การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 159 สายลมแห่งความชั่วร้าย

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 159 สายลมแห่งความชั่วร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 159 สายลมแห่งความชั่วร้าย

 

 

เสียงกรีดร้องอันโหยหวนได้สะท้อนผ่านความมืดยามราตรี

 

ส่วนคนที่กรีดร้องออกมาก็คือพวกไทยมุง สายตาของพวกเขาทุกคนจับจ้องไปยังหญิงสาวในชุดคลุมสีดำที่หลุดลอยออกไปจนเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง

 

 

ผมก็หนึ่งในนั้นด้วยแหละ

 

 

ดูจากรูปหูของเธอแล้ว เธอก็น่าจะเป็นเอลฟ์ แต่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นเอลฟ์ซึ่งมีผิวสีน้ำตาลและผมสีขาว เพราะเอฟล์ที่ผมรู้จักโดยปกติจะมีผิวสีขาวผมสีทองเหมือนลูนามาเรีย

 

จะบอกว่าเพราะโดดแดดของทะเลทรายเผามันก็ไม่ใช่เรื่อง ดังนั้นสายพันธุ์เธอน่าจะแตกต่างจากลูนามาเรีย

 

 

ขนาดมนุษย์เรายังมีสีผิวและเส้นผมต่างสีกันเลย เอลฟ์ก็คงไม่ต่างกัน

 

แต่ปัญหาก็คือ――พอทุกคนเห็นเอลฟ์คนนี้แล้วต้องกรีดร้องออกมา

 

 

ใบหน้าครึ่งขวาของเธอนั้นคือสิ่งที่งดงามราวกับเป็นบุตรแห่งเทพธิดา

 

ทว่าครึ่งซ้ายนั้น――

 

 

 

「จ-เจ้าสัตว์ประหลาด!」

 

 

 

 

หนึ่งในสมาชิกของเหยี่ยวทะเลทรายได้ส่งเสียงร้องออกมา คำพูดดังกล่าวอาจจะแสดงความรู้สึกของคนในที่นี้ได้ดีที่สุด

 

 

ใบหน้าครึ่งซ้ายที่เป็นสิงโต ไม่สิถ้าจะพูดคงคล้ายๆ มากกว่า แต่ความน่ากลัวของมันคงไม่ต้องพูดถึงมั้ง

 

 

และพอมันมาผสมกับความงดงามของเอลฟ์อีกฟาก มันสามารถเสริมความน่าเกลียดให้เด่นยิ่งกว่าเดิมอีก

 

 

 

「――คึ」

 

 

 

เอลฟ์สาวใช้มือซ้ายที่ไม่ได้ถือดาบปิดใบหน้าเอาไว้ ริมฝีปากของเธอเม้มออกราวกับกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง

 

 

 

เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว ชายที่เป็นคนตะโกนว่าสัตว์ประหลาดก็พุ่งเข้าไปฟันเอลฟ์ต่อ

 

เอลฟ์สาวได้ใช้ดาบยาวของเธอในการป้องกันการโจมตีจนเกิดเสียงดังสนั่น

 

แต่เพราะเป็นการป้องกันโดยเอามือปิดใบหน้าไปด้วย การโต้กลับจึงไม่สามารถทำได้สะดวกนัก จนคู่ต่อสู้สามารถรับมือกับเธอได้ง่ายกว่าที่เป็น

 

 

ในขณะที่เธอรับการโจมตี พวกเหยี่ยวทะเลทรายก็มาช่วยล้อมเธอเอาไว้ แต่มือของเธอก็ยังไม่ได้ลดออกจากใบหน้าของตน

 

ดูเหมือนว่าสำหรับเอลฟ์สาวคนนี้ การเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงให้เห็นมันแย่เสียยิ่งกว่าการถูกศัตรูล้อมเสียอีก

 

 

แน่นอนว่าด้วยการกระทำแบบนี้ เธอไม่มีทางจะรับมือกับคู่ต่อสู้จำนวนขนาดนี้ได้หรอก แถมยังโดนล้อมเอาไว้อีก สุดท้ายก็คงทำได้เพียงแค่ป้องกัน

 

ทุกครั้งที่ดาบได้ฟาดฟันไปยังร่างของเอฟล์ เลือดของเธอก็จะสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี ทั้งแขน หลัง รอยเปื้อนได้เกิดทั่วร่างของเธอ บางทีอาจจะเพราะบาดแผลที่เธอได้รับและความเจ็บปวดที่ได้ ใบหน้าของเธอจึงมีเหงื่อหยดลงมาเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีอาการหอบหนักจนเสียงหายใจได้ยินมาถึงตรงนี้เลย

 

 

พวกคนที่มามุงกันในตอนแรกซึ่งเป็นฝ่ายเอลฟ์แต่พอได้เห็นใบหน้าที่คล้ายกับมอนสเตอร์ของเธอแล้ว พวกเขาก็ได้เปลี่ยนฝ่ายไปเชียร์เหยี่ยวทะเลทรายแทน

 

 

――ผมดูฉากการต่อสู้นี้อย่างเงียบๆ โดยไม่คิดจะเข้าไปช่วยฝ่ายเหยี่ยวทะเลทรายหรือเอลฟ์สาว

 

 

 

คือผมก็อยากจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดอยู่หรอก แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจจนผมไม่สามารถออกไปได้นี่สิ

 

 

 

ไม่ต้องบอกก็รู้มั้งว่าเป็นเอลฟ์สาวนั่นแหละ มันชวนให้ผมนึกถึงหินเวทที่ใกล้จะปะทุออกมา ไม่ว่าจะเป็นเหยี่ยวทะเลทรายหรือพวกไทยมุงก็อยากจะบอกให้รีบหนีไปเสียดีกว่าน่า แต่ผมก็ไม่ได้มีภาระหน้าที่อะไรต้องไปเตือนพวกเขาสักหน่อย ปล่อยไปแล้วกันแถมนี่ก็เป็นย่านสถานบันเทิงเกิดอะไรขึ้นก็รับผิดชอบตัวเองแล้วกัน

 

ในขณะที่ผมกำลังคิด เสียงตะโกนปนเสียงกรีดร้องได้ดังขึ้นครั้ง หากสังเกตดูจะเห็นว่าแขนเสื้อของเอลฟ์สาวได้ถูกฟันขาด จนเผยให้เห็นผิวหนังที่ปกคลุมไปด้วยขนสัตว์ ทำให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ใบหน้าของเธอเท่านั้นที่มีความผิดปกติแต่เป็นร่างกายของเธอด้วย

 

 

「เจ้ามอนสเตอร์นี่ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าแกวางแผนอะไรถึงมาที่เมืองนี้ แต่แกจบสิ้นแล้วที่มาเจอพวกเราเหยี่ยวทะเลทราย!」

 

 

 

จากนั้นดาบของชายคนนั้นก็เหวี่ยงไปยังร่างของเอลฟ์สาวอย่างแม่นยำ เธอถูกฟันตั้งแต่ไหล่ลงมาจนเลือดออกมาจากบาดแผลจำนวนมาก จนทำให้ร่างของเธอเซไปมา

 

จากนั้นเธอก็ถูกชายอีกคนเข้ามาฟันจากด้านหลังอีกครั้งจนเลือดกระฉูดออกมาเป็นน้ำพุ ทำให้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว

 

 

 

ทั้งเสียงกรีดร้องและเสียงเชียร์ได้ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน ทุกคนต่างก็มองว่าเธอคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ๆ ดวงตาสีเหลืองอำพันของเธอก็เริ่มจะเลือนรางลงไปเรื่อยๆ แล้วด้วย

 

ทว่า――ในวินาทีที่แววตาของเธอกำลังจะสิ้นแสงแห่งชีวิตไป ประกายสีแดงภายในดวงตาของเธอก็ส่องออกมา สีแดงที่ชวนให้นึกถึงเลือดสดๆ พร้อมเสียงคำรามอันดังลั่นจากปากของเธอ

 

 

 

 

 

「กร้อวววววววววววววววว!!」

 

 

 

เสียงคำรามอันน่าสยดสยองจนสามารถบดขยี้จิตวิญญาณของมนุษย์ได้ดังขึ้น ก็จริงว่าจะให้เทียบกับเสียงคำรามของไฮดราที่เป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานมันก็คงเทียบไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นของที่คนธรรมดาจะทนไหว

 

 

ยิ่งในระยะใกล้ขนาดนี้

 

 

 

「อ๊ากกก!? 」

 

 

 

「อึก!!」

 

 

 

「อึก คุ……」

 

 

 

เหล่าสมาชิกปาร์ตี้ของเหยี่ยวทะเลทรายกำลังนอนด้าวดิ้นของที่พื้นโดยเอามือปิดหูไว้ บางคนถึงขนาดมีเลือดออกมา น่าจะมาจากแก้วหูของพวกเขาที่แตก

 

 

พวกไทยมุงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น บางคนก็คุกเข่าแล้วส่งเสียงร้องออกมา บางคนก็ไปนอนด้าวดิ้นที่พื้นเหมือนพวกเหยี่ยวทะเลทราย บางคนก็ร้องไห้ออกมาขณะพยายามคลานหนี

 

 

 

 

 

「คึก ฮ่าาาาาาาาาา!!」

 

 

เอลฟ์สาวตะโกนออกมาอีกครั้งราวกับระเบิดความโกรธออกมาใส่คนรอบๆ

 

 

 

――ไม่สิผมว่าเธอหัวเราะมากกว่าตะโกนออกมาซะอีก

 

ใบหน้าฝั่งสิงโตของเธอที่ยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวด้วยความร่าเริง กลับกันใบหน้าฝั่งสาวสวยของเธอกลับแสดงความเจ็บปวดออกมา

 

 

จากนั้นใบหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกขณะที่ผมจ้องมอง

 

 

ใบหน้าส่วนที่เป็นสิงโตได้กลืนกินใบหน้าอีกฝั่งไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่เป็นสาวสวยของเธอได้เขียนทับใหม่ด้วยหน้าสิงโต

 

 

มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนดูเข็มนาฬิกาที่ฝั่งสิงโตซึ่งตอนแรกอยู่ที่เลข 6 มันได้เลื่อนไปที่ 7 8 ตามลำดับและหากมันไปถึง 12 เมื่อไหร่ใบหน้าของเธอคงกลายเป็นสิงโตไปจนหมด

 

แล้วถ้าเป็นอย่างงั้นจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ

 

 

 

「หื้ม ดูท่าจะไม่ดีแล้วสิ」

 

 

 

ผมพูดพร้อมกับเกาหัว ขณะจ้องมองไปยังใบหน้าของเอฟล์――ไม่สิอะไรสักอย่างที่เคยเป็นเอลฟ์

 

หัวได้กลายเป็นสิงโต แขนของสิงโต ขาค่อยๆ มีปีกงอกออกมา กรงเล็บแหลมคมที่ชวนให้นึกถึงนกยักษ์ แล้วก็มีปีกอีก 4 งอกมาข้างหลัง แล้วก็หางของสัตว์สองชนิดงอกมาจะสะโพกพันไปกันมา

 

 

เป็นอะไรที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ

 

 

ไม่สิจากที่ได้ยินมา ข้อมูลที่อิเรียรวบรวมมาหากจะมีมอนสเตอร์ที่ใกล้เคียงกับภาพที่ผมเห็น

 

 

 

ไม่สิถ้าให้พูดชัดๆ มันไม่ใช่มอนสเตอร์แต่เป็นเทพปีศาจ

 

 

ว่ากันว่ามันคือสายลมแห่งความชั่วร้ายที่พัดผ่านผืนทะเลทราย

 

ราชาแห่งทะเลทรายอันร้อนระอุที่มีใบหน้าและแขนคล้ายสิงโต ขาและปีกเหมือนอินทรี หางเป็นของงูและแมงป่อง

 

 

 

 

ชื่อของปีศาจที่ควบคุมไข้และโรคระบาด――

 

 

 

 

 

「ใช่ ราชาแห่งสายลมปาซูซุหรือเปล่านะ? 」

 

 

 

 

ราวกับได้ยินเสียงพูดคนเดียวของผม

 

ใบหน้าของเธอได้แสยะยิ้มออกมาเพื่อเป็นการยืนยันว่ามันถูกต้องแล้ว

 

โดยใบหน้าของเธอตอนนี้ได้กลายเป็นสิงโตไปแล้วประมาณ 3 ใน 4 ส่วน

 

 

—–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 159 สายลมแห่งความชั่วร้าย

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 159 สายลมแห่งความชั่วร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 159 สายลมแห่งความชั่วร้าย

 

 

เสียงกรีดร้องอันโหยหวนได้สะท้อนผ่านความมืดยามราตรี

 

ส่วนคนที่กรีดร้องออกมาก็คือพวกไทยมุง สายตาของพวกเขาทุกคนจับจ้องไปยังหญิงสาวในชุดคลุมสีดำที่หลุดลอยออกไปจนเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง

 

 

ผมก็หนึ่งในนั้นด้วยแหละ

 

 

ดูจากรูปหูของเธอแล้ว เธอก็น่าจะเป็นเอลฟ์ แต่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นเอลฟ์ซึ่งมีผิวสีน้ำตาลและผมสีขาว เพราะเอฟล์ที่ผมรู้จักโดยปกติจะมีผิวสีขาวผมสีทองเหมือนลูนามาเรีย

 

จะบอกว่าเพราะโดดแดดของทะเลทรายเผามันก็ไม่ใช่เรื่อง ดังนั้นสายพันธุ์เธอน่าจะแตกต่างจากลูนามาเรีย

 

 

ขนาดมนุษย์เรายังมีสีผิวและเส้นผมต่างสีกันเลย เอลฟ์ก็คงไม่ต่างกัน

 

แต่ปัญหาก็คือ――พอทุกคนเห็นเอลฟ์คนนี้แล้วต้องกรีดร้องออกมา

 

 

ใบหน้าครึ่งขวาของเธอนั้นคือสิ่งที่งดงามราวกับเป็นบุตรแห่งเทพธิดา

 

ทว่าครึ่งซ้ายนั้น――

 

 

 

「จ-เจ้าสัตว์ประหลาด!」

 

 

 

 

หนึ่งในสมาชิกของเหยี่ยวทะเลทรายได้ส่งเสียงร้องออกมา คำพูดดังกล่าวอาจจะแสดงความรู้สึกของคนในที่นี้ได้ดีที่สุด

 

 

ใบหน้าครึ่งซ้ายที่เป็นสิงโต ไม่สิถ้าจะพูดคงคล้ายๆ มากกว่า แต่ความน่ากลัวของมันคงไม่ต้องพูดถึงมั้ง

 

 

และพอมันมาผสมกับความงดงามของเอลฟ์อีกฟาก มันสามารถเสริมความน่าเกลียดให้เด่นยิ่งกว่าเดิมอีก

 

 

 

「――คึ」

 

 

 

เอลฟ์สาวใช้มือซ้ายที่ไม่ได้ถือดาบปิดใบหน้าเอาไว้ ริมฝีปากของเธอเม้มออกราวกับกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง

 

 

 

เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว ชายที่เป็นคนตะโกนว่าสัตว์ประหลาดก็พุ่งเข้าไปฟันเอลฟ์ต่อ

 

เอลฟ์สาวได้ใช้ดาบยาวของเธอในการป้องกันการโจมตีจนเกิดเสียงดังสนั่น

 

แต่เพราะเป็นการป้องกันโดยเอามือปิดใบหน้าไปด้วย การโต้กลับจึงไม่สามารถทำได้สะดวกนัก จนคู่ต่อสู้สามารถรับมือกับเธอได้ง่ายกว่าที่เป็น

 

 

ในขณะที่เธอรับการโจมตี พวกเหยี่ยวทะเลทรายก็มาช่วยล้อมเธอเอาไว้ แต่มือของเธอก็ยังไม่ได้ลดออกจากใบหน้าของตน

 

ดูเหมือนว่าสำหรับเอลฟ์สาวคนนี้ การเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงให้เห็นมันแย่เสียยิ่งกว่าการถูกศัตรูล้อมเสียอีก

 

 

แน่นอนว่าด้วยการกระทำแบบนี้ เธอไม่มีทางจะรับมือกับคู่ต่อสู้จำนวนขนาดนี้ได้หรอก แถมยังโดนล้อมเอาไว้อีก สุดท้ายก็คงทำได้เพียงแค่ป้องกัน

 

ทุกครั้งที่ดาบได้ฟาดฟันไปยังร่างของเอฟล์ เลือดของเธอก็จะสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี ทั้งแขน หลัง รอยเปื้อนได้เกิดทั่วร่างของเธอ บางทีอาจจะเพราะบาดแผลที่เธอได้รับและความเจ็บปวดที่ได้ ใบหน้าของเธอจึงมีเหงื่อหยดลงมาเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีอาการหอบหนักจนเสียงหายใจได้ยินมาถึงตรงนี้เลย

 

 

พวกคนที่มามุงกันในตอนแรกซึ่งเป็นฝ่ายเอลฟ์แต่พอได้เห็นใบหน้าที่คล้ายกับมอนสเตอร์ของเธอแล้ว พวกเขาก็ได้เปลี่ยนฝ่ายไปเชียร์เหยี่ยวทะเลทรายแทน

 

 

――ผมดูฉากการต่อสู้นี้อย่างเงียบๆ โดยไม่คิดจะเข้าไปช่วยฝ่ายเหยี่ยวทะเลทรายหรือเอลฟ์สาว

 

 

 

คือผมก็อยากจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดอยู่หรอก แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจจนผมไม่สามารถออกไปได้นี่สิ

 

 

 

ไม่ต้องบอกก็รู้มั้งว่าเป็นเอลฟ์สาวนั่นแหละ มันชวนให้ผมนึกถึงหินเวทที่ใกล้จะปะทุออกมา ไม่ว่าจะเป็นเหยี่ยวทะเลทรายหรือพวกไทยมุงก็อยากจะบอกให้รีบหนีไปเสียดีกว่าน่า แต่ผมก็ไม่ได้มีภาระหน้าที่อะไรต้องไปเตือนพวกเขาสักหน่อย ปล่อยไปแล้วกันแถมนี่ก็เป็นย่านสถานบันเทิงเกิดอะไรขึ้นก็รับผิดชอบตัวเองแล้วกัน

 

ในขณะที่ผมกำลังคิด เสียงตะโกนปนเสียงกรีดร้องได้ดังขึ้นครั้ง หากสังเกตดูจะเห็นว่าแขนเสื้อของเอลฟ์สาวได้ถูกฟันขาด จนเผยให้เห็นผิวหนังที่ปกคลุมไปด้วยขนสัตว์ ทำให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ใบหน้าของเธอเท่านั้นที่มีความผิดปกติแต่เป็นร่างกายของเธอด้วย

 

 

「เจ้ามอนสเตอร์นี่ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าแกวางแผนอะไรถึงมาที่เมืองนี้ แต่แกจบสิ้นแล้วที่มาเจอพวกเราเหยี่ยวทะเลทราย!」

 

 

 

จากนั้นดาบของชายคนนั้นก็เหวี่ยงไปยังร่างของเอลฟ์สาวอย่างแม่นยำ เธอถูกฟันตั้งแต่ไหล่ลงมาจนเลือดออกมาจากบาดแผลจำนวนมาก จนทำให้ร่างของเธอเซไปมา

 

จากนั้นเธอก็ถูกชายอีกคนเข้ามาฟันจากด้านหลังอีกครั้งจนเลือดกระฉูดออกมาเป็นน้ำพุ ทำให้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว

 

 

 

ทั้งเสียงกรีดร้องและเสียงเชียร์ได้ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน ทุกคนต่างก็มองว่าเธอคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ๆ ดวงตาสีเหลืองอำพันของเธอก็เริ่มจะเลือนรางลงไปเรื่อยๆ แล้วด้วย

 

ทว่า――ในวินาทีที่แววตาของเธอกำลังจะสิ้นแสงแห่งชีวิตไป ประกายสีแดงภายในดวงตาของเธอก็ส่องออกมา สีแดงที่ชวนให้นึกถึงเลือดสดๆ พร้อมเสียงคำรามอันดังลั่นจากปากของเธอ

 

 

 

 

 

「กร้อวววววววววววววววว!!」

 

 

 

เสียงคำรามอันน่าสยดสยองจนสามารถบดขยี้จิตวิญญาณของมนุษย์ได้ดังขึ้น ก็จริงว่าจะให้เทียบกับเสียงคำรามของไฮดราที่เป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานมันก็คงเทียบไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นของที่คนธรรมดาจะทนไหว

 

 

ยิ่งในระยะใกล้ขนาดนี้

 

 

 

「อ๊ากกก!? 」

 

 

 

「อึก!!」

 

 

 

「อึก คุ……」

 

 

 

เหล่าสมาชิกปาร์ตี้ของเหยี่ยวทะเลทรายกำลังนอนด้าวดิ้นของที่พื้นโดยเอามือปิดหูไว้ บางคนถึงขนาดมีเลือดออกมา น่าจะมาจากแก้วหูของพวกเขาที่แตก

 

 

พวกไทยมุงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น บางคนก็คุกเข่าแล้วส่งเสียงร้องออกมา บางคนก็ไปนอนด้าวดิ้นที่พื้นเหมือนพวกเหยี่ยวทะเลทราย บางคนก็ร้องไห้ออกมาขณะพยายามคลานหนี

 

 

 

 

 

「คึก ฮ่าาาาาาาาาา!!」

 

 

เอลฟ์สาวตะโกนออกมาอีกครั้งราวกับระเบิดความโกรธออกมาใส่คนรอบๆ

 

 

 

――ไม่สิผมว่าเธอหัวเราะมากกว่าตะโกนออกมาซะอีก

 

ใบหน้าฝั่งสิงโตของเธอที่ยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวด้วยความร่าเริง กลับกันใบหน้าฝั่งสาวสวยของเธอกลับแสดงความเจ็บปวดออกมา

 

 

จากนั้นใบหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกขณะที่ผมจ้องมอง

 

 

ใบหน้าส่วนที่เป็นสิงโตได้กลืนกินใบหน้าอีกฝั่งไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่เป็นสาวสวยของเธอได้เขียนทับใหม่ด้วยหน้าสิงโต

 

 

มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนดูเข็มนาฬิกาที่ฝั่งสิงโตซึ่งตอนแรกอยู่ที่เลข 6 มันได้เลื่อนไปที่ 7 8 ตามลำดับและหากมันไปถึง 12 เมื่อไหร่ใบหน้าของเธอคงกลายเป็นสิงโตไปจนหมด

 

แล้วถ้าเป็นอย่างงั้นจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ

 

 

 

「หื้ม ดูท่าจะไม่ดีแล้วสิ」

 

 

 

ผมพูดพร้อมกับเกาหัว ขณะจ้องมองไปยังใบหน้าของเอฟล์――ไม่สิอะไรสักอย่างที่เคยเป็นเอลฟ์

 

หัวได้กลายเป็นสิงโต แขนของสิงโต ขาค่อยๆ มีปีกงอกออกมา กรงเล็บแหลมคมที่ชวนให้นึกถึงนกยักษ์ แล้วก็มีปีกอีก 4 งอกมาข้างหลัง แล้วก็หางของสัตว์สองชนิดงอกมาจะสะโพกพันไปกันมา

 

 

เป็นอะไรที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ

 

 

ไม่สิจากที่ได้ยินมา ข้อมูลที่อิเรียรวบรวมมาหากจะมีมอนสเตอร์ที่ใกล้เคียงกับภาพที่ผมเห็น

 

 

 

ไม่สิถ้าให้พูดชัดๆ มันไม่ใช่มอนสเตอร์แต่เป็นเทพปีศาจ

 

 

ว่ากันว่ามันคือสายลมแห่งความชั่วร้ายที่พัดผ่านผืนทะเลทราย

 

ราชาแห่งทะเลทรายอันร้อนระอุที่มีใบหน้าและแขนคล้ายสิงโต ขาและปีกเหมือนอินทรี หางเป็นของงูและแมงป่อง

 

 

 

 

ชื่อของปีศาจที่ควบคุมไข้และโรคระบาด――

 

 

 

 

 

「ใช่ ราชาแห่งสายลมปาซูซุหรือเปล่านะ? 」

 

 

 

 

ราวกับได้ยินเสียงพูดคนเดียวของผม

 

ใบหน้าของเธอได้แสยะยิ้มออกมาเพื่อเป็นการยืนยันว่ามันถูกต้องแล้ว

 

โดยใบหน้าของเธอตอนนี้ได้กลายเป็นสิงโตไปแล้วประมาณ 3 ใน 4 ส่วน

 

 

—–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+