การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 81 เลือดไม่พอใช้

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 81 เลือดไม่พอใช้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 81 เลือดไม่พอใช้

 

「คุณโซระคะ มีบางอย่างที่ฉันอยากจะถามคุณหน่อยค่ะ」

 

 

นี่ก็ผ่านไปได้สามวันแล้วตั้งแต่ที่ผมเอายารักษาให้อิเรียดื่ม นักบวชซาร่าได้เดินเข้ามาถามบางอย่างกับผม

 

 

แต่ผมก็ไม่ได้ยินเสียงของเธอในตอนแรก

 

 

 

นั่นก็เป็นเพราะผมกำลังถูกบางอย่างดึงดูดความสนใจเอาไว้อยู่

 

 

 

ยารักษาที่อิเรียดื่มไปเมื่อสามวันก่อนมันได้ผลจริง แถมยังช่วยจัดการรักษาอาการที่ได้รับมาจากพิษจนหมด

 

 

ทุกอย่างมันก็ดำเนินมาได้ด้วยดีหรอก จนกระทั่งวันนี้แหละ อาการของเธอก็กลับมาเหมือนเดิม

 

ด้วยเรื่องดังกล่าวมันมีผลกระทบหนักมากพอจนทำให้ผมต้องมานั่งคิดมากจนไม่ได้ยินเสียงของนักบวชที่เรียกผม

 

 

 

และแล้ว――

 

 

 

 

「……โฮ่ยยย? 」

 

 

 

ผมไม่รู้สึกตัวเลยจนกระทั่งแก้มของผมถูกจับเอาไว้อยู่

 

 

ผมได้แต่กะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นนักบวชผมสีดำกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมด้วยท่าทางที่จริงจัง ขณะที่มือทั้งสองข้างของเธอกำลังบีบแก้มผมอยู่

 

 

 

หากเป็นในมุมคนนอกมาเห็นภาพนี้พวกเขาคงคิดว่าพวกเรากำลังมีสัมพันธ์อะไรกันสักอย่าง

 

จากนั้นเธอก็เอามือออกไปจากแก้มของผม ผมจึงถามเธอถึงสาเหตุที่เธอมาหาผมโดยเอามือลูบแก้มสองข้างของตัวเองไปด้วย

 

 

 

「…เอ่อ คือว่า..คุณนักบวชทำอะไรผมครับเนี่ย? 」

 

 

 

「ก็เพราะคุณไม่ตอบสนองอะไรเลยนี่คะ ฉันก็เลยต้องใช้กำลังนิดหน่อย」

 

「เอ๋ คุณพูดอะไรกับผมด้วยเหรอ? ขอโทษด้วยนะครับพอดีผมกำลังคิดอะไรอยู่..」

 

 

ดูเหมือนว่าผมจะตกอยู่ในห้วงความคิดมากไปจนไม่รู้สึกถึงคนที่อยู่ตรงหน้าของผม นั่นทำให้ผมต้องรีบขอโทษเธอที่แสดงความหยาบคายออกมา

 

 

 

โชคดีที่เธอยอมรับคำขอโทษของผมด้วยรอยยิ้ม

 

 

 

และเนื่องจากความสูงของเธอนั้นต่ำกว่าผมไปประมาณครึ่งหัวผม ดังนั้นเมื่อเธอจ้องมองใบหน้าของผมในระยะใกล้ เธอจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมานิดหน่อย

 

 

 

คงไม่ต้องบอกนะว่าเธอมีเสน่ห์ขนาดไหนพอยิ้มในตำแหน่งนี้ ไม่ได้สิๆ อยู่ดีๆ ไอ้ความคิดแบบนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวเฉยเลย ต้องรีบจัดการเอามันออกไปก่อนๆ

 

 

 

 

「แล้วมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ? 」

 

 

 

「พอดีฉันมาเรื่องอยากจะถามคุณหน่อยค่ะ」

 

 

นักบวชซาร่าตอบกลับผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนไปเป็นน้ำเสียงเหมือนอยากจะขอโทษซะงั้น

 

 

「แต่ว่าถ้าคุณยังไม่สะดวกไว้เราคุยกันทีหลังก็ได้นะคะ ดูคุณเหนื่อยๆ ด้วย ยังไงคุณก็เดินทางไปมาระหว่างเมืองอิชกะบ่อยเลยนี่คะ」

 

 

ก็เหมือนกับที่นักบวชเธอบอก ผมได้เดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้านกับเมืองอิชกะ 2 รอบได้ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา

 

 

อย่างแรกก็คือการตรวจสอบสถานการณ์เกี่ยวกับการคลุ้มคลั่ง นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องแจ้งสำนักงานของเมืองเกี่ยวกับพิษของไฮดรา

 

 

นักบวชเธอคงเป็นกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของผม เพราะเธอก็ทราบถึงเรื่องที่ผมทำดี

 

 

 

ผมละรู้สึกขอบคุณความใจดีของเธอจริงๆ แต่บอกตามตรงว่าการเดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้านกับเมืองอิชกะมันไม่ได้สร้างภาระอะไรมากกับผมเลย

 

 

 

ที่ผมกังวลจริงๆ น่ะคือเรื่องอิเรียต่างหาก

 

 

◆◆◆

 

 

ยารักษาได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้วด้วยเลือดของผมจนทำให้สามารถต้านพิษของไฮดราได้พักหนึ่ง แต่หลังจากผ่านไป 3 วันอาการของมันก็กลับมาอีก

 

ถึงมันจะได้ผล แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายขาดได้ ――หากมองในมุมนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับยารักษาหรือเวทมนตร์ที่ใช้ในการช่วยเหลือเธอก่อนหน้านี้นัก

 

ถ้าจะให้ต่างก็คงเป็นเรื่องที่ของพวกนั้น ขอแค่ครึ่งวันก็ทำให้อาการกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้นจึงสามารถพูดได้ว่าของผมเป็นอันที่พัฒนามาดีแล้วจนทำให้ต้านพิษได้ถึง 3 วัน

 

 

หากคิดง่ายๆ ก็แปลว่าผมต้องทำการสร้างยาให้เธอประมาณ 10 ขวดต่อเดือน ถ้ามียาถึงขนาดนั้นต่อให้โดนพิษของไฮดราไปคนโดนก็ยังสามารถมีชีวิตต่อไปได้สบายๆ

 

 

พอฟังแบบนี้อาจจะมองว่าเป็นข่าวดีก็ได้

 

 

 

แต่ว่าหากไอ้เจ้านี่มันได้ผลน้อยลงเรื่อยๆ หลังจากการใช้ซ้ำล่ะ สุดท้ายมันจะไม่ต่างอะไรกับของก่อนหน้านี้เลยหรือไง เพราะยารักษากับเวทก่อนหน้านี้ก็เป็นเหมือนกัน

 

 

ดังนั้น จุดที่พวกผมอยู่จึงห่างไกลมากกับตัวยาที่สมบูรณ์จริงๆ แต่อย่างน้อยก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลถึงอนาคตอันใกล้นี้เท่าไรนัก

 

 

จากที่ผมเห็นเช้านี้ อาการช้ำ บวม และ เหี่ยวย่นของอิเรียได้บรรเทาลงบ้างแล้ว ใบหน้าของหญิงสาววัยนี้ก็สำคัญเท่าชีวิตเลยนี่นะ เอาเถอะเห็นแบบนี้ก็โล่งใจไปอีกเรื่อยหนึ่ง

 

 

แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไม่ใช่เพราะอิเรีย ผมโล่งใจเพราะทำให้แม่ของเธออย่างนักบวชซาร่ากับพวกเด็กๆ สบายใจต่างหาก

 

 

 

 

――ก็ถือว่าจบได้ดีอยู่มั้ง

 

 

แต่ก็นั่นแหละปัญหาอื่นมันก็มักจะตามมาเสมอพอเรื่องหนึ่งจบไป

 

 

 

คนที่ติดพิษไฮดราเข้าไป ต้องใช้ยาประมาณ 10 ขวดต่อเดือน ก็แปลว่า ปีหนึ่ง ต้องใช้ 120 ขวด

 

 

แถมไอคนที่ป่วยก็ใช่จะมีแค่อิเรียเสียหน่อย

 

 

 

ตอนนี้มีคนอื่นอีก 5 คนในหมู่บ้านที่เริ่มแสดงอาการเหมือนกับอิเรีย นั่นก็หมายความว่าเดือนหนึ่งผมต้องทำยา 60 ขวด ปีหนึ่งก็ 720 ขวด

 

 

ยาทั้งหมด 720 ขวดจำเป็นต้องผสมเลือดผมเข้าไปด้วย

 

 

 

แถมไอ้ที่บอกไปคือขั้นต่ำด้วยนะ

 

 

 

เหมือนที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ยารักษาใหม่สามารถยับยั้งพิษได้ประมาณ 3 วัน แต่ถ้าเกิดว่าผลของมันน้อยลง ก็แปลว่าปริมาณยาที่ต้องใช้เพิ่มขึ้น

 

 

นอกจากนี้พิษพวกนี้ก็ไหลไปตามน้ำ นั่นก็หมายความว่าจำนวนผู้ป่วยย่อมไม่หยุดเพียงเท่านี้

 

 

 

นี่ขนาดว่าหมู่บ้านเมลเทเป็นหมู่บ้านแถวปลายน้ำนะ ผู้ป่วยยังมีประมาณนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นแถวต้นน้ำจะมากขนาดไหนอีก

 

 

หากผมต้องการจะช่วยทุกคนที่ป่วย จำนวนยาที่ผมต้องทำก็คงปาไปเป็นหมื่นสองหมื่นต่อเดือนได้ แล้วคิดดูว่าเลือดที่ผมต้องใช้ในการทำยาจะมากขนาดไหน

 

 

 

――พูดง่ายๆ ก็ไอ้นี่แหละปัญหาใหม่ ผมไม่มีเลือดพอจะทำอะไรได้มากขนาดนั้นหรอกนะเออ

 

 

แถมถ้าไม่มีเลือดผม ยารักษาตัวใหม่นี่ก็สร้างไม่ได้ด้วยสิ

 

 

แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ? คือผมก็กังวลหรอกนะ――แต่มันก็ไม่ได้กังวลถึงขนาดคิดหนักเพราะผมก็ไม่อยากจะช่วยทุกคนจนต้องสละตัวเองจนแห้งเป็นมัมมี่หรอก

 

สำหรับหมู่บ้านเมลเทแล้ว ที่ผมต้องการก็มีเพียงแค่นักบวชซาร่ากับเจ้าสามหน่อนั่น แน่นอนว่าอิเรียก็คงต้องเอาไปด้วยเพราะจะให้ผมทิ้งเธอต่อหน้านักบวชกับพวกเด็กๆ ได้ที่ไหน นอกจากนี้ก็คงเป็นราสเนื่องจากผมสัญญากับมิโรสลาฟไว้ด้วยสิ

 

 

 

ส่วนชาวบ้านที่เหลือ…ว่าตามตรงขอโทษทีละกันแต่ผมไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบอะไรนี่

 

 

 

ก็จริงว่ารอบนี้ผมคงจะช่วยพวกเขาได้จากยาที่ผมเอามา แต่พวกเขาก็ควรจะหาทางออกในอนาคตเผื่อไว้ด้วยแล้วกัน

 

 

 

ว่ากันตามตรง สุดท้ายพวกชาวบ้านก็คงไม่ยอมหรอก พวกเขาก็คงจะโวยวายว่าทำไมถึงช่วยแต่อิเรียคนเดียว

 

 

สิ่งที่รออยู่ก็คงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน จนมันกลายไปไฟลามทุ่มแน่

 

 

 

แค่ผมคนเดียวน่ะไม่ได้สนใจหรอกว่าพวกเขาจะพูดอะไร…แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่มีคนได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวนอกจากผม

 

 

เป้าหมายที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือนักบวชซาร่าแห่งวิหารเทพกฎหมายแม่ของอิเรีย จากจุดที่เธอยืนอยู่เธอคงหลบไม่พ้นเสียงพวกนี้อยู่แล้ว

 

 

――ทั้งที่เป็นนักบวชแห่งวิหารกฎหมายแท้ๆ คงยินดีมากเลยสินะที่มีแค่ลูกสาวตัวเองคนเดียวที่รอด?!

 

 

 

หากเธอถูกต่อว่าแบบนั้น ผมคงทนไม่ไหวแน่

 

และถึงผมจะเป็นคนบอกพวกเขาว่านักบวชซาร่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย สุดท้ายพอถึงจุดหนึ่งใครจะไปยอมฟังเรื่องเหตุผลกัน แย่สุดก็คงจะเป็นพวกเด็กๆ โดนลากเข้ามาเอี่ยว

 

 

 

วิธีการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดก็คงจะเป็นพาพวกเขาไปที่เมืองอิชกะ แถมผมก็มีข้อแก้ตัวที่พอฟังขึ้นแล้วด้วย

 

 

นั่นคือการรวบรวมกำลังพลไปรับมือกับมอนสเตอร์ที่คลั่ง

 

 

สำหรับผมที่เคยช่วยเหลือหมู่บ้านเมลเทเอาไว้เยอะ หากผมหาเหตุผลดีๆ มาบอก พวกเขาก็คงไม่สามารถปฏิเสธผมได้หรอก เรื่องนี้ก็น่าจะช่วยทำให้อิเรียกับนักบวชซาร่าออกหมู่บ้านได้

 

 

 

สุดท้ายนักบวชซาร่ากับพวกเด็กๆ ก็ไม่น่าจะถูกบ่นอะไรได้ด้วย

 

 

หากทุกอย่างเป็นไปตามนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีก――แต่ก็นั่นแหละปัญหามันยังไม่ได้รับการแก้ไข

 

 

นั่นก็เป็นเพราะนักบวชซาร่าคงไม่เห็นด้วยกับความคิดของผมนี่สิ

 

 

หากเธอได้ฟังแผนทั้งหมดของผม ผมมั่นใจเลยว่าเธอต้องปฏิเสธ

 

 

 

เธออาจจะมอบความไว้วางใจให้กับผมแล้วเลือกจะอยู่ที่หมู่บ้านต่อ แถมเธอคงไม่สนใจด้วยถึงผมจะบอกเธอว่า เธออาจจะถูกพวกชาวบ้านจับเป็นแพะในเรื่องนี้ ผมมั่นใจเลยว่าเธอจะต้องไปเผชิญหน้ากับพวกชาวบ้านแล้วพยายามบอกความจริงพวกเขา สุดท้ายเธอก็จะรับผลความโกรธส่วนของผมจากชาวบ้านด้วย

 

 

 

 

ผมจะต้องทำยังไงเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นดี――นั่นแหละปัญหาใหญ่สุดๆ เลย

 

 

พอพิจารณาจากนิสัยของนักบวชซาร่าแล้ว เธอคงไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้แน่หลังจากรู้เรื่องทั้งหมด

 

 

 

หรือผมควรจะปิดบังเรื่องพวกนี้กับเธอต่อไปดีนะ….แต่ก็คงยากอยู่ดี เพราะสุดท้ายเดี๋ยวเรื่องก็คงหลุดออกมาเอาสักวัน

 

 

หรือว่าผมควรจะใช้เรื่องที่ผมมีบุญคุณต่ออิเรียในการบังคับเธอดีนะ?

 

หากเธอกลายเป็นทาสของผมเหมือนกับลูนามาเรีย ถึงเธอจะรู้ความจริงผมก็ยังสามารถพอเธอกลับไปเมืองอิชกะด้วยได้

 

 

 

…แต่ก็นะ ราคาที่ต้องแลกก็คือความเกลียดชังจากเธอทั้งชีวิต

 

 

อึก…แค่คิดก็สยองแล้ว หัวใจของผมมันเจ็บปวดจริงๆ นี่ขนาดแค่จินตนาการนะ การกระทำแบบนี้มันผิดจริงๆ นั่นแหละ

 

 

 

ผมได้แต่ตัวสั่นเมื่อนึกถึงความคิดอันแสนชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ภายในใจ

 

 

 

 

◆◆◆

 

กลับมาที่เรื่องผมไม่รู้สึกตัวเมื่อนักบวชซาร่าเรียกแล้วกัน

 

 

ผมได้เก็บซ่อนความคิดทุกอย่างเอาไว้และตอบเธอกลับไป

 

「ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ แต่ผมไม่เป็นไรหรอก แล้วมีอะไรอยากจะถามเหรอครับ? 」

 

 

「อันที่จริง…คือเรื่องเมื่อวันก่อนที่คุณบอกฉันว่า ยารักษาตัวใหม่มันมีเลือดมังกรผสมอยู่」

 

 

「อ๋อ เรื่องนั้นเองเหรอครับ」

 

「ดูจากอาการของอิเรียแล้ว ดูเหมือนเธออาจจะจำเป็นต้องใช้ยานี้อีกเยอะเลยค่ะ…ก็เลยสงสัยว่าคุณเหลือเลือดมังกรอยู่อีกเท่าไหร่กัน? 」

 

 

 

「คือว่า……」

 

 

ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไป คาดไม่ถึงเลยแฮะว่าเธอจะคิดเรื่องเดียวกันกับผม ไม่สิหากเป็นสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็คงต้องคิดว่าจำนวนยารักษาจะเหลืออยู่เท่าไหร่กัน

 

 

 

แล้วผมจะตอบเธอกลับไปว่าอะไรดีล่ะ?

 

 

 

ก็คงรู้กันอยู่แล้วเนอะจากที่เธอถามผมว่าเธอไม่รู้ถึงเรื่องที่เลือดของผมนี่แหละคือเลือดมังกรที่ว่า

 

 

 

เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับอนิม่าของผมและอาภรณ์วิญญาณ ผมจึงไม่มีเหตุผลต้องบอกความจริงเรื่องนี้กับใครถึงจะเป็นเธอก็เถอะ

 

 

ดังนั้นผมคงจำเป็นต้องโกหกเธอต่อไป จะบอกว่ามันพอแค่สำหรับอิเรียดีไหมนะ

 

 

 

แต่ไม่นานเดี๋ยวความจริงก็คงปรากฏอยู่ดี ถ้าผมโกหกเธอไปตอนนี้ เธอคงรู้สึกผิดหวังเอามากๆ แน่ ไม่อยากจะให้เธอมองผมด้วยสายตาแบบนั้นเลยน้า

 

 

 

――เฮ้อ หรือควรจะบอกทุกอย่างไปเลยดีนะ

 

ความคิดนี้ได้ผุดขึ้นมาในหัวของผม จะคิดอะไรมากไปก็ไม่ดีแฮะ

 

 

หากผมบอกความจริงกับเธอ อย่างน้อยเธอก็คงจะไม่เกลียดผมเท่าเมื่อรู้ความจริงในอนาคตหรอก นอกจากนี้ปัญหาเรื่องที่เลือดไม่พอใช้เธออาจจะช่วยเหลืออะไรด้วยก็ได้

 

 

สำคัญที่สุดก็คือแทนที่จะถูกมองว่าเป็นคนเลือดเย็นที่พร้อมทิ้งคนอื่นได้ตลอด ผมจะกลายเป็นคนที่กล้าหาญ เสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แบบนี้คงได้ค่าความชอบจากเธอพอสมควร

 

 

สุดท้ายเพื่อการแก้ไขปัญหาที่ตามมาจากนี้บางทีผมอาจจะพาเธอเข้าแคลนมาด้วยได้

 

 

เอาวะ มาลองกันสักตั้งดู พยายามช่วยเท่าที่ไหวไม่ต้องไปคิดอะไรมาก หากสุดท้ายมันเกิดมือไปจริงๆ ก็ค่อยตัดปัญหาให้จบๆ ไปเท่านั้นเอง

 

 

 

พอตัดสินใจได้แบบนี้ ผมก็รู้สึกสบายใจจนน่าประหลาด แต่ดูเหมือนผมจะไม่รู้สึกตัวเลยแฮะว่าการที่ตัวเองคิดจะละทิ้งคนอื่นนอกจากอิเรียมันจะวุ่นวายอยู่ในใจของผมได้มากขนาดนี้

 

 

 

หรือเพราะจิตใจของผมจริงๆ จะเป็นคนดี――อ๊ะ ไม่อ่ะ สุดท้ายผมมันก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง

 

ในขณะคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ผมก็ทำการเปิดปากบอกทุกอย่างกับนักบวชซาร่าไป

———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 81 เลือดไม่พอใช้

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 81 เลือดไม่พอใช้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 81 เลือดไม่พอใช้

 

「คุณโซระคะ มีบางอย่างที่ฉันอยากจะถามคุณหน่อยค่ะ」

 

 

นี่ก็ผ่านไปได้สามวันแล้วตั้งแต่ที่ผมเอายารักษาให้อิเรียดื่ม นักบวชซาร่าได้เดินเข้ามาถามบางอย่างกับผม

 

 

แต่ผมก็ไม่ได้ยินเสียงของเธอในตอนแรก

 

 

 

นั่นก็เป็นเพราะผมกำลังถูกบางอย่างดึงดูดความสนใจเอาไว้อยู่

 

 

 

ยารักษาที่อิเรียดื่มไปเมื่อสามวันก่อนมันได้ผลจริง แถมยังช่วยจัดการรักษาอาการที่ได้รับมาจากพิษจนหมด

 

 

ทุกอย่างมันก็ดำเนินมาได้ด้วยดีหรอก จนกระทั่งวันนี้แหละ อาการของเธอก็กลับมาเหมือนเดิม

 

ด้วยเรื่องดังกล่าวมันมีผลกระทบหนักมากพอจนทำให้ผมต้องมานั่งคิดมากจนไม่ได้ยินเสียงของนักบวชที่เรียกผม

 

 

 

และแล้ว――

 

 

 

 

「……โฮ่ยยย? 」

 

 

 

ผมไม่รู้สึกตัวเลยจนกระทั่งแก้มของผมถูกจับเอาไว้อยู่

 

 

ผมได้แต่กะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นนักบวชผมสีดำกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมด้วยท่าทางที่จริงจัง ขณะที่มือทั้งสองข้างของเธอกำลังบีบแก้มผมอยู่

 

 

 

หากเป็นในมุมคนนอกมาเห็นภาพนี้พวกเขาคงคิดว่าพวกเรากำลังมีสัมพันธ์อะไรกันสักอย่าง

 

จากนั้นเธอก็เอามือออกไปจากแก้มของผม ผมจึงถามเธอถึงสาเหตุที่เธอมาหาผมโดยเอามือลูบแก้มสองข้างของตัวเองไปด้วย

 

 

 

「…เอ่อ คือว่า..คุณนักบวชทำอะไรผมครับเนี่ย? 」

 

 

 

「ก็เพราะคุณไม่ตอบสนองอะไรเลยนี่คะ ฉันก็เลยต้องใช้กำลังนิดหน่อย」

 

「เอ๋ คุณพูดอะไรกับผมด้วยเหรอ? ขอโทษด้วยนะครับพอดีผมกำลังคิดอะไรอยู่..」

 

 

ดูเหมือนว่าผมจะตกอยู่ในห้วงความคิดมากไปจนไม่รู้สึกถึงคนที่อยู่ตรงหน้าของผม นั่นทำให้ผมต้องรีบขอโทษเธอที่แสดงความหยาบคายออกมา

 

 

 

โชคดีที่เธอยอมรับคำขอโทษของผมด้วยรอยยิ้ม

 

 

 

และเนื่องจากความสูงของเธอนั้นต่ำกว่าผมไปประมาณครึ่งหัวผม ดังนั้นเมื่อเธอจ้องมองใบหน้าของผมในระยะใกล้ เธอจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมานิดหน่อย

 

 

 

คงไม่ต้องบอกนะว่าเธอมีเสน่ห์ขนาดไหนพอยิ้มในตำแหน่งนี้ ไม่ได้สิๆ อยู่ดีๆ ไอ้ความคิดแบบนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวเฉยเลย ต้องรีบจัดการเอามันออกไปก่อนๆ

 

 

 

 

「แล้วมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ? 」

 

 

 

「พอดีฉันมาเรื่องอยากจะถามคุณหน่อยค่ะ」

 

 

นักบวชซาร่าตอบกลับผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนไปเป็นน้ำเสียงเหมือนอยากจะขอโทษซะงั้น

 

 

「แต่ว่าถ้าคุณยังไม่สะดวกไว้เราคุยกันทีหลังก็ได้นะคะ ดูคุณเหนื่อยๆ ด้วย ยังไงคุณก็เดินทางไปมาระหว่างเมืองอิชกะบ่อยเลยนี่คะ」

 

 

ก็เหมือนกับที่นักบวชเธอบอก ผมได้เดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้านกับเมืองอิชกะ 2 รอบได้ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา

 

 

อย่างแรกก็คือการตรวจสอบสถานการณ์เกี่ยวกับการคลุ้มคลั่ง นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องแจ้งสำนักงานของเมืองเกี่ยวกับพิษของไฮดรา

 

 

นักบวชเธอคงเป็นกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของผม เพราะเธอก็ทราบถึงเรื่องที่ผมทำดี

 

 

 

ผมละรู้สึกขอบคุณความใจดีของเธอจริงๆ แต่บอกตามตรงว่าการเดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้านกับเมืองอิชกะมันไม่ได้สร้างภาระอะไรมากกับผมเลย

 

 

 

ที่ผมกังวลจริงๆ น่ะคือเรื่องอิเรียต่างหาก

 

 

◆◆◆

 

 

ยารักษาได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้วด้วยเลือดของผมจนทำให้สามารถต้านพิษของไฮดราได้พักหนึ่ง แต่หลังจากผ่านไป 3 วันอาการของมันก็กลับมาอีก

 

ถึงมันจะได้ผล แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายขาดได้ ――หากมองในมุมนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับยารักษาหรือเวทมนตร์ที่ใช้ในการช่วยเหลือเธอก่อนหน้านี้นัก

 

ถ้าจะให้ต่างก็คงเป็นเรื่องที่ของพวกนั้น ขอแค่ครึ่งวันก็ทำให้อาการกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้นจึงสามารถพูดได้ว่าของผมเป็นอันที่พัฒนามาดีแล้วจนทำให้ต้านพิษได้ถึง 3 วัน

 

 

หากคิดง่ายๆ ก็แปลว่าผมต้องทำการสร้างยาให้เธอประมาณ 10 ขวดต่อเดือน ถ้ามียาถึงขนาดนั้นต่อให้โดนพิษของไฮดราไปคนโดนก็ยังสามารถมีชีวิตต่อไปได้สบายๆ

 

 

พอฟังแบบนี้อาจจะมองว่าเป็นข่าวดีก็ได้

 

 

 

แต่ว่าหากไอ้เจ้านี่มันได้ผลน้อยลงเรื่อยๆ หลังจากการใช้ซ้ำล่ะ สุดท้ายมันจะไม่ต่างอะไรกับของก่อนหน้านี้เลยหรือไง เพราะยารักษากับเวทก่อนหน้านี้ก็เป็นเหมือนกัน

 

 

ดังนั้น จุดที่พวกผมอยู่จึงห่างไกลมากกับตัวยาที่สมบูรณ์จริงๆ แต่อย่างน้อยก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลถึงอนาคตอันใกล้นี้เท่าไรนัก

 

 

จากที่ผมเห็นเช้านี้ อาการช้ำ บวม และ เหี่ยวย่นของอิเรียได้บรรเทาลงบ้างแล้ว ใบหน้าของหญิงสาววัยนี้ก็สำคัญเท่าชีวิตเลยนี่นะ เอาเถอะเห็นแบบนี้ก็โล่งใจไปอีกเรื่อยหนึ่ง

 

 

แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไม่ใช่เพราะอิเรีย ผมโล่งใจเพราะทำให้แม่ของเธออย่างนักบวชซาร่ากับพวกเด็กๆ สบายใจต่างหาก

 

 

 

 

――ก็ถือว่าจบได้ดีอยู่มั้ง

 

 

แต่ก็นั่นแหละปัญหาอื่นมันก็มักจะตามมาเสมอพอเรื่องหนึ่งจบไป

 

 

 

คนที่ติดพิษไฮดราเข้าไป ต้องใช้ยาประมาณ 10 ขวดต่อเดือน ก็แปลว่า ปีหนึ่ง ต้องใช้ 120 ขวด

 

 

แถมไอคนที่ป่วยก็ใช่จะมีแค่อิเรียเสียหน่อย

 

 

 

ตอนนี้มีคนอื่นอีก 5 คนในหมู่บ้านที่เริ่มแสดงอาการเหมือนกับอิเรีย นั่นก็หมายความว่าเดือนหนึ่งผมต้องทำยา 60 ขวด ปีหนึ่งก็ 720 ขวด

 

 

ยาทั้งหมด 720 ขวดจำเป็นต้องผสมเลือดผมเข้าไปด้วย

 

 

 

แถมไอ้ที่บอกไปคือขั้นต่ำด้วยนะ

 

 

 

เหมือนที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ยารักษาใหม่สามารถยับยั้งพิษได้ประมาณ 3 วัน แต่ถ้าเกิดว่าผลของมันน้อยลง ก็แปลว่าปริมาณยาที่ต้องใช้เพิ่มขึ้น

 

 

นอกจากนี้พิษพวกนี้ก็ไหลไปตามน้ำ นั่นก็หมายความว่าจำนวนผู้ป่วยย่อมไม่หยุดเพียงเท่านี้

 

 

 

นี่ขนาดว่าหมู่บ้านเมลเทเป็นหมู่บ้านแถวปลายน้ำนะ ผู้ป่วยยังมีประมาณนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นแถวต้นน้ำจะมากขนาดไหนอีก

 

 

หากผมต้องการจะช่วยทุกคนที่ป่วย จำนวนยาที่ผมต้องทำก็คงปาไปเป็นหมื่นสองหมื่นต่อเดือนได้ แล้วคิดดูว่าเลือดที่ผมต้องใช้ในการทำยาจะมากขนาดไหน

 

 

 

――พูดง่ายๆ ก็ไอ้นี่แหละปัญหาใหม่ ผมไม่มีเลือดพอจะทำอะไรได้มากขนาดนั้นหรอกนะเออ

 

 

แถมถ้าไม่มีเลือดผม ยารักษาตัวใหม่นี่ก็สร้างไม่ได้ด้วยสิ

 

 

แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ? คือผมก็กังวลหรอกนะ――แต่มันก็ไม่ได้กังวลถึงขนาดคิดหนักเพราะผมก็ไม่อยากจะช่วยทุกคนจนต้องสละตัวเองจนแห้งเป็นมัมมี่หรอก

 

สำหรับหมู่บ้านเมลเทแล้ว ที่ผมต้องการก็มีเพียงแค่นักบวชซาร่ากับเจ้าสามหน่อนั่น แน่นอนว่าอิเรียก็คงต้องเอาไปด้วยเพราะจะให้ผมทิ้งเธอต่อหน้านักบวชกับพวกเด็กๆ ได้ที่ไหน นอกจากนี้ก็คงเป็นราสเนื่องจากผมสัญญากับมิโรสลาฟไว้ด้วยสิ

 

 

 

ส่วนชาวบ้านที่เหลือ…ว่าตามตรงขอโทษทีละกันแต่ผมไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบอะไรนี่

 

 

 

ก็จริงว่ารอบนี้ผมคงจะช่วยพวกเขาได้จากยาที่ผมเอามา แต่พวกเขาก็ควรจะหาทางออกในอนาคตเผื่อไว้ด้วยแล้วกัน

 

 

 

ว่ากันตามตรง สุดท้ายพวกชาวบ้านก็คงไม่ยอมหรอก พวกเขาก็คงจะโวยวายว่าทำไมถึงช่วยแต่อิเรียคนเดียว

 

 

สิ่งที่รออยู่ก็คงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน จนมันกลายไปไฟลามทุ่มแน่

 

 

 

แค่ผมคนเดียวน่ะไม่ได้สนใจหรอกว่าพวกเขาจะพูดอะไร…แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่มีคนได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวนอกจากผม

 

 

เป้าหมายที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือนักบวชซาร่าแห่งวิหารเทพกฎหมายแม่ของอิเรีย จากจุดที่เธอยืนอยู่เธอคงหลบไม่พ้นเสียงพวกนี้อยู่แล้ว

 

 

――ทั้งที่เป็นนักบวชแห่งวิหารกฎหมายแท้ๆ คงยินดีมากเลยสินะที่มีแค่ลูกสาวตัวเองคนเดียวที่รอด?!

 

 

 

หากเธอถูกต่อว่าแบบนั้น ผมคงทนไม่ไหวแน่

 

และถึงผมจะเป็นคนบอกพวกเขาว่านักบวชซาร่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย สุดท้ายพอถึงจุดหนึ่งใครจะไปยอมฟังเรื่องเหตุผลกัน แย่สุดก็คงจะเป็นพวกเด็กๆ โดนลากเข้ามาเอี่ยว

 

 

 

วิธีการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดก็คงจะเป็นพาพวกเขาไปที่เมืองอิชกะ แถมผมก็มีข้อแก้ตัวที่พอฟังขึ้นแล้วด้วย

 

 

นั่นคือการรวบรวมกำลังพลไปรับมือกับมอนสเตอร์ที่คลั่ง

 

 

สำหรับผมที่เคยช่วยเหลือหมู่บ้านเมลเทเอาไว้เยอะ หากผมหาเหตุผลดีๆ มาบอก พวกเขาก็คงไม่สามารถปฏิเสธผมได้หรอก เรื่องนี้ก็น่าจะช่วยทำให้อิเรียกับนักบวชซาร่าออกหมู่บ้านได้

 

 

 

สุดท้ายนักบวชซาร่ากับพวกเด็กๆ ก็ไม่น่าจะถูกบ่นอะไรได้ด้วย

 

 

หากทุกอย่างเป็นไปตามนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีก――แต่ก็นั่นแหละปัญหามันยังไม่ได้รับการแก้ไข

 

 

นั่นก็เป็นเพราะนักบวชซาร่าคงไม่เห็นด้วยกับความคิดของผมนี่สิ

 

 

หากเธอได้ฟังแผนทั้งหมดของผม ผมมั่นใจเลยว่าเธอต้องปฏิเสธ

 

 

 

เธออาจจะมอบความไว้วางใจให้กับผมแล้วเลือกจะอยู่ที่หมู่บ้านต่อ แถมเธอคงไม่สนใจด้วยถึงผมจะบอกเธอว่า เธออาจจะถูกพวกชาวบ้านจับเป็นแพะในเรื่องนี้ ผมมั่นใจเลยว่าเธอจะต้องไปเผชิญหน้ากับพวกชาวบ้านแล้วพยายามบอกความจริงพวกเขา สุดท้ายเธอก็จะรับผลความโกรธส่วนของผมจากชาวบ้านด้วย

 

 

 

 

ผมจะต้องทำยังไงเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นดี――นั่นแหละปัญหาใหญ่สุดๆ เลย

 

 

พอพิจารณาจากนิสัยของนักบวชซาร่าแล้ว เธอคงไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้แน่หลังจากรู้เรื่องทั้งหมด

 

 

 

หรือผมควรจะปิดบังเรื่องพวกนี้กับเธอต่อไปดีนะ….แต่ก็คงยากอยู่ดี เพราะสุดท้ายเดี๋ยวเรื่องก็คงหลุดออกมาเอาสักวัน

 

 

หรือว่าผมควรจะใช้เรื่องที่ผมมีบุญคุณต่ออิเรียในการบังคับเธอดีนะ?

 

หากเธอกลายเป็นทาสของผมเหมือนกับลูนามาเรีย ถึงเธอจะรู้ความจริงผมก็ยังสามารถพอเธอกลับไปเมืองอิชกะด้วยได้

 

 

 

…แต่ก็นะ ราคาที่ต้องแลกก็คือความเกลียดชังจากเธอทั้งชีวิต

 

 

อึก…แค่คิดก็สยองแล้ว หัวใจของผมมันเจ็บปวดจริงๆ นี่ขนาดแค่จินตนาการนะ การกระทำแบบนี้มันผิดจริงๆ นั่นแหละ

 

 

 

ผมได้แต่ตัวสั่นเมื่อนึกถึงความคิดอันแสนชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ภายในใจ

 

 

 

 

◆◆◆

 

กลับมาที่เรื่องผมไม่รู้สึกตัวเมื่อนักบวชซาร่าเรียกแล้วกัน

 

 

ผมได้เก็บซ่อนความคิดทุกอย่างเอาไว้และตอบเธอกลับไป

 

「ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ แต่ผมไม่เป็นไรหรอก แล้วมีอะไรอยากจะถามเหรอครับ? 」

 

 

「อันที่จริง…คือเรื่องเมื่อวันก่อนที่คุณบอกฉันว่า ยารักษาตัวใหม่มันมีเลือดมังกรผสมอยู่」

 

 

「อ๋อ เรื่องนั้นเองเหรอครับ」

 

「ดูจากอาการของอิเรียแล้ว ดูเหมือนเธออาจจะจำเป็นต้องใช้ยานี้อีกเยอะเลยค่ะ…ก็เลยสงสัยว่าคุณเหลือเลือดมังกรอยู่อีกเท่าไหร่กัน? 」

 

 

 

「คือว่า……」

 

 

ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไป คาดไม่ถึงเลยแฮะว่าเธอจะคิดเรื่องเดียวกันกับผม ไม่สิหากเป็นสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็คงต้องคิดว่าจำนวนยารักษาจะเหลืออยู่เท่าไหร่กัน

 

 

 

แล้วผมจะตอบเธอกลับไปว่าอะไรดีล่ะ?

 

 

 

ก็คงรู้กันอยู่แล้วเนอะจากที่เธอถามผมว่าเธอไม่รู้ถึงเรื่องที่เลือดของผมนี่แหละคือเลือดมังกรที่ว่า

 

 

 

เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับอนิม่าของผมและอาภรณ์วิญญาณ ผมจึงไม่มีเหตุผลต้องบอกความจริงเรื่องนี้กับใครถึงจะเป็นเธอก็เถอะ

 

 

ดังนั้นผมคงจำเป็นต้องโกหกเธอต่อไป จะบอกว่ามันพอแค่สำหรับอิเรียดีไหมนะ

 

 

 

แต่ไม่นานเดี๋ยวความจริงก็คงปรากฏอยู่ดี ถ้าผมโกหกเธอไปตอนนี้ เธอคงรู้สึกผิดหวังเอามากๆ แน่ ไม่อยากจะให้เธอมองผมด้วยสายตาแบบนั้นเลยน้า

 

 

 

――เฮ้อ หรือควรจะบอกทุกอย่างไปเลยดีนะ

 

ความคิดนี้ได้ผุดขึ้นมาในหัวของผม จะคิดอะไรมากไปก็ไม่ดีแฮะ

 

 

หากผมบอกความจริงกับเธอ อย่างน้อยเธอก็คงจะไม่เกลียดผมเท่าเมื่อรู้ความจริงในอนาคตหรอก นอกจากนี้ปัญหาเรื่องที่เลือดไม่พอใช้เธออาจจะช่วยเหลืออะไรด้วยก็ได้

 

 

สำคัญที่สุดก็คือแทนที่จะถูกมองว่าเป็นคนเลือดเย็นที่พร้อมทิ้งคนอื่นได้ตลอด ผมจะกลายเป็นคนที่กล้าหาญ เสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แบบนี้คงได้ค่าความชอบจากเธอพอสมควร

 

 

สุดท้ายเพื่อการแก้ไขปัญหาที่ตามมาจากนี้บางทีผมอาจจะพาเธอเข้าแคลนมาด้วยได้

 

 

เอาวะ มาลองกันสักตั้งดู พยายามช่วยเท่าที่ไหวไม่ต้องไปคิดอะไรมาก หากสุดท้ายมันเกิดมือไปจริงๆ ก็ค่อยตัดปัญหาให้จบๆ ไปเท่านั้นเอง

 

 

 

พอตัดสินใจได้แบบนี้ ผมก็รู้สึกสบายใจจนน่าประหลาด แต่ดูเหมือนผมจะไม่รู้สึกตัวเลยแฮะว่าการที่ตัวเองคิดจะละทิ้งคนอื่นนอกจากอิเรียมันจะวุ่นวายอยู่ในใจของผมได้มากขนาดนี้

 

 

 

หรือเพราะจิตใจของผมจริงๆ จะเป็นคนดี――อ๊ะ ไม่อ่ะ สุดท้ายผมมันก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง

 

ในขณะคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ผมก็ทำการเปิดปากบอกทุกอย่างกับนักบวชซาร่าไป

———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+