การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 205 การตัดสินใจของคลิม

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 205 การตัดสินใจของคลิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 205 การตัดสินใจของคลิม

 

พอคลิมกับมาที่พักก็พบกับรันและยามาโตะที่ยืนก้มหัวให้เขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

คลิมรู้สึกสงสัยทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน เพราะหากจะขอบคุณเรื่องที่ช่วยพวกเขาไว้ตอนตั๊กแตนนั่น มันก็จบไปแล้วตั้งแต่ก่อนประชุม

 

พอเห็นคลิมแสดงสีหน้าสงสัยออกมารันก็พูดขึ้น

 

 

 

「คือว่า…ข้าขอโทษที่สงสัยเจ้าว่าเป็นสายลับของนากายามะ ดังนั้นจึงอยากจะทำให้มันถูกต้องน่ะ」

 

 

 

「แบบนี้นี่เอง อย่ากังวลเลยครับ」

 

 

 

คลิมพยักหน้าโดยไม่ได้แสดงอาการโกรธอะไรออกมา อันที่จริงภารกิจคุ้มกันที่เขาได้รับมาเขาก็ไม่ได้อยากจะทำมันตั้งแต่แรก การใช้คำพูดให้เกียรติพวกคิจินก็ทำไปแบบส่งๆ ท่าทางการแสดงออกก็ห่วยแตก หากอีกฝ่ายจะไม่ไว้วางใจเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

 

นอกจากนี้หากอีกฝ่ายเป็นคนของนากายามะจริง พวกรันคงได้ตายไปตั้งแต่ที่โดยมอนสเตอร์โจมตีแล้ว พวกเธอที่คิดได้แบบนั้นคงวางใจเขามากขึ้น

 

 

 

ให้ตายสิ พอให้เห็นคนแบบรันแล้วเขาก็อดอารมณ์เสียอยู่ภายในใจไม่ได้ แค่การช่วยชีวิตสักครั้งสองครั้งจะยอมเชื่อใจคนแบบเขาเลยจริงหรือ? ไม่คิดบ้างหรือไงว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาแอบแฝง

 

แม้จะดูเป็นการให้เกียรติฝ่ายตรงข้ามแต่ในฐานะคนของราชวงศ์แล้วเรียกได้ว่าอ่อนหัด ไม่สมกับสายเลือดตนสักนิด จนคลิมอดคิดไม่ได้ว่าคนพวกนี้ได้รับการเอาใจใส่เสียจนหลงระเริงไม่ทันโลกเกินไปไหม เพราะสำหรับเขาที่เติบโตมาในตระกูลเบิร์ชแล้วไม่มีทางจะคิดแบบนั้นได้แน่

 

ไม่สิ หรือบางทีนี่อาจจะเป็นแนวคิดวิธีการปกติของพวกคิจินก็ได้ หากเป็นแบบนี้จริงก็ถือว่าเข้าทางเขาเลย

 

 

ว่าแล้วยามาโตะก็พูดกับคลิมในขณะที่คลิมกำลังคิดอะไรไปเรื่อย บางทีคงอยากจะช่วยพี่สาวของตนที่แสดงท่าทีอึดอัดด้วย

 

 

 

 

 

「เคิร์ทน่ะแข็งแกร่งครับ! ท่านสังเกตเห็นถึงสิ่งที่คนอื่นยังไม่ทันสังเกตไดก่อนใคร」

 

 

 

「ก็ธรรมดาครับ」

 

 

「อื้อ ถ้าเคิร์ทไม่ติดขัดอะไรข้าก็อยากจะให้ท่านช่วยฝึกฝนหน่อยได้หรือเปล่าครับ? ข้าอยากจะแข็งแกร่งเหมือนท่าน!」

 

 

พอเห็นยามาโตะก้มหัวขอร้องเขาอีกครั้ง คลิมก็ตั้งใจจะปฏิเสธไปในทันที ทว่าก็มีความคิดบางอย่างเข้ามาหยุดเขาเอาไว้ก่อน

 

 

 

เพื่อที่จะจัดการชินโตแล้วใช้พวกคิจินเป็นสะพานแทน ก็จำเป็นต้องได้รับความไว้วางใจจากสองพี่น้อง ทว่าส่วนตัวคลิมไม่อยากจะก้มหัวให้พวกคิจินด้วยดังนั้นตำแหน่งครูสอนดาบของยามาโตะก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย

 

 

 

 

 

「วิถีดาบของผมมันต่างจากคิจินนะ จะดีเหรอ? 」

 

 

 

「แน่นอนครับ!」

 

 

 

 

ยามาโตะตอบกลับทันที จากนั้นคลิมก็มองไปยังรันเพื่อดูท่าที แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเป็นพิเศษ

 

 

 

คลิมจึงตอบรับคำขอของยามาโตะ ถึงแม้สำหรับเด็ก 8 ขวบแล้วการสอนเทคนิคชั้นสูงอะไรไปก็คงไร้ค่า คิดซะว่าอย่างน้อยเป็นค่าตอบแทนสำหรับทางผ่านในการช่วยพี่สาวของเขา สำหรับเทคนิคพื้นฐานก็น่าจะพอไปวัดไปวาได้

 

 

ทว่าก็มีบางอย่างที่ต้องทำก่อนหน้านั้น คลิมคิดแล้วก็มองไปรอบๆ

 

 

มีรูขนาดใหญ่ที่ผนังห้องของสองพี่นน้อง ถึงแม้จะมีผ้าปิดเอาไว้ข้างนอกจึงไม่สามารถมองเข้ามาได้ แต่สภาพมันก็แย่เต็มทน ของเหลวจากร่างพวกมอนสเตอร์ก็แทบไม่ได้เช็ดออกไปเลย

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นหน้าที่ในการทำความสะอาดภายในนี้ก็ตกเป็นของสองพี่น้อง แทนที่จะบอกว่าจงใจเมินพวกเขา เจ้าคาซากิไม่น่าจะสนใจเลยมากกว่า

 

 

 

เนื่องจากมันน่ารำคาญ คลิมเลยต้องรีบจัดการมันให้จบๆ ไปเสีย ทั้งหมดที่เขาทำไม่ใช่เพื่อสองพี่น้อง แต่เป็นตัวเขาเอง ในฐานะคนคุ้มกันแล้วเขาจำเป็นจะต้องมาพักอาศัยอยู่ภายในนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ การจะต้องมาทนกลิ่นเหม็นและสภาพที่อยู่แสนเกินเยียวยาไม่ใช่ทางของเขาจริงๆ

 

 

ว่าแล้วเขาก็ไปตัดต้นไม้ ขนย้ายพวกซากมอนสเตอร์ แล้วซ่อมแซมที่พักเสียใหม่ด้วยการใช้พลังคิเสริมแกร่งร่างกาย นอกจากนี้เขาก็พอมีน้ำสำหรับทำความสะอาดด้วย

 

เขาทำมันอย่างรวดเร็วเสียจนสองพี่น้องไม่มีโอกาสได้เข้ามาช่วยเหลืออะไรเลย ทว่าส่วนหนึ่งในจิตใจของคลิมก็แอบคิดไปพลางๆ ว่านี่เขากำลังมาทำบ้าอะไรอยู่

 

 

ในคืนนั้นรันผล็อยหลับไปเร็วกว่าน้องชายของเธอ ทั้งที่ปกติเธอจะรอให้น้องของเธอหลับก่อนแท้ๆ คงไม่แปลกโดนมอนสเตอร์บุกมาตั้งแต่ช่วงหัววัน ร่างกายคงจะอ้อนล้าเต็มที

 

 

คลิมที่ยืนดูแลอยู่ตรงหน้าทางเข้าที่พักก็สังเกตว่ามีเสียงฝีเท้าเล็กๆ ดังขึ้นเข้ามาใกล้เขา ไม่ช้าก็พบว่านั่นคือยามาโตะ

 

 

 

 

「เคิร์ทข้าขอคุยกับท่านสักครู่ได้ไหมครับ? 」

 

 

 

ยามาโตะพยายามพูดให้เบาที่สุดเหมือนกับไม่อยากให้พี่สาวของตนตื่น คลิมก็พยักหน้ารับเงียบๆ ตอนแรกเขาคิดว่าจะพูดถึงเรื่องการฝึกอะไรนั่น แต่สิ่งที่ยามาโตะพูดกลับเป็นเรื่องของพี่สาวเขา

 

 

 

「เคิร์ทหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหมือนตอนกลางวัน ได้โปรดช่วยให้ความสำคัญในการปกป้องท่านพี่มากกว่าตัวของข้าทีครับ」

 

 

 

「……หา」

 

 

 

 

「นางเป็นคนอ่อนโยนเหมือนกับแม่ของข้า งานฝีมือก็เก่งกาจ แม้ฝีมือการต่อสู้จะไม่ได้เรื่องเลยก็ตาม ข้ารู้มาตลอดครับว่าทุกคืนนางจะแอบไปร้องไห้ตอนข้าหลับไปแล้ว คนแบบท่านพี่ไม่ควรจะมาตายในที่แบบนี้เลย」

 

 

 

 

แต่เดิมข้าควรจะเป็นคนปกป้องท่านพี่แท้ๆ ยามาโตะพูดด้วยความเจ็บใจ หัวใจของลูกผู้ชายที่อยากจะปกป้องหญิงสาวของเขานั้นเต็มเปี่ยม มันคือสิ่งที่พ่อผู้ล่วงลับของเขาสอนเสมอมา

 

 

อย่างไรก็ตาม เด็กแบบเขาก็ไม่มีพลังเพียงพอจะทำเช่นนั้นได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ยามาโตะมาขอคลิมแทน

 

เรื่องที่ยามาโตะบอกว่าจะยอมจำนนต่อนากายามะนั่นก็น่าจะเป็นเพราะอยากช่วยพี่สาวของเขา แน่นอนว่าคลิมเองก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก

 

 

พี่สาวที่อยากจะช่วยน้องชายของตนสุดความสามารถ น้องชายที่ต้องการให้เพียงพี่สาวของตนมีชีวิตรอดต่อไป

 

――ทว่าคลิมก็ไม่ใช่คนอ่อนแอถึงขนาดจะเห็นภาพตนกับไคลอาทับซ้อนสองพี่น้อง เพราะอย่างแรกเลยคือคลิมจะไม่มีวันฝากฝังพี่สาวของตนไว้กับคนอื่นเด็ดขาด ไม่ว่าตนจะอ่อนแอหรือขาดพลังไปสักเพียงใดก็ตาม เขาจะพยายามปกป้องพี่สาวของตนด้วยมือตัวเองอย่างถึงที่สุด

 

 

ดังนั้นเขาจึงไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำ และพยักหน้าตอบรับคำขอของยามาโตะไป

 

 

 

「จะดูถูกกันเกินไปไหม」

 

 

 

「……ครับ? 」

 

 

 

「คิดว่าคนอย่างผมจะมีปัญญาปกป้องคนได้แค่คนเดียวเหรอ? อย่ากังวลเรื่องที่ไม่จำเป็นสิครับ」

 

 

 

พอได้ยินคำพูดนั้นของคลิม ยามาโตะก็ทำตาปริบๆ เหมือนไม่เข้าใจในตอนแรก ทว่าพอเขาเริ่มเรียบเรียงมันใหม่ในหัวเสร็จ สีหน้าของเขาก็ดูสบายใจขึ้นมาทันที

 

 

พอยามาโตะเงยหน้ามองเขาอีกครั้งพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย คลิมก็เบือนหน้าหนีราวกับไม่อยากทนรับสายตานั้น

 

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของรันวิ่งเข้ามา สงสัยว่าเธอคงตกใจที่ตื่นขึ้นมาไม่เห็นยามาโตะนอนอยู่ข้างๆ

 

พอเธอรีบออกมาจากที่พักก็พบว่ายามาโตะกำลังยืนคุยกับคลิมอยู่เธอก็เอามือวางทาบอกแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

 

 

 

「ยามาโตะมาอยู่ที่นี่นี่เอง อย่าทำให้พี่กังวลนักสิ」

 

 

「อ้า ขอโทษครับท่านพี่ พอดีข้าเผลอตื่นขึ้นมาก็เลยมาหาเรื่องคุยกับท่านเคิร์ทสักพักน่ะ」

 

 

 

「ท่านเคิร์ทเขามีหน้าที่ดูแลพวกเราจะ ทำแบบนั้นจะไม่เป็นการรบกวนเขาหรือไง? 」

 

 

รันดุน้องชายของเธอไปทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปหาคลิมด้วยสีหน้าที่เหมือนอยากขอโทษ ทั้งที่ในอดีตทุกครั้งที่เธอมองมายังเขา สายตาของเธอจะเต็มไปด้วยความระแวง

 

แต่วันนี้สายตาของเธอกลับแตกต่างออกไป บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันเลยส่งอิทธิพลกับพวกเธอ แต่สำหรับคลิมแล้วเขารู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม

 

 

สำหรับสองพี่น้อง คลิมก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้ที่มาที่ไปทำไมพวกนั้นถึงได้ไว้วางใจเขาง่ายขนาดนี้กัน ระหว่างที่คลิมจะตอบกลับรันไปด้วยความหงุดหงิดนั้นเอง

 

 

――ต๊อกๆ

 

ร่างสีดำร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าด้วยความนุ่มนวลราวกับไร้น้ำหนัก แล้วไปยืนตรงหน้ารัน รันที่เห็นแบบนั้นตอนแรกเธอก็คิดว่ามันจะเป็นนกหรือสัตว์อะไรสักอย่างที่ตกลงมาจากหลังคา

 

 

ทว่าสิ่งนั้นกลับเป็นบางสิ่งที่สวมหน้ากากคิจินสี่ตาเอาไว้ ซึ่งมาพร้อมกับชุดคลุมสีดำ ผ้าเตี่ยวสีแดง

 

 

ดวงตาของรันเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ บุคคลสวมหน้ากากคิจินนั้นได้ชักดาบยาวออกมาก่อนจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โดยมีปลายทางของดาบเป็นดวงตาขวาของรัน

 

 

ทว่าก่อนจะได้แทงไปยังดวงตานั้น ดาบของคลิมก็ได้เข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนจนทำให้การโจมตีดังกล่าวถูกสะท้อนออกไป

 

 

 

「……คึ? 」

 

 

เสียงโลหะปะทะกันยามค่ำคืน รันตกตะลึงเพราะไม่สามารถทำความเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้

 

 

จากนั้นคลิมก็ทำการโจมตีสวนกลับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว ปลายดาบถูกตวัดเป็นเส้นโค้งผ่านห้วงอากาศ ก่อนจะสลับทิศทางการโจมตีอีกระรอกหนึ่งด้วยเทคนิคของเขาแล้วเหวี่ยงดาบเป็นเส้นตรงลงไปแทน

 

 

มันคือการสวนกลับที่สมบูรณ์แบบทั้งการหลอกล่อและพลังทำลายล้าง ทว่าอีกฝ่ายกลับพุ่งถอยออกไปได้ทัน

 

 

ตอนนี้คลิมได้ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างรันกับคนแปลกหน้าที่สวมผ้าเตี่ยวสีแดง จากนั้นเขาก็ชี้ดาบไปตรงหน้าราวกับจะบอกว่าตนตั้งใจจะปกป้องสองพี่น้อง

 

 

แกเป็นใครกัน สำหรับคริมแล้วเขาคงไม่ต้องพูดคำนั้นออกมา เพราะตัวตนของอีกฝ่ายมันชัดเจนอยู่แล้ว แต่เรื่องที่เขาประหลาดใจคือไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเลือกเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้

 

 

 

 

 

「เจ้าคิดจะขวางทางข้าหรือ มนุษย์? 」

 

 

เสียงแหลมสูงจนดูผิดแปลกส่งผ่านหน้ากากนั้นออกมา นั่นน่าจะต้องเป็นเทคนิคอะไรสักอย่างของชินโตแน่ อีกฝ่ายตั้งใจจะปลอมตัวด้วยนี่นะ

 

 

รู้สึกเหมือนกำลังดูละครห่วยๆ อยู่เลยวุ้ย คลิมจ้องมองไปยังดวงตาของชินโตที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้น อีกฝ่ายเหมือนจะเอาจริงซะด้วยสิ

 

 

「……….หากเจ้าเลือกจะถอยไปอย่างเงียบๆ ข้าจะขอให้กษัตริย์อาซึมะยกโทษให้กับความผิดของเจ้า――」

 

 

 

「ให้ตายสิ ชินโตเลิกเล่นปาหี่เถอะขอร้อง ไม่ไหวว่ะ」

 

 

 

นอกจากจะเย้ยหยันอีกฝ่ายแล้ว คลิมยังเปิดเผยตัวตนของอีกฝ่ายด้วย นั่นเป็นวินาทีเดียวกับที่เขาได้ยินเสียงแห่งความประหลาดใจจากสองพี่น้องข้างหลังเขา

 

 

อันที่จริงคลิมก็อยากจะหาข้อมูลของสมบัติลับต่ออยู่หรอก ทางเลือกอย่างการจัดการชินโตทิ้งแล้ว ทวงบุญคุณกับสองพี่น้องก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ ทว่าคลิมก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่มีข้อมูลที่ว่าหรอก

 

 

อย่างไรก็ตามคลิมก็รู้ถึงความต้องการของชินโตแล้ว แล้วถูกบังคับให้เลือกว่าจะปกป้องพวกยามาโตะหรือทอดทิ้ง แม้ตัวเลือกจะมีถึง 2 แต่คลิมมีเพียงคำตอบเดียว นั่นก็คือไม่อยากจะฟังคำสั่งของชินโตอีกแล้ว

 

ไหนๆ ก็จะต้องเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว ดังนั้นคลิมก็เลือกจะเปิดเผยความลับของอีกฝ่ายเสียเลย จะได้ป่วนอีกฝ่ายด้วย

 

ทว่าก่อนคลิมจะได้พูดอะไรเพิ่ม อีกฝ่ายก็ถอดหน้ากากคิจินออกด้วยความหงุดหงิด แน่นอนว่าภายใต้หน้ากากนั้นคือชินโต

 

——-

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด