การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 228 สมยอม

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 228 สมยอม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 228 สมยอม

 

 

พระอาทิตย์เทียมภายในคิไค ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นเหนือยอดเขาไดโกะ

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังมองแสงส่องสว่างเทียมนี้อยู่ ก็หวนนึกไปถึงคำพูดของโซไซก่อนหน้านี้

 

 

 

「อย่างที่ท่านกล่าว ผู้กล้าหาญที่ปกป้องโลกจากพวกเผ่านพันธุ์ในตำนาน ผู้ผนึกงูร้ายเอาไว้ก่อนจะถูกผลักไสมายังคิไคโดยพวกผู้ทรยศที่แสนน่ารังเกียจอย่างมิตสึรุกิ หญิงสาวผู้เสียสละดึงเทพพระเจ้ามาประทับร่างบนกายเธอเพื่อช่วยเหลือผู้คน หากรู้จักลัทธิก็ไม่มีทางเลยที่จะไม่รู้จักโซเฟีย อาเซอร์ไรท์」

 

 

ระหว่างที่เล่านั้น ท่าทางเขาจะเน้นไปทางวีรกรรมของนักบุญหญิงคนนี้มากจริงๆ แต่ไม่นานนักพอถูกโดกะเรียกตัวเขาก็ต้องหยุดไปก่อน ส่งผลทำให้ผมออกมาจากห้องนั้นแล้วมานั่งมองดูดวงอาทิตย์ของคิไค

 

 

สายลมที่พัดผ่านเมฆแอบแรงพอสมควร จนดูจะไม่ค่อยเหมาะกับการเป็นจุดที่นั่งใช้ความคิด แต่ว่ากันตามตรงของพวกนี้ก็ไม่มีผลอะไรกับผมนักหรอก

 

 

ส่วนเรื่องที่ต้องมานั่งคิดก็ไม่ใช่อะไรแต่เป็นเรื่องที่โผล่เข้ามาในหัวผมก่อนหน้านี้นั่นแหละ

 

 

สองพี่น้องที่เป็นคนของตระกูลมิตสึรุกิ เนื้อหาที่คุยกันคือพ่อกับลุงพวกเขาถูกเผ่าพันธุ์ในตำนานฆ่าตาย ชื่อเก่าของเกาะอสูรยักษ์คือเกาะแห่งผืนป่า เป็นชื่อเก่าแก่ที่ไม่มีใครใช้กันแล้วในสมัยนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังพูดคุยเกี่ยวกับตระกูลโฮโซและศาสตร์แห่งนานะชิกิราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่ความลับอะไร

 

 

 

เหนือสิ่งอื่นใดการที่เจ้าของมุมมองเรียกพี่ชายของตนว่า มิตสึรุกิ คาซึมะ นั่นก็น่าจะเป็นผู้นำตระกูลมิตสึรุกิผู้ก่อตั้งมายาดาบเดียวขึ้นกับน้องชายของเขา เอาง่ายๆ ก็บรรพบุรุษของผมเมื่อ 300 ปีก่อน

 

ก็ไม่คิดสงสัยกับสิ่งที่เห็นหรอกนะ แต่คำถามมันก็ไม่หายไปไหน

 

 

อย่างเช่น ทำไมโซลอีทเตอร์ถึงได้มีความทรงจำของบรรพบุรุษผมได้ล่ะ

 

 

อีกประเด็นหนึ่งก็คือผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่านักบุญดาบคนแรกมีน้องชายกับเขาด้วย

 

หรือจะเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลอะไรทำนองนั้นหรือเปล่า? ไม่ก็อาจจะตายไปตั้งแต่ช่วงสงคราม แล้วบันทึกดันสูญหายไปตามกาลเวลา

 

 

อย่างไรก็ตาม มันก็แปลกชะมัด คนที่ได้รับการยกย่องจากนักบุญดาบคนแรกว่า เหนือกว่าตนหลายขุม กลับไม่ทิ้งชื่อเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เลยเนี่ยนะ ไม่สิถึงจะตายไปตั้งแต่ยังเด็กยังไงความจริงเรื่องนักบุญดาบคนแรกมีน้องชายมันก็ต้องโผล่มาบ้างสิ

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องนี้ ก็ได้ยินเสียงอันคุ้นหูดังขึ้นมาจากข้างๆ

 

 

 

 

「คุณโซระคะ? เป็นอะไรไปหรือเปล่าคะเห็นทำสีหน้าดูลำบากใจ」

 

 

 

พอผมมองไปยังทิศทางเสียงก็พบเข้ากับไคลอาที่เดินเข้ามาถามผมเพราะเห็นสีหน้าที่แปลกไปของผม

 

ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะตัดบทแล้วบอกอีกฝ่ายว่าไม่มีอะไรหรอก ทว่าสุดท้ายผมก็ตัดสินใจลองคุยกับเธอดู

 

 

 

 

「พอดีมีเรื่องคาใจนิดหน่อยน่ะ」

 

 

 

「เรื่องที่คาใจเหรอคะ? 」

 

 

 

「เรื่องเกี่ยวกับน้องชายของนักบุญดาบคนแรกน่ะ เธอพอจะรู้อะไรบ้างไหม? 」

 

 

นี่คือคำถามที่เกิดมาจากการได้เห็นความทรงจำของโซลอีทเตอร์ แม้ว่าจะถามอย่างกะทันหัน แต่นักรบสาวผมขาวตรงหน้าผมก็คิดแล้วตอบอย่างจริงจัง โดยไม่สงสัยว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่

 

「น้องชายของท่านผู้ก่อตั้งสำนักเหรอคะ….ขอโทษด้วยนะคะ แต่ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย」

 

 

「งั้นเหรอ ถึงจะเป็นธงแห่งผืนป่าก็ไม่รู้สินะ ให้ตายสิความไม่รู้นี่มันไม่ไหวจริงๆ 」

 

หลังจากบ่นออกมานิดหน่อย ผมก็ขอบคุณไคลอาที่ตอบคำถามผม

 

 

ไคลอาก็ส่ายหัวเล็กน้อยราวกับบอกว่าเรื่องแค่นี้เอง

 

 

 

 

「ท่านได้ยินเรื่องนี้มาจากทางคิจินเหรอคะ? 」

 

 

「เปล่าหรอก ไม่ใช่พวกนั้น จะว่าไงดีล่ะเหมือนจะเป็นฝันหรือนิมิตที่ย้อนเวลากลับไปดูได้อะไรทำนองนั้นแหละ」

 

 

 

「ฮะ…ค่ะ」

 

 

 

มีเครื่องหมายคำถามนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นตรงหน้าของไคลอาหลังได้ยินคำตอบผม ซึ่งก็ไม่แปลกนี่นะหากเธอจะรู้สึกว่าผมไม่อยากจะบอกอะไรไปมากกว่านี้เลยปัดตกไป เธอก็เลยเลือกจะไม่ถามอะไรต่อ

 

 

 

จากนั้นไคลอาก็เริ่มพูดเรื่องใหม่ขึ้นมาแทน

 

 

 

「ได้ยินมาจากเออซูร่า เห็นว่าคุณโซระจะอยู่คิไคนี้ต่ออีกสักพักเหรอคะ」

 

 

 

「หือ? อ้อใช่ ฉันบอกเออซูร่าไปแบบนั้น」

 

 

 

「ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคลิมกับฉันสินะคะ? 」

 

 

ดวงตาสีแดงของไคลอาสั่นระเรื่อเล็กน้อยขณะถาม ผมก็ลังเลอยู่หรอกว่าจะตอบแบบไหน แต่เอาเถอะ ตอบไปตามตรงนั่นแหละ

 

 

 

「ก็มีส่วน ฉันพาคลิมในสภาพนี้กลับไปหาตระกูลเบิร์ชไม่ได้หรอก」

 

 

 

พอผมบอกเรื่องนี้ไป ก็แอบคิดว่าไคลอาจะบ่นประมาณว่าเป็นความสงสารที่ไม่จำเป็นไหม ทว่าไคลอากับก้มหัวลงสุดตัวแล้วแสดงความขอบคุณผม

 

 

 

 

「ต้องขอขอบพระคุณจริงๆ ค่ะ」

 

 

 

「อะไรกัน ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ อย่าคิดมากเลยน่า」

 

 

 

 

ผมก็ทำได้เพียงโบกมือแบบไม่ต้องคิดมาก ว่ากันตามตรงผมก็ไม่อยากจะให้เธอคิดเป็นพระคุณอะไรในคิไคนี่หรอก ถ้าไคลอาไม่พูดเรื่องนี้ผมก็คงจะปล่อยผ่านไปเฉยๆ แล้วไม่ต้องมาบอกอารมณ์ทำนองว่า ที่ทำก็เพื่อเธอ แท้ๆ ให้ตายสิน้อ

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่ผมกังวลมากกว่าก็คือจะเอายังไงกันต่อหลังคลิมฟิ้นตัวเต็มที่

 

 

ไคลอาผู้เป็นพี่ก็หนีออกจากเกาะไปแล้วจะกลับมาอยู่ในตระกูลก็คงไม่ได้ ส่วนนี้ผมก็วางแผนว่าจะพาเธอมาอยู่ใต้ปีกผมหรอก แต่คลิมเนี่ยสิ หมอนี่คงไม่นั่งดูเงียบๆ แน่

 

 

ยุ่งยากพอสมควรเลยหากถึงตอนนั้นเขามาขวางทางผม คือการจะจัดการคลิมมันไม่ใช่เรื่องยากหรอก แต่ความสัมพันธ์ของผมกับไคลอามันจะแย่ลงน่ะสิ

 

การที่ผมสามารถสร้างความสัมพันธ์จากหลายๆ ฝ่ายได้แบบนี้ ก็ไม่อยากจะให้มันมาล่มเพราะคลิมหรอกนะ

 

 

ก็เคยคิดจะให้ไคลอาไปอธิบายให้เขาฟังหรอก แต่สถานการณ์แบบนี้ถึงจะเป็นพี่สาวไปพูดด้วยตัวเองก็เถอะ คลิมมันจะฟังเร้อ

 

 

ว่าแล้วผมก็กอดอกคิด

 

จะว่าไปคลิมก็ดูเหมือนจะเป็นห่วงสองพี่น้องคิจินนั่นด้วยนี่นะ หรือผมจะแนะนำให้เขาอยู่ที่คิไคนี้ต่อไปในฐานะคนคุ้มกันของสองพี่น้องดีล่ะ ผมมองว่าหากผมไปคุยกับพวกเขา ด้วยทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อคลิมตอนนี้ก็น่าจะยอมรับได้ไม่ยากนะ แล้วระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องไร้สาระนี้อยู่ ไคลอาก็เริ่มพูดกับผมด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

 

 

「คุณโซระ――ไม่สิ ท่านโซระคะ」

 

 

 

「……หา? 」

 

 

 

จู่ๆ ไคลอาก็เปลี่ยนคำเรียกผมเฉย ผมก็ได้แต่ทำหน้าสับสนกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย

 

ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่เห็นท่าทางสับสนของผมนะ แต่เธอเลือกจะจัดท่าทางยืนตัวตรงออกแนวพูดเป็นพิธีการหน่อยๆ ซะงั้น

 

 

 

「ถึงแม้จะสายไปแล้ว แต่ฉันก็อยากจะขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อท่าน สำหรับความช่วยเหลืออย่างหาที่สุดมิได้ เพราะท่านทั้งฉันและน้องชายของฉันถึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้จนกระทั่งมาพบเจอกัน หนี้บุญคุณที่ฉันมีต่อท่านจะใช้ทั้งชีวิตก็คงไม่หมด แล้วฉันจะไม่มีวันลืมสิ่งเหล่านี้เลยค่ะ」

 

 

พอเห็นไคลอาพูดจาเป็นทางการแบบนี้ผมสับสนหนักจริง ทว่าพอจ้องมองไปยังดวงตาของเธอความสับสนของผมก็หายไป

 

 

สายตาที่เธอส่งมานั้นจริงจังมาก ไม่ใช่การพูดคุยล้อเล่นตลกแต่อย่างใด

 

 

คลิมก็กำลังฟื้นคืนสติมาได้จากสถานการณ์เป็นตาย ไคลอาเองก็คงจะมีคำพูดในใจมากมายที่อยากจะบอกผม เรื่องของเออซูร่าก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้เธอตัดสินใจมาบอกกับผม

 

 

 

และราวกับยืนยันในคำพูดของตน ไคลอาค่อยๆ คุกเข่าแล้วก้มคำนับผมเหมือนกับที่ข้ารับใช้ควรกระทำแก่ผู้นำตระกูลมิตสึรุกิ

 

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด