การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 105 ตัวประกัน

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 105 ตัวประกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 105 ตัวประกัน

 

「คึก!? 」

 

ร่างของโกซุกระแทกลงพื้นด้วยเสียงที่ดังสนั่น ฝุ่นควันฟุ้งไปทั่วเป็นหลักฐานยืนยันถึงแรงเตะที่ส่งไปยังร่างของเขา พลังที่ทำให้ร่างเกราะหัววัวสีดำต้องกลิ้งไปมาบนพื้นราวกับลูกบอล

 

พอเห็นว่าได้จังหวะ ผมก็ส่งแรงไปยังเท้าของตัวเองเพื่อพุ่งเข้าประชิดโกซุอีกครั้ง

 

 

「ชิบะ!」

 

ทว่า ไคลอาก็เป็นคนเข้ามาหวางผมเอาไว้

 

สิ่งที่ไคลอาถืออยู่ในมือคืออาภรณ์วิญญาณสีมรกตซึ่งมีนามว่า คุซานางิ ไคลอาได้ใช้มันฟันเป็นแนวทแยงมายังร่างของผมขณะตะโกนเพื่อหยุดผมเอาไว้

 

หากผมเขาไปรับการโจมตีนั้นโดยตรง ร่างของผมก็คงจะโดนฟันตั้งแต่ไหล่ซ้ายลากยาวไปเอวด้านขวาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

อย่างไรก็ตาม การจะหลบการโจมตีของไคลอามันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับผมในตอนนี้มาก ผมทำการหลบคมดาบของเธอก่อนจะเบี่ยงตัวพุ่งเข้าไปหาเธอ โดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะจับคอกิโมโนลายลูกศรของเธอด้วยมือซ้ายที่ไม่ได้ถือเอาวุธเอาไว้

 

จากนั้นผมก็ใช้เทคนิคในการโยนผ่านไหล่โดยใช้ช่วงเอวเป็นฐาน ทำให้เท้าของไคลอาลอยขึ้นจากพื้น แล้วร่างของเธอก็ถูกเหวี่ยงออกไปทางคลิมที่กำลังจะเข้ามาโจมตีผมจากด้านข้างด้วยดาบของเขา

 

ก็จริงอยู่ว่าการเหวี่ยงคนด้วยมือเดียวมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอไม่เหมือนกับโกซุที่สวมชุดเกราะหนักเอาไว้ สิ่งที่ไคลอาสวมมีเพียงแค่กิโมโนซึ่งมีน้ำหนักเบา หากเสริมพลังคิของผมเข้าไปด้วยแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเหวี่งสำลีออกไปสักนิด

 

คลิมดวงตาเบิกกว้างเพราะประหลาดใจที่ร่างของไคลอากลายมาเป็นอาวุธสวนกลับเขาไปเสียแล้ว

 

 

「อะไรกัน?!」

 

สำหรับคลิมแล้ว ดูเหมือนว่าพอใช้ร่างของพี่สาวเขามาเป็นเกราะกำบังมันจะใช้ได้ผลดีมากจริงๆ จนเขาไม่กล้าจะเข้ามาแทงผมต่อ นอกจากนี้หากเขาเลือกที่จะหลบ ร่างของพี่สาวเขาก็จะกระแทกเข้ากับพื้น ดังนั้นด้วยนิสัยของเขา คลิมคงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ร่างของตัวเองรับแรงกระแทกแทนพี่สาวตนแน่ เพราะแบบนั้นสุดท้ายทั้งคู่ก็ลอยล้มไปนอนที่พื้นในสภาพทับกันไปมา

 

ในระหว่างนั้นที่ผมกำลังจะใช้เทคนิคคิในการโจมตีต่อ โกซุก็ได้ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วและขัดขวางผมเอาไว้ นั่นทำให้ผมต้องกลับมารับมือกับเขาต่อ

 

 

「โอ้ววว!」

 

「ฮ่าาาา!」

 

พวกผมทั้งสองคนปะทะกันอีกครั้งด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ลุกโชน จนต้องตะโกนกันออกมา

 

ทว่าตอนนี้ดาบของโกซุก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ไปแล้ว จนทำให้เหลือลมเพียงบริเวณด้ามจับของมันเท่านั้น พลังคุกคามของมันก็ย่อมลดลงไปตาม นอกจากนี้เลเวลของผมก็เพิ่มขึ้นมามากแล้วด้วย พลังของโซลอีทเตอร์ในตอนนี้มันก็มากพอที่จะทะลวงอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าของโกซุได้จนไม่ต่างอะไรกับเกราะธรรมดา

 

นอกจากนี้ประสิทธิภาพในการทำงานของโซลอีทเตอร์ยังเพิ่มขึ้นด้วย เพราะตอนนี้ผมสัมผัสได้เลยว่าวิญญาณที่ผมกินเข้ามาได้ในแต่ละการโจมตีมันค่อยๆ เพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน

 

และแล้วมันก็ใช้เวลาเพียงไม่นานเท่านั้นที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ให้กลายเป็นการโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว

 

 

「เป็นอะไรไปล่ะโกซุ! อย่าบอกนะว่าชิบะแห่งตระกูลมิตสึรุกิที่ใช้พลังเต็มที่แล้วทำได้แค่นี้น่ะ?!」

 

ทางโกซุไม่ได้ตอบกลับอะไรกับคำยั่วยุของผม นอกจากนี้สภาพของโกซุในตอนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าห่างไกลกับคำว่าอยู่ในสภาพพร้อมรบขีดสุด

 

ก็จริงนะ ว่าเขาต้องรับมือกับพวกมอนสเตอร์มาถึง 3 วัน 3 คืน ทางคลิมกับไคลอาก็คงไม่ต่างกันนัก พวกเขาคงจะอ่อนล้ามากกว่าตอนที่สู้กับผมในเมืองอิชกะเสียอีก

 

กลับกันแม้ว่าผมจะต่อสู้ติดต่อกันมา 3 วัน 3 คืนเหมือนพวกเขา แต่ความแข็งแกร่งของผมกลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 วันก่อนเสียอีก นี่ก็เป็นผลมาจากเลเวลของผมกับโซลอีทเตอร์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้พลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของผมก็เป็นของมังกรเชียวนะ ถึงจะใส่สุดแรงติดต่อกัน 3 วันมันก็ไม่หมดง่ายๆ หรอก

 

 

พวกโกซุไม่มีทางเอาชนะผมมาได้ตั้งแต่ต้นแล้ว

 

 

「ฮ่าๆๆๆ!」

 

ด้วยพลังอนิม่าที่เหนือชั้นนี้แหละ มันเลยทำให้ผมสามารถฟาดฟันและจัดการศัตรูตรงหน้าของผมลงได้

 

พี่น้องเบิร์ชที่ฟื้นตัวได้แล้วก็รีบเข้ามาช่วยต่อสู้ในทันที แต่ความได้เปรียบของผมมันก็ไม่เปลี่ยนหรอกนะ

 

โซลอีทเตอร์ไม่ใช่แค่อาภรณ์วิญญาณที่กลายเป็นอาวุธให้กับผมได้ แต่มันยังสามารถฟื้นฟูบาดแผลให้ผมได้ด้วย นั่นทำให้บาดแผลที่ผมได้รับสามารถฟื้นฟูเองได้ทั้งหมด เอาเป็นว่าถ้าไม่โดนตัดหัวปลิวในดอกเดียวก็เซพ ผมเริ่มทำการปัดป้องการโจมตีของสองพี่น้องอย่างใจเย็น ในบางครั้งก็ยอมรับการโจมตีของพวกเขาไปตรงๆ บ้าง โดยหลักๆ แล้วเป้าหมายที่ผมจำเป็นต้องโจมตีก็มีแค่โกซุนี่แหละ

 

ในระหว่างที่โกซุโจมตีผมเข้ามา ผมได้ทำการสวนกลับไปด้วยการใช้แรงผลักจากมือเข้าปะทะกับใบหน้าของเขา จนทำให้หมวกหัววัวของเขาแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

 

ใบหน้าของโกซุถูกเผยให้เห็นพร้อมกับเลือดที่ไหลลงมาจากหน้าผากของเขา จากนั้นผมก็ยิ้มออกมา ก่อนจะใช้อาภรณ์วิญญาณของผมฟันไปที่บริเวณศอกขวาของโกซุอย่างรุนแรง

 

 

เส้นประสาทของโกซุคงจะได้รับความเสียหายมากจากการที่ข้อต่อถูกฟัน แขนขวาของเขาเริ่มหมดลงแรงตกลงไป ดาบมังกรฟ้าของเขาก็ร่วงลงสู่พื้น จากนั้นโกซุก็คุกเข่าล้มลงไป

 

แต่จึงจะเป็นแบบนั้น โกซุก็ไม่ได้สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เลยสักนิด เขายื่นมือซ้ายที่ยังอยู่ในสภาพดีอยู่จับอาวุธของเขาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะได้ใช้มือจับดาบขึ้นมา ผมได้ทำการใช้เท้าที่สวมรองเท้าซึ่งทำจากเหล็กเหยียบไปยังมือของเขา

 

 

「คึก…!」

 

「รู้สึกดีไหมล่ะโกซุที่ต้องมาคุกเข่าให้กับคนที่นายปฏิเสธในอดีต ว่าไงไม่อยากจะแก้ไขทัศนคติแย่ๆ ของฉันแล้วเหรอ? 」

 

เพื่อต้อนโกซุที่กำลังหายใจหอบจนหน้าซีดให้จนมุมกว่านี้ ผมจึงทำการชี้ปลายดาบไปยังมือซ้ายของเขา

 

จากนั้นผมก็แทงมันลงไปที่มือซ้ายของเขาจนทะลุถึงพื้นอย่างไร้ปรานี โกซุไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดได้จนส่งเสียงร้องออกมา

 

 

「โซระ ไอ้เวรนี่!」

 

 

「นายก็อีกคน ทำไมต้องชอบเอาแต่ตะโกนทุกครั้งเลยนะ」

 

ด้วยขาที่เคลือบพลังคิเอาไว้ ระยะห่างของผมกับคลิมกลายเป็นศูนย์ในทันที ก็จริงว่าดาบของผมมันยังคามือของโกซุอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการโจมตีมือเปล่าจะง่อยเสียหน่อย แถมผมไม่ต้องออมแรงเหมือนตอนใช้อาวุธด้วย ง่ายกว่าเยอะเลย

 

แม้จะมีผู้ที่แข็งแกร่งอย่างโกซุรวมอยู่ในนั้นด้วย แค่ผมก็ยังสามารถรับมือกับทั้ง 3 ได้อยู่ดี แล้วตอนนี้โกซุหมดสภาพไปแล้ว อีก 2 มันจะไปเหลืออะไรล่ะ

 

ผมทำการจับคุริคาระไว้ด้วยมือซ้ายของผม ทันใดนั้นเองความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็แล่นผ่านหัวผมเข้ามาเพราะความร้อนของมัน กลิ่นของเนื้อมนุษย์ที่ถูกเผาไหม้กำลังลอยมาโดนจมูกผม แต่มันก็ได้แค่นั้นแหละ พลังและเทคนิคของมันไม่ได้เทียบเท่ากับที่โกซุใช้ก่อนหน้าเลยสักนิด

 

พอได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของคลิมในระยะประชิดแล้ว ผมก็ใช้กำปั้นขวาที่เต็มไปด้วยพลังคิชกเข้าตรงหน้าท้องอันเปราะบางของเขา ก่อนจะกระทุ้งเข้าไปซ้ำๆ ด้วยการแย็บอีก 2-3 ที

 

เสียงของวัตถุที่แข็งกำลังแตกออกมาได้ดังขึ้นจนแก้วหูของผมมันสะเทือน และความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงของแข็งที่กำลังแตกสลายนั้นก็อยู่บริเวณกำปั้นของผม

 

 

「อ๊าคคคคคคค!」

 

คลิมกระอักออกมาด้วยความเจ็บปวด ทั้งเสียง น้ำลาย เลือด ของเหลวในกระเพาะอาหารทุกอย่างมันออกมาจากปากเขาหมดแล้ว

 

จากนั้นผมก็เอากำปั้นของผมออกมาจากท้องของเขา ก่อนจะทำการซ้ำเขาด้วยศอกที่กระแทกลงไปกลางหลังในขณะที่เขางอตัวอย่างเต็มแรงจนร่างของเขากระแทกเข้ากับพื้นแล้วดิ้นทุรนทุรายไปมาอย่างเจ็บปวด

 

ผมมองไปยังคลิมที่ร่วงลงกับพื้นด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนจะใช้เท้าเหยียบไปยังแขนขวาของเขาที่ถืออาภรณ์วิญญาณเอาไว้อยู่

 

พอไคลอาเห็นว่าผมตั้งใจจะทำอะไร เธอก็รีบพูดขัดขึ้นมาทันที

 

 

「ได้โปรด รอก่อนค่ะคุณโซระ!」

 

 

「ถามจริง ใครมันจะไปฟังคนที่กำลังถือดาบรอฟันคอตัวเองอยู่กัน ฉันไม่ได้นะเห้ย」

 

ผมตอบกลับไป

 

หรือก็คือผมกำลังบอกเธอว่าให้เธอทิ้งคุซานางิของเธอไปซะ ทางไคลอาที่เห็นแบบนั้นก็ยอมปลอยมือจากดาบ และถอยหลังออกไประยะหนึ่ง

 

อันที่จริงถ้าเป็นระยะนี้ผมมั่นใจว่าหากต้องการก็สามารถเข้าไปหยิบเอาคุซานางิของไคลอาได้ก่อนเธอแน่

 

พอเห็นเธอทำแบบนี้แล้วผมก็พูดกับเธอ

 

 

「หรือก็คือเธอยอมแพ้แล้วใช่ไหม? 」

 

ผมถามกลับไป

 

 

「ค่ะ จากที่ฉันเห็นตอนนี้ถึงจะต่อสู้กันไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร」

 

 

「ตัดสินใจได้ฉลาดดีนี่ แต่ดูเหมือนว่าน้องชายของเธอจะไม่คิดแบบนั้นะ ว่าไงล่ะคลิม? 」

 

ขณะที่ผมกับไคลอาคุยกันอยู่ คลิมก็พยายามจะเอาเท้าของผมออกไปจากร่างของเขา ผมก็เลยบี้แขนขวาของเขาซ้ำลงไปอีกเหมือนที่ทำกับโกซุก่อนหน้านี้

 

จากนั้นก็มีเสียงอะไรบางอย่างแตกดังขึ้นมา

 

 

「คึก!」

 

 

「คลิม พอเถอะ! คุณโซระ ฉันขอร้อง ไม่ว่าคุณจะต้องการอะไรฉันยอมทุกอย่าง ดังนั้นได้โปรดหยุดเพียงเท่านี้เถอะค่ะ」

 

ตอนนี้ไคลอาได้คุกเข่าก่อนจะก้มหัวขอร้องผม

 

อันที่จริงผมไม่ได้คาดหวังให้เธอทำถึงขนาดนี้เลยนะ ที่ผมตั้งใจจะทำก็มีแค่สั่งสอนคลิมเพื่อตอบแทนกับสิ่งที่เขาทำไว้ในเมืองอิชกะ แต่ทางไคลอาเหมือนจะคิดว่าผมจะฆ่าคลิมทิ้งเธอก็เลยต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง

 

สงสัยจะเล่นหนักไปหน่อยแฮะ ผมคิดกับตัวเอง

 

เอาเถอะถึงจะทำอะไรไปมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วมั้ง แถมภาพในตอนนี้ก็กลายมาเป็นพี่สาวกำลังพยายามปกป้องน้องชายที่บาดเจ็บอยู่ด้วยการเอาตัวเข้าแลก ดังนั้นก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์เลยแล้วกัน ยังไงแผนผมมันก็กะให้ลงเอยแบบนี้แต่แรกนี่เนอะ

 

 

「ไหนๆ เธอก็ยอมแล้วทั้งที เอาเป็นว่าจากนี้ไปเธอต้องมาเป็นตัวประกันของฉัน ไคลอา เบิร์ช」

 

「ตะ…ตัวประกันเหรอคะ? 」

 

「ก็ใช่น่ะสิ」

 

แผนของผมมันก็เรียบง่ายแบบนี้แหละ

 

ขั้นแรกก็ ส่งโกซุกับคลิมกลับไปยังเกาะ แล้วแจ้งสิ่งที่ผมต้องการให้คนบนเกาะฟัง แน่นอนว่าสิ่งที่ผมต้องการก็คือเรื่องของคิจินอย่างซูซูเมะ ทางผู้นำตระกูลมิตสึรุงิจะต้องมอบความไว้วางใจให้กับผมในการดูแลเธอและสาบานว่าจะไม่เข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องของเธออีก

 

ไคลอาก็จะเป็นตัวประกันจนถึงตอนที่คำขอของผมได้รับการเติมเต็ม หากผู้นำตระกูลปฏิเสธ พวกเขาก็คงจะรู้ถึงผลที่ตามมาอยู่แล้ว นอกจากนี้ก็มีเรื่องที่อย่ามายุ่งกับคนรอบตัวของผมด้วย

 

พอผมบอกเรื่องนี้ออกไป คนที่มีปฏิกิริยาก่อนคือคลิม

 

 

「น-นี่นายกล้าดียังไง….มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!!」

 

คลิมกุมแขนขวาที่หักอยู่ของเขาเอาไว้ ก่อนจะตะโกนออกมาขณะคลานอยู่กับพื้น

 

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา

 

 

 

「ก็จริงอ่ะนะ ไม่มีทางที่เขาจะฟังลูกชายที่ตัวเองเนรเทศออกไปหรอกเนอะ แถมเป็นเรื่องของคิจินด้วย นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันยังปล่อยให้นายหายใจอยู่ไง คลิมเอ้ย」

 

「ว-ว่าไงนะ…? 」

 

「หากนายอยากจะช่วยไคลอา นายก็ต้องสู้เพื่อความต้องการของฉันโดยใช้ชีวิตของนายเข้าแลกสิ ไม่งั้นเดี๋ยวพี่สาวของนายได้ร้องไห้แล้วขอให้เธอตายแทนนายเอานะเออ ทีนี้คงไม่ต้องบอกแล้วสินะว่าทำไมฉันถึงเลือกไคลอามาเป็นตัวประกันแทนนาย? 」

 

「นี่นาย…!」

 

พอรู้ว่าผมหมายถึงอะไร คลิมก็พยายามจะพุ่งเข้ามาโจมตีผมอีก ผมก็เลยถีบส่งเขาออกไปอีกรอบ ก่อนจะเดินไปหาไคลอาที่คุกเค่าอยู่ขณะกำลังกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บปวด

 

ผมใช้มือจับเส้นผมสีขาวอันสวยงามที่ตกลงไปถึงพื้นก่อนจะกระชากมันขึ้นมาเพื่อบังคับให้ไคลอายืนขึ้นโดยไม่ได้สนใจเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดของเธอเลย

 

「ปกติแล้ว คงต้องตัดเอ็นขาดกับขาเธอเพื่อไม่ให้ขัดขืนได้หรอกนะ แต่เพราะเธอถึงขนาดยอมคุกเข่าให้กับฉันดังนั้นจะปล่อยไปแล้วกัน คลิมฉันขอย้ำให้ชัดอีกทีนะ ถ้านายไม่กลับไปบอกคนที่เกาะแล้ว ฝืนจะมาช่วยพี่สาวของนายอีก ครั้งนี้ฉันฆ่าพี่ของนายทิ้งจริงแน่ โกซุนายก็ด้วย」

 

โกซุที่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตอบกลับมาด้วยเสียงโทนต่ำ

 

 

「――นายน้อยครับ」

 

「คราวนี้ฉันกลายเป็นนายน้อยไปอีกแล้วเหรอ เอาเถอะมีอะไร? 」

 

「ข้าจะเป็นคนพูดเรื่องคิจินสาวตนนั้นที่นายน้อยดูแลกับนายท่าน โดยข้าจะเป็นคนออกหน้ารับผิดชอบและเกลี้ยกล่อมเอง ทว่าเรื่องของจินโบ มังกรแล้วก็อาภรณ์วิญญาณของนายน้อย…พวกเราคงต้องพูดกับนายท่านไปตามตรง แล้วข้าก็มั่นใจว่านายท่านจะต้องออกคำสั่งให้นายน้อยกลับไปยังเกาะแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นนายน้อยคิดจะทำอย่างไรครับ? 」

 

 

「ใครสน แถมคนที่แกร่งกว่านายจะมีสักเท่าไหร่กันเชียว?」

 

ผมตอบกลับไปอย่างไม่แยแสอะไรนัก แต่ทางโกซุกลับแสดงสีหน้าที่เคร่งขรึมออกมา

 

「ตระกูลมิตสึรุกิที่เป็นผู้นำของเหล่าผู้ใช้มายาดาบเดียว ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ผู้ที่สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตในตำนานลงได้ด้วยตัวคนเดียวอยู่นอกเกาะหรอกครับ พวกเขาทุกคนต้องอยู่ภายใต้ตระกูลเท่านั้น ถึงจะจัดการเรื่องคิจินสาวกับเรื่องจินโบได้ แต่เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงคงไม่มีทางเป็นไปได้ที่นายท่านจะรับฟัง แม้ข้ากับคลิมจะร้องขอแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นท่านโซระ ท่านจะไม่กลับไปกับพวกเราจริงๆ เหรอครับ? 」

 

「อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ」

 

 

「หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ท่านโซระอาจจะถูกลงโทษในฐานะกบฏต่อตระกูลก็ได้นะครับ ถึงไคลอาจะถูกจับเอาไว้เป็นตัวประกันสุดท้ายก็คงไม่มีประโยชน์ ท่านอาจจะถูกคนจากเกาะบดขยี้ลงด้วยก็ได้ ถึงจะเป็นแบบนั้นท่านก็ยังจะดื้อรั้นต่อไปหรือครับ? 」

 

「พอแค่นี้เถอะ」

 

ผมปฏิเสธคำขอของโกซุและกำหมัดเอาไว้แน่น

 

「จะถูกลงโทษในฐานะกบฏถ้าปล่อยไว้แบบนี้งั้นเหรอ? กลับกันสิ แบบนี้สะดวกกับฉันกว่าเยอะเลย เพราะปลายทางมันก็คือพวกนั้นส่งอาหารมาให้ฉันกินถึงที่เลยไม่ใช่หรือไงกัน」

 

นั่นแหละความตั้งใจจริงของผม

 

อันที่จริงมันก็มีความเป็นไปได้เยอะแหละที่คนพวกนั้นจะสร้างปัญหาให้กับคนรอบข้างผมแทน หากเป็นไปได้ผมก็อยากเลี่ยงอยู่หรอก

 

เพราะงั้นผมเลยเปิดเผยความสามารถของอาภรณ์วิญญาณให้พวกนี้ได้รู้ชัดไปเลย

 

การโจมตีครึ่งๆ กลางๆ ไม่สามารถทำอะไรผมได้ หากต้องการจะฆ่าผมจริงๆ ต้องเอาคนที่มีความสามารถในการฆ่าผมได้ในการโจมตีเดียวมา กองกำลังที่สามารถโค่นผมซึ่งสามารถจัดการกับเตะตูดโกซุซึ่งเป็น 1 ใน 4 เสาหลัก กับศิษย์สำนักรุ่นทองคำอีก 2 คนอย่างไคลอากับคลิมได้อย่างง่ายดาย ถึงจะเป็นตระกูลมิตสึรุกิก็เถอะการจะหาคนแบบนั้นได้ก็ง่ายซะที่ไหน

 

「เดี๋ยวทางนั้นคงจะส่งพวกเลเวลสูงกว่านี้มาอีกสินะ หรือไม่ก็ระดมพลของธงทั้ง 8 มารุมฉัน เอาสิไม่ว่าจะทางไหนก็คงต้องเปลืองกำลังเอาเรื่อง ฉันถามนายก็แล้วกันว่าตระกูลมิตสึรุกิมีพลังมากพอที่จะส่งขุมกำลังระดับนั้นข้ามมายังอาณาจักรคานาเรียได้ไหม? 「

 

「…คงเป็นไปไม่ได้ครับ」

 

「ฉันก็ว่างั้น และถึงพวกนั้นจะทำจริงๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก เพราะเมื่อถึงเวลานั้นฉันนี่แหละจะเป็นคนกินพวกมันให้หมดแล้วก็ตามไปฆ่ายันเกาะต่อด้วย ดังนั้นจะแบบไหนฉันก็ไม่ขัด โกซุฝากบอกเขาทีละกัน」

 

ผมจะปล่อยให้เขาเป็นคนเลือกเอง

 

 

ความจริงที่ไอ้กระจอกคนหนึ่งซึ่งไม่สามารถผ่านพิธีทดสอบได้เมื่อ 5 ปีก่อน สามารถเอาชนะมังกรลงได้ เขาจะรู้สึกตกใจและปวดหัวขนาดไหนกันนะถ้ารู้เรื่องนี้เข้า

 

ไหนจะเรื่องของจินโบอีก ลูกชายสายเลือดตรงที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลมิตสึรุกิ ได้สังหารนักรบแห่งผืนป่าที่รับคำสั่งลับจากจักรพรรดิ หากเรื่องนี้แดงขึ้นมาพวกที่ยืนอยู่ข้างๆ จักรพรรดิซึ่งไม่ชอบตระกูลมิตสึรุกิได้สนุกกันแน่ ไม่สิคนที่เหนือไปกว่านั้นอาจจะเคลื่อนไหวด้วยก็ได้

 

ตระกูลมิตสึรุกิ ผู้ผูกขาดขุมพลังอันยิ่งใหญ่อย่างมายาดาบเดียว ตระกูลที่เป็นทั้งดาบและหนามที่คอยทิ่มแทงจักรพรรดิ

 

หากเจอสถานการณ์นี้เข้าไป ผมว่าระเบิดลูกนี้มันก็แรงพอจะสั่นคลอนตระกูลมิตสึรุกิได้เลยนะ

 

แค่นึกถึงหน้าของพ่อผมที่แสดงออกมาต่อสถานการณ์แบบนี้จะเป็นแบบไหน ก็สนุกขึ้นมาแล้วสิ

 

——–

Note 1 : แรกๆก็ตัวประกัน สักพักคงเมีย

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 105 ตัวประกัน

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 105 ตัวประกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 105 ตัวประกัน

 

「คึก!? 」

 

ร่างของโกซุกระแทกลงพื้นด้วยเสียงที่ดังสนั่น ฝุ่นควันฟุ้งไปทั่วเป็นหลักฐานยืนยันถึงแรงเตะที่ส่งไปยังร่างของเขา พลังที่ทำให้ร่างเกราะหัววัวสีดำต้องกลิ้งไปมาบนพื้นราวกับลูกบอล

 

พอเห็นว่าได้จังหวะ ผมก็ส่งแรงไปยังเท้าของตัวเองเพื่อพุ่งเข้าประชิดโกซุอีกครั้ง

 

 

「ชิบะ!」

 

ทว่า ไคลอาก็เป็นคนเข้ามาหวางผมเอาไว้

 

สิ่งที่ไคลอาถืออยู่ในมือคืออาภรณ์วิญญาณสีมรกตซึ่งมีนามว่า คุซานางิ ไคลอาได้ใช้มันฟันเป็นแนวทแยงมายังร่างของผมขณะตะโกนเพื่อหยุดผมเอาไว้

 

หากผมเขาไปรับการโจมตีนั้นโดยตรง ร่างของผมก็คงจะโดนฟันตั้งแต่ไหล่ซ้ายลากยาวไปเอวด้านขวาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

อย่างไรก็ตาม การจะหลบการโจมตีของไคลอามันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับผมในตอนนี้มาก ผมทำการหลบคมดาบของเธอก่อนจะเบี่ยงตัวพุ่งเข้าไปหาเธอ โดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะจับคอกิโมโนลายลูกศรของเธอด้วยมือซ้ายที่ไม่ได้ถือเอาวุธเอาไว้

 

จากนั้นผมก็ใช้เทคนิคในการโยนผ่านไหล่โดยใช้ช่วงเอวเป็นฐาน ทำให้เท้าของไคลอาลอยขึ้นจากพื้น แล้วร่างของเธอก็ถูกเหวี่ยงออกไปทางคลิมที่กำลังจะเข้ามาโจมตีผมจากด้านข้างด้วยดาบของเขา

 

ก็จริงอยู่ว่าการเหวี่ยงคนด้วยมือเดียวมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอไม่เหมือนกับโกซุที่สวมชุดเกราะหนักเอาไว้ สิ่งที่ไคลอาสวมมีเพียงแค่กิโมโนซึ่งมีน้ำหนักเบา หากเสริมพลังคิของผมเข้าไปด้วยแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเหวี่งสำลีออกไปสักนิด

 

คลิมดวงตาเบิกกว้างเพราะประหลาดใจที่ร่างของไคลอากลายมาเป็นอาวุธสวนกลับเขาไปเสียแล้ว

 

 

「อะไรกัน?!」

 

สำหรับคลิมแล้ว ดูเหมือนว่าพอใช้ร่างของพี่สาวเขามาเป็นเกราะกำบังมันจะใช้ได้ผลดีมากจริงๆ จนเขาไม่กล้าจะเข้ามาแทงผมต่อ นอกจากนี้หากเขาเลือกที่จะหลบ ร่างของพี่สาวเขาก็จะกระแทกเข้ากับพื้น ดังนั้นด้วยนิสัยของเขา คลิมคงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ร่างของตัวเองรับแรงกระแทกแทนพี่สาวตนแน่ เพราะแบบนั้นสุดท้ายทั้งคู่ก็ลอยล้มไปนอนที่พื้นในสภาพทับกันไปมา

 

ในระหว่างนั้นที่ผมกำลังจะใช้เทคนิคคิในการโจมตีต่อ โกซุก็ได้ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วและขัดขวางผมเอาไว้ นั่นทำให้ผมต้องกลับมารับมือกับเขาต่อ

 

 

「โอ้ววว!」

 

「ฮ่าาาา!」

 

พวกผมทั้งสองคนปะทะกันอีกครั้งด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ลุกโชน จนต้องตะโกนกันออกมา

 

ทว่าตอนนี้ดาบของโกซุก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ไปแล้ว จนทำให้เหลือลมเพียงบริเวณด้ามจับของมันเท่านั้น พลังคุกคามของมันก็ย่อมลดลงไปตาม นอกจากนี้เลเวลของผมก็เพิ่มขึ้นมามากแล้วด้วย พลังของโซลอีทเตอร์ในตอนนี้มันก็มากพอที่จะทะลวงอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าของโกซุได้จนไม่ต่างอะไรกับเกราะธรรมดา

 

นอกจากนี้ประสิทธิภาพในการทำงานของโซลอีทเตอร์ยังเพิ่มขึ้นด้วย เพราะตอนนี้ผมสัมผัสได้เลยว่าวิญญาณที่ผมกินเข้ามาได้ในแต่ละการโจมตีมันค่อยๆ เพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน

 

และแล้วมันก็ใช้เวลาเพียงไม่นานเท่านั้นที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ให้กลายเป็นการโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว

 

 

「เป็นอะไรไปล่ะโกซุ! อย่าบอกนะว่าชิบะแห่งตระกูลมิตสึรุกิที่ใช้พลังเต็มที่แล้วทำได้แค่นี้น่ะ?!」

 

ทางโกซุไม่ได้ตอบกลับอะไรกับคำยั่วยุของผม นอกจากนี้สภาพของโกซุในตอนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าห่างไกลกับคำว่าอยู่ในสภาพพร้อมรบขีดสุด

 

ก็จริงนะ ว่าเขาต้องรับมือกับพวกมอนสเตอร์มาถึง 3 วัน 3 คืน ทางคลิมกับไคลอาก็คงไม่ต่างกันนัก พวกเขาคงจะอ่อนล้ามากกว่าตอนที่สู้กับผมในเมืองอิชกะเสียอีก

 

กลับกันแม้ว่าผมจะต่อสู้ติดต่อกันมา 3 วัน 3 คืนเหมือนพวกเขา แต่ความแข็งแกร่งของผมกลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 วันก่อนเสียอีก นี่ก็เป็นผลมาจากเลเวลของผมกับโซลอีทเตอร์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้พลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของผมก็เป็นของมังกรเชียวนะ ถึงจะใส่สุดแรงติดต่อกัน 3 วันมันก็ไม่หมดง่ายๆ หรอก

 

 

พวกโกซุไม่มีทางเอาชนะผมมาได้ตั้งแต่ต้นแล้ว

 

 

「ฮ่าๆๆๆ!」

 

ด้วยพลังอนิม่าที่เหนือชั้นนี้แหละ มันเลยทำให้ผมสามารถฟาดฟันและจัดการศัตรูตรงหน้าของผมลงได้

 

พี่น้องเบิร์ชที่ฟื้นตัวได้แล้วก็รีบเข้ามาช่วยต่อสู้ในทันที แต่ความได้เปรียบของผมมันก็ไม่เปลี่ยนหรอกนะ

 

โซลอีทเตอร์ไม่ใช่แค่อาภรณ์วิญญาณที่กลายเป็นอาวุธให้กับผมได้ แต่มันยังสามารถฟื้นฟูบาดแผลให้ผมได้ด้วย นั่นทำให้บาดแผลที่ผมได้รับสามารถฟื้นฟูเองได้ทั้งหมด เอาเป็นว่าถ้าไม่โดนตัดหัวปลิวในดอกเดียวก็เซพ ผมเริ่มทำการปัดป้องการโจมตีของสองพี่น้องอย่างใจเย็น ในบางครั้งก็ยอมรับการโจมตีของพวกเขาไปตรงๆ บ้าง โดยหลักๆ แล้วเป้าหมายที่ผมจำเป็นต้องโจมตีก็มีแค่โกซุนี่แหละ

 

ในระหว่างที่โกซุโจมตีผมเข้ามา ผมได้ทำการสวนกลับไปด้วยการใช้แรงผลักจากมือเข้าปะทะกับใบหน้าของเขา จนทำให้หมวกหัววัวของเขาแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

 

ใบหน้าของโกซุถูกเผยให้เห็นพร้อมกับเลือดที่ไหลลงมาจากหน้าผากของเขา จากนั้นผมก็ยิ้มออกมา ก่อนจะใช้อาภรณ์วิญญาณของผมฟันไปที่บริเวณศอกขวาของโกซุอย่างรุนแรง

 

 

เส้นประสาทของโกซุคงจะได้รับความเสียหายมากจากการที่ข้อต่อถูกฟัน แขนขวาของเขาเริ่มหมดลงแรงตกลงไป ดาบมังกรฟ้าของเขาก็ร่วงลงสู่พื้น จากนั้นโกซุก็คุกเข่าล้มลงไป

 

แต่จึงจะเป็นแบบนั้น โกซุก็ไม่ได้สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เลยสักนิด เขายื่นมือซ้ายที่ยังอยู่ในสภาพดีอยู่จับอาวุธของเขาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะได้ใช้มือจับดาบขึ้นมา ผมได้ทำการใช้เท้าที่สวมรองเท้าซึ่งทำจากเหล็กเหยียบไปยังมือของเขา

 

 

「คึก…!」

 

「รู้สึกดีไหมล่ะโกซุที่ต้องมาคุกเข่าให้กับคนที่นายปฏิเสธในอดีต ว่าไงไม่อยากจะแก้ไขทัศนคติแย่ๆ ของฉันแล้วเหรอ? 」

 

เพื่อต้อนโกซุที่กำลังหายใจหอบจนหน้าซีดให้จนมุมกว่านี้ ผมจึงทำการชี้ปลายดาบไปยังมือซ้ายของเขา

 

จากนั้นผมก็แทงมันลงไปที่มือซ้ายของเขาจนทะลุถึงพื้นอย่างไร้ปรานี โกซุไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดได้จนส่งเสียงร้องออกมา

 

 

「โซระ ไอ้เวรนี่!」

 

 

「นายก็อีกคน ทำไมต้องชอบเอาแต่ตะโกนทุกครั้งเลยนะ」

 

ด้วยขาที่เคลือบพลังคิเอาไว้ ระยะห่างของผมกับคลิมกลายเป็นศูนย์ในทันที ก็จริงว่าดาบของผมมันยังคามือของโกซุอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการโจมตีมือเปล่าจะง่อยเสียหน่อย แถมผมไม่ต้องออมแรงเหมือนตอนใช้อาวุธด้วย ง่ายกว่าเยอะเลย

 

แม้จะมีผู้ที่แข็งแกร่งอย่างโกซุรวมอยู่ในนั้นด้วย แค่ผมก็ยังสามารถรับมือกับทั้ง 3 ได้อยู่ดี แล้วตอนนี้โกซุหมดสภาพไปแล้ว อีก 2 มันจะไปเหลืออะไรล่ะ

 

ผมทำการจับคุริคาระไว้ด้วยมือซ้ายของผม ทันใดนั้นเองความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็แล่นผ่านหัวผมเข้ามาเพราะความร้อนของมัน กลิ่นของเนื้อมนุษย์ที่ถูกเผาไหม้กำลังลอยมาโดนจมูกผม แต่มันก็ได้แค่นั้นแหละ พลังและเทคนิคของมันไม่ได้เทียบเท่ากับที่โกซุใช้ก่อนหน้าเลยสักนิด

 

พอได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของคลิมในระยะประชิดแล้ว ผมก็ใช้กำปั้นขวาที่เต็มไปด้วยพลังคิชกเข้าตรงหน้าท้องอันเปราะบางของเขา ก่อนจะกระทุ้งเข้าไปซ้ำๆ ด้วยการแย็บอีก 2-3 ที

 

เสียงของวัตถุที่แข็งกำลังแตกออกมาได้ดังขึ้นจนแก้วหูของผมมันสะเทือน และความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงของแข็งที่กำลังแตกสลายนั้นก็อยู่บริเวณกำปั้นของผม

 

 

「อ๊าคคคคคคค!」

 

คลิมกระอักออกมาด้วยความเจ็บปวด ทั้งเสียง น้ำลาย เลือด ของเหลวในกระเพาะอาหารทุกอย่างมันออกมาจากปากเขาหมดแล้ว

 

จากนั้นผมก็เอากำปั้นของผมออกมาจากท้องของเขา ก่อนจะทำการซ้ำเขาด้วยศอกที่กระแทกลงไปกลางหลังในขณะที่เขางอตัวอย่างเต็มแรงจนร่างของเขากระแทกเข้ากับพื้นแล้วดิ้นทุรนทุรายไปมาอย่างเจ็บปวด

 

ผมมองไปยังคลิมที่ร่วงลงกับพื้นด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนจะใช้เท้าเหยียบไปยังแขนขวาของเขาที่ถืออาภรณ์วิญญาณเอาไว้อยู่

 

พอไคลอาเห็นว่าผมตั้งใจจะทำอะไร เธอก็รีบพูดขัดขึ้นมาทันที

 

 

「ได้โปรด รอก่อนค่ะคุณโซระ!」

 

 

「ถามจริง ใครมันจะไปฟังคนที่กำลังถือดาบรอฟันคอตัวเองอยู่กัน ฉันไม่ได้นะเห้ย」

 

ผมตอบกลับไป

 

หรือก็คือผมกำลังบอกเธอว่าให้เธอทิ้งคุซานางิของเธอไปซะ ทางไคลอาที่เห็นแบบนั้นก็ยอมปลอยมือจากดาบ และถอยหลังออกไประยะหนึ่ง

 

อันที่จริงถ้าเป็นระยะนี้ผมมั่นใจว่าหากต้องการก็สามารถเข้าไปหยิบเอาคุซานางิของไคลอาได้ก่อนเธอแน่

 

พอเห็นเธอทำแบบนี้แล้วผมก็พูดกับเธอ

 

 

「หรือก็คือเธอยอมแพ้แล้วใช่ไหม? 」

 

ผมถามกลับไป

 

 

「ค่ะ จากที่ฉันเห็นตอนนี้ถึงจะต่อสู้กันไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร」

 

 

「ตัดสินใจได้ฉลาดดีนี่ แต่ดูเหมือนว่าน้องชายของเธอจะไม่คิดแบบนั้นะ ว่าไงล่ะคลิม? 」

 

ขณะที่ผมกับไคลอาคุยกันอยู่ คลิมก็พยายามจะเอาเท้าของผมออกไปจากร่างของเขา ผมก็เลยบี้แขนขวาของเขาซ้ำลงไปอีกเหมือนที่ทำกับโกซุก่อนหน้านี้

 

จากนั้นก็มีเสียงอะไรบางอย่างแตกดังขึ้นมา

 

 

「คึก!」

 

 

「คลิม พอเถอะ! คุณโซระ ฉันขอร้อง ไม่ว่าคุณจะต้องการอะไรฉันยอมทุกอย่าง ดังนั้นได้โปรดหยุดเพียงเท่านี้เถอะค่ะ」

 

ตอนนี้ไคลอาได้คุกเข่าก่อนจะก้มหัวขอร้องผม

 

อันที่จริงผมไม่ได้คาดหวังให้เธอทำถึงขนาดนี้เลยนะ ที่ผมตั้งใจจะทำก็มีแค่สั่งสอนคลิมเพื่อตอบแทนกับสิ่งที่เขาทำไว้ในเมืองอิชกะ แต่ทางไคลอาเหมือนจะคิดว่าผมจะฆ่าคลิมทิ้งเธอก็เลยต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง

 

สงสัยจะเล่นหนักไปหน่อยแฮะ ผมคิดกับตัวเอง

 

เอาเถอะถึงจะทำอะไรไปมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วมั้ง แถมภาพในตอนนี้ก็กลายมาเป็นพี่สาวกำลังพยายามปกป้องน้องชายที่บาดเจ็บอยู่ด้วยการเอาตัวเข้าแลก ดังนั้นก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์เลยแล้วกัน ยังไงแผนผมมันก็กะให้ลงเอยแบบนี้แต่แรกนี่เนอะ

 

 

「ไหนๆ เธอก็ยอมแล้วทั้งที เอาเป็นว่าจากนี้ไปเธอต้องมาเป็นตัวประกันของฉัน ไคลอา เบิร์ช」

 

「ตะ…ตัวประกันเหรอคะ? 」

 

「ก็ใช่น่ะสิ」

 

แผนของผมมันก็เรียบง่ายแบบนี้แหละ

 

ขั้นแรกก็ ส่งโกซุกับคลิมกลับไปยังเกาะ แล้วแจ้งสิ่งที่ผมต้องการให้คนบนเกาะฟัง แน่นอนว่าสิ่งที่ผมต้องการก็คือเรื่องของคิจินอย่างซูซูเมะ ทางผู้นำตระกูลมิตสึรุงิจะต้องมอบความไว้วางใจให้กับผมในการดูแลเธอและสาบานว่าจะไม่เข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องของเธออีก

 

ไคลอาก็จะเป็นตัวประกันจนถึงตอนที่คำขอของผมได้รับการเติมเต็ม หากผู้นำตระกูลปฏิเสธ พวกเขาก็คงจะรู้ถึงผลที่ตามมาอยู่แล้ว นอกจากนี้ก็มีเรื่องที่อย่ามายุ่งกับคนรอบตัวของผมด้วย

 

พอผมบอกเรื่องนี้ออกไป คนที่มีปฏิกิริยาก่อนคือคลิม

 

 

「น-นี่นายกล้าดียังไง….มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!!」

 

คลิมกุมแขนขวาที่หักอยู่ของเขาเอาไว้ ก่อนจะตะโกนออกมาขณะคลานอยู่กับพื้น

 

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา

 

 

 

「ก็จริงอ่ะนะ ไม่มีทางที่เขาจะฟังลูกชายที่ตัวเองเนรเทศออกไปหรอกเนอะ แถมเป็นเรื่องของคิจินด้วย นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันยังปล่อยให้นายหายใจอยู่ไง คลิมเอ้ย」

 

「ว-ว่าไงนะ…? 」

 

「หากนายอยากจะช่วยไคลอา นายก็ต้องสู้เพื่อความต้องการของฉันโดยใช้ชีวิตของนายเข้าแลกสิ ไม่งั้นเดี๋ยวพี่สาวของนายได้ร้องไห้แล้วขอให้เธอตายแทนนายเอานะเออ ทีนี้คงไม่ต้องบอกแล้วสินะว่าทำไมฉันถึงเลือกไคลอามาเป็นตัวประกันแทนนาย? 」

 

「นี่นาย…!」

 

พอรู้ว่าผมหมายถึงอะไร คลิมก็พยายามจะพุ่งเข้ามาโจมตีผมอีก ผมก็เลยถีบส่งเขาออกไปอีกรอบ ก่อนจะเดินไปหาไคลอาที่คุกเค่าอยู่ขณะกำลังกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บปวด

 

ผมใช้มือจับเส้นผมสีขาวอันสวยงามที่ตกลงไปถึงพื้นก่อนจะกระชากมันขึ้นมาเพื่อบังคับให้ไคลอายืนขึ้นโดยไม่ได้สนใจเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดของเธอเลย

 

「ปกติแล้ว คงต้องตัดเอ็นขาดกับขาเธอเพื่อไม่ให้ขัดขืนได้หรอกนะ แต่เพราะเธอถึงขนาดยอมคุกเข่าให้กับฉันดังนั้นจะปล่อยไปแล้วกัน คลิมฉันขอย้ำให้ชัดอีกทีนะ ถ้านายไม่กลับไปบอกคนที่เกาะแล้ว ฝืนจะมาช่วยพี่สาวของนายอีก ครั้งนี้ฉันฆ่าพี่ของนายทิ้งจริงแน่ โกซุนายก็ด้วย」

 

โกซุที่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตอบกลับมาด้วยเสียงโทนต่ำ

 

 

「――นายน้อยครับ」

 

「คราวนี้ฉันกลายเป็นนายน้อยไปอีกแล้วเหรอ เอาเถอะมีอะไร? 」

 

「ข้าจะเป็นคนพูดเรื่องคิจินสาวตนนั้นที่นายน้อยดูแลกับนายท่าน โดยข้าจะเป็นคนออกหน้ารับผิดชอบและเกลี้ยกล่อมเอง ทว่าเรื่องของจินโบ มังกรแล้วก็อาภรณ์วิญญาณของนายน้อย…พวกเราคงต้องพูดกับนายท่านไปตามตรง แล้วข้าก็มั่นใจว่านายท่านจะต้องออกคำสั่งให้นายน้อยกลับไปยังเกาะแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นนายน้อยคิดจะทำอย่างไรครับ? 」

 

 

「ใครสน แถมคนที่แกร่งกว่านายจะมีสักเท่าไหร่กันเชียว?」

 

ผมตอบกลับไปอย่างไม่แยแสอะไรนัก แต่ทางโกซุกลับแสดงสีหน้าที่เคร่งขรึมออกมา

 

「ตระกูลมิตสึรุกิที่เป็นผู้นำของเหล่าผู้ใช้มายาดาบเดียว ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ผู้ที่สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตในตำนานลงได้ด้วยตัวคนเดียวอยู่นอกเกาะหรอกครับ พวกเขาทุกคนต้องอยู่ภายใต้ตระกูลเท่านั้น ถึงจะจัดการเรื่องคิจินสาวกับเรื่องจินโบได้ แต่เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงคงไม่มีทางเป็นไปได้ที่นายท่านจะรับฟัง แม้ข้ากับคลิมจะร้องขอแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นท่านโซระ ท่านจะไม่กลับไปกับพวกเราจริงๆ เหรอครับ? 」

 

「อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ」

 

 

「หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ท่านโซระอาจจะถูกลงโทษในฐานะกบฏต่อตระกูลก็ได้นะครับ ถึงไคลอาจะถูกจับเอาไว้เป็นตัวประกันสุดท้ายก็คงไม่มีประโยชน์ ท่านอาจจะถูกคนจากเกาะบดขยี้ลงด้วยก็ได้ ถึงจะเป็นแบบนั้นท่านก็ยังจะดื้อรั้นต่อไปหรือครับ? 」

 

「พอแค่นี้เถอะ」

 

ผมปฏิเสธคำขอของโกซุและกำหมัดเอาไว้แน่น

 

「จะถูกลงโทษในฐานะกบฏถ้าปล่อยไว้แบบนี้งั้นเหรอ? กลับกันสิ แบบนี้สะดวกกับฉันกว่าเยอะเลย เพราะปลายทางมันก็คือพวกนั้นส่งอาหารมาให้ฉันกินถึงที่เลยไม่ใช่หรือไงกัน」

 

นั่นแหละความตั้งใจจริงของผม

 

อันที่จริงมันก็มีความเป็นไปได้เยอะแหละที่คนพวกนั้นจะสร้างปัญหาให้กับคนรอบข้างผมแทน หากเป็นไปได้ผมก็อยากเลี่ยงอยู่หรอก

 

เพราะงั้นผมเลยเปิดเผยความสามารถของอาภรณ์วิญญาณให้พวกนี้ได้รู้ชัดไปเลย

 

การโจมตีครึ่งๆ กลางๆ ไม่สามารถทำอะไรผมได้ หากต้องการจะฆ่าผมจริงๆ ต้องเอาคนที่มีความสามารถในการฆ่าผมได้ในการโจมตีเดียวมา กองกำลังที่สามารถโค่นผมซึ่งสามารถจัดการกับเตะตูดโกซุซึ่งเป็น 1 ใน 4 เสาหลัก กับศิษย์สำนักรุ่นทองคำอีก 2 คนอย่างไคลอากับคลิมได้อย่างง่ายดาย ถึงจะเป็นตระกูลมิตสึรุกิก็เถอะการจะหาคนแบบนั้นได้ก็ง่ายซะที่ไหน

 

「เดี๋ยวทางนั้นคงจะส่งพวกเลเวลสูงกว่านี้มาอีกสินะ หรือไม่ก็ระดมพลของธงทั้ง 8 มารุมฉัน เอาสิไม่ว่าจะทางไหนก็คงต้องเปลืองกำลังเอาเรื่อง ฉันถามนายก็แล้วกันว่าตระกูลมิตสึรุกิมีพลังมากพอที่จะส่งขุมกำลังระดับนั้นข้ามมายังอาณาจักรคานาเรียได้ไหม? 「

 

「…คงเป็นไปไม่ได้ครับ」

 

「ฉันก็ว่างั้น และถึงพวกนั้นจะทำจริงๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก เพราะเมื่อถึงเวลานั้นฉันนี่แหละจะเป็นคนกินพวกมันให้หมดแล้วก็ตามไปฆ่ายันเกาะต่อด้วย ดังนั้นจะแบบไหนฉันก็ไม่ขัด โกซุฝากบอกเขาทีละกัน」

 

ผมจะปล่อยให้เขาเป็นคนเลือกเอง

 

 

ความจริงที่ไอ้กระจอกคนหนึ่งซึ่งไม่สามารถผ่านพิธีทดสอบได้เมื่อ 5 ปีก่อน สามารถเอาชนะมังกรลงได้ เขาจะรู้สึกตกใจและปวดหัวขนาดไหนกันนะถ้ารู้เรื่องนี้เข้า

 

ไหนจะเรื่องของจินโบอีก ลูกชายสายเลือดตรงที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลมิตสึรุกิ ได้สังหารนักรบแห่งผืนป่าที่รับคำสั่งลับจากจักรพรรดิ หากเรื่องนี้แดงขึ้นมาพวกที่ยืนอยู่ข้างๆ จักรพรรดิซึ่งไม่ชอบตระกูลมิตสึรุกิได้สนุกกันแน่ ไม่สิคนที่เหนือไปกว่านั้นอาจจะเคลื่อนไหวด้วยก็ได้

 

ตระกูลมิตสึรุกิ ผู้ผูกขาดขุมพลังอันยิ่งใหญ่อย่างมายาดาบเดียว ตระกูลที่เป็นทั้งดาบและหนามที่คอยทิ่มแทงจักรพรรดิ

 

หากเจอสถานการณ์นี้เข้าไป ผมว่าระเบิดลูกนี้มันก็แรงพอจะสั่นคลอนตระกูลมิตสึรุกิได้เลยนะ

 

แค่นึกถึงหน้าของพ่อผมที่แสดงออกมาต่อสถานการณ์แบบนี้จะเป็นแบบไหน ก็สนุกขึ้นมาแล้วสิ

 

——–

Note 1 : แรกๆก็ตัวประกัน สักพักคงเมีย

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+