน้าไปเผชิญกับชายหนุ่มอีกครั้ง

 

 

เธอขมวดคิ้วขณะจ้องมอง เพราะไม่รู้ว่าต้องแสดงท่าทางแบบไหนกับเขาดี

 

ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเธอ นั่นคือสิ่งที่วิสทีเรียคิด เพราะหากเขาต้องการจริงๆ คงไม่พลาดโอกาสไปตั้งแต่ตอนที่เธอหมดสติไปแล้ว

 

 

กลับกันเธอก็ไม่อาจจะปักใจเชื่อได้ว่าเขาจะเข้ามาช่วยเธอด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ขนาดนั้น เพราะมันจะไปมีใครบนโลกใบนี้อยากเอาตัวเข้าแลกเพื่อช่วยเหลือปีศาจร้ายที่แสนน่าสะพรึงกลัวกัน

 

วิสทีเรียเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อดี

 

 

 

 

อย่างไรก็ตามหากตัดเรื่องเจตนาของฝ่ายตรงข้ามออกไป ก็ต้องขอขอบคุณเขาจริงๆ ที่ทำให้ร่างกายของเธอซึ่งถูกปีศาสร้ายสิงสู่กลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างน้อยเธอก็ควรจะพูดขอบคุณเขาสักครั้ง เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอจึงตั้งใจจะเปิดปากพูด ทว่า

 

 

 

 

 

「ขอถามหน่อยสิ เธอรู้จักสิ่งที่เรียกว่าอนิม่าไหม? 」

 

 

 

ชายหนุ่มถามตัดหน้าเธอ

 

 

 

เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว เธอก็ใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจตอบกลับ

 

 

 

 

 

「….ไม่เลย น่าเสียดายแต่ฉันไม่เคยได้ยินคำนั้นมาก่อนค่ะ」

 

 

 

「เหรอ แล้วเจ้าตัวเมื่อคืนเธอเรียกมันว่าอะไรล่ะ? 」

 

 

 

「….ปีศาจร้าย…นั่นคือสิ่งที่พวกฉันเรียกกัน」

 

 

หลังจากตอบคำถามเขาเสร็จ เธอก็เลือกจะถามส่วนของเธอบ้าง

 

ฉันก็มีเรื่องจะถาม

 

 

 

 

「ฉันก็มีเรื่องอยากจะถามคุณเหมือนกัน จะได้ไหมคะ? 」

 

 

 

「ก็ได้หรอก แต่ไม่รู้นะว่าจะตอบได้ไหม」

 

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกค่ะ」

 

 

 

จากนั้นวิสทีเรียก็วางกำปั้นของตนไว้ที่อกซ้าย แล้วก้มหัวลง มันคือการทักทายของเหล่านักดาบแอนดร้า

 

 

「ฉันมีชื่อว่าวิสทีเรีย ขอขอบคุณที่ช่วยชัดการกับปีศาจร้ายที่สิงสู่ร่างของฉันอยู่ หากเป็นไปได้ขอทราบชื่อของคุณได้หรือเปล่า」

 

 

 

ชายหนุ่มที่ถูกถามกะพริบตาปริบๆ อาจจะเพราะเขาคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแนวนี้ก่อน

 

 

จากนั้นเขาก็ยักไหล่แล้วตอบ

 

 

 

「โซระ」

 

 

 

「โซระ….งั้นฉันจะขอเรียกคุณแบบนั้นเลยแล้วกันนะคะ」

 

 

หลังจากอีกฝ่ายบอกชื่อเสร็จ วิสทีเรียก็จ้องมองไปยังชายหนุ่ม――ไม่สิ โซระอีกครั้ง

 

 

 

วิสทีเรียเริ่มดึงความทรงจำเมื่อคืนก่อนกลับมาอย่างช้าๆ ก่อนที่เทพปีศาจจะปรากฏตัว เธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แฝงตัวอยู่ในฝูงชน

 

ในตอนนีเธอมั่นใจแล้วว่า สิ่งนั้นคือโซระ

 

ความรู้สึกหวาดกลัวที่ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านได้เพียงแค่จ้องมอง ถึงตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันจะเบาบางลงไปกว่าตอนที่สู้กับเทพปีศาจบ้างก็ตาม

 

วิสทีเรียกำหมัดแน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นความกลัวของเธอ ก่อนจะเปิดปากขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เสียงของเธอสั่น

 

 

「โซระ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยปลดปล่อยฉันจากปีศาจร้าย ดังนั้นนี้จะเป็นคำถามถัดมาค่ะ จุดประสงค์ของคุณคืออะไรกัน ทั้งที่คุณสามารถฆ่าฉันไปพร้อมกับปีศาจร้ายเลยก็ได้แท้ๆ ฉันนึกถึงเหตุผลที่คุณช่วยฉันไม่ออกเลยจริงๆ และยังรอให้ฉันฟื้นขึ้นมาเพื่อพูดคุยกันอีก ฉันขอทราบเหตุผลหน่อยได้ไหมคะ? 」

 

———

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+