การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 218 เทคนิคลับ

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 218 เทคนิคลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 218 เทคนิคลับ

 

 

เสียงเสียดสีที่แสบแก้วหูซึ่งดังขึ้นในขณะนี้คือการปะทะกันของดาบที่เออซูร่าชักออกมา

 

กับดาบของอีกฝ่าย นักดาบผู้สวมหน้ากากคิจินที่กำลังส่องประกายราวกับกระจกเงา แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้แข็งแกร่งพอจะทนต่อแรงกระแทกของอาภรณ์วิญญาณได้

 

 

เมื่อรู้แบบนั้นแล้ว อีกฝ่ายจึงไม่เลือกจะรับการโจมตีตรงๆ จากเออซูร่าแต่เบี่ยงมันออกไปแทน

 

 

ความสามารถในการตัดสินใจและรับมืออย่างถูกต้องในทันทีไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถมีได้เลย ขนาดเป็นพวกมีฝีมือก็หาได้น้อยนัก

 

 

ระหว่างที่เห็นความสามารถของเขา ผมก็รู้เลยว่าตึงมือ ทางเออซูร่าเองก็น่าจะสัมผัสได้เหมือนกันแม้จะปะทะดาบกันไปแค่ครั้งเดียว

 

 

ทว่าเออซูร่าก็ไม่ได้คิดจะถอยเลยแม้แต่น้อย รอบนี้ผมควรจะทำยังไงดีล่ะ

 

 

――เพราะไม่มีทางเลยที่คนฆ่าพ่อของเออซูร่าโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด จะอ่อนแอกว่าผม

 

 

 

เออซูร่าก็เป็นคนยืนยันเองแล้วด้วยว่าอีกฝ่ายคือคนที่ฆ่าพ่อของเธอ

 

 

ถึงผมจะตัดสินใจเชื่อตามเธอทันทีไม่ได้ก็เถอะ เพราะสิ่งที่เห็นก็มีเพียงหน้ากากคิจิน 4 ตา

 

ส่วนเหตุผลที่เออซูร่ามั่นใจขนาดนั้นก็คงจะเป็นเพราะบรรยากาศรอบๆ ตัวเขาที่เธอคุ้นชินในอดีต

 

 

 

ความรู้สึกหนาวเย็นราวกับอยู่ท่ามกลางลมหนาวก่อนรุ่งสาง เหมือนมองเห็นดวงจันทร์ที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ แม้จะดูขุ่นมัวไปบ้างตามกาลเวลา แต่ภายในความทรงจำนั้นมันก็ทับซ้อนเข้ากับผู้บุกรุกคนนี้พอดี

 

 

 

พอเขาปรากฏตัวออกมาเธอก็เลือกจะใช้อาภรณ์วิญญาณเข้าโจมตีทันที

 

ในขณะที่คนอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เพราะสัมผัสไม่ได้ถึงตัวตนของผู้บุกรุก ทว่าเออซูร่าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการแก้แค้นมีนานนับหลายปี เมื่อสัมผัสได้ถึงใครสักคนที่มีออร่าใกล้เคียงกับคนที่ฆ่าพ่อของเธอ ร่างกายของเธอก็พร้อมจะพุ่งไปในทันที

 

 

 

 

เรื่องนี้ก็คงต้องขอขอบคุณจริงๆ เพราะหากอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่มีออร่าเหมือนกับคนที่ฆ่าพ่อของเธอ พวกเราทุกคนคงแย่ไปแล้ว

 

ในมุมของอีกฝ่ายการที่เจอหนึ่งในพวกผมสามารถรับมือการมาถึงของเขาได้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน แม้จะลอบโจมตีแต่เออซูร่าก็สามารถรับมันเอาไว้ได้แทน แถมการโจมตีแรกนั้นถึงเขาจะเบี่ยงมันออกไปได้แต่ร่างกายก็ต้องรับภาระจากการเบี่ยงดาบที่ทรงพลังนั้น

 

ดวงตาของเออซูร่าเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เธอได้พุ่งไปข้างหน้าเพื่อเริ่มการโจมตีครั้งถัดไป

 

 

 

 

――เร็ว

 

ผู้บุกรุกพึมพำกับตัวเอง หากเป็นแบบนี้เขาไม่มีทางใช้จองจำได้ทันแน่

 

 

 

ราวกับจะฟาดฟันความคิดในหัวของอีกฝ่ายให้สิ้น เสียงอันไพเราะของเออซูร่าได้ตะโกนลั่นเข้าไปยังหูของผู้บุกรุก

 

 

 

 

「มายาดาบเดียวประกายแสง――รุ่งสาง!」

 

 

 

 

วินาทีต่อมา การฟันที่เหมือนกับสายฟ้าฟาดก็พุ่งเข้าหาร่างของผู้บุกรุกอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

 

◆◆◆

 

 

ผู้บุกรุกที่ถูกการโจมตีของเออซูร่าไม่สามารถทนรับแรงปะทะของพลังได้และกระเด็นออกมานอกห้อง ไม่สิบางทีเขาอาจจะรู้แล้วว่าการลอบโจมตีล้มเหลวและสู้ในห้องต่อไปก็คงไม่ใช่เรื่องดีเลยเลือกมาข้างนอกแทน

 

เออซูร่าก็เลือกจะไล่ตามเขาไปทันที ตัวเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความแค้นเสียแล้ว เธอไม่หันมามองทางพวกผมเลยสักนิด สติคงหลุดไปแล้วมั้ง

 

แต่ผมก็พอเข้าใจได้แหละ เพราะเธอคิดว่าตัวเองเจอศัตรูของพ่อแล้วนี่นะ

 

แน่นอนว่าผมก็ไม่คิดจะนั่งดูเธอออกไปสู้คนเดียวเฉยๆ หรอก ผมติดหนี้เธอเรื่องการโจมตีครั้งแรกนั่นด้วย ก็อยากจะชดเชยให้เหมือนกัน ผมจึงเลือกจะตามไปสมทบเธอเพื่อร่วมสู้ด้วย

 

 

ทว่าก็มีเหตุผลด้วยกัน 2 เรื่องที่ผมต้องหยุดกลางคัน

 

 

 

หนึ่งคือผมมองว่าเออซูร่าตอนนี้ไม่น่าจะต้องการยืมมือใคร

 

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่น่าขนลุกบินมาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว

 

 

วืออออ! เสียงดังกึกก้องจนแสบแก้วหูนั้นคือเสียงปีกของมอนสเตอร์ที่ลักษณะคล้ายกับผึ้ง

 

ที่ที่พวกผมอยู่กันเป็นส่วนลึกสุดของค่าย ดังนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ที่พวกมอนสเตอร์จะพุ่งเข้ามาถึงตรงนี้อย่างรวดเร็ว

 

ระหว่างมาที่เขาไดโกะก็จำที่โดกะคุยได้ประมาณว่า หากพวกมันถูกฆ่าตาย พวกพ้องจากทั่วทุกสารทิศจะมาตามล่าแก้แค้นนี่นะ

 

 

ดังนั้น ไอ้หมอนี่น่าจะจัดการกับเก็นโฮ แล้วจากนั้นก็ให้เก็นโฮที่เขาฆ่าล่อพวกของมันให้ตามมาแก้แค้นถึงตรงนี้ ระหว่างที่พวกมอนสเตอร์สร้างความวุ่นวายไปรอบๆ เขาก็น่าจะใช้โอกาสในการบุกเข้ามาด้วย

 

 

แล้วเป้าหมายของมันคืออะไรล่ะ ชีวิตของคาการิเหรอ หรือเป็นการพาตัวรันกับยามาโตะไปกัน

 

 

ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นอันไหน แต่พวกผมก็ไม่เกี่ยวด้วยหรอก ทว่าหากเขาเป็นคนที่ฆ่าพ่อของเออซูร่าจริงมันก็อีกเรื่อง แถมหากเป็นแบบนั้นก็มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะเกี่ยวข้องกับตระกูลมิตสึรุกิด้วย

 

แต่ความเป็นไปได้ที่เขาจะไม่เกี่ยวข้องกับพ่อของเออซูร่าเลยก็ไม่ใช่ศูนย์ เอาเป็นว่าคิดมากไปตอนนี้ก็คงไม่มีคำตอบอะไรให้หรอก ดังนั้นสิ่งที่ผมต้องทำตอนนี้ก็คือ――

 

 

 

「อาภรณ์วิญญาณ」

 

 

ทำการจัดการพวกฝูงผึ้งที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้

 

 

รู้สึกเหมือนผมได้ยินโซไซบอกว่ารอเดี๋ยวก่อน แต่ผมก็ไม่คิดจะสนเสียงของเขาหรอก ผมต้องรีบช่วยเหลือเออซูร่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แถมถ้าจะบ่นใส่ผมก็ไปบ่นกับพวกนากายามะที่ดันปล่อยเจ้าพวกนี้หลุดมาถึงตรงนี้แทนละกัน

 

 

 

ระหว่างนั้นก็มีเสียงดังลั่นมาจากบริเวณเหนือหัวของผม หลังคาไม้กำลังส่งเสียงสั่นสะเทือนจากแรงภายนอก ซึ่งน่าจะเป็นของพวกเก็นโฮที่พยายามพังหลังคาเข้ามาข้างใน

 

การก่อสร้างที่เร่งรีบภายในค่ายนี้ย่อมไม่อาจทนพลังของพวกมอนสเตอร์ได้

 

 

「ยามาโตะ!」

 

 

 

「คุณโซระ เกิดอะไรขึ้นกันคะ?!」

 

 

 

รันกับไคลอาที่สังเกตได้ถึงความผิดปกติก็รีบวิ่งออกมาจากห้องข้างๆ ด้วยสีหน้ากังวลใจ แต่ผมก็ไม่มีเวลาอธิบายด้วยปากแล้วสิ ดังนั้นให้การกระทำของผมบอกแทนละกัน

 

 

 

 

「จงกลืนกิน โซลอีทเตอร์」

 

 

ผมเปิดใช้งานอาภรณ์วิญญาณอย่างรวดเร็ว จนทางโซไซ ไคลอา หรือ รันไม่ทันได้พูดอะไรอีก

 

 

 

 

แทนทีหลังคาจากถูกทำลายจากด้านนอกเพราะมอนสเตอร์ ตอนนี้ได้เกิดแรงระเบิดขึ้นจากด้านในเพราะพลังของผมแทนเสียแล้ว

 

 

 

◆◆◆

 

 

ในวินาทีนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันแสนน่าขนลุก หลังคาที่อยู่ตรงหน้าพังทลายลงพร้อมกับเสียงราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ เก็นโฮมากกว่า 10 ตัวถูกพายุนั้นกลืนกินหายไปในพริบตา

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้แล้ว ชายผู้สวมหน้ากากคิจิน――อูรุยก็ขมวดคิ้วอยู่ภายใต้หน้ากาก

 

 

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแผนที่จะใช้มอนสเตอร์โจมตีผู้ที่รู้ความลับล้มเหลวไปแล้ว

 

 

 

ถือว่าผิดแผนไปมากจริงๆ ที่ดันมีผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณอีกถึง 2 คน นอกเหนือจากคาการิ

 

 

ในบรรดาผู้ที่รู้ความลับของลัทธิ คนเดียวที่เขาต้องระวังก็คือคาการิ หากที่นี่มีคาการิเพียงแค่คนเดียว เขาก็น่าจะใช้พวกเก็นโฮในการจัดการคนอื่นๆ ได้ นั่นคือสิ่งที่อูรุยคิด

 

แม้เขาจะรู้ดีว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ค่อยดีนัก แต่เดิมเหล่าผู้ใช้ศาสตร์นานะชิกิก็มีไม่มากนัก คนที่มายังไดโกะก็มีแค่อูรุยคนเดียว หากเขาจะไปขอกำลังเสริมเขาก็ต้องถ่อไปถึงศูนย์กลางของลัทธิที่ไกลออกไปทางตะวันออกของไซโตะ

 

 

หากปล่อยให้คาการิมีเวลาอธิบายสถานการณ์ให้กับอาซึมะ ก่อนที่เขาจะเรียกกำลังเสริมจากลัทธิมาได้ นากายามะก็จะรู้ถึงเป้าหมายของลัทธิทันที

 

 

จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นอูรุยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงมือทั้งหมดด้วยตัวเอง

 

 

 

ก็มีความเป็นไปได้ว่าคาการิจะรีบกลับไปยังไซโตะทันที ในขณะที่อูรุยถอยไปเพื่อรวบรวมพวกเก็นโอ แต่จากที่อูรุยคำนวณคาการิน่าจะต้องปักหลักที่นี่อีกหลายวันเพื่อรวบรวมข้อมูลของลัทธิต่อ

 

แม้มันจะเอาแน่เอานอนไม่ได้แต่สุดท้ายผลก็เป็นไปตามที่อูรุยคาด เขาสำเร็จในการนำเหล่ามอนสเตอร์เข้ามาก่อความวุ่นวายในทัพนากายามะ

 

 

จากนั้นเขาจะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายนี้หาตัวคาการิแล้วจัดการให้จบไป――ทั้งที่ควรจะเป็นเช่นนั้นแท้ๆ

 

 

 

 

「ย๊ากกกก!!」

 

 

 

สิ่งที่ขัดขวางเขาเอาไว้ก็คือนักดาบสาวตรงหน้าที่กำลังฟาดฟันดาบลงมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

เรื่องที่เธอโจมตีได้เร็วมากเสียจนอูรุยไม่สามารถใช้จองจำที่เป็นไพ่เด็ดของเขาได้ เธอได้ปลดปล่อยเทคนิคอันทรงพลังออกมาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว――มันคือเทคนิคประกายแสง อย่างชมจันทร์ ซึ่งเป็นของสำนักมายาดาบเดียว

 

 

แน่นอนว่าอูรุยไม่สามารถใช้เทคนิคพวกนี้ได้ แต่เขาก็รู้จักมันและเพื่อพิจารณาดูแล้ว คู่ต่อสู้ของเขาคนนี้ไม่มีทางจะเป็นนักรบแห่งผืนป่าทั่วไปแน่ๆ อันที่จริงหากจะบอกว่าเป็นรองหัวหน้าหน่วยของธงแห่งผืนป่าเขาก็ยังเชื่อ

 

 

 

จนถึงตอนนี้อูรุยยังสามารถปัดป้องการโจมตีต่อเนื่องของอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทว่านั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ ตัวเขาไม่มีโอกาสจะได้ใช้พลังในการผนึกอีกฝ่ายเลย

 

 

มันแสดงให้เห็นว่าทักษะของอูรุยนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน แม้เขาจะเป็นมนุษย์ธรรมดาแต่ก็สามารถรับมือกับเหล่าผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย ทว่าความจริงในข้อนี้อูรุยไม่คิดจะเอามาปลอบใจตัวเองเลยแม้แต่น้อย

 

เป้าหมายของเขาตอนนี้มีเพียงแค่สังหารคนที่รู้ความลับของลัทธิ เขาไม่มีเวลามากพอจะมาเสียให้กับนักรบแห่งผืนป่าไร้นามในที่แบบนี้

 

อูรุยถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

 

คนที่อยู่ตรงหน้าเขาแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างที่บอกว่าอาจจะเป็นถึงรองหัวหน้าหน่วยเลยก็ได้หรือหัวหน้าหน่วยธงระดับล่างๆ

 

 

 

ทว่าสิ่งที่เขามั่นใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ เธอยังไม่สามารถทัดเทียมกับนักบุญดาบอย่างมิตสึรุกิ ชิกิบุได้

 

 

 

――หมายความว่าไม่มีอะไรต้องกลัว

 

 

ดวงตาทั้งสองของหญิงสาวส่งมายังเขาราวกับศัตรูคู่อาฆาต

 

 

สำหรับผู้ใช้ศาสตร์แห่งนานะชิกิที่เป็นเพียงมนุษย์ผู้ไม่มีอาภรณ์วิญญาณแล้ว ความได้เปรียบย่อมน้อยกว่าหลายขุม มันคือความจริงที่เลี่ยงไม่ได้

 

 

อย่างไรก็ตามใช่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถต่อกรได้เลย อย่างน้อยก็สำหรับตัวอูรุยทั้งพลังที่ฝึกฝนมาเพื่อต่อกรกับอาภรณ์วิญญาณและจองจำที่มีไว้เพื่อผนึกพลังอีกฝ่ายและทักษะลับอื่นๆ

 

 

――นานะชิกิ เซ็ตโตะ ฮิจิริบามิ (เพลงดาบกลืนกินนักบุญ)

 

 

มันไม่ใช่เทคนิคของที่สืบทอดกันมาในตระกูลโฮโซ แต่มันคือเทคนิคลับที่อูรุยคิดค้นมาเพื่อเอาชนะนักบุญดาบ

 

 

มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เทคนิคสำหรับฆ่านักบุญดาบซึ่งอยู่จุดสูงสุดของพวกธงแห่งผืนป่า จะไม่สามารถสังหารพวกระดับต่ำกว่าได้

 

 

มันคือการฟันด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อจนสามารถหั่นอีกฝ่ายตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ ได้

 

 

 

ใบดาบสีขาวเกิดการตอบสนองต่อเทคนิค เสียงของการฉีกกระชากเนื้อและกระดูกดังขึ้น อูรุยเชื่อมั่นในชัยชนะของตนทันที

 

 

ทว่าความเชื่อนั้นก็อยู่ได้ไม่นานนัก

 

 

วินาทีต่อมา เสียงกระซิบของศัตรูได้ดังเข้ามาภายในหูของอูรุย ราวกับกำลังลูบไล้ร่างของเขาอย่างอ่อนโยน

 

――อาภรณ์แห่งความว่างเปล่า ฮามิซุฮานะมิซุ (ฮิกันบานะบุปผาสวรรค์ไร้กลีบใบ)

 

——-

Note 1 : ชงว่าเก่งพอๆกับหัวหน้าหรือรองหัวหน้าหน่วย มันก็ต้องบังไคได้แหละน่า

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด