การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 240 คำสาป

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 240 คำสาป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 240 คำสาป

 

มิตสึรุกิ โซระ สันตะปาปาเอ่ยชื่อของผมออกมา

 

สายตาของเธอมองผมโดยไม่กะพริบ สายตาของเธอในตอนนี้มองมาที่ผมซึ่งเป็นผมจริงๆ ไม่ใช่ตัวตนอื่นที่ทับซ้อนกับผมอยู่เหมือนตอนแรก

 

ดังนั้นก็คงจะบอกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับสันตะปาปาโซเฟียอาเซอร์ไรท์ได้เผชิญหน้ากันจริงๆ

 

ดวงตาที่มองไม่เห็นห้วงลึกของเธอนั้นทำให้ผมรู้สึกตึงเครียดขึ้น

 

โชคดีที่อาการบาดเจ็บจากการโจมตีก่อนหน้านี้หายเกือบหมดแล้ว ทำให้ผมสามารถต่อยก 2 ได้ทันที

 

ขณะที่ผมรักษาระยะกับเธออย่างระมัดระวังสันตะปาปาก็เปิดปากพูดต่อราวกับต้องการหยอกล้อ

 

「เอาเถอะค่ะ ก็คงไม่แปลกใจอะไรที่มังกรจะไม่สังเกตเห็นท่านเลยสักนิด เพราะสุดท้ายขนาดตัวท่านเองก็ยังไม่ตระหนักถึงตัวเองได้เลย」

 

「….นี่เธอพูดอะไรแปลกๆ มาสักพักแล้วนะ」

 

ผมเผลอขมวดคิ้ว เพราะรู้สึกว่าอยู่ดีๆ เธอก็เริ่มพูดอะไรแปลกๆ ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ถ้าจะพูดให้ชัดหน่อยก็คงจะเป็นยังสามารถพูดกับเธอได้และเข้าใจถึงคำพูดของเธอแต่ไม่เข้าใจความหมายของมันผมจะปล่อยผ่านมันก็ทำได้อยู่หรอก แต่มีบางอย่างบอกกับผมว่าไม่ควรจะปล่อยผ่าน ผลก็คือผมต้องพยายามคิดและระวังอีกฝ่ายหนักกว่าเก่า

 

สันตะปาปาหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการของผม

 

「อย่างที่ฉันได้บอกไปก่อนหน้านี้ค่ะว่าความกลมกลืนระหว่างวิชาดาบกับพลังคินั้นสำคัญ ทว่าก็มีอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ไม่สิสำคัญเสียยิ่งกว่าทั้งสองสิ่งก่อนหน้า หากอยากจะไปอยู่บนจุดสูงสุดของมายาสังหาร รู้หรือเปล่าคะว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด พวกเขาสามารถท้าทายกับสิ่งที่เหนือกว่าตนเองได้เพียงเพราะมีความมั่นใจว่าจะเอาชนะได้ จนสุดท้ายพวกเขาก็ทำได้สำเร็จจริงๆ 」

 

กลับกัน หากคนที่ไม่มีความเชื่อมั่นใจตัวเอง บางครั้งก็มักจะพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่ด้อยกว่าตนโดยไม่สามารถดึงพลังของตัวเองออกมาได้ถึงขีดสุด

 

เพื่อจะใช้เทคนิคและร่างกายที่ฝึกฝนมาอย่างเต็มที่ การพัฒนาทางจิตใจให้มั่นคงก็เป็นเรื่องสำคัญ ――หัวใจที่เชื่อมั่นในตัวเองคือของที่ขาดไม่ได้

จากนั้นสันตะปาปาก็ยกนี้วชี้ของเธอขึ้นมา

 

「ให้ฉันได้ชี้แจงอะไรบางอย่างก่อนนะคะ ถึงตอนนี้อาจจะเห็นเหมือนกับว่าฉันต่อให้ท่านในฐานะผู้ที่เหนือกว่า แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นเลยค่ะ รู้หรือเปล่าคะสาเหตุที่ฉันกลับมาคุยต่อแทนที่จะจับเคียวต่อสู้กับท่านนั้นเป็นเพราะอะไร มันเป็นเพราะฉันพยายามฟื้นฟูพลังคิที่สูญเสียไปจากการปลดปล่อย 3 กระบวนท่า และ 1 ประสานหรือก็คือฉันกำลังพยายามซื้อเวลาอยู่ค่ะ」

 

「หา?!」

 

「เพื่อปลดปล่อยเทคนิค ความเข้าใจในเทคนิคดาบกับพลังคิที่สอดประสานกันเป็นเรื่องสำคัญ แล้วตัวฉันที่สามารถใช้มายาสังหารได้โดยไม่มีอนิม่านั้นถือว่าเป็นงานหนักมากเลยค่ะ เพราะฉันต้องเค้นพลังทั้งหมดที่มี รวมกับพลังของลิช และพลังของอัสราเอลมาจนถึงขีดสุด」

 

 

 

 

เพื่อเป็นการพิสูจน์ สันตะปาปาชี้ไปยังร่างกายของเธอ จะเห็นว่าหู หา จมูกจำนวนนับไม่ถ้วนนั้นเริ่มแปลกไป

 

 

ความรู้สึกกดดันจากดวงตาของพวกมันไม่ได้รุนแรงเท่าตอนแรก จะว่าไปอัสราเอลก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลยหลังแนะนำตัว ผมเดาว่าพลังของมันคงแทบไม่เหลือแล้วจริงๆ

 

 

สันตะปาปาเลยกล่าวต่อ

 

 

「อันที่จริงฉันก็สามารถใช้เวทหลายชนิดพร้อมกันได้จากปากของอัสราเอลค่ะ ทว่านั่นมันก็จะเป็นการเปลืองพลังที่ฉันมีมากเกินไปแถมเวทที่ปล่อยออกมาก็เหมือนจะทำอะไรท่านไม่ได้มากด้วย เมื่อคิดได้แบบนั้นฉันจึงทุ่มสุดตัวเพื่อทำให้ท่านพ่ายแพ้ค่ะ」

 

 

 

「……เธออยากจะบอกอะไรกันแน่」

 

「หรือก็คือ ฉันใช้ไม้ตายตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ค่ะ หากไม่ทำแบบนั้นฉันคงไม่สามารถรับมือกับท่านได้ไหว ทว่าแม้การต่อสู้จะมาถึงตรงนี้แล้ว ท่านก็ยังไม่สังเกตถึงมันได้เลยสักนิด」

 

 

 

 

สันตะปาปาพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

พอได้ยินแบบนั้นผมก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

 

 

อันที่จริงผมก็คิดตามที่เธอบอกนั่นแหละ ผมมองว่าอีกฝ่ายทำตัวสบายๆ มากเกินไป ผมมองว่าเธอกำลังออมมือให้กับผม แถมยังใช้พลังไม่ถึงครึ่งของที่เธอมีด้วยซ้ำ

 

 

แถมจากที่เธอแสดงให้เห็นยังทำให้ผมคิดว่าเธอใช้เพียงพลังของตัวเองเพียวๆ โดยไม่ได้พึ่งพลังของลิชหรืออัสราเอลเลยสักนิด

 

ืทว่าเธอกลับต่อสู้กับผมโดยทุ่มทุกอย่างที่ตัวเองมี

 

 

พูดกันตามตรงนะว่าผมอยากให้มันเป็นจริงอย่างที่เธอพูดเพราะไม่งั้นผมคงไม่มีโอกาสเอาชนะเธอได้แน่

 

 

แล้วคำถามต่อมาที่เกิดขึ้นก็คือทำไมสันตะปาปาถึงเผยความลับนี้ให้ผมฟังล่ะ หรือจะเป็นการหลอกให้ผมตายใจกันนะ ผมจึงถามกลับไป

 

 

 

「ถ้าเป็นแบบนั้นจริงแล้วทำไม เธอถึงทำท่าสบายๆ ขนาดนั้นได้ระหว่างต่อสู้กันล่ะ」

 

 

 

「เรียกว่าเป็นข้อดีของผู้ที่มีชีวิตอยู่มานานจะดีกว่าค่ะ」

 

 

สันตะปาปาตอบด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง หากไม่ใช่เป็นสิ่งที่ออกมาจากปากลิชซึ่งอยู่มานานกว่า 300 ปีผมก็คงขำไปแล้วแหละนะ

 

 

แต่ถึงเธอจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมาทั้งหมดแล้ว ผมก็ไม่อาจจะวางใจได้ จากนั้นสันตะปาปาจึงเริ่มพูดต่อ

 

 

 

「สิ่งที่เรียกว่าความมั่นใจนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะตัวของคนผู้นั้นเองค่ะ ไม่ว่าคนรอบข้างจะสัมผัสหรือรับรู้ได้ว่าผู้นั้นแข็งแกร่งสักแค่ไหน แต่หากคนผู้นั้นไม่เชื่อในตัวเองก็ไม่มีวันจะมีความมั่นใจได้หรอกค่ะ และเพราะสิ่งนั้นจึงมักจะประเมินตัวเองให้ต่ำแล้วมองว่าคนอื่นเก่งกว่าตนเสมอ รู้หรือเปล่าคะว่านั่นคือสิ่งที่ท่านกำลังเป็นในตอนนี้ หากท่านสามารถรักษาสมดุลแห่งจิตใจ เทคนิควิชาและร่างกายของท่านได้เป็นอย่างดี ท่านคงไม่มีทางมองพลังของฉันผิดไปได้หรอกค่ะ」

 

 

ก็อย่างที่ผมเคยบอกไปว่าผมจะเมินคำพูดของเธอก็ได้ แต่ไม่รู้เพราะอะไรสิ่งที่เธอพูดมันถึงได้กระแทกเข้าไปภายในจิตใจของผมหนักขนาดนี้กันนะ

 

 

 

ผมอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายทำไมถึงรับรู้ส่วนลึกภายในจิตของผมได้กันนะ ทว่าสัญชาตญาณของผมมันก็สั่งให้ผมโต้กลับไป

 

 

 

「ไอ้นั่นมันก็ใช่ แต่หลังจากที่ฉันได้รับอาภรณ์วิญญาณมาแล้วฉันก็คิดว่าความมั่นใจของฉันมันเท่ากับพลังที่ฉันมีแล้วนะ」

 

 

 

 

เออซูร่าก็ยังบอกว่าผมเปลี่ยนไปมากจากอดีต ระหว่างที่ผมกำลังคิดแบบนั้นสันตะปาปาก็สวนกลับมา

 

 

 

 

「นักดาบที่แท้จริงจะมีความมั่นใจซึ่งแสดงผ่านตัวตนที่ดูสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับนักรบแห่งผืนป่าที่ยอมรับในตัวท่านคงเห็นท่านเติบโตเพียงแค่ทักษะของนักดาบเฉยๆ ค่ะ การที่ท่านจะยอมรับความอ่อนแอภายในจิตใจไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเลยแท้ๆ 」

 

 

 

「……」

 

 

 

「ท่านที่ได้ต่อสู้และเอาชนะศัตรูมามากมายจนถึงตอนนี้ หากเป็นคนทั่วไปแล้วพวกเขาก็คงจะมีความมั่นใจในพลังของตนเองและก้าวเดินต่อไป แต่ท่านกลับไม่เป็นเช่นนั้น ท่านคือคนที่ไม่เชื่อมั่นในตนเองแม้ถึงเวลาที่สามารถกำจัดศัตรูได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งขนาดไหน ท่านก็รู้สึกเหมือนชัยชนะของตนนั้นไร้ความหมาย เพราะลึกๆ ภายในจิตใจของท่านท่านเชื่อมาเสมอว่าชัยชนะเหล่านั้นไม่ได้เกิดมาจากตัวของท่านเลยแม้แต่น้อย」

 

 

 

ด้วยวิธีคิดแบบนั้นชัยชนะที่คู่ควรจึงไร้ความหมาย ท่านไม่ได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งเหล่านั้นเลย ผลลัพธ์เลยทำให้ท่านกลายเป็นท่านในทุกวันนี้ค่ะ

 

 

 

 

――พอโดนสันตะปาปาจี้ขนาดนี้ผมก็รู้สึกแน่นที่อก

 

ผมอยากจะตะโกนออกมาเหลือเกินว่าอย่ามาทำเป็นรู้จักตัวผมไปมากกว่าผมเลย แต่ผมก็ทำไม่ได้ เพราะมันมีบางส่วนในจิตใจของผมบอกว่าเธอพูดถูก

 

ขณะที่ผมปิดปากเงียบ สันตะปาปาก็ถามกับผมด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

 

 

 

「ทว่ามันก็ยากจะจินตนาการได้ค่ะว่าเรื่องพวกนี้มันจะไม่มีเหตุและผลของมัน มิตสึรุกิ โซระ ท่านกำลังเผชิญอยู่กับคำสาปแบบไหนกันคะ? 」

 

 

 

คำสาป คำสาป คำสาปที่ทำให้ไม่สามารถมีความเชื่อมั่นในตัวเอง

 

 

 

ผมยังคงมีความคิดอยู่ในใจเสมอว่าเป็นเพราะพลังของโซลอีทเตอร์ที่เป็นอนิม่าของผมมันแข็งแกร่งมากเกินไป จนไม่ว่าจะเจอกับศัตรูหน้าไหนก็สามารถเอาชนะได้ ใช่แล้วสิ่งนี้แหละที่วนเวียนอยู่ในใจของผม

 

 

แต่อนิม่าก็คือพลังของผู้ใช้นี่ ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี หากไม่ใช่เพราะมันผมคงไม่สามารถกลืนกินเผ่าพันธุ์ในตำนานอย่างไฮดราหรือเบฮีมอธได้เลย ไม่สิแค่ราชาแมลงวันก็ไม่รอดแล้ว….ความรู้สึกที่ผมมีต่อโซลอีทเตอร์จึงเป็นคำขอบคุณ ไม่ใช่คำสาปแต่อย่างใด

 

แล้วจะมีเหตุผลอะไรกันล่ะที่ทำให้ผมไม่มีความเชื่อมั่นใจตัวเอง ผมพยายามค้นลงไปในความทรงจำอันดำมืดที่แสนหนาวเหน็บ

 

 

สิ่งที่เข้ามาภายในหัวของผมก็คือดวงตาอันแสนเย็นชาที่จ้องมองผมราวกับก้อนหินข้างทาง และที่เสียงอันแหบแห้งของสายตานั้นจะส่งมายังผม

 

นั่นสินะ หากจะบอกว่าร่างกายนี้ได้รับคำสาปมาจากสิ่งใดแล้วละก็….

 

 

 

『――รีบเก็บข้าวของของเจ้าให้เสร็จในวันนี้เสียแล้วรีบออกไปจากเกาะภายในวันพรุ่งนี้ ที่แห่งนี้ไม่ต้องการผู้ที่อ่อนแอ』

 

 

 

 

มันคือเสียงที่ส่งมายังผมแล้วบอกว่าผมมันไร้ค่า…

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด