การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 215 นักบุญ

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 215 นักบุญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 215 นักบุญ

 

ชื่อของนักบุญผู้ผนึกราชาแห่งเผ่าพันธุ์ในตำนานก็คือ โซเฟีย อาเซอร์ไรท์

 

พอได้ยินชื่อนี้ออกมาจากปากของโดกะ ภาพแรกที่โผล่มาในหัวผมก็คืออายากะ อาเซอร์ไรท์ ที่เป็นอดีตคู่หมั้นของผม

 

 

นักบุญผู้ผนึกราชาแห่งเผ่าพันธุ์ในตำนานในคิไค กับลูกสาวคนโตของตระกูลขุนนางผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิ อาเซอร์ไรท์ จะบอกว่าแค่บังเอิญชื่อเหมือนกันใครฟังก็คงขำไม่ออก

 

 

 

ตระกูลอาเซอร์ไรท์อาจจะพยายามควบคุมโลกในเบื้องหน้าและเบื้องหลังในเวลาเดียวกัน โดยเบื้องหน้าของเขาก็คือขุนนางผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิ ส่วนเบื้องหลังก็คือผู้คุมลัทธิแห่งแสง หวังว่าอายากะจะไม่ใช่สายลับที่ถูกส่งไปแฝงตัวในตระกูลมิตสึรุกิหรอกนะ

 

ความสงสัยของผมเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ――จนผมต้องส่ายหัวไปมาราวกับจะขจัดความคิดไร้สาระนี้ออกไป ผมคงคิดมากเกินไปจริงๆ

 

 

 

ตระกูลอาเซอร์ไรท์เป็นถึงหนึ่งในสามขุนนางผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิเลยนะและยังคอยดูแลสถานการณ์ของประตูมากว่า 300 ปี ร่วมกับตระกูลคาร์เนเลียส และ พาราดิสที่เป็นขุนนางผู้ยิ่งใหญ่เหมือนกัน

 

นอกจากนี้ถึงอายากะจะแอบเคลื่อนไหวเพื่อทำอะไรสักอย่าง ผมก็ไม่คิดว่าเธอจะสามารถก้าวข้ามสายตาของนักบุญดาบไปได้หรอก เอาเป็นว่าผมคิดมากไปเองแหละ

 

 

….ทว่ากลับกันหากพวกนั้นร่วมมือกันก็คงสามารถแอบทำทุกสิ่งได้ตามต้องการ แต่ยิ่งผมคิดก็ยิ่งไม่เห็นเหตุผลที่หากพวกเขาร่วมมือกันแล้วทำอะไรให้ยุ่งยากขนาดนี้

 

 

เอาเป็นว่าตอนนี้ ผมก็ต้องแสร้งเป็นผู้ศรัทธาในลัทธิแห่งแสงอยู่แล้ว เดี๋ยวโอกาสในการตรวจสอบเรื่องของนักบุญและตระกูลอาเซอร์ไรท์ก็มาเองแหละ

 

 

 

ก่อนอื่นก็พระคัมภีร์ของลัทธิที่โดกะมอบให้กับผม ดูเหมือนโซเฟีย อาเซอร์ไรท์จะเป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องจากเผ่าคิจินว่าเป็นนักบุญที่แท้จริง ดูเหมือนว่าลัทธิจะหยั่งรากลึกภายในคิไคแห่งนี้จริงๆ

 

 

แน่นอนว่าภายในเนื้อหาของพระคัมภีร์คงจะมีเรื่องของนักบุญเต็มไปหมด

 

 

คือมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องคาดเดาแหละนะ เพราะมันเห็นๆ กันอยู่ ภายในนั้นก็เต็มไปด้วยคุณงามความดีของนักบุญ

 

ส่วนแรกก็สรุปได้ประมาณว่า

 

 

 

300 ปีก่อนโลกเกือบจะล่มสลายไปเพราะราชาแห่งเผ่าพันธุ์ในตำนานอย่างงูซึ่งนำทัพเหล่าเผ่าพันธุ์ในตำนานตัวอื่นๆ

 

 

ว่ากันว่าเมืองและประเทศต่างๆ ได้ถูกพวกมันสังหารและทำลายล้างไปจนเหลือแต่เศษซากในชั่วข้ามคืน เลือดของผู้คนได้หลั่งรินนองเต็มผืนโลก

 

 

 

หลายประเทศถูกทำลายมีคนตายจำนวนมาก พอได้เห็นพลังทำลายล้างที่ไม่อาจต้านได้ ผู้คนก็จมอยู่ในความสิ้นหวังและยอมแพ้ต่อชะตากรรม

 

ทว่าถึงจะมีผู้ที่ยอมแพ้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะโลกใบนี้ยังมีผู้ที่ไม่ยอมนั่งรอความตายและพยายามต่อต้านเหล่าภัยพิบัตินั้น

 

 

 

เหล่าคิจินผู้เป็นหัวหอกได้รวบรวมเหล่าพวกพ้องเพื่อท้าทายเผ่าพันธุ์ในตำนานและพวกงู เพื่อกอบกู้โลกใบนี้

 

พวกเขาได้ก้าวข้ามเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์เพื่อร่วมมือกันปกป้องโลก หลังจากต่อสู้อันดุเดือด ในที่สุดพวกเขาก็สามารถผนึกงูเอาไว้ได้สำเร็จ

 

 

โดยโซเฟีย อาเซอร์ไรท์คือหนึ่งในคนที่มีส่วนร่วมมากที่สุด…

 

 

ยิ่งได้อ่านเนื้อหาภายในพระคัมภีร์มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งต่างจากสิ่งที่ผมรู้มากขึ้นเท่านั้น

 

ตามประวัติศาสตร์ที่สอนกันมาภายในเกาะ มหาสงครามเมื่อ 300 ปีก่อนคือการต่อสู้กันระหว่างมนุษย์กับพวกคิจิน ไม่ได้มีเผ่านพันธุ์ในตำนานอะไรนั่นปรากฏตัวขึ้นเลยสักนิด

 

 

การต่อสู้ระหว่างสองเผ่าพันธุ์จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายมนุษย์ เทพปีศาจที่พ่ายแพ้ก็ต้องถูกผนึกไว้ภายในประตูปีศาจ เป็นอันสิ้นสุดสงคราม

 

 

เพราะทางคานาเรียก็บันทึกเอาไว้แบบนี้เหมือนกัน ผมก็เลยคิดว่ามันคงเป็นประวัติศาสตร์โลกของทวีปนี้จริงๆ

 

 

 

ทว่าสิ่งที่ลัทธิแห่งแสงบอกไว้กลับต่างออกไป สงครามเมื่อ 300 ปีก่อนไม่ใช่ระหว่างมนุษย์กับคิจินแต่เป็น กับพวกเผ่าพันธุ์ในตำนานและสิ่งที่ถูกปิดผนึกเอาไว้หลังประตูไม่ใช่เทพปีศาจแต่เป็น งู

 

 

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ประวัติศาสตร์มันเขียนต่างกันออกไปล่ะ

 

 

 

เท่าที่ผมรู้ ลัทธิแห่งแสงควรจะเป็นผู้ทรยศต่อมนุษยชาติและช่วยเหลือพวกคิจินเมื่อ 300 ปีก่อน คือมันก็เป็นไปได้ว่าประวัติศาสตร์ของลัทธิที่เขียนนั้นมีไว้เพื่อปกปิดเรื่องที่พวกเขาทรยศต่อมนุษย์

 

 

 

ทว่าเรื่องนี้ก็คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะพวกคิจินคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่ พวกเขาคงจะไม่มีทางลืมรอยแค้นระหว่างมนุษย์กับคิจินที่ผ่านมาตลอด 300 ปีและยอมให้ลัทธิแห่งแสงเปลี่ยนแปลงมัน

 

 

ดูจากภาพในตอนนี้แล้วคิจินกับลัทธิก็มีความสัมพันธ์อันดีกันภายในคิไค หรือก็คือประวัติศาสตร์ของพวกเขากับคิจินนั้นถูกบันทึกไว้ไม่ต่างกันนั่นเอง

 

 

ข้อพิสูจน์อีกอย่างก็คือโดกะยกย่องนักบุญและพูดเรื่องงูขึ้นมาราวกับเป็นความรู้ทั่วไปที่หาได้ง่ายๆ หากประวัติศาสตร์ที่ลัทธิเขียนมันต่างจากที่พวกคิจินรู้โดกะคงไม่พูดแบบนี้แน่

 

 

ดังนั้นไม่มีทางที่ลัทธิจะสร้างประวัติศาสตร์ปลอมๆ ขึ้นมาได้เลย หรืออย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ผมคิด

 

แน่นอนว่าถึงทั้งสองฝ่ายจะเล่าตรงกัน แต่จะปักใจเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงก็คงไม่ได้ บางทีลัทธิอาจจะอยากปกปิดเรื่องที่ตนทรยศต่อมนุษยชาติและพวกคิจินก็อยากจะปกปิดความพ่ายแพ้ของตน พวกเขาก็เลยร่วมมือกันแล้วเขียนประวัติศาสตร์ปลอมลงไปให้คนรุ่นหลังรู้แทน

 

 

 

ดูเหมือนทางไคลอากับเออซูร่าก็คิดทำนองนั้นอยู่

 

อย่างไรก็ตามเพราะสิ่งที่จักรพรรดิเคยบอกกับผมว่าในอดีตโลกใบนี้มีเผ่าพันธุ์ในตำนานเดินเล่นไปมาบนทวีปมากมาย ดังนั้นบางทีอาจจะมีกลุ่มคนที่อยู่นอกคิไคพยายามสร้างประวัติศาสตร์ปลอมขึ้นมาเพื่อเหตุผลบางอย่างก็ไม่ใช่ศูนย์

 

 

 

 

『หากวันใดความลับของประตูปีศาจถูกเปิดเผยไป ทั่วโลกคงได้วุ่นวายแน่』

 

 

 

นั่นคือสิ่งที่จักรพรรดิเคยพูดเอาไว้ในอดีต ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าคำพูดพวกนั้นมันหมายถึงประวัติศาสตร์ที่ถูกบิดเบือนไปไหม แต่ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดก็หมายความว่าเขารู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วนั่นเอง

 

 

 

สมมติฐานที่ผมคิดไว้ตอนแรก หาก 3 ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่กับจักรพรรดิและตระกูลมิตสึรุกิร่วมมือกันทั้งหมด อะไรหลายๆ อย่างมันก็เริ่มจะลงล็อกแล้วสิ

 

 

 

หลังจากนั้นผมก็ได้รับข้อมูลจากโดกะและจากพระคัมภีร์เพิ่ม

 

 

 

ไม่นานนักประมาณหนึ่งชั่วโมงก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นและมีคิจินปรากฏตัวออกมา ก็แน่นอนไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคืออาซึมะ กษัตริย์แห่งนากายามะ

 

 

ดูเหมือนจะไม่ได้นัดกันมาก่อนเพราะทางโดกะก็ประหลาดใจเหมือนกัน

 

 

 

 

「เฮีย มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นงั้นหรือ? 」

 

 

「ก็ไม่ใช่อะไรผิดปกติหรอก แค่คนส่งสารแจ้งมาน่ะว่าคาการิจัดการเรื่องที่เขาไดโกะเรียบร้อยแล้ว」

 

 

「เรื่องนั้นก็คงต้องบอกว่าสมกับเป็นคาการิจริงๆ อย่างที่คิดเอาไว้ ทว่าเฮียเรื่องแบบนี้เราไม่ควรจะพูดต่อหน้าคนนอกนะ」

 

 

ว่าแล้วโดกะก็หันมามองพวกผมที่กำลังตั้งใจฟังอยู่

 

 

 

ผมก็เลยแสร้งหันไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจ อาซึมะที่มองมายังผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะหันมาทางโดกะแล้วพูดต่อ

 

 

 

「ที่เจ้าพูดมันก็ถูก ทว่าในรายงานมันมีบางอย่างที่น่ากังวลนี่สิ ข้าก็เลยอยากจะมาตรวจสอบดู」

 

 

 

「เรื่องที่กังวล? 」

 

 

「อื้อ ดูเหมือนว่าคาการิจะปกป้องช่วยเหลือ 2 พี่น้องคาซานเอาไว้น่ะ ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวพอเขากลับมาไซโตะเดี๋ยวจะอธิบายอะไรให้ฟังเพิ่มเติมเอง แต่ดูเหมือนจะมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นพวกพ้องของคนเฝ้าประตูบาดเจ็บสาหัส คาการิก็เลยขอให้พวกเราส่งมือดีจากไซโตะไปช่วยดูแลให้เร็วที่สุดน่ะ」

 

 

พอได้ยินคำนี้โดกะก็ทำหน้าบูดบึ้งออกมามันชัดเจนเสียจนไม่ว่าใครก็ดูออก แน่นอนว่ามันไม่ใช่ใบหน้าที่ควรจะแสดงต่อหน้ากษัตริย์ บางทีคงจะเพราะสายสัมพันธ์ของพี่น้องละมั้ง

 

 

ส่วนทางผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรนัก ก็พอจะจับใจความได้ตรงที่ ชายหนุ่มนั่น

 

คนเฝ้าประตูที่ว่าก็คงเป็นตระกูลมิตสึรุกิ เขาไดโกะน่าจะเป็นสถานที่สักแห่งในคิไค ดังนั้นก็หมายความว่ามีพวกธงแห่งผืนป่าเข้ามาที่คิไค

 

 

 

ส่วนเรื่องที่ทำไมอาซึมะถึงเอามาพูดกับพวกผมก็เพราะ คนเฝ้าประตูนั่นลักษณะคล้ายกับคลิมมาก เช่นเขามีผมสีขาว ดวงตาสีแดงคล้ายกับไคลอา

 

 

เอาจริงๆ มันก็เป็นไปได้สูงทีเดียวเพราะคงไม่มีนักรบแห่งผืนป่ามากนักหรอกที่อยู่ในคิไคตอนนี้

 

 

 

ถึงจะน่ากังวลเรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส――แต่แบบนี้ก็เป็นสัญญาณว่าพวกผมอาจจะได้เจอกับอดีตเพื่อนร่วมรุ่นเร็วกว่าที่คิด

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด