การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 177 สิ่งที่ได้จากเสียงหัวเราะ

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 177 สิ่งที่ได้จากเสียงหัวเราะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 177 สิ่งที่ได้จากเสียงหัวเราะ

 

「ทำไม…มันถึงใหญ่ได้ขนาดนี้กัน……」

 

 

 

 

วิสทีเรียถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเธอได้เห็นรังมังกรในป่าทีทิสเป็นครั้งแรก เธอได้ทำการกอดร่างของเธอไว้ราวกับกำลังพยายามปกป้องตัวเองจากสิ่งที่มองไม่เห็น

 

 

เหตุผลที่ผมพาเธอมาที่รังมังกรก็เพื่อการฝึกฝน มันเป็นการให้เธอได้สัมผัสถึงอนิม่าที่อยู่ในร่างของตัวเองได้ดีขึ้น

 

 

สำหรับวิสทีเรียแล้ว อนิม่าภายในตัวของเธอตอนนี้ก็เหมือนกับระเบิดเวลาที่พร้อมจะยึดครองร่างของเธอได้ทุกเมื่อ ดังนั้นผมจึงต้องหาทางออกสำหรับเธอให้เร็วที่สุด

 

 

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะอยากยืนยันว่ารังมังกรกับหุบเหวที่อยู่ในแอนดร้าคือสิ่งเดียวกันไหมจากปากของเธอ

 

 

จากข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ทั้งสองจะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ยังไงผมก็อยากจะได้คำยืนยันจากปากเธออีกสักรอบ แล้วก็อย่างที่คิด ――

 

 

 

「ปริมาณพลังเวทที่แสนน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้พืชรอบๆ กลายพันธุ์ไปอย่างสมบูรณ์…ช่างเหมือนกับหุบเหวที่เปลี่ยนพวกสปิริตไปจริงๆ ….」

 

 

วิสทีเรียพูดขณะเอามือปิดปากของตนไว้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปริมาณมานาจำนวนมากกำลังกดดันเธออยู่หรือเห็นพวกสปิริตแถวๆ นี้กำลังโหยหวนเลยทนไม่ไหว

 

 

ขนาดตัวผมเองก็ยังไม่ค่อยจะไหวเลย ดังนั้นรีบออกไปหน่อยคงจะดี เพราะถึงจะบอกว่าพาเธอมาฝึกแต่ก็ใช่ว่าต้องมาฝึกกันที่หน้ารังมังกรเลย ขอแค่หาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการใช้อนิม่าก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นออกไปฝึกส่วนนอกอีกสักหน่อยก็ไม่มีปัญหา

 

 

ตอนนี้ก็ยืนยันแล้วว่ารังมังกรกับหุบเหวคือสิ่งเดียวกัน นั่นหมายความว่าสิ่งที่ลาสคาริสพูดก็เป็นเรื่องจริงบางส่วนแล้ว

 

 

 

จากคำบอกเล่าของลิชนั่น หลังจากนี้บางทีพวกวิหารเทพแห่งกฎหมายอาจจะเล็งไปที่แอนดร้าด้วยก็ได้ เพราะเบฮีมอธมันได้ถูกจำกัดไปแล้ว

 

 

 

 

「แต่หน้าไพ่จะออกมาแบบไหนนะ」

 

 

 

 

แอนดร้ามีบาเรียที่ปกป้องตัวเองจากศัตรูภายนอก แถมยังมีสุดยอดหน่วยผู้พิทักษ์อีก หากจะเขาไปควบคุมด้วยกำลัง ทางนี้คงต้องอาศัยคนจำนวนมาก

 

 

อย่างไรก็ตามผมก็จินตนาการไม่ค่อยออกเลยว่าจะเคลื่อนกองทัพขนาดใหญ่ไปในทะเลทรายคาตาลานได้อย่างไร ถึงเบฮีมอธมันจะหายไปแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมอนสเตอร์ในทะเลทรายจะหายไปด้วยจนหมด นอกจากนี้ภสพาอากาศที่รุนแรง กำแพงทราบและอื่นๆ อีกมายมากก็ไม่ได้หายไปด้วย

 

เหนื่อสิ่งอื่นใดอาณาจักรคานาเรียคงไม่อยู่เฉยๆ ให้พวกเขาเคลื่อนกำลังพลแน่ ทั้งเบลก้าหรือทะเลทรายคาตาลานก็เป็นเขตของคานาเรีย มีหรือวิหารเทพแห่งกฎหมายจะทำอะไรตามใจชอบได้

 

 

――แต่เพื่อให้สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเป็นไปได้ สันตะปาปาโนอาห์จึงลงมาสร้างบาเรียที่ป่าทีทิสด้วยตนเอง นอกจากนี้ก็ให้ความร่วมมือในพิธีแต่งงานระหว่างจักรวรรดิกับอาณาจักรเต็มที่ ด้วยการกระทำนี้คานาเรียคงเป็นหนี้เธอไม่น้อย

 

เมื่อนึกถึงใบหน้าของสันตะปาปาที่พูดคุยกันตอนอยู่เมืองหลวง ผมก็ส่ายหัวไปมา ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนพอเอาเรื่องพวกนี้มาปะติดปะต่อกัน สิ่งที่เธอทำทั้งหมดก็คือการทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง สิ่งที่ผมต้องทำก็คือจับตาดูการเคลื่อนไหวแล้วค่อยรับมือตามที่เห็น

 

 

 

ใจหนึ่งก็ได้แค่หวังว่าให้เรื่องที่ลาสคาริสเล่ามันเรื่องโกหก แอโร่จากดาราสีเงินไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทางวิหารเทพแห่งกฎหมาย เขาเพียงแค่ถูกมอนสเตอร์ในทะเลทรายสังหาร หัวใจที่แตกสลายของคาเทียก็ได้ราสช่วยเยียวยา――นั่นคือฉากจบที่ผมหวังให้เป็น

 

โดยเฉพาะคาเทีย ผมหวังว่าราสจะจัดการไหวนะ

 

เดิมทีการที่ผมยอมรับคำขอของคาเทียที่ต้องการค้นหาดาราสีเงินก็เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเธอเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือผมไม่คิดว่าพวกเขาจะรอดแต่แรกแล้ว

 

 

ส่วนราสคงต่างจากผม

 

 

ราสจะต้องเชื่อแน่ว่าดาราสีเงินมีชีวิตอยู่และคงช่วยคาเทียค้นหาพวกเขาอย่างเต็มที่ แม้ปลายทางจะต้องพบความผิดหวังแต่สิ่งที่คาเทียต้องการคือคนที่คอยเคียงข้างเธอไปจนถึงตอนจบ ซึ่งราสเป็นตัวเลือกที่ดีมากในการเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำ

 

ผมเข้าใจดีว่าคาเทียนั้นถูกครอบครัวขายไปเป็นทาสตั้งแต่เด็ก ส่วนตัวเธอคงจะแอบโกรธแค้นหมู่บ้านเมลเทไม่น้อย การเอาเรื่องนี้ไปคุยกับราสก็อาจทำให้เธอไม่พอใจ แต่ช่วยไม่ได้ผมไม่มีเวลามากพอจะจัดการเรื่องเธอจนจบ

 

เอาเป็นว่าตอนนี้พวกผมก็ออกมาจากเบลก้าแล้ว ที่เหลือก็ยกให้ราสจัดการไป ในฐานะที่เป็นถึงนักผจญภัยแรงค์ 6 ฝีมือก็ไม่ใช่ย่อยๆ คาเทียเองก็คงจะยอมรับได้ในจุดนี้ ไม่สิถ้าเป็นราสยังไงเดี๋ยวเขาก็หาทางเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอได้เองแหละ

 

 

ก็จริงว่าการโยนปัญหาไปให้คนอื่นจัดการแทนมันน่าเกลียด แต่สำหรับราสที่นิสัยเป็นแบบนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหา นอกจากนี้ผมก็ทิ้งอิเรียเอาไว้ด้วย แน่นอนว่าผมไม่ห่วงว่าเธอจะทำอะไรแปลกๆ อีกแล้ว แถมผมยังทิ้งท้ายไว้ว่าหากมีปัญหาอะไรก็ติดต่อผมได้ตลอด

 

 

 

ระหว่างที่คิดเรื่องพวกนี้ผมก็มองไปทางวิสทีเรีย ดาร์คเอลฟ์สาวที่กำลังแสดงสีหน้าแห่งความเจ็บปวดเพราะปาซูซุ อนิม่าของเธอกำลังจะออกมา

 

 

 

ปริมาณพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของเธอดูไม่มั่นคงเป็นหลักฐานของการต่อสู้กันระหว่างเธอกับอนิม่าที่พยายามคุมร่างของเธอ จนถึงตอนนี้สถิติแพ้ชนะ ปาซูซุยังคงทำแต้มได้เสมอ ทว่าถึงเขาจะชนะผมก็จะใช้อาภรณ์วิญญาณในการสยบเขาวนไปเรื่อยๆ

 

 

 

แน่นอนว่าภาระทั้งหมดก็จะตกไปอยู่ที่วิสทีเรีย แต่ตัวเธอที่เป็นถึงหัวหน้าผู้พิทักษ์ไม่ใช่พวกยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้ว กลับกันเธอพยายามท้าทายปาซูซุบ่อยเสียจนบางทีผมต้องเข้าไปหยุด

 

 

ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือตอนนี้วิสทีเรียสามารถยืนหยัดต่อิสู้กับมันได้นานขึ้นกว่าเดิมแล้ว

 

 

ส่วนทางผมตอนนี้ก็ทำได้เพียงจ้องมองเธอที่กำลังทรมานอยู่ ก็หวังว่าเส้นทางนี้จะช่วยให้เธอได้อาภรณ์วิญญาณเร็วๆ นะ สักวันชัยชนะของเธอต้องมาถึงแน่

 

 

 

◆◆◆

 

ฮิๆๆ ฮิๆๆ เสียงหัวเราะอันแหลมสูงได้ดังก้องขึ้นในหูเธอ เสียงที่ชวนแสบแก้วหู เสียงแห่งการเยาะเย้ยของปีศาจร้ายที่หมายจะควบคุมร่างของเธอ

 

 

 

วิสทีเรียกัดฟันทนและต้านแรงกดดันจากปาซูซุ ระหว่างนี้ก็คิดหาทางออกไปด้วย

 

 

จากการฝึกฝนที่ผ่านมาเธอมั่นใจว่าเธอสามารถทนแรงกดดันจากมันได้นานขึ้นแล้ว หากเทียบกับตอนที่เธอยังอยู่ในแอนดร้า กล่าวได้ว่านี่คือการก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ ทว่าเธอก็ไม่สามารถรับประกันอะไรได้อยู่ดีว่าหากเธอทนไปได้นานกว่านี้แล้วเจ้าปาซูซุมันจะยอมแพ้ไหม

 

 

หรือก็คือตอนนี้วิสทีเรียทำได้แค่เป็นฝ่ายป้องกันการโจมตี ความเป็นจริงที่หากเธอไม่สามารถยืนหยัดแล้วโต้กลับไปได้บ้าง เธอคงไม่มีวันเอาชนะมันได้แน่

 

เธอจำเป็นต้องโต้กลับ

 

 

อย่างไรก็ตามด้วยการโจมตีอันโหมกระหน่ำของมัน วิสทีเรียจึงไม่มีช่องพอจะให้แบ่งแรงไปไว้กับส่วนอื่นเลย อันที่จริงเธอก็เคยคิดจะสวนไปบ้างแต่พอทำแบบนั้นปาซูซุก็จะได้จังหวะในการคุมร่างเธอทันที

 

 

ตอนนี้ยังดีที่ว่าถึงเธอจะโดนมันคุมร่างเธอก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรกับรอบๆ เพราะมีโซระคอยดูแล แต่เธอก็ไม่อยากปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปวิสทีเรียไม่อยากจะสร้างภาระให้โซระมากกว่านี้ ด้วยศักดิ์ศรีของอดีตหัวหน้าผู้พิทักษ์มันยอมไม่ลง

 

 

เธอยังไม่แข็งแกร่งพอจะโต้กลับไปได้

 

 

 

อะไรคือความแตกต่างอะไรหว่างเธอกับปาซูซุ――เธอจะสามารถดึงพลังของอนิม่าเธอมาใช้ได้อย่างไร

 

 

 

วิสทีเรียเริ่มตระหนักว่าการใช้กำลังบังคับให้มันยอมจำนนแล้วดึงเอาอาภรณ์วิญญาณออกมาอาจะไม่ใช่คำตอบสำหรับเธอ

 

ตอนนี้ปาซูซุสามารถเข้ามาคุมร่างของเธอได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เองโซระก็เลยต้องอยู่เคียงข้างเธอเสมอ แต่ในตอนที่เขาไม่ได้อยู่กับเธออย่างตอนที่คุยกับสันตะปาปา วิสทีเรียจึงต้องเปลี่ยนวิธีการฝึกฝนไปด้วย

 

 

ด่านที่เธอต้องฝ่าไปในตอนนี้ไม่ใช่การได้มาซึ่งอาภรณ์วิญญาณแต่เป็นการขัดขวางไม่ให้ปาซูซุปรากฏตัวออกมาในโลกใบนี้

 

 

 

แทนที่จะหาทางตอบโต้เธอต้องใช้กำลังใจในการอดทนไม่ให้มันแสดงรูปลักษณ์ของตัวเองออกมาได้สำเร็จก่อน

 

 

 

ในส่วนลึกของป่าทีทิสที่มีปริมาณมานาอยู่เป็นจำนวนมาก พลังของปาซูซุก็เลยแข็งแกร่งกว่าปกติไปด้วย หากเธอสามารถทนมันในตอนที่อยู่ตรงนี้ได้ หากเธอกลับไปที่อิชกะหรือเบลก้าเธอก็น่าจะสามารถทนมันได้สบายกว่าที่เป็น โซระก็จะไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเธอ

 

 

――ในขณะที่เธอคิดแบบนั้น เสียงหัวเราะของปาซูซุก็ดังขึ้นกว่าเดิมราวกับรับรู้ถึงความคิดของวิสทีเรียและเย้ยหยันเธอ

 

 

ระหว่างที่เสียงหัวเราะยังดำเนินไป แรงกดดันจากปาซูซุก็เพิ่มขึ้นตาม วิสทีเรียได้แต่กัดฟันทน ทนมันให้นานมากที่สุดจนสุดท้ายเธอก็ถึงขีดจำกัดแล้วหมดสติไป

 

 

สุดท้ายนี่ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่โซระต้องอุ้มเธอกลับไปยังรังของราชาแมลงวัน

 

 

ตอนนี้เธอไม่สามารถดึงอาภรณ์วิญญาณออกมาใช้ได้ แต่ในทางกลับกันปาซูซุก็ยังไม่สามารถครอบครองร่างของเธอได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอสามารถทนแรงกดดันของมันได้ด้วยไม่ต้องพึ่งพาโซลอีทเตอร์ของโซระ

 

 

ทว่าวิสทีเรียที่หมดสติไปย่อมไม่รู้ตัว และทำได้เพียงกัดฟันด้วยความขื่นขมว่าทำให้โซระต้องลำบากอีกแล้ว เธอคิดว่าโซระคงจะพาเธอออกมาจากจุดนั้นโดยไม่รู้เลยว่าเธอก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

ณ เมืองหลังฮอรัสที่กำลังครึกครื้นไปด้วยเสียงของผู้คน

 

 

เจ้าหญิงซากุยะจากจักรวรรดิแอด แอสเทอร่าคู่แต่งงานของรัชทายาทแห่งคานาเรียกำลังเดินทางมาถึงภายใต้การคุ้มครองของเหล่าองครักษ์จำนวนมาก

 

ทั้งเหล่าอัศวินมังกรของคานาเรียและราชองครักษ์ของกษัตริย์ ซึ่งมีหัวหอกเป็นดยุกดรากูนอทและลูกสาวของเขาอย่างแอสทริดที่ทำการปกป้องโนอาห์ไปพร้อมกันด้วย ผู้คนรอบๆ ที่เห็นก็ต่างโห่ร้องกันออกมา

 

 

ที่ทั้งสองได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็เพราะไวเวิร์นที่พวกเขากำลังขี่อยู่ ก็จริงว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาเดินบนพื้นได้ ผู้คนจึงเห็นแค่ภาพจากไกลๆ แต่ร่างของวีรบุรุษทั้งสองก็ยังสามารถสะกดสายตาพวกเขาได้อยู่ดี

 

 

 

กองทหารของคานาเรียที่ถือหอกยาวและเกราะที่งดงามก็เดินอย่างสง่าผ่าเผยนำขบวนปกป้องเจ้าหญิงไป

 

 

เสียงโห่ร้องยังคงดังไม่จบสิ้นแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยม

 

ช่างสง่างามและเหมาะสมกับเป็นพิธีแต่งงานของสองประเทศ――ถึงในความเป็นจริงแล้วจำนวนคนที่ควรจะมาคุ้มกันเจ้าหญิงมันจะน้อยกว่าไปครึ่งหนึ่งจากที่วางแผนไว้ก็ตาม

 

 

เดิมทีแล้วทางเจ้าหญิงจะต้องนำกองทัพของทางจักรวรรดิเข้ามาภายในปราสาทฮอรัสด้วย แต่แผนการนั้นก็ต้องยกเลิกไป

 

มันไม่ใช่เพราะการที่มีกองทัพของจักรวรรดิมาผสมจะทำให้เรื่องราวมันยุ่งยากขึ้น แม้พวกเขาจะเดินทางข้ามชายแดนจักรวรรดิมาที่นี่ด้วยคนกว่า หมื่นคน

 

ทางคานาเรียเองก็ไม่ได้ว่าอะไรหากจักรวรรดิจะทำแบบนั้น

 

 

 

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหญิงเหมือนจะปล่อยให้กองทัพส่วนใหญ่ของจักรวรรดิรอที่ชายแดนแทนและเข้ามาในคานาเรียโดยมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่คน ก่อนจะมอบความไว้วางใจให้ทางดยุกดรากูนอทคุ้มกันแทน

 

ส่วนนี้ก็เป็นเพราะการพิจารณาถึงความรู้สึกของคนที่ยังแอบต่อต้านจักรวรรดิ

 

เดิมทีแล้วคานาเรียเป็นประเทศที่กำเนิดขึ้นมาจากเมืองต่างๆ ซึ่งรวมตัวกันทางตะวันตกของทวีปเพื่อต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิ เพราะต้นกำเนิดของมันความเกลียดชังและการต่อต้านจักรวรรดิจึงฝังลึกอยู่ในหมู่ประชาชนหลายคน เจ้าหญิงที่ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาอย่างการนำกองกำลังของจักรวรรดิเข้ามาจึงตัดสินใจหยุดไว้แค่นี้

 

 

ทางดยุกดรากูนอทเองก็ประหลาดใจที่ทางเจ้าหญิงเป็นฝ่ายบอกเอง

 

ก่อนหน้านี้ที่องค์รัชทายาทเอซ่าได้เจอกับเธอตอนไปจักรวรรดิ เขาก็พอจะทราบถึงทัศนคตินิสัยใจคอของเธอมาบ้าง

 

มุมของเขามองว่าเจ้าหญิงเป็นคนที่เย่อหยิ่งไม่ยอมใครเพราะเธอคือคนของจักรวรรดิ แต่เจ้าหญิงที่ดยุกดรากูนอทได้พบนั้นคือคนที่ทักทายเขาอย่างสุภาพและขอรบกวนให้เขานำทางเธอไปยังอาณาจักร ไม่ใช่แค่เพียงเขา แต่รวมไปถึงแอสทริดด้วย

 

 

เธอปฏิบัติต่อข้าราชบริพารทุกคนที่เธอพบด้วยความสุภาพและความรักใคร่โดยไม่โอ้อวดชาติกำเนิดของเธอเลยสักนิด

 

 

นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าจากนี้ไปเธอคนไม่ใช่เจ้าหญิงลำดับที่ 3 แห่งจักรวรรดิ แต่จะกลายเป็นเจ้าหญิงแห่งคานาเรีย――จึงอยากจะขอพึ่งพาพวกตน

 

 

พอถูกขอกันมาขนาดนี้มีใครเล่าจะไม่พอใจ ยิ่งไปกว่านั้นความตั้งใจที่เธอแสดงให้เห็นบริเวณชายแดนก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันไม่ใช่แค่ลมปาก

 

 

ตอนนี้ทางคานาเรียคงจะเหลือขุนนางเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังกังวลเกี่ยวกับอำนาจที่จักรวรรดิจะแผ่เข้ามาผ่านเจ้าหญิง ส่วนมากพวกเขาก็ชื่นชมและพอใจกับท่าทางของเจ้าหญิง

 

 

 

ดยุกดรากูนอทเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

 

แน่นอนว่าเขาไม่ได้เชื่อใจเธอเต็มร้อย แต่หากเจ้าหญิงพร้อมจะทำให้อาณาจักรของเขาดีขึ้นนับจากนี้ไป ในฐานะดยุกเขาก็พร้อมจะรับใช้นั่นคือสิ่งที่เขาคิด

 

 

 

ไม่นานนักเจ้าหญิงที่อาจจะรับรู้ถึงเกมการเมืองภายในของอาณาจักร เธอก็เชิญดยุกดรากูนอทเข้ามาพบกับเธอและขอร้องบางอย่าง

 

 

――ฉันอยากจะขอให้ท่านแนะนำฉันให้รู้จักกับดราก้อนสเลเยอร์ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดของลูกสาวท่านทีค่ะ

 

นั่นคือสิ่งที่เธอขอร้องมา

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 177 สิ่งที่ได้จากเสียงหัวเราะ

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 177 สิ่งที่ได้จากเสียงหัวเราะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 177 สิ่งที่ได้จากเสียงหัวเราะ

 

「ทำไม…มันถึงใหญ่ได้ขนาดนี้กัน……」

 

 

 

 

วิสทีเรียถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเธอได้เห็นรังมังกรในป่าทีทิสเป็นครั้งแรก เธอได้ทำการกอดร่างของเธอไว้ราวกับกำลังพยายามปกป้องตัวเองจากสิ่งที่มองไม่เห็น

 

 

เหตุผลที่ผมพาเธอมาที่รังมังกรก็เพื่อการฝึกฝน มันเป็นการให้เธอได้สัมผัสถึงอนิม่าที่อยู่ในร่างของตัวเองได้ดีขึ้น

 

 

สำหรับวิสทีเรียแล้ว อนิม่าภายในตัวของเธอตอนนี้ก็เหมือนกับระเบิดเวลาที่พร้อมจะยึดครองร่างของเธอได้ทุกเมื่อ ดังนั้นผมจึงต้องหาทางออกสำหรับเธอให้เร็วที่สุด

 

 

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะอยากยืนยันว่ารังมังกรกับหุบเหวที่อยู่ในแอนดร้าคือสิ่งเดียวกันไหมจากปากของเธอ

 

 

จากข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ทั้งสองจะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ยังไงผมก็อยากจะได้คำยืนยันจากปากเธออีกสักรอบ แล้วก็อย่างที่คิด ――

 

 

 

「ปริมาณพลังเวทที่แสนน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้พืชรอบๆ กลายพันธุ์ไปอย่างสมบูรณ์…ช่างเหมือนกับหุบเหวที่เปลี่ยนพวกสปิริตไปจริงๆ ….」

 

 

วิสทีเรียพูดขณะเอามือปิดปากของตนไว้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปริมาณมานาจำนวนมากกำลังกดดันเธออยู่หรือเห็นพวกสปิริตแถวๆ นี้กำลังโหยหวนเลยทนไม่ไหว

 

 

ขนาดตัวผมเองก็ยังไม่ค่อยจะไหวเลย ดังนั้นรีบออกไปหน่อยคงจะดี เพราะถึงจะบอกว่าพาเธอมาฝึกแต่ก็ใช่ว่าต้องมาฝึกกันที่หน้ารังมังกรเลย ขอแค่หาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการใช้อนิม่าก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นออกไปฝึกส่วนนอกอีกสักหน่อยก็ไม่มีปัญหา

 

 

ตอนนี้ก็ยืนยันแล้วว่ารังมังกรกับหุบเหวคือสิ่งเดียวกัน นั่นหมายความว่าสิ่งที่ลาสคาริสพูดก็เป็นเรื่องจริงบางส่วนแล้ว

 

 

 

จากคำบอกเล่าของลิชนั่น หลังจากนี้บางทีพวกวิหารเทพแห่งกฎหมายอาจจะเล็งไปที่แอนดร้าด้วยก็ได้ เพราะเบฮีมอธมันได้ถูกจำกัดไปแล้ว

 

 

 

 

「แต่หน้าไพ่จะออกมาแบบไหนนะ」

 

 

 

 

แอนดร้ามีบาเรียที่ปกป้องตัวเองจากศัตรูภายนอก แถมยังมีสุดยอดหน่วยผู้พิทักษ์อีก หากจะเขาไปควบคุมด้วยกำลัง ทางนี้คงต้องอาศัยคนจำนวนมาก

 

 

อย่างไรก็ตามผมก็จินตนาการไม่ค่อยออกเลยว่าจะเคลื่อนกองทัพขนาดใหญ่ไปในทะเลทรายคาตาลานได้อย่างไร ถึงเบฮีมอธมันจะหายไปแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมอนสเตอร์ในทะเลทรายจะหายไปด้วยจนหมด นอกจากนี้ภสพาอากาศที่รุนแรง กำแพงทราบและอื่นๆ อีกมายมากก็ไม่ได้หายไปด้วย

 

เหนื่อสิ่งอื่นใดอาณาจักรคานาเรียคงไม่อยู่เฉยๆ ให้พวกเขาเคลื่อนกำลังพลแน่ ทั้งเบลก้าหรือทะเลทรายคาตาลานก็เป็นเขตของคานาเรีย มีหรือวิหารเทพแห่งกฎหมายจะทำอะไรตามใจชอบได้

 

 

――แต่เพื่อให้สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเป็นไปได้ สันตะปาปาโนอาห์จึงลงมาสร้างบาเรียที่ป่าทีทิสด้วยตนเอง นอกจากนี้ก็ให้ความร่วมมือในพิธีแต่งงานระหว่างจักรวรรดิกับอาณาจักรเต็มที่ ด้วยการกระทำนี้คานาเรียคงเป็นหนี้เธอไม่น้อย

 

เมื่อนึกถึงใบหน้าของสันตะปาปาที่พูดคุยกันตอนอยู่เมืองหลวง ผมก็ส่ายหัวไปมา ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนพอเอาเรื่องพวกนี้มาปะติดปะต่อกัน สิ่งที่เธอทำทั้งหมดก็คือการทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง สิ่งที่ผมต้องทำก็คือจับตาดูการเคลื่อนไหวแล้วค่อยรับมือตามที่เห็น

 

 

 

ใจหนึ่งก็ได้แค่หวังว่าให้เรื่องที่ลาสคาริสเล่ามันเรื่องโกหก แอโร่จากดาราสีเงินไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทางวิหารเทพแห่งกฎหมาย เขาเพียงแค่ถูกมอนสเตอร์ในทะเลทรายสังหาร หัวใจที่แตกสลายของคาเทียก็ได้ราสช่วยเยียวยา――นั่นคือฉากจบที่ผมหวังให้เป็น

 

โดยเฉพาะคาเทีย ผมหวังว่าราสจะจัดการไหวนะ

 

เดิมทีการที่ผมยอมรับคำขอของคาเทียที่ต้องการค้นหาดาราสีเงินก็เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเธอเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือผมไม่คิดว่าพวกเขาจะรอดแต่แรกแล้ว

 

 

ส่วนราสคงต่างจากผม

 

 

ราสจะต้องเชื่อแน่ว่าดาราสีเงินมีชีวิตอยู่และคงช่วยคาเทียค้นหาพวกเขาอย่างเต็มที่ แม้ปลายทางจะต้องพบความผิดหวังแต่สิ่งที่คาเทียต้องการคือคนที่คอยเคียงข้างเธอไปจนถึงตอนจบ ซึ่งราสเป็นตัวเลือกที่ดีมากในการเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำ

 

ผมเข้าใจดีว่าคาเทียนั้นถูกครอบครัวขายไปเป็นทาสตั้งแต่เด็ก ส่วนตัวเธอคงจะแอบโกรธแค้นหมู่บ้านเมลเทไม่น้อย การเอาเรื่องนี้ไปคุยกับราสก็อาจทำให้เธอไม่พอใจ แต่ช่วยไม่ได้ผมไม่มีเวลามากพอจะจัดการเรื่องเธอจนจบ

 

เอาเป็นว่าตอนนี้พวกผมก็ออกมาจากเบลก้าแล้ว ที่เหลือก็ยกให้ราสจัดการไป ในฐานะที่เป็นถึงนักผจญภัยแรงค์ 6 ฝีมือก็ไม่ใช่ย่อยๆ คาเทียเองก็คงจะยอมรับได้ในจุดนี้ ไม่สิถ้าเป็นราสยังไงเดี๋ยวเขาก็หาทางเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอได้เองแหละ

 

 

ก็จริงว่าการโยนปัญหาไปให้คนอื่นจัดการแทนมันน่าเกลียด แต่สำหรับราสที่นิสัยเป็นแบบนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหา นอกจากนี้ผมก็ทิ้งอิเรียเอาไว้ด้วย แน่นอนว่าผมไม่ห่วงว่าเธอจะทำอะไรแปลกๆ อีกแล้ว แถมผมยังทิ้งท้ายไว้ว่าหากมีปัญหาอะไรก็ติดต่อผมได้ตลอด

 

 

 

ระหว่างที่คิดเรื่องพวกนี้ผมก็มองไปทางวิสทีเรีย ดาร์คเอลฟ์สาวที่กำลังแสดงสีหน้าแห่งความเจ็บปวดเพราะปาซูซุ อนิม่าของเธอกำลังจะออกมา

 

 

 

ปริมาณพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของเธอดูไม่มั่นคงเป็นหลักฐานของการต่อสู้กันระหว่างเธอกับอนิม่าที่พยายามคุมร่างของเธอ จนถึงตอนนี้สถิติแพ้ชนะ ปาซูซุยังคงทำแต้มได้เสมอ ทว่าถึงเขาจะชนะผมก็จะใช้อาภรณ์วิญญาณในการสยบเขาวนไปเรื่อยๆ

 

 

 

แน่นอนว่าภาระทั้งหมดก็จะตกไปอยู่ที่วิสทีเรีย แต่ตัวเธอที่เป็นถึงหัวหน้าผู้พิทักษ์ไม่ใช่พวกยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้ว กลับกันเธอพยายามท้าทายปาซูซุบ่อยเสียจนบางทีผมต้องเข้าไปหยุด

 

 

ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือตอนนี้วิสทีเรียสามารถยืนหยัดต่อิสู้กับมันได้นานขึ้นกว่าเดิมแล้ว

 

 

ส่วนทางผมตอนนี้ก็ทำได้เพียงจ้องมองเธอที่กำลังทรมานอยู่ ก็หวังว่าเส้นทางนี้จะช่วยให้เธอได้อาภรณ์วิญญาณเร็วๆ นะ สักวันชัยชนะของเธอต้องมาถึงแน่

 

 

 

◆◆◆

 

ฮิๆๆ ฮิๆๆ เสียงหัวเราะอันแหลมสูงได้ดังก้องขึ้นในหูเธอ เสียงที่ชวนแสบแก้วหู เสียงแห่งการเยาะเย้ยของปีศาจร้ายที่หมายจะควบคุมร่างของเธอ

 

 

 

วิสทีเรียกัดฟันทนและต้านแรงกดดันจากปาซูซุ ระหว่างนี้ก็คิดหาทางออกไปด้วย

 

 

จากการฝึกฝนที่ผ่านมาเธอมั่นใจว่าเธอสามารถทนแรงกดดันจากมันได้นานขึ้นแล้ว หากเทียบกับตอนที่เธอยังอยู่ในแอนดร้า กล่าวได้ว่านี่คือการก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ ทว่าเธอก็ไม่สามารถรับประกันอะไรได้อยู่ดีว่าหากเธอทนไปได้นานกว่านี้แล้วเจ้าปาซูซุมันจะยอมแพ้ไหม

 

 

หรือก็คือตอนนี้วิสทีเรียทำได้แค่เป็นฝ่ายป้องกันการโจมตี ความเป็นจริงที่หากเธอไม่สามารถยืนหยัดแล้วโต้กลับไปได้บ้าง เธอคงไม่มีวันเอาชนะมันได้แน่

 

เธอจำเป็นต้องโต้กลับ

 

 

อย่างไรก็ตามด้วยการโจมตีอันโหมกระหน่ำของมัน วิสทีเรียจึงไม่มีช่องพอจะให้แบ่งแรงไปไว้กับส่วนอื่นเลย อันที่จริงเธอก็เคยคิดจะสวนไปบ้างแต่พอทำแบบนั้นปาซูซุก็จะได้จังหวะในการคุมร่างเธอทันที

 

 

ตอนนี้ยังดีที่ว่าถึงเธอจะโดนมันคุมร่างเธอก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรกับรอบๆ เพราะมีโซระคอยดูแล แต่เธอก็ไม่อยากปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปวิสทีเรียไม่อยากจะสร้างภาระให้โซระมากกว่านี้ ด้วยศักดิ์ศรีของอดีตหัวหน้าผู้พิทักษ์มันยอมไม่ลง

 

 

เธอยังไม่แข็งแกร่งพอจะโต้กลับไปได้

 

 

 

อะไรคือความแตกต่างอะไรหว่างเธอกับปาซูซุ――เธอจะสามารถดึงพลังของอนิม่าเธอมาใช้ได้อย่างไร

 

 

 

วิสทีเรียเริ่มตระหนักว่าการใช้กำลังบังคับให้มันยอมจำนนแล้วดึงเอาอาภรณ์วิญญาณออกมาอาจะไม่ใช่คำตอบสำหรับเธอ

 

ตอนนี้ปาซูซุสามารถเข้ามาคุมร่างของเธอได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เองโซระก็เลยต้องอยู่เคียงข้างเธอเสมอ แต่ในตอนที่เขาไม่ได้อยู่กับเธออย่างตอนที่คุยกับสันตะปาปา วิสทีเรียจึงต้องเปลี่ยนวิธีการฝึกฝนไปด้วย

 

 

ด่านที่เธอต้องฝ่าไปในตอนนี้ไม่ใช่การได้มาซึ่งอาภรณ์วิญญาณแต่เป็นการขัดขวางไม่ให้ปาซูซุปรากฏตัวออกมาในโลกใบนี้

 

 

 

แทนที่จะหาทางตอบโต้เธอต้องใช้กำลังใจในการอดทนไม่ให้มันแสดงรูปลักษณ์ของตัวเองออกมาได้สำเร็จก่อน

 

 

 

ในส่วนลึกของป่าทีทิสที่มีปริมาณมานาอยู่เป็นจำนวนมาก พลังของปาซูซุก็เลยแข็งแกร่งกว่าปกติไปด้วย หากเธอสามารถทนมันในตอนที่อยู่ตรงนี้ได้ หากเธอกลับไปที่อิชกะหรือเบลก้าเธอก็น่าจะสามารถทนมันได้สบายกว่าที่เป็น โซระก็จะไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเธอ

 

 

――ในขณะที่เธอคิดแบบนั้น เสียงหัวเราะของปาซูซุก็ดังขึ้นกว่าเดิมราวกับรับรู้ถึงความคิดของวิสทีเรียและเย้ยหยันเธอ

 

 

ระหว่างที่เสียงหัวเราะยังดำเนินไป แรงกดดันจากปาซูซุก็เพิ่มขึ้นตาม วิสทีเรียได้แต่กัดฟันทน ทนมันให้นานมากที่สุดจนสุดท้ายเธอก็ถึงขีดจำกัดแล้วหมดสติไป

 

 

สุดท้ายนี่ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่โซระต้องอุ้มเธอกลับไปยังรังของราชาแมลงวัน

 

 

ตอนนี้เธอไม่สามารถดึงอาภรณ์วิญญาณออกมาใช้ได้ แต่ในทางกลับกันปาซูซุก็ยังไม่สามารถครอบครองร่างของเธอได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอสามารถทนแรงกดดันของมันได้ด้วยไม่ต้องพึ่งพาโซลอีทเตอร์ของโซระ

 

 

ทว่าวิสทีเรียที่หมดสติไปย่อมไม่รู้ตัว และทำได้เพียงกัดฟันด้วยความขื่นขมว่าทำให้โซระต้องลำบากอีกแล้ว เธอคิดว่าโซระคงจะพาเธอออกมาจากจุดนั้นโดยไม่รู้เลยว่าเธอก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

ณ เมืองหลังฮอรัสที่กำลังครึกครื้นไปด้วยเสียงของผู้คน

 

 

เจ้าหญิงซากุยะจากจักรวรรดิแอด แอสเทอร่าคู่แต่งงานของรัชทายาทแห่งคานาเรียกำลังเดินทางมาถึงภายใต้การคุ้มครองของเหล่าองครักษ์จำนวนมาก

 

ทั้งเหล่าอัศวินมังกรของคานาเรียและราชองครักษ์ของกษัตริย์ ซึ่งมีหัวหอกเป็นดยุกดรากูนอทและลูกสาวของเขาอย่างแอสทริดที่ทำการปกป้องโนอาห์ไปพร้อมกันด้วย ผู้คนรอบๆ ที่เห็นก็ต่างโห่ร้องกันออกมา

 

 

ที่ทั้งสองได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็เพราะไวเวิร์นที่พวกเขากำลังขี่อยู่ ก็จริงว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาเดินบนพื้นได้ ผู้คนจึงเห็นแค่ภาพจากไกลๆ แต่ร่างของวีรบุรุษทั้งสองก็ยังสามารถสะกดสายตาพวกเขาได้อยู่ดี

 

 

 

กองทหารของคานาเรียที่ถือหอกยาวและเกราะที่งดงามก็เดินอย่างสง่าผ่าเผยนำขบวนปกป้องเจ้าหญิงไป

 

 

เสียงโห่ร้องยังคงดังไม่จบสิ้นแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยม

 

ช่างสง่างามและเหมาะสมกับเป็นพิธีแต่งงานของสองประเทศ――ถึงในความเป็นจริงแล้วจำนวนคนที่ควรจะมาคุ้มกันเจ้าหญิงมันจะน้อยกว่าไปครึ่งหนึ่งจากที่วางแผนไว้ก็ตาม

 

 

เดิมทีแล้วทางเจ้าหญิงจะต้องนำกองทัพของทางจักรวรรดิเข้ามาภายในปราสาทฮอรัสด้วย แต่แผนการนั้นก็ต้องยกเลิกไป

 

มันไม่ใช่เพราะการที่มีกองทัพของจักรวรรดิมาผสมจะทำให้เรื่องราวมันยุ่งยากขึ้น แม้พวกเขาจะเดินทางข้ามชายแดนจักรวรรดิมาที่นี่ด้วยคนกว่า หมื่นคน

 

ทางคานาเรียเองก็ไม่ได้ว่าอะไรหากจักรวรรดิจะทำแบบนั้น

 

 

 

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหญิงเหมือนจะปล่อยให้กองทัพส่วนใหญ่ของจักรวรรดิรอที่ชายแดนแทนและเข้ามาในคานาเรียโดยมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่คน ก่อนจะมอบความไว้วางใจให้ทางดยุกดรากูนอทคุ้มกันแทน

 

ส่วนนี้ก็เป็นเพราะการพิจารณาถึงความรู้สึกของคนที่ยังแอบต่อต้านจักรวรรดิ

 

เดิมทีแล้วคานาเรียเป็นประเทศที่กำเนิดขึ้นมาจากเมืองต่างๆ ซึ่งรวมตัวกันทางตะวันตกของทวีปเพื่อต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิ เพราะต้นกำเนิดของมันความเกลียดชังและการต่อต้านจักรวรรดิจึงฝังลึกอยู่ในหมู่ประชาชนหลายคน เจ้าหญิงที่ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาอย่างการนำกองกำลังของจักรวรรดิเข้ามาจึงตัดสินใจหยุดไว้แค่นี้

 

 

ทางดยุกดรากูนอทเองก็ประหลาดใจที่ทางเจ้าหญิงเป็นฝ่ายบอกเอง

 

ก่อนหน้านี้ที่องค์รัชทายาทเอซ่าได้เจอกับเธอตอนไปจักรวรรดิ เขาก็พอจะทราบถึงทัศนคตินิสัยใจคอของเธอมาบ้าง

 

มุมของเขามองว่าเจ้าหญิงเป็นคนที่เย่อหยิ่งไม่ยอมใครเพราะเธอคือคนของจักรวรรดิ แต่เจ้าหญิงที่ดยุกดรากูนอทได้พบนั้นคือคนที่ทักทายเขาอย่างสุภาพและขอรบกวนให้เขานำทางเธอไปยังอาณาจักร ไม่ใช่แค่เพียงเขา แต่รวมไปถึงแอสทริดด้วย

 

 

เธอปฏิบัติต่อข้าราชบริพารทุกคนที่เธอพบด้วยความสุภาพและความรักใคร่โดยไม่โอ้อวดชาติกำเนิดของเธอเลยสักนิด

 

 

นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าจากนี้ไปเธอคนไม่ใช่เจ้าหญิงลำดับที่ 3 แห่งจักรวรรดิ แต่จะกลายเป็นเจ้าหญิงแห่งคานาเรีย――จึงอยากจะขอพึ่งพาพวกตน

 

 

พอถูกขอกันมาขนาดนี้มีใครเล่าจะไม่พอใจ ยิ่งไปกว่านั้นความตั้งใจที่เธอแสดงให้เห็นบริเวณชายแดนก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันไม่ใช่แค่ลมปาก

 

 

ตอนนี้ทางคานาเรียคงจะเหลือขุนนางเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังกังวลเกี่ยวกับอำนาจที่จักรวรรดิจะแผ่เข้ามาผ่านเจ้าหญิง ส่วนมากพวกเขาก็ชื่นชมและพอใจกับท่าทางของเจ้าหญิง

 

 

 

ดยุกดรากูนอทเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

 

แน่นอนว่าเขาไม่ได้เชื่อใจเธอเต็มร้อย แต่หากเจ้าหญิงพร้อมจะทำให้อาณาจักรของเขาดีขึ้นนับจากนี้ไป ในฐานะดยุกเขาก็พร้อมจะรับใช้นั่นคือสิ่งที่เขาคิด

 

 

 

ไม่นานนักเจ้าหญิงที่อาจจะรับรู้ถึงเกมการเมืองภายในของอาณาจักร เธอก็เชิญดยุกดรากูนอทเข้ามาพบกับเธอและขอร้องบางอย่าง

 

 

――ฉันอยากจะขอให้ท่านแนะนำฉันให้รู้จักกับดราก้อนสเลเยอร์ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดของลูกสาวท่านทีค่ะ

 

นั่นคือสิ่งที่เธอขอร้องมา

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+