การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 119 การโจมตีที่แสนเจ็บปวด

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 119 การโจมตีที่แสนเจ็บปวด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 119 การโจมตีที่แสนเจ็บปวด

 

「เหมือนที่เขาว่ากันจริงๆ ลุยไปเลยมันง่ายกว่าต้องมานั่งกังวล」

 

ผมเดินออกมาจากโถงประชุม ก่อนจะพึมพำออกมาด้วยความพอใจและโล่งใจเล็กน้อย

 

ก่อนหน้าที่จะต้องเผชิญกับนักบุญดาบ ผมก็เดาเอาไว้ว่าเลวร้ายสุดคือพวกเขาทุกคนก็แข็งแกร่งขึ้นเหมือนกันกับผมตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

 

 

ถึงแม้ผมจะรู้ได้จากการดูพวก โกซุ คลิม ไคลอา ก่อนหน้านี้แล้วก็เถอะว่าโอกาสมันเป็นไปได้ต่ำ แต่อดีตที่อ่อนแอของผมมันก็คอยกระซิบความเป็นไปได้นั้นตลอดเวลา

 

แต่พอได้เผชิญหน้ากับทุกคนภายในโถงประชุมนั้น ความกังวลทั้งหมดมันก็หายไปในอากาศเลย โดยเฉพาะท่านนักบุญดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลมิตสึรุกิ ตลอด 5 ปีมานี้เขาไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้ผมสุขใจกว่าเดิมอีก

 

 

หากนี่ไม่เรียกว่าเรื่องน่ายินดี ก็คงไม่มีอะไรให้ผมต้องฉลองได้แล้วล่ะนะ

 

แถมยังทำให้รู้ได้อีกว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนานสักเท่าไหร่ ตราบใดที่เขายังคงคือครองตำแหน่งนักบุญดาบแห่งตระกูลมิตสึรุกิ เขาก็จะไม่มีทางแกร่งขึ้นได้แน่ๆ

 

กลับกันผมสามารถแกร่งขึ้นได้ตราบเท่าที่ใจต้องการ ในฐานะของผู้ที่สามารถกลืนกินวิญญาณผู้อื่นเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้ ผมไม่ได้มีโซ่ตรวนอย่างการต้องไปสู้กับสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองเพื่อเพิ่มเลเวลด้วย

 

 

 

「คิดแค่นี้ก็รู้แล้วว่าปลายทางมันคืออะไร」

 

ผมอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ แม้ว่าเบื้องหลังของผมจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและเสียงที่เต็มไปด้วยความโมโหของผู้คนที่ยังอยู่ข้างใน แต่ผมไม่สนหรอกนะเออ

 

 

สรุปก็คือ พิธีทดสอบที่พวกนั้นพูด ผมยอมรับที่จะสู้กับแมงมุมดิน แต่ผมปฏิเสธที่จะทำตามเงื่อนไขซึ่งเพิ่มเข้ามาของพวกเขาในภายหลัง สิ่งที่ผมต้องทำในที่แห่งนี้มีเพียงแค่พิสูจน์พลังของตัวเองให้พวกเขาเห็นเหมือนที่ตกลงกันไว้ตอนแรก

 

แต่ถ้าพวกเขายังพยายามเล่นลิ้นหรือคิดลงมือกับซูซูเมะอีก ผมก็ไม่ลังเลที่จะกลืนกิน…ไม่สิฆ่าพวกเขาทิ้งซะ

 

ก็จริงว่าหากเป็นตอนนี้การจะไปเผชิญหน้ากับนักบุญดาบหรือ2ผู้คุ้มกันยังเป็นงานช้าง แต่สำหรับเศษสวะที่ถูกทิ้งไปเมื่อ 5 ปีก่อน การที่พวกเขาตัดสินใจว่าหากไม่ใช่ 3 คนนั้นคงรับมือกับผมไม่ไหวก็ถือว่าเป็นเกียรติเลย

 

 

「หื้ม เอาเถอะ อย่างน้อยเราก็คงเหลือเวลาในการเตรียมรับมือกับ 3 คนนั้นอยู่」

 

จะว่าไปแล้ว ผมสัมผัสบางอย่างที่เกิดขึ้นบนเกาะนี้ได้ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับสัญญาณแห่งความโกลาหลจะเกิดขึ้นไม่ต่างอะไรกับที่อาณาจักรคานาเรีย บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นบนเกาะนี้เช่นเดียวกัน แถมไม่เกี่ยวกับเรื่องของผมหรือซูซูเมะด้วย

 

ก็จริงว่าอาจจะเป็นแค่การคาดเดา ไม่สิต้องบอกว่าเป็นเพียงสัญชาตญาณที่ไม่มีมูลความจริงของผมเท่านั้น เพราะงั้นผมก็เลยไม่ได้พูดเตือนหรือแนะนำอะไรคนบนเกาะไป

 

 

การคาดเดาของผมคงไม่มีความสำคัญอะไรกับตระกูลมิตสึรุกิ ผู้เฝ้าปกป้องประตูปีศาจมากกว่า300 ปีหรอกเนอะ

 

ผมก็ทำได้เพียงยิ้มออกมา แล้วเดินกลับไปที่ห้องรับแขก หรืออย่างน้อยผมก็พยายามจะทำแบบนั้น

 

แต่แล้วก็มีใครบางคนมาขวางทางผมเอาไว้

 

ไม่ใช่ว่าจะตัวเล็กเกินไปหน่อยหรือเปล่าที่จะมาขวาง ขนาดของเขามันเล็กกว่าเจ้า 3 หน่อที่อยู่กับนักบวชซาร่าอีกนะ

 

จากที่ดู อายุคงราวๆ 4 หรือ 5 ปีได้ แม้จะตัวเล็กไปบ้างแต่เขาก็สวมฮาโอริและฮากามะที่ดูสง่างามตามแบบฉบับนักรบ ซึ่งมาพร้อมกับดาบไม้คาดเอาไว้ที่เอว แถมตรงฮาโอริยังมีตราของตระกูลมิตสึรุกิปักเอาไว้อีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กคนนี้ก็เป็นคนของตระกูล

 

ก็นะคงไม่แปลกเท่าไหร่หากจะมีพวกเด็กของตระกูลอยู่ภายในคฤหาสน์ของตระกูลแบบนี้

 

แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่เด็กคนนี้ดันจ้องมองมาที่ผมด้วยความขุ่นเคืองนี่สิ แล้วไหงเขาเอาผ้าคาดมาพันทับฮาโอริล่ะ ไม่ใช่ว่าปกติมันต้องถอดฮาโอริออกมาแล้วพันก่อนไม่ใช่หรือไง…

 

จากที่ดูเหมือนเขาจะเป็นคนพันไว้ด้วยตัวเองสินะ แถมยังพันไม่แน่นอีก ถ้าเป็นแบบนี้คงได้หลุดเอาง่ายๆ แน่ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรของผมล่ะนะ

 

ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ นักดาบตัวเล็กผมสีดำก็เปิดปากพูดขึ้นและมองผมด้วยสายตาที่เฉียบคม

 

 

 

「ผมมิตสึรุกิ อิบุกิ! ผมขอท้าประลองกับนาย..ประลอง…อื้อ…ไม่สิ จัดการ ผมจะจัดการนายซะ!」

 

「……หา」

 

 

พอจู่ๆ มีเด็กน้อยเข้ามาท้าประลองแบบนี้ ผมควรจะตอบกลับไปแบบไหนดีล่ะ

 

ผมก็เลยตัดสินใจย่อตัวให้อยู่ในระดับสายตาของเขา เอาเป็นว่าในเมื่อเขาแนะนำตัวมาแล้ว ผมก็ต้องแนะนำตัวกลับไปสินะ

 

 

「ฉันโซระ แล้วนักดาบตัวน้อยอิบุกิเอ๋ย ทำไมนายถึงอยากจะประลองกับฉันกันล่ะ? 」

 

 

「ก็เพราะนายรังแกท่านลุงโกซุ! นี่คือการแก้แค้นโดยชอบธรรมนะ!」

 

「หืม…」

 

ท่านลุงโกซุสิน้า――

 

 

ตอนแรกก็คิดอยู่หรอกว่าอาจจะเป็นลูกศิษย์ของโกซุหรืออะไรทำนองนั้น แต่พอเด็กคนนี้บอกว่าตัวเองมาจากตระกูลมิตสึรุกิก็หมายความว่า….

 

 

「นอกจากนี้ ผมก็ไม่ยกโทษให้นายท่าทำให้แม่ของผมเสียใจด้วย!」

 

 

「…แม่ของนายหมายถึง..ท่านเซซิลน่ะเหรอ? 」

 

จากนั้นเขาก็ชักดาบไม้ออกมาแล้วชี้ดาบมายังผม ก่อนจะตะโกนขึ้นมา

 

「เข้ามาได้เลย! มาสู้กัน!」

 

ดาบไม้ที่เด็กคนนี้ถือเอาไว้ถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีตแม้ว่าจะมีขนาดเล็กก็ตาม จะว่าไปโกซุก็มีฝีมือด้านนี้อยู่ด้วยนี่เนอะ พอนึกขึ้นได้แบบนี้ผมก็ยิ้มออกมา

 

――ให้ตายสิถ้าไม่ทำแบบนี้  มีหวังได้หัวเราะออกมาโดยไม่มีเหตุผลแน่ๆ

 

เด็กชายคนนี้ย่อมไม่รู้ถึงความคิดในหัวของผมแน่ ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง

 

 

「เป็นอะไรไป ชักดาบของนายออกมาสิ! ผมไม่สามารถฟันคนที่ไม่ถืออาวุธได้หรอกนะ!」

 

อยู่ดีๆ เจ้าเด็กคนนี้ก็พูดแข็งๆ ขึ้นซะงั้น รู้สึกเหมือนไปท่องจำจากหนังสือนิทานที่แม่ของเขาเล่าอะไรทำนองนั้นเลย บางทีเขาคงคิดว่าประโยคนี้มันเท่และฟังดูเป็นเหมือนบทของตัวเอกในนิทานดีมั้ง

 

เอาล่ะ ทีนี้ทางผมต้องทำยังไงล่ะ

 

ผมกำลังพิจารณาว่าจะต้องจัดการกับน้องชายต่างแม่คนนี้ยังไงดี

 

 

ว่ากันตามตรงผมก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับการมีอยู่ของน้องชายต่างแม่นักหรอก เพราะพ่อของผมก็มีผู้หญิงหลายคนด้วยสิ ก่อนจะออกจากเกาะผมก็มีจำนวนแม่กับพี่น้องต่างแม่เกิน 2 มือนับไปแล้ว แถมส่วนใหญ่พวกผมก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันด้วยซ้ำ จะมีก็แค่เคยเห็นหน้าผ่านๆ

 

ดังนั้นถึงตอนนี้จะมีเพิ่มอีกสักคนสองคนก็ไม่ต่างอะไรกันหรอก

 

ทว่าสำหรับเด็กคนนี้ผมไม่ได้มองในเชิงพี่น้องต่างแม่ แต่เป็นในเชิงหลานของโกซุและลูกของเซซิล ถึงผมจะมีความรู้สึกที่แสนเย็นชาให้กับสองพี่น้องนั่น แต่กับเด็กคนนี้ผมกลับไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย

 

 

จะว่าไปก็คงไม่แปลกอะไรมั้งที่เด็กคนนี้จะโกรธผม เพราะผมเป็นคนที่รังแกท่านลุงของเขาและทำให้แม่ของเขาเสียใจอีก หากผมอายุพอๆ กับเขาก็คงจะวิ่งไปท้าประลองกับคู่ต่อสู้สักทีสองทีแน่ๆ

 

ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะรับมือยังไงดี เด็กคนนี้ก็พูดออกมาต่อ

 

 

「เตรียมรับมือ นายจะได้เป็นพยานการของการใช้เคล็ดวิชาลับมังกรต้องห้าม!」

 

「หือ? 」

 

ทำไมมันมีสิ่งที่แสนคุ้นหู ซึ่งเคยได้ยินที่ไหนสักที่ออกมาซะงั้นล่ะ

 

ใขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าเคยได้ยินมาจากไหนกันแน่ นักดาบตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าของผมก็พูดต่อโดยไม่สนใจ

 

 

「สังหารปีศาจผนึกเทพมาร! สุดยอดวิชามายาดาบเดียวที่ไร้เทียมทาน!!」

 

「เดี๋ยว รอก่อน–」

 

 

「นามนั้นคือจาโอะเอ็นซัตสึเค็น (ดาบจ้าวอสรพิษเพลิงสังหาร) !!」

 

「อึก?!」

 

มันคือคำที่ผมเคยได้ยินผ่านหูเมื่อนานมาแล้ว มันเป็นช่วงที่ผมยังเป็นเด็ก มันคือเทคนิคที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ซึ่งผมคิดค้นมันขึ้นมากับอดีตคู่หมั้นของผม

 

แผลเก่าในใจของผมถูกโจมตีเข้าอย่างจัง จนทำให้ผมต้องเอามือที่สั่นเทากำอกแน่นด้วยความเจ็บปวด

 

 

นักดาบตัวน้อยดูเหมือนจะคิดว่านี่คือผลจากการประกาศชื่อท่าออกมา ก็เลยยืดอกขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ

 

 

「แค่นี้ก็กลัวแล้วหรือ เจ้าวายร้าย? 」

 

「คึก แค๊ก!」

 

ผมย่อตัวลงกับและไอออกมาราวกับมีน้ำลายติดอยู่ในลำคอ 

 

บางทีอาจจะเห็นว่าใบหน้าของผมแสดงความเจ็บปวดออกมาจริงจัง อิบุกิก็เลยเปลี่ยนสีหน้าแล้วเข้ามาถามผมด้วยความกังวลใจแทน

 

 

「เอ่อ…ไหวหรือเปล่าคุณลุง?? 」

 

「เอื้อ!」

 

ไม่รู้เพราะอะไรแต่ไอ้นี่มันเหมือนหมัดปิดเกมเลย สุดท้ายผมก็ต้องคุกเข่าแล้วทรุดตัวลงไป

 

การโดนเรียกว่าลุง นี่มันการโจมตีจุดตายที่คาดไม่ถึงเลยนี่หว่า

 

——–

Note 1 : ก็คือเป็นท่าที่คิดตอนเบียวๆ ก่อนจะโดนปิดฝาโลงด้วย”ลุง” นี่แหละคนที่แกร่งที่สุดบนเกาะอีกคนหนึ่ง

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 119 การโจมตีที่แสนเจ็บปวด

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 119 การโจมตีที่แสนเจ็บปวด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 119 การโจมตีที่แสนเจ็บปวด

 

「เหมือนที่เขาว่ากันจริงๆ ลุยไปเลยมันง่ายกว่าต้องมานั่งกังวล」

 

ผมเดินออกมาจากโถงประชุม ก่อนจะพึมพำออกมาด้วยความพอใจและโล่งใจเล็กน้อย

 

ก่อนหน้าที่จะต้องเผชิญกับนักบุญดาบ ผมก็เดาเอาไว้ว่าเลวร้ายสุดคือพวกเขาทุกคนก็แข็งแกร่งขึ้นเหมือนกันกับผมตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

 

 

ถึงแม้ผมจะรู้ได้จากการดูพวก โกซุ คลิม ไคลอา ก่อนหน้านี้แล้วก็เถอะว่าโอกาสมันเป็นไปได้ต่ำ แต่อดีตที่อ่อนแอของผมมันก็คอยกระซิบความเป็นไปได้นั้นตลอดเวลา

 

แต่พอได้เผชิญหน้ากับทุกคนภายในโถงประชุมนั้น ความกังวลทั้งหมดมันก็หายไปในอากาศเลย โดยเฉพาะท่านนักบุญดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลมิตสึรุกิ ตลอด 5 ปีมานี้เขาไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้ผมสุขใจกว่าเดิมอีก

 

 

หากนี่ไม่เรียกว่าเรื่องน่ายินดี ก็คงไม่มีอะไรให้ผมต้องฉลองได้แล้วล่ะนะ

 

แถมยังทำให้รู้ได้อีกว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนานสักเท่าไหร่ ตราบใดที่เขายังคงคือครองตำแหน่งนักบุญดาบแห่งตระกูลมิตสึรุกิ เขาก็จะไม่มีทางแกร่งขึ้นได้แน่ๆ

 

กลับกันผมสามารถแกร่งขึ้นได้ตราบเท่าที่ใจต้องการ ในฐานะของผู้ที่สามารถกลืนกินวิญญาณผู้อื่นเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้ ผมไม่ได้มีโซ่ตรวนอย่างการต้องไปสู้กับสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองเพื่อเพิ่มเลเวลด้วย

 

 

 

「คิดแค่นี้ก็รู้แล้วว่าปลายทางมันคืออะไร」

 

ผมอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ แม้ว่าเบื้องหลังของผมจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและเสียงที่เต็มไปด้วยความโมโหของผู้คนที่ยังอยู่ข้างใน แต่ผมไม่สนหรอกนะเออ

 

 

สรุปก็คือ พิธีทดสอบที่พวกนั้นพูด ผมยอมรับที่จะสู้กับแมงมุมดิน แต่ผมปฏิเสธที่จะทำตามเงื่อนไขซึ่งเพิ่มเข้ามาของพวกเขาในภายหลัง สิ่งที่ผมต้องทำในที่แห่งนี้มีเพียงแค่พิสูจน์พลังของตัวเองให้พวกเขาเห็นเหมือนที่ตกลงกันไว้ตอนแรก

 

แต่ถ้าพวกเขายังพยายามเล่นลิ้นหรือคิดลงมือกับซูซูเมะอีก ผมก็ไม่ลังเลที่จะกลืนกิน…ไม่สิฆ่าพวกเขาทิ้งซะ

 

ก็จริงว่าหากเป็นตอนนี้การจะไปเผชิญหน้ากับนักบุญดาบหรือ2ผู้คุ้มกันยังเป็นงานช้าง แต่สำหรับเศษสวะที่ถูกทิ้งไปเมื่อ 5 ปีก่อน การที่พวกเขาตัดสินใจว่าหากไม่ใช่ 3 คนนั้นคงรับมือกับผมไม่ไหวก็ถือว่าเป็นเกียรติเลย

 

 

「หื้ม เอาเถอะ อย่างน้อยเราก็คงเหลือเวลาในการเตรียมรับมือกับ 3 คนนั้นอยู่」

 

จะว่าไปแล้ว ผมสัมผัสบางอย่างที่เกิดขึ้นบนเกาะนี้ได้ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับสัญญาณแห่งความโกลาหลจะเกิดขึ้นไม่ต่างอะไรกับที่อาณาจักรคานาเรีย บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นบนเกาะนี้เช่นเดียวกัน แถมไม่เกี่ยวกับเรื่องของผมหรือซูซูเมะด้วย

 

ก็จริงว่าอาจจะเป็นแค่การคาดเดา ไม่สิต้องบอกว่าเป็นเพียงสัญชาตญาณที่ไม่มีมูลความจริงของผมเท่านั้น เพราะงั้นผมก็เลยไม่ได้พูดเตือนหรือแนะนำอะไรคนบนเกาะไป

 

 

การคาดเดาของผมคงไม่มีความสำคัญอะไรกับตระกูลมิตสึรุกิ ผู้เฝ้าปกป้องประตูปีศาจมากกว่า300 ปีหรอกเนอะ

 

ผมก็ทำได้เพียงยิ้มออกมา แล้วเดินกลับไปที่ห้องรับแขก หรืออย่างน้อยผมก็พยายามจะทำแบบนั้น

 

แต่แล้วก็มีใครบางคนมาขวางทางผมเอาไว้

 

ไม่ใช่ว่าจะตัวเล็กเกินไปหน่อยหรือเปล่าที่จะมาขวาง ขนาดของเขามันเล็กกว่าเจ้า 3 หน่อที่อยู่กับนักบวชซาร่าอีกนะ

 

จากที่ดู อายุคงราวๆ 4 หรือ 5 ปีได้ แม้จะตัวเล็กไปบ้างแต่เขาก็สวมฮาโอริและฮากามะที่ดูสง่างามตามแบบฉบับนักรบ ซึ่งมาพร้อมกับดาบไม้คาดเอาไว้ที่เอว แถมตรงฮาโอริยังมีตราของตระกูลมิตสึรุกิปักเอาไว้อีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กคนนี้ก็เป็นคนของตระกูล

 

ก็นะคงไม่แปลกเท่าไหร่หากจะมีพวกเด็กของตระกูลอยู่ภายในคฤหาสน์ของตระกูลแบบนี้

 

แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่เด็กคนนี้ดันจ้องมองมาที่ผมด้วยความขุ่นเคืองนี่สิ แล้วไหงเขาเอาผ้าคาดมาพันทับฮาโอริล่ะ ไม่ใช่ว่าปกติมันต้องถอดฮาโอริออกมาแล้วพันก่อนไม่ใช่หรือไง…

 

จากที่ดูเหมือนเขาจะเป็นคนพันไว้ด้วยตัวเองสินะ แถมยังพันไม่แน่นอีก ถ้าเป็นแบบนี้คงได้หลุดเอาง่ายๆ แน่ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรของผมล่ะนะ

 

ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ นักดาบตัวเล็กผมสีดำก็เปิดปากพูดขึ้นและมองผมด้วยสายตาที่เฉียบคม

 

 

 

「ผมมิตสึรุกิ อิบุกิ! ผมขอท้าประลองกับนาย..ประลอง…อื้อ…ไม่สิ จัดการ ผมจะจัดการนายซะ!」

 

「……หา」

 

 

พอจู่ๆ มีเด็กน้อยเข้ามาท้าประลองแบบนี้ ผมควรจะตอบกลับไปแบบไหนดีล่ะ

 

ผมก็เลยตัดสินใจย่อตัวให้อยู่ในระดับสายตาของเขา เอาเป็นว่าในเมื่อเขาแนะนำตัวมาแล้ว ผมก็ต้องแนะนำตัวกลับไปสินะ

 

 

「ฉันโซระ แล้วนักดาบตัวน้อยอิบุกิเอ๋ย ทำไมนายถึงอยากจะประลองกับฉันกันล่ะ? 」

 

 

「ก็เพราะนายรังแกท่านลุงโกซุ! นี่คือการแก้แค้นโดยชอบธรรมนะ!」

 

「หืม…」

 

ท่านลุงโกซุสิน้า――

 

 

ตอนแรกก็คิดอยู่หรอกว่าอาจจะเป็นลูกศิษย์ของโกซุหรืออะไรทำนองนั้น แต่พอเด็กคนนี้บอกว่าตัวเองมาจากตระกูลมิตสึรุกิก็หมายความว่า….

 

 

「นอกจากนี้ ผมก็ไม่ยกโทษให้นายท่าทำให้แม่ของผมเสียใจด้วย!」

 

 

「…แม่ของนายหมายถึง..ท่านเซซิลน่ะเหรอ? 」

 

จากนั้นเขาก็ชักดาบไม้ออกมาแล้วชี้ดาบมายังผม ก่อนจะตะโกนขึ้นมา

 

「เข้ามาได้เลย! มาสู้กัน!」

 

ดาบไม้ที่เด็กคนนี้ถือเอาไว้ถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีตแม้ว่าจะมีขนาดเล็กก็ตาม จะว่าไปโกซุก็มีฝีมือด้านนี้อยู่ด้วยนี่เนอะ พอนึกขึ้นได้แบบนี้ผมก็ยิ้มออกมา

 

――ให้ตายสิถ้าไม่ทำแบบนี้  มีหวังได้หัวเราะออกมาโดยไม่มีเหตุผลแน่ๆ

 

เด็กชายคนนี้ย่อมไม่รู้ถึงความคิดในหัวของผมแน่ ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง

 

 

「เป็นอะไรไป ชักดาบของนายออกมาสิ! ผมไม่สามารถฟันคนที่ไม่ถืออาวุธได้หรอกนะ!」

 

อยู่ดีๆ เจ้าเด็กคนนี้ก็พูดแข็งๆ ขึ้นซะงั้น รู้สึกเหมือนไปท่องจำจากหนังสือนิทานที่แม่ของเขาเล่าอะไรทำนองนั้นเลย บางทีเขาคงคิดว่าประโยคนี้มันเท่และฟังดูเป็นเหมือนบทของตัวเอกในนิทานดีมั้ง

 

เอาล่ะ ทีนี้ทางผมต้องทำยังไงล่ะ

 

ผมกำลังพิจารณาว่าจะต้องจัดการกับน้องชายต่างแม่คนนี้ยังไงดี

 

 

ว่ากันตามตรงผมก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับการมีอยู่ของน้องชายต่างแม่นักหรอก เพราะพ่อของผมก็มีผู้หญิงหลายคนด้วยสิ ก่อนจะออกจากเกาะผมก็มีจำนวนแม่กับพี่น้องต่างแม่เกิน 2 มือนับไปแล้ว แถมส่วนใหญ่พวกผมก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันด้วยซ้ำ จะมีก็แค่เคยเห็นหน้าผ่านๆ

 

ดังนั้นถึงตอนนี้จะมีเพิ่มอีกสักคนสองคนก็ไม่ต่างอะไรกันหรอก

 

ทว่าสำหรับเด็กคนนี้ผมไม่ได้มองในเชิงพี่น้องต่างแม่ แต่เป็นในเชิงหลานของโกซุและลูกของเซซิล ถึงผมจะมีความรู้สึกที่แสนเย็นชาให้กับสองพี่น้องนั่น แต่กับเด็กคนนี้ผมกลับไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย

 

 

จะว่าไปก็คงไม่แปลกอะไรมั้งที่เด็กคนนี้จะโกรธผม เพราะผมเป็นคนที่รังแกท่านลุงของเขาและทำให้แม่ของเขาเสียใจอีก หากผมอายุพอๆ กับเขาก็คงจะวิ่งไปท้าประลองกับคู่ต่อสู้สักทีสองทีแน่ๆ

 

ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะรับมือยังไงดี เด็กคนนี้ก็พูดออกมาต่อ

 

 

「เตรียมรับมือ นายจะได้เป็นพยานการของการใช้เคล็ดวิชาลับมังกรต้องห้าม!」

 

「หือ? 」

 

ทำไมมันมีสิ่งที่แสนคุ้นหู ซึ่งเคยได้ยินที่ไหนสักที่ออกมาซะงั้นล่ะ

 

ใขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าเคยได้ยินมาจากไหนกันแน่ นักดาบตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าของผมก็พูดต่อโดยไม่สนใจ

 

 

「สังหารปีศาจผนึกเทพมาร! สุดยอดวิชามายาดาบเดียวที่ไร้เทียมทาน!!」

 

「เดี๋ยว รอก่อน–」

 

 

「นามนั้นคือจาโอะเอ็นซัตสึเค็น (ดาบจ้าวอสรพิษเพลิงสังหาร) !!」

 

「อึก?!」

 

มันคือคำที่ผมเคยได้ยินผ่านหูเมื่อนานมาแล้ว มันเป็นช่วงที่ผมยังเป็นเด็ก มันคือเทคนิคที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ซึ่งผมคิดค้นมันขึ้นมากับอดีตคู่หมั้นของผม

 

แผลเก่าในใจของผมถูกโจมตีเข้าอย่างจัง จนทำให้ผมต้องเอามือที่สั่นเทากำอกแน่นด้วยความเจ็บปวด

 

 

นักดาบตัวน้อยดูเหมือนจะคิดว่านี่คือผลจากการประกาศชื่อท่าออกมา ก็เลยยืดอกขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ

 

 

「แค่นี้ก็กลัวแล้วหรือ เจ้าวายร้าย? 」

 

「คึก แค๊ก!」

 

ผมย่อตัวลงกับและไอออกมาราวกับมีน้ำลายติดอยู่ในลำคอ 

 

บางทีอาจจะเห็นว่าใบหน้าของผมแสดงความเจ็บปวดออกมาจริงจัง อิบุกิก็เลยเปลี่ยนสีหน้าแล้วเข้ามาถามผมด้วยความกังวลใจแทน

 

 

「เอ่อ…ไหวหรือเปล่าคุณลุง?? 」

 

「เอื้อ!」

 

ไม่รู้เพราะอะไรแต่ไอ้นี่มันเหมือนหมัดปิดเกมเลย สุดท้ายผมก็ต้องคุกเข่าแล้วทรุดตัวลงไป

 

การโดนเรียกว่าลุง นี่มันการโจมตีจุดตายที่คาดไม่ถึงเลยนี่หว่า

 

——–

Note 1 : ก็คือเป็นท่าที่คิดตอนเบียวๆ ก่อนจะโดนปิดฝาโลงด้วย”ลุง” นี่แหละคนที่แกร่งที่สุดบนเกาะอีกคนหนึ่ง

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+