การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 145 ศึกในป่าทีทิส

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 145 ศึกในป่าทีทิส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 145 ศึกในป่าทีทิส

「『จงมอบอ้อมกอดแห่งความตายให้กับศัตรูของข้า――องค์หญิงแห่งเปลวเพลิง!』」

 

 

ในขณะที่มิโรสลาฟกำลังพูดบทร่ายออกมา วงเวทเพลิงก็ก่อตัวขึ้นชวนให้นึกถึงรูปร่างแขนของหญิงสาวลอยไปในอากาศ ก่อนจะเข้าไปพัวพันกับร่างของเป้าหมายและแผดเผาร่างนั้นด้วยเปลวเพลิงอันร้อนระอุ

 

 

ฝ่ายศัตรู――เป็นมอนสเตอร์ประเภทอันเดธที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในป่าทีทิส โดยถูกเรียกกันว่ากูลทมิฬ

 

 

ในบรรดาพวกอันเดธแล้ว เป็นที่รู้กันดีว่ามันคือตัวปัญหาที่ยากจะรับมือแถมยังได้รับการเสริมพลังมาเป็นอย่างสูง จากพวกเนโครแมนเซอร์

 

 

มิโรสลาฟเหลือบมองไปรอบๆ บริเวณป่าที่ใกล้ถึงฝั่งส่วนลึก นี่มันจะผิดปกติเกินไปแล้วทำไมกูลทมิฬถึงอยู่แถวนี้ได้กัน ก็จริงว่าอิทธิพลจากไฮดราทำให้พวกมอนสเตอร์มันคลั่งขึ้น แต่การที่จะเห็นพวกกูลออกมาได้นี่ดูยังไงมันก็ไม่ถูกต้อง

 

 

พูดถึงความผิดปกติอีกอย่างที่เหมือนกับเรื่องที่มังกรอยู่ดีๆ ก็โผล่มานั่นก็คือ พอรู้สึกตัวอีกทีมิโรสลาฟ ลูนามาเรียและกลุ่มที่เดินทางมาจากนครศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกพวกมันล้อมเอาไว้หมดแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นหลุมพรางที่ใครบางคนวางเอาไว้

 

แนวหน้าก็กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดไม่ต่างอะไรกับมิโรสลาฟและคนที่อยู่แนวหลัง ส่วนศาสตร์ในการฟาดฟันและชำระล้างกูลทมิฬที่วิ่งพล่านไปมานี้ให้กลับไปยังโลกแห่งความตายเป็นทักษะระดับสูงซึ่งกินแรงมาก แม้จะรวมพลังของมิโรสลาฟและลูนามาเรียเข้าไปแล้วกำลังคนก็ยังไม่มีถึง 20 คน

 

หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป พวกเธอคงได้แรงหมดกันก่อน ดังนั้นมิโรสลาฟเลยมองว่าควรจะหาทางฝ่าวงล้อมแล้วรีบออกจากป่าให้เร็วที่สุด

 

 

คนอื่นๆ ก็คงจะคิดแบบเดียวกันกับเธอ

 

 

 

「ท่านจอมเวทย์」

 

 

 

คนที่เรียกเธอนั่นก็คือหนึ่งในกองกำลังของทางนครศักดิ์สิทธิ์ที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับมิโรสลาฟและเป็นนักบวชหญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มทางนั้น

 

 

ผมที่ยาวสลวย ดวงตาสีเขียว กับผิวสีขาวนั่น ดูแล้วเธอคงอายุประมาณ15-16 ปี ไม่สิบางทีอาจจะอายุน้อยกว่านั้นก็ได้ เพราะออร่าที่เธอปล่อยออกมา เลยอาจทำให้รู้สึกว่าโตกว่าที่เป็นก็ได้

 

รูปร่างหน้าตาที่เกลี้ยงเกลาราวกับเป็นผลงานที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือปรมาจารย์ แม้จะเป็นเพศเดียวกันก็สามารถต้องตาต้องได้ไม่ยาก ถึงตัวมิโรสลาฟจะค่อนข้างมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตน แต่เธอก็ไม่สามารถเอาตัวเองไปเทียบกับผู้หญิงคนนี้ได้เลย ความงดงามของเธอคือความงดงามที่ไร้ที่ติในหมู่มวลมนุษย์ ดวงตาสีเขียวที่ส่องประกายออกมานั้นยิ่งช่วยเสริมความงดงามให้กับผู้คนที่เห็นมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

 

ทว่าในตอนนี้เด็กสาวคนนั้นกำลังอยู่ในสภาพที่เลือดอาบแก้มจากการต่อสู้ แต่ความรู้สึกอบอุ่นที่แสดงออกมาให้เห็นกลับมากกว่าช่วงเวลาปกติเสียอีก

 

 

เรื่องในคราวนี้มิโรสลาฟกับลูนามาเรียทำหน้าที่เป็นผู้นำทางคณะนี้เข้าป่าทีทิส โดยมีทางฝั่งนั้นที่เป็นอัศวินจากศาสนจักรเป็นผู้บัญชาการในแนวหน้า แต่มิโรสลาฟรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้บัญชาการตัวจริงน่ะ ยังไงก็คือเธอคนนี้ เหตุผลก็เพราะทั้งนักบวชและอัศวินคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเธอมันแสดงท่าทีเหมือนคนรับใช้ออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกนั้นคิดอะไรกันอยู่ จากนั้นเด็กสาวก็พูดขึ้นต่อ

 

 

 

「เราจะรวมกองกำลังของพวกเราส่วนใหญ่ไว้ที่ด้านหลังแล้วเริ่มฝ่าวงล้อมจากจุดนั้น ท่านกับท่านนักปราชญ์จะอยู่สนับสนุนฉันจากจุดนี้โดยเราจะทำหน้าที่ในการประสานระหว่างด้านหน้าและด้านหลังเอาไว้ ได้โปรดรักษาตำแหน่งกันด้วยนะคะ」

 

 

 

 

จากนั้นเด็กสาวก็กล่าวขอโทษขึ้น

 

 

 

「แล้วก็ต้องขอโทษที่ทำให้พวกท่านทั้งสองต้องมาเผชิญเรื่องแบบนี้ด้วย」

 

 

 

「…ดูจากคำพูดของท่านแล้วดูเหมือนจะรู้ตัวผู้โจมตีแล้วสินะ」

 

 

 

「ค่ะ คนที่จะสามารถสร้างของพวกนี้ขึ้นมาได้ มีจำนวนไม่มากนักหรอก」

 

 

จากนั้นเด็กสาวก็ยื่นมือขวาออกไปด้านหน้าที่มีพวกกูลทมิฬอยู่ ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความฮึกเหิม ผลก็คือกูลทมิฬที่อยู่ตรงหน้ารับการโจมตีบางอย่างเข้าไปเต็มๆ แถมไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วย

 

แน่นอนว่าเวทที่เธอใช้เป็นเวทชำระล้างพื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นนักบวชของวิหารไหนก็สามารถใช้ได้ทั้งนั้น ทว่าความสุดยอดของมันที่แตกต่างจากคนทั่วไปก็คือเธอสามารถใช้มันในการชำระล้างกูลทมิฬหลายตัวพร้อมกัน อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องมีบทร่ายอะไรเลยด้วยซ้ำ

 

คงไม่แปลกอะไรหากมิโรสลาฟจะสนใจในตัวตนของเธอ

 

แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาสอดรู้เรื่องของอีกฝ่าย มิโรสลาฟก็เลยต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วเริ่มออกไปเผชิญหน้ากับพวกกูลทมิฬต่อ เธอไม่ได้มีความคิดจะมาตายเพราะพวกอันเดธในที่แบบนี้อยู่แล้ว

 

 

กลยุทธ์ของเด็กสาวที่หมายจะฝ่าไปทางแนวหลังในทีเดียวเพื่อหนีออกจากป่าก็ตรงกับที่มิโรสลาฟคิด และเธอที่อยู่บริเวณใจกลางของแนวหน้าและแนวหลังก็ปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ก็จะสามารถช่วยเหลือทั้งสองฝั่งได้ง่ายหากต้องการ

 

 

ซึ่งมันก็ช่วยเธอได้เยอะเหมือนกัน พอมีคนมาช่วยประสานงานแบบนี้ เพราะการจะใช้จอมเวทในปาร์ตี้โดยไม่มีการประสานงานที่ดี ย่อมเกิดเรื่องร้ายขึ้นได้

 

 

มิโรสลาฟก็รู้ตัวเองดีว่า เธอคงจะไม่สามารถทำงานร่วมกับคนที่พึ่งเจอกันเมื่อวันก่อนได้ดีนักหรอก แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่คิดจะคัดค้านอะไรกับการตัดสินใจของฝ่ายตรงข้าม

 

 

แน่นอนว่าหากเกิดเรื่องที่เกินมือขึ้น เธอก็ไม่ลังเลที่จะทอดทิ้งคนที่เหลือแล้วเอาตัวรอด หากเพื่อตัวเธอเองคนเดียวแล้วเธอไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะคิดแบบไหน แต่เพราะตอนนี้เธอคือคนที่แบกเอาดาบควันโลหิตไว้บนบ่า การจะทอดทิ้งคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรอดนั้น….

 

 

 

――มันย่อมเป็นไปไม่ได้ ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของดราก้อนสเลเยอร์ เธอไม่มีวันยอมรับความอัปยศดังกล่าวเด็ดขาด

 

「เข้าใจแล้ว งั้นทางฉันก็จะขอเริ่มลงมือเลยแล้วกัน ทำไมจะต้องมาเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดแบบนี้กันนะ แต่ถ้าจะให้หนีหรือซ่อนตัวโดยรับคำขอจากทางนั้นมาแล้ว มีหวังได้โดนมาสเตอร์บ่นกันพอดี」

 

 

 

เด็กสาวก็ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรกับมิโรสลาฟต่อ แต่เมื่อเธอมองไปยังดวงตาของจอมเวทสาว เธอก็เลือกจะมองผ่านไปแล้วพูดขึ้น

 

「ขอฝากด้วยนะคะ」

 

 

 

เมื่อได้รับคำตอบกลับจากเธอ มิโรสลาฟก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

 

 

 

「ลูน่า!」

 

 

 

「อื้ม!」

 

 

 

 

ลูนามาเรียยกคันธนูยาวของเธอขึ้นพร้อมกับสูดลมหายใจเพื่อตอบรับคำพูดของอดีตสมาชิกปาร์ตี้ของเธอ

 

จากนั้นเสียงปล่อยศรก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และลูกศรพวกนั้นก็ทะลุร่างกูลทมิฬไปทีละตัว ก็จริงว่าการใช้ธนูมันไม่มีผลกับพวกกูลทมิฬซึ่งผิวแข็งเหมือนเหล็ก แต่ที่การโจมตีของเธอสำเร็จได้ด้วยดีนั้นเป็นเพราะลูกศรของเธอถูกหุ้มเอาไว้ด้วยสปิริตไฟ

 

 

พวกกูลที่ถูกมิโรสลาฟและลูนามาเรียรั้งเอาไว้ ก็เริ่มไม่สามารถตามมาต่อได้เพราะเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ

 

 

ในจังหวะที่มีลูนามาเรียช่วยซื้อเวลา มิโรสลาฟก็หันหน้าไปทางทิศที่พวกเธอจะล่าถอย แล้วเริ่มร่ายเวทบทใหม่

 

 

 

 

 

 

「『สิ่งมีชีวิตอันกระจ้อยร่อย มณีราคผู้นอกรีต จงสยายปีกไปยังไปตามแต่ประสงค์』」

 

 

 

มันคือเวทไฟระดับ 6 ที่เธอได้มาใหม่

 

 

เดิมทีเวทไฟไม่ใช่ของที่ควรเอามาใช้ในป่า เพราะผู้ใช้อาจจะถูกไฟดังกล่าวล้อมไว้ซะเองและเกิดเหตุไฟไหม้ป่าขึ้น

 

 

มิโรสลาฟก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้มันเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพวกกูลทมิฬ จำนวนของมันที่ล้อมพวกเธออยู่นับด้วยสายตาแล้วให้เธอสู้ทั้งวันก็คงไม่หมด มันไม่ใช่สถานการณ์ที่เธอจะออมมือได้

 

 

 

 

「『ลมหายใจที่ลุกโชน ปีกแห่งเปลวเพลิง กลีบดอกบัวที่ย้อมด้วยสีแดงฉาน』」

 

 

 

มิโรสลาฟยังคงร่ายเวทต่อไปอย่างแม่นยำ ในขณะที่เธอได้กลิ่นเหม็นเน่าของอันเดธ

 

 

 

มานาได้รวมตัวกันที่มิโรสลาฟ มันมีปริมาณที่มากจนทำให้คนรอบๆ ประหลาดใจ

 

 

 

 

 

「『จงเปิดออกเสีย สีแดงแห่งรุ่งอรุณของประตูบานยักษ์ เบิกทางให้ข้าได้เผชิญหน้าและกำราบเหล่าศัตรู』」

 

 

 

เวทมนตร์ที่ปลดปล่อยออกมาจากจอมเวทนั้นจะแปรผันไปตามความสามารถและปริมาณมานาที่ผู้ร่ายรวบรวมเอาใช้ได้ แน่นอนว่ามิโรสลาฟนั้นเก่งในเรื่องพวกนี้อยู่แล้วก็เลยไม่แปลกที่เธอจะสร้างชื่อให้ตัวเองได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

 

 

 

และมิโรสลาฟในปัจจุบันนี้ก็ได้ปรับปรุงและขัดเกลาความสามารถของเธอให้ดียิ่งขึ้นไปอีก จนทำให้ตัวเธอเมื่อครึ่งปีก่อนไม่สามารถเทียบชั้นได้เลย

 

「『ปีกสีแดงเพลิงแห่งความรุ่งโรจน์ ที่สยายจนขับขานเป็นท่วงทำนองแห่งการชำระล้าง――ซูซาคุ!』」

 

 

เวทไฟได้ถูกใช้งานขึ้น ในมือของมิโรสลาฟขณะนี้มีนกน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกระพือปีกอยู่ ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าไปหาพวกกูลทมิฬพร้อมกับเสียงที่ดังลั่น

 

 

จำนวนนกเพลิงนั้นมีประมาณ 30 กว่าตัว พอพวกมันกระทบเข้ากับร่างของกูลทมิฬ ก็เกิดการระเบิดขึ้นทันทีจนเปลวเพลิงได้ลุกท่วมร่างของพวกมันจนเป้านเถ้าถ่าน

 

 

จังหวะนั้นเองก็ได้เกิดช่องโหว่ขึ้นในจุดที่ถูกล้อมเอาไว้ เด็กสาวไม่รอช้ารีบออกคำสั่ง

 

 

 

「จู่โจมเต็มกำลัง!」

 

 

เมื่อได้รับคำสั่งอัศวิน 3 คนก็พุ่งเข้าไปปะทะกับพวกศัตรูทันที ช่องโหว่ที่มิโรสลาฟช่วยสร้างขึ้นได้ถูกขยายกว้างกว่าเดิมจากผู้ที่ตามไปสมทบ

 

 

 

แน่นอนว่ามิโรสลาฟ ลูนามาเรีย เด็กสาวและคนอื่นๆ ก็ตามไปสนับสนุนอัศวินพวกนั้นทันที

 

 

พวกกูลทมิฬที่พยายามจะโอมล้อมพวกเขาเอาไว้อีกครั้งก็ถูกเวทศักดิ์สิทธิ์ระเบิดร่างไปในทันที เห็นได้ชัดเลยว่าสมาชิกของคณะเดินทางจากวิหารในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นนักบวชหรืออัศวินก็ล้วนเป็นพวกระดับสูง

 

หากเป็นแบบนี้ต่อไปการล่าถอยของพวกเธอก็จะประสบความสำเร็จ

 

 

 

『――ตามที่คาดไว้ แค่เจ้าพวกนี้เอาไม่อยู่จริงด้วย』

 

 

 

น้ำเสียงที่แข็งกระด้างสั่นสะท้อนไปยังหูของทุกคนที่อยู่จุดนี้อย่างน่าขนลุก

 

 

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงซึ่งเต็มไปด้วยจิตอาฆาตนี้ มิโรสลาฟก็ต้องหยุดวิ่งในทันที สัญชาตญาณของเธอบอกว่าหากเธอยังฝืนวิ่งไปต่อ เธอตายแน่

 

 

บรรยากาศโดยรอบเริ่มหนาวเย็นขึ้น กลิ่นเหม็นได้ลอยฟุ้งแรงกว่าเดิม ผิวหนังของเธอเริ่มรู้สึกคันขึ้นมา

 

 

ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว สิ่งนั้นก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้ามิโรสลาฟเสียแล้ว มอนสเตอร์ที่มีเพียงกะโหลกซึ่งถูกห่อหุ้มร่างเอาไว้ด้วยผ้าขี้ริ้วสีม่วง หากดูรูปร่างภายนอกเฉยๆ มันก็คล้ายสเกลตันอยู่หรอก แต่ความหนาแน่นของพลังเวทที่เอ่อล้นออกมาจากร่างของมันทำให้มิโรสลาฟรู้ทันทีว่าต่อให้มีเธอสัก 10 คนก็คงไม่พอรับมือมัน

 

 

มันไม่ใช่อันเดธระดับต่ำแน่ๆ ถ้างั้นมันเป็นตัวอะไรกัน

 

 

และคนที่จะมาตอบคำถามนั้นก็คือตัวของมอนสเตอร์เอง

 

 

『ข้าคือลิช ชารามอน จงมอบชีวิตนั้นมาให้ข้าเสีย สันตะปาปาโนอาร์เอ๋ย』

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 145 ศึกในป่าทีทิส

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 145 ศึกในป่าทีทิส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 145 ศึกในป่าทีทิส

「『จงมอบอ้อมกอดแห่งความตายให้กับศัตรูของข้า――องค์หญิงแห่งเปลวเพลิง!』」

 

 

ในขณะที่มิโรสลาฟกำลังพูดบทร่ายออกมา วงเวทเพลิงก็ก่อตัวขึ้นชวนให้นึกถึงรูปร่างแขนของหญิงสาวลอยไปในอากาศ ก่อนจะเข้าไปพัวพันกับร่างของเป้าหมายและแผดเผาร่างนั้นด้วยเปลวเพลิงอันร้อนระอุ

 

 

ฝ่ายศัตรู――เป็นมอนสเตอร์ประเภทอันเดธที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในป่าทีทิส โดยถูกเรียกกันว่ากูลทมิฬ

 

 

ในบรรดาพวกอันเดธแล้ว เป็นที่รู้กันดีว่ามันคือตัวปัญหาที่ยากจะรับมือแถมยังได้รับการเสริมพลังมาเป็นอย่างสูง จากพวกเนโครแมนเซอร์

 

 

มิโรสลาฟเหลือบมองไปรอบๆ บริเวณป่าที่ใกล้ถึงฝั่งส่วนลึก นี่มันจะผิดปกติเกินไปแล้วทำไมกูลทมิฬถึงอยู่แถวนี้ได้กัน ก็จริงว่าอิทธิพลจากไฮดราทำให้พวกมอนสเตอร์มันคลั่งขึ้น แต่การที่จะเห็นพวกกูลออกมาได้นี่ดูยังไงมันก็ไม่ถูกต้อง

 

 

พูดถึงความผิดปกติอีกอย่างที่เหมือนกับเรื่องที่มังกรอยู่ดีๆ ก็โผล่มานั่นก็คือ พอรู้สึกตัวอีกทีมิโรสลาฟ ลูนามาเรียและกลุ่มที่เดินทางมาจากนครศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกพวกมันล้อมเอาไว้หมดแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นหลุมพรางที่ใครบางคนวางเอาไว้

 

แนวหน้าก็กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดไม่ต่างอะไรกับมิโรสลาฟและคนที่อยู่แนวหลัง ส่วนศาสตร์ในการฟาดฟันและชำระล้างกูลทมิฬที่วิ่งพล่านไปมานี้ให้กลับไปยังโลกแห่งความตายเป็นทักษะระดับสูงซึ่งกินแรงมาก แม้จะรวมพลังของมิโรสลาฟและลูนามาเรียเข้าไปแล้วกำลังคนก็ยังไม่มีถึง 20 คน

 

หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป พวกเธอคงได้แรงหมดกันก่อน ดังนั้นมิโรสลาฟเลยมองว่าควรจะหาทางฝ่าวงล้อมแล้วรีบออกจากป่าให้เร็วที่สุด

 

 

คนอื่นๆ ก็คงจะคิดแบบเดียวกันกับเธอ

 

 

 

「ท่านจอมเวทย์」

 

 

 

คนที่เรียกเธอนั่นก็คือหนึ่งในกองกำลังของทางนครศักดิ์สิทธิ์ที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับมิโรสลาฟและเป็นนักบวชหญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มทางนั้น

 

 

ผมที่ยาวสลวย ดวงตาสีเขียว กับผิวสีขาวนั่น ดูแล้วเธอคงอายุประมาณ15-16 ปี ไม่สิบางทีอาจจะอายุน้อยกว่านั้นก็ได้ เพราะออร่าที่เธอปล่อยออกมา เลยอาจทำให้รู้สึกว่าโตกว่าที่เป็นก็ได้

 

รูปร่างหน้าตาที่เกลี้ยงเกลาราวกับเป็นผลงานที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือปรมาจารย์ แม้จะเป็นเพศเดียวกันก็สามารถต้องตาต้องได้ไม่ยาก ถึงตัวมิโรสลาฟจะค่อนข้างมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตน แต่เธอก็ไม่สามารถเอาตัวเองไปเทียบกับผู้หญิงคนนี้ได้เลย ความงดงามของเธอคือความงดงามที่ไร้ที่ติในหมู่มวลมนุษย์ ดวงตาสีเขียวที่ส่องประกายออกมานั้นยิ่งช่วยเสริมความงดงามให้กับผู้คนที่เห็นมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

 

ทว่าในตอนนี้เด็กสาวคนนั้นกำลังอยู่ในสภาพที่เลือดอาบแก้มจากการต่อสู้ แต่ความรู้สึกอบอุ่นที่แสดงออกมาให้เห็นกลับมากกว่าช่วงเวลาปกติเสียอีก

 

 

เรื่องในคราวนี้มิโรสลาฟกับลูนามาเรียทำหน้าที่เป็นผู้นำทางคณะนี้เข้าป่าทีทิส โดยมีทางฝั่งนั้นที่เป็นอัศวินจากศาสนจักรเป็นผู้บัญชาการในแนวหน้า แต่มิโรสลาฟรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้บัญชาการตัวจริงน่ะ ยังไงก็คือเธอคนนี้ เหตุผลก็เพราะทั้งนักบวชและอัศวินคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเธอมันแสดงท่าทีเหมือนคนรับใช้ออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกนั้นคิดอะไรกันอยู่ จากนั้นเด็กสาวก็พูดขึ้นต่อ

 

 

 

「เราจะรวมกองกำลังของพวกเราส่วนใหญ่ไว้ที่ด้านหลังแล้วเริ่มฝ่าวงล้อมจากจุดนั้น ท่านกับท่านนักปราชญ์จะอยู่สนับสนุนฉันจากจุดนี้โดยเราจะทำหน้าที่ในการประสานระหว่างด้านหน้าและด้านหลังเอาไว้ ได้โปรดรักษาตำแหน่งกันด้วยนะคะ」

 

 

 

 

จากนั้นเด็กสาวก็กล่าวขอโทษขึ้น

 

 

 

「แล้วก็ต้องขอโทษที่ทำให้พวกท่านทั้งสองต้องมาเผชิญเรื่องแบบนี้ด้วย」

 

 

 

「…ดูจากคำพูดของท่านแล้วดูเหมือนจะรู้ตัวผู้โจมตีแล้วสินะ」

 

 

 

「ค่ะ คนที่จะสามารถสร้างของพวกนี้ขึ้นมาได้ มีจำนวนไม่มากนักหรอก」

 

 

จากนั้นเด็กสาวก็ยื่นมือขวาออกไปด้านหน้าที่มีพวกกูลทมิฬอยู่ ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความฮึกเหิม ผลก็คือกูลทมิฬที่อยู่ตรงหน้ารับการโจมตีบางอย่างเข้าไปเต็มๆ แถมไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วย

 

แน่นอนว่าเวทที่เธอใช้เป็นเวทชำระล้างพื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นนักบวชของวิหารไหนก็สามารถใช้ได้ทั้งนั้น ทว่าความสุดยอดของมันที่แตกต่างจากคนทั่วไปก็คือเธอสามารถใช้มันในการชำระล้างกูลทมิฬหลายตัวพร้อมกัน อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องมีบทร่ายอะไรเลยด้วยซ้ำ

 

คงไม่แปลกอะไรหากมิโรสลาฟจะสนใจในตัวตนของเธอ

 

แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาสอดรู้เรื่องของอีกฝ่าย มิโรสลาฟก็เลยต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วเริ่มออกไปเผชิญหน้ากับพวกกูลทมิฬต่อ เธอไม่ได้มีความคิดจะมาตายเพราะพวกอันเดธในที่แบบนี้อยู่แล้ว

 

 

กลยุทธ์ของเด็กสาวที่หมายจะฝ่าไปทางแนวหลังในทีเดียวเพื่อหนีออกจากป่าก็ตรงกับที่มิโรสลาฟคิด และเธอที่อยู่บริเวณใจกลางของแนวหน้าและแนวหลังก็ปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ก็จะสามารถช่วยเหลือทั้งสองฝั่งได้ง่ายหากต้องการ

 

 

ซึ่งมันก็ช่วยเธอได้เยอะเหมือนกัน พอมีคนมาช่วยประสานงานแบบนี้ เพราะการจะใช้จอมเวทในปาร์ตี้โดยไม่มีการประสานงานที่ดี ย่อมเกิดเรื่องร้ายขึ้นได้

 

 

มิโรสลาฟก็รู้ตัวเองดีว่า เธอคงจะไม่สามารถทำงานร่วมกับคนที่พึ่งเจอกันเมื่อวันก่อนได้ดีนักหรอก แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่คิดจะคัดค้านอะไรกับการตัดสินใจของฝ่ายตรงข้าม

 

 

แน่นอนว่าหากเกิดเรื่องที่เกินมือขึ้น เธอก็ไม่ลังเลที่จะทอดทิ้งคนที่เหลือแล้วเอาตัวรอด หากเพื่อตัวเธอเองคนเดียวแล้วเธอไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะคิดแบบไหน แต่เพราะตอนนี้เธอคือคนที่แบกเอาดาบควันโลหิตไว้บนบ่า การจะทอดทิ้งคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรอดนั้น….

 

 

 

――มันย่อมเป็นไปไม่ได้ ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของดราก้อนสเลเยอร์ เธอไม่มีวันยอมรับความอัปยศดังกล่าวเด็ดขาด

 

「เข้าใจแล้ว งั้นทางฉันก็จะขอเริ่มลงมือเลยแล้วกัน ทำไมจะต้องมาเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดแบบนี้กันนะ แต่ถ้าจะให้หนีหรือซ่อนตัวโดยรับคำขอจากทางนั้นมาแล้ว มีหวังได้โดนมาสเตอร์บ่นกันพอดี」

 

 

 

เด็กสาวก็ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรกับมิโรสลาฟต่อ แต่เมื่อเธอมองไปยังดวงตาของจอมเวทสาว เธอก็เลือกจะมองผ่านไปแล้วพูดขึ้น

 

「ขอฝากด้วยนะคะ」

 

 

 

เมื่อได้รับคำตอบกลับจากเธอ มิโรสลาฟก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

 

 

 

「ลูน่า!」

 

 

 

「อื้ม!」

 

 

 

 

ลูนามาเรียยกคันธนูยาวของเธอขึ้นพร้อมกับสูดลมหายใจเพื่อตอบรับคำพูดของอดีตสมาชิกปาร์ตี้ของเธอ

 

จากนั้นเสียงปล่อยศรก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และลูกศรพวกนั้นก็ทะลุร่างกูลทมิฬไปทีละตัว ก็จริงว่าการใช้ธนูมันไม่มีผลกับพวกกูลทมิฬซึ่งผิวแข็งเหมือนเหล็ก แต่ที่การโจมตีของเธอสำเร็จได้ด้วยดีนั้นเป็นเพราะลูกศรของเธอถูกหุ้มเอาไว้ด้วยสปิริตไฟ

 

 

พวกกูลที่ถูกมิโรสลาฟและลูนามาเรียรั้งเอาไว้ ก็เริ่มไม่สามารถตามมาต่อได้เพราะเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ

 

 

ในจังหวะที่มีลูนามาเรียช่วยซื้อเวลา มิโรสลาฟก็หันหน้าไปทางทิศที่พวกเธอจะล่าถอย แล้วเริ่มร่ายเวทบทใหม่

 

 

 

 

 

 

「『สิ่งมีชีวิตอันกระจ้อยร่อย มณีราคผู้นอกรีต จงสยายปีกไปยังไปตามแต่ประสงค์』」

 

 

 

มันคือเวทไฟระดับ 6 ที่เธอได้มาใหม่

 

 

เดิมทีเวทไฟไม่ใช่ของที่ควรเอามาใช้ในป่า เพราะผู้ใช้อาจจะถูกไฟดังกล่าวล้อมไว้ซะเองและเกิดเหตุไฟไหม้ป่าขึ้น

 

 

มิโรสลาฟก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้มันเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพวกกูลทมิฬ จำนวนของมันที่ล้อมพวกเธออยู่นับด้วยสายตาแล้วให้เธอสู้ทั้งวันก็คงไม่หมด มันไม่ใช่สถานการณ์ที่เธอจะออมมือได้

 

 

 

 

「『ลมหายใจที่ลุกโชน ปีกแห่งเปลวเพลิง กลีบดอกบัวที่ย้อมด้วยสีแดงฉาน』」

 

 

 

มิโรสลาฟยังคงร่ายเวทต่อไปอย่างแม่นยำ ในขณะที่เธอได้กลิ่นเหม็นเน่าของอันเดธ

 

 

 

มานาได้รวมตัวกันที่มิโรสลาฟ มันมีปริมาณที่มากจนทำให้คนรอบๆ ประหลาดใจ

 

 

 

 

 

「『จงเปิดออกเสีย สีแดงแห่งรุ่งอรุณของประตูบานยักษ์ เบิกทางให้ข้าได้เผชิญหน้าและกำราบเหล่าศัตรู』」

 

 

 

เวทมนตร์ที่ปลดปล่อยออกมาจากจอมเวทนั้นจะแปรผันไปตามความสามารถและปริมาณมานาที่ผู้ร่ายรวบรวมเอาใช้ได้ แน่นอนว่ามิโรสลาฟนั้นเก่งในเรื่องพวกนี้อยู่แล้วก็เลยไม่แปลกที่เธอจะสร้างชื่อให้ตัวเองได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

 

 

 

และมิโรสลาฟในปัจจุบันนี้ก็ได้ปรับปรุงและขัดเกลาความสามารถของเธอให้ดียิ่งขึ้นไปอีก จนทำให้ตัวเธอเมื่อครึ่งปีก่อนไม่สามารถเทียบชั้นได้เลย

 

「『ปีกสีแดงเพลิงแห่งความรุ่งโรจน์ ที่สยายจนขับขานเป็นท่วงทำนองแห่งการชำระล้าง――ซูซาคุ!』」

 

 

เวทไฟได้ถูกใช้งานขึ้น ในมือของมิโรสลาฟขณะนี้มีนกน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกระพือปีกอยู่ ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าไปหาพวกกูลทมิฬพร้อมกับเสียงที่ดังลั่น

 

 

จำนวนนกเพลิงนั้นมีประมาณ 30 กว่าตัว พอพวกมันกระทบเข้ากับร่างของกูลทมิฬ ก็เกิดการระเบิดขึ้นทันทีจนเปลวเพลิงได้ลุกท่วมร่างของพวกมันจนเป้านเถ้าถ่าน

 

 

จังหวะนั้นเองก็ได้เกิดช่องโหว่ขึ้นในจุดที่ถูกล้อมเอาไว้ เด็กสาวไม่รอช้ารีบออกคำสั่ง

 

 

 

「จู่โจมเต็มกำลัง!」

 

 

เมื่อได้รับคำสั่งอัศวิน 3 คนก็พุ่งเข้าไปปะทะกับพวกศัตรูทันที ช่องโหว่ที่มิโรสลาฟช่วยสร้างขึ้นได้ถูกขยายกว้างกว่าเดิมจากผู้ที่ตามไปสมทบ

 

 

 

แน่นอนว่ามิโรสลาฟ ลูนามาเรีย เด็กสาวและคนอื่นๆ ก็ตามไปสนับสนุนอัศวินพวกนั้นทันที

 

 

พวกกูลทมิฬที่พยายามจะโอมล้อมพวกเขาเอาไว้อีกครั้งก็ถูกเวทศักดิ์สิทธิ์ระเบิดร่างไปในทันที เห็นได้ชัดเลยว่าสมาชิกของคณะเดินทางจากวิหารในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นนักบวชหรืออัศวินก็ล้วนเป็นพวกระดับสูง

 

หากเป็นแบบนี้ต่อไปการล่าถอยของพวกเธอก็จะประสบความสำเร็จ

 

 

 

『――ตามที่คาดไว้ แค่เจ้าพวกนี้เอาไม่อยู่จริงด้วย』

 

 

 

น้ำเสียงที่แข็งกระด้างสั่นสะท้อนไปยังหูของทุกคนที่อยู่จุดนี้อย่างน่าขนลุก

 

 

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงซึ่งเต็มไปด้วยจิตอาฆาตนี้ มิโรสลาฟก็ต้องหยุดวิ่งในทันที สัญชาตญาณของเธอบอกว่าหากเธอยังฝืนวิ่งไปต่อ เธอตายแน่

 

 

บรรยากาศโดยรอบเริ่มหนาวเย็นขึ้น กลิ่นเหม็นได้ลอยฟุ้งแรงกว่าเดิม ผิวหนังของเธอเริ่มรู้สึกคันขึ้นมา

 

 

ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว สิ่งนั้นก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้ามิโรสลาฟเสียแล้ว มอนสเตอร์ที่มีเพียงกะโหลกซึ่งถูกห่อหุ้มร่างเอาไว้ด้วยผ้าขี้ริ้วสีม่วง หากดูรูปร่างภายนอกเฉยๆ มันก็คล้ายสเกลตันอยู่หรอก แต่ความหนาแน่นของพลังเวทที่เอ่อล้นออกมาจากร่างของมันทำให้มิโรสลาฟรู้ทันทีว่าต่อให้มีเธอสัก 10 คนก็คงไม่พอรับมือมัน

 

 

มันไม่ใช่อันเดธระดับต่ำแน่ๆ ถ้างั้นมันเป็นตัวอะไรกัน

 

 

และคนที่จะมาตอบคำถามนั้นก็คือตัวของมอนสเตอร์เอง

 

 

『ข้าคือลิช ชารามอน จงมอบชีวิตนั้นมาให้ข้าเสีย สันตะปาปาโนอาร์เอ๋ย』

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+