การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 170 ลมหายใจแห่งดวงดารา

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 170 ลมหายใจแห่งดวงดารา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 170 ลมหายใจแห่งดวงดารา

 

 

 

――โถๆ ช่างน่าเศร้าที่แสงสว่างแห่งดวงชีพได้ดับลง

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงความตายนับไม่ถ้วนของลูกๆ มัน มันก็ถอนหายใจออกมาด้วยเสียงที่ดังลั่นราวกับกระสุนปืนใหญ่

 

เสียงถอนหายใจนั้นได้สร้างลมกระโชกพัดเอาพวกมอนสเตอร์ที่เกาะอยู่ตามปลายจมูกของมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

 

 

ร่างของมอนสเตอร์ที่ถูกสายลมผลักขึ้นไปบนท้องฟ้าก็บิดเบี้ยวเพราะแรงลมก่อนจะสิ้นใจไปแล้วตกลงมากระแทกกับผืนทราย

 

――โถๆ ช่างเป็นชีวิตที่แสนเปราะบางเสียนี่กระไร

 

 

เท้าขนาดยักษ์ของมันที่ชวนให้นึกถึงปราสาทแห่งหนึ่งได้เหยียบร่างเหล่าลูกๆ ของมันที่วิ่งไปทั่วผืนทราย

 

 

ถึงแม้จะไม่ได้เป็นความตั้งใจของมัน แต่ด้วยร่างที่ใหญ่โตเกินกว่าจะหาทางหลบเหล่าลูกๆ ของมันได้ จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จากสายตาของมัน ลูกๆ ก็มีขนาดเพียงแค่รูเข็ม

 

 

 

――อย่าได้เศร้าโศกไปเลย มันก็เป็นเพียงหนึ่งในวัฏจักรของชีวิต อย่าได้เศร้าโศกไปเลย ที่ชีวิตจะต้องเผชิญความยากลำบาก

 

 

 

มันคือสิ่งที่โลกใบนี้กำหนดมาแล้ว หาใช่สิ่งที่ควรขัดขืนหรือต่อต้าน

 

 

 

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มันปกป้องและพยายามหล่อเลี้ยงเหล่าลูกๆ อย่างสุดหัวใจ มันกลืนกินศัตรูที่ท้าทายกฎของโลก มันเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง มันเลี้ยงดูเหล่าลูกๆ ของมันที่อยู่ข้างในร่าง มันทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี

 

 

 

มันเองก็ทำหน้าของตนอย่างขันแข็งมาจนถึงตอนนี้ แน่นอนว่ามันพอใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำและต้องการจะทำมันต่อไป

 

 

ทว่า มันก็คงไม่สามารถดื่มด่ำกับความพึงพอใจนี้ไปได้ตลอด

 

ตอนนี้มันได้กลิ่น กลิ่นที่เหม็นฉุนของเหล่าคนเขลาที่จะกบฎต่อโลก

 

 

 

――สิ่งมีชีวิตที่แสนต่ำต้อยกล้าแยกเขี้ยวใส่ ในฐานะผู้แทนแห่งดวงดารา ผู้ชำระล้างผืนโลก มันจะขออาสาเป็นทำลายล้างผู้ต่อต้านกฎอันยิ่งใหญ่

 

 

 

ในวินาทีต่อมา มันก็ได้เปิดปากกว้างขึ้น

 

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

――ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะทรงพลังขนาดนี้

 

ผมคิดอยู่ในใจระหว่างพยายามรักษาระยะห่างกับพายุน้ำแข็งที่โหมกระหน่ำอยู่ตรงหน้า

 

 

คือมันก็เป็นไปตามที่คิดไว้ว่าพวกมอนสเตอร์จะถูกบดขยี้ด้วยแรงกระแทกจากผืนฟ้าที่เยือกเย็น แต่พายุน้ำแข็งที่ตามมาคือสิ่งที่คาดไม่ถึงไปหน่อย ก็จริงว่าผมใช้ลมเพื่อสร้างมัน แต่ไอ้พายุที่เกิดขึ้นมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของผม

 

ข้อพิสูจน์ก็คือไม่ว่ามอนสเตอร์จะถูกพายุนั่นบดขยี้ไปสักกี่ตัว วิญญาณของพวกมันก็ไม่ส่งมาถึงผมเลย

 

 

การกลืนกินวิญญาณด้วยโซลอีทเตอร์จากการฟันตรงๆ จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด แน่นอนว่าผมสามารถกลืนกินวิญญาณด้วยการโจมตีระยะไกลเช่นกัน แต่สัดส่วนมันก็จะน้อยออกไปตาม

 

อันที่จริงก่อนหน้านี้ผมก็ได้วิญญาณจากพวกมอนสเตอร์ที่ถูกคลื่นน้ำอัคคีจัดการไปเหมือนกัน

 

แต่ไม่ใช่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ นอกจากนั้นผมยังแทบจะไม่รู้สึกถึงวิญญาณที่เข้ามาในร่างตั้งแต่ตอนที่บดขยี้ศัตรูด้วยค้อนน้ำแข็ง

 

 

สรุปได้ว่าผมสามารถกินวิญญาณของอีกฝ่ายได้ด้วยการใช้เทคนิคและการโจมตีโดยตรงเท่านั้น หากเป็นการใช้เทคนิคที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอีกทีจะไม่สามารถกลืนกินวิญญาณได้

 

 

….แถมตอนนี้ผมก็ไม่รู้ด้วยสิว่าพายุน้ำแข็งตรงหน้าผมมันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาภายใต้เงื่อนไขอะไรบ้าง ไว้ค่อยไปถามลูนามาเรียละกัน

 

 

อย่างไรก็ตามหากการใช้ค้อนน้ำแข็งมันทำให้เกิดพายุทำนองนี้เสมอ ก็คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักในบางสถานการณ์เพราะมันกินวิญญาณไม่ได้ คุณค่าของมันจึงลดลงไปมาก เอาเถอะก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้

 

 

ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกได้ว่าวิสทีเรียได้จ้องมองผม แต่ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจก็รู้แหละว่าเธอกำลังทำหน้าซีดเพราะภาพตรงนี้

 

พวกมอนสเตอร์ที่มาจากทางโอเอซิสอาเวโต้ก็น่าจะถูกกวาดไปหมดเพราะส่งนี้

 

 

ก็จริงว่าอาจจะมีระลอกใหม่ แต่พายุน้ำแข็งคงไม่สงบลงง่ายๆ ไว้ให้มันจัดการไปละกัน

 

 

ทีนี้ก็ถึงเวลากลับไปที่โอเอซิสเลโลเพื่อบอกถึงสถานการณ์หน่อยละกัน ไว้พายุน้ำแข็งมันสงบลงค่อยมาใหม่อีกที――ระหว่างที่ผมกำลังคิดแบบนั้นอยู่

 

 

ร่างกายของผมก็สั่นสะท้าน

 

 

 

มันจะมาแล้ว ผมรู้สึกเช่นนั้น

 

วินาทีต่อมาผมก็ตะโกนดังลั่น

 

 

 

 

「คราว โซราส!!」

 

 

 

ผมตะโกนเรียกไวเวิร์นครามที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ถึงจะไม่มีเวลาพูดคำสั่งเฉพาะเจาะจง แต่เหมือนทางฝ่ายจะเข้าใจเจตนาของผม มันจึงรีบบินลงมาด้วยความเร่งรีบ

 

 

อันที่จริงก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเข้าใจจริงๆ หรืออย่างไร แต่ด้วยความเร่งรีบของมันก็เลยทำให้ตอนลงมาถึงมันบาดเจ็บนิดหน่อย

 

วิสทีเรียก็อยู่ใกล้ๆ นี้ ดังนั้นคงไม่มีปัญหา

 

 

ผมพยายามเร่งความคิดของตัวเอง แล้วก็สัมผัสได้ว่ามีแรงระยิบระยับเล็กๆ ส่องออกมาจากอีกฟากของพายุน้ำแข็งที่โหมกระหน่ำ

 

 

 

――――มาแล้ว

 

 

 

 

แรงกดดันของสิ่งนั้นมันรุนแรงจนทำให้คอของผมแห้งเหือด ความหนาวเย็นได้ไหลลงไปถึงกระดูกสันหลัง สัญญาณแห่งความตายที่ผมไม่ได้รู้สึกมานานตั้งแต่มีอาภรณ์วิญญาณ

 

เพื่อจะต้านทานสิ่งนั้น ผมได้ใช้พลังคิทั้งหมดที่มีรวมเอาไว้ด้านหน้าตัวเอง มันไม่ใช่เพื่อการโจมตี แต่เป็นการป้องกัน

 

 

 

คงไม่มีเวลามาคิดชื่อเทคนิคใหม่นี้แล้ว นอกจากนี้มันก็ไม่ได้มีความละเอียดอ่อนพอจะเลือกว่าเทคนิคได้ คิดเสียว่ามันเป็นเพียงบาเรียคิดาดๆ พอตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ทำเอาคิดบ้างแล้วสิว่าตัวเองควรเรียนเทคนิคการป้องกันเอาไว้ด้วย

 

 

 

ฟิ้ววววว

 

 

เสียงที่แผ่วเบาได้พุ่งเข้ามาจนทำให้ใบหูของผมสั่น

 

วินาทีต่อมาทัศนียภาพทั้งหมดในขอบเขตการมองเห็นของผมก็กลายเป็นสีขาวโพลน

 

 

มันเป็นลำแสงที่พุ่งผ่าน

 

มันเป็นคลื่นพลังงานความร้อนที่รุนแรง

 

ในช่วงเวลานี้หากมีใครสักคนสามารถมองเห็นทะเลทรายคาตาลานจากมุมสูงได้ ก็คงจะเห็นสิ่งที่เหมือนกับดาวตกพุ่งผ่านผืนทะเลทรายไป

 

 

 

แม้แต่พายุน้ำแข็งที่ทำลายล้างฝูงมอนสเตอร์ก่อนหน้านี้ยังถูกพัดให้หายไปด้วยลมหายใจแห่งดวงดารา ปริมาณความร้อนและพลังทำลายล้างของมันช่างน่าสะพรึงกลัว การระเบิดที่รุนแรงซึ่งพร้อมทำลายล้างทุกชีวิตตรงหน้า นำพาความตายมาสู่ผู้คน เมือง และผืนดิน

 

 

ไม่ว่าจะเป็นป่าหรือผืนดินที่อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด แต่หากได้สัมผัสกับสิ่งนี้ มันก็จะกลายเป็นเพียงดินแดนรกร้างว่างเปล่าที่แม้กระทั่งหญ้าก็ไม่สามารถเติบโตได้

 

ผมคิดว่าสิ่งนี้แหละที่ทำให้เกิดทะเลทรายคาตาลานขึ้น มันคือสิ่งที่เหนือเกินกว่ามนุษย์จะทำความเข้าใจได้

 

ผมคิดระหว่างที่ทุ่มกำลังทั้งหมดไปให้กับการป้องกัน

 

 

และแล้วก็มีเสียงที่ไม่ใช่เสียงของผมตอบขึ้น

 

 

――คงจะเป็นเช่นนั้น

 

 

เสียงที่แสนน่าคิดถึง มันคือเสียงของโซลอีทเตอร์ อนิม่าของผม

 

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินเสียงของมันตั้งแต่ตอนเรื่องราชาแมลงวัน

 

ในขณะที่ผมกำลังประหลาดใจกับสิ่งนี้ วินาทีต่อมาภาพแปลกๆ ก็แทรกเข้ามาภายในหัวผม

 

ลมหายใจแห่งดวงดาราที่ทำให้ชีวิตนับไม่ถ้วนได้ดับลง

 

กำแพงปราสาทที่แข็งแกร่งก็หาได้มีประโยชน์ ประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมานับพันปีของอาณาจักรทองคำได้ล่มสลาย มันถูกเหยียบย่ำโดยสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน

 

 

มันคือภาพที่ผมไม่เคยเห็น มันคือความทรงจำที่ไม่ควรมีอยู่ในหัวของผม

 

 

แต่ผมมั่นใจว่ามันคือภาพในอดีต ในยุคแห่งทวยเทพ สาเหตุที่ทำให้เกิดทะเลทรายคาตาลานขึ้น

 

 

「……นี่มันความทรงจำของนายงั้นเหรอ โซลอีทเตอร์? 」

 

 

ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา แต่ผมจะถือว่าเป็นการยืนยันคำตอบ

 

 

 

ก็อยากจะรู้หรอกว่าทำไมต้องให้ผมเห็นภาพพวกนี้ แต่คงไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ

 

 

เพราะผมเข้าใจดีว่า สิ่งที่มันต้องการก็คือบอกให้ผมต่อสู้และกลืนกินราชาแห่งเหล่าสัตว์ร้ายนั้นเสีย

 

ไม่ต้องบอกผมก็จะทำอยู่แล้ว

 

 

เป้าหมายที่ผมมาตรงนี้ก็เพราะมันตั้งแต่แรก นอกจากนี้พอได้รับการต้อนรับชุดใหญ่ไฟกะพริบแบบนี้ มันก็มีแต่ต้องลุยให้สุดเท่านั้น

 

 

 

มันแตกต่างจากไฮดราที่กำลังถือกำเนิดมาได้ไม่นาน เบฮีมอธนั้นเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้สักพักใหญ่ๆ แล้ว ในมุมของมนุษย์ก็คงประมาณว่าเป็นเด็กกับผู้ใหญ่ แม้พวกมันจะเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานเหมือนกัน แต่ความทรหดโหดหินของมันคนละเรื่องเลย

 

 

แต่ผมก็ไม่คิดจะบ่นอะไร เพราะมันก็หมายความได้ว่าอาภรณ์วิญญาณของผมจะสามารถกลืนกินวิญญาณที่มีคุณภาพได้ยิ่งขึ้นไปอีก

 

 

「หือ นั่นสินะ ถ้าคิดซะว่านี่เป็นโอกาสที่เราจะเข้าถึงอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าได้ก็ไม่เลวเลยนี่ ว่าไหม? 」

 

 

 

 

 

ระหว่างที่ผมพูดออกมาอย่างกล้าหาญ ผมก็สัมผัสได้ถึงการปฏิเสธจากภายใน

 

 

จากที่โกซุบอก อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าคือจุดสูงสุดของมายาดาบเดียว ที่จะดึงเอาพลังที่แท้จริงของอนิม่าออกมาได้ ทว่าสิ่งที่ผมสัมผัสได้จากภายในตอนนี้คือการปฏิเสธ ราวกับผมกำลังถูกมันดีดหน้าผากเบาๆ จากมือที่มองไม่เห็น

 

ดูเหมือนมันคงอยากจะบอกผมว่า เจ้ายังไม่พร้อม 

 

 

 

「เอาเถอะก็แล้วไป แต่ถ้ารู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือปราการปืนใหญ่ที่แสนเชื่องช้ามันก็มีวิธีรับมือเยอะเลย」

 

 

 

พอพูดจบผมก็หันไปทางเบฮีมอธที่เหมือนจะรวมพลังลมหายใจของตัวเองอีกครั้ง

 

ปริมาณความร้อนยังเท่ากับก่อนหน้านี้ แต่พลังทำลายล้างเหมือนจะสูงขึ้น――ทว่าผมกลับไม่ได้รู้สึกกดดันหรือหนาวสั่นอีกต่อไปแล้ว

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 170 ลมหายใจแห่งดวงดารา

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 170 ลมหายใจแห่งดวงดารา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 170 ลมหายใจแห่งดวงดารา

 

 

 

――โถๆ ช่างน่าเศร้าที่แสงสว่างแห่งดวงชีพได้ดับลง

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงความตายนับไม่ถ้วนของลูกๆ มัน มันก็ถอนหายใจออกมาด้วยเสียงที่ดังลั่นราวกับกระสุนปืนใหญ่

 

เสียงถอนหายใจนั้นได้สร้างลมกระโชกพัดเอาพวกมอนสเตอร์ที่เกาะอยู่ตามปลายจมูกของมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

 

 

ร่างของมอนสเตอร์ที่ถูกสายลมผลักขึ้นไปบนท้องฟ้าก็บิดเบี้ยวเพราะแรงลมก่อนจะสิ้นใจไปแล้วตกลงมากระแทกกับผืนทราย

 

――โถๆ ช่างเป็นชีวิตที่แสนเปราะบางเสียนี่กระไร

 

 

เท้าขนาดยักษ์ของมันที่ชวนให้นึกถึงปราสาทแห่งหนึ่งได้เหยียบร่างเหล่าลูกๆ ของมันที่วิ่งไปทั่วผืนทราย

 

 

ถึงแม้จะไม่ได้เป็นความตั้งใจของมัน แต่ด้วยร่างที่ใหญ่โตเกินกว่าจะหาทางหลบเหล่าลูกๆ ของมันได้ จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จากสายตาของมัน ลูกๆ ก็มีขนาดเพียงแค่รูเข็ม

 

 

 

――อย่าได้เศร้าโศกไปเลย มันก็เป็นเพียงหนึ่งในวัฏจักรของชีวิต อย่าได้เศร้าโศกไปเลย ที่ชีวิตจะต้องเผชิญความยากลำบาก

 

 

 

มันคือสิ่งที่โลกใบนี้กำหนดมาแล้ว หาใช่สิ่งที่ควรขัดขืนหรือต่อต้าน

 

 

 

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มันปกป้องและพยายามหล่อเลี้ยงเหล่าลูกๆ อย่างสุดหัวใจ มันกลืนกินศัตรูที่ท้าทายกฎของโลก มันเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง มันเลี้ยงดูเหล่าลูกๆ ของมันที่อยู่ข้างในร่าง มันทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี

 

 

 

มันเองก็ทำหน้าของตนอย่างขันแข็งมาจนถึงตอนนี้ แน่นอนว่ามันพอใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำและต้องการจะทำมันต่อไป

 

 

ทว่า มันก็คงไม่สามารถดื่มด่ำกับความพึงพอใจนี้ไปได้ตลอด

 

ตอนนี้มันได้กลิ่น กลิ่นที่เหม็นฉุนของเหล่าคนเขลาที่จะกบฎต่อโลก

 

 

 

――สิ่งมีชีวิตที่แสนต่ำต้อยกล้าแยกเขี้ยวใส่ ในฐานะผู้แทนแห่งดวงดารา ผู้ชำระล้างผืนโลก มันจะขออาสาเป็นทำลายล้างผู้ต่อต้านกฎอันยิ่งใหญ่

 

 

 

ในวินาทีต่อมา มันก็ได้เปิดปากกว้างขึ้น

 

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

――ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะทรงพลังขนาดนี้

 

ผมคิดอยู่ในใจระหว่างพยายามรักษาระยะห่างกับพายุน้ำแข็งที่โหมกระหน่ำอยู่ตรงหน้า

 

 

คือมันก็เป็นไปตามที่คิดไว้ว่าพวกมอนสเตอร์จะถูกบดขยี้ด้วยแรงกระแทกจากผืนฟ้าที่เยือกเย็น แต่พายุน้ำแข็งที่ตามมาคือสิ่งที่คาดไม่ถึงไปหน่อย ก็จริงว่าผมใช้ลมเพื่อสร้างมัน แต่ไอ้พายุที่เกิดขึ้นมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของผม

 

ข้อพิสูจน์ก็คือไม่ว่ามอนสเตอร์จะถูกพายุนั่นบดขยี้ไปสักกี่ตัว วิญญาณของพวกมันก็ไม่ส่งมาถึงผมเลย

 

 

การกลืนกินวิญญาณด้วยโซลอีทเตอร์จากการฟันตรงๆ จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด แน่นอนว่าผมสามารถกลืนกินวิญญาณด้วยการโจมตีระยะไกลเช่นกัน แต่สัดส่วนมันก็จะน้อยออกไปตาม

 

อันที่จริงก่อนหน้านี้ผมก็ได้วิญญาณจากพวกมอนสเตอร์ที่ถูกคลื่นน้ำอัคคีจัดการไปเหมือนกัน

 

แต่ไม่ใช่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ นอกจากนั้นผมยังแทบจะไม่รู้สึกถึงวิญญาณที่เข้ามาในร่างตั้งแต่ตอนที่บดขยี้ศัตรูด้วยค้อนน้ำแข็ง

 

 

สรุปได้ว่าผมสามารถกินวิญญาณของอีกฝ่ายได้ด้วยการใช้เทคนิคและการโจมตีโดยตรงเท่านั้น หากเป็นการใช้เทคนิคที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอีกทีจะไม่สามารถกลืนกินวิญญาณได้

 

 

….แถมตอนนี้ผมก็ไม่รู้ด้วยสิว่าพายุน้ำแข็งตรงหน้าผมมันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาภายใต้เงื่อนไขอะไรบ้าง ไว้ค่อยไปถามลูนามาเรียละกัน

 

 

อย่างไรก็ตามหากการใช้ค้อนน้ำแข็งมันทำให้เกิดพายุทำนองนี้เสมอ ก็คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักในบางสถานการณ์เพราะมันกินวิญญาณไม่ได้ คุณค่าของมันจึงลดลงไปมาก เอาเถอะก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้

 

 

ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกได้ว่าวิสทีเรียได้จ้องมองผม แต่ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจก็รู้แหละว่าเธอกำลังทำหน้าซีดเพราะภาพตรงนี้

 

พวกมอนสเตอร์ที่มาจากทางโอเอซิสอาเวโต้ก็น่าจะถูกกวาดไปหมดเพราะส่งนี้

 

 

ก็จริงว่าอาจจะมีระลอกใหม่ แต่พายุน้ำแข็งคงไม่สงบลงง่ายๆ ไว้ให้มันจัดการไปละกัน

 

 

ทีนี้ก็ถึงเวลากลับไปที่โอเอซิสเลโลเพื่อบอกถึงสถานการณ์หน่อยละกัน ไว้พายุน้ำแข็งมันสงบลงค่อยมาใหม่อีกที――ระหว่างที่ผมกำลังคิดแบบนั้นอยู่

 

 

ร่างกายของผมก็สั่นสะท้าน

 

 

 

มันจะมาแล้ว ผมรู้สึกเช่นนั้น

 

วินาทีต่อมาผมก็ตะโกนดังลั่น

 

 

 

 

「คราว โซราส!!」

 

 

 

ผมตะโกนเรียกไวเวิร์นครามที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ถึงจะไม่มีเวลาพูดคำสั่งเฉพาะเจาะจง แต่เหมือนทางฝ่ายจะเข้าใจเจตนาของผม มันจึงรีบบินลงมาด้วยความเร่งรีบ

 

 

อันที่จริงก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเข้าใจจริงๆ หรืออย่างไร แต่ด้วยความเร่งรีบของมันก็เลยทำให้ตอนลงมาถึงมันบาดเจ็บนิดหน่อย

 

วิสทีเรียก็อยู่ใกล้ๆ นี้ ดังนั้นคงไม่มีปัญหา

 

 

ผมพยายามเร่งความคิดของตัวเอง แล้วก็สัมผัสได้ว่ามีแรงระยิบระยับเล็กๆ ส่องออกมาจากอีกฟากของพายุน้ำแข็งที่โหมกระหน่ำ

 

 

 

――――มาแล้ว

 

 

 

 

แรงกดดันของสิ่งนั้นมันรุนแรงจนทำให้คอของผมแห้งเหือด ความหนาวเย็นได้ไหลลงไปถึงกระดูกสันหลัง สัญญาณแห่งความตายที่ผมไม่ได้รู้สึกมานานตั้งแต่มีอาภรณ์วิญญาณ

 

เพื่อจะต้านทานสิ่งนั้น ผมได้ใช้พลังคิทั้งหมดที่มีรวมเอาไว้ด้านหน้าตัวเอง มันไม่ใช่เพื่อการโจมตี แต่เป็นการป้องกัน

 

 

 

คงไม่มีเวลามาคิดชื่อเทคนิคใหม่นี้แล้ว นอกจากนี้มันก็ไม่ได้มีความละเอียดอ่อนพอจะเลือกว่าเทคนิคได้ คิดเสียว่ามันเป็นเพียงบาเรียคิดาดๆ พอตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ทำเอาคิดบ้างแล้วสิว่าตัวเองควรเรียนเทคนิคการป้องกันเอาไว้ด้วย

 

 

 

ฟิ้ววววว

 

 

เสียงที่แผ่วเบาได้พุ่งเข้ามาจนทำให้ใบหูของผมสั่น

 

วินาทีต่อมาทัศนียภาพทั้งหมดในขอบเขตการมองเห็นของผมก็กลายเป็นสีขาวโพลน

 

 

มันเป็นลำแสงที่พุ่งผ่าน

 

มันเป็นคลื่นพลังงานความร้อนที่รุนแรง

 

ในช่วงเวลานี้หากมีใครสักคนสามารถมองเห็นทะเลทรายคาตาลานจากมุมสูงได้ ก็คงจะเห็นสิ่งที่เหมือนกับดาวตกพุ่งผ่านผืนทะเลทรายไป

 

 

 

แม้แต่พายุน้ำแข็งที่ทำลายล้างฝูงมอนสเตอร์ก่อนหน้านี้ยังถูกพัดให้หายไปด้วยลมหายใจแห่งดวงดารา ปริมาณความร้อนและพลังทำลายล้างของมันช่างน่าสะพรึงกลัว การระเบิดที่รุนแรงซึ่งพร้อมทำลายล้างทุกชีวิตตรงหน้า นำพาความตายมาสู่ผู้คน เมือง และผืนดิน

 

 

ไม่ว่าจะเป็นป่าหรือผืนดินที่อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด แต่หากได้สัมผัสกับสิ่งนี้ มันก็จะกลายเป็นเพียงดินแดนรกร้างว่างเปล่าที่แม้กระทั่งหญ้าก็ไม่สามารถเติบโตได้

 

ผมคิดว่าสิ่งนี้แหละที่ทำให้เกิดทะเลทรายคาตาลานขึ้น มันคือสิ่งที่เหนือเกินกว่ามนุษย์จะทำความเข้าใจได้

 

ผมคิดระหว่างที่ทุ่มกำลังทั้งหมดไปให้กับการป้องกัน

 

 

และแล้วก็มีเสียงที่ไม่ใช่เสียงของผมตอบขึ้น

 

 

――คงจะเป็นเช่นนั้น

 

 

เสียงที่แสนน่าคิดถึง มันคือเสียงของโซลอีทเตอร์ อนิม่าของผม

 

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินเสียงของมันตั้งแต่ตอนเรื่องราชาแมลงวัน

 

ในขณะที่ผมกำลังประหลาดใจกับสิ่งนี้ วินาทีต่อมาภาพแปลกๆ ก็แทรกเข้ามาภายในหัวผม

 

ลมหายใจแห่งดวงดาราที่ทำให้ชีวิตนับไม่ถ้วนได้ดับลง

 

กำแพงปราสาทที่แข็งแกร่งก็หาได้มีประโยชน์ ประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมานับพันปีของอาณาจักรทองคำได้ล่มสลาย มันถูกเหยียบย่ำโดยสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน

 

 

มันคือภาพที่ผมไม่เคยเห็น มันคือความทรงจำที่ไม่ควรมีอยู่ในหัวของผม

 

 

แต่ผมมั่นใจว่ามันคือภาพในอดีต ในยุคแห่งทวยเทพ สาเหตุที่ทำให้เกิดทะเลทรายคาตาลานขึ้น

 

 

「……นี่มันความทรงจำของนายงั้นเหรอ โซลอีทเตอร์? 」

 

 

ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา แต่ผมจะถือว่าเป็นการยืนยันคำตอบ

 

 

 

ก็อยากจะรู้หรอกว่าทำไมต้องให้ผมเห็นภาพพวกนี้ แต่คงไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ

 

 

เพราะผมเข้าใจดีว่า สิ่งที่มันต้องการก็คือบอกให้ผมต่อสู้และกลืนกินราชาแห่งเหล่าสัตว์ร้ายนั้นเสีย

 

ไม่ต้องบอกผมก็จะทำอยู่แล้ว

 

 

เป้าหมายที่ผมมาตรงนี้ก็เพราะมันตั้งแต่แรก นอกจากนี้พอได้รับการต้อนรับชุดใหญ่ไฟกะพริบแบบนี้ มันก็มีแต่ต้องลุยให้สุดเท่านั้น

 

 

 

มันแตกต่างจากไฮดราที่กำลังถือกำเนิดมาได้ไม่นาน เบฮีมอธนั้นเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้สักพักใหญ่ๆ แล้ว ในมุมของมนุษย์ก็คงประมาณว่าเป็นเด็กกับผู้ใหญ่ แม้พวกมันจะเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานเหมือนกัน แต่ความทรหดโหดหินของมันคนละเรื่องเลย

 

 

แต่ผมก็ไม่คิดจะบ่นอะไร เพราะมันก็หมายความได้ว่าอาภรณ์วิญญาณของผมจะสามารถกลืนกินวิญญาณที่มีคุณภาพได้ยิ่งขึ้นไปอีก

 

 

「หือ นั่นสินะ ถ้าคิดซะว่านี่เป็นโอกาสที่เราจะเข้าถึงอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าได้ก็ไม่เลวเลยนี่ ว่าไหม? 」

 

 

 

 

 

ระหว่างที่ผมพูดออกมาอย่างกล้าหาญ ผมก็สัมผัสได้ถึงการปฏิเสธจากภายใน

 

 

จากที่โกซุบอก อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าคือจุดสูงสุดของมายาดาบเดียว ที่จะดึงเอาพลังที่แท้จริงของอนิม่าออกมาได้ ทว่าสิ่งที่ผมสัมผัสได้จากภายในตอนนี้คือการปฏิเสธ ราวกับผมกำลังถูกมันดีดหน้าผากเบาๆ จากมือที่มองไม่เห็น

 

ดูเหมือนมันคงอยากจะบอกผมว่า เจ้ายังไม่พร้อม 

 

 

 

「เอาเถอะก็แล้วไป แต่ถ้ารู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือปราการปืนใหญ่ที่แสนเชื่องช้ามันก็มีวิธีรับมือเยอะเลย」

 

 

 

พอพูดจบผมก็หันไปทางเบฮีมอธที่เหมือนจะรวมพลังลมหายใจของตัวเองอีกครั้ง

 

ปริมาณความร้อนยังเท่ากับก่อนหน้านี้ แต่พลังทำลายล้างเหมือนจะสูงขึ้น――ทว่าผมกลับไม่ได้รู้สึกกดดันหรือหนาวสั่นอีกต่อไปแล้ว

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+