การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 73 คำเชิญจากกิลด์

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 73 คำเชิญจากกิลด์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 73 คำเชิญจากกิลด์

 

 

ผมเดินเข้าไปภายในป่าพร้อมกับซูซูเมะในสภาพที่ตัวแทบจะติดกันจนเรียกว่ากอดได้

 

ในตอนแรกผมก็ตั้งใจจะเก็บผลจิไรอาโคคุสก่อนแล้วค่อยไปที่หมู่บ้านคิจินหรอก แต่พอเห็นสภาพตอนนี้แล้วรวมไปถึงความรู้สึกของซูซูเมะเลยทำให้ผมเลือกที่จะไปหมู่บ้านก่อนแทน

 

 

 

แล้วพอพวกผมไปถึงหมู่บ้าน――มันก็เป็นเหมือนกับที่คิดไว้สภาพของมันในตอนนี้เรียกว่าหมู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว

 

 

 

จะให้พูดมันก็คือเศษซากของหมู่บ้านที่ถูกเผาไหม้จนเกรียม และบางส่วนก็ถูกทำลายไปด้วยสัตว์อสูรขนาดยักษ์ หลังจากสำรวจสักพักก็พบว่ามีเพียงแค่บ้านหลังเดียวเท่านั้นที่คงสภาพเหมือนในอดีต

 

 

ซูซูเมะมองบ้านหลังนั้นด้วยท่าทางที่เศร้าหมอง ก่อนจะเดินเข้าไปตรงริมสุดทางของท้ายหมู่บ้าน

 

 

 

ผมก็สงสัยอยู่หรอกว่าเธอตั้งใจจะไปไหนเลยเดินตามไป จนสุดท้ายเธอก็หยุดเดินเมื่อมาถึงยังบริเวณที่มีอนุสาวรีย์หินเล็กๆ เรียงรายอยู่

 

 

 

ผมรู้ได้ทันทีว่านี่คือหลุมฝังศพของเหล่าคิจิน จากนั้นซูซูเมะคุกเข่าลงตรงหน้าอนุสาวรีย์หินชิ้นหนึ่ง แล้วหลับตาก่อนจะสวดอะไรบางอย่าง

 

 

ดูจากที่เห็นตรงนั้นน่าจะเป็นหลุมฝังศพของพ่อกับแม่เธอ ที่ผมได้ยินมาก็คือพ่อของเธอหายตัวไปตั้งแต่เธอยังเด็กส่วนแม่ของเธอก็จากไปเมื่อหลายปีก่อน

 

 

ถึงหมู่บ้านจะมีบาเรียคอยปกป้องอยู่ แต่สำหรับเด็กคนหนึ่งแล้วการใช้ชีวิตอยู่ภายในป่าทีทิสก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม่ของเธอที่จากไปก็คงไม่อยากให้เธอเจอเรื่องแบบนี้หรอกแต่ก็ช่วยไม่ได้

 

 

ผมนึกถึงความรู้สึกที่คนเป็นแม่ต้องทิ้งลูกน้อยของตนไว้ข้างหลังว่าเธอจะปวดใจขนาดไหนกันนะ จากนั้นผมก็ก้มศีรษะลงเคารพหลุมศพอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

――ทันใดนั้น ก็มีบางสิ่งเข้ามากระตุ้นประสาทสัมผัสของผม ผมหยุดสวดส่งและหันไปมองรอบๆ

 

 

 

มันเป็นเสียงคำราม ที่เกิดขึ้นมาหลายครั้งด้วยกัน

 

พวกมันสัมผัสถึงพวกผมได้งั้นเหรอ หรือว่าพวกมันสัมผัสได้ถึงมานาของคิจินเหมือนกับบาซิลิสก์ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ที่ผมบอกได้ก็คือตอนนี้พวกมอนสเตอร์ได้เข้ามาหาพวกผมแล้ว

 

…หากเป็นไปได้ก็อยากจะปล่อยให้ซูซูเมะคุยกับพ่อแม่ของเธอต่อหรอกนะ แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เอื้อขนาดนั้น

 

 

พอผมกำลังจะบอกว่าถึงเวลาแล้วและขอโทษที่ต้องบอกเธอแบบนี้ ซูซูเมะก็ลุกขึ้นยืนแล้วมองมาที่ผม ด้วยความรู้สึกเสียใจก่อนจะขอโทษผม

 

 

 

 

「ขอโทษนะ สุดท้ายฉันก็สร้างปัญหาให้นายอีกแล้วสิ」

 

 

 

「ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้าฉันต้องการไอ้เจ้าพวกนั้นก็ไม่เท่าไหร่หรอก」

 

 

 

ผมแสดงความมั่นใจให้ซูซูเมะได้เห็น เพื่อทำให้เธอสบายใจขึ้น

 

 

เพราะถ้าผมใช้อาภรณ์วิญญาณ ผมก็มั่นใจว่าผมสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ในป่าลึกนี้ได้สบายๆ แน่ ถึงจะต้องปกป้องเธอไปด้วยก็ตาม

 

 

 

แต่เพราะผมไม่อยากจะให้เลือดของพวกมันมาเปื้อนหลุมศพของคิจินเหล่านี้จึงควรถอยก่อน

 

 

ในเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการยืนยันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในป่าด้วยตาตัวเองแล้ว ทีนี้ก็คงถึงเวลาต้องออกจากที่นี่เสียที

 

หากเป็นไปได้ผมก็อยากจะสร้างบาเรียมาคุ้มกันหลุมศพของพ่อแม่เธออยู่ แต่น่าเสียด้วยที่ผมไม่มีความสามารถด้านนั้นอยู่เลย――อ๊ะ จริงสิ มิโรสลาฟมีไอเทมที่ช่วยสร้างบาเรียขึ้นมาได้เหมือนตอนที่เธออยู่บนเขาสกิมนี่นา ไว้เดี๋ยวผมเอามันมาด้วยรอบหน้าดีกว่า

 

ระหว่างที่ผมคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ผมก็ดึงซูซูเมะเข้ามาใกล้ๆ แล้วเริ่มส่งพลังคิไปทั่วร่าง

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

พอพวกผมกลับมาถึงที่พักในเมืองอิชกะพร้อมกับซูซูเมะ ลูนามาเรียกับคนอื่นๆ ก็ออกมารอรับผมที่หน้าบ้าน

 

 

แล้วผมก็ต้องประหลาดใจ

 

 

เพราะมันมีใบหน้าที่ผมคาดไม่ถึงมารวมอยู่ในกลุ่มของลูนามาเรียกับคนอื่นๆ ด้วย

 

 

 

「กิลด์มาสเตอร์เขาบอกว่าต้องการให้ท่านช่วยแบ่งปันข้อมูลภายในป่าทีทิสค่ะ แม้จะต้องทำให้ท่านลำบากใจไปบ้าง แต่ได้โปรดช่วยมากับฉันแล้วไปที่กิลด์ได้หรือเปล่าคะ? 」

 

 

 

คนที่พูดออกมาก่อนจะก้มศีรษะให้กับผมอย่างสุภาพก็คือพนักงานต้อนรับกิลด์ลิดเดล

 

 

ตอนแรกก็สงสัยหรอกนะว่าพวกเขารู้ได้ยังไงว่าผมไปที่ป่าทีทิส แต่พอมานึกดีๆ คราว โซราสก็ตัวใหญ่ซะขนาดนั้นไม่ว่าใครก็คงจะเห็นมันได้ไม่ยาก

 

 

 

เธอก็คงจะมารอผมที่บ้านหลังนี้ พอเห็นผมขี่คราว โซราสมุ่งไปทางป่า

 

 

 

แล้วทำไมคนอย่างฉันต้องไปช่วยพวกเอ็งด้วยห๊ะ? ――หากผมบอกว่าในหัวไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้เลยก็คงโกหก

 

นอกจากนี้ หากพวกเขาต้องการอะไรจากผม อีกฝ่ายก็ควรจะมาหาแทนสิ

 

แต่พอเห็นท่าทางทีแสนจะสุภาพของลิดเดล (ถึงจะไม่รู้ว่าใจจริงรู้สึกยังไงก็เถอะ) ผมก็พอเข้าใจได้ว่าตัวของเอลการ์ดเองก็คงจะอยู่ในสถานะที่ออกไปจากกิลด์ไม่ได้ด้วย เนื่องจากเขาเป็นถึงกิลด์มาสเตอร์

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ ต้องจัดการเรื่องของซูซูเมะ หากผมสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วทำให้มันกลับไปเป็นเหมือนก่อนได้ เรื่องแค่นี้ผมก็ยอมปล่อยผ่านได้สบายๆ

 

 

คงไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากให้ครอบครัวของตนได้พักผ่อนอย่างสงบ

 

 

 

「ได้สิ ถ้างั้นไปกันตอนนี้เลยไหมล่ะ」

 

 

 

「เอ๋…ค-ค่ะ หากเป็นเช่นนั้นได้ทางเราก็จะขอบพระคุณ」

 

 

 

ดวงตาของลิดเดลเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ หลังจากที่ผมให้คำตอบที่แสนคาดไม่ถึง จากนั้นเธอก็พยายามเปลี่ยนสีหน้าของตนด้วยความร้อนรน

 

 

โฮ่ ได้เห็นสีหน้าอันตื่นตระหนกของพนักงานต้อนรับนี่ก็ไม่เลว

 

 

 

เธอคงจะคาดเอาไว้ว่าทางผมจะปฏิเสธให้ความร่วมมือ ผมก็ได้แค่ยิ้มอย่างเจ้าเลห์ขณะเดินตรงไปยังกิลด์ นี่แหละส่วนหนึ่งของการแก้แค้นสำหรับผม

 

 

 

เสียงฝีเท้าของลิดเดลก็เริ่มไล่ตามผมมาจากด้านหลัง

 

 

 

ภายในอาคารของกิลด์ก็ยังคงมีผู้คนอยู่หนาแน่น แม้ผมจะไม่ได้มาที่นี่นานแล้วก็ตาม

 

 

เมื่อลิดเดล ซึ่งสวมเครื่องแบบของกิลด์เดินนำทางให้กับผม เหล่านักผจญภัยก็ร่วมกันเปิดทางให้กับเธอในทันที นอกจากนี้ยังมีหลายคนในนั้นทำท่าประหลาดใจเมื่อเห็นว่าผมคือคนที่ตามหลังเธอเข้ามา แต่ก็ไม่มีใครที่พยายามจะเข้ามาคุยกับผมเลย

 

 

 

เอาเถอะทางผมเองก็ไม่ได้มีใครในนี้ให้อยากนึกถึงหรอก

 

จากนั้นลิดเดลก็นำทางผมไปรอยังห้องรับแขก ก่อนจะบอกผมว่าเธอจะไปรายงานว่าผมมาถึงแล้วให้กิลด์มาสเตอร์ฟัง

 

 

ตอนแรกผมก็กะจะบ่นอยู่หรอกนะ ประมาณว่า “เห้ย นี่จะให้ฉันรอพวกเธออีกนานแค่ไหนกัน” แต่ประตูก็ถูกเคาะในทันทีที่คิดแบบนั้น นี่ยังไม่ถึง 30 วิ เลยนะตั้งแต่ที่ลิดเดลเดินออกห้องไป

 

 

นี่มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยเหรอผมเอียงศีรษะด้วยความฉงน และคนที่เข้ามาภายในห้องนี้ก็คือพนักงานต้อนรับอีกคนที่ไม่ใช่ลิดเดล

 

 

 

 

ผมว่าผมเคยเห็นหน้าเธอมาก่อนนะ…หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งผมก็นึกออก

 

 

เธอคือคนที่เข้ามาสอบถามผมตอนที่รอดกลับมาจากถ้ำราชาแมลงวัน พนักงานต้อนรับกิลด์ รู้สึกจะชื่อพาร์เฟตหรืออะไรทำนองนี้แหละ

 

 

ไม่เหมือนกับลิดเดลที่แสดงท่าทีสุขุม เธอคนนี้ให้ความรู้สึกที่ร่าเริง มีชีวิตชีวา ดูจากอายุน่าจะอ่อนกว่าลิดเดลไปประมาณ4-5ปี

 

 

เอาเถอะผมก็ไม่สนหรอกว่าจะสุขุมหรือร่าเริง สุดท้ายมันก็ไม่เปลี่ยนความรู้สึกที่ผมมีต่อพวกเขาอยู่ดี หรือก็คือผมไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนท่าทีที่แสดงออกมาไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

 

 

พาร์เฟตได้นำถ้วยที่มีไอน้ำร้อนลอยออกมาวางจากถาดที่เธอถืออยู่ ดูเหมือนผมจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจนถึงขั้นมีชามาเสิร์ฟให้แล้ว

 

 

…รู้สึกเหมือนโดนประชดแปลกๆ เลยแฮะ

 

 

จากนั้นผมก็ยิ้มออกมาระหว่างมองไปยังถ้วยชาสีอำพัน ทำให้ทราบได้ว่าใบชาที่พวกเขาใช้เป็นของดี จากนั้นเธอก็นำขนมอบที่ดูดีเหมาะสำหรับทานคู่กับชามาวางต่อ

 

 

 

คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีวันที่ได้รับการต้อนรับขนาดนี้ นี่มันใช่ที่ที่ผมถูกไล่ออกมาเมื่อสองสามเดือนก่อนจริงไหมเนี่ย ชักอยากจะเอาเรื่องนี้ไปบอกตัวเองในอดีตชะมัด

 

 

 

ระหว่างที่ผมคิดเรื่องพวกนี้อยู่ แน่นอนว่าผมไม่ได้แตะต้องชาหรือขนมพวกนี้เลย

 

ก็ไม่ใช่ว่าผมเสแสร้งอยากอวดเบ่งโดยบอกว่าของพวกนี้มันแย่เกินกว่าที่จะมาเสิร์ฟให้กับคนระดับผมหรอกนะ แต่ผมไม่อยากจะไปแตะต้องของจากกิลด์ที่ทำการไล่ผมออกในอดีต

 

นอกจากจะเรียกว่าเสแสร้ง หรือ ดื้อรั้นอะไรแล้วจากกระทำของผมตอนนี้ ผมอยากจะสื่อไปถึงพวกเธอด้วยว่ามัน “เปล่าประโยชน์”

 

 

ผมรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แก่ใจและก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงด้วย

 

 

แม้พาร์เฟตจะเห็นผมแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา เธอยังคงพูดคุยกับผมด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง

 

 

 

 

 

「เชิญทานระหว่างรอได้เลยค่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้วางยาพิษไว้ด้วย」

 

 

 

-บุฟุ- มีเสียงแปลกๆ ออกมาจากปากของเธอ

 

 

พอผมจ้องมองไปยังพนักงานต้อนรับคนนี้ด้วยการหรี่ตาครึ่งหนึ่ง เธอก็มองกลับมาที่ผมก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา

 

「ส่วนขนมที่ทานคู่กับชาพวกนี้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จากทาง 『คูคูริโด』ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ค่ะ ฉันแอบเก็บตุนมันเอาไว้ ถึงจะเป็นการใช้อำนาจของพนักงานต้อนรับกิลด์ในทางที่ผิดไปหน่อยก็เถอะ」

 

 

พาร์เฟตพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่แก้มของเธอเอง

 

 

หากของที่เสิร์ฟให้แขกมันแย่ พวกมันก็จะต้องถูกกำจัด และคนที่รับหน้าที่ในการจัดการก็คือพวกพนักงานของกิลด์ แบบนี้นี่เอง ยัยนี่ค่อนข้างจะเจ้าเล่ห์เลยแฮะ ไม่สิบอกว่าตะกละก็ได้อยู่มั้ง

 

「ถ้าพิจารณาจากเงินเดือนที่กิลด์ให้แล้ว ขนมแค่ชิ้นสองชิ้นน่าจะไม่มีปัญหาสำหรับเธอเลยนี่」

 

 

 

「ฟุฟุ ขนมที่ซื้อด้วยเงินตัวเองกับขนมที่ใช้เงินจากที่ทำงานซื้อมันต่างกันนะคะ มันก็เหมือนกับการถูกเลี้ยงข้าวโดยผู้ชายแหละค่ะ」

 

 

 

พาร์เฟตพูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

 

 

 

….อย่าบอกนะว่าเธออยากชวนผมไปทานข้าว?

 

 

มันต่างจากลิดเดลที่มักจะอยู่ในท่าทางที่สุขุมและสง่าไม่ว่าจะการแต่งหน้าหรือทรงผม ชุดที่พาร์เฟตแต่งมาในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าหลุดจากภาพของพนักงานต้อนรับที่เหมาะสมไปไกลเลย จากที่มิโรสลาฟเล่ามาให้ผมฟัง ดูเหมือนว่าเธอค่อนข้างเป็นคนมีความทะเยอทะยานที่จะปีนขึ้นไปให้สูงกว่าที่ตนเคยอยู่ตลอด แน่นอนว่าสถานะทางสังคมก็ด้วย

 

 

อัศวินมังกรและคนที่มีเส้นสายกับทางดยุกดรากูนอท ดูแล้วผมน่าจะเป็นผู้ชายที่นิสัยตรงกับที่เธอชอบเข้าก็ได้มั้ง

 

 

 

…ไม่ๆๆ ไอ้แบบนี้มันตั้งใจจะหลอกกันชัดๆ ถ้าหากผมรับคำเชิญชวนของเธอแล้วละก็ หลังจากนี้ผมจะโดนเธอปั่นหัวอะไรบ้างอีกก็ไม่รู้

 

 

เฮ้อ ไม่อยากจะรับมือผู้หญิงแบบนี้เลยแฮะ

 

 

เอาจริงๆ นะ พวกมอนสเตอร์น่ะขอให้มีแค่นอกเมืองเถอะ!

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังจะเปิดปากพูดกับเธอด้วยความคิดแบบนั้น ประตูห้องก็ถูกเคาะขึ้นอีกครั้ง

 

 

และคนที่เข้ามารอบนี้ก็เป็นลิดเดล

 

 

ถึงเธอจะแปลกใจบ้างที่เห็นพาร์เฟตอยู่ที่นี่ แต่เธอก็แจ้งกับผมว่าเธอจะนำทางผมไปยังห้องของกิลด์มาสเตอร์

 

 

ดูเหมือนหลังจากที่เอลการ์ดได้รับรายงาน เขาก็พยายามจัดสรรเวลามาให้ผมในทันที จากมุมของเขาคงมองว่าการปล่อยให้ผมรอนาน สุดท้ายผมก็อาจจะเดินออกไปเฉยๆ เลยก็ได้

 

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมรุ้สึกดีขึ้นมาแบบบอกไม่ถูกจนความบันเทิงมันพลุ่งพล่านอยู่ในอกนี้เลยแฮะ จากนั้นพอผมยืนขึ้นเพื่อตอบรับคำเชิญของลิดเดล

 

———

Note 1 : พาร์เฟตชอบผู้ชายนิสัยรวยและมีพลังอำนาจ ดูทรงโซระน่าจะรับมือกับลิดเดลไม่ง่ายกว่านางเยอะเกลียดก็เกลียดไปเลย
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 73 คำเชิญจากกิลด์

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 73 คำเชิญจากกิลด์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 73 คำเชิญจากกิลด์

 

 

ผมเดินเข้าไปภายในป่าพร้อมกับซูซูเมะในสภาพที่ตัวแทบจะติดกันจนเรียกว่ากอดได้

 

ในตอนแรกผมก็ตั้งใจจะเก็บผลจิไรอาโคคุสก่อนแล้วค่อยไปที่หมู่บ้านคิจินหรอก แต่พอเห็นสภาพตอนนี้แล้วรวมไปถึงความรู้สึกของซูซูเมะเลยทำให้ผมเลือกที่จะไปหมู่บ้านก่อนแทน

 

 

 

แล้วพอพวกผมไปถึงหมู่บ้าน――มันก็เป็นเหมือนกับที่คิดไว้สภาพของมันในตอนนี้เรียกว่าหมู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว

 

 

 

จะให้พูดมันก็คือเศษซากของหมู่บ้านที่ถูกเผาไหม้จนเกรียม และบางส่วนก็ถูกทำลายไปด้วยสัตว์อสูรขนาดยักษ์ หลังจากสำรวจสักพักก็พบว่ามีเพียงแค่บ้านหลังเดียวเท่านั้นที่คงสภาพเหมือนในอดีต

 

 

ซูซูเมะมองบ้านหลังนั้นด้วยท่าทางที่เศร้าหมอง ก่อนจะเดินเข้าไปตรงริมสุดทางของท้ายหมู่บ้าน

 

 

 

ผมก็สงสัยอยู่หรอกว่าเธอตั้งใจจะไปไหนเลยเดินตามไป จนสุดท้ายเธอก็หยุดเดินเมื่อมาถึงยังบริเวณที่มีอนุสาวรีย์หินเล็กๆ เรียงรายอยู่

 

 

 

ผมรู้ได้ทันทีว่านี่คือหลุมฝังศพของเหล่าคิจิน จากนั้นซูซูเมะคุกเข่าลงตรงหน้าอนุสาวรีย์หินชิ้นหนึ่ง แล้วหลับตาก่อนจะสวดอะไรบางอย่าง

 

 

ดูจากที่เห็นตรงนั้นน่าจะเป็นหลุมฝังศพของพ่อกับแม่เธอ ที่ผมได้ยินมาก็คือพ่อของเธอหายตัวไปตั้งแต่เธอยังเด็กส่วนแม่ของเธอก็จากไปเมื่อหลายปีก่อน

 

 

ถึงหมู่บ้านจะมีบาเรียคอยปกป้องอยู่ แต่สำหรับเด็กคนหนึ่งแล้วการใช้ชีวิตอยู่ภายในป่าทีทิสก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม่ของเธอที่จากไปก็คงไม่อยากให้เธอเจอเรื่องแบบนี้หรอกแต่ก็ช่วยไม่ได้

 

 

ผมนึกถึงความรู้สึกที่คนเป็นแม่ต้องทิ้งลูกน้อยของตนไว้ข้างหลังว่าเธอจะปวดใจขนาดไหนกันนะ จากนั้นผมก็ก้มศีรษะลงเคารพหลุมศพอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

――ทันใดนั้น ก็มีบางสิ่งเข้ามากระตุ้นประสาทสัมผัสของผม ผมหยุดสวดส่งและหันไปมองรอบๆ

 

 

 

มันเป็นเสียงคำราม ที่เกิดขึ้นมาหลายครั้งด้วยกัน

 

พวกมันสัมผัสถึงพวกผมได้งั้นเหรอ หรือว่าพวกมันสัมผัสได้ถึงมานาของคิจินเหมือนกับบาซิลิสก์ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ที่ผมบอกได้ก็คือตอนนี้พวกมอนสเตอร์ได้เข้ามาหาพวกผมแล้ว

 

…หากเป็นไปได้ก็อยากจะปล่อยให้ซูซูเมะคุยกับพ่อแม่ของเธอต่อหรอกนะ แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เอื้อขนาดนั้น

 

 

พอผมกำลังจะบอกว่าถึงเวลาแล้วและขอโทษที่ต้องบอกเธอแบบนี้ ซูซูเมะก็ลุกขึ้นยืนแล้วมองมาที่ผม ด้วยความรู้สึกเสียใจก่อนจะขอโทษผม

 

 

 

 

「ขอโทษนะ สุดท้ายฉันก็สร้างปัญหาให้นายอีกแล้วสิ」

 

 

 

「ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้าฉันต้องการไอ้เจ้าพวกนั้นก็ไม่เท่าไหร่หรอก」

 

 

 

ผมแสดงความมั่นใจให้ซูซูเมะได้เห็น เพื่อทำให้เธอสบายใจขึ้น

 

 

เพราะถ้าผมใช้อาภรณ์วิญญาณ ผมก็มั่นใจว่าผมสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ในป่าลึกนี้ได้สบายๆ แน่ ถึงจะต้องปกป้องเธอไปด้วยก็ตาม

 

 

 

แต่เพราะผมไม่อยากจะให้เลือดของพวกมันมาเปื้อนหลุมศพของคิจินเหล่านี้จึงควรถอยก่อน

 

 

ในเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการยืนยันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในป่าด้วยตาตัวเองแล้ว ทีนี้ก็คงถึงเวลาต้องออกจากที่นี่เสียที

 

หากเป็นไปได้ผมก็อยากจะสร้างบาเรียมาคุ้มกันหลุมศพของพ่อแม่เธออยู่ แต่น่าเสียด้วยที่ผมไม่มีความสามารถด้านนั้นอยู่เลย――อ๊ะ จริงสิ มิโรสลาฟมีไอเทมที่ช่วยสร้างบาเรียขึ้นมาได้เหมือนตอนที่เธออยู่บนเขาสกิมนี่นา ไว้เดี๋ยวผมเอามันมาด้วยรอบหน้าดีกว่า

 

ระหว่างที่ผมคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ผมก็ดึงซูซูเมะเข้ามาใกล้ๆ แล้วเริ่มส่งพลังคิไปทั่วร่าง

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

พอพวกผมกลับมาถึงที่พักในเมืองอิชกะพร้อมกับซูซูเมะ ลูนามาเรียกับคนอื่นๆ ก็ออกมารอรับผมที่หน้าบ้าน

 

 

แล้วผมก็ต้องประหลาดใจ

 

 

เพราะมันมีใบหน้าที่ผมคาดไม่ถึงมารวมอยู่ในกลุ่มของลูนามาเรียกับคนอื่นๆ ด้วย

 

 

 

「กิลด์มาสเตอร์เขาบอกว่าต้องการให้ท่านช่วยแบ่งปันข้อมูลภายในป่าทีทิสค่ะ แม้จะต้องทำให้ท่านลำบากใจไปบ้าง แต่ได้โปรดช่วยมากับฉันแล้วไปที่กิลด์ได้หรือเปล่าคะ? 」

 

 

 

คนที่พูดออกมาก่อนจะก้มศีรษะให้กับผมอย่างสุภาพก็คือพนักงานต้อนรับกิลด์ลิดเดล

 

 

ตอนแรกก็สงสัยหรอกนะว่าพวกเขารู้ได้ยังไงว่าผมไปที่ป่าทีทิส แต่พอมานึกดีๆ คราว โซราสก็ตัวใหญ่ซะขนาดนั้นไม่ว่าใครก็คงจะเห็นมันได้ไม่ยาก

 

 

 

เธอก็คงจะมารอผมที่บ้านหลังนี้ พอเห็นผมขี่คราว โซราสมุ่งไปทางป่า

 

 

 

แล้วทำไมคนอย่างฉันต้องไปช่วยพวกเอ็งด้วยห๊ะ? ――หากผมบอกว่าในหัวไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้เลยก็คงโกหก

 

นอกจากนี้ หากพวกเขาต้องการอะไรจากผม อีกฝ่ายก็ควรจะมาหาแทนสิ

 

แต่พอเห็นท่าทางทีแสนจะสุภาพของลิดเดล (ถึงจะไม่รู้ว่าใจจริงรู้สึกยังไงก็เถอะ) ผมก็พอเข้าใจได้ว่าตัวของเอลการ์ดเองก็คงจะอยู่ในสถานะที่ออกไปจากกิลด์ไม่ได้ด้วย เนื่องจากเขาเป็นถึงกิลด์มาสเตอร์

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ ต้องจัดการเรื่องของซูซูเมะ หากผมสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วทำให้มันกลับไปเป็นเหมือนก่อนได้ เรื่องแค่นี้ผมก็ยอมปล่อยผ่านได้สบายๆ

 

 

คงไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากให้ครอบครัวของตนได้พักผ่อนอย่างสงบ

 

 

 

「ได้สิ ถ้างั้นไปกันตอนนี้เลยไหมล่ะ」

 

 

 

「เอ๋…ค-ค่ะ หากเป็นเช่นนั้นได้ทางเราก็จะขอบพระคุณ」

 

 

 

ดวงตาของลิดเดลเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ หลังจากที่ผมให้คำตอบที่แสนคาดไม่ถึง จากนั้นเธอก็พยายามเปลี่ยนสีหน้าของตนด้วยความร้อนรน

 

 

โฮ่ ได้เห็นสีหน้าอันตื่นตระหนกของพนักงานต้อนรับนี่ก็ไม่เลว

 

 

 

เธอคงจะคาดเอาไว้ว่าทางผมจะปฏิเสธให้ความร่วมมือ ผมก็ได้แค่ยิ้มอย่างเจ้าเลห์ขณะเดินตรงไปยังกิลด์ นี่แหละส่วนหนึ่งของการแก้แค้นสำหรับผม

 

 

 

เสียงฝีเท้าของลิดเดลก็เริ่มไล่ตามผมมาจากด้านหลัง

 

 

 

ภายในอาคารของกิลด์ก็ยังคงมีผู้คนอยู่หนาแน่น แม้ผมจะไม่ได้มาที่นี่นานแล้วก็ตาม

 

 

เมื่อลิดเดล ซึ่งสวมเครื่องแบบของกิลด์เดินนำทางให้กับผม เหล่านักผจญภัยก็ร่วมกันเปิดทางให้กับเธอในทันที นอกจากนี้ยังมีหลายคนในนั้นทำท่าประหลาดใจเมื่อเห็นว่าผมคือคนที่ตามหลังเธอเข้ามา แต่ก็ไม่มีใครที่พยายามจะเข้ามาคุยกับผมเลย

 

 

 

เอาเถอะทางผมเองก็ไม่ได้มีใครในนี้ให้อยากนึกถึงหรอก

 

จากนั้นลิดเดลก็นำทางผมไปรอยังห้องรับแขก ก่อนจะบอกผมว่าเธอจะไปรายงานว่าผมมาถึงแล้วให้กิลด์มาสเตอร์ฟัง

 

 

ตอนแรกผมก็กะจะบ่นอยู่หรอกนะ ประมาณว่า “เห้ย นี่จะให้ฉันรอพวกเธออีกนานแค่ไหนกัน” แต่ประตูก็ถูกเคาะในทันทีที่คิดแบบนั้น นี่ยังไม่ถึง 30 วิ เลยนะตั้งแต่ที่ลิดเดลเดินออกห้องไป

 

 

นี่มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยเหรอผมเอียงศีรษะด้วยความฉงน และคนที่เข้ามาภายในห้องนี้ก็คือพนักงานต้อนรับอีกคนที่ไม่ใช่ลิดเดล

 

 

 

 

ผมว่าผมเคยเห็นหน้าเธอมาก่อนนะ…หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งผมก็นึกออก

 

 

เธอคือคนที่เข้ามาสอบถามผมตอนที่รอดกลับมาจากถ้ำราชาแมลงวัน พนักงานต้อนรับกิลด์ รู้สึกจะชื่อพาร์เฟตหรืออะไรทำนองนี้แหละ

 

 

ไม่เหมือนกับลิดเดลที่แสดงท่าทีสุขุม เธอคนนี้ให้ความรู้สึกที่ร่าเริง มีชีวิตชีวา ดูจากอายุน่าจะอ่อนกว่าลิดเดลไปประมาณ4-5ปี

 

 

เอาเถอะผมก็ไม่สนหรอกว่าจะสุขุมหรือร่าเริง สุดท้ายมันก็ไม่เปลี่ยนความรู้สึกที่ผมมีต่อพวกเขาอยู่ดี หรือก็คือผมไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนท่าทีที่แสดงออกมาไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

 

 

พาร์เฟตได้นำถ้วยที่มีไอน้ำร้อนลอยออกมาวางจากถาดที่เธอถืออยู่ ดูเหมือนผมจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจนถึงขั้นมีชามาเสิร์ฟให้แล้ว

 

 

…รู้สึกเหมือนโดนประชดแปลกๆ เลยแฮะ

 

 

จากนั้นผมก็ยิ้มออกมาระหว่างมองไปยังถ้วยชาสีอำพัน ทำให้ทราบได้ว่าใบชาที่พวกเขาใช้เป็นของดี จากนั้นเธอก็นำขนมอบที่ดูดีเหมาะสำหรับทานคู่กับชามาวางต่อ

 

 

 

คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีวันที่ได้รับการต้อนรับขนาดนี้ นี่มันใช่ที่ที่ผมถูกไล่ออกมาเมื่อสองสามเดือนก่อนจริงไหมเนี่ย ชักอยากจะเอาเรื่องนี้ไปบอกตัวเองในอดีตชะมัด

 

 

 

ระหว่างที่ผมคิดเรื่องพวกนี้อยู่ แน่นอนว่าผมไม่ได้แตะต้องชาหรือขนมพวกนี้เลย

 

ก็ไม่ใช่ว่าผมเสแสร้งอยากอวดเบ่งโดยบอกว่าของพวกนี้มันแย่เกินกว่าที่จะมาเสิร์ฟให้กับคนระดับผมหรอกนะ แต่ผมไม่อยากจะไปแตะต้องของจากกิลด์ที่ทำการไล่ผมออกในอดีต

 

นอกจากจะเรียกว่าเสแสร้ง หรือ ดื้อรั้นอะไรแล้วจากกระทำของผมตอนนี้ ผมอยากจะสื่อไปถึงพวกเธอด้วยว่ามัน “เปล่าประโยชน์”

 

 

ผมรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แก่ใจและก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงด้วย

 

 

แม้พาร์เฟตจะเห็นผมแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา เธอยังคงพูดคุยกับผมด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง

 

 

 

 

 

「เชิญทานระหว่างรอได้เลยค่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้วางยาพิษไว้ด้วย」

 

 

 

-บุฟุ- มีเสียงแปลกๆ ออกมาจากปากของเธอ

 

 

พอผมจ้องมองไปยังพนักงานต้อนรับคนนี้ด้วยการหรี่ตาครึ่งหนึ่ง เธอก็มองกลับมาที่ผมก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา

 

「ส่วนขนมที่ทานคู่กับชาพวกนี้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จากทาง 『คูคูริโด』ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ค่ะ ฉันแอบเก็บตุนมันเอาไว้ ถึงจะเป็นการใช้อำนาจของพนักงานต้อนรับกิลด์ในทางที่ผิดไปหน่อยก็เถอะ」

 

 

พาร์เฟตพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่แก้มของเธอเอง

 

 

หากของที่เสิร์ฟให้แขกมันแย่ พวกมันก็จะต้องถูกกำจัด และคนที่รับหน้าที่ในการจัดการก็คือพวกพนักงานของกิลด์ แบบนี้นี่เอง ยัยนี่ค่อนข้างจะเจ้าเล่ห์เลยแฮะ ไม่สิบอกว่าตะกละก็ได้อยู่มั้ง

 

「ถ้าพิจารณาจากเงินเดือนที่กิลด์ให้แล้ว ขนมแค่ชิ้นสองชิ้นน่าจะไม่มีปัญหาสำหรับเธอเลยนี่」

 

 

 

「ฟุฟุ ขนมที่ซื้อด้วยเงินตัวเองกับขนมที่ใช้เงินจากที่ทำงานซื้อมันต่างกันนะคะ มันก็เหมือนกับการถูกเลี้ยงข้าวโดยผู้ชายแหละค่ะ」

 

 

 

พาร์เฟตพูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

 

 

 

….อย่าบอกนะว่าเธออยากชวนผมไปทานข้าว?

 

 

มันต่างจากลิดเดลที่มักจะอยู่ในท่าทางที่สุขุมและสง่าไม่ว่าจะการแต่งหน้าหรือทรงผม ชุดที่พาร์เฟตแต่งมาในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าหลุดจากภาพของพนักงานต้อนรับที่เหมาะสมไปไกลเลย จากที่มิโรสลาฟเล่ามาให้ผมฟัง ดูเหมือนว่าเธอค่อนข้างเป็นคนมีความทะเยอทะยานที่จะปีนขึ้นไปให้สูงกว่าที่ตนเคยอยู่ตลอด แน่นอนว่าสถานะทางสังคมก็ด้วย

 

 

อัศวินมังกรและคนที่มีเส้นสายกับทางดยุกดรากูนอท ดูแล้วผมน่าจะเป็นผู้ชายที่นิสัยตรงกับที่เธอชอบเข้าก็ได้มั้ง

 

 

 

…ไม่ๆๆ ไอ้แบบนี้มันตั้งใจจะหลอกกันชัดๆ ถ้าหากผมรับคำเชิญชวนของเธอแล้วละก็ หลังจากนี้ผมจะโดนเธอปั่นหัวอะไรบ้างอีกก็ไม่รู้

 

 

เฮ้อ ไม่อยากจะรับมือผู้หญิงแบบนี้เลยแฮะ

 

 

เอาจริงๆ นะ พวกมอนสเตอร์น่ะขอให้มีแค่นอกเมืองเถอะ!

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังจะเปิดปากพูดกับเธอด้วยความคิดแบบนั้น ประตูห้องก็ถูกเคาะขึ้นอีกครั้ง

 

 

และคนที่เข้ามารอบนี้ก็เป็นลิดเดล

 

 

ถึงเธอจะแปลกใจบ้างที่เห็นพาร์เฟตอยู่ที่นี่ แต่เธอก็แจ้งกับผมว่าเธอจะนำทางผมไปยังห้องของกิลด์มาสเตอร์

 

 

ดูเหมือนหลังจากที่เอลการ์ดได้รับรายงาน เขาก็พยายามจัดสรรเวลามาให้ผมในทันที จากมุมของเขาคงมองว่าการปล่อยให้ผมรอนาน สุดท้ายผมก็อาจจะเดินออกไปเฉยๆ เลยก็ได้

 

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมรุ้สึกดีขึ้นมาแบบบอกไม่ถูกจนความบันเทิงมันพลุ่งพล่านอยู่ในอกนี้เลยแฮะ จากนั้นพอผมยืนขึ้นเพื่อตอบรับคำเชิญของลิดเดล

 

———

Note 1 : พาร์เฟตชอบผู้ชายนิสัยรวยและมีพลังอำนาจ ดูทรงโซระน่าจะรับมือกับลิดเดลไม่ง่ายกว่านางเยอะเกลียดก็เกลียดไปเลย
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 73 คำเชิญจากกิลด์

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 73 คำเชิญจากกิลด์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 73 คำเชิญจากกิลด์

 

 

ผมเดินเข้าไปภายในป่าพร้อมกับซูซูเมะในสภาพที่ตัวแทบจะติดกันจนเรียกว่ากอดได้

 

ในตอนแรกผมก็ตั้งใจจะเก็บผลจิไรอาโคคุสก่อนแล้วค่อยไปที่หมู่บ้านคิจินหรอก แต่พอเห็นสภาพตอนนี้แล้วรวมไปถึงความรู้สึกของซูซูเมะเลยทำให้ผมเลือกที่จะไปหมู่บ้านก่อนแทน

 

 

 

แล้วพอพวกผมไปถึงหมู่บ้าน――มันก็เป็นเหมือนกับที่คิดไว้สภาพของมันในตอนนี้เรียกว่าหมู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว

 

 

 

จะให้พูดมันก็คือเศษซากของหมู่บ้านที่ถูกเผาไหม้จนเกรียม และบางส่วนก็ถูกทำลายไปด้วยสัตว์อสูรขนาดยักษ์ หลังจากสำรวจสักพักก็พบว่ามีเพียงแค่บ้านหลังเดียวเท่านั้นที่คงสภาพเหมือนในอดีต

 

 

ซูซูเมะมองบ้านหลังนั้นด้วยท่าทางที่เศร้าหมอง ก่อนจะเดินเข้าไปตรงริมสุดทางของท้ายหมู่บ้าน

 

 

 

ผมก็สงสัยอยู่หรอกว่าเธอตั้งใจจะไปไหนเลยเดินตามไป จนสุดท้ายเธอก็หยุดเดินเมื่อมาถึงยังบริเวณที่มีอนุสาวรีย์หินเล็กๆ เรียงรายอยู่

 

 

 

ผมรู้ได้ทันทีว่านี่คือหลุมฝังศพของเหล่าคิจิน จากนั้นซูซูเมะคุกเข่าลงตรงหน้าอนุสาวรีย์หินชิ้นหนึ่ง แล้วหลับตาก่อนจะสวดอะไรบางอย่าง

 

 

ดูจากที่เห็นตรงนั้นน่าจะเป็นหลุมฝังศพของพ่อกับแม่เธอ ที่ผมได้ยินมาก็คือพ่อของเธอหายตัวไปตั้งแต่เธอยังเด็กส่วนแม่ของเธอก็จากไปเมื่อหลายปีก่อน

 

 

ถึงหมู่บ้านจะมีบาเรียคอยปกป้องอยู่ แต่สำหรับเด็กคนหนึ่งแล้วการใช้ชีวิตอยู่ภายในป่าทีทิสก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม่ของเธอที่จากไปก็คงไม่อยากให้เธอเจอเรื่องแบบนี้หรอกแต่ก็ช่วยไม่ได้

 

 

ผมนึกถึงความรู้สึกที่คนเป็นแม่ต้องทิ้งลูกน้อยของตนไว้ข้างหลังว่าเธอจะปวดใจขนาดไหนกันนะ จากนั้นผมก็ก้มศีรษะลงเคารพหลุมศพอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

――ทันใดนั้น ก็มีบางสิ่งเข้ามากระตุ้นประสาทสัมผัสของผม ผมหยุดสวดส่งและหันไปมองรอบๆ

 

 

 

มันเป็นเสียงคำราม ที่เกิดขึ้นมาหลายครั้งด้วยกัน

 

พวกมันสัมผัสถึงพวกผมได้งั้นเหรอ หรือว่าพวกมันสัมผัสได้ถึงมานาของคิจินเหมือนกับบาซิลิสก์ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ที่ผมบอกได้ก็คือตอนนี้พวกมอนสเตอร์ได้เข้ามาหาพวกผมแล้ว

 

…หากเป็นไปได้ก็อยากจะปล่อยให้ซูซูเมะคุยกับพ่อแม่ของเธอต่อหรอกนะ แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เอื้อขนาดนั้น

 

 

พอผมกำลังจะบอกว่าถึงเวลาแล้วและขอโทษที่ต้องบอกเธอแบบนี้ ซูซูเมะก็ลุกขึ้นยืนแล้วมองมาที่ผม ด้วยความรู้สึกเสียใจก่อนจะขอโทษผม

 

 

 

 

「ขอโทษนะ สุดท้ายฉันก็สร้างปัญหาให้นายอีกแล้วสิ」

 

 

 

「ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้าฉันต้องการไอ้เจ้าพวกนั้นก็ไม่เท่าไหร่หรอก」

 

 

 

ผมแสดงความมั่นใจให้ซูซูเมะได้เห็น เพื่อทำให้เธอสบายใจขึ้น

 

 

เพราะถ้าผมใช้อาภรณ์วิญญาณ ผมก็มั่นใจว่าผมสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ในป่าลึกนี้ได้สบายๆ แน่ ถึงจะต้องปกป้องเธอไปด้วยก็ตาม

 

 

 

แต่เพราะผมไม่อยากจะให้เลือดของพวกมันมาเปื้อนหลุมศพของคิจินเหล่านี้จึงควรถอยก่อน

 

 

ในเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการยืนยันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในป่าด้วยตาตัวเองแล้ว ทีนี้ก็คงถึงเวลาต้องออกจากที่นี่เสียที

 

หากเป็นไปได้ผมก็อยากจะสร้างบาเรียมาคุ้มกันหลุมศพของพ่อแม่เธออยู่ แต่น่าเสียด้วยที่ผมไม่มีความสามารถด้านนั้นอยู่เลย――อ๊ะ จริงสิ มิโรสลาฟมีไอเทมที่ช่วยสร้างบาเรียขึ้นมาได้เหมือนตอนที่เธออยู่บนเขาสกิมนี่นา ไว้เดี๋ยวผมเอามันมาด้วยรอบหน้าดีกว่า

 

ระหว่างที่ผมคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ผมก็ดึงซูซูเมะเข้ามาใกล้ๆ แล้วเริ่มส่งพลังคิไปทั่วร่าง

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

พอพวกผมกลับมาถึงที่พักในเมืองอิชกะพร้อมกับซูซูเมะ ลูนามาเรียกับคนอื่นๆ ก็ออกมารอรับผมที่หน้าบ้าน

 

 

แล้วผมก็ต้องประหลาดใจ

 

 

เพราะมันมีใบหน้าที่ผมคาดไม่ถึงมารวมอยู่ในกลุ่มของลูนามาเรียกับคนอื่นๆ ด้วย

 

 

 

「กิลด์มาสเตอร์เขาบอกว่าต้องการให้ท่านช่วยแบ่งปันข้อมูลภายในป่าทีทิสค่ะ แม้จะต้องทำให้ท่านลำบากใจไปบ้าง แต่ได้โปรดช่วยมากับฉันแล้วไปที่กิลด์ได้หรือเปล่าคะ? 」

 

 

 

คนที่พูดออกมาก่อนจะก้มศีรษะให้กับผมอย่างสุภาพก็คือพนักงานต้อนรับกิลด์ลิดเดล

 

 

ตอนแรกก็สงสัยหรอกนะว่าพวกเขารู้ได้ยังไงว่าผมไปที่ป่าทีทิส แต่พอมานึกดีๆ คราว โซราสก็ตัวใหญ่ซะขนาดนั้นไม่ว่าใครก็คงจะเห็นมันได้ไม่ยาก

 

 

 

เธอก็คงจะมารอผมที่บ้านหลังนี้ พอเห็นผมขี่คราว โซราสมุ่งไปทางป่า

 

 

 

แล้วทำไมคนอย่างฉันต้องไปช่วยพวกเอ็งด้วยห๊ะ? ――หากผมบอกว่าในหัวไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้เลยก็คงโกหก

 

นอกจากนี้ หากพวกเขาต้องการอะไรจากผม อีกฝ่ายก็ควรจะมาหาแทนสิ

 

แต่พอเห็นท่าทางทีแสนจะสุภาพของลิดเดล (ถึงจะไม่รู้ว่าใจจริงรู้สึกยังไงก็เถอะ) ผมก็พอเข้าใจได้ว่าตัวของเอลการ์ดเองก็คงจะอยู่ในสถานะที่ออกไปจากกิลด์ไม่ได้ด้วย เนื่องจากเขาเป็นถึงกิลด์มาสเตอร์

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ ต้องจัดการเรื่องของซูซูเมะ หากผมสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วทำให้มันกลับไปเป็นเหมือนก่อนได้ เรื่องแค่นี้ผมก็ยอมปล่อยผ่านได้สบายๆ

 

 

คงไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากให้ครอบครัวของตนได้พักผ่อนอย่างสงบ

 

 

 

「ได้สิ ถ้างั้นไปกันตอนนี้เลยไหมล่ะ」

 

 

 

「เอ๋…ค-ค่ะ หากเป็นเช่นนั้นได้ทางเราก็จะขอบพระคุณ」

 

 

 

ดวงตาของลิดเดลเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ หลังจากที่ผมให้คำตอบที่แสนคาดไม่ถึง จากนั้นเธอก็พยายามเปลี่ยนสีหน้าของตนด้วยความร้อนรน

 

 

โฮ่ ได้เห็นสีหน้าอันตื่นตระหนกของพนักงานต้อนรับนี่ก็ไม่เลว

 

 

 

เธอคงจะคาดเอาไว้ว่าทางผมจะปฏิเสธให้ความร่วมมือ ผมก็ได้แค่ยิ้มอย่างเจ้าเลห์ขณะเดินตรงไปยังกิลด์ นี่แหละส่วนหนึ่งของการแก้แค้นสำหรับผม

 

 

 

เสียงฝีเท้าของลิดเดลก็เริ่มไล่ตามผมมาจากด้านหลัง

 

 

 

ภายในอาคารของกิลด์ก็ยังคงมีผู้คนอยู่หนาแน่น แม้ผมจะไม่ได้มาที่นี่นานแล้วก็ตาม

 

 

เมื่อลิดเดล ซึ่งสวมเครื่องแบบของกิลด์เดินนำทางให้กับผม เหล่านักผจญภัยก็ร่วมกันเปิดทางให้กับเธอในทันที นอกจากนี้ยังมีหลายคนในนั้นทำท่าประหลาดใจเมื่อเห็นว่าผมคือคนที่ตามหลังเธอเข้ามา แต่ก็ไม่มีใครที่พยายามจะเข้ามาคุยกับผมเลย

 

 

 

เอาเถอะทางผมเองก็ไม่ได้มีใครในนี้ให้อยากนึกถึงหรอก

 

จากนั้นลิดเดลก็นำทางผมไปรอยังห้องรับแขก ก่อนจะบอกผมว่าเธอจะไปรายงานว่าผมมาถึงแล้วให้กิลด์มาสเตอร์ฟัง

 

 

ตอนแรกผมก็กะจะบ่นอยู่หรอกนะ ประมาณว่า “เห้ย นี่จะให้ฉันรอพวกเธออีกนานแค่ไหนกัน” แต่ประตูก็ถูกเคาะในทันทีที่คิดแบบนั้น นี่ยังไม่ถึง 30 วิ เลยนะตั้งแต่ที่ลิดเดลเดินออกห้องไป

 

 

นี่มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยเหรอผมเอียงศีรษะด้วยความฉงน และคนที่เข้ามาภายในห้องนี้ก็คือพนักงานต้อนรับอีกคนที่ไม่ใช่ลิดเดล

 

 

 

 

ผมว่าผมเคยเห็นหน้าเธอมาก่อนนะ…หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งผมก็นึกออก

 

 

เธอคือคนที่เข้ามาสอบถามผมตอนที่รอดกลับมาจากถ้ำราชาแมลงวัน พนักงานต้อนรับกิลด์ รู้สึกจะชื่อพาร์เฟตหรืออะไรทำนองนี้แหละ

 

 

ไม่เหมือนกับลิดเดลที่แสดงท่าทีสุขุม เธอคนนี้ให้ความรู้สึกที่ร่าเริง มีชีวิตชีวา ดูจากอายุน่าจะอ่อนกว่าลิดเดลไปประมาณ4-5ปี

 

 

เอาเถอะผมก็ไม่สนหรอกว่าจะสุขุมหรือร่าเริง สุดท้ายมันก็ไม่เปลี่ยนความรู้สึกที่ผมมีต่อพวกเขาอยู่ดี หรือก็คือผมไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนท่าทีที่แสดงออกมาไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

 

 

พาร์เฟตได้นำถ้วยที่มีไอน้ำร้อนลอยออกมาวางจากถาดที่เธอถืออยู่ ดูเหมือนผมจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจนถึงขั้นมีชามาเสิร์ฟให้แล้ว

 

 

…รู้สึกเหมือนโดนประชดแปลกๆ เลยแฮะ

 

 

จากนั้นผมก็ยิ้มออกมาระหว่างมองไปยังถ้วยชาสีอำพัน ทำให้ทราบได้ว่าใบชาที่พวกเขาใช้เป็นของดี จากนั้นเธอก็นำขนมอบที่ดูดีเหมาะสำหรับทานคู่กับชามาวางต่อ

 

 

 

คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีวันที่ได้รับการต้อนรับขนาดนี้ นี่มันใช่ที่ที่ผมถูกไล่ออกมาเมื่อสองสามเดือนก่อนจริงไหมเนี่ย ชักอยากจะเอาเรื่องนี้ไปบอกตัวเองในอดีตชะมัด

 

 

 

ระหว่างที่ผมคิดเรื่องพวกนี้อยู่ แน่นอนว่าผมไม่ได้แตะต้องชาหรือขนมพวกนี้เลย

 

ก็ไม่ใช่ว่าผมเสแสร้งอยากอวดเบ่งโดยบอกว่าของพวกนี้มันแย่เกินกว่าที่จะมาเสิร์ฟให้กับคนระดับผมหรอกนะ แต่ผมไม่อยากจะไปแตะต้องของจากกิลด์ที่ทำการไล่ผมออกในอดีต

 

นอกจากจะเรียกว่าเสแสร้ง หรือ ดื้อรั้นอะไรแล้วจากกระทำของผมตอนนี้ ผมอยากจะสื่อไปถึงพวกเธอด้วยว่ามัน “เปล่าประโยชน์”

 

 

ผมรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แก่ใจและก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงด้วย

 

 

แม้พาร์เฟตจะเห็นผมแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา เธอยังคงพูดคุยกับผมด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง

 

 

 

 

 

「เชิญทานระหว่างรอได้เลยค่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้วางยาพิษไว้ด้วย」

 

 

 

-บุฟุ- มีเสียงแปลกๆ ออกมาจากปากของเธอ

 

 

พอผมจ้องมองไปยังพนักงานต้อนรับคนนี้ด้วยการหรี่ตาครึ่งหนึ่ง เธอก็มองกลับมาที่ผมก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา

 

「ส่วนขนมที่ทานคู่กับชาพวกนี้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จากทาง 『คูคูริโด』ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ค่ะ ฉันแอบเก็บตุนมันเอาไว้ ถึงจะเป็นการใช้อำนาจของพนักงานต้อนรับกิลด์ในทางที่ผิดไปหน่อยก็เถอะ」

 

 

พาร์เฟตพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่แก้มของเธอเอง

 

 

หากของที่เสิร์ฟให้แขกมันแย่ พวกมันก็จะต้องถูกกำจัด และคนที่รับหน้าที่ในการจัดการก็คือพวกพนักงานของกิลด์ แบบนี้นี่เอง ยัยนี่ค่อนข้างจะเจ้าเล่ห์เลยแฮะ ไม่สิบอกว่าตะกละก็ได้อยู่มั้ง

 

「ถ้าพิจารณาจากเงินเดือนที่กิลด์ให้แล้ว ขนมแค่ชิ้นสองชิ้นน่าจะไม่มีปัญหาสำหรับเธอเลยนี่」

 

 

 

「ฟุฟุ ขนมที่ซื้อด้วยเงินตัวเองกับขนมที่ใช้เงินจากที่ทำงานซื้อมันต่างกันนะคะ มันก็เหมือนกับการถูกเลี้ยงข้าวโดยผู้ชายแหละค่ะ」

 

 

 

พาร์เฟตพูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

 

 

 

….อย่าบอกนะว่าเธออยากชวนผมไปทานข้าว?

 

 

มันต่างจากลิดเดลที่มักจะอยู่ในท่าทางที่สุขุมและสง่าไม่ว่าจะการแต่งหน้าหรือทรงผม ชุดที่พาร์เฟตแต่งมาในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าหลุดจากภาพของพนักงานต้อนรับที่เหมาะสมไปไกลเลย จากที่มิโรสลาฟเล่ามาให้ผมฟัง ดูเหมือนว่าเธอค่อนข้างเป็นคนมีความทะเยอทะยานที่จะปีนขึ้นไปให้สูงกว่าที่ตนเคยอยู่ตลอด แน่นอนว่าสถานะทางสังคมก็ด้วย

 

 

อัศวินมังกรและคนที่มีเส้นสายกับทางดยุกดรากูนอท ดูแล้วผมน่าจะเป็นผู้ชายที่นิสัยตรงกับที่เธอชอบเข้าก็ได้มั้ง

 

 

 

…ไม่ๆๆ ไอ้แบบนี้มันตั้งใจจะหลอกกันชัดๆ ถ้าหากผมรับคำเชิญชวนของเธอแล้วละก็ หลังจากนี้ผมจะโดนเธอปั่นหัวอะไรบ้างอีกก็ไม่รู้

 

 

เฮ้อ ไม่อยากจะรับมือผู้หญิงแบบนี้เลยแฮะ

 

 

เอาจริงๆ นะ พวกมอนสเตอร์น่ะขอให้มีแค่นอกเมืองเถอะ!

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังจะเปิดปากพูดกับเธอด้วยความคิดแบบนั้น ประตูห้องก็ถูกเคาะขึ้นอีกครั้ง

 

 

และคนที่เข้ามารอบนี้ก็เป็นลิดเดล

 

 

ถึงเธอจะแปลกใจบ้างที่เห็นพาร์เฟตอยู่ที่นี่ แต่เธอก็แจ้งกับผมว่าเธอจะนำทางผมไปยังห้องของกิลด์มาสเตอร์

 

 

ดูเหมือนหลังจากที่เอลการ์ดได้รับรายงาน เขาก็พยายามจัดสรรเวลามาให้ผมในทันที จากมุมของเขาคงมองว่าการปล่อยให้ผมรอนาน สุดท้ายผมก็อาจจะเดินออกไปเฉยๆ เลยก็ได้

 

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมรุ้สึกดีขึ้นมาแบบบอกไม่ถูกจนความบันเทิงมันพลุ่งพล่านอยู่ในอกนี้เลยแฮะ จากนั้นพอผมยืนขึ้นเพื่อตอบรับคำเชิญของลิดเดล

 

———

Note 1 : พาร์เฟตชอบผู้ชายนิสัยรวยและมีพลังอำนาจ ดูทรงโซระน่าจะรับมือกับลิดเดลไม่ง่ายกว่านางเยอะเกลียดก็เกลียดไปเลย
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+