การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 166 ทำไม

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 166 ทำไม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 166 ทำไม

 

「――นายไปได้มาจากไหน? 」

 

 

มันคือตราของดาราสีเงินที่อัศวินขาวแอโร่ควรจะพกติดตัวไปด้วยจนตัวตาย ดังนั้นทำไมมันถึงมาอยู่ในมือของหัวหน้าเหยี่ยวทะเลทรายได้ล่ะ

 

 

พอคิดได้ผมจึงถามออกไปเพื่อให้เรื่องมันชัดเจน

 

 

จากนั้นอัศวินดำโจเอลก็ยักไหล่ก่อนจะตอบกลับมา

 

 

「บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้ไปแอบหยิบมา หมอนั่นมันทิ้งเอาไว้น่ะ」

 

 

 

「ทิ้งไว้? 」

 

 

 

「เอ้อสิ ครั้งสุดท้ายที่ฉันไปดื่มกับไอ้เจ้าแอโร่ หมอนั่นมันลืมสิ่งนี้เอาไว้น่ะ」

 

 

 

ผมขมวดคิ้วสงสัยกับคำตอบที่คาดไม่ถึง ดูยังไงมันก็แปลกหัวหน้าปาร์ตี้จะลืมตราของตัวเองแล้วกลับบ้านไปเฉยๆ เนี่ยนะ นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าดาราสีเงินกับเหยี่ยวมทะเลทรายไม่ถูกกันหรอกเหรอ แล้วทำไมพวกเขาถึงมานั่งดื่มด้วยกันสบายเฉิบเลยล่ะ

 

 

บางทีคงเห็นว่าผมสงสัยระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขา โจเอลก็เลยยกเหล้าเพลิงวิญญาณเข้าปากหนึ่งรอบก่อนจะอธิบายเรื่องราว

 

 

ตอนโจเอลอายุได้ 13 ปีเขาได้มาเป็นนักผจญภัยของเบลก้าทันที เนื่องจากเขาไม่มีทั้งพ่อแม่ เงินทอง การศึกษา การจะยกระดับชีวิตตัวเองยังไงนักผจญภัยก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ หรืออย่างน้อยก็คือสิ่งที่โจเอลในตอนนั้นคิด

 

สำหรับโจเอลแล้ว การปรากฏตัวของแอโร่ที่เข้าร่วมกิลด์หลังเขาไป 3 ปีจึงเป็นอะไรที่น่าชวนปวดหัว ถึงจะอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันอย่างไม่มีทั้งพ่อแม่และเงินทอง แต่แอโร่ได้รับทุนการศึกษาจากคาร์ดินัลไซราระ ――ถึงสมัยนั้นเขาจะไม่ใช่คาร์ดินัลก็เถอะ

 

 

เขาได้อ่านได้เขียน ได้เรียนรู้มารยาทและสิ่งที่ผู้ดีควรทำทุกอย่าง นั่นย่อมทำให้เขาโดดเด่นมากในหมู่นักผจญภัยของเบลก้าที่เต็มไปด้วยพวกเศษเหลือที่ไม่ค่อยได้รับการศึกษาอย่างโจเอล ตัวแอโร่ก็เป็นดั่งอัญมณีในหมู่กองขยะ

 

 

ถึงจะมีทั้งหมดที่ว่ามาแต่หากแอโร่ไม่ได้แข็งแกร่งจริง เขาก็คงอยู่ที่กิลด์ไม่ได้ด้วยความแข็งแกร่งที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วของเขา เขาก็เลยได้กลายเป็นแนวหน้าของเบลก้าได้โดยใช้เวลาไม่นาน

 

 

「หมอนั่นมันน่ารังเกียจมาตั้งแต่เด็กแล้ว เห้อ ฉันมั่นใจเลยว่าคนอื่นก็คิดไม่ต่างกันหรอก」

 

 

โจเอลพูดแล้วกระดกเหล้าเพลิงวิญญาณที่เหลือให้หมดในคราวเดียว

 

 

 

 

 

「ฉันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยเกลียดหมอนั่น ทางนั้นเองก็ไม่ได้ชอบแนวทางและการกระทำของฉันจนทะเลาะกันบ่อยๆ พวกเรามักจะหาหนทางแข่งขันและทำเรื่องโง่ๆ ด้วยกันเยอะเลยจนมันทำให้หลายๆ อย่างพัฒนามากขึ้น ทว่าในระหว่างนั้นทั้งดาราสีเงินและเหยี่ยวทะเลทรายเติบโตไปด้วยจนพวกคนในปาร์ตี้ทั้งสองเริ่มขัดแย้งกันเองจากภาพลักษณ์ภายนอก…..เพื่อไม่ให้ทั้งเหยี่ยวทะเลทรายและดาราสีเงินทำอะไรเกินเลยพวกฉันก็เลยมักจะมาหารือกันตรงนี้แหละ」

 

 

 

 

ทุกครั้งที่มีปัญหาโจเอลก็จะมาคุยกับแอโร่ที่บริเวณนี้

 

 

 

แบบนี้เองสินะ

 

 

「ตอนนั้นฉันก็คิดมามันแปลกๆ ที่เจ้าแอโร่เรียกฉันมาทั้งที่พวกเด็กๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรกัน เพราะหมอนั่นไม่ใช่พวกเรียกคนอื่นไปไหนโดยไม่มีธุระด้วย แต่พอมาถึงก็ดันบอกว่าอยากจะคุยกับฉันเพราะไม่ได้คุยกันนานแล้วซะงั้น」

 

 

 

 

ตอนนั้นโจเอลบอกว่าเขานั่งรออยูที่โต๊ะจนแทบจะหลับ และแล้วแอโร่ก็มาถึงโดยถือเหล้าเพลิงวิญญาณที่พวกคนแคระทำให้เขาดู

 

 

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าพวกคนแคระเป็นเผ่าพันธุ์ที่เก่งในการผลิตเหล้า แอโร่นั้นรู้รสนิยมของโจเอลดี ส่วนทางโจเอลเองก็รู้จักแอโร่พอตัวเช่นกัน พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดผมก็มองว่าพวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ต่อกันที่ดีเลย

 

 

「เนื้อหาที่พวกฉันได้คุยกันก็เป็นเรื่องพวกตำนานโบราณอะไรทำนองนั้นแหละ ตั้งแต่ต้นจนจบก็มีแค่เรื่องนี้ พอมานึกดูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าหมอนั่นมีเจตนาอะไรกันแน่」

 

 

 

 

หลังจากจัดการเหล้าเพลิงวิญญาณของคนแคระจนหมดแล้ว แอโร่ก็ยืนเหล้าเพลิงวิญญาณอีกขวดมาตรงหน้าของโจเอลเหมือนเป็นการขอบคุณมาที่ร่วมดื่มด้วยกัน

 

 

ในตอนนั้นโจเอลเห็นว่าแอโร่ได้วางตราของดาราสีเงินไว้ข้างๆ ขวดเหล้านั้นด้วย ก่อนที่เขาจะเดินจากไป

 

「ไอ้ฉันก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องออกไปตามหาหมอนั่นด้วย กลับกันควรปล่อยไปมากกว่าเพราะหากมีใครมาเห็นว่าฉันอยู่กับหมอนั่นมันจะลำบากเอาไว้ คิดดูสิว่าหากมีข่าวลืออย่างหัวหน้าดาราสีเงินกับเหยี่ยวทะเลทรายมาประชุมลับกันมันจะเกิดอะไรขึ้น เหล้านั่นฉันก็เลยมองว่าคงเป็นค่าปิดปากด้วย」

 

 

โจเอลเองก็หวังว่าเดี๋ยวคงได้รู้ว่าแอโร่จะบอกอะไรเพิ่มในวันพรุ่งนี้ แต่ทว่าแอโร่กลับไม่ได้บอกอะไรเขาอีกเลยและออกเดินทางไปยังพื้นที่ที่ไม่ได้สำรวจทันที

 

 

――แล้วเขาก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย

 

 

 

「ก็จริงว่าพอเข้าไปในทะเลทรายเรื่องที่ไม่คาดฝันมันจะเยอะเต็มไปหมด แต่พอฉันกลับมานั่งคิดดู ยังไงก็ไม่มีทางหรอกที่แอโร่กับดาราสีเงินจะเสียท่าให้พวกมอนสเตอร์ในทะเลทรายได้โดยไม่มีใครรอดกลับมาเลย」

 

 

ใบหน้าของโจเอลเต็มไปด้วยความโกรธและความสงสัยปะปนกันไป จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องต่อไปโดยที่ผมเดาไม่ออกเลยว่าอารมณ์ของเขามันเอนเอียงไปฝั่งไหนมากกว่ากัน

 

หลังจากที่ดาราสีเงินหายตัวไป การค้นหาครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นภายใต้การนำของคาร์ดินัลไซราระซึ่งเป็นคนใกล้ชิดแอโร่ แน่นอนว่าเหยี่ยวทะเลทรายก็ให้ความร่วมมือด้วย แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว

 

 

ที่เหลือก็เป็นเรื่องผมเคยได้ยินมาจากคาเทีย การค้นหาล้มเหลวปาร์ตี้ก็ถูกบังคับให้ยุบไปโดยปริยาย กลับกันเหยี่ยวทะเลทรายก็มีอิทธิพลมากขึ้น จากเรื่องนี้ก็เลยมีหลายคนสงสัยว่า หรือจะเป็นเหยี่ยวทะเลทรายที่ฆ่าพวกดาราสีเงินกัน

 

 

 

โจเอลหัวเราะเหมือนกับคนบ้า

 

 

「ก็จริงว่าเจ้าแอโร่มันขวางหูขวางตาจนอยากเข้าไปตบสักที หากเป็นตอนที่ฉันยังเด็กๆ อ่ะนะ แล้วก็โง่หรือเปล่าฟะถ้าฉันเป็นคนทำแบบนั้นจริงๆ ฉันไม่เหลือพวกระดับล่างของปาร์ตี้ไว้หรอก บ้าบอชะมัด」

 

 

 

โจเอลบ่นออกมาราวกับอยากด่าพวกที่สงสัยอะไรแบบนี้ บางทีสิ่งที่โจเอลต้องเผชิญในตอนนี้อาจจะหนักหนากว่าที่ผมคิดก็ได้

 

 

โจเอลยังรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับการตายของแอโร่

 

 

ทางเมืองบอกว่ากำลังหลังของดาราสีเงินได้เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ในทะเลทราย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้สำรวจ ก็อย่างที่รู้ว่าทะเลทรายคาตาลานเป็นแดนของมอนสเตอร์ที่ประมาทสักวิเดียวก็อาจจะถึงชีวิตได้ แต่แอโร่ก็เป็นถึงสุดยอดของสุดยอดในหมู่นักผจญภัยที่ใช้ชีวิตในทะเลทรายนั่นมามากกว่า 10 ปีแล้ว

 

โจเอลที่แข่งขันกับดาราสีเงินมาโดยตลอด เขาย่อมรู้จักพลังของดาราสีเงินดีเสียยิ่งกว่าพวกพ้องของดาราสีเงินซะอีก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาสงสัย

 

 

 

ทว่า ไม่ว่าจะพยายามขุดค้นมากสักแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรพอจะสนับสนุนความสงสัยนั้นได้เลย

 

 

 

 

「ตราที่หมอนั่นทิ้งไว้ให้ก็ไม่ได้มีกลไกพิเศษหรือเวทมนตร์อะไรสลักไว้อยู่ ก็ลองพยายามไปสืบเองมาบ้างแต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลย ดังนั้นฉันก็เลยอยากจะถามความเห็นของนายบ้าง คิดว่าไงล่ะดราก้อนสเลเยอร์? 」

 

 

 

พอถูกถามอย่างกะทันหัน ผมก็เลยตอบไปตามสิ่งที่คิดในตัวตอนนี้

 

 

 

 

 

「ฉันว่าบางทีนายอาจจะคิดมากไปเองหรือเปล่า」

 

 

 

การกระทำทั้งหมดของแอโร่ก่อนที่จะหายตัวไปอาจจะไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร พวกดาราสีเงินก็แค่หมดโชคที่เคยมีมาตลอด10ปีและถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายไปก็ได้ หรือก็คือมันไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรในเหตุการณ์นี้เลย

 

 

เพราะงั้นถึงจะเป็นระดับโจเอล ขุดค้นอะไรไปก็คงไม่เจอสิ่งที่ตามหา

 

 

 

 

 

「ฮ่าๆ ก็คงงั้นแหละนะ」

 

 

 

โจเอลยักไหล่และจิบเหล้าเพลิงวิญญาณต่อ

 

 

พอหมดแก้วเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง

 

 

「หรือไม่ก็ ฉันควรคิดว่าศัตรูที่อยู่เบื้องหลังมันร้ายกาจและระวังตัวมากขนาดไหน」

 

 

 

「…………หา? 」

 

โจเอลพูดออกมาขณะที่จ้องมองผม พอผมมองเข้าไปยังดวงตาคู่นั้น ผมก็เริ่มกลับมาจัดระเบียบความคิดภายในหัวใหม่

 

 

หากการกระทำของแอโร่ทั้งหมดคือเรื่องที่คิดมาก่อนแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรเลยกับการที่เขามอบความไว้วางใจให้โจเอลดูแลดาราสีเงินต่อจากเขาหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา――บางทีนั่นอาจจะเป็นความหมายของการที่เขาทิ้งตรานี้ไว้ให้

 

 

อย่างไรก็ตามหากการคาดเดานี้เป็นเรื่องจริง คำถามต่อมาก็คือถ้าแอโร่รู้ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับเขา ทำไมเขาถึงไม่หาทางจัดการมันกันล่ะ

 

 

แอโร่ อัศวินขาวที่ทุกคนในเบลก้าต่างก็รู้สึก ด้วยชื่อเสียง ความแข็งแกร่งของเขา ถึงจะเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมากเขาก็น่าจะสามารถฝ่าฟันมันไปได้ และถึงบางอย่างมันจะเกินมือเขา เขาก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพวกพ้องได้อยู่ดี

 

 

ทว่าแอโร่กลับไม่เลือกทำเช่นนั้น คนที่เขาไว้ใจเพียงคนเดียวก็คือโจเอล แถมแอโร่ยังไม่ได้ทิ้งอะไรที่บอกใบ้ถึงตัวตนของสิ่งที่เขาต้องเผชิญไว้อีก ทำไมกันล่ะ…

 

 

 

 

――หรือเพราะหากโจเอลรู้ถึงตัวตนของสิ่งนั้น เขาก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ด้วยเหมือนกัน

 

 

หรือก็คือแอโร่มองแล้วว่าถึงดาราสีเงินกับเหยี่ยวทะเลทรายจะร่วมมือกัน ก็ไม่สามารถฝ่าฟันปัญหารอบนี้ไปได้

 

 

และในเบลก้าก็มีเพียงไม่กี่องค์กรที่อิทธิพลเหนือกว่าสองปาร์ตี้รวมกัน

 

 

จากนั้นผมก็นึกถึงคำที่โจเอลพูดในตอนแรก――ที่เขาบอกว่าเรื่องพวกนี้ไม่สามารถเอาไปพูดใหักับพวกทางวิหารได้

 

 

ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าอิทธิพลขอวิหารเทพแห่งกฎหมายมันใหญ่ขนาดไหน ถึงทั้งสองปาร์ตี้จะรวมพลังกันก็ไม่ไหว

 

 

และคำถามต่อมาก็จะเกิดขึ้น

 

 

 

คำถามที่ว่า――ทำไมแอโร่ถึงเลือกโจเอลให้ดูแลดาราสีเงินต่อจากตน

 

ก็จริงว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ต่อหน้าประชาชนดาราสีเงินและเหยี่ยวทะเลทรายนั้นขัดแย้งกัน ผมก็เลยมองว่ามันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักในการยกดาราสีเงินให้โจเอลดูแล

 

 

หลังจากดาราสีเงินหายไป เหยี่ยวทะเลทรายที่กลืนกินฐานอำนาจก็สร้างปัญหาให้กับเบลก้าเยอะขึ้นด้วย ผมมองว่าแอโร่ก็คงจะรู้ดี

 

ถ้าผมเป็นแอโร่ผมก็คงจะฝากฝังให้กับคาร์ดินัลไซราระดูแลต่อ เพราะเห็นว่าใกล้ชิดกัน

 

 

มันไม่ได้หมายความว่าคาร์ดินัลไซราระจะต้องมาเป็นนักผจญภัย แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถเลือกคนหนุ่มสาวให้มาเป็นผู้นำรุ่นใหม่ได้ และทางวิหารเทพแห่งกฎหมายก็จะช่วยผลักดันคนหนุ่มสาวพวกนี้ต่อไปได้ ดีไม่ดีดาราสีเงินอาจจะยังไม่ล่มสลายก็ได้

 

 

แต่แอโร่ก็ไม่ได้ทำแบบนั้น สุดท้ายเขาก็เลือกจะฝากทั้งหมดไว้กับโจเอล

 

 

――ทำไมกันนะ พอคิดแบบนี้เรื่องแปลกๆทุกอย่างมันก็ชี้เป้า เชื่อมโยงไปถึงวิหารเทพแห่งกฎหมายหมดเลย

 

——–

Note 1 : หื้มมมมมมมม

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 166 ทำไม

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 166 ทำไม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 166 ทำไม

 

「――นายไปได้มาจากไหน? 」

 

 

มันคือตราของดาราสีเงินที่อัศวินขาวแอโร่ควรจะพกติดตัวไปด้วยจนตัวตาย ดังนั้นทำไมมันถึงมาอยู่ในมือของหัวหน้าเหยี่ยวทะเลทรายได้ล่ะ

 

 

พอคิดได้ผมจึงถามออกไปเพื่อให้เรื่องมันชัดเจน

 

 

จากนั้นอัศวินดำโจเอลก็ยักไหล่ก่อนจะตอบกลับมา

 

 

「บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้ไปแอบหยิบมา หมอนั่นมันทิ้งเอาไว้น่ะ」

 

 

 

「ทิ้งไว้? 」

 

 

 

「เอ้อสิ ครั้งสุดท้ายที่ฉันไปดื่มกับไอ้เจ้าแอโร่ หมอนั่นมันลืมสิ่งนี้เอาไว้น่ะ」

 

 

 

ผมขมวดคิ้วสงสัยกับคำตอบที่คาดไม่ถึง ดูยังไงมันก็แปลกหัวหน้าปาร์ตี้จะลืมตราของตัวเองแล้วกลับบ้านไปเฉยๆ เนี่ยนะ นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าดาราสีเงินกับเหยี่ยวมทะเลทรายไม่ถูกกันหรอกเหรอ แล้วทำไมพวกเขาถึงมานั่งดื่มด้วยกันสบายเฉิบเลยล่ะ

 

 

บางทีคงเห็นว่าผมสงสัยระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขา โจเอลก็เลยยกเหล้าเพลิงวิญญาณเข้าปากหนึ่งรอบก่อนจะอธิบายเรื่องราว

 

 

ตอนโจเอลอายุได้ 13 ปีเขาได้มาเป็นนักผจญภัยของเบลก้าทันที เนื่องจากเขาไม่มีทั้งพ่อแม่ เงินทอง การศึกษา การจะยกระดับชีวิตตัวเองยังไงนักผจญภัยก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ หรืออย่างน้อยก็คือสิ่งที่โจเอลในตอนนั้นคิด

 

สำหรับโจเอลแล้ว การปรากฏตัวของแอโร่ที่เข้าร่วมกิลด์หลังเขาไป 3 ปีจึงเป็นอะไรที่น่าชวนปวดหัว ถึงจะอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันอย่างไม่มีทั้งพ่อแม่และเงินทอง แต่แอโร่ได้รับทุนการศึกษาจากคาร์ดินัลไซราระ ――ถึงสมัยนั้นเขาจะไม่ใช่คาร์ดินัลก็เถอะ

 

 

เขาได้อ่านได้เขียน ได้เรียนรู้มารยาทและสิ่งที่ผู้ดีควรทำทุกอย่าง นั่นย่อมทำให้เขาโดดเด่นมากในหมู่นักผจญภัยของเบลก้าที่เต็มไปด้วยพวกเศษเหลือที่ไม่ค่อยได้รับการศึกษาอย่างโจเอล ตัวแอโร่ก็เป็นดั่งอัญมณีในหมู่กองขยะ

 

 

ถึงจะมีทั้งหมดที่ว่ามาแต่หากแอโร่ไม่ได้แข็งแกร่งจริง เขาก็คงอยู่ที่กิลด์ไม่ได้ด้วยความแข็งแกร่งที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วของเขา เขาก็เลยได้กลายเป็นแนวหน้าของเบลก้าได้โดยใช้เวลาไม่นาน

 

 

「หมอนั่นมันน่ารังเกียจมาตั้งแต่เด็กแล้ว เห้อ ฉันมั่นใจเลยว่าคนอื่นก็คิดไม่ต่างกันหรอก」

 

 

โจเอลพูดแล้วกระดกเหล้าเพลิงวิญญาณที่เหลือให้หมดในคราวเดียว

 

 

 

 

 

「ฉันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยเกลียดหมอนั่น ทางนั้นเองก็ไม่ได้ชอบแนวทางและการกระทำของฉันจนทะเลาะกันบ่อยๆ พวกเรามักจะหาหนทางแข่งขันและทำเรื่องโง่ๆ ด้วยกันเยอะเลยจนมันทำให้หลายๆ อย่างพัฒนามากขึ้น ทว่าในระหว่างนั้นทั้งดาราสีเงินและเหยี่ยวทะเลทรายเติบโตไปด้วยจนพวกคนในปาร์ตี้ทั้งสองเริ่มขัดแย้งกันเองจากภาพลักษณ์ภายนอก…..เพื่อไม่ให้ทั้งเหยี่ยวทะเลทรายและดาราสีเงินทำอะไรเกินเลยพวกฉันก็เลยมักจะมาหารือกันตรงนี้แหละ」

 

 

 

 

ทุกครั้งที่มีปัญหาโจเอลก็จะมาคุยกับแอโร่ที่บริเวณนี้

 

 

 

แบบนี้เองสินะ

 

 

「ตอนนั้นฉันก็คิดมามันแปลกๆ ที่เจ้าแอโร่เรียกฉันมาทั้งที่พวกเด็กๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรกัน เพราะหมอนั่นไม่ใช่พวกเรียกคนอื่นไปไหนโดยไม่มีธุระด้วย แต่พอมาถึงก็ดันบอกว่าอยากจะคุยกับฉันเพราะไม่ได้คุยกันนานแล้วซะงั้น」

 

 

 

 

ตอนนั้นโจเอลบอกว่าเขานั่งรออยูที่โต๊ะจนแทบจะหลับ และแล้วแอโร่ก็มาถึงโดยถือเหล้าเพลิงวิญญาณที่พวกคนแคระทำให้เขาดู

 

 

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าพวกคนแคระเป็นเผ่าพันธุ์ที่เก่งในการผลิตเหล้า แอโร่นั้นรู้รสนิยมของโจเอลดี ส่วนทางโจเอลเองก็รู้จักแอโร่พอตัวเช่นกัน พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดผมก็มองว่าพวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ต่อกันที่ดีเลย

 

 

「เนื้อหาที่พวกฉันได้คุยกันก็เป็นเรื่องพวกตำนานโบราณอะไรทำนองนั้นแหละ ตั้งแต่ต้นจนจบก็มีแค่เรื่องนี้ พอมานึกดูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าหมอนั่นมีเจตนาอะไรกันแน่」

 

 

 

 

หลังจากจัดการเหล้าเพลิงวิญญาณของคนแคระจนหมดแล้ว แอโร่ก็ยืนเหล้าเพลิงวิญญาณอีกขวดมาตรงหน้าของโจเอลเหมือนเป็นการขอบคุณมาที่ร่วมดื่มด้วยกัน

 

 

ในตอนนั้นโจเอลเห็นว่าแอโร่ได้วางตราของดาราสีเงินไว้ข้างๆ ขวดเหล้านั้นด้วย ก่อนที่เขาจะเดินจากไป

 

「ไอ้ฉันก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องออกไปตามหาหมอนั่นด้วย กลับกันควรปล่อยไปมากกว่าเพราะหากมีใครมาเห็นว่าฉันอยู่กับหมอนั่นมันจะลำบากเอาไว้ คิดดูสิว่าหากมีข่าวลืออย่างหัวหน้าดาราสีเงินกับเหยี่ยวทะเลทรายมาประชุมลับกันมันจะเกิดอะไรขึ้น เหล้านั่นฉันก็เลยมองว่าคงเป็นค่าปิดปากด้วย」

 

 

โจเอลเองก็หวังว่าเดี๋ยวคงได้รู้ว่าแอโร่จะบอกอะไรเพิ่มในวันพรุ่งนี้ แต่ทว่าแอโร่กลับไม่ได้บอกอะไรเขาอีกเลยและออกเดินทางไปยังพื้นที่ที่ไม่ได้สำรวจทันที

 

 

――แล้วเขาก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย

 

 

 

「ก็จริงว่าพอเข้าไปในทะเลทรายเรื่องที่ไม่คาดฝันมันจะเยอะเต็มไปหมด แต่พอฉันกลับมานั่งคิดดู ยังไงก็ไม่มีทางหรอกที่แอโร่กับดาราสีเงินจะเสียท่าให้พวกมอนสเตอร์ในทะเลทรายได้โดยไม่มีใครรอดกลับมาเลย」

 

 

ใบหน้าของโจเอลเต็มไปด้วยความโกรธและความสงสัยปะปนกันไป จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องต่อไปโดยที่ผมเดาไม่ออกเลยว่าอารมณ์ของเขามันเอนเอียงไปฝั่งไหนมากกว่ากัน

 

หลังจากที่ดาราสีเงินหายตัวไป การค้นหาครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นภายใต้การนำของคาร์ดินัลไซราระซึ่งเป็นคนใกล้ชิดแอโร่ แน่นอนว่าเหยี่ยวทะเลทรายก็ให้ความร่วมมือด้วย แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว

 

 

ที่เหลือก็เป็นเรื่องผมเคยได้ยินมาจากคาเทีย การค้นหาล้มเหลวปาร์ตี้ก็ถูกบังคับให้ยุบไปโดยปริยาย กลับกันเหยี่ยวทะเลทรายก็มีอิทธิพลมากขึ้น จากเรื่องนี้ก็เลยมีหลายคนสงสัยว่า หรือจะเป็นเหยี่ยวทะเลทรายที่ฆ่าพวกดาราสีเงินกัน

 

 

 

โจเอลหัวเราะเหมือนกับคนบ้า

 

 

「ก็จริงว่าเจ้าแอโร่มันขวางหูขวางตาจนอยากเข้าไปตบสักที หากเป็นตอนที่ฉันยังเด็กๆ อ่ะนะ แล้วก็โง่หรือเปล่าฟะถ้าฉันเป็นคนทำแบบนั้นจริงๆ ฉันไม่เหลือพวกระดับล่างของปาร์ตี้ไว้หรอก บ้าบอชะมัด」

 

 

 

โจเอลบ่นออกมาราวกับอยากด่าพวกที่สงสัยอะไรแบบนี้ บางทีสิ่งที่โจเอลต้องเผชิญในตอนนี้อาจจะหนักหนากว่าที่ผมคิดก็ได้

 

 

โจเอลยังรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับการตายของแอโร่

 

 

ทางเมืองบอกว่ากำลังหลังของดาราสีเงินได้เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ในทะเลทราย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้สำรวจ ก็อย่างที่รู้ว่าทะเลทรายคาตาลานเป็นแดนของมอนสเตอร์ที่ประมาทสักวิเดียวก็อาจจะถึงชีวิตได้ แต่แอโร่ก็เป็นถึงสุดยอดของสุดยอดในหมู่นักผจญภัยที่ใช้ชีวิตในทะเลทรายนั่นมามากกว่า 10 ปีแล้ว

 

โจเอลที่แข่งขันกับดาราสีเงินมาโดยตลอด เขาย่อมรู้จักพลังของดาราสีเงินดีเสียยิ่งกว่าพวกพ้องของดาราสีเงินซะอีก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาสงสัย

 

 

 

ทว่า ไม่ว่าจะพยายามขุดค้นมากสักแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรพอจะสนับสนุนความสงสัยนั้นได้เลย

 

 

 

 

「ตราที่หมอนั่นทิ้งไว้ให้ก็ไม่ได้มีกลไกพิเศษหรือเวทมนตร์อะไรสลักไว้อยู่ ก็ลองพยายามไปสืบเองมาบ้างแต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลย ดังนั้นฉันก็เลยอยากจะถามความเห็นของนายบ้าง คิดว่าไงล่ะดราก้อนสเลเยอร์? 」

 

 

 

พอถูกถามอย่างกะทันหัน ผมก็เลยตอบไปตามสิ่งที่คิดในตัวตอนนี้

 

 

 

 

 

「ฉันว่าบางทีนายอาจจะคิดมากไปเองหรือเปล่า」

 

 

 

การกระทำทั้งหมดของแอโร่ก่อนที่จะหายตัวไปอาจจะไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร พวกดาราสีเงินก็แค่หมดโชคที่เคยมีมาตลอด10ปีและถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายไปก็ได้ หรือก็คือมันไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรในเหตุการณ์นี้เลย

 

 

เพราะงั้นถึงจะเป็นระดับโจเอล ขุดค้นอะไรไปก็คงไม่เจอสิ่งที่ตามหา

 

 

 

 

 

「ฮ่าๆ ก็คงงั้นแหละนะ」

 

 

 

โจเอลยักไหล่และจิบเหล้าเพลิงวิญญาณต่อ

 

 

พอหมดแก้วเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง

 

 

「หรือไม่ก็ ฉันควรคิดว่าศัตรูที่อยู่เบื้องหลังมันร้ายกาจและระวังตัวมากขนาดไหน」

 

 

 

「…………หา? 」

 

โจเอลพูดออกมาขณะที่จ้องมองผม พอผมมองเข้าไปยังดวงตาคู่นั้น ผมก็เริ่มกลับมาจัดระเบียบความคิดภายในหัวใหม่

 

 

หากการกระทำของแอโร่ทั้งหมดคือเรื่องที่คิดมาก่อนแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรเลยกับการที่เขามอบความไว้วางใจให้โจเอลดูแลดาราสีเงินต่อจากเขาหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา――บางทีนั่นอาจจะเป็นความหมายของการที่เขาทิ้งตรานี้ไว้ให้

 

 

อย่างไรก็ตามหากการคาดเดานี้เป็นเรื่องจริง คำถามต่อมาก็คือถ้าแอโร่รู้ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับเขา ทำไมเขาถึงไม่หาทางจัดการมันกันล่ะ

 

 

แอโร่ อัศวินขาวที่ทุกคนในเบลก้าต่างก็รู้สึก ด้วยชื่อเสียง ความแข็งแกร่งของเขา ถึงจะเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมากเขาก็น่าจะสามารถฝ่าฟันมันไปได้ และถึงบางอย่างมันจะเกินมือเขา เขาก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพวกพ้องได้อยู่ดี

 

 

ทว่าแอโร่กลับไม่เลือกทำเช่นนั้น คนที่เขาไว้ใจเพียงคนเดียวก็คือโจเอล แถมแอโร่ยังไม่ได้ทิ้งอะไรที่บอกใบ้ถึงตัวตนของสิ่งที่เขาต้องเผชิญไว้อีก ทำไมกันล่ะ…

 

 

 

 

――หรือเพราะหากโจเอลรู้ถึงตัวตนของสิ่งนั้น เขาก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ด้วยเหมือนกัน

 

 

หรือก็คือแอโร่มองแล้วว่าถึงดาราสีเงินกับเหยี่ยวทะเลทรายจะร่วมมือกัน ก็ไม่สามารถฝ่าฟันปัญหารอบนี้ไปได้

 

 

และในเบลก้าก็มีเพียงไม่กี่องค์กรที่อิทธิพลเหนือกว่าสองปาร์ตี้รวมกัน

 

 

จากนั้นผมก็นึกถึงคำที่โจเอลพูดในตอนแรก――ที่เขาบอกว่าเรื่องพวกนี้ไม่สามารถเอาไปพูดใหักับพวกทางวิหารได้

 

 

ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าอิทธิพลขอวิหารเทพแห่งกฎหมายมันใหญ่ขนาดไหน ถึงทั้งสองปาร์ตี้จะรวมพลังกันก็ไม่ไหว

 

 

และคำถามต่อมาก็จะเกิดขึ้น

 

 

 

คำถามที่ว่า――ทำไมแอโร่ถึงเลือกโจเอลให้ดูแลดาราสีเงินต่อจากตน

 

ก็จริงว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ต่อหน้าประชาชนดาราสีเงินและเหยี่ยวทะเลทรายนั้นขัดแย้งกัน ผมก็เลยมองว่ามันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักในการยกดาราสีเงินให้โจเอลดูแล

 

 

หลังจากดาราสีเงินหายไป เหยี่ยวทะเลทรายที่กลืนกินฐานอำนาจก็สร้างปัญหาให้กับเบลก้าเยอะขึ้นด้วย ผมมองว่าแอโร่ก็คงจะรู้ดี

 

ถ้าผมเป็นแอโร่ผมก็คงจะฝากฝังให้กับคาร์ดินัลไซราระดูแลต่อ เพราะเห็นว่าใกล้ชิดกัน

 

 

มันไม่ได้หมายความว่าคาร์ดินัลไซราระจะต้องมาเป็นนักผจญภัย แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถเลือกคนหนุ่มสาวให้มาเป็นผู้นำรุ่นใหม่ได้ และทางวิหารเทพแห่งกฎหมายก็จะช่วยผลักดันคนหนุ่มสาวพวกนี้ต่อไปได้ ดีไม่ดีดาราสีเงินอาจจะยังไม่ล่มสลายก็ได้

 

 

แต่แอโร่ก็ไม่ได้ทำแบบนั้น สุดท้ายเขาก็เลือกจะฝากทั้งหมดไว้กับโจเอล

 

 

――ทำไมกันนะ พอคิดแบบนี้เรื่องแปลกๆทุกอย่างมันก็ชี้เป้า เชื่อมโยงไปถึงวิหารเทพแห่งกฎหมายหมดเลย

 

——–

Note 1 : หื้มมมมมมมม

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+