การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 68.5 ช่วงคั่น ณ เกาะอสูรยักษ์

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 68.5 ช่วงคั่น ณ เกาะอสูรยักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 68.5 ช่วงคั่น ณ เกาะอสูรยักษ์

 

 

บนเกาะอสูรยักษ์ที่มีเหล่ามอนสเตอร์และโยไคที่แข็งแกร่งวิ่งพล่านกันอยู่เต็มเกาะ จะมีก็เพียงสถานที่แห่งเดียวเท่านั้นในเกาะที่ผู้คนสามารถอาศัยอยู่กันได้อย่างสงบ

 

มันคือเมืองแห่งป้อมปราการที่สร้างขึ้นโดยนักบุญดาบรุ่นแรกผู้สร้างเคล็ดวิชามายาดาบเดียวชูโตะ

 

 

หากได้มองเมืองชูโตะจากมุมบนท้องฟ้า ทุกคนก็จะเห็นถึงความสวยงามของเมืองที่มีลักษณะเป็นดาวเจ็ดแฉก

 

 

นั่นคือป้อมปราการดาวแฉกที่จะปกป้องภัยคุกคามของเมืองจากทั้ง 7 มุม ซึ่งหน้าที่ในการป้องกันปราการเหล่านี้ก็ตกเป็นของเหล่าธงแห่งผืนป่าทั้ง 8 โดยนี่คือ 1 ใน 2 หน้าที่หลักของพวกเขา

 

 

แต่ละมุมของปราการก็จะมี 7 กองกำลังคอยดูแลอยู่ โดยไล่ไปตั้งแต่กองกำลังของธงที่ 2 ถึง ธงที่ 8 ส่วนธงที่ 1 นั้นจะถูกนำโดยผู้นำตระกูลเองและมีหน้าที่พิทักษ์ในส่วนกลางของชูโตะ

 

 

นอกจากที่พวกเขาทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องมุมทั้ง 7 แล้วพวกเขาก็ยังมีอีกหนึ่งหน้าที่ที่สำคัญ

 

 

 

นั่นก็คือการหยุดยั้งและขับไล่พวกมอนสเตอร์ที่ทะลักออกมาจากประตูปีศาจซึ่งอยู่บริเวณศูนย์กลางของชูโตะ

 

 

 

ภัยคุกคามที่มาจากทั้งภายในและภายนอกได้เข้าโจมตีพวกเขามากกว่า300 ปีแล้วนับตั้งแต่ชูโตะถูกสร้างขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องรับมือกับมันทุกชั่วคืนวัน

 

 

 

หากเป็นเมืองหรือประเทศอื่นแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ก็คงเรียกได้ว่าน่าสิ้นหวัง เหล่าพลเมืองของพวกเขาก็คงจะถูกบดขยี้ไม่เหลือซากในเวลาไม่นาน

 

 

 

แต่เพราะปัจจุบันชูโตะก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ภายในกำแพงของป้อมปราการก็มีทั้งผู้ใช้ที่ทำงานกันอย่างขันแข็งและเด็กที่วิ่งหัวเราะ

 

 

 

เพราะผู้คนในชูโตะมีความเชื่อ พวกเขาเชื่อกันว่าไม่มีทางที่ชูโตะจะตกอยู่ในอันตรายได้ หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อันตรายเหล่านั้นก็ไม่มีทางจะมาถึงตัวพวกเขาได้เลย

 

 

ความเชื่อและไว้วางใจที่ผู้คนมีให้มันไม่ใช่ความเชื่อใจที่มืดบอดหรือหลงผิด แต่มันเป็นความเชื่อที่มีหลักฐานประจักษ์มาให้เห็นกว่า 300 ปี

 

 

ทั้งหมดก็เป็นเพราะตระกูลมิตสึรุกิที่ปกครองเกาะแห่งนี้มายาวนานจนเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ ชื่อเสียงของพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่ากำแพงปราการชูโตะและสูงกว่าหอคอยชูโตะเป็นไหนๆ ――โกซู ชิมะ ก็มองแผ่นหลังของเจ้านายตนด้วยความคิดเช่นนั้น

 

 

นักบุญดาบรุ่นที่ 17 ชิกิบุ มิตสึรุกิ

 

 

รูปร่างของเขานั้นถือว่าอยู่ในค่าเฉลี่ย ไม่ได้สูงหรือเตี้ย ไม่ได้อ้วนหรือผอมจนเกินไป หากจะให้เทียบโกซูนั้นตัวใหญ่กว่าเขาไปเยอะเลย

 

 

แต่ทว่าพลังที่อยู่ภายในของพวกเขานั้นไม่สามารถเทียบกันได้ ฉายานักบุญดาบไม่ใช่ของที่มีไว้โชว์เฉยๆ การที่ชิกิบุ มิตสึรุกิอยู่บนจุดสูงสุดของธงแห่งผืนป่าทั้ง 8 ไม่ใช่เพราะสถานะของเขา แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งล้วนๆ

 

 

เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกาะอสูรยักษ์ หรือก็คือแข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ ไม่สิต้องบอกว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้แล้ว

 

 

 

โกซูนั้นชื่นชมในเจ้านายของตนจากก้นบึ้งของหัวใจ เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่เซซิรุน้องสาวของเขาได้ให้กำเนิดลูกชายกับคนผู้นี้

 

 

 

ชิกิบุนั้นมีลูกอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นอิบุกิหลานชายของโกซูที่อายุได้ 4 ปีไม่มีทางที่จะได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลมิตสึรุกิอยู่แล้ว

 

 

แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้โกซูรู้สึกแย่อะไรเลย สายเลือดของนักบุญดาบได้ไหลเวียนเข้ามาสู่ตระกูลชิมะแล้ว เพียงเท่านี้มันก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถไปสู้หน้ากับเหล่าบรรพบุรุษที่จากไปได้แล้ว อีกทั้งมันยังเป็นความภูมิใจของรุ่นถัดไปด้วย

 

คืนวันที่เขาจะสามารถสอบวิชาดาบให้กับอิบุกิก็อยู่ไม่ไกลแล้ว

 

 

 

――พอเขามานึกถึงเรื่องนี้แล้ว ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาในหัวของโกซู จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นขื่นขมชั่วขณะ

 

 

มันคือใบหน้าของอดีตว่าที่ผู้นำตระกูลมิตซึรุกิคนถัดไป ที่เจ้านายของตนเคยฝากฝังไว้กับเขา

 

 

 

ความทรงจำที่แสนเจ็บปวดที่เขามิอาจจะช่วยเหลือเลี้ยงดูเจ้านายผู้นั้นให้เติบใหญ่มาเป็นนักรบแห่งผืนป่าได้

 

นี่มันก็ผ่านมาได้ 5 ปีแล้วนับตั้งแต่พวกเขาตัดสัมพันธ์กันไป ตอนนี้เด็กคนนั้นจะทำอะไรอยู่นะ? ――ขณะที่โกซูกำลังสงสัย ชิกิบุก็เดินนำหน้าเขาไปไกลแล้ว นั่นทำให้โกซูต้องรีบไล่ตามเจ้านายเขาไปให้ทัน

 

 

ไม่นานนักฝีเท้าของชิกิบุก็หยุดลง

 

 

หลังจากที่เขาเดินลงบันไดที่ดูเหมือนจะไม่มีปลายทางสิ้นสุด เขาก็มีถึงห้องใต้ดินที่แม้แต่แสงก็ส่องมาไม่ถึง

 

 

ไม่มีช่องว่างให้ลมเข้ามา และมีเทียนก็ทอดยาวออกไปข้างหน้าไม่รู้จบ

 

 

 

โดยเทียนไขทุกอันมันส่องสว่างออกมาให้เห็นทางข้างหน้า

 

 

สถานที่แห่งนี้ไม่มีลมอยู่เลยก็เพราะไม่มีการไหลเวียนของอากาศอยู่ภายใน และไม่มีทางที่เทียนไขเหล่านี้จะส่องแสงได้ตลอดเวลาแท้ๆ แต่พวกมันกลับไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลยสักครั้ง

 

 

หลังจากที่โกซูตามเข้าไปในห้องนั้น เขาก็ต้องขมวดคิ้วในทันที

 

เพราะบริเวณใจกลางห้อง มีหญิงชราผู้หนึ่งกำลังนั่งรออยู่ข้างใน โดยมีเทียนจำนวนมากล้อมรอบเธอไว้อยู่ โกซูรู้ดีว่าเทียนทั้งหมดในห้องนี้คืออาภรณ์วิญญาณของหญิงชรา

 

มันคือความสามารถในการรับรู้สึกสถานการณ์ของนักรบแห่งผืนป่าทุกคน ขณะที่เธออยู่ในสถานที่แห่งนี้

 

หรือก็คือในห้องนี้จะมีเทียนหนึ่งเล่มที่เป็นตัวแทนของโกซูอยู่ แน่นอนว่าของชิกิบุก็ด้วย

 

 

หากจะให้เปรียบแล้วเทียนพวกนี้ก็เหมือนสิ่งสะท้อนถึงการมีอยู่ของชีวิตเจ้าของเทียน และการที่ต้องมาพบเจอหญิงชราที่ทำหน้าที่ดูแลเทียนเหล่านี้มันทำให้รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย

 

 

 

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่โกซูไม่ชอบที่แห่งนี้――แม้ตัวเขาจะรู้ดีว่าถึงหญิงชราจะเป่าเทียนให้ดับลงไปเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเขาจะดับลงไปด้วยก็ตาม

 

 

 

จากนั้นชิกิบุก็เปิดปากพูดขึ้น

 

 

 

 

「แล้วนักรบที่ตายลงไปเป็นคนของธงไหนกัน? 」

 

 

เสียงทุ้มต่ำได้ดังขึ้นมาภายในห้อง หญิงชราก็เปิดปากขึ้นเพื่อตอบคำถามเจ้านายตน

 

 

 

「ธงที่ 4 ลำดับ 9 ค่ะนายท่าน」

 

 

 

「……จินโบงั้นเหรอ? 」

 

 

「ค่ะ นายท่าน เนื่องจากมีสัญญาณของการใช้อาภรณ์วิญญาณด้วย ดังนั้นเขาน่าจะเสียชีวิตภายในสนามรบแห่งนั้นไม่ผิดแน่ค่ะ」

 

 

หลังจากที่โกซูได้ยิน เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้งด้วยเหตุผลที่ต่างไปจากเดิม

 

 

 

โกซูก็ไม่รู้หรอกว่าจินโบเป็นใครหรือกำลังทำอะไรอยู่ แต่หากมีใครสักคนเสียชีวิตบนเกาะนี้ ตัวโกซูก็น่าจะรู้เรื่องบ้างสิ

 

 

 

นั่นก็หมายความว่าจินโบได้เสียชีวิตจากการต่อสู้นอกเกาะ

 

 

 

ผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณเลขลำดับหลักเดียว ถูกมนุษย์นอกเกาะสังหาร นอกจากนี้ยังไม่ใช่การลอบโจมตีอีกด้วย เนื่องจากมีสัญญาณของการใช้อาภรณ์วิญญาณ

 

 

 

มันเป็นสถานการณ์ที่น่าแปลกใจเสียจนนักรบผู้แข็งแกร่งอย่างโกซูยังต้องขมวดคิ้ว

 

 

เมื่อความเงียบเกิดขึ้นมาได้พักหนึ่ง ชิกิบุก็เปิดปากพูดต่อ

 

 

 

 

「โกซู」

 

 

 

「ฮ่ะ!」

 

 

「จินโบเดินทางไปยังอาณาจักรคานาเรีย โดยเขาได้รับภารกิจลับในการช่วยเหลือการแต่งงานระหว่างเจ้าหญิงซากุยะกับมกุฎราชกุมารของอาณาจักรนั้น นี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากองค์จักรพรรดิ ดังนั้นคนของจักรพรรดิอาจจะโวยวายเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมาก็ได้หากภารกิจล้มเหลว นอกจากนี้ฉันก็สงสัยเกี่ยวกับผู้ที่สังหารหนึ่งในนักรบของพวกเราด้วย」

 

 

「ฮ่ะ นายท่าน ผมจะเป็นผู้เดินทางไปยังอาณาจักรคานาเรียและหาสาเหตุนั้นเองครับ」

 

 

 

「ฝากด้วยก็แล้วกัน แล้วก็ให้เอาลูกน้องอีก 2 คนไปเผื่อด้วย」

 

 

 

ไม่ใช่ว่าชิกิบุไม่เชื่อในฝีมือของโกซู แต่มันเป็นคำสั่งที่บอกให้เขาแสดงโลกภายนอกให้พวกนักรบรุ่นใหม่ได้เห็นด้วยนั่นเอง

 

 

การแสดงให้พวกนักรบหนุ่มสาวผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะมาทั้งชีวิตได้เห็นนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ในมุมของการให้การศึกษากับพวกเขา

 

 

อย่างไรก็ตาม นักรบธรรมดาของเกาะนี้ก็มีพลังต่อสู้พอจะถูกเรียกว่าผู้กล้าในโลกภายนอกแล้ว ในบรรดาเด็กพวกนี้ซึ่งค้นพบความจริงก็มีบ้างที่คิดจะหนีออกจากเกาะเพื่อแสวงหาชื่อเสียงและเงินทอง แทนที่จะต่อสู้อยู่บนเกาะ

 

 

 

ด้วยเหตุนี้เองจึงต้องมีใครสักคนคอยดูแล พาพวกเขาไปเปิดหูเปิดตาแทน แล้วชิกิบุก็ใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นโอกาสให้โกซูนำทางพวกเด็กๆ ไป

 

 

ทำให้เห็นได้ชัดว่า ชิกิบุไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรจริงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดที่เขาสนใจก็แค่เรื่องดาบกับการพิทักษ์ประตูปีศาจ

 

 

 

ไม่ว่าเจ้านายของตนจะรู้สึกเช่นไร ในฐานะผู้ติดตามแล้ว โกซูก็มีหน้าที่เพียงทำตามเท่านั้น

 

 

 

โกซูพยักหน้ารับคำสั่ง

 

 

「เข้าใจแล้วครับ ตามบัญชาของท่าน ผมจะนำพาเด็กรุ่นใหม่ให้เห็นถึงโลกภายนอกเอง」

 

หลังจากเขาพูดจบ ก็มีใบหน้าของเด็กสองคนปรากฏขึ้นในความคิดของโกซู

 

ช่างน่าแปลกที่ใบหน้าของเด็กทั้งสองนั้นก็เป็นคนที่อายุรุ่นเดียวกับอดีตนายน้อยของเขา

 

สองคนนั้นคืออายากะกับรากุนะ 2 ใน 7 เด็กที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเด็กรุ่นทองคำ

 

———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 68.5 ช่วงคั่น ณ เกาะอสูรยักษ์

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 68.5 ช่วงคั่น ณ เกาะอสูรยักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 68.5 ช่วงคั่น ณ เกาะอสูรยักษ์

 

 

บนเกาะอสูรยักษ์ที่มีเหล่ามอนสเตอร์และโยไคที่แข็งแกร่งวิ่งพล่านกันอยู่เต็มเกาะ จะมีก็เพียงสถานที่แห่งเดียวเท่านั้นในเกาะที่ผู้คนสามารถอาศัยอยู่กันได้อย่างสงบ

 

มันคือเมืองแห่งป้อมปราการที่สร้างขึ้นโดยนักบุญดาบรุ่นแรกผู้สร้างเคล็ดวิชามายาดาบเดียวชูโตะ

 

 

หากได้มองเมืองชูโตะจากมุมบนท้องฟ้า ทุกคนก็จะเห็นถึงความสวยงามของเมืองที่มีลักษณะเป็นดาวเจ็ดแฉก

 

 

นั่นคือป้อมปราการดาวแฉกที่จะปกป้องภัยคุกคามของเมืองจากทั้ง 7 มุม ซึ่งหน้าที่ในการป้องกันปราการเหล่านี้ก็ตกเป็นของเหล่าธงแห่งผืนป่าทั้ง 8 โดยนี่คือ 1 ใน 2 หน้าที่หลักของพวกเขา

 

 

แต่ละมุมของปราการก็จะมี 7 กองกำลังคอยดูแลอยู่ โดยไล่ไปตั้งแต่กองกำลังของธงที่ 2 ถึง ธงที่ 8 ส่วนธงที่ 1 นั้นจะถูกนำโดยผู้นำตระกูลเองและมีหน้าที่พิทักษ์ในส่วนกลางของชูโตะ

 

 

นอกจากที่พวกเขาทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องมุมทั้ง 7 แล้วพวกเขาก็ยังมีอีกหนึ่งหน้าที่ที่สำคัญ

 

 

 

นั่นก็คือการหยุดยั้งและขับไล่พวกมอนสเตอร์ที่ทะลักออกมาจากประตูปีศาจซึ่งอยู่บริเวณศูนย์กลางของชูโตะ

 

 

 

ภัยคุกคามที่มาจากทั้งภายในและภายนอกได้เข้าโจมตีพวกเขามากกว่า300 ปีแล้วนับตั้งแต่ชูโตะถูกสร้างขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องรับมือกับมันทุกชั่วคืนวัน

 

 

 

หากเป็นเมืองหรือประเทศอื่นแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ก็คงเรียกได้ว่าน่าสิ้นหวัง เหล่าพลเมืองของพวกเขาก็คงจะถูกบดขยี้ไม่เหลือซากในเวลาไม่นาน

 

 

 

แต่เพราะปัจจุบันชูโตะก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ภายในกำแพงของป้อมปราการก็มีทั้งผู้ใช้ที่ทำงานกันอย่างขันแข็งและเด็กที่วิ่งหัวเราะ

 

 

 

เพราะผู้คนในชูโตะมีความเชื่อ พวกเขาเชื่อกันว่าไม่มีทางที่ชูโตะจะตกอยู่ในอันตรายได้ หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อันตรายเหล่านั้นก็ไม่มีทางจะมาถึงตัวพวกเขาได้เลย

 

 

ความเชื่อและไว้วางใจที่ผู้คนมีให้มันไม่ใช่ความเชื่อใจที่มืดบอดหรือหลงผิด แต่มันเป็นความเชื่อที่มีหลักฐานประจักษ์มาให้เห็นกว่า 300 ปี

 

 

ทั้งหมดก็เป็นเพราะตระกูลมิตสึรุกิที่ปกครองเกาะแห่งนี้มายาวนานจนเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ ชื่อเสียงของพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่ากำแพงปราการชูโตะและสูงกว่าหอคอยชูโตะเป็นไหนๆ ――โกซู ชิมะ ก็มองแผ่นหลังของเจ้านายตนด้วยความคิดเช่นนั้น

 

 

นักบุญดาบรุ่นที่ 17 ชิกิบุ มิตสึรุกิ

 

 

รูปร่างของเขานั้นถือว่าอยู่ในค่าเฉลี่ย ไม่ได้สูงหรือเตี้ย ไม่ได้อ้วนหรือผอมจนเกินไป หากจะให้เทียบโกซูนั้นตัวใหญ่กว่าเขาไปเยอะเลย

 

 

แต่ทว่าพลังที่อยู่ภายในของพวกเขานั้นไม่สามารถเทียบกันได้ ฉายานักบุญดาบไม่ใช่ของที่มีไว้โชว์เฉยๆ การที่ชิกิบุ มิตสึรุกิอยู่บนจุดสูงสุดของธงแห่งผืนป่าทั้ง 8 ไม่ใช่เพราะสถานะของเขา แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งล้วนๆ

 

 

เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกาะอสูรยักษ์ หรือก็คือแข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ ไม่สิต้องบอกว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้แล้ว

 

 

 

โกซูนั้นชื่นชมในเจ้านายของตนจากก้นบึ้งของหัวใจ เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่เซซิรุน้องสาวของเขาได้ให้กำเนิดลูกชายกับคนผู้นี้

 

 

 

ชิกิบุนั้นมีลูกอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นอิบุกิหลานชายของโกซูที่อายุได้ 4 ปีไม่มีทางที่จะได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลมิตสึรุกิอยู่แล้ว

 

 

แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้โกซูรู้สึกแย่อะไรเลย สายเลือดของนักบุญดาบได้ไหลเวียนเข้ามาสู่ตระกูลชิมะแล้ว เพียงเท่านี้มันก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถไปสู้หน้ากับเหล่าบรรพบุรุษที่จากไปได้แล้ว อีกทั้งมันยังเป็นความภูมิใจของรุ่นถัดไปด้วย

 

คืนวันที่เขาจะสามารถสอบวิชาดาบให้กับอิบุกิก็อยู่ไม่ไกลแล้ว

 

 

 

――พอเขามานึกถึงเรื่องนี้แล้ว ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาในหัวของโกซู จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นขื่นขมชั่วขณะ

 

 

มันคือใบหน้าของอดีตว่าที่ผู้นำตระกูลมิตซึรุกิคนถัดไป ที่เจ้านายของตนเคยฝากฝังไว้กับเขา

 

 

 

ความทรงจำที่แสนเจ็บปวดที่เขามิอาจจะช่วยเหลือเลี้ยงดูเจ้านายผู้นั้นให้เติบใหญ่มาเป็นนักรบแห่งผืนป่าได้

 

นี่มันก็ผ่านมาได้ 5 ปีแล้วนับตั้งแต่พวกเขาตัดสัมพันธ์กันไป ตอนนี้เด็กคนนั้นจะทำอะไรอยู่นะ? ――ขณะที่โกซูกำลังสงสัย ชิกิบุก็เดินนำหน้าเขาไปไกลแล้ว นั่นทำให้โกซูต้องรีบไล่ตามเจ้านายเขาไปให้ทัน

 

 

ไม่นานนักฝีเท้าของชิกิบุก็หยุดลง

 

 

หลังจากที่เขาเดินลงบันไดที่ดูเหมือนจะไม่มีปลายทางสิ้นสุด เขาก็มีถึงห้องใต้ดินที่แม้แต่แสงก็ส่องมาไม่ถึง

 

 

ไม่มีช่องว่างให้ลมเข้ามา และมีเทียนก็ทอดยาวออกไปข้างหน้าไม่รู้จบ

 

 

 

โดยเทียนไขทุกอันมันส่องสว่างออกมาให้เห็นทางข้างหน้า

 

 

สถานที่แห่งนี้ไม่มีลมอยู่เลยก็เพราะไม่มีการไหลเวียนของอากาศอยู่ภายใน และไม่มีทางที่เทียนไขเหล่านี้จะส่องแสงได้ตลอดเวลาแท้ๆ แต่พวกมันกลับไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลยสักครั้ง

 

 

หลังจากที่โกซูตามเข้าไปในห้องนั้น เขาก็ต้องขมวดคิ้วในทันที

 

เพราะบริเวณใจกลางห้อง มีหญิงชราผู้หนึ่งกำลังนั่งรออยู่ข้างใน โดยมีเทียนจำนวนมากล้อมรอบเธอไว้อยู่ โกซูรู้ดีว่าเทียนทั้งหมดในห้องนี้คืออาภรณ์วิญญาณของหญิงชรา

 

มันคือความสามารถในการรับรู้สึกสถานการณ์ของนักรบแห่งผืนป่าทุกคน ขณะที่เธออยู่ในสถานที่แห่งนี้

 

หรือก็คือในห้องนี้จะมีเทียนหนึ่งเล่มที่เป็นตัวแทนของโกซูอยู่ แน่นอนว่าของชิกิบุก็ด้วย

 

 

หากจะให้เปรียบแล้วเทียนพวกนี้ก็เหมือนสิ่งสะท้อนถึงการมีอยู่ของชีวิตเจ้าของเทียน และการที่ต้องมาพบเจอหญิงชราที่ทำหน้าที่ดูแลเทียนเหล่านี้มันทำให้รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย

 

 

 

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่โกซูไม่ชอบที่แห่งนี้――แม้ตัวเขาจะรู้ดีว่าถึงหญิงชราจะเป่าเทียนให้ดับลงไปเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเขาจะดับลงไปด้วยก็ตาม

 

 

 

จากนั้นชิกิบุก็เปิดปากพูดขึ้น

 

 

 

 

「แล้วนักรบที่ตายลงไปเป็นคนของธงไหนกัน? 」

 

 

เสียงทุ้มต่ำได้ดังขึ้นมาภายในห้อง หญิงชราก็เปิดปากขึ้นเพื่อตอบคำถามเจ้านายตน

 

 

 

「ธงที่ 4 ลำดับ 9 ค่ะนายท่าน」

 

 

 

「……จินโบงั้นเหรอ? 」

 

 

「ค่ะ นายท่าน เนื่องจากมีสัญญาณของการใช้อาภรณ์วิญญาณด้วย ดังนั้นเขาน่าจะเสียชีวิตภายในสนามรบแห่งนั้นไม่ผิดแน่ค่ะ」

 

 

หลังจากที่โกซูได้ยิน เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้งด้วยเหตุผลที่ต่างไปจากเดิม

 

 

 

โกซูก็ไม่รู้หรอกว่าจินโบเป็นใครหรือกำลังทำอะไรอยู่ แต่หากมีใครสักคนเสียชีวิตบนเกาะนี้ ตัวโกซูก็น่าจะรู้เรื่องบ้างสิ

 

 

 

นั่นก็หมายความว่าจินโบได้เสียชีวิตจากการต่อสู้นอกเกาะ

 

 

 

ผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณเลขลำดับหลักเดียว ถูกมนุษย์นอกเกาะสังหาร นอกจากนี้ยังไม่ใช่การลอบโจมตีอีกด้วย เนื่องจากมีสัญญาณของการใช้อาภรณ์วิญญาณ

 

 

 

มันเป็นสถานการณ์ที่น่าแปลกใจเสียจนนักรบผู้แข็งแกร่งอย่างโกซูยังต้องขมวดคิ้ว

 

 

เมื่อความเงียบเกิดขึ้นมาได้พักหนึ่ง ชิกิบุก็เปิดปากพูดต่อ

 

 

 

 

「โกซู」

 

 

 

「ฮ่ะ!」

 

 

「จินโบเดินทางไปยังอาณาจักรคานาเรีย โดยเขาได้รับภารกิจลับในการช่วยเหลือการแต่งงานระหว่างเจ้าหญิงซากุยะกับมกุฎราชกุมารของอาณาจักรนั้น นี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากองค์จักรพรรดิ ดังนั้นคนของจักรพรรดิอาจจะโวยวายเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมาก็ได้หากภารกิจล้มเหลว นอกจากนี้ฉันก็สงสัยเกี่ยวกับผู้ที่สังหารหนึ่งในนักรบของพวกเราด้วย」

 

 

「ฮ่ะ นายท่าน ผมจะเป็นผู้เดินทางไปยังอาณาจักรคานาเรียและหาสาเหตุนั้นเองครับ」

 

 

 

「ฝากด้วยก็แล้วกัน แล้วก็ให้เอาลูกน้องอีก 2 คนไปเผื่อด้วย」

 

 

 

ไม่ใช่ว่าชิกิบุไม่เชื่อในฝีมือของโกซู แต่มันเป็นคำสั่งที่บอกให้เขาแสดงโลกภายนอกให้พวกนักรบรุ่นใหม่ได้เห็นด้วยนั่นเอง

 

 

การแสดงให้พวกนักรบหนุ่มสาวผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะมาทั้งชีวิตได้เห็นนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ในมุมของการให้การศึกษากับพวกเขา

 

 

อย่างไรก็ตาม นักรบธรรมดาของเกาะนี้ก็มีพลังต่อสู้พอจะถูกเรียกว่าผู้กล้าในโลกภายนอกแล้ว ในบรรดาเด็กพวกนี้ซึ่งค้นพบความจริงก็มีบ้างที่คิดจะหนีออกจากเกาะเพื่อแสวงหาชื่อเสียงและเงินทอง แทนที่จะต่อสู้อยู่บนเกาะ

 

 

 

ด้วยเหตุนี้เองจึงต้องมีใครสักคนคอยดูแล พาพวกเขาไปเปิดหูเปิดตาแทน แล้วชิกิบุก็ใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นโอกาสให้โกซูนำทางพวกเด็กๆ ไป

 

 

ทำให้เห็นได้ชัดว่า ชิกิบุไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรจริงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดที่เขาสนใจก็แค่เรื่องดาบกับการพิทักษ์ประตูปีศาจ

 

 

 

ไม่ว่าเจ้านายของตนจะรู้สึกเช่นไร ในฐานะผู้ติดตามแล้ว โกซูก็มีหน้าที่เพียงทำตามเท่านั้น

 

 

 

โกซูพยักหน้ารับคำสั่ง

 

 

「เข้าใจแล้วครับ ตามบัญชาของท่าน ผมจะนำพาเด็กรุ่นใหม่ให้เห็นถึงโลกภายนอกเอง」

 

หลังจากเขาพูดจบ ก็มีใบหน้าของเด็กสองคนปรากฏขึ้นในความคิดของโกซู

 

ช่างน่าแปลกที่ใบหน้าของเด็กทั้งสองนั้นก็เป็นคนที่อายุรุ่นเดียวกับอดีตนายน้อยของเขา

 

สองคนนั้นคืออายากะกับรากุนะ 2 ใน 7 เด็กที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเด็กรุ่นทองคำ

 

———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 68.5 ช่วงคั่น ณ เกาะอสูรยักษ์

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 68.5 ช่วงคั่น ณ เกาะอสูรยักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 68.5 ช่วงคั่น ณ เกาะอสูรยักษ์

 

 

บนเกาะอสูรยักษ์ที่มีเหล่ามอนสเตอร์และโยไคที่แข็งแกร่งวิ่งพล่านกันอยู่เต็มเกาะ จะมีก็เพียงสถานที่แห่งเดียวเท่านั้นในเกาะที่ผู้คนสามารถอาศัยอยู่กันได้อย่างสงบ

 

มันคือเมืองแห่งป้อมปราการที่สร้างขึ้นโดยนักบุญดาบรุ่นแรกผู้สร้างเคล็ดวิชามายาดาบเดียวชูโตะ

 

 

หากได้มองเมืองชูโตะจากมุมบนท้องฟ้า ทุกคนก็จะเห็นถึงความสวยงามของเมืองที่มีลักษณะเป็นดาวเจ็ดแฉก

 

 

นั่นคือป้อมปราการดาวแฉกที่จะปกป้องภัยคุกคามของเมืองจากทั้ง 7 มุม ซึ่งหน้าที่ในการป้องกันปราการเหล่านี้ก็ตกเป็นของเหล่าธงแห่งผืนป่าทั้ง 8 โดยนี่คือ 1 ใน 2 หน้าที่หลักของพวกเขา

 

 

แต่ละมุมของปราการก็จะมี 7 กองกำลังคอยดูแลอยู่ โดยไล่ไปตั้งแต่กองกำลังของธงที่ 2 ถึง ธงที่ 8 ส่วนธงที่ 1 นั้นจะถูกนำโดยผู้นำตระกูลเองและมีหน้าที่พิทักษ์ในส่วนกลางของชูโตะ

 

 

นอกจากที่พวกเขาทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องมุมทั้ง 7 แล้วพวกเขาก็ยังมีอีกหนึ่งหน้าที่ที่สำคัญ

 

 

 

นั่นก็คือการหยุดยั้งและขับไล่พวกมอนสเตอร์ที่ทะลักออกมาจากประตูปีศาจซึ่งอยู่บริเวณศูนย์กลางของชูโตะ

 

 

 

ภัยคุกคามที่มาจากทั้งภายในและภายนอกได้เข้าโจมตีพวกเขามากกว่า300 ปีแล้วนับตั้งแต่ชูโตะถูกสร้างขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องรับมือกับมันทุกชั่วคืนวัน

 

 

 

หากเป็นเมืองหรือประเทศอื่นแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ก็คงเรียกได้ว่าน่าสิ้นหวัง เหล่าพลเมืองของพวกเขาก็คงจะถูกบดขยี้ไม่เหลือซากในเวลาไม่นาน

 

 

 

แต่เพราะปัจจุบันชูโตะก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ภายในกำแพงของป้อมปราการก็มีทั้งผู้ใช้ที่ทำงานกันอย่างขันแข็งและเด็กที่วิ่งหัวเราะ

 

 

 

เพราะผู้คนในชูโตะมีความเชื่อ พวกเขาเชื่อกันว่าไม่มีทางที่ชูโตะจะตกอยู่ในอันตรายได้ หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อันตรายเหล่านั้นก็ไม่มีทางจะมาถึงตัวพวกเขาได้เลย

 

 

ความเชื่อและไว้วางใจที่ผู้คนมีให้มันไม่ใช่ความเชื่อใจที่มืดบอดหรือหลงผิด แต่มันเป็นความเชื่อที่มีหลักฐานประจักษ์มาให้เห็นกว่า 300 ปี

 

 

ทั้งหมดก็เป็นเพราะตระกูลมิตสึรุกิที่ปกครองเกาะแห่งนี้มายาวนานจนเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ ชื่อเสียงของพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่ากำแพงปราการชูโตะและสูงกว่าหอคอยชูโตะเป็นไหนๆ ――โกซู ชิมะ ก็มองแผ่นหลังของเจ้านายตนด้วยความคิดเช่นนั้น

 

 

นักบุญดาบรุ่นที่ 17 ชิกิบุ มิตสึรุกิ

 

 

รูปร่างของเขานั้นถือว่าอยู่ในค่าเฉลี่ย ไม่ได้สูงหรือเตี้ย ไม่ได้อ้วนหรือผอมจนเกินไป หากจะให้เทียบโกซูนั้นตัวใหญ่กว่าเขาไปเยอะเลย

 

 

แต่ทว่าพลังที่อยู่ภายในของพวกเขานั้นไม่สามารถเทียบกันได้ ฉายานักบุญดาบไม่ใช่ของที่มีไว้โชว์เฉยๆ การที่ชิกิบุ มิตสึรุกิอยู่บนจุดสูงสุดของธงแห่งผืนป่าทั้ง 8 ไม่ใช่เพราะสถานะของเขา แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งล้วนๆ

 

 

เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกาะอสูรยักษ์ หรือก็คือแข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ ไม่สิต้องบอกว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้แล้ว

 

 

 

โกซูนั้นชื่นชมในเจ้านายของตนจากก้นบึ้งของหัวใจ เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่เซซิรุน้องสาวของเขาได้ให้กำเนิดลูกชายกับคนผู้นี้

 

 

 

ชิกิบุนั้นมีลูกอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นอิบุกิหลานชายของโกซูที่อายุได้ 4 ปีไม่มีทางที่จะได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลมิตสึรุกิอยู่แล้ว

 

 

แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้โกซูรู้สึกแย่อะไรเลย สายเลือดของนักบุญดาบได้ไหลเวียนเข้ามาสู่ตระกูลชิมะแล้ว เพียงเท่านี้มันก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถไปสู้หน้ากับเหล่าบรรพบุรุษที่จากไปได้แล้ว อีกทั้งมันยังเป็นความภูมิใจของรุ่นถัดไปด้วย

 

คืนวันที่เขาจะสามารถสอบวิชาดาบให้กับอิบุกิก็อยู่ไม่ไกลแล้ว

 

 

 

――พอเขามานึกถึงเรื่องนี้แล้ว ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาในหัวของโกซู จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นขื่นขมชั่วขณะ

 

 

มันคือใบหน้าของอดีตว่าที่ผู้นำตระกูลมิตซึรุกิคนถัดไป ที่เจ้านายของตนเคยฝากฝังไว้กับเขา

 

 

 

ความทรงจำที่แสนเจ็บปวดที่เขามิอาจจะช่วยเหลือเลี้ยงดูเจ้านายผู้นั้นให้เติบใหญ่มาเป็นนักรบแห่งผืนป่าได้

 

นี่มันก็ผ่านมาได้ 5 ปีแล้วนับตั้งแต่พวกเขาตัดสัมพันธ์กันไป ตอนนี้เด็กคนนั้นจะทำอะไรอยู่นะ? ――ขณะที่โกซูกำลังสงสัย ชิกิบุก็เดินนำหน้าเขาไปไกลแล้ว นั่นทำให้โกซูต้องรีบไล่ตามเจ้านายเขาไปให้ทัน

 

 

ไม่นานนักฝีเท้าของชิกิบุก็หยุดลง

 

 

หลังจากที่เขาเดินลงบันไดที่ดูเหมือนจะไม่มีปลายทางสิ้นสุด เขาก็มีถึงห้องใต้ดินที่แม้แต่แสงก็ส่องมาไม่ถึง

 

 

ไม่มีช่องว่างให้ลมเข้ามา และมีเทียนก็ทอดยาวออกไปข้างหน้าไม่รู้จบ

 

 

 

โดยเทียนไขทุกอันมันส่องสว่างออกมาให้เห็นทางข้างหน้า

 

 

สถานที่แห่งนี้ไม่มีลมอยู่เลยก็เพราะไม่มีการไหลเวียนของอากาศอยู่ภายใน และไม่มีทางที่เทียนไขเหล่านี้จะส่องแสงได้ตลอดเวลาแท้ๆ แต่พวกมันกลับไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลยสักครั้ง

 

 

หลังจากที่โกซูตามเข้าไปในห้องนั้น เขาก็ต้องขมวดคิ้วในทันที

 

เพราะบริเวณใจกลางห้อง มีหญิงชราผู้หนึ่งกำลังนั่งรออยู่ข้างใน โดยมีเทียนจำนวนมากล้อมรอบเธอไว้อยู่ โกซูรู้ดีว่าเทียนทั้งหมดในห้องนี้คืออาภรณ์วิญญาณของหญิงชรา

 

มันคือความสามารถในการรับรู้สึกสถานการณ์ของนักรบแห่งผืนป่าทุกคน ขณะที่เธออยู่ในสถานที่แห่งนี้

 

หรือก็คือในห้องนี้จะมีเทียนหนึ่งเล่มที่เป็นตัวแทนของโกซูอยู่ แน่นอนว่าของชิกิบุก็ด้วย

 

 

หากจะให้เปรียบแล้วเทียนพวกนี้ก็เหมือนสิ่งสะท้อนถึงการมีอยู่ของชีวิตเจ้าของเทียน และการที่ต้องมาพบเจอหญิงชราที่ทำหน้าที่ดูแลเทียนเหล่านี้มันทำให้รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย

 

 

 

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่โกซูไม่ชอบที่แห่งนี้――แม้ตัวเขาจะรู้ดีว่าถึงหญิงชราจะเป่าเทียนให้ดับลงไปเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเขาจะดับลงไปด้วยก็ตาม

 

 

 

จากนั้นชิกิบุก็เปิดปากพูดขึ้น

 

 

 

 

「แล้วนักรบที่ตายลงไปเป็นคนของธงไหนกัน? 」

 

 

เสียงทุ้มต่ำได้ดังขึ้นมาภายในห้อง หญิงชราก็เปิดปากขึ้นเพื่อตอบคำถามเจ้านายตน

 

 

 

「ธงที่ 4 ลำดับ 9 ค่ะนายท่าน」

 

 

 

「……จินโบงั้นเหรอ? 」

 

 

「ค่ะ นายท่าน เนื่องจากมีสัญญาณของการใช้อาภรณ์วิญญาณด้วย ดังนั้นเขาน่าจะเสียชีวิตภายในสนามรบแห่งนั้นไม่ผิดแน่ค่ะ」

 

 

หลังจากที่โกซูได้ยิน เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้งด้วยเหตุผลที่ต่างไปจากเดิม

 

 

 

โกซูก็ไม่รู้หรอกว่าจินโบเป็นใครหรือกำลังทำอะไรอยู่ แต่หากมีใครสักคนเสียชีวิตบนเกาะนี้ ตัวโกซูก็น่าจะรู้เรื่องบ้างสิ

 

 

 

นั่นก็หมายความว่าจินโบได้เสียชีวิตจากการต่อสู้นอกเกาะ

 

 

 

ผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณเลขลำดับหลักเดียว ถูกมนุษย์นอกเกาะสังหาร นอกจากนี้ยังไม่ใช่การลอบโจมตีอีกด้วย เนื่องจากมีสัญญาณของการใช้อาภรณ์วิญญาณ

 

 

 

มันเป็นสถานการณ์ที่น่าแปลกใจเสียจนนักรบผู้แข็งแกร่งอย่างโกซูยังต้องขมวดคิ้ว

 

 

เมื่อความเงียบเกิดขึ้นมาได้พักหนึ่ง ชิกิบุก็เปิดปากพูดต่อ

 

 

 

 

「โกซู」

 

 

 

「ฮ่ะ!」

 

 

「จินโบเดินทางไปยังอาณาจักรคานาเรีย โดยเขาได้รับภารกิจลับในการช่วยเหลือการแต่งงานระหว่างเจ้าหญิงซากุยะกับมกุฎราชกุมารของอาณาจักรนั้น นี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากองค์จักรพรรดิ ดังนั้นคนของจักรพรรดิอาจจะโวยวายเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมาก็ได้หากภารกิจล้มเหลว นอกจากนี้ฉันก็สงสัยเกี่ยวกับผู้ที่สังหารหนึ่งในนักรบของพวกเราด้วย」

 

 

「ฮ่ะ นายท่าน ผมจะเป็นผู้เดินทางไปยังอาณาจักรคานาเรียและหาสาเหตุนั้นเองครับ」

 

 

 

「ฝากด้วยก็แล้วกัน แล้วก็ให้เอาลูกน้องอีก 2 คนไปเผื่อด้วย」

 

 

 

ไม่ใช่ว่าชิกิบุไม่เชื่อในฝีมือของโกซู แต่มันเป็นคำสั่งที่บอกให้เขาแสดงโลกภายนอกให้พวกนักรบรุ่นใหม่ได้เห็นด้วยนั่นเอง

 

 

การแสดงให้พวกนักรบหนุ่มสาวผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะมาทั้งชีวิตได้เห็นนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ในมุมของการให้การศึกษากับพวกเขา

 

 

อย่างไรก็ตาม นักรบธรรมดาของเกาะนี้ก็มีพลังต่อสู้พอจะถูกเรียกว่าผู้กล้าในโลกภายนอกแล้ว ในบรรดาเด็กพวกนี้ซึ่งค้นพบความจริงก็มีบ้างที่คิดจะหนีออกจากเกาะเพื่อแสวงหาชื่อเสียงและเงินทอง แทนที่จะต่อสู้อยู่บนเกาะ

 

 

 

ด้วยเหตุนี้เองจึงต้องมีใครสักคนคอยดูแล พาพวกเขาไปเปิดหูเปิดตาแทน แล้วชิกิบุก็ใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นโอกาสให้โกซูนำทางพวกเด็กๆ ไป

 

 

ทำให้เห็นได้ชัดว่า ชิกิบุไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรจริงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดที่เขาสนใจก็แค่เรื่องดาบกับการพิทักษ์ประตูปีศาจ

 

 

 

ไม่ว่าเจ้านายของตนจะรู้สึกเช่นไร ในฐานะผู้ติดตามแล้ว โกซูก็มีหน้าที่เพียงทำตามเท่านั้น

 

 

 

โกซูพยักหน้ารับคำสั่ง

 

 

「เข้าใจแล้วครับ ตามบัญชาของท่าน ผมจะนำพาเด็กรุ่นใหม่ให้เห็นถึงโลกภายนอกเอง」

 

หลังจากเขาพูดจบ ก็มีใบหน้าของเด็กสองคนปรากฏขึ้นในความคิดของโกซู

 

ช่างน่าแปลกที่ใบหน้าของเด็กทั้งสองนั้นก็เป็นคนที่อายุรุ่นเดียวกับอดีตนายน้อยของเขา

 

สองคนนั้นคืออายากะกับรากุนะ 2 ใน 7 เด็กที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเด็กรุ่นทองคำ

 

———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+